Thursday, 19 June 2025
TheStatesTimes

‘รมช.สุชาติ’ ผลักดันแนวคิด ‘ข้าวไทย สู่อาหารโลก’ พร้อมพัฒนาเป็น ‘สินค้าพรีเมียม’ แข่งขันในตลาดโลก

(18 ก.ย. 67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน Thai Rice Networking Forum 2024 ซึ่งเป็นงานที่กรมการค้าต่างประเทศจัดขึ้นต่อเนื่องทุกปี เพื่อส่งเสริมและผลักดันตลาดข้าวไทยและให้ผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าได้มีเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลตลาดค้าข้าวที่มีการเปลี่ยนแปลงไปว่า…

สินค้าข้าวของไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพ และถือว่าเป็นสินค้าพืชเศรษฐกิจหลักสำคัญของประเทศ ที่สร้างรายได้ให้กับชาวนาและรายได้ให้กับประเทศ และการจัดงานครั้งนี้เพื่อเป็นการเชื่อมโยงการค้าข้าว และรับรู้สถานการณ์การค้าข้าวทั่วโลก

นอกจากนี้ นโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ยังต้องการส่งเสริมการค้าการส่งออกข้าวไทยไปต่างประเทศ และข้าวไทยยังเป็นสินค้าส่งออกสำคัญระดับต้น ๆ ของโลก จึงมีความจำเป็นที่ไทยจะต้องรักษาคุณภาพข้าวไทยเพื่อแข่งขันในตลาด ดังนั้น เพื่อต้องการขยายตลาดการค้าข้าวของไทย จำเป็นจะต้องพัฒนาและเพิ่มศักยภาพ มาตรฐานข้าวไทยในตลาดโลกให้ได้ และต้องให้ทันกับโลกสมัยใหม่

“ต้องให้ตลาดหรือผู้นำเข้า เวลาคิดถึงข้าวให้คิดถึงประเทศไทย พร้อมชูข้าวไทย สู่อาหารโลก”

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยจำเป็นจะต้องประชาสัมพันธ์ข้าวไทย เพื่อผลักดันการส่งออก แต่ละปีไทยส่งออกข้าวเฉลี่ยปีละกว่า 8 ล้านตัน และการส่งออกข้าวไทยในปี 2567 นี้มั่นใจว่าไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้ถึง 9 ล้านตัน เพราะผลผลิตของเราในปีนี้เพิ่มขึ้น และอนาคตกระทรวงพาณิชย์มองว่าสินค้าเกษตรของไทยจะต้องพัฒนาให้เป็นสินค้าพรีเมี่ยม เราจะต้องค้าขายไม่เน้นปริมาณ แต่เพื่อคุณภาพที่จะส่งเสริมรายได้ให้กับเกษตรกร

“โดยที่ผ่านมาผมได้มีการประชุมและหารือกับทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายด้านสินค้าเกษตรที่ต้องการยกระดับให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น สินค้าต้องเป็นสินค้าที่ Premium และการสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็น ทุกคนเห็นถึงความสำคัญว่าสินค้าเกษตรไทย ต้องเร่งผลักดัน เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันกับต่างประเทศได้”

สำหรับกรณีปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดที่กระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตร ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบและสร้างความเสียหาย แต่อนาคตรัฐบาลพร้อมที่จะหามาตรการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดโซนนิ่งในการปลูกพืชเกษตรที่ให้ความเหมาะสม โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมจะให้ข้อมูลด้านการตลาด เพื่อผลักดันเพื่อการส่งออกข้าวไทยโต ส่วนความเสียหายพื้นที่นาข้าวอาจจะกระทบผลผลิตและมีผลต่อการส่งออกบ้าง แต่น้อยมาก เพราะเราส่งออกตุนมามากแล้ว และไม่กระทบเป้าส่งออกข้าวไทยทั้งปี 2567

ทั้งนี้ การส่งออกข้าวไทยในปีนี้อยู่ในทิศทางที่ดี โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 (เดือนมกราคม-กรกฎาคม) ไทยส่งออกข้าวแล้วปริมาณ 5.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21.97 และมีมูลค่า 132,396 ล้านบาท (ประมาณ 3,703 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 50.97 เป็นผลมาจากผู้นำเข้าข้าวมีความต้องการนำเข้าข้าว เพื่อใช้บริโภคและเก็บเป็นสต๊อกเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ประกอบกับอินเดียยังคงใช้มาตรการควบคุมการส่งออกข้าว จึงคาดการณ์ว่าในปี 2567 ไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.20 ล้านตัน

สำรวจ 'กลาโหม' ยุค 'บิ๊กอ้วน-บิ๊กเล็ก' สมดุลอำนาจ 'นายใหญ่-เจ้าสัว-บิ๊กแดง'

(18 ก.ย. 67) เป็นไปได้มากว่า ขณะที่ท่านผู้อ่านกำลังอ่าน 'เลียบการเมือง' อยู่นี้...บัญชีรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2567 อาจจะประกาศเผยแพร่เป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนภูมิธรรมแล้วก็ได้...เพราะภูมิธรรม เวชยชัย 'บิ๊กอ้วน' รมว.กลาโหม ได้ตกลงใจ ลงนามแล้วเสนอนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ให้ลงนามเพื่อกราบบังคมทูลฯ ตั้งแต่ 17 ก.ย.

ทุกอย่างเป็นไปตามโผที่ 'บิ๊กอ้วน' หารือกับอีก 6 เสือกลาโหมตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. และ 16 ก.ย. โดยเฉพาะโผแต่งตั้ง 'แม่ทัพน้ำ' หรือ ผบ.ทร. ที่พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.คนปัจจุบัน ท่านยืนยันตีลังกายันว่า ต้องเป็น พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ 'บิ๊กแมว’ ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. ซึ่งแม้ไม่มีกฎหมายห้าม แต่ถือว่าแหวกม่านประเพณี หลักนิยมที่ปกติ ผบ.เหล่าทัพ จะขึ้นมาจาก 5 ฉลามเสือเป็นส่วนใหญ่...

เช่นเดียวกันกับ ผบ.ทบ.คนใหม่...ก็เป็นไปตามที่ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน (บิ๊กต่อ-พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์) เสนอ คือ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ 'บิ๊กปู' เสธ.ทบ.แห่งเตรียมทหารบก (ตท.) รุ่น 26 ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งถึงปี 2570...เท่าเทอมรัฐบาลอุ๊งอิ๊งที่เหลือ...

จะว่าไปฝ่ายเมืองกระทรวงกลาโหมรอบนี้ จะเรียกว่า 'ลงตัวแบบธรรมะจัดสรร' หรือ 'นาย(ทุน)ใหญ่ จัดสรร' ก็น่าจะพูดได้...รมว.เป็น 'บิ๊กอ้วน' สายตรงนายใหญ่ทักษิณ...ส่วน รมช. คือ 'บิ๊กเล็ก' (พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์) โควตาพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ว่ากันว่า...นาย(ทุน)ใหญ่รุ่นใหม่รูปหล่อหนุนช่วยอยู่...

'บิ๊กเล็ก' เป็นน้องเลิฟคนหนึ่งของลุงตู่ เคยเป็นเลขาธิการสมช.ผ่านงานใหญ่มาแล้วหลายงาน...และต้องขีดเส้นใต้สามเส้นว่า เป็นเพื่อน ตท.รุ่น 20 รุ่นเดียวกับ 'บิ๊กแดง' พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ./อดีตรองเลขาธิการพระราชวัง...ที่เพิ่งพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เพราะลาออกจากราชการ...

เป็น 'บิ๊กแดง' คนเดียวกับที่ไปปฏิบัติการภารกิจพิเศษ 'ลังกาวี' เมื่อ 5 พ.ค. 2566

'บิ๊กเล็ก' จะเอาใครมาเป็นเลขาฯ เป็นทีมงาน หรือ 'บิ๊กแดง' จะแอบหนุนช่วย Back up เพื่อนเลิฟอย่างไรไม่เป็นที่เปิดเผย...แต่สำหรับ 'บิ๊กอ้วน' นั้นเลือกเอานายทหาร ตท.10 เพื่อนเลิฟนายใหญ่อย่าง 'บิ๊กหมี' พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัศมี มาเป็นเลขานุการรมว.และได้จัดสตาฟทีมงานทั้งที่เป็นเพื่อนนายใหญ่และนายทหารรุ่นใหม่ นักวิชาการด้านความมั่นคงมาช่วยงานอีกเพียบ...

ฟังการให้สัมภาษณ์ต่างกรรมต่างวาระเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร เรื่องการบ้าน-ภารกิจในกระทรวงกลาโหมแล้ว ก็พอจะกล่าวได้ว่า 'สหายใหญ่' ภูมิธรรมนั้นไม่ธรรมดา...รู้โจทย์ รู้ทิศทางลม ในยุคผสมผสานอำนาจและการข้ามขั้วเปลี่ยนผ่าน แบบพิสดาร โอนลี่ไทยแลนด์...

ที่บางฝ่ายตั้งโจทย์ด้วยความห่วงกังวล...นายใหญ่ถูกกองทัพรัฐประหารมา 2 ครั้ง เมื่อปี 2549 และ 2557 วันนี้เป็นโอกาสทองที่นายใหญ่...สหายใหญ่จะได้เวลาเอาคืนหรือสอนสั่งนั้น...อาจจะ 'เยอะ' ไปหน่อย...ต้องไม่ลืมว่าบ้านเมืองเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ กองทัพกับสถาบันนั้นยากจะแยกออกจากกัน...อย่างน้อย 'บิ๊กแดง' ที่สังเกตการณ์อยู่ คงไม่ปล่อยทุกอย่างเลยธง...

อนึ่ง สายข่าวรายงานมาว่า...เมื่อ 17 ก.ย. วันที่ 'นายอิ๊งค์', 'บิ๊กอ้วน' และคณะยกทีมกันไปร่วมงานนักศึกษา วปอ.66 แถลงผลงานที่สถาบันป้องกันประเทศนั้น ตอนท้ายของงาน 'ขุนศึกโต' พล.ต.ดร.อลงกรณ์ แสงทอง นักทอล์กลายพราง ขึ้นเวทีไปทอล์กตบท้าย ทำเอาใครหลายคนแอบสะดุ้งลึก ๆ เพราะตบท้ายด้วยบทกลอนพระองค์ดำ...ความว่า...

"ถ้ามึงรักภักดี พลีต่อชาติ
มึงจะคลาดแคล้วภัย ใดใดสิ้น
ถ้ามึงชั่วเลวร้าย ขายชาติกิน
มึงจะสิ้นชีพม้วย ด้วยดาบกู"

'ไอซ์' อึ้ง!! พม่าครองตลาดบางบอน จี้!! บังคับใช้กฎหมาย-เก็บภาษีให้คุ้ม

(18 ก.ย. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดให้สมาชิกการหารือปัญหาต่าง ๆ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) หารือปัญหาชาวเมียนมาในพื้นที่ ว่า ในเขตของตน มีตลาดพม่า-บางบอน ซึ่งมีคนไทยและเมียนมาตั้งแผงขายของ

มีแรงงานเมียนมา มาใช้บริการจำนวนมาก ถึงขนาดเรียกลูกค้ากันเป็นภาษาพม่าทั้งตลาด มีป้ายโฆษณาเป็นภาษาพม่าทั้งหมด ซึ่งตนได้รับการร้องเรียนของคนในพื้นที่ ว่า มีแรงงานพม่าเป็นเจ้าของแผง ซึ่งเป็นอาชีพต้องห้ามสำหรับแรงงานต่างด้าว

“เมื่อไปลงพื้นที่ ดิฉันถามแม่ค้าคนไทยที่ขายของว่า แผงที่แหกปากตะโกนเป็นภาษาพม่าเป็นเจ้าของแผงหรือลูกจ้าง คนไทยบอกว่าไม่กล้าตอบ เพราะตอบแล้วกลัวจะเดือดร้อน นี่มันตลาดหรือแหล่งซ่องสุมอะไร ทำไมคนไทยจะตอบคำถามแค่นี้ยังต้องกลัว” น.ส.รักชนก กล่าว

น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เมื่อเดินไปยังพบว่ามีป้ายห้ามถ่ายรูป ทำไมต้องขออนุญาตก่อน เพราะตลาดทั่วไปก็ต้องอยากที่จะโปรโมต ตนโทรศัพท์ไปสอบถามเพราะจะถ่าย Vlog ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ และแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแล้ว ก็พบการกระทำผิดอยู่เนือง ๆ แต่กลายเป็นว่าแทนที่จะบังคับใช้กฎหมาย กลับมารีดไถเก็บส่วย

“ประชาชนเล่าให้ดิฉันฟังว่า เจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้เข้ามาส่วนใหญ่จะเข้ามารีดไถ เก็บส่วย มาไถทองคนพม่า มาไถแหวน ไถตุ้มหู ไถสร้อย ถ้าไม่ถอดให้ก็จะเดือดร้อน มีการข่มขู่สารพัด การกระทำที่อุกอาจทั้งหมดนี้ เป็นจุดตรวจสอบ สน.บางขุนเทียน ดิฉันอยากให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ…

“ดิฉันไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน แต่ถ้าผิดกฎหมายก็ต้องจัดการ การที่ภาครัฐปล่อยปละละเลย คนไทยต้องอยู่แบบตั้งคำถามว่าจะจัดการกี่โมง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาบังคับใช้กฎหมายด้วย อยากให้จัดเก็บภาษีให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้คุ้มกับการมาใช้ทรัพยากรบ้านเรา” น.ส.รักชนก กล่าว

‘นายกฯ’ ชื่นชมกองทัพ เป็นที่พึ่งของประชาชนยามทุกข์ยาก พร้อมส่งกำลังใจให้กำลังพลปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย

(18 ก.ย. 67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชื่นชมกองทัพเป็นที่พึ่งของประชาชน โดยเฉพาะยามเกิดภัยพิบัติกองทัพได้นำกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างทุ่มเท เต็มกำลังความสามารถและอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่า กองทัพอยู่เคียงข้าง ไม่ทอดทิ้งประชาชน

นายกฯ กล่าวว่า จากรายงานกองทัพได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนสถานการณ์คลี่คลายทั้งในพื้นที่ จ.เชียงราย, น่าน, หนองคาย, เลย, บึงกาฬ, นครพนม, ราชบุรี, อุบลราชธานี และ จ.กาฬสินธุ์ โดยได้ทำการช่วยเหลือประชาชน ดังนี้... 

1.ช่วยเหลือประชาชนล้างทำความสะอาด ดินโคลน (บ.เล่าลิ่ว ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย) 

2.ลาดตระเวนป้องกันอาชญากรรม เฝ้าระวังความปลอดภัยดูแลทรัพย์สินประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย (แม่สาย เชียงราย) 

3.ติดตั้งชุดประปาสนาม ผลิตน้ำประปาชั่วคราว 4 แห่ง ให้ประชาชนเชียงรายคลายความเดือดร้อน

4.ฟื้นฟู/ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัย (รร.บ้านปอน ต.ปอน อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน) 

และ 5.ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่หนองคาย กรอกกระสอบทราย และนำกระสอบทรายไปวางเพื่อเสริมแนวกั้นป้องกันมวลน้ำโขง เพื่อจัดทำพนังกั้นน้ำ (บ้านปากมาง ม.12 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย)

“ขอเป็นกำลังใจให้กองทัพและกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ขอให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง บนพื้นฐานความไม่ประมาท คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก” นายกฯ เน้นย้ำ 

เปิดตัวชุดประจำชาติ 'โอปอล สุชาตา' ใน MUT 2024 แรงบันดาลใจจาก 'สมเด็จพระมหาเทวีศรีสุริโยไท'

(18 ก.ย. 67) มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 เปิดตัวชุดประจำชาติ (National Costume) ‘สยามมานุสตรี’ ของ ‘โอปอล สุชาตา ช่วงศรี’ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 ตัวแทนสาวไทยในการเข้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2024 ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

โดยในปีนี้ทางกอง TPN ตัดสินใจเลือก ชุดสยามมานุสตรี ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากพระราชพงศาวดารกล่าวถึง ครั้งสมเด็จพระมหาเทวีศรีสุริโยไท ทรงกระทำยุทธหัตถีกลางสมรภูมิอย่างหาญกล้า ทรงเป็นวีรสตรีที่ละพระชนม์ชีพเพื่อเป็นตัวแทนปกป้องบ้านเมือง นี่คือตัวอย่างของพลังที่ไร้ขีดจำกัดของผู้นำหญิงของไทยที่มีมาแต่โบราณ ตอกย้ำความสามารถในการเป็นผู้นำด้วยความหาญกล้าของหญิงไทย นำมาสู่แรงบันดาลใจในการออกแบบชุดสยามมานุสตรี โดยใช้เทคนิคงานหัตถศิลป์ชั้นสูง รวมถึงงานประดับปีกแมลงทับอันวิจิตรบรรจงรวมผู้เชี่ยวชาญและครูช่างครบทุกแขนง นับเป็นความภาคภูมิใจและพลังในการขับเคลื่อนงานศิลปาชีพของไทยสู่สายตาชาวโลก

ซึ่งเป็นชุดที่โอปอลสวมใส่ขึ้นอวดความสวยอลังการในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 และเป็น 1 ใน 10 ชุดที่ดีที่สุดในรอบการประกวดดังกล่าว ผลงานการออกแบบโดย คุณบุหลัน ปั้นบรรจง ร่วมสร้างสรรค์โดยสมาคมภริยาช่างสิบหมู่

ย้อนชมชุดประจำชาติในยุคของ TPN Global

ปี 2023
‘ชุดเทวสตรี ศรีอโยธยา’ ได้รับแรงบันดาลจากรูปปั้น ‘พระแม่ธรณี’ ในช่วงยุคอยุธยาที่สามและสี่ของอาณาจักรสยามที่มีอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 14 ถึง 18 

แม่ธรณีในประวัติศาสตร์พุทธไทย ถูกนับถือเป็นอย่างสูงและได้รับบูชาตลอดประวัติศาสตร์ไทย กล่าวถึงความเชื่อว่าตั้งอยู่ในดินแดนที่ทรงพระพรมความอุดมสมบูรณ์และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เป็นแทนความสำคัญของธรรมชาติต่อมนุษย์และแสดงถึงการปกป้องดินและความรุ่งเรืองของมันที่คนไทยเก็บไว้ในใจ ประดับประดาเครื่องแต่งกายด้วยเครื่องประดับ ที่ถูกสร้างให้เหมือนกับรูปปั้นจากอาณาจักรอยุธยา จิวเวลรีรวมกับการใช้ลวดเส้น และใช้สีหินและพลอยคำที่มีค่าเพื่อสอดคล้องกับข้อมูลธรณีวิทยาที่บันทึกไว้จริงจากสมัยนั้น ออกแบบโดย คุณกมลรส ทูลภิรมย์ จากห้องเสื้อทรงเสน่ห์ผ้าลายอย่าง

ปี 2022
‘ชุดสงกรานต์เทวี’ สัญลักษณ์ของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากนางสงกรานต์ ประจำปี 2566 ‘นางกิมิทาเทวี’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพธิดาทั้งเจ็ดของท้าวกบิลพรหม

ลวดลายของชุดได้แรงบันดาลใจมาจากหัตถศิลป์ หัตถกรรม ผ้าทอโบราณ ผ้าทอลายน้ำไหล ประดับตกแต่งด้วยงานปัก ลูกปัด คริสตัล เลื่อม และขวดน้ำที่เหลือใช้จากการบริโภค นำมาประยุกต์ให้มีความทันสมัย พร้อมขันเงินที่ทำโดยช่างฝีมือคนไทย สื่อถึงการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การเล่นน้ำ หรือใช้ในชีวิตประจำวัน แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความประณีตสร้างสรรค์ รวมถึงสะท้อนให้เห็นถึงความสุข ความรัก ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความงดงามที่สืบทอดต่อกันมาอย่างช้านานอีกด้วย ออกแบบโดย คุณแชมป์ พีรณัฐ วิริยะ ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ Ciqure

ปี 2021
‘ชุดนางคาด’ แรงบันดาลใจมาจากพลังเลือดนักสู้ในตัวหญิงสาว ผ่านรูปแบบศิลปะการต่อสู้ไทยโบราณอย่างมวยคาดเชือก ประยุกต์ให้เข้ากับความเป็นสากล ดุจดังพลังความหาญกล้า ผสมความงามของหญิงสาว ผ่านเส้นเชือกที่ร้อยต่อถักทอประดับโลหะคาดไปกับหมัดและร่างกายของสาวงาม เป็นพลังสำคัญที่จะประกาศให้ทั้งโลกได้เห็นถึงวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์และพลังนักสู้ของคนไทย 

ไม่เพียงเท่านั้นนางคาดยังแสดงให้คุณเห็นว่านางงามว่าเป็นได้มากกว่าภาพลักษณ์ที่สวยงาม อีกนัยสำคัญของคำว่า ‘คาด’ คือการนำพลังใจจากคนไทยทั้งประเทศเรียงร้อยรวมกันอย่างเหนียวแน่น เพื่อส่งใจเชียร์ตัวแทนสาวไทยอย่างแอนชิลี ผลงานออกแบบโดย คุณจาตุรณ แร่เพชร ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศในการออกแบบชุดประจำชาติ จากบรรดาดีไซเนอร์ที่ส่งแบบเข้าประกวดกว่า 200 ชุดบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2021

ปี 2020
‘ชุดไตรรงค์อนงค์นาถสุพรรณมัจฉา’ หรือ ชุดปลากัดไทย แรงบันดาลใจมาจากนางสุพรรณมัจฉา นางในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ โดยได้นำความงามสง่าของนางสุพรรณมัจฉาแต่ปรับโฉมออกมาให้เป็นความงามของปลากัดไทย สัตว์น้ำประจำชาติที่ทรงคุณค่าและมีสีสันสวยงาม เสริมความโดดเด่นด้วยสีสันของธงไตรรงค์ลงบนครีบอันพลิ้วไหว 

ซึ่งลวดลายดังกล่าวเป็นลายเสมือนจริงของปลากัดหางสั้นลายธงชาติ ที่ขึ้นชื่อว่ามีราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ไทย ที่รู้จักกันในนามเจ้าไตรรงค์ ออกแบบโดย คุณอัครัช ภูษณพงษ์ หรือ อาร์ทอัครัช เนรมิตศิลป์ นักออกแบบชุดประจำชาติบนเวทีนางงาม ที่มีผลงานประจักษ์มาแล้วหลายเวที

ปี 2019
‘ชุดผีตาโขน’ แรงบันดาลใจมาจากเอกลักษณ์ท้องถิ่นอย่างประเพณีผีตาโขน ของอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย นำเสนอลวดลายผ้าของภาคอีสาน ผ่านกระบวนการปักหลายเทคนิคเพื่อให้ความรู้สึกตระการตา ตัวชุดมีการนำวัสดุเหลือใช้อย่างเช่น ถุงก๊อปแก๊ปหลากสี ช้อนพลาสติก ขวดน้ำอัดลมพลาสติกสีเขียว เชือกฟาง หลอดดูดน้ำ ตะกร้าพลาสติกที่พังแล้ว ลูกโป่ง และพรมเช็ดเท้าสานแบบบาง มาเพิ่มคุณค่าในรูปแบบของงานศิลปะรีไซเคิล 

ซึ่งได้รับร่วมแรงร่วมใจกันจัดหาของกลุ่มแฟนนางงาม ตัวหน้ากากผีตาโขน ถูกออกแบบให้มีความสูงอยู่ที่ระดับ 2.5 เมตร จุดเด่นให้ครอบศีรษะลักษณะคล้ายหวดนึ่งข้าวเหนียว ใบหน้ายาว จมูกโค้งงอ ตกแต่งความงามให้สื่อถึงความบันเทิงและสนุกสนาน ออกแบบโดย คุณอลงกรณ์ กองอิน ผู้ชนะเลิศจากการแข่งขันประกวดชุดประจำชาติในโครงการ ความเป็นไทยร่วมสมัยที่ฟ้าใสจะใส่ไปคว้ามง

ซึ่งทั้ง 5 ชุดประจำชาติ ในปี 2019-2023 ซึ่งอยู่ในยุคของ TPN Global ยังไม่เคยมีชุดไหนได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ดังนั้น ‘ชุดสยามมานุสตรี’ ที่ ‘โอปอล สุชาตา ช่วงศรี’ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 จะสวมใส่ขึ้นในรอบ National Costume ในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2024 ครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งความหวังของแฟนนางงาม ว่าประเทศไทยจะสามารถคว้ารางวัลมาได้ หลังจากที่ตัวแทนสาวไทย ‘แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์’ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 เคยคว้ามาได้จาก ‘ชุดตุ๊กตุ๊ก ไทยแลนด์’

'สุริยะใส' แง้ม!! 'อดีต 3 บิ๊ก' คิดตั้งพรรคสู้ 'ปชน.' ชี้!! มีความเป็นไปได้ แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย

(18 ก.ย. 67) ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์เฟซบุ๊กในประเด็นที่น่าสนใจเรื่อง ‘อดีต 3 บิ๊กคิดตั้งพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ VS พรรคประชาชน ความเป็นไปได้และข้อท้าทาย’

ตามที่มีข่าวมีความพยายามของอดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย บางคนเตรียมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในแนวทางอนุรักษ์นิยมใหม่ เพื่อต่อสู้กับกระแสความนิยมของพรรคประชาชนอย่างพรรคด้อมส้ม นั้น อาจดูเป็นความคิดที่น่าสนใจแต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายหลายด้าน

ความเป็นไปได้

การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในไทยนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความสามารถในการดึงดูดความสนใจของประชาชน การสร้างความเชื่อมั่น และการนำเสนออุดมการณ์ที่ชัดเจน สำหรับแนวทางอนุรักษ์นิยมใหม่สามารถดึงดูดผู้สนับสนุนที่ไม่พอใจกับทิศทางการเมืองในปัจจุบัน และคนที่อยากเห็นความมั่นคงและความเป็นระเบียบในสังคม

นอกจากนี้ ความสำเร็จยังขึ้นอยู่กับการดึงดูดฐานเสียงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มที่รู้สึกว่าพรรคการเมืองปัจจุบัน ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้

ข้อท้าทาย

1.กระแสการเมืองปัจจุบัน: พรรคด้อมส้มหรือพรรคประชาชนที่มีแนวคิดก้าวหน้าได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ การที่จะตีโต้กับกระแสนี้จะต้องมีการเตรียมพร้อมในการตอบสนองต่อความต้องการและความกังวลของกลุ่มคนที่อาจมองว่าแนวคิดอนุรักษ์นิยมไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

2.การสร้างภาพลักษณ์: การที่กลุ่มผู้ก่อตั้งเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในภาครัฐบาล การทหาร และการตำรวจ อาจจะทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นพรรคที่ยึดติดกับอำนาจเก่า ซึ่งอาจทำให้ยากในการดึงดูดคนรุ่นใหม่หรือกลุ่มที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงและต้องแยกให้ออกระหว่างอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมใหม่ (Neo Conservative) กับอนุรักษ์นิยมดั้งเดิม (Traditional Conservative)

3.การแข่งขันกับพรรคเก่า นอกเหนือจากพรรคประชาชนและกระแสด้อมส้มแล้ว ยังมีพรรคอนุรักษ์นิยมเก่าที่มีฐานเสียงแข็งแกร่งอยู่แล้ว เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้าชาติ หรือพรรคภูมิใจไทย แม้พรรคเหล่านี้พยายามจะปรับภาพลักษณ์เป็นอนุรกษ์นิยมใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร การแข่งขันกับพรรคเหล่านี้จะเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในการแย่งชิงฐานเสียง

4.ความซับซ้อนของระบบการเมือง การเมืองไทยเป็นระบบที่ซับซ้อน มีความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมือง ข้าราชการ และกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่ การที่จะเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ในเวทีนี้ จึงจำเป็นต้องมีความชำนาญและความสัมพันธ์ที่ดีกับหลายฝ่าย ในขณะเดียวกันต้องอธิบายและสะท้อนประโยชน์ให้กับสาธารณะได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งได้แต่โตไม่ง่าย

การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีการวางแผนอย่างละเอียด และการประเมินสภาพการเมืองในปัจจุบันอย่างแม่นยำ พรรคที่ก่อตั้งใหม่จะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนและสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้

ทั้งนี้ ความสำเร็จยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการสื่อสารกับประชาชน การตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มต่าง ๆ และการสร้างความเชื่อมั่นในนโยบายและผู้นำที่มี Leadership ตอบโจทย์ทันสมัยการเปลี่ยนแปลง

สรุปแล้ว การตั้งพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่นั้นมีความเป็นไปได้ แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายที่จะต้องเผชิญและแก้ไขในหลายด้าน ที่สำคัญไม่ใช่แค่ทำพรรคอนุรักษ์นิยมแนวใหม่เพียงเพราะต้องการขวางการเติบโตของพรรคประชาชนเท่านั้นแต่ต้องเป็นทางเลือกใหม่ที่ทำได้และเป็นไปได้มากกว่า

‘หลานม่า’ หนังครอบครัวน้ำตาซึม สะท้อนภาพวัฒนธรรมไทย-จีน ครองใจผู้ชมทั่วเอเชีย ขึ้นแท่นหนังทำเงินสูงของไทย ปี 2024

(18 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘หลานม่า’ ภาพยนตร์ไทยเนื้อหาสุดซึ้งกินใจผู้คนจนมีชื่อเสียงโด่งดังและกวาดรายได้มหาศาลตั้งแต่เข้าฉายในแผ่นดินใหญ่ของจีนเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยสามารถทำรายได้มากกว่า 100 ล้านหยวน (หรอืประมาณ 500 ล้านบาท) และมีเรตติงอยู่ที่ 8.9 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนนจากผู้ชมภาพยนตร์กว่า 140,000 คนบนเว็บไซต์โต้วป้าน (Douban) แหล่งรวมรีวิวและคำวิจารณ์ภาพยนตร์สัญชาติจีน

นอกจากจะประสบความสำเร็จในจีนแล้ว ภาพยนตร์เรื่องหลานม่ายังได้รับความนิยมไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขึ้นแท่นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุดของไทยในปี 2024 และเป็นภาพยนตร์ไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

‘หลานม่า’ ภาพยนตร์ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่อาสาขอดูแลยาย (อาม่า) ของตนที่ป่วยหนักในฐานะ ‘หลานชายที่แสนกตัญญู’ เพื่อหวังที่จะเป็นผู้ได้รับมรดกของยาย ทว่าสุดท้ายกลับพบคุณค่าที่แท้จริงของความสัมพันธ์ในครอบครัว

ผู้ชมชาวจีนส่วนมากพบว่าครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเลแต้จิ๋วที่ปรากฏในหนังเรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกับครอบครัวของตน ทำให้พวกเขามีอารมณ์ร่วมไปกับภาพยนตร์จนน้ำตาซึม และนำมาสู่การถกเถียงเกี่ยวกับจริยธรรมของครอบครัวและปัญหาทางสังคมในวงกว้าง

‘พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์’ ผู้กำกับและผู้ร่วมเขียนบทของภาพยนตร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เราทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี สิ่งนี้อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ ‘หลานม่า’ ได้รับความนิยมและเข้าถึงผู้คน

‘หลานม่า’ เป็นผลงานภาพยนตร์เกี่ยวกับครอบครัวชิ้นแรกของพัฒน์ โดยในตอนเริ่มแรกบทภาพยนตร์นี้เขียนขึ้นโดยอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนบทอีกหนึ่งคนที่ต้องดูแลย่าที่ป่วยในตอนที่ตนยังเป็นเด็ก ซึ่งผู้เขียนบททั้งสองคนได้ใช้เวลาถึง 2 ปีในการขัดเกลาบทภาพยนตร์ พร้อมเพิ่มรายละเอียดที่อ้างอิงจากผู้คนและเหตุการณ์จริงมากขึ้น

สำหรับพัฒน์ ผู้กำกับซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-จีน เปิดเผยว่าการสร้างภาพยนตร์โดยอิงจากองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่สั่งสมมาตั้งแต่รุ่นยายของเขา และสามารถนำภาพยนตร์มาเข้าฉายในจีนที่ซึ่งผลตอบรับของผู้ชม ‘เกินความคาดหมาย’ นั้นล้วนเป็นประสบการณ์ที่แสนพิเศษสำหรับเขา

ด้านทรงพล วงษ์คนดี ผู้อำนวยการฝ่ายขายและธุรกิจต่างประเทศของจีดีเอช 559 (GDH 559) ซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดังเรื่องนี้ ระบุว่าการที่หลานม่าได้รับความนิยมในจีน เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จในการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของไทย โดยตลาดพลู ซึ่งเป็นตลาดในเขตธนบุรีของกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้กลายมาเป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวแล้วในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ทรงพลยังหวังว่าผู้บริโภคชาวจีนจะเข้าใจภาพยนตร์ไทยมากขึ้นผ่านโอกาสในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นใบเบิกทางให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในตลาดวัฒนธรรมที่กว้างกว่าเดิม

หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์และซีรีส์ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติของไทย เปิดเผยว่าไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างชาติที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีทัศนียภาพทางธรรมชาติที่งดงาม อาทิ ชายทะเลและเกาะต่าง ๆ

หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรีเผยว่าไทยและจีนมีความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านภาพยนตร์และวัฒนธรรมอื่น ๆ อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยมีทีมงานภาพยนตร์ชาวจีนเดินทางมาถ่ายทำที่ไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะภาพยนตร์และซีรีส์บางเรื่องที่มีกลิ่นอายของไทยได้รับความนิยมในตลาดขนาดใหญ่ของจีนเช่นกัน พร้อมเสริมว่าภาพยนตร์มีบทบาทสำคัญในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และเราให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับจีนในด้านอุตสาหกรรมนี้

แฉ!! 'ผอ.กศน.' ในสุรินทร์ ไม่เข้าทำงาน นอนกินเงินเดือนอยู่บ้าน ถ้ามีงาน ก็ใช้ลูกน้องหอบแฟ้มเอกสารไปให้เซ็นถึงบ้านพัก

(18 ก.ย. 67) จากเพจ 'ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน' ได้โพสต์ข้อความถึงพฤติกรรม ผอ.ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) หรือ กศน.เดิม รายหนึ่งใน จ.สุรินทร์ ที่ไม่เข้าทำงาน นอนกินเงินเดือนอยู่บ้าน แถมใช้ลูกน้องหอบแฟ้มเอกสารไปให้เซ็นถึงบ้านพัก จนชาวเน็ตวิจารณ์สนั่น ว่าคนแบบนี้เป็นภาระต่อองค์กร ดังนี้...

ผอ.กศน. นอนกินเงินเดือนอยู่บ้าน ที่ทำงานไม่เข้า ทำงานตามอัธยาศัย ผอ.ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) อำเภอศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ หรือ กศน.เดิม นอนกินเงินเดือนสวัสดิการอยู่บ้าน ที่ทำงานแทบไม่เข้า เข้าทีก็เฉพาะตอนประชุมหรือมีงานสำคัญ เดือนละครั้งสองครั้ง

เวลามีเซ็นเอกสารก็ใช้ลูกน้องหอบแฟ้มไปให้เซ็นถึงบ้านพักในตัวเมือง ห่างไปเกือบ 60 กม. งานกิจกรรมนิเทศนักศึกษาใหม่ก็ให้ครูไปทำกันเอง รักษามาตรฐานนี้มาตั้งแต่ช่วงโควิดปี 2019 จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังโพสต์เพิ่มเติมถึงกรณี ผอ.รายนี้ อีกว่า "เป็นคนสปอร์ต เวลานาย ๆ มาตรวจดูแลปรนนิบัติดี ทำถึง เหล้ายา ปลาปิ้งไม่อั้น เป็นน้องรักของบรรดานาย ๆ แบ็คดีก็เลย WFH ไม่อั้น ผอ.กศน. ...... จ.สุรินทร์" และ "สมัยอยู่ประจำสำนักงาน ก็กระทำเป็นสหายสุราในที่ทำงานและบ้านพัก ลูกน้องไม่อยากร่วมวงก๊งแก้ว ก็มีกริ้วมีแกล้ง"

เปิดกล้องวงจรปิดถึงกับขนลุก!! พนักงานเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวให้ใคร ด้านชาวเน็ตแซว!! ลูกค้าจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวให้หรือยัง?

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อก @aunudon โพสต์คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด จับภาพขณะที่เด็กเสิร์ฟคนนึงกำลังให้บริการลูกค้า โดยพนักงานคนอื่นต่างงุนงงกันว่าเสิร์ฟใครกัน? เพราะที่โต๊ะนั้นทุกคนไม่เห็นใครเห็นคนนั่งอยู่ พร้อมระบุแคปชันว่า “เห็นอยู่คนเดียว” นั้น 

ล่าสุด (18 ก.ย. 67) คุณพลอย พนักงานเสิร์ฟในคลิปดังกล่าว ได้เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ถึง 15.00 น. ของวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นช่วงชุลมุนของร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี โดยตอนนั้นมีพนักงานอยู่ในร้านทั้งหมด 4 คน ตนซึ่งเป็นหนึ่งในนั้น เห็นลูกค้าผู้หญิงคนนึง ใส่เสื้อสีขาว ทรงเซอร์ ๆ หน่อย อายุประมาณ 40 ปีต้น ๆ เดินเข้ามาในร้านตามปกติ แต่ลูกค้าคนดังกล่าวไม่พูดไม่จาอะไร เพียงแค่กวักมือเรียกพนักงาน ตอนนั้นตนกำลังก้มปิดแก๊สอยู่ ก็แปลกใจว่าทำไมพนักงานคนอื่นที่นั่งอยู่ข้างกันถึงไม่ไปรับออเดอร์ ราวกับว่าไม่มีใครเห็นลูกค้าคนนี้ มีแค่ตนเห็นคนเดียว

ตนจึงเป็นคนเดินเอาเมนูไปวางที่โต๊ะให้ลูกค้าคนดังกล่าว ระหว่างรอให้เขาเขียนเมนู ตนก็เดินไปเอาของข้างหลังร้าน พอกลับมาที่หน้าร้านอีกที ก็ยังคงไม่มีใครเอาน้ำมาเสิร์ฟ ลูกค้าก็ไม่พูดอะไรแต่เอามือจิ้มว่าต้องการน้ำเก๊กฮวย ตนจึงไปเสิร์ฟให้ ในตอนนั้นพนักงานอีก 3 คนก็เริ่มงงว่าตนเสิร์ฟให้ใครแต่ก็ยังไม่ได้ถามอะไร คิดว่าลูกค้าคงไปเข้าห้องน้ำอยู่

จากนั้นตนก็เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ เมื่อคิดว่าลูกค้าคงเขียนเมนูเสร็จแล้ว จึงเดินไปรับเมนู เห็นว่าลูกค้าติ๊กเมนูเป็นเส้นเล็กน้ำ ตนก็ไปทำออเดอร์มาเสิร์ฟให้ตามปกติ แต่กลับมาอีกที ลูกค้าไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว ตนก็คิดแค่ว่า ทำไมเขาไม่มากินสักที เส้นจะอืดไหม

หลังจากนั้นตนก็เริ่มถามคนอื่นกันว่า ลูกค้าไปไหน ลูกค้าเข้าห้องน้ำหรือเปล่า แต่พอหาที่ห้องน้ำไม่เจอ ตอนนั้นตนเริ่มรู้สึกทะแม่งเพราะพนักงานคนอื่นยืนยันว่าไม่เห็นลูกค้าคนดังกล่าวตั้งแต่แรก ตนจึงคิดแล้วว่าลูกค้าคนนี้คงไม่ใช่คน พอเอาเมนูมาดูอีกที เมนูที่เห็นว่าติ๊กสั่งตอนแรกก็ว่างเปล่า ตนจึงให้เถ้าแก่ที่ร้านลองเปิดกล้องวงจรปิดดู ปรากฏว่าไม่เห็นมีใครนั่งที่โต๊ะดังกล่าวเลย มีเพียงตนที่ยืนพยักหน้ารับออเดอร์อยู่คนเดียว

คุณพลอย เล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยเจอเหตุการณ์ลี้ลับแบบนี้ในรูปแบบเสียงเฉย ๆ เพิ่งเคยเจอแบบเป็นตัวเป็นตนมาหาโดยตรงขนาดนี้ครั้งแรก ซึ่งในวันนั้นก็เป็นวันโกนด้วย แต่เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางวันปกติ ลูกค้าคนอื่นก็อยู่เยอะ ตนคิดในแง่ดีว่าเขาคงจะมาให้โชค เหมือนเขาหิวข้าวมาขอข้าวกิน และเขาก็มาดีไม่ได้มาทำร้ายอะไรเรา ตนก็เหมือนได้ทำบุญไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีทั้งคนที่มองว่าเป็นเรื่องลี้ลับ บ้างก็ว่าพนักงานเสิร์ฟคนดังกล่าวเป็นผู้มีบุญ เขาถึงมาขอให้ช่วยบรรเทาความหิว ส่วนชาวเน็ตอีกกลุ่มก็มีการแซวตามประสา เช่น เค้าได้จ่ายเงินให้ไหม อยากเห็นตอนรับเงิน

‘อัครเดช-รวมไทยสร้างชาติ’ ค้าน ร่างกม.วินัยการเงินฯ จากฝ่ายค้าน ชี้!! ไม่รัดกุม-ขาดรายละเอียด หวั่นทำลายความคล่องตัวใช้จ่ายเงิน

(18 ก.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่า หนึ่งในนโยบายหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติคือการจัดการกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันโดยเด็ดขาด ดังนั้นทางพรรคจึงเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการตรวจสอบเงินนอกงบประมาณเพื่อให้เกิดความโปร่งใส พร้อมทั้งใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และปราศจากการทุจริตตามนโยบายของทางพรรค 

จากข้อมูลล่าสุดเงินนอกงบประมาณมีประมาณ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือที่เรียกว่าเงินในงบประมาณ โดยเงินนอกงบประมาณนั้นมีที่มาจากเงินบริจาค เงินบำรุงหน่วยงานต่าง ๆ เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ เป็นต้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจสอบเงินนอกงบประมาณ 

อย่างไรก็ดี ร่างกฎหมายฉบับนี้ที่ถูกเสนอมามีทั้งหมด 7 มาตรา มีเนื้อหาที่สำคัญคือการดึงเงินนอกงบประมาณเข้าสู่กระทรวงการคลังต้องปฏิบัติตามขั้นตอนปกติ ผ่านการออกเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งจะสูญเสียความคล่องตัวในการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ 

ดังนั้น เงินนอกงบประมาณจึงเป็นสิ่งที่พึงเก็บรักษาไว้ในการใช้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหรือมีเหตุฉุกเฉินที่มีผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากหลายหน่วยงานภาครัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ความคล่องตัวในการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล โรงเรียนขนาดเล็ก และอีกหลายหน่วยงาน โดยเงินนอกงบประมาณดังกล่าวในปัจจุบันจะต้องมีการใช้จ่ายตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบถ้ามีการทุจริตคอร์รัปชันก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมายรวมถึงถูกตรวจสอบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินโดยปกติอยู่แล้ว

การแก้ไขกฎหมายตามร่างฉบับของพรรคฝ่ายค้านในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อหน่วยงานภาครัฐหลาย ๆ หน่วยงานอย่างกว้างขวางเกิดผลกระทบอย่างมหาศาลต่อพี่น้องประชาชน โดยเมื่อเปรียบเทียบระหว่างประโยชน์และผลกระทบแล้วตนมีความเห็นว่าการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้เป็น ‘การเผาป่าเพื่อหาหนู’

ขอย้ำว่า การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณนั้นในปัจจุบัน มีการตรวจสอบผ่านพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ อาทิ ปปช. สตง. เป็นต้น ดังนั้น ในวันนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีมติไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายที่ขาดรายละเอียดที่ดีในการจัดการเงินนอกงบประมาณในฉบับนี้ของพรรคฝ่ายค้าน

แต่อย่างไรก็ตาม พรรครวมไทยสร้างชาติก็ได้เล็งเห็นปัญหาในส่วนของการตรวจสอบเงินนอกงบประมาณเช่นกัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมาย และคาดว่าจะสำเร็จในเร็ววันนี้ ซึ่งจะช่วยยกระดับการตรวจสอบเงินนอกงบประมาณ โดยไม่ทำให้ความคล่องตัวในการใช้จ่ายของหน่วยงานสูญเสียไป 

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อมีการเสนอกฎหมายโดยพรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top