Saturday, 24 May 2025
TheStatesTimes

‘สาว’ อวดแชตคุยกับ ‘เพื่อนตำรวจ’ ช่วยเคลียร์ค่าปรับ 500 บาท หลังโดนข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก โว!! ใช้งานให้เป็นประโยชน์

เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.67) เพจ ‘Red skull’ โพสต์ภาพสตอรี่ของสาวรายหนึ่ง โดยเป็นแชตที่เจ้าตัวถูกใบสั่งในข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ก่อนที่เจ้าตัวจะพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยบอกว่าตนเองโดนจับ ให้ไปเสียค่าปรับจำนวนเงิน 500 บาท โดยเพื่อนที่เป็นตำรวจได้ตอบกลับไปว่า ให้เอาใบสั่งมาให้ตนเอง ทั้งนี้ สาวเจ้าของโพสต์ได้ระบุข้อความว่า…

“เพื่อนโดนจับหมวก ก็ใช้งานตำรวจให้เป็นประโยชน์ซะเลย“

ทั้งนี้ พบว่ามีชาวเน็ตต่างเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของสาวรายนี้เป็นจำนวนมาก

'กองทัพเรือ' โดยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ช่วยเหลือประชาชน จากอุทกภัย

เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.67) พลเรือโทสมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ สั่งการให้ กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน จัดกำลังพล เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ณ บริเวณ ตลาดเจริญสุข ต.ท่าช้าง อ.เมือง จว.จันทบุรี 

ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ได้กำหนดเป็น "มอตโต้" แนวทางในการปฏิบัติงานของกำลังพลทุกระดับไว้คือ "เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง" Fit for the Future

‘วราวุธ’ วอน!! ปชช. ‘หยุดให้เงินขอทาน’ ชี้!! ยิ่งให้เท่ากับยิ่งหนุนขบวนการ ‘ผิดกฎหมาย’

(23 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อมวลชน นำเสนอข่าว กลุ่มขอทานต่างด้าว 10 กว่าราย มีทั้งเด็กทารกแรกเกิด เด็กเล็ก คนพิการ และผู้เฒ่าผู้แก่ นั่งนอนขวางถนน ขอทานผู้ใจบุญตามจุดต่าง ๆ ในงานวัดชัยมงคลพระอารามหลวง พัทยาใต้ จังหวัดชลบุรี 

และสื่อรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาจัดการ แต่เมื่อทิ้งช่วงไป กลุ่มขอทานต่างด้าวจะกลับเข้ามาในพื้นที่อีก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขอทานต่างด้าวกลุ่มเดิม ๆ ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปทำประวัติ แล้วกลับมาขอทานซ้ำอีก 

เมื่อคืนวันที่ 21 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา ทีมเจ้าหน้าที่ พม. ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน จังหวัดชลบุรี (ศรส.จังหวัดชลบุรี) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองชลบุรี และฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อย สำนักปลัดเมืองพัทยา ลงพื้นที่เพื่อจัดระเบียบผู้ทำการขอทานในเมืองพัทยา 3 แห่ง คือ 

1) วัดชัยมงคลพระอารามหลวง พัทยาใต้
2) บริเวณชายหาดพัทยา และ
3) บริเวณถนนพัทยาสาย 2 

พบผู้ทำการขอทาน ทั้งหมด 11 คน พร้อมผู้ติดตาม ประกอบด้วย คนไทย 3 คน และคนสัญชาติกัมพูชา จำนวน 8 คน โดยมีการนำเด็กมานั่งทำการขอทานด้วย เด็กอายุต่ำสุด 1 ปี 2 เดือน และเด็กอายุสูงสุด 9 ปี

ทีม ศรส.จังหวัดชลบุรี พร้อมทีมสหวิชาชีพได้ดำเนินการสอบประวัติ และทำบันทึกจับกุมตาม พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย 

โดยได้ลงบันทึกประจำวัน ถูกเปรียบเทียบค่าปรับ และผลักดันส่งกลับประเทศต้นทาง 8 รายที่เป็นสัญชาติกัมพูชา และคนไทย 3 ราย ถูกเปรียบเทียบปรับและทำบันทึกตักเตือน พร้อมทั้งจะลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อจะได้ไม่กลับมาทำการขอทานซ้ำอีก

สำหรับผลการดำเนินงานจากระบบฐานข้อมูลจัดระเบียบคนขอทาน ประจำปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึง 30 มิถุนายน 2567 พบผู้ทำการขอทานจำนวนทั้งสิ้น 467 ราย เป็นคนไทย 307 ราย และเป็นคนต่างด้าว 160 ราย โดยมีสัญชาติกัมพูชามากที่สุดถึง 130 ราย รองลงมาเป็นเมียนมา 18 ราย สปป.ลาว 4 ราย จีน 5 ราย และไร้สัญชาติ 3 ราย  

สำหรับจังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่พบขอทานเป็นอันดับ 2 คือจำนวน 39 ราย รองลงมาจากกรุงเทพมหานคร จำนวน 156 ราย รวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ 21 ราย และจังหวัดภูเก็ต 19 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นจังหวัดใหญ่และเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก นับเป็นแหล่งรายได้สำคัญของขอทาน

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ยังมีขอทาน คือ การให้ เมื่อมีผู้ให้ เพราะความสงสาร นำมาซึ่งการมีขอทานในสังคม ซึ่งขอทานมักมีพฤติการณ์ที่น่าสงสาร มีข้อจำกัดด้านร่างกายและจิตใจ มีความพิการ และบางส่วนเกิดกระบวนการค้ามนุษย์ เป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างรุนแรง 

ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำว่าหากพบเห็นขอทาน เราไม่ควรให้เงิน ด้วยความสงสาร เพราะการขอทานเป็นการกระทำผิดกฎหมาย 

หากพบเห็นขอให้พี่น้องประชาชนโทรแจ้งมาที่ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน หรือ ศรส. กระทรวง พม. ผ่านสายด่วน 1300 บริการตลอด 24 ชั่วโมง

‘ดร.สุวินัย’ ชี้!! ช่องทางตีตลาดออนไลน์ใน ‘จีน’ เน้นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ไทย-จีนเลียนแบบได้ยาก

(23 ก.ค. 67) รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ อ้างอิงข้อมูลจากเพจ ‘Kritta Bhokharsathit’ โดยมีเนื้อความระบุว่า…

>> พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ต้องอ่าน : สถานการณ์ล่าสุดของตลาดออนไลน์ในจีน

(1) คนที่ขายดีกำลังขาดทุนหนัก... ตอนนี้ตลาดที่จีนกำลังเข้าสู่ขั้น ‘การแข่งขันโดยสมบูรณ์’ คนขายเก่ง ๆ เต็มไปหมด

คำว่าเก่งคือ เก่งมาก ๆ เก่งจริง ๆ รู้เทคนิคเหมือนกันหมด สินค้าดี ๆ เต็มตลาด ของถูกเต็มตลาด อะไรที่ขายดี อีก 3 วันจะมีของตัดราคามาขายแข่งทันที

Life Cycle ของสินค้าที่ขายดี กำไรสูงจะสั้นลงจนน่าใจหาย แต่ที่แน่ ๆ คือต้นทุนในการผลิต และ ทำการตลาดจะเพิ่มขึ้นแบบน่าใจหาย

คำว่าขายเก่ง ขายได้มาก กลับกลายเป็น ‘กับดัก’ ให้ยิ่งขาดทุน ไม่ขาดทุนได้ไง ต้นทุน R&D สูง
ต้นทุนการตลาดสูงแต่ Margin ต่ำ และมีเวลาให้ทำกำไรแวบเดียว ก่อนที่จะมีสินค้าเหมือน ๆ กันมาขายแข่ง

เวลาคนไทยไปดูงานแล้วตื่นเต้นกับ ‘ยอดขาย’ ของเขา อย่าลืมกระซิบถามด้วยว่า ‘เหลือกำไรมั้ย?’
พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์เก่ง ๆ คนจีนที่ผมรู้จักเริ่มถอดใจและไปไม่เป็นแล้วกับสถานการณ์นี้ เลิกขายไปหลายคน ที่ยังทนขายเพราะไม่รู้จะไปทำอะไรกิน

(2) Loud Budgeting (เทรนด์อวดความประหยัด) กำลังกู่ก้อง ลูกค้า gen Y คนจีนประกาศชัดเจนว่า…

"ฉันต้องรัดเข็มขัดและประหยัดสุด ๆ"

"ฉันจะใช้จ่ายน้อยที่สุดและเท่าที่จำเป็น"

ลูกค้าจะใช้เวลาในการหาสินค้าที่จำเป็น และเปรียบเทียบมากขึ้น เพราะต้องมั่นใจว่า ‘ซื้อคราวนี้ต้องคุ้มค่าเงิน’ จะใช้เวลาในการแสวงหาโปรโมชั่นและส่วนลด แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

แม่ค้าที่อยากได้ลูกค้าก็จะทุ่มลดราคา ออกโปรโมชั่น เพื่อดึงลูกค้า เจ้านี้ทำได้ เจ้านั้นก็ทำมั่ง ทำจนตลาดพัง ไม่เหลือกำไร

(3) ถึงยุคที่ Platform กลายเป็น ‘เจ้าพ่อ’ หลังจากที่เล่นบท 'คนดี' ลดแลกแจกคูปองมานาน ผลาญเงินไปมหาศาล วันนี้ก็มาถึงเสียทีที่จะเอาคืน

เมื่อลูกค้า ‘ชิน’ กับการหาซื้อของดี ๆ ราคาถูก ๆ จาก Platform และ enjoy กับ ความสนุกสนานต่าง ๆ ที่ Platform มีให้ เหมือนฝูงปลาที่หลั่งไหลมารวมกันมากมายมหาศาล 

Platform ที่รู้ว่าชั้นมีแหล่งปลาที่ดี มีปลาจำนวนมาก ก็เริ่มหากำไรจาก ‘นักตกปลา’ ไม่ว่าจะเป็น

- การขึ้นค่าเบ็ด = ค่า GP 
- ขึ้นค่าถัง = ระบบโลจิสติกส์ 
- ขึ้นค่าตู้แช่  = ระบบ warehouse

ทุก Platform ใหญ่ของจีน ไม่ว่าจะเป็น โต่วอิน และ JD จะมีระบบโลจิสติกส์ และคลังสินค้าเป็นของตัวเองทั้งหมด

Platform จะเริ่มออกกฎต่าง ๆ ให้คนขายปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการรับประกันความพึงพอใจ ถ้าลูกค้าใช้แล้ว กินแล้ว แค่ ‘ไม่ชอบ’ ก็คืนของได้ ไม่ต้องมีเหตุผล การรักษาเวลาในการขนส่ง ถ้าใช้เวลาในการส่งเกิน 3 วัน ลูกค้ายกเลิกได้ทุกเมื่อ และอื่น ๆ

ตอนนี้สิ่งที่พ่อค้าแม่ค้า กลัวที่สุดคือ ลูกค้าพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไป ลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้า เพราะ ‘ต้องการซื้อ’ แต่ลูกค้าซื้อสินค้าเพราะ ‘ต้องการเอามาลอง’ ก่อน ซื้อเสื้อมา 20 ตัว ใช้จริง 2 ตัว อีก 18 ตัวคืน และรู้ไหมว่าคนที่รับผิดชอบค่าส่ง ไป-กลับ คือ ‘คนขาย!’ 

สถานการณ์การขายออนไลน์ตอนนี้ พ่อค้าแม่ค้า จึงเหมือนคนที่ต้องหาเงินมาให้ Platform ไปผลิตของดีมา ขายแพงได้แป้บเดียว เดี๋ยวก็โดนตัดราคา ต้องทำตามกฎสารพัด หือมากไม่ได้เพราะลูกค้าอยู่ที่ Platform ดังนั้น ‘การส่งออก’ จึงเป็นทางหนีตายของพ่อค้าแม่ค้าคนจีน คำว่าหนีตาย ไม่ได้หมายถึง ‘มีกำไร’ แต่หมายถึง ‘ขอแค่ได้ทุนคืน’ หรือ ‘ขาดทุนนิดหน่อยได้’

ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมของจากจีนถึงทะลักมาไทย ในเมื่อพวกเขากำลังหนีตาย อย่าพึ่งถามนะว่า พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในจีนจะทำอย่างไร เพราะสถานการณ์นี้ ‘กำลังเกิดขึ้น’ และพวกเขาก็ไม่รู้ว่า ‘จะทำอย่างไรต่อ?’

******
หมายเหตุ : การตลาดแบบฝรั่งที่เราร่ำเรียนกันมาก่อนถึงยุคจีนป่วนโลก เป็นการตลาดแบบไม่ใช่มะม่วงบ่มแก๊ส… ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยสร้าง ผลออกค่อยเก็บกินระยะยาว ถ้าเทรนด์โลกเปลี่ยนก็ค่อยเติมความรู้ ปรับเปลี่ยนกันไป 

แต่การตลาดยุคจีนป่วนโลก เน้น ‘ทุบตลาด’ เน้นสำเร็จอย่างรวดเร็ว ว่องไว เร่งกำลังซื้อขั้นสุดแบบแทบจะรีดกระเป๋าตังค์ลูกค้าออกมา ทั้ง ๆ ที่บางทีไม่ใช่ความต้องการซื้อจริง เป็นเพียง ‘อุปทานหมู่’ รวยเร็ว รวยจริง แต่ตลาดก็พังไว เพราะฝืนธรรมชาติหลายอย่าง
*******

>> KOL / Influ อนาคตเป็นอย่างไร ยังน่าทำไหม? : กรณีศึกษาจากจีน

ต่อไปนี้จะขอเรียก KOL / Influ รวม ๆ ว่า KOL (key opinion leader) ปัจจุบันนอกจาก Platform แล้ว บุคคลที่มีวรรณะในแวดวง eCommerce สูงยิ่ง คือ KOL นี่แหละ เนื่องจากยอดขายในทุก Platform ของจีน ตอนนี้ตกหมด เหลือแต่ โต่วอิน = Tiktok จีน ที่ยังคงสูงเด่นเป็นสง่า

ดังนั้น KOL จึงเป็น วรรณะสำคัญที่จะช่วยสร้างความน่าสนใจ ความสนุกสนาน ความตื่นเต้น ความตื่นตาตื่นใจ เพื่อดึงดูด lead เข้ามาได้ KOL จีนเบอร์ต้น ๆ คิวทองมาก ไม่ง้อลูกค้า และต้องจองคิวก่อน 2  เดือนล่วงหน้า ระดับครีม ๆ พวกนี้  Live ครั้งนึงยอดขายหลายร้อยล้าน (หลายร้อยล้านหมายถึง ‘เคยทำถึง’ แต่ไม่ใช่ ‘ทุกครั้ง’) วันที่ขายได้น้อยก็มี แต่ใครจะสนใจ

ถ้า KOL อย่างคุณไปถึงจุดสูงสุดของปิรามิด คุณจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง แม้แต่ไปไหนมาไหน ลูกค้าจะมีเครื่องบินส่วนตัวไปรับ เรื่องนี้จริง เพราะประเทศจีนกว้างมาก KOL ของจีนจะไม่ Live ไปทุก Platform แต่เขาจะเลือก Live ให้ Platform ใด Platform หนึ่ง เช่น โต่วอิน ไค้วโซ่ว JD (เริ่มมี live) etc.

ค่าตัว KOL ระดับสูง ๆ ‘แพงระยิบระยับ’ มีตั้งแต่ 7 หลัก ไปจนถึง 8 หลัก แต่หลัง ๆ มานี้ เจ้าของแบรนด์ประสบปัญหา จ้าง  KOL มาไลฟ์แล้วยอดไม่ขึ้น ไม่คุ้ม เลยเปลี่ยน model เป็น hybrid คือจ่ายเงินให้ส่วนหนึ่ง คิดค่า commission ให้ส่วนหนึ่ง 

การทำงานของ KOL ระดับนี้จะมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก จะมีทีมงานคอย Screen สินค้า ตัว KOL เองก็ต้องทดลองใช้จนมั่นใจ เขามองว่า ‘ความน่าเชื่อถือของเขา’ คือ ‘สินทรัพย์’ สำคัญ KOL เขาจะเก่งเป็นด้าน ๆ ไปไม่ mix เช่น คนไหนเก่งเรื่องทุเรียน จนมี FC หลายล้าน ก็จะไม่เอาเครื่องสำอางไปขายเด็ดขาด กว่าจะขึ้นมาเป็น KOL ระดับ ‘เจ้ายุทธจักร’ ได้ ต้องผ่านการฝึกฝน เคี่ยวกรำมาอย่างหนักหน่วง 

จีนน่าจะมี KOL หลายสิบล้านคน กว่าจะขึ้นมาได้จึงไม่ง่าย แต่ก็เป็นอาชีพที่คนจีนใฝ่ฝันมาก มีคนถามว่าใช้ AI มา Live แทนคนได้ไหม? ก็พอได้แต่มันไม่ ‘แซ่บ’ ยังไงผู้บริโภคก็ยังชอบดูคนมากกว่า
Platform จีนรู้จุดนี้ดี เมื่อเขาต้องการ ‘บุก’ ตลาดไทย และโดนปรามาสว่า

‘ทำ content ไม่โดนใจคนไทยหรอก ไม่ต้องกลัว คนจีนต้องเรียนภาษาไทยอีกนาน’

เขาเลยแก้เกมด้วยการ ‘ส่งเทียบเชิญ’ KOL ดัง ๆ ของไทยไปพบปะ และคัดเลือกสินค้าจากเจ้าของแบรนด์จีนซะเลย KOL จึงเป็นทางออกหนึ่งสำหรับผู้ที่ชอบงานสายนี้มาก ๆ แต่ประเทศไทยเราจะเป็นการฝึกเอง ลองเอง เป็นส่วนมาก ในขณะที่จีนเขาบรรจุเป็น ‘หลักสูตร’ ให้นักเรียนสายนี้เรียนโดยเฉพาะ

และจากที่ผมคุยกับคนจีน นี่คือ ‘โอกาสมหาศาล’ ของคนไทย รู้ไหมครับว่าคนจีน ‘ชอบ Content ไทย’
เพราะเขารู้สึกว่าประเทศเรา สนุกสนาน เถิดเทิง ดูแล้วหายเครียด ยิ่งถ้า KOL ไทยเราพูดจีนได้ เขายิ่งรักเลย ปัจจุบัน มี KOL จีนมาฝังตัวในไทยแล้วมา live ขายสินค้าไทยไปจีนปีนึงรายได้หลายร้อยล้าน แบบนี้มีจริง ๆ

สรุปคือ KOL ยังมีอนาคตสดใส แค่คุณต้องไปให้ถึงจุด ๆ นึงให้ได้เท่านั้น

******
หมายเหตุ : ตลาดธุรกิจ KOLในจีน อยู่ได้เฉพาะบริษัทใหญ่ ๆ ที่มี KOL ตัว Top ที่มีชื่อเสียงอยู่ในสังกัด หรือเซ็นสัญญา ตั้งแต่ปีที่แล้วและครึ่งปีนี้ กิจการบริษัทไลฟ์สดในจีนปิดตัวลงไปก็เยอะเกิน 60 % เพราะขาดทุนอยู่ไม่ได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการไลฟ์แต่ละครั้งที่สูง มีค่าใช้จ่ายหลายอย่างมาก และ ยอดขายบางไลฟ์ก็ไม่ได้ตามเป้าเหมือนแต่ก่อน การแข่งขันที่สูง ราคาสินค้าที่ต้องทำโปรโมชั่นให้น่าสนใจ การส่งของต้องหลังจบไฟล์ภายใน 48 ชม.ต้องออกจากโกดัง /การรับประกันสินค้า/ความพึงพอใจของลูกค้า/สินค้าตีกลับ/และอื่น ๆ อีก

ค่าตัว KOL ก็หนึ่งตามความดัง สิ่งที่จะทำให้รอดหรือร่วงคือ บริษัทหรือผู้จ้างต้องแบ่งกำไรให้ KOL ต่อชิ้น (ย้ำว่าตอนนี้เป็นแบบแบ่งกำไรต่อชิ้น เช่น 5-20 บาท) ส่วนแบ่งเป็น GP% เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมี หลังจ่ายกำไรค่าตัวแล้ว ถ้าของสินค้าตีกลับ แล้วต้องคืนเงิน เจ้าของคือแบกรับ / KOLไม่เกี่ยว รับเงินไปเต็ม ๆ สินค้าที่ขายจีนตอนนี้ ต้องสั่งผลิตจากโรงงานเท่านั้น เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด ผลิตทีหลักแสน และ หลักล้านชิ้น เพื่อให้คุ้มกับต้นทุน และตีแบรนด์เอง + คุณภาพสินค้าต้องดี (ราคาไม่แพง + คุณสภาพสินค้าต้องดี + ต้องส่งของเร็วรับ + รับประกันสินค้า) 4 Key นี้ ที่จะทำให้ขายดี และขายได้ยอด 

ส่วนสินค้าไทย ไม่สามารถขึ้นไลฟ์ได้ สำหรับ เครื่องสำอาง/อาหารเสริม/สกินแคร์ ถ้าไม่มี NMPA อย.จีน หมดสิทธิ์จ้าง KOl ไลฟ์ กฎหมายจีนเข้มงวด และ กฎระเบียบแพลตฟอร์มมีข้อบังคับ Douyin / Kuaishou / Pindoudou แพลตฟอร์มดังเหล่านี้ สินค้าไทยที่ขายดีจะมีแค่ ‘มิสทีน’ เท่านั้นนอกนั้นไม่เคยเห็น

ถ้าสินค้าของกิน ของทาน/ เครื่องดื่ม ขอ GACC เลย ของ่ายไม่ยากเท่ากับขอ อย.จีน ถ้ามี GACC แล้ว ขึ้นไลฟ์ได้ แต่ต้องมีของสต๊อกในโกดังที่จีนก่อนถึงจะไลฟ์ได้ 

ถ้าเป็นพวก ผลไม้สด ทุเรียน/มังคุด/มะม่วง พวกนี้ไลฟ์ขายได้เลย ไม่ต้องยุ่งยาก แต่ต้องมีของเข้าไปในจีนพร้อมส่ง ที่เห็นคนจีนมาไลฟ์มาที่ล้งทุเรียนไทย ส่วนมาก บินมากับทีมงาน มาเช่าหน้าล้ง เช่าสถานที่เฉย ๆ เพื่อให้ได้ Backgroud สร้างความน่าเชื่อถือ ฉากหลังที่มีทุเรียนเยอะ สร้างความน่าสนใจ น่าเชื่อถือ ให้ลูกค้าคนจีน เชื่อมั่น ว่าทุเรียนไทยแท้แน่นอน 

สินค้าไทยที่จะตีตลาดจีนได้ /โดนใจคนจีนจริง/ ณ ตอนนี้ ต้องเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของไทยแท้ที่จีนเลียนแบบได้ยาก เช่น เครื่องปรุงรส/ ผงปรุงรส/ พริกแกง/ ขนมคบเคี้ยว/ ของทานเล่น/ ผลไม้แปรรูป ...ยังพอได้อยู่ 

อะไรที่หาวัตถุดิบในไทยได้ รสชาติอร่อยถูกปาก และในจีนไม่มี อันนี้ขายได้แน่นอน ตลาดของกินของไทย ยังมีช่องทางสร้างรายได้ ทำยอดขายในจีนได้ดีมาก คู่แข่งน้อยมาก ถ้าเทียบกลับสินค้าในกลุ่มอื่น ที่กล่าวมาข้างต้น ตอนนี้ KOLจีน ต้องการไลฟ์สดขายสินค้าประเภทนี้มาก กว่าสินค้าอื่น ๆ ของไทย นอกจากผลไม้สด

‘พีระพันธุ์’ ลุยชงครม. ‘ตรึงค่าไฟฟ้า’ ถึงปลายปีนี้ หลังเคาะเหลือ 4.18 บาทต่อหน่วย ช่วยเหลือปชช.

(23 ก.ค. 67) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันนี้ (23 ก.ค.) โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญหลายเรื่องโดยในส่วนแรกนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน จะรายงานให้ที่ประชุม ครม.รับทราบถึงการตรึงค่าไฟฟ้างวดปลายปี 2567 (ก.ย.-ธ.ค.) ที่อัตรา 4.18 บาทต่อหน่วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานทำมาตรการในการดูแลค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน และเมื่อสัปดาห์ก่อนนายพีระพันธุ์ได้หารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการตรึงค่าไฟฟ้าไว้ในอัตราดังกล่าวแล้ว

นอกจากนั้นในการประชุม ครม.วันนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเสนอให้ครม.พิจารณายกระดับการกำจัดปลาหมอคางดำที่กำลังระบาดอย่างรวดเร็วในแหล่งน้ำหลายจังหวัดเป็นวาระแห่งชาติ รวมทั้งพิจารณาจัดตั้งเป็นจุดรับซื้อปลาหมอคางดำ โดยการันตีราคารับซื้อที่กิโลกรัมละ 15 บาท โดยจะเริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้

ด้าน กระทรวงคมนาคม เสนอ รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรภูฏาน

ด้าน คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เสนอ ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

ด้าน กระทรวงการคลัง เสนอ โครงการสลากการกุศลเพิ่มเติม 

ด้าน กระทรวงการคลัง เสนอ ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

>> MOU ส่งแรงงานไปเกาหลี

ด้าน กระทรวงแรงงาน เสนอ การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐ เกาหลีภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ และขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี Abu Dhabi Dalogue ครั้งที่ 7 (Abu Dhabi Dailogue Seventh Ministerial Dectaration)

ด้าน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เสนอ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

>> ชงเลิกประกาศ คสช.

ด้าน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอ ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. ....

ด้าน กระทรวงคมนาคม เสนอ การลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อบริหารจัดการโครงการฝึกอบรมสำหรับประเทศกำลังพัฒนา

ด้าน กระทรวงกลาโหม เสนอ ขอโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567ในแผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเงินราชการลับ

ด้าน คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เสนอ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าก่อสร้าง อาคารที่พักอาศัยส่วนกลาง ขนาด 68 ครอบครัว จำนวน 2 อาคาร และอาคารที่จอดรถ สูง 8 ชั้น จำนวน 1 หลัง แขวงสามเสนใน เขตพญาไทกรุงเทพมหานคร

ด้าน กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 57 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

ด้าน กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ การจัดทำเอกสาร National Commitment สําหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยกีฬาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sport for Sustainable Development Surnmit: S45D Summit) ในห้วงการแข่งขันก็หาโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส

ด้าน กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือ ลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 15 การประชุมรัฐมนตรีหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ ครั้งที่ 3 และการรับตำแหน่งประธานร่วมของหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง - สหรัฐฯ ในปี 2568

สำหรับวาระเพื่อรับทราบ กระทรวงพลังงาน เสนอ ร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. ....

ด้าน กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบ อะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน

ด้าน กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรรมรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....และเสนอ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ

>> ชงเสนอไม้พะยูงเป็นสินค้าต้องห้าม

ด้าน กระทรวงพาณิชย์ เสนอ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

ด้าน สภาผู้แทนราษฎร เสนอ รายงานผลการศึกษา เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมาธิการรายไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ

ด้าน กระทรวงการต่างประเทศ เสนอรายงานประเทศมองโกเลียขอเปิดสถานกงสลกิตติมศักดิ์มองโวเสีย ณ จังหวัดชลบุรี และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์มองโกเลีย ณ จังหวัดชลบุรี (นายนิธิวัชร์ เรืองฉัตรศรีกุล)

ด้าน กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฟินแลนด์ ณ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และการแต่งตั้งกงสุลกิดติมศักดิ์ที่สาธารณรัฐฟินแลนด์ ณ จังหวัดชลบุรี (นายฤทธิกร ศิริประเสริฐโชค)

ด้าน กระทรวงพาณิชย์ เสนอ รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณ์รัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาวของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย)

ด้าน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอ รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีการป้องกันภาวะความพิการแต่กำเนิด

ด้าน สภาเกษตรกรแห่งชาติ เสนอ (ร่าง) ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก (ไก่งวง) ในประเทศไทย

ด้าน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เสนอ การดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด การขยายเวลา และการปิดผ่านแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน

ด้าน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง

ด้าน กระทรวงการคลัง เสนอ การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

ด้าน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เสนอ แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

ด้าน กระทรวงสาธารณสุข เสนอ การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545

ด้าน กระทรวงยุติธรรม เสนอ รายงานประจำปีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

ด้าน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม เสนอ รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.ศ. 2566 และรายงานผลการติดตาม การดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถามการณ์คุณภาพ สิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2564

ด้าน กระทรวงการคลัง เสนอ รายงานผลการดำเนินการของสถาบันการเงินประชาชนประจำปี 2566

2 สิงหาคม พ.ศ. 2413 ‘Tower Subway’ รถไฟใต้ดินสายแรกของโลก เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ ที่กรุงลอนดอน

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2413 ทาวเวอร์ ซับเวย์ (Tower Subway) รถไฟใต้ดินสายแรกของโลก เปิดให้บริการที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีลักษณะเป็นอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเทมส์ (Thames) ซึ่งมี 2 สถานีคือ ทาวเวอร์ ฮิลล์ (Tower hill) และ ไวน์ เลน (Vine lane) โดยรถไฟใต้ดินสายนี้ได้ชื่อมาจาก ‘หอคอยแห่งลอนดอน’ (Tower of London)

ทั้งนี้ อุโมงค์ออกแบบและก่อสร้างโดย เจมส์ เกรทีด (James Henry Greathead) ส่วนเปลือกอุโมงค์ออกแบบโดย ปีเตอร์ บาร์โลว์ (Peter William Barlow) และมีลูกชายของบาร์โลว์คือ ปีเตอร์ บาร์โลว์ จูเนียร์(Peter W. Barlow Jr.) เป็นวิศวกรควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งเริ่มก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2412 โดยขุดอุโมงค์รถไฟด้วยเครื่องจักรไฮดรอลิก ลึกประมาณ 18 เมตรใต้ผืนดิน ในระยะแรกอุโมงค์ยาวเพียง 410 เมตร กว้าง 2.1 เมตร รางกว้าง 76.2 เซนติเมตร ใช้เครื่องจักรไอน้ำขนาด 4 แรงม้าเป็นตัวลากรถเคเบิลคาร์ ขนาด 12 ที่นั่ง ใช้เวลาโดยสารเที่ยวละประมาณ 70 วินาที

หลังจากเปิดใช้งานได้ประมาณ 3 เดือน ก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เพราะความคับแคบและไม่สะดวกของสถานี ประชาชนจึงนิยมเดินเท้ามากกว่า ต่อมาในที่สุดทางการจึงปรับปรุงใหม่ นำลิฟต์มาแทนบันได เปลี่ยนเครื่องจักรไอน้ำเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้รถไฟฟ้าใต้ดินสายนี้กลับมาได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยมีผู้โดยสารกว่า 2 หมื่นคนต่อสัปดาห์ ก่อนจะคลายความนิยมไปหลังจากมีการก่อสร้างสะพาน ’ทาวเวอร์ บริดจ์‘ (Tower Bridge) ในปีพ.ศ. 2437 เนื่องจากไม่ต้องเสียเงินเหมือนรถไฟฟ้า ไม่นานก็ขาดทุนจนรัฐบาลต้องขายกิจการให้เอกชนดำเนินการต่อ ก่อนจะปิดการใช้งานในปีพ.ศ. 2441

ราชนาวิกสภา บริจาคเงิน เพื่อจัดซื้อรถเข็นนั่งสำหรับผู้ป่วย

พลเรือโทวสันต์ สาทรกิจ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ นายกกรรมการราชนาวิกสภา ในนามของคณะกรรมการราชนาวิกสภา มอบเงินบริจาต จำนวน 100,000 บาท ให้กับศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ เพื่อจัดซื้อ รถเข็นนั่งใช้กับผู้ป่วย สำหรับข้าราชการ กองทัพเรือ และครอบครัว ในบริเวณ กองบัญชาการกองทัพเรือและพื้นที่ใกล้เคียง สามารถยืมใช้งานได้ 

โดยมี น.อ.หญิง ผุสดี หิรัญอัศว์ รองผอ.รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ และ ผอ.ศูนย์สุขภาพ (คลองมอญ) เป็นผู้รับมอบ เมื่อ19 ก.ค.67

ทั้งนี้ ศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เป็นเครือข่าย ของศูนย์ปันน้ำใจสาธุ ซึ่งได้ร่วมกับโรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ จัดตั้งเครือข่ายให้ยืมอุปกรณ์เครื่องใช้สอยทางการแพทย์ รวมทั้งรถเข็น เตียงผู้ป่วย สำหรับข้าราชการกองทัพเรือ และครอบครัว และจะเพิ่มการให้บริการกัยประชาชนทั่วไป ในโอกาสต่อไปด้วย

ชัยภูมิ-สพม.ชัยภูมิ เร่งอบรมเชิงปฏิบัติการ 'ยุวมัคคุเทศก์' แก่ครูผู้สอน ขยายผลสู่นักเรียน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ดร.ชัยวัฒน์ ตั้งพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชัยภูมิ (สพม.ชัยภูมิ) เปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการตามโครงการการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ชัยภูมิยุวมัคคุเทศก์ พัฒนาการเรียนรู้ เชิงรุก ส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ มุ่งสู่มาตรฐานสากล (Chaiyaphum Smart Guide Enhance Active Learning through Resources Development for international Learning Pathway ) ประจำปี2567 แก่ครูภาษาอังกฤษจากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชัยภูมิ  โรงเรียนละ 2 คน จำนวนทั้งสิ้น 74 คน มีระยะเวลาในการจัดโครงการ 1 วัน ใน วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ณ ห้องประชุม 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชัยภูมิ 

ดร.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า การจัดอบรมครั้งนี้ เพื่อให้ความรู้และพัฒนาทักษะ ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศอื่น ผ่านกิจกรรมมัคคุเทศก์แก่ครูสู่การพัฒนานักเรียนในสังกัด สพม.ชัยภูมิ เป็นการสนองนโยบายเร่งด่วน ของท่าน รมว.ศึกษาธิการ ด้านการประชาสัมพันธ์ soft power สถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา สินค้าอื่น ๆ ของจังหวัดชัยภูมิ เป็นภาษาต่างประเทศอื่น ๆ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เป็นการพัฒนาการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยผ่านกิจกรรมมัคคุเทศก์ในท้องถิ่น สู่การจัดการเรียนรู้เทียบเคียงมาตรฐานสากล และที่สำคัญต้องการพัฒนาวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศจากการปฏิบัติงาน (Best Practice) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูผู้สอนภาษาต่างประเทศผ่านกิจกรรมด้านมัคคุเทศก์ 

ด้าน นายประทีปแสง พลรักษา รองผู้อำนวยการ สพม.ชัยภูมิ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ชัยภูมิยุวมัคคุเทศก์ พัฒนาการเรียนรู้ เชิงรุก ส่งเสริมแหล่งเรียนรู้มุ่งสู่มาตรฐานสากล (Chaiyaphum Smart Guide Enhance Active Learning through Resources Development for international Learning Pathway ) ประจำปีงบประมาณ 2567 เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของโลก และใช้สื่อสารกันได้ทั่วโลก ประกอบกับการจัดการเรียนรู้ต้องให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยความสุข และเกิดทักษะจากการลงมือปฏิบัติจริง ประกอบกับการจัดการเรียนรู้ของครูต้องให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศ ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ความสุข เกิดทักษะจากการลงมือปฏิบัติจริงและ กระบวนการพัฒนาเข้าสู่ห้องเรียน เชื่อมโยงกับสิ่งที่เป็นsoft Power ของจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นการพัฒนาการศึกษาภาษาต่างประเทศภายใต้กิจกรรมชัยภูมิ ยุวมัคคุเทศก์ ส่งผลต่อการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายในการเรียนรู้

ทั้งนี้ ได้รับความการสนับสนุนร่วมมือ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ธิเช่น สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชัยภูมิ  โรงพยาบาลชัยภูมิรวมแพทย์ มัตสุบายาชิ และอื่นๆ เนื่องจากจังหวัดชัยภูมิ เป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เช่น น้ำตกตาดโตน มอหินขาว พระธาตุชัยภูมิ และแหล่งท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน ทั้ง 2 แห่ง ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และอุทยานแห่งชาติไทรทอง และแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย

สมุทรปราการ-ครบรอบ 62 ปี สส.คนดัง!! สมุทรปราการ 'ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร' นักธุรกิจ กลุ่มผู้สูงอายุ นักเรียน กว่า 1,000 คน ร่วมอวยพร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ภายในโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ชั้นมัธยมสังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ ทางคณะผู้บริหารโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ชั้นมัธยม คณะครู นักเรียน คณะผู้บริหารเทศบาลตำบลแพรกษา คณะสมาชิกสภาเทศบาล 

ตลอดจนกลุ่มผู้สูงอายุจำนวนมากได้จัดงานอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 62 ปี ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา โดยมี นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย คณะผู้บริหารโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา คณะครู นักเรียน นักธุรกิจ กลุ่มผู้สูงอายุ ร่วมร้องเพลงอวยพรวันคล้ายวันเกิดให้กับท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร 

ในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด ครบ 62 ปี อีกทั้ง ทางคณะครู นักเรียน และกลุ่มผู้สูงอายุที่เดินทางมาร่วมงานได้มอบดอกกุหลาบสีแดงให้กับท่าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร พร้อมทั้งกล่าวคำอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดนี้อีกด้วย ประกอบกับ ภายในงานยังได้จัดซุ้มอาหารจำนวนมาก นำมาแจกจ่ายเลี้ยงต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและผู้ที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ได้ทานฟรีอีกด้วย

’อนุทิน‘ กร้าว!! ปม ‘ขายพาสปอร์ต‘ ไม่ว่าประเทศไหน ก็ผิดกฎหมาย พร้อมจี้ขยายผลหาตัวการเอี่ยว ‘กลุ่มธุรกิจสีเทา-ผู้มีอิทธิพล’ หรือไม่

(23 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงาน ณ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง กรณีการปิดประกาศป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ขายพาสปอร์ต และรับทำสัญชาติบางประเทศ บริเวณสี่แยกห้วยขวาง ว่า ตนสั่งกรมการปกครอง ให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้ดำเนินการติดตาม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องป้ายดังกล่าว การประกาศขายพาสปอร์ต ไม่ว่าประเทศอะไรก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น 

จากนี้จะขยายผลว่ามีเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจสีเทาหรือไม่ หรือเข้าข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการทำผิดกฎหมายหรือไม่ เราต้องเร่งปราบปรามโดยใช้ความเป็นเจ้าพนักงาน เรื่องนี้เป็นการทำเกินไป จึงสั่งปลดป้ายทันที ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น ตนตื่นขึ้นมาพอทราบข่าวก็สั่งอธิบดีกรมการปกครองให้ไปดำเนินการทันที ซึ่งเขาทำไปก่อนแล้ว และทางเจ้าของป้ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี 

เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวจะกลายเป็นไฟไหม้ฟาง พอกระแสหายเรื่องก็จะเงียบใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันอยู่ที่ว่าเราเข้มงวดกวดขันแค่ไหน การกวดขันผับบาร์ต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง รวมถึงการกวดขันปราบปรามยาเสพติด ยืนยันเราไม่ได้รังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย แต่เรารังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาแล้วทำผิดกฎหมายในประเทศเรา สำหรับตนมองว่าเป็นการย่ำยี ฉะนั้นก็ไปจัดการคนผิด และไล่มันออกไปจากประเทศนี้เท่านั้นเอง ส่วนคนที่เป็นนักธุรกิจทำถูกต้องเราก็อำนวยความสะดวก ให้เขาได้มั่นใจว่าประเทศไทยเรานั้นปลอดภัย และขยายตัวทางเศรษฐกิจได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top