Saturday, 24 May 2025
TheStatesTimes

นราธิวาส-รมช.มหาดไทย 'ชาดา' ลงพื้นที่นราฯ ชมวิสาหกิจชุมชนแฮนอินแฮนด์รือเสาะ สร้างงานสร้างคุณภาพชีวิต 200 ครอบครัว

ขณะที่ภาคประชาชนนราธิวาส ยื่นข้อเสนอเพิ่มศักยภาพสนามบินฮัจย์นราธิวาส เพิ่มเที่ยวบินลดต้นทุนสร้างเศรษฐกิจให้มั่นคง

ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่โรงงาน ผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชน Hand in Hand Ruso (แฮนด์ อิน แฮนด์ รือเสาะ) จังหวัดนราธิวาส นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซีกรัฐบบาล จังหวัด นายวิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ และเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องและพนักงานวิสาหกิจชุมชน Hand in Hand Ruso (แฮนด์ อิน แฮนด์ รือเสาะ) ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ รมช.มหาดไทย ได้เข้าไปรับฟัง การสร้างงานสร้างอาชีพ ของวิสาหกิจชุมชน ที่จ้างงานประชาชนในพื้นที่ จ.นราธิวาส ยะลา ปัตตานี รวม 200 ชีวิต เพื่อประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าที่ทันสมัย ออกจำหน่ายทั้งภายในและต่างประเทศ ที่มีคุณภาพ ทั้งเสื้อกางเกง สูท ทำงาน เสื้อชุดกีฬา และอื่นๆ อีกจำนวน ด้วยช่างฝีมือดีเป็นคนพื้นที่ สร้างอาชีพรายได้ ได้เป็นอย่างดี

ในการนี้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงมือโชว์ทดลองตัดเย็บเสื้อผ้า ท่ามกลางรอมยิ้มของพนักงานอย่างเป็นกันเอง และได้ลองใส่เสื้อผ้าหลายแบบๆ ก่อนจะออกปากชมว่า เนื้อผ้าดี ตัดเย็บสวยงามประณีต ราคาจับต้องได้ เป็นวิสาหกิจที่น่าชื่นชม รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุน เพื่อให้วิสาหกิจชุมชน Hand in Hand Ruso (แฮนด์ อิน แฮนด์ รือเสาะ)  จังหวัดนราธิวาส เกิดการสร้างงานให้ประชาชนต่อเนื่องและยั่งยืน สร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ นำเงินใช้จ่ายในครอบครัว ปากท้องสำคัญ ตามนโยบายกระทรวงมหาดไทย “บำบัดทุกข์บำรุงสุข เพื่อประชาชน”

ขณะที่ทางด้าน ตัวแทนภาคประชาชนจังหวัดนราธิวาส ได้เข้าพบนายชาดา รมช.มหาดไทย เพื่อส่งหนังสือ ข้อเสนอแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 5 ด้าน ซึ่งประเด็นสำคัญ ได้หยิบยกในส่วนของค่าเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดีอารเบีย ราคาที่แพงเกินไป จนปัจจุบันราคาอยู่ที่ 250,000 บาท ที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมให้มีเที่ยวบิน นราธิวาส ซาอุดีอารเบีย เที่วบินฮัจย์ จาก 5 เที่ยว เพิ่มเป็น 8-10 เที่ยวบิน เพื่ลดค่าใช้จ่ายพี่น้องประชาชนที่ต้องเดินทาง ขึ้นที่จังหวัดสงขลา ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอกนอกพื้นที่ เป็นจำนวนรายได้มหาศาล 

ทั้งนี้นายชาดา รมช.ได้กล่าวว่า เราต้องเอาประเด็นนี้มาพูดคุยกันทำให้เกิดเอกภาพ ซึ่งต้องนำเรียนว่ารัฐบาลไทยที่ผ่านมาทุกรัฐบาล เป็นเวลาหลาย 10 ปีมาแล้วที่รัฐบาลไทยให้เงินกับชาวไทยมุสลิมสนับสนุนเรื่องการไปประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งผมเองรู้สึกว่าไม่ถึงมือพี่น้องมุสลิม และไม่รู้ว่าไปตกหล่นอยู่ตรงไหน อีกอย่างราคามันก็ขึ้นไปทุกปี และผมเองจะพยายามให้ราคาการไปประกอบพิธีฮัจญ์อยู่ที่ 220,000 บาท และอย่างน้อยให้อยู่ระดับนี้ 4-5 ปี แต่ถึงจะขยับไปก็ต้องดูตามสภาพของเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งถือว่าอันนี้เป็นหน้าที่ของผมในฐานะที่เป็นชาวไทยมุสลิมด้วย และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และเห็นด้วยที่จะผลัดดันเพิ่มเที่ยวบินฮัจย์ที่นราธิวาส ล้วนถึง อีก 4 ข้อเสนอ ของสภาประชาชนจังหวัดจังหวัดนราธิวาส ที่ส่งเป็นหนังสือข้อเสนอ เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหา จะนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

จากนั้นมาวันเดียวกันนายชาดา ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พบปะประชาชนที่สวนกาญจนภิเษก เขตเทศบาลเมืองตำบลรือเสาะ บรรยากาศเป็นกันเอง ซึ่งได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างคับคั่ง พร้อมกันนี้ รมช.มหาดไทย ได้ร่วมกวน อาซูรอ ร่วมกับประชาชน และมอบเงินรางวัล การแข่งประกวด อาซูรอสัมพันธ์ อ.รือเสาะ รางวัลที่ 1 จำนวน 2 หมื่น รางวัลที่ 2 จำนวน 1 หมื่นบาท และรางวัลที่ 3 จำนวน 5 พันบาท และชมเชย กว่า 20 ตำบล ชุมชนละ 200 บาท พร้อมใบประกาศจาก รมช.มหาดไทย ในส่วนกิจกรรมอาซูรอสัมพันธ์ ต้อนรับศักราชใหม่อิสลาม ฮิจเราะห์ศักราช 1446 เป็นการสืบสานประเพณีสำคัญของมุสลิมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สืบไป  

'ชาวอบต.เกาะยอ' ขอบคุณ!! 'เจือ ราชสีห์' ลุยติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้ ช่วยลดต้นทุนพลังงานผลิตน้ำประปาหมู่บ้านลงถึงจุดละ 12,000 บาท

(23 ก.ค.67) นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ลงพื้นที่พร้อมด้วยตัวแทนพลังงานจังหวัดสงขลาและตัวแทน อบต.เกาะยอ อ.เมืองสงขลา ลงพื้นที่ดูสถานที่ตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดไม่น้อยกว่า 20 kw เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานสำหรับระบบผลิตน้ำประปาหมู่บ้านหมู่ที่ 7 - หมู่ที่ 9 ตำบลเกาะยอ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ (งบพัฒนาจังหวัด) ประจำปี 2569 จำนวน 470,000 บาท สำหรับติดตั้งเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ Solar cell on-grid ขนาดไม่น้อยกว่า 20 กิโลวัตต์ เพื่อลดรายจ่ายค่าไฟฟ้า

ด้าน ตัวแทน อบต.เกาะยอ กล่าวว่า "ผมขอขอบคุณนายเจือ ราชสีห์ และพลังงานจังหวัดสงขลา ที่ได้ประสานและจะดำเนินการติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้กับระบบผลิตน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลเกาะยอในครั้งนี้จนสำเร็จลุล่วง ซึ่งปัจจุบัน อบต.เกาะยอต้องแบกรับจ่ายค่าไฟฟ้าสำหรับการจ่ายน้ำแต่ละจุดประมาณ 12,000 บาทได้ หลังจากที่นายเจือ ราชสีห์ ประสานงบประมาณมาติดตั้งโซลาร์เซลล์ แล้วค่าไฟฟ้าจะลดลงเป็นอย่างมากและพี่น้องประชาชนกว่า 500 ครัวเรือนจะได้ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพจึงขอขอบคุณนายเจือ ราชสีห์ อีกครั้งหนึ่งครับ"

‘ตำรวจ’ แจง!! ป้ายโฆษณาจีนชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ ‘ไม่ผิดกฎหมาย’ เหตุไม่ได้เชิญชวนให้เปลี่ยนเป็นสัญชาติไทย ชี้!! ทุกประเทศซื้อขายเป็นปกติ

(23 ก.ค. 67) จากกรณีป้ายโฆษณาภาษาจีน พบเป็นการชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศถูกติดตั้งอยู่บริเวณแยกห้วยขวาง จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล ต่อมาพบว่าเจ้าหน้าที่เขตห้วยขวางทำการรื้อป้ายดังกล่าวออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด มีรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยว่า ข้อสงสัยที่ว่าการติดตั้งป้ายดังกล่าวทำได้หรือไม่นั้น ยืนยันว่าทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย และไม่ใช่การโฆษณาว่าจะเปลี่ยนสัญชาติไทย โดยในป้ายจะเห็นได้ว่าทุกประเทศมีการซื้อขายกันปกติ

มุกดาหาร -​กกล.สุรศักดิ์มนตรี ตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 1.2 ล้านเม็ด อาวุธปืน 9 มม 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 50 นัด และโดรนบิน 1 ลำ

เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.67) พ.อ.อุทัย นิลเนตร รองเสนาธิการ กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (กกล.สุรศักดิ์มนตรี) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาพักไว้ในบ้านเลขที่ 63 ม.7 บ.ไผ่ล้อม ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ได้แจ้ง ร.อ.อนุพงษ์ พรหมส่วน ผู้บังคับกองร้อยทหารราบ กองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดมุกดาหาร รุดไปตรวจสอบยังบ้านหลังที่ได้รับแจ้ง ขณะเข้าทำการตรวจค้น เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวไม่อยู่บ้าน เจ้าหน้าที่สอบถามจากบ้านข้างเคียง ทราบชื่อเจ้าของบ้านคือนายบุญไตร​ (นามสมมุติ)ภรรยาชื่อนาง​นก เป็นชาวลาว 

จากการตรวจค้นที่ห้องนอนภายในบ้านพบกระสอบขนาดใหญ่จำนวน 6 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูภายในพบว่าบรรจุยาบ้ากระสอบละ 200,000เม็ด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด 1,200,000 เม็ด นอกจากนั้นยังพบปืนพกขนาด 9 มม. ยี่ห้อ smith and wesson จำนวน 1 กระบอก กระสุน จำนวน 50 นัด พาสปอร์ตสัญชาติลาว 1 เล่ม และ โดรน Dji จำนวน 1 ตัว อยู่ภายในห้องนอนของนายอภิศักดิ์ ธิ์ (หรือแทน)​ ไหวตัวทัน หลบหนีไป ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หว้านใหญ่ เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เลย - รมว.กลาโหม "แถลงข่าว" ตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 1 ล้านเม็ด

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2567เวลา 18.00 น. นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานแถลงข่าวตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 1 ล้านเม็ด พร้อมด้วย นายจำนงค์ ไชยมงคล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงกลาโหม , พล.ต.นรธิป โพยนอก ผู้บัญชาการ กกล.สุรศักดิ์มนตรี , นายกิตติคุณ บุตรคุณ  รอง ผวจ.เลย , พ.ต.อ.ยุทธวัฒน์ โชคชัย  รอง ผบก.ภ.จว.เลย , พ.ต.อ.นิพนธ์ สมานชาติ ผกก.สภ.ปากชม , นายยศวัฒน์ พัชระศักดิ์สกุล นายอำเภอปากชม , พ.ต.ท.อภิรักษ์ อังคศิริสรรพ รอง ผกก.สส.สภ.ปากชม , พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ ปราบคนชั่ว สว.สส.สภ.ปากชม , พ.อ.คมศักดิ์ พราวศรี รองผู้บังคับการควบคุมที่ 3 (ร.8) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี , พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผบ.กรม.ทพ.21 , พ.ต.ต.สุเมธ พลเยี่ยม ผู้บังคับกองร้อย ตชด.ที่246 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดยาเสพติด ที่สถานีตำรวจภูธรปากชม อำเภอปากชม จังหวัดเลย โดยในห้วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากสายข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.30 น.วันที่ 21 กรกฎาคม 2567 มีรถจักรยานยนต์ 1 คัน และรถกระบะอีซูซุ สีบรอนด์เงิน ทะเบียน ผค 9273 เพชรบูรณ์ ขับมาที่ด่านตรวจลักษณะต้องสงสัย จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น ทราบชื่อว่า นายถิรายุ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี คนขับรถกระบะ นายจีรวุธ (นามสมมุติอายุ 23 ปี นายวัชรินทร์ (นามสมมุติอายุ 20 ปี ขี่รถ จยย. จากการตรวจค้นพบยาบ้า 5 กระสอบ รวม 1,000,000 เม็ด จึงได้จับกุมตัวพร้อมของกลาง มาขยายผลที่ สภ.ปากชม

จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้ถ้อยคำว่าตนได้มารับยาบ้าของกลางดังกล่าวที่เขตอำเภอปากชม เพื่อนำไปส่งที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้น พร้อมทั้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทั้งสามทราบ ผู้ต้องหาทั้งสามทราบข้อกล่าวหาและพฤติการณ์ในการกระทำความผิดโดยละเอียดแล้วให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน  สภ.ปากชม  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว นายพรพิพัฒน์  เพ็ชรสังหาร
เดวิท โชคชัย มุกดาหารรายงาน 092-5259777

กาฬสินธุ์-ชาวกาฬสินธุ์นับหมื่นรำถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

แห่งแรก! จังหวัดกาฬสินธุ์รวมพลังสามัคคี ภักดี องค์ราชัน นำกลุ่มองค์กรสตรีทั้ง 18 อำเภอ และทุกภาคส่วนกว่า 1 หมื่นคน ประกาศเจตนารมณ์จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ กล่าวสุนทรพจน์"ในหลวงในดวงใจ" พร้อมรำถวายพระพร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ใช้งบประมาณจากทางราชการ แต่เป็นความร่วมมือความจงรักภักดีของชาวกาฬสินธุ์

เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.67) ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานจัดกิจกรรมโครงการ“กาฬสินธุ์ รวมพลังสามัคคี ภักดี องค์ราชัน” เพื่อเป็นการร่วมแสดงความจงรักภักดี นำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 

โดยมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ ปลัด จ.กาฬสินธุ์ นายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ รศ.จิระพันธ์ ห้วยแสน อธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ นายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ นักเรียน กลุ่มองค์กรสตรีทั้ง 18 อำเภอ และทุกภาคส่วนร่วมกิจกรรมกว่า 10,000 คน

ทั้งนี้กิจกรรมมีการขบวนธงและพานบายศรีหลวงเดินเข้าสู่สนาม การเป่าแคนลำนำ สำนึกชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จากนั้นนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นำเหล่าพสกนิกรชาว จ.กาฬสินธุ์ ประกาศเจตนารมณ์ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ จะดำรงตนตามหลักปรัญญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการสืบสาน รักษา ต่อยอด และจะรู้รักสามัคคี สืบสานประเพณี ทำความดีทุกวัน ก่อนที่จะร่วมกันขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีจอมราชอย่างกึกก้องทั่วท้องสนาม  

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแสดงความจงรักภักดีของเครือข่ายพัฒนาชุมชนร้องเพลง “องค์เดียวในโลก” โดยนายธรีเมศท์ พลอาจทัง โรงเรียนเหล่ากลางวิทยายน การกล่าวสุนทรพจน์ หัวข้อ "ในหลวงในดวงใจ"โดยนางสาวทอฝัน อินทสอน ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ และนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายกอบจ.กาฬสินธุ์ 

จากนั้นนางรำจากกลุ่มองค์กรสตรีและเครือข่ายสตรีจาก 18 อำเภอกว่า  10,000 คน ซึ่งต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยและพื้นเมืองสีเหลืองร่วมฟ้อนรำถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ยังได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับฮีสโตรก และมีการจัดนิทรรการเฉลิมพระเกียรติ และจำหน่ายสินค้าโอทอปอีกด้วย

นายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จ.กาฬสินธุ์ โดยภายใต้การนำของนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับองค์กรสตรี ภาคีเครือข่ายในงานพัฒนาชุมชน หน่วยงานราชการทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง และผู้นำชุมชนจะจัดกิจกรรม “กาฬสินธุ์ รวมพลังสามัคคี ภักดี องค์ราชัน” เพื่อเป็นการร่วมแสดงความจงรักภักดี และนำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567การ ซึ่งการจัดกิจกรรมรวมพลังในครั้งนี้ เป็นที่น่าจดจำและประทับใจ เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ใช้งบประมาณจากทางราชการ แต่เป็นความร่วมมือความจงรักภักดีของชาวกาฬสินธุ์ทุกภาคส่วนที่ได้สนับสนุนการจัดงาน

คนรัก 'ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์' ส้มจะขนานนามว่า 'สลิ่ม' คนรักพ่อแม่-เคารพครู ส้มก็จะว่าเป็นพวก 'ดัดจริต'

สังคมไทยเดินไปสู่ 'จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ' ก็ในวันที่มี 'พรรคการเมืองล้มสถาบัน' โผล่เข้ามาก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองเรา ใครที่ปากบอกรักชาติ รักสถาบัน หรือมีศาสนาให้ยึดเหนี่ยว เข้าวัด เข้าวา กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะถูก 'พวกไร้ราก' เรียกขานเราว่าเป็น 'สลิ่ม' 

'สลิ่ม' ที่แสนจะโง่เขลา ยอมเป็นเถ้าธุลีที่กระจายอยู่ใต้ตีนสถาบันเบื้องสูงที่ 'คนสีส้ม' เกลียดชัง 

สังคมไทยได้เดินมาถึงวันที่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย และคนรุ่นเก่าที่เบาหวิวทางสามัญสำนึก ต้องการหาที่ยืนด้วยการหลงลืมรากเหง้าและโอกาสที่ได้เกิด อยู่ เติบโตมาบนผืนแผ่นดินไทย เสาะแสวงหาแต่สิ่งใหม่ แต่ขาดการพิจารณาไตร่ตรองว่าที่ชูคอคิดจะล้มร่มเงาของชาติอยู่นั้น มีดีอย่างไรถึงคิดไกลจะอาจเอื้อมทำลายสิ่งที่ทำให้ 'ไทยเป็นไทย' ล้มหายไปจากแผ่นดินทอง

มันก็แค่แก๊งเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไม่มีความกตัญญูต่อสถาบัน มองไม่เห็นถึงความปลอดภัยที่คนไทยสักคนได้รับจากการได้ชื่อว่ามีสถาบันพระมหากษัตริย์คอยปกป้องดูแล และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยทั้งชาติ

ทุกวันนี้ ใครที่บอกรักพ่อ รักแม่ แสดงความเคารพครูบาอาจารย์ ยังถูกพวก 'เดนมนุษย์' เหล่านี้ เหน็บกัดว่าเป็นพวก 'ดัดจริต' เรียกว่าทำอะไรที่แสดงออกถึงความรัก ความซื่อสัตย์ การยกย่องยินดีต่อผู้มีพระคุณ จะต้องถูก 'มนุษย์สายพันธุ์อกตัญญู' กัดเซาะ เยาะหยันเป็นทุกที 

ไม่ผิด เรากำลังอยู่ในประเทศไทยที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว นานหลายปีแล้ว แต่ที่เหล่าคนโฉดเหล่านี้ยังรบไม่ชนะ นั่นเพราะเรายังมีประชาชนที่ 'คิดเป็น' อาศัยอยู่มากมายในแผ่นดินชาติของเรา 

รักกันไว้ให้มากเพื่อนเอ๋ย เรากำลังสู้อยู่กับพวกไร้ราก ไม่รู้จักคำว่าบุญคุณของชาติ และไม่รู้แม้กระทั่ง 'แกรนด์สปอร์ต' เป็นแบรนด์ของคนไทยมานานเกิน 60 ปี 

ถ้าวันข้างหน้าคนขี้หมาแบบนี้ใหญ่โตได้ในบ้านเรา เราจะมีเรื่องให้อับอายชาวโลกไม่เว้นวัน 

“อเมริกากำลังจะล้มละลายแล้ว” เสียงกู่ร้องจาก ‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีติดท็อปโลก

(23 ก.ค. 67) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซีอีโอของเทสลา สเปซเอ็กซ์ และโซเชียลมีเดีย X ได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชี X ส่วนตัวของตนเอง ระบุว่า “อเมริกากำลังจะล้มละลายแล้ว”

การโพสต์ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากกรณีหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ มีจำนวน 34 ล้านล้านเหรียญ มีภาระดอกเบี้ยปีละ 1.14 ล้านล้านเหรียญ โดยสหรัฐฯ ต้องเจียดออกมาจากภาษีที่เก็บเข้ารัฐถึงปีละ 76%

‘รมว.ปุ้ย’ หนุน ‘สมอ.’ คุมเข้มมาตรฐานนำเข้าเหล็กเคลือบ ปิดช่องเหล็กด้อยคุณภาพ สร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

(23 ก.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการเฝ้าติดตามสถานการณ์เหล็กในประเทศอย่างใกล้ชิด พบว่ามีการนำเข้าเหล็กเคลือบ ทั้งเคลือบสังกะสี อะลูมิเนียม แมกนีเซียม และเคลือบสี ที่มีราคาถูกจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเหล็กที่มีคุณภาพต่ำ และไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน และสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมเหล็กเคลือบภายในประเทศเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถขายสินค้าได้ 

นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่นำเหล็กเคลือบดังกล่าวไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ตนจึงได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เร่งดำเนินการควบคุมเหล็กเคลือบทุกประเภทที่จำหน่ายในท้องตลาดโดยเร็ว เพื่อสกัดกั้นเหล็กเคลือบที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนและอุตสาหกรรมภายในประเทศ 

นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) กล่าวว่า จากการประชุมบอร์ด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้ สมอ. ควบคุมผลิตภัณฑ์เหล็กจำนวน 4 มาตรฐาน ได้แก่ 

1) เหล็ก PPGI หรือ เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนและเคลือบสี 

2) เหล็ก PPGL หรือ เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนและเคลือบสี 

3) เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีผสมอะลูมิเนียม 5% ขึ้นไป และแมกนีเซียม 2% ขึ้นไป โดยกรรมวิธีจุ่มร้อน 

4 ) เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีผสมอะลูมิเนียม 0.5% ขึ้นไป และแมกนีเซียม 0.4% ขึ้นไป โดยกรรมวิธีจุ่มร้อน 

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบมาตรฐานอื่น ๆ อีก จำนวน 122 มาตรฐาน เช่น มาตรฐานปูนซิเมนต์ไฮดรอลิก เครื่องซักผ้า เครื่องสูบของเหลว เต้ารับเต้าเสียบสำหรับงานอุตสาหกรรม ระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ระบบบันทึกการขับขี่รถยนต์ น้ำยางข้นธรรมชาติ ปุ๋ยอินทรีย์จากขยะชีวภาพ ถั่วลันเตากระป๋อง และมาตรฐานวิธีทดสอบต่าง ๆ 

รวมทั้ง เห็นชอบมาตรฐานที่ สมอ. จะจัดทำเพิ่มเติมในปีนี้อีกจำนวน 192 มาตรฐาน เช่น มาตรฐานเครื่องดับเพลิงแบบยกหิ้วชนิดฮาโลคาร์บอน เจลกันยุงนาโน ชุดทดสอบฟอร์มาลินแบบกระดาษ และกันชนหรือชิ้นส่วนที่ป้องกันอุปกรณ์ด้านหน้าและด้านหลังยานยนต์ เป็นต้น รวมเป็นมาตรฐานที่ สมอ. ตั้งเป้าจัดทำในปีนี้ จำนวน 1,450 มาตรฐาน

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมอ. มิได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทยเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามสถานการณ์ของอุตสาหกรรมเหล็กทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหลังจากที่บอร์ดมีมติเห็นชอบมาตรฐานเหล็กเคลือบทั้ง 4 มาตรฐาน แล้ว สมอ. จะเร่งดำเนินการให้เป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนและปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ 

ปัจจุบัน สมอ. ประกาศใช้มาตรฐานเหล็กจำนวน 213 มาตรฐาน เป็นสินค้าควบคุมจำนวน 22 มาตรฐาน และเป็นมาตรฐานภาคสมัครใจจำนวน 191 มาตรฐาน นอกจากการดูแลประชาชนและอุตสาหกรรมในประเทศแล้ว ด้านการค้าระหว่างประเทศ สมอ. ในฐานะผู้แทนประเทศไทยในคณะทำงานด้านอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ภายใต้การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป (EU) ได้แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการส่งออกเหล็กของไทยได้ทราบถึงความคืบหน้าของมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน หรือ ‘มาตรการ CBAM’ (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมจากผู้นำเข้าสินค้าที่เข้ามาใน EU โดยอ้างอิงตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้า 

สำหรับสินค้า 6 กลุ่มแรกที่มีการปล่อยคาร์บอนปริมาณสูงในกระบวนการผลิต ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า ซีเมนต์ ปุ๋ย อะลูมิเนียม ไฟฟ้า และไฮโดรเจน โดยในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ผู้นำเข้ามีหน้าที่ต้องรายงานข้อมูลปริมาณสินค้าที่นำเข้าและการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป จะเริ่มบังคับให้ผู้นำเข้าต้องรายงานตามปริมาณจริงของการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต 

ทั้งนี้ สมอ. อยู่ระหว่างการหารือกับผู้แทน EU เพื่อให้ยอมรับรายงานข้อมูลปริมาณการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตที่ออกโดยหน่วยตรวจสอบความใช้ได้และทวนสอบก๊าซเรือนกระจก ซึ่ง สมอ. จะแจ้งความคืบหน้าของการหารือดังกล่าวให้ผู้ประกอบการทราบเป็นระยะ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการดังกล่าวต่อไป เลขาธิการ สมอ. กล่าว

ปล่อยทำกันเป็นขบวนการแบบเกลื่อนโซเชียล 'นายหน้าขนแรงงาน-สายรายงาน-เจ้าหน้าที่'

เอย่า เคยรายงานเรื่อง VIP Pass ที่คนพม่าอยากมาไทยจ่ายแค่หลักพัน แล้วสามารถผ่าน ตม. มาได้แบบไม่ต้องมีหลักฐานการจองโรงแรม ไม่ต้องสำแดงเงิน แถมนายหน้าบางคนนี่ ยังช่วยนำรูปถ่ายของผู้ใช้บริการในเครือข่ายตน มาโพสต์บนสื่อโซเชียลตัวเอง ว่ามีรถกอล์ฟรับจากด้านในออกมาด้านนอกเลย VIP ... ระดับนี้ขนาด Elite card ยังทำไม่ได้!!

การกระทำเช่นนี้ ไม่สามารถทำคนเดียวได้ หากไม่มีคนของการท่าอากาศยานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งจนถึงวันนี้ ก็ไม่มีคำตอบจากการท่าอากาศยานออกมาสักที

นอกจากนี้ เชื่อไหมว่าในสื่อโซเชียลของนายหน้าชาวเมียนมา ถึงขั้นมีการประกาศอย่างโจ๋งครึ่มด้วย ว่าสามารถรับขนคนจากย่างกุ้ง, เมียวดี, ท่าขี้เหล็ก มากรุงเทพฯ ได้อย่างปลอดภัย 

อยากถามหน่อยว่าเข้ามาได้อย่างไร? ตม. สามารถปล่อยให้เข้ามาได้ง่ายขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ? รึว่ามีผู้มีอิทธิพลหรือข้าราชการชายแดนใดได้ผลประโยชน์ร่วมกับนายหน้าเหล่านี้ จึงง่ายดายเสียขนาดนั้น

ที่เด็ดกว่า คือ มีโพสต์หนึ่งที่ถูกแขวนประกาศบนเพจมองพม่า (LOOK Myanmar) ว่ามีคนไทยรายหนึ่งสามารถพิมพ์ภาษาพม่าได้ เป็นสายคอยแจ้งข่าวคราวความเคลื่อนไหวในการออกพื้นที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยระบุวันไว้อย่างละเอียด พร้อมแจ้งให้คนพม่าที่เข้าเมืองอย่างไม่ถูกต้อง อย่าออกมาค้าขายให้เก็บตัวอยู่ในบ้านในช่วงเวลาดังกล่าวเสียด้วย

ดังที่ทราบกันว่า ตอนนี้มีคนต่างด้าวที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายในไทยมากขึ้น ทั้งทางช่องทางธรรมชาติและผ่านการใช้วีซ่าแล้ว Overstay เมื่อวีซ่าขาด หลายคนมาแบบใช้วีซ่าท่องเที่ยวที่จะอยู่ไทยได้ 60 วัน และ Extend visa ต่อได้อีก 30 วัน เพื่อหางานและให้ได้ Work permit ในช่วงเวลาดังกล่าว 

ที่กล่าวมา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยแล้ว และก็คงได้แต่คอยตั้งคำถามว่า ทางการไทยไม่ทำงานประสานกันเลยอย่างนั้นหรือ?

ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน คงไม่มีใครทำร้าย ทำลายชาติตนเองได้เท่ากับคนในชาติดังปรากฏให้เห็นในประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว 

เอย่า ไม่ได้จะกล่าวโทษว่าการมีคนต่างด้าวหรือต่างชาติเข้ามาทำงานพัฒนาประเทศเป็นสิ่งไม่ดี แต่การเข้ามาที่ไม่ถูกต้อง ... ย้ำทุกครั้งว่า 'ไม่ถูกต้อง' จะนำพาซึ่งปัญหามากมาย ทั้งอาชญากรรม รวมถึงแก๊งสเตอร์ ระดับที่ว่า มีชาวพม่าผู้ยิ่งใหญ่ในสมุทรสาคร สามารถปิดซอยจัดงานเลี้ยงวันเกิดลูกกันได้เลยทีเดียว...

ฉะนั้น ยาเสพติด ลักขโมย และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย คงไม่ต้องให้บรรยายแล้วเนาะ...


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top