Thursday, 22 May 2025
TheStatesTimes

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณชุมชนตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่า 1.85 ล้านบาท โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานในพิธี ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

ตามที่ได้เกิดอัคคีภัยบ้านเรือนประชาชนบริเวณชุมชนตรอกโพธิ์ ถนนทรงสวัสดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยแผนกบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายปฏิบัติการ จัดกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครพร้อมอุปกรณ์ลงพื้นที่ปฏิบัติการและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันที หลังจากนั้น แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดทีมลงพื้นที่เพื่อรับลงทะเบียนผู้ประสบภัยต่อเนื่องในทันที

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 เวลา 11.30 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ  ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย โดยมอบเงินสดช่วยเหลือคนละ 3,500 บาท รวมประมาณ 400 คน เป็นเงิน 1,400,000 บาท  พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคอีกจำนวนหนึ่ง มูลค่ากว่า 450,000 บาท รวมบรรเทาความเดือดร้อนทั้งหมด เป็นเงินจำนวน 1,850,000 บาท (หนึ่งล้านแปดแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยอาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊-อัญชลี) นายปิยะวัฒน์ รัตนหรูวิจิตร (หรูหรา) นางสาวพัชร์สิตา อธิอนันตศักดิ์ (เกรซ-พัชร์สิตา) นางสาวอาจารียา พรหมพฤกษ์ (หลิว) ฯลฯ ร่วมให้กำลังใจ รวมทั้ง มูลนิธิฯ/สมาคมจีนต่างๆ ร่วมให้ความช่วยเหลือ และผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ ร่วมในพิธี ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

'ประธานกกอ.' แจงเคส 'หมอเกศ' กฎหมายทำอะไรได้ลำบาก แต่หากขาดความน่าเชื่อถือ ต้องจี้ตรวจสอบ ก.พ.รับรองวุฒิ

(12 ก.ค. 67) จากกรณี พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.จากกลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งที่ได้คะแนนสูงสุดในการเลือกระดับประเทศ เดินทางมารายงานตัว พร้อมชี้แจงกรณีวุฒิการศึกษาของตนเอง โดยยืนยันว่า วุฒิการศึกษาที่ได้มาทั้งหมดเป็นของจริง จบจริง ไม่มีการซื้อปริญญา มหาวิทยาลัยที่จบก็ไม่ใช่มหาวิทยาลัยห้องแถว

ก่อนหน้านี้ไม่ออกมาชี้แจงเพราะเกรงว่าจะผิดต่อระเบียบของ กกต. ซึ่งจริง ๆ โดนตรวจสอบวุฒิการศึกษาตั้งแต่ระดับอำเภอแล้ว และได้ชี้แจงเป็นเอกสารทั้งหมด ปริญญาที่ได้จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียยูนิเวอร์ซิตี้ และใบรับรองที่ได้จากกระทรวงศึกษาธิการ ของสหรัฐอเมริกา และตัวแคลิฟอร์เนียยูนิเวอร์ซิตี้ ก็เป็นมหาวิทยาลัยจริง ๆ ไม่ใช่ห้องแถว ไม่มีการซื้อปริญญานั้น

ล่าสุด วันที่ 12 ก.ค.67 นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์ ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า การจบปริญญาจากต่างประเทศแล้วใช้คำว่า ดร.นำหน้า ไม่ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ดังนั้น ใครได้ ดร.มาจากไหนแล้วจะใช้เป็นคำนำหน้าก็ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล ขณะที่ตำแหน่งทางวิชาการ ทั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) รองศาสตราจารย์ (รศ.) และศาสตราจารย์ (ศ.) ต้องผ่านการพิจารณาจากสภามหาวิทยาลัย โดยเฉพาะตำแหน่ง ศ. เป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ

ประธาน กกอ.กล่าวต่อว่า กรณีกลุ่มที่จบปริญญาโท-เอก จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย จะต้องได้รับการรับรองวุฒิจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งทาง ก.พ.จะมีรายชื่อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศที่ ก.พ.รับรองวุฒิฯ อยู่แล้ว หากไม่ได้รับรองก็ไม่สามารถทำงานในหน่วยงานราชการได้ แต่ยังสามารถไปทำงานในบริษัทเอกชนได้ ไม่มีปัญหา

ส่วนตำแหน่งทางวิชาการที่ได้รับการรับรองจากต่างประเทศนั้น หากจะนำมาใช้เพื่ออ้างอิงการทำงานในหน่วยงานราชการของไทย ต้องผ่านการเทียบจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ถ้า อว.รับรองตำแหน่งทางวิชาการก็สามารถนำไปใช้อ้างอิงเพื่อเข้าทำงานในหน่วยงานราชการได้

“แต่ถ้า อว.ไม่รับรองก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย กรณีนี้ไม่เหมือนกับกลุ่มแพทย์ที่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ไม่สามารถแอบอ้างได้ แต่ตำแหน่งทางวิชาการไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแต่ไม่สามารถใช้ในการเข้าทำงานในหน่วยงานราชการได้ ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งกรณีของหมอเกศ ทางกฎหมายคงเข้าไปดำเนินการอะไรได้ลำบาก แต่ถ้ามีการตรวจสอบในเชิงลึก ตัวผู้ถูกร้องเรียนเองขาดความน่าเชื่อถือ” นายประดิษฐ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีใช้ตำแหน่ง ศ.หรือ ดร. ในการดำรงตำแหน่ง สว. จะถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายประดิษฐ์กล่าวว่า ตรงนี้ต้องไปดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีวุฒิการศึกษาของ สว. หากมีการร้องเรียนไปที่ อว.ก็ต้องดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งก็ต้องไปดูว่า มหาวิทยาลัยที่ผู้ถูกกล่าวหาจบออกมาได้รับการรับรองวุฒิฯ จาก ก.พ.หรือไม่ ส่วน กกอ.จะเข้าไปดำเนินการอะไรได้หรือไม่นั้น ในการประชุม กกอ.นัดแรก วันที่ 18 กรกฎาคมนี้ ตนจะหารือที่ประชุมเพื่อดูว่าบทบาทของ กกอ.ที่มีอยู่สามารถดำเนินการอะไรในเรื่องนี้ได้บ้าง

‘อาร์ม กรกันต์’ ขึ้นแท่นพิธีกรคนใหม่ MUT 2024 ท่ามกลางแฟนนางงามกรี๊ดสนั่น หลังมาแทน ‘พีเค’

(12 ก.ค.67) เปิดตัวแล้ว สำหรับพิธีกรคนใหม่ของ Miss Universe Thailand 2024 ที่หลายคนกำลังสงสัยว่าใครกันหนอ จะมาแทน ‘พีเค’ หลังพีเคเจอข่าวฉาว นอกใจ ‘โยเกิร์ต’ จนเป็นเหตุทำให้หย่าขาดกับภรรยา 

โดยล่าสุด เพจ Miss Universe Thailand ได้โพสต์ภาพ ‘อาร์ม กรกันต์’ พร้อมเขียนข้อความว่า "THE OFFICIAL MAIN HOST OF MISS UNIVERSE THAILAND 2024 IS 𝐀𝐑𝐌-KORNKAN SUTTHIKOSES." ท่ามกลางแฟนนางงามที่เข้ามาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หล่อสมมงมาก 

สำหรับ Miss Universe Thailand 2024 คืนนี้ 12 ก.ค. 2567 จะมีการประกวดรอบ 𝐏𝐑𝐄𝐋𝐈𝐌𝐈𝐍𝐀𝐑𝐘 𝐂𝐎𝐌𝐏𝐄𝐓𝐈𝐓𝐈𝐎𝐍 และรอบ 𝐍𝐀𝐓𝐈𝐎𝐍𝐀𝐋 𝐂𝐎𝐒𝐓𝐔𝐌𝐄 𝐂𝐎𝐌𝐏𝐄𝐓𝐈𝐓𝐈𝐎𝐍 ณ MCC HALL ชั้น 4 The Mall Lifestore Bangkapi

อึ้ง!! ‘ไฟแนนซ์’ ยึด ‘รถบรรทุก’ สูงเป็นประวัติการณ์ แค่ที่เดียว จากหลักร้อย ทะยานสู่ 3,000 คัน

จากกรณีโลกโซเชียลกระหน่ำแชร์ภาพลานจอดรถที่มีรถถูกไฟแนนซ์ยึดเต็มลาน สะท้อนให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจครัวเรือนในห้วงปัจจุบันอย่างชัดเจน 

ล่าสุด (12 ก.ค. 67) นายสิทธิศักดิ์ มหาสิทธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการตลาด บจก.สยามอินเตอร์การประมูล เปิดเผยในรายการ ‘เรื่องเด่นเย็นนี้’ ว่า จากการที่ปรึกษาพี่ ๆ น้อง ๆ วงการไฟแนนซ์รถมือสองทั้งหมด เราก็มองว่าปีที่แล้วว่าหนักแล้ว ปีนี้หนักกว่า ปีหน้าอาจจะทรง ๆ ตนว่าจากนี้ไปอีกประมาณ 3-4 ปี ถึงจะเริ่มกลับมาดีขึ้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานภาครัฐด้วยว่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร เพราะว่าหนี้เสียเยอะมากเลย การที่ปีนี้มีรถทะลักเข้ามาเยอะ หนี้เสียเยอะตามที่เราเห็น คนเดือดร้อนเยอะ กิจการปิดตัวเยอะ เพราะว่าโครงการช่วยเหลือคนตอนโควิด (พักหนี้) ได้หมดโครงการไปเมื่อปีที่แล้ว มันก็เลยมาบวม ณ ปีนี้

นอกจากนี้ยังพบว่า ปีที่แล้วมีรถถูกยึดราว 350,000 คัน และปีนี้ก็คาดจะอยู่ที่ 300,000 คัน จากสถานการณ์ปกติ จะอยู่ที่ 200,000-250,000 คันต่อปี เรียกว่าเพิ่มขึ้น 30-40% เลยทีเดียว และ 80 ถึง 90% เป็นรถที่ถูกยึดมาจากสถาบันการเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถบ้าน 

และในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการยึดรถจำนวนมากเป็นประวัติการณ์จนแทบล้นลานประมูล เปิดบริษัทมา 20 ปีเพิ่งจะเคยเห็น โดยส่วนมากเป็นรถที่ถูกสถาบันทางการเงินยึด และรถที่ถูกยึดในสต๊อกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จากที่กลุ่มรถบรรทุกเคยถูกยึดหลักร้อยคัน วันนี้เฉพาะที่สยามอินเตอร์การประมูลมีรถบรรทุกถูกยึดมากถึง 3,000 คัน นับว่าสูงที่สุดในประเทศไทย และคาดว่าจะมีรถถูกยึดเพิ่มอีกเรื่อย ๆ เพราะว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว 

‘ลิซ่า’ ได้รับคัดเลือกเป็น ‘ลูกกตัญญู’ ประจำปี 2567 เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ จากสภาสังคมสงเคราะห์ฯ

(12 ก.ค.67) ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ ได้รับการคัดเลือกลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567 จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 

นอกจากนี้ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังได้เปิดรายชื่อนักร้อง นักแสดง ศิลปิน รวม 17 คน ที่ได้รับเลือกเป็นลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ อาทิ อิงฟ้า วราหะ, โอม ภวัต, จิ๊บ วสุ, หลุยส์ เฮสดาร์ซัน เป็นต้น

ทั้งนี้ สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ขอแสดงความยินดีกับคุณแม่และคุณลูก ทุกท่านที่ได้รับการคัดเลือก โดยแม่ดีเด่นแห่งชาติ และลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ ที่ได้รับการคัดเลือกจะเข้ารับพระราชทานรางวัลจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ณ เจ้าพระยาแกรนด์ฮอลล์ ชั้น 3  อาคารบางกอก ดินเนอร์เธียเตอร์ สยามอะเมซิ่งพาร์ค ถนนสวนสยาม เขตคันนายาว กรุงเทพฯ

‘มหาดไทย’ ขยายฟรีวีซ่าเข้าไทยเพิ่มเป็น ‘93 ประเทศ’ 'หนุนท่องเที่ยว-ติดต่อธุรกิจ-ทำงานระยะสั้น' เริ่ม 15 ก.ค.นี้

(12 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ซึ่งต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Travelling) กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทย 4 ฉบับ เพื่อปรับปรุงมาตรการการตรวจลงตรา ให้เป็นปัจจุบันสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ทั่วโลกมุ่งแข่งขันดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้พิจารณาและลงนามประกาศทั้ง 4 ฉบับแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนำเสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนาม จากนั้นจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและทุกฉบับมีผลบังคับพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 67 เป็นต้นไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า สำหรับประกาศกระทรวงมหาดไทยทั้ง 4 ฉบับ มีดังนี้

1.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศและดินแดนที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ทำงานหรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน หกสิบวัน เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดรายชื่อประเทศ/ดินแดนที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา (ยกเว้นวีซ่า หรือ วีซ่าฟรี) สามารถพำนักในประเทศไทยได้ไม่เกิน 60 วัน (ผ.60) เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจและการทำงานระยะสั้น จำนวน 93 ประเทศ/ดินแดน เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ 57 ประเทศ/ดินแดน

2.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือ เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวจะขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง มีสาระสำคัญ เป็นการปรับปรุงรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VOA) เป็น 31 ประเทศ/ดินแดน เพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ จำนวน 19 ประเทศ/ดินแดน

3.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อท่องเที่ยวและทำงานทางไกล เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญ เป็นการเพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ Destination Thailand Visa (DTV) สำหรับชาวที่ประสงค์จะพำนักในประเทศไทยเพื่อทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน (workcation) ได้แก่ กลุ่มที่มีทักษะสูง กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มทำงานระยะไกล หรือกลุ่มที่ประสงค์มาพำนักเพื่อเรียนมวยไทยและศิลปะป้องกันตัว การเรียนทำอาหาร การเรียนและฝึกซ้อมกีฬา การรักษาพยาบาล การอบรม การสัมมนา การจัดแสดงศิลปะและดนตรี โดยเมื่อได้รับการตรวจลงตราประเภท DTV แล้วจะสามารถพำนักในประเทศไทยได้ครั้งละไม่เกิน 180 อายุการตรวจลงตรา 5 ปี

4.ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อศึกษาและทำงาน เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป ที่ได้รับการตรวจลงตรา Non-Immigrant Visa รหัส ED เพื่อดึงดูดผู้ที่มีศักยภาพและทักษะเข้าสู่ตลาดแรงงานของประเทศ โดยขยายเวลาพำนักในประเทศไทยหลังสำเร็จการศึกษา 1 ปี เพื่อหางาน เดินทางท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ในประเทศไทยได้

"เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ออกลาดตระเวนเหยียบกับระเบิดอาการสาหัส พัชรวาทย้ำให้การช่วยเหลือเต็มที่"

11 กรกฎาคม 2567 นายพิชัย วัชรวงศ์ไพบูรย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ได้รายงานสถานการณ์กรณีเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก จ.ศรีสะเกษ เหยียบกับระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอาการสาหัส ทราบชื่อเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บคือนายปรีชา ใสกระจ่าง อายุ 51 ปี พนักงานราชการ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยพิทักษ์ภูพะยอม โดยในเวลาประมาณ 13.30 น. ขณะออกลาดตระเวนเชิงคุณภาพ บริเวณจุดพิกัด 432168E 1595537N ในพื้นที่ป่าพนมสวาย ท้องที่ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ขณะออกติดตามร่องรอยของกลุ่มบุคคลที่คาดว่าจะเข้ามาลักลอบตัดไม้ ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก

นายปรีชาฯ เหยียบกับระเบิดไม่ทราบชนิด ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณขาซ้ายขาด สะเก็ดระเบิดโดนแขนซ้ายนิ้วโป้งกับนิ้วซ้ายขาด เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลอำเภอขุนหาญ และส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ โดยขณะนี้แพทย์ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อได้รับรายงานจากนายพิชัยฯ จึงได้รายงานให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบแล้ว โดยพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ได้เน้นย้ำให้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มกำลังความสามารถ  และอธิบดีฯก็ได้แจ้งข้อสั่งการของพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทราบ และดำเนินการแล้ว พร้อมทั้งให้กำชับเจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวัง ในการปฏิบัติหน้าที่ออกลาดตระเวนพื้นที่ป่าซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบเหตุเหยียบกับระเบิดขึ้นอีก โดยขอให้ประสานกับหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดของทหาร ตลอดจนการออกลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน ในการปฏิบัติหน้าที่

เชียงใหม่-ขนส่งเชียงใหม่ เชิญชวนประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวย (รถเก๋ง) หมวดอักษร งบ รายได้นำเข้ากองทุน กปถ.

เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กรกฏาคม 2567 เวลา 14.00 น. ที่ สำนักงานขนส่งแห่งที่ 2 (แม่เหียะ) สํานักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าวการจัดประมูลป้ายเลขสวย รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน (รถเก๋ง) หมวดอักษร งบ ประมูลทางวาจาและทางอินเทอร์เน็ต วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

นายมานพ พุทธวงค์ ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สํานักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กําหนดจัดการประมูลหมายเลขทะเบียนรถสวย (รถเก๋ง) ครั้งที่ 34 หมวดอักษร งบ “เงินมั่งคั่ง งานมั่งคง บริหารธุรกิจรุ่งเรือง” จํานวน 301 หมายเลข ประมูลทางวาจา (เคาะไม้) และทางอินเทอร์เน็ต ที่เว็บไซต์ www.tabienrod.com โดยสามารถลงทะเบียน เลือกเลข และราคาที่พอใจตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยจะปิดการประมูล ในวันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

การประมูลหมายเลขทะเบียนรถเก๋ง (เลขสวย) ในครั้งนี้ ในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) แผ่นป้ายที่จะนําออกประมูลเป็นแผ่นป้ายภาพกราฟฟิคที่มีสีสันสวยงาม มีเอกลักษณ์และความหมายบ่งบอก ความเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ตามคําขวัญจังหวัดเชียงใหม่ “ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์” ซึ่งจะสื่อความหมายของจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นจังหวัดที่มีความเจริญรุ่งเรือง สงบ ร่มเย็น ประชาชนมีความสุขโดยถ้วนหน้า อันจะส่งผลให้ผู้ที่ครอบครองป้ายดังกล่าวจะมีแต่ความเจริญ เป็นสิริมงคล รถที่ใช้อยู่จะนําพาให้มีทรัพย์เพิ่มพูนทวียิ่งๆขึ้นไป

กรมการขนส่งทางบกได้นําหมายเลขทะเบียนรถซึ่งเป็นที่ต้องการหรือเป็นที่นิยมของประชาชน สําหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ออกประมูลเป็นการทั่วไปเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิ เข้าร่วมการประมูลอย่างเสมอภาค เท่าเทียมกัน ด้วยความโปร่งใส และเป็นธรรม โดยรายได้ทั้งหมดนําเข้า กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เพื่อนําไปสนับสนุนโครงการที่สร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เช่น โครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลต่าง ๆ โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ โครงการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ศูนย์ควบคุมสถานตรวจสภาพรถเอกชน และจัดสรรเงิน เป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน เป็นต้น

สํานักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกท่าน และพี่น้อง ประชาชนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในจังหวัดใด สนใจป้ายที่มีความหมายสื่อถึงความเป็นคนเชียงใหม่ สามารถเข้าร่วมการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวย และร่วมทําบุญสร้างกุศลโดยการร่วมประมูล หมายเลขทะเบียนรถเลขสวยและแผ่นป้ายทะเบียนรถหมวดอักษรงบ“เงินมั่งคั่งงานมั่งคง บริหารธุรกิจรุ่งเรือง” ครั้งนี้ ได้ทําพิธีเสริมสิริมงคลแผ่นป้ายทะเบียนรถ

โดยพระธรรมเสนาบดี รองเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาส วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรมหาวิหาร ประกอบพิธีอธิษฐานจิต ประพรมน้ําพระพุทธมนต์ และเจิมแผ่นป้าย ณ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชมหาวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง ผู้เป็นเจ้าของหมายเลข ทะเบียนรถเลขสวยให้มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มทวีคูณยิ่งๆขึ้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายทะเบียนรถ 061 268 2266, 061 270 5454 และที่หมายเลข 1584
 

อุทยานฯผาแดง จับกุมผู้ต้องหาลักลอบแปรรูปไม้ ขยายผลอายัดไม้ต้องสงสัยคาบ้านผู้ร่วมขบวนการ

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าตามข้อสั่งการของพล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้ทำงานในเชิงรุกด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดลักลอบล่าสัตว์ ตัดไม้ทำลายป่า ตลอดจนการขยายผลเพื่อจับกุมขบวนการ นายทุนรายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานภาคสนามรับไปปฏิบัติแล้วนั้น ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากนายประกาศิต ระวิวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแดง จังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่าเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 คณะเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติผาแดงที่ 5 (แม่จา) ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าพบการทำไม้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแดง บริเวณป่าด้านทิศตะวันตกบ้านทุ่งข้าวพวง หมู่ที่ 3 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงได้เข้าตรวจสอบในบริเวณดังกล่าว ตรวจพบร่องรอยการชักลากไม้ จึงกระจายกำลังเข้าตรวจสอบในบริเวณใกล้เคียง ในระยะทางประมาณ 500 เมตร พบกระท่อมและชายต้องสงสัย ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนายกอ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี เป็นราษฎรในพื้นที่ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบกระท่อม พบไม้ประดู่ จำนวน 7 ท่อน ไม้ประดู่แผ่น จำนวน 3 แผ่น เมื่อสอบถามนายกอแล้ว ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานที่มาของไม้ มาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางการกระทำผิดสำหรับแปรรูปไม้ อาวุธปืนแก๊ป และตรวจสอบพบยาบ้า ในย่าม จำนวน 2 เม็ด จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสภ.นาหวาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ต่อมา ผู้ต้องหาได้ให้การซัดทอดผู้ร่วมขบวนการ ชื่อนายอ่าง และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา พบว่ามีการติดต่อกันทางโทรศัพท์ จึงได้มอบหมายให้นายนรินธร สวัสดิ์รักษ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแดง ขอหมายศาลจากศาลแขวงเชียงดาว เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 122 ม. 1 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ภายในบ้านพบนางบัวผัน (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นแม่ยายของนายอ่างฯอยู่ภายในบ้าน  เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังเข้าตรวจสอบภายในบ้านซึ่งเป็นบ้านปูน 1 ชั้นภายในกั้นเป็น 3 ห้อง บริเวณข้างบ้านพบกองไม้ประดู่และไม้สัก กองอยู่ข้างบ้าน แบ่งเป็นไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 43 แผ่น ไม้สักแปรรูป จำนวน 12 แผ่น โดยนางบัวผันฯแจ้งว่าไม้ดังกล่าวเป็นของนายศราวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) หรือนายอ่าง ซึ่งเป็นลูกเขยของตน พร้อมทั้งนำเอกสารการครอบครองไม้จำนวน 2 ฉบับ มาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่เนื่องจากไม้มีเป็นจำนวนมากและเป็นไม้หวงห้าม เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการอายัดไม้ดังกล่าวไว้ เพื่อนำไปตรวจสอบความถูกต้อง พร้อมทั้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในเบื้องต้นที่สภ.นาหวาย ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่าไม้ที่กองอยู่ภายในบ้าน และเอกสารหลักฐานการได้มาของไม้ไม่ถูกต้องตรงกัน จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ต่อไป

สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทยจัดโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิต และการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รุ่นที่ 1 ภาคเหนือ

นางสาวอมรศรี รัศมิทัต ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิต และการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ระหว่างวันที่ 11 – 13 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องประชุมโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย / กรรมการภาคเหนือ ผู้แทนจากตำรวจภูธรภาค 5 และภาค 6 ผู้แทนจากหน่วยงานสาธารณสุขทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ผู้แทนจากกรมสุขภาพจิต แขกผู้มีเกียรติ ร่วมงาน

นางสาวอมรศรี รัศมิทัต ผู้อำนวยการกองคุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตและการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งต้องการให้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านได้รับความรู้ มีความเข้าใจในเรื่องสิทธิด้านต่างๆสำหรับคนพิการ โดยเฉพาะการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรงและการฆ่าตัวตาย รวมทั้งเน้นให้เห็นความสำคัญของครอบครัวเพื่อลดความรุนแรง รวมทั้งเพื่อให้ได้แนวทาง และขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต และ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

นางสาวอุษาวดี สีขาว เลขานุการสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตภาคเหนือ กล่าวว่าโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิต และการบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดแกนนำเครือข่ายภาคปฏิบัติ ที่มีความรู้ความเข้าใจขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตเมื่ออยู่ในภาวะต่างๆได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และทันเหตุการณเพื่อให้ได้แนวทาง และขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี  ตามพระราชบัญญัติสุขภาพจิต และ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จากการทำแผนงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง

สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม  2546 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 21 ปี การจัดโครงการฯในวันนี้ ดำเนินการระหว่างวันที่ 11 - 13 กรกฎาคม 2567 โดยจะมีการจัดกิจกรรมทั้งหมดจำนวน 5 รุ่น แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 ภาคเหนือ จำนวน 140 คน รุ่นที่ 2 ภาคกลาง จำนวน 139 คน รุ่นที่ 3 ภาคอีสาน จำนวน 154 คน รุ่นที่ 4 ภาคใต้ จำนวน 117 คน และรุ่นที่ 5 ภาคตะวันออก จำนวน 76 คน รวมกลุ่มเป้าหมายทั้งโครงการจำนวน 626 คน

กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการในรุ่นที่ 1 ภาคเหนือ มาจากคณะกรรมการภาคเหนือหรือผู้แทน กรรมการและกรรมการที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ที่ปรึกษาสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตภาคเหนือ ผู้แทนตำตรวจภูธรภาค 5 และภาค 6 ทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ ผู้แทนจากหน่วยงานสาธารณสุขทั้ง 17 จังหวัด ผู้แทนจากกรมสุขภาพจิต ผู้สังเกตการณ์ วิทยากรและคณะทำงาน รวมจำนวน 140 คน คาดว่าจะได้รับ แกนนำเครือข่ายผ่านการฝึกอบรม และมีความรู้ความเข้าใจ ขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตเมื่ออยู่ในภาวะต่างๆได้อย่างถูกวิธี ได้แผนงานและขั้นตอนในการให้ความช่วยเหลือคนพิการทางจิตอย่างถูกวิธี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top