Sunday, 11 May 2025
TheStatesTimes

‘วราวุธ’ วอน!! ปชช. ‘หยุดให้เงินขอทาน’ ชี้!! ยิ่งให้เหมือนยิ่งหนุนให้ลามเป็นอาชีพ

(11 มิ.ย.67) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดการปัญหาขอทาน ว่า ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้ร่วมงานกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หรือทางกรุงเทพฯ เอง เราออกตรวจตรากันเดือนละ 5 ครั้ง

โดยในแต่ละครั้งนั้น เราจะมีการดำเนินการจับผู้ที่เป็นขอทาน หากพบว่าเป็นชาวต่างชาติก็จะส่งกลับภูมิลำเนา หากพบว่าเป็นคนไทยจะมีการดำเนินการต่างกันไปคือ จะส่งไปที่สถานดูแลบุคคลไร้ที่พึ่งของกระทรวงฯ มีการฝึกอาชีพและสนับสนุนให้หางานทำ หนึ่งในเหตุผลที่ทางกระทรวงเคยได้สอบถามจากขอทานบางคนที่กลับมาขอทานใหม่ คือเงินค่าปรับถูกกว่ารายได้ และมีรายได้สูง

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ต้องถามว่าการที่ขอทานรายได้ดีจนค่าปรับดูคุ้มที่จะกลับมาขอทานใหม่ ต้องสงสัยว่ารายได้ขอทานมาจากไหน ส่วนใหญ่ก็จะมาจากท่องเที่ยว หรือเราๆ ท่านๆ กันทั่วไป เพราะสังคมไทยของเราเป็นสังคมเอื้ออาทร ขอทานในรูปแบบใหม่ จะมาในรูปแบบของเด็ก หรือใช้สัตว์เลี้ยง และหากพบว่ามีเด็กด้วยนั้น เราจะทำการตรวจสอบว่า ผู้ใหญ่มาด้วยเป็นญาติกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็จะมีการดำเนินคดี

นายวราวุธ เปิดเผยว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมานั้น เราจับขอทานไปได้ประมาณ 7,000 กว่าคน ซึ่งประมาณ 30% เป็นชาวต่างชาติ แต่การที่เรามีขอทานวนเข้ามาอยู่เรื่อยๆ เป็นจำนวนที่มากขึ้น ต้องขอความร่วมมือประชาชนหยุดการให้ทาน ทุกวันนี้เรามีการลงพื้นที่ขอทานเดือนละ 5 ครั้ง หากจะให้เจ้าหน้าที่ของเราลงตรวจขอทานทุกวัน คงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ พม.ยังมีหน้าที่อื่นๆ อีก ดังนั้น ต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ให้ช่วยแจ้งเข้ามาหากพบเห็นขอทาน ทางกระทรวงฯ พร้อมจะรับเรื่อง และออกไปดำเนินการทันที

เมื่อถามถึงรายได้ที่ขอทานได้จากนักท่องเที่ยว มีประมาณเท่าไหร่ นายวราวุธ กล่าวว่า ยังไม่มีการยืนยัน แต่ในช่วงไฮซีซั่น หากเป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ ด้วยความไม่รู้ ก็จะมีการให้กันอยู่เรื่อยๆ มีบางคนได้เดือนละเกือบ 100,000 บาท ตนไม่แน่ใจว่า เป็นการทำคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม การทำเป็นขบวนการแบบนี้ ผู้ที่เป็นตัวการจะต้องโดนดำเนินคดีตามกฎหมาย บางครั้งการที่มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาแล้ววางขอทานจุดนั้นจุดนี้ เมื่อรวมรายได้กันแล้ว ก็ไม่แปลกใจที่จะได้หลักหมื่น แต่ที่ได้เฉียด 100,000 บาทนั้น อาจจะต้องรวมกันหลายๆ คนเข้ามา สมมติว่า เดือนหนึ่งได้มาคนละ 20,000 บาท แล้วโดนปรับครั้งละ 5,000 บาท ในมุมมองของคนทำอาชีพขอทาน ก็ถือว่าคุ้มค่า ดังนั้น การที่เราให้ทาน เป็นการสนับสนุนให้มีการขอทานมากขึ้น

เมื่อถามว่า หากขอทานที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งถูกส่งกลับภูมิลำเนาไปแล้วยังกลับเข้ามาอีก สามารถจัดการอะไรได้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คงต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเราคงไปตรวจตราตะเข็บชายแดนไม่ได้ ต้องสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะทางด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือตามช่องทางธรรมชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร จะให้เราไปอยู่ตามจุดแดน ก็คงไม่ใช่หน้าที่ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจเรา

‘มาเลเซีย’ ไม่แบกต่อ จ่อยกเลิกอุดหนุนราคา ‘เบนซิน 95’ ต่อจากดีเซล คาด!! ทำเงินเฟ้อแตะ 3.5 แต่เพื่อลดเป้าขาดดุลเหลือ 4.3% ต้องทำ!!

(11 มิ.ย.67) อามีร์ ฮัมซาห์ อาซิซาน รัฐมนตรีช่วยคลังของมาเลเซีย แถลงว่า รัฐบาลจะยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลแบบปูพรม โดยนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 มิ.ย.67 นี้เป็นต้นไป ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกหน้าปั๊มจะปรับขึ้นมาเป็นราคาตลาดที่ 3.35 ริงกิตต่อลิตร (ราว 26.21 บาท) ยกเว้นเพียงรัฐซาบาห์ ซาราวัก และเขตลาบวน ที่จะยังได้รับการอุดหนุนที่ราคาเดิม 2.15 ริงกิตต่อลิตร (ราว 16.83 บาท) ต่อไป 

รัฐบาลประกาศด้วยว่าจะดำเนินการยกเลิกการอุดหนุน "น้ำมันเบนซิน RON95" แบบปูพรมเป็นรายการต่อไป โดยปัจจุบันเบนซิน RON95 เป็นน้ำมันเบนซินที่มีราคาถูกที่สุด และเป็นที่นิยมมากที่สุดในมาเลเซีย โดยนอกจากรัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณอุดหนุนมหาศาลแล้ว ก็ยังมีปัญหาการลักลอบขนน้ำมันไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายพันล้านริงกิตอีกด้วย   

อามีร์ กล่าวว่า การยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคาดีเซลครั้งนี้คาดว่าจะช่วยรัฐบาลประหยัดได้ถึงราว 4 พันล้านริงกิตต่อปี (ราว 3.1 หมื่นล้านบาท) ขณะที่รัฐบาลใช้งบประมาณอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลในปี 2566 ไปถึง 1.43 หมื่นล้านริงกิต (ราว 1.12 แสนล้านบาท)

หลังจากที่ยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลแบบปูพรมทั้งประเทศแล้ว รัฐบาลจะหันไปใช้มาตรการช่วยเหลือแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมายแทน โดยจะแจกเงินให้กลุ่มเป้าหมายที่ใช้น้ำมันดีเซลกว่า 3 หมื่นราย เข้าบัญชีคนละ 200 ริงกิตต่อเดือน (ราว 1,500 บาท) เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.67 นี้ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์บางประเภท เช่น ขนส่งสาธารณะ และประมง จะได้รับการช่วยเหลือภายใต้โครงการอุดหนุนเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย

ธนาคารกลางมาเลเซีย เคยคาดการณ์ว่า การยกเลิกมาตรการอุดหนุนทั้งดีเซล และเบนซิน 95 อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศขยายตัวแตะระดับสูงสุด 3.5% ในปีนี้ จากระดับต่ำกว่า 2% ในเดือนก.ย.2566 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม เคยประกาศเป้าหมายจะลดการขาดดุลงบประมาณปีนี้ลงให้เหลือ 4.3% จากเดิมที่ขาดดุล 5% ในปี 2566 ท่ามกลางแรงกดดันให้ทยอยยกเลิกมาตรการอุดหนุนแบบปูพรม โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิด 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือน 7 ภัยออนไลน์วัยเกษียณ ที่คนร้ายตีเนียนมาหลอกลวง

วันนี้ (11 มิถุนายน 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพที่มีเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นวัยที่มีทรัพย์สินและเงินออมจำนวนมาก ขาดการป้องกันตนเอง และขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์รูปแบบภัยออนไลน์ที่พุ่งเป้ามาที่ผู้สูงอายุวัยเกษียณ เพื่อให้ท่านรู้เท่าทันอาชญากรรม ดังนี้
1. การหลอกลวงซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยหลอกให้ซื้อขายสินค้าแต่ไม่มีเจตนาที่จะส่งสินค้าให้จริง
2. การหลอกลงทุน โดยหลอกชักชวนให้ลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง ในเวลาอันสั้น ที่ไม่มีอยู่จริง
3. การหลอกให้รัก โดยหลอกเข้ามาตีสนิท สร้างความสัมพันธ์ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อหวังเอาทรัพย์สิน
4. การหลอกให้กลัว หรือ Call Center โดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แจ้งว่าท่านเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด หลอกให้โอนเงินให้ตรวจสอบ
5. การหลอกขายยาและอาหารเสริม โดยหลอกขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือยา อ้างว่าสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งอาจไม่ได้ผลจริงและเป็นอันตราย
6.การหลอกขายประกันสุขภาพ โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทประกันสุขภาพ เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวหรือขายประกันที่ไม่เป็นความจริง
7. การหลอกรับสวัสดิการผู้สูงอายุ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการที่ดูแลเรื่องบำนาญหรือสวัสดิการผู้สูงอายุ และขอข้อมูลส่วนตัวหรือขอให้โอนเงินเพื่อดำเนินการ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในรูปแบบดังกล่าว และขอให้คอยสอดส่องดูแลบุคคลในครอบครัวของท่าน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวงโดยมิจฉาชีพที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ และสำหรับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘หอการค้าฯ’ ชี้!! บอลยูโรดันเงินสะพัด 8.7 หมื่นล้าน แต่ 6.7 หมื่นล้าน จะมาจากการเดิมพันพนันบอล

(11 มิ.ย.67) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วงฟุตบอลยูโร 2024 จะมีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ 20,575 ล้านบาท และมีการใช้จ่ายนอกระบบเศรษฐกิจ หรือจากการเดิมพันพนันบอล 67,044 ล้านบาท ส่งผลให้ช่วงยูโร 2024 จะสร้างเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจไทย 87,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งก่อน และมากกว่าฟุตบอลโลกในปี 2022 ที่มีเงินสะพัด 75,000 ล้านบาท

ขณะที่ ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงฟุตบอลยูโร จากกลุ่มตัวอย่างกว่าพันคนทั่วประเทศพบว่าส่วนใหญ่จะใช้จ่ายมากกว่ายูโรครั้งก่อน โดยกิจกรรมที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดคือ การซื้ออาหารและเครื่องดื่ม เฉลี่ยประมาณ 3,700 บาทต่อคน การทานอาหารและเครื่องดื่มที่ร้านอาหารประมาณ 4,497 บาทต่อคน และการซื้อสินค้าของที่ระลึกทีมบอล 2,475 บาทต่อคน

นอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมการเล่นพนันบอลเพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มตัวอย่าง 35.6% บอกว่าตัวเองจะเล่นพนันบอล ส่วนใหญ่พนันเป็นเงินสด โดยเฉลี่ยใช้เงินประมาณ 2,000 บาทต่อนัด หรือเฉลี่ยคนละ 23,574 บาทตลอดฤดูกาล ทีมที่คนไทยส่วนใหญ่เชียร์ 3 อันดับแรกคือ อังกฤษ, เยอรมนี และฝรั่งเศส ขณะที่ทีมที่คาดการณ์ว่าจะได้แชมป์ 3 อันดับแรกประกอบด้วยอังกฤษ, ฝรั่งเศส และสเปน ตามลำดับ

นอกจากนี้ เมื่อเจาะลึกไปถึงกลุ่มผู้บริโภคพบว่า สื่อที่ใช้ในการรับชม ฟุตบอลยูโร 2024 ในปีนี้ TV เป็นสื่อที่กลุ่ม Baby Boom ใช้รับชมมากที่สุด โดยกลุ่มดังกล่าวจะใช้ในการรับชมกับครอบครัว ขณะที่การรับชมผ่าน Website และ ผ่าน APP สตรีมมิ่งจะเป็นที่นิยมของกลุ่ม Gen X และ Gen Z

สิ่งที่น่าสนใจของพฤติกรรมผู้บริโภคในการรับชมฟุตบอลยูโร 2024 ในปีนี้ คือ คนไทยส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการใช้สถานที่รับชมฟุตบอลนอกบ้านลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงฟุตบอลโลกปี 2022 ‘บ้าน’ เป็นสัดส่วนที่คนไทยมีการรับชมมากที่สุด อยู่ที่ 65.9% เพิ่มขึ้นจาก ฟุตบอลโลก2022 ที่มีสัดส่วน 34.6%

ขณะที่ร้านอาหารมีสัดส่วนการรับชมอยู่เพียง 5.7% ลดลงจาก ฟุตบอลโลก 2022 ที่มีสัดส่วน 20.7 ด้าน ลานกิจกรรม มีสัดส่วนการรับชมอยู่ 5.9% ลดลงจากฟุตบอลโลก 2022 ที่มีสัดส่วน 22.4 และ สถานบันเทิง มีสัดส่วนการรับชมอยู่ที่ 2.9% ลดลงจากฟุตบอลโลก 2022 ที่มีสัดส่วน 22.1% สิ่งที่น่าสนใจคือ บ้านเพื่อน เป็นสถานที่มีการรับชมฟุตบอลยูโร 2024 ที่มีการเติบโตสูงสุด หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 19.6% มากกว่าช่วง ฟุตบอลโลก 2022 ที่มีสัดส่วน เพียง 0.1%

'รมว.ปุ้ย' ยกทีม 'ก.อุตฯ' เชื่อมความสัมพันธ์ 'ไทย-จีน' ปูพรมทางด่วนการค้า 'นครศรีธรรมราช-หนานหนิง'

(11 มิ.ย. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เผยถึงการยกคณะทำงานของกระทรวงอุตฯ และ 'ดีพร้อม' ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช เพื่อไปปฏิบัติภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับพี่น้องชาวท้องที่-ท้องถิ่น ในการสร้างงานสร้างอาชีพพัฒนาวิสาหกิจในพื้นที่ ท่าศาลา สิชล ว่า...

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปุ้ยได้เข้าพบกับ ท่าน อู๋ ตงเหมย กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสงขลาลา และ ท่าน จาง จื้อเหวิน กงสุลพาณิชย์ และคณะผู้ก่อการดีงามเพื่อชาวนครศรีธรรมราช สมชาย ลีหล้าน้อย, รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ยุทธกิจ มานะจิตต์, ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช  'น้ายูร' ประยูร เงินพรหม, ประธานหอการค้านครศรีธรรมราช 'โกหนุ่ม' กรกช เตติรานนท์, กรรมการหอการค้าไทย พี่นนท์ นนทิวรรธ์ นนทภักดิ์, สภาอุตสาหกรรม และ สมาคมพาณิชย์จีน มาร่วมหารือกันในตัวเมืองนครศรีธรรมราช

นครหนานหนิง มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยมายาวนานมาก โดยเฉพาะที่นครศรีธรรมราช ชาวจีนไหหลำได้อพยพมาตั้งรกรากมานับร้อยปีแล้ว ความสัมพันธ์ทั้งทางประวัติศาสตร์ การเชื่อมโยงผู้คนบรรพบุรุษวัฒนธรรม มีกันมาอย่างยาวนานและแน่นแฟ้น

ประเด็นสำคัญ...ปุ้ยได้ถือโอกาสเชื่อมโยงอุตสาหกรรมการเกษตรบ้านเรา เช่น ทุเรียน, มังคุด, ส้มโอ โดยได้ริเริ่มในการเฟ้นหาผู้ซื้อรายใหม่ ๆ จากนครหนานหนิง มาซื้อตรงจากนครศรีธรรมราช เป็นการทำตลาดผู้ซื้อรายใหม่ และมีหอการค้านครศรีธรรมราช รับอาสาในการเชื่อมโยง เป็นทางด่วนของการค้าระหว่างนครศรีธรรมราช และหนานหนิงเส้นทางใหม่ก็ว่าได้ อันนี้ข่าวดี

รมว.ปุ้ย กล่าวอีกว่า ตนยังได้ยืนยันไปในเรื่องความพร้อมของท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานนายกรัฐมนตรีได้มาปฏิบัติราชการที่นครศรีธรรมราช ได้มีการเร่งรัดเรื่องท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ให้เต็มรูปแบบโดยเร็วเรามีความพร้อมสามารถเชื่อมโยงตรงได้ หลังจากนี้จะมีการติดตามขยายผลให้เร็วที่สุดอย่างต่อเนื่อง แล้วปุ้ยจะมาอัปเดตเรื่องนี้เป็นระยะ ๆ ต่อไป 

‘ศาลอาญา’ ยกฟ้อง ‘เบนซ์ เดม่อน’  คดีจัดให้เล่นพนัน-ฟอกเงิน เว็บ ‘มาเก๊า 888’

(11 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีเว็บพนันออนไลน์ มาเก๊า 888 หมายเลข ดำอ.1140/2566 ที่พนักงานอัยการสำนักงานพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอดิศักดิ์ นวลละออง, น.ส.พชรพร แซ่ตั๊น, น.ส.นันทวรรณ โรจน์สุวรรณชัย, น.ส.หัทยา ลองศิริคง, น.ส.แววเทียน ไทยสงคราม, นายวรุตม์ กาญจนปภากูล, นายธนิตพงศ์ สุรีโชติภิรมย์, นายณัฐพงศ์ ระชินลา และนายชัยวัฒน์ ขจรบุญถาวร หรือ เบนซ์ เดม่อน นักธุรกิจชื่อดัง พี่ชายคนโตพี่น้องตระกูล บ. ที่ 9 เป็นจำเลยที่ 1-9 

ในความผิดฐาน ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน

กรณีพวกจำเลยร่วมกันเปิดเว็บไซต์การพนันชื่อหวยสดพลัส (www.huaysodplus.com) และเว็บไซต์อื่น อาทิ เว็บไซต์พนัน มาเก๊า 888 ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ สู้คดี

โดยศาลพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-7 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น จำคุกจำเลยที่ 3, 6 คนละ 3 เดือน ฐานร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

จำคุกจำเลยที่ 3, 6 คนละ 3 เดือน ฐานร่วมกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และฐานร่วมกันเป็นผู้เล่น เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษให้ลงโทษฐานร่วมกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว 

จำคุกจำเลยที่ 3, 6 คนละ 3 เดือน ฐานสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และฐานร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษให้ลงโทษฐานร่วมกันฟอกเงินบทเดียว จำคุกจำเลยที่ 6 กระทงละ 1 ปี รวม 103 กระทง

จำคุกจำเลยที่ 1  กระทงละ 1 ปี รวม 4 กระทง จำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 1 ปี รวม 3 กระทง จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี จำคุกจำเลยที่ 4 กระทงละ 1 ปี รวม 8 กระทง จำคุกจำเลยที่ 5 กระทงละ 1 ปี รวม 3 กระทง จำคุกจำเลยที่ 7  กระทงละ 1 ปี รวม 5 กระทง 

ฐานสนับสนุนร่วมกันช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น จำคุกจำเลยที่ 1, 2, 4, 5, 7 คนละ 2 เดือน ฐานสนับสนุนร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จำคุกจำเลยที่ 1, 2, 4, 5, 7 คนละ 2 เดือน ฐานสนับสนุนร่วมกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และฐานร่วมกันเป็นผู้เล่น 

เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1,2,4,5,7 คนละ 2 เดือน จำเลยที่ 1-5 และที่ 7 ยังมีความผิดฐานสนับสนุนการสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และฐานสนับสนุนการร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวของจำเลยที่ 1-5 และที่ 7 อีกคนละ 1 กระทง จำคุกคนละ 8 เดือน จำเลยที่ 6 ให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 1-5 และที่ 7 ให้การรับสารภาพบางข้อหาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานร่วมกันช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น คงจำคุกที่ 3 และที่ 6 คนละ 1 เดือน 15 วัน ฐานร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์

คงจำคุกจำเลยที่ 3 และที่ 6 คนละ 1 เดือน 15 วัน ฐานร่วมกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และฐานร่วมกันเป็นผู้เล่นซึ่งลงโทษให้ลงโทษฐานร่วมกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ คงจำคุกจำเลยที่ 3 และที่ 6 คนละ 1 เดือน 15 วัน ฐานร่วมกัน ฟอกเงินคงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 6 กระทงละ 6 เดือน รวม 103 กระทง 

คงจำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 6 เดือน รวม 4 กระทง คงจำคุกจำเลยที่ 2 กระทงละ 6 เดือน รวม 3 กระทง คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 เดือน คงจำคุกจำเลยที่ 4 กระทงละ 6 เดือน รวม 8 กระทง คงจำคุกจำเลยที่ 5 กระทงละ 6 เดือน รวม 3 กระทง คงจำคุกจำเลยที่ 7 กระทงละ 6 เดือน รวม 5กระทง

รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 38 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 32 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 18 เดือน 15 วัน รวมจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 62 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 5 มีกำหนด 32 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 622 เดือน 15 วัน รวมจำคุกจำเลยที่ 7 มีกำหนด 44 เดือน 

สำหรับจำเลยที่ 6 เป็นกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษอย่างสูงเกิน 3 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี จึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 6 มีกำหนด 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) ริบของกลาง ยกฟ้องจำเลยที่ 8 และจำเลยที่ 9

3 ข้อควรรู้!! หากมีโอกาสได้เข้าฟังบรรยายจาก 'วิชัย ทองแตง' ทุกครั้งที่เข้าฟัง 'ต้องได้ความรู้-คู่คุณธรรม-ไม่ถูกหลอกลวง'

เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย. 67) ช่องติ๊กต๊อก 'Sparkupdate' ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่มีข้อคิดจากคำมั่นสัญญาของ ‘คุณวิชัย ทองแตง’ โดยมีเนื้อหาดังนี้...

‘ใครที่จะมาฟังบรรยายของท่านวิชัย ทองแตง ต้องปฏิบัติตามคำ ปฏิญาณ 3 ข้อ’

1.จะไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อโกงหรือหลอกลวงผู้อื่น
2.จะเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ดี มีคุณธรรม
3.จะแบ่งปันความรู้และโอกาสให้กับผู้ที่ด้อยกว่า

นอกจากนี้ ยังเผยอายุที่กำลังย่างเข้าสู่วัย 77 ปี โดยมีเคล็ดไม่ลับในการดูแลสุขภาพให้ด้วยว่า "เดินวันละไม่ต่ำกว่า ‘10,000 ก้าว’ รับรองสุขภาพร่างกายแข็งแรงแน่นอน"

‘อ.วีระศักดิ์’ บรรยายสร้างแรงบันดาลใจ ‘ขรก.สำนักเลขาฯ สภาฯ’ แนะใช้ ‘ทัศนคติที่ดี - ทักษะ - ความรู้’ พัฒนางานให้มั่นคง

(11 มิ.ย.67) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรผู้บรรยายสร้างแรงบันดาลใจให้กับข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในหัวข้อ ‘ข้าราชการรุ่นใหม่กับการพัฒนาศักยภาพของตนเอง’ ตามโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรรุ่นใหม่ เพื่อความเป็นมืออาชีพในการปฏิบัติงาน ที่อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน

โดยนายวีระศักดิ์ได้ยกตัวอย่าง เกี่ยวกับทักษะที่สำคัญมากในยุคนี้ ต้องเรียงลำดับความสำคัญมาจากเรื่อง ทัศนคติที่ดีนำหน้า ตามด้วยทักษะการเรียนรู้ สื่อสาร ส่งพลัง แล้วตามด้วยความรู้ ที่มนุษย์กำลังต้องค้นคว้าเพิ่มมารับมือกับยุควิกฤตใหม่ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และการหลอมละลายแตกหักในระดับสังคม จนถึงการล่มสลายของระบบนิเวศทางชีวภาพ ซึ่งมนุษย์ไม่อาจใช้ทัศนคติ ความเคยชินเดิม ๆ ที่เคยพามนุษย์ พาทุกสิ่งเข้าสู่ยุคการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนมาในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาได้อีกแล้ว 

ข้าราชการประจำฝ่ายรัฐสภามีโอกาสสำคัญยิ่งที่ได้ร่วมงานกับฝ่ายการเมือง ซึ่งมีทั้งมิติพื้นที่ มิติภาค มิติระดับภาค มิติระหว่างประเทศ ทั้งในงานออกแบบกลั่นกรองกฎหมาย การตรวจสอบกำกับฝ่ายบริหาร งบประมาณ การสื่อสารสังคมและการพัฒนานโยบายสาธารณะของฝ่ายการเมือง 

ดังนั้นการใช้โอกาสเหล่านี้ที่มีพร้อมด้วยทักษะงาน ความรู้รอบ และทัศนคติที่เป็นบวก จะช่วยให้เกิดผลดีต่อส่วนรวมได้อย่างดี มีหลักการและความต่อเนื่อง เพราะไม่ว่านักการเมืองจะมาหรือไปกี่ครั้ง แต่ฝ่ายประจำจะยังคงอยู่ อย่างมืออาชีพที่มั่นคงและช่วยประคองการเปลี่ยนผ่านได้อย่างต่อเนื่องเสมอ

‘สิงคโปร์แอร์ไลน์’ ประกาศเยียวยาผู้โดยสาร เที่ยวบินตกหลุมอากาศ บาดเจ็บขั้นต่ำรายละกว่า 3 แสนบาท พร้อมคืนค่าตั๋วให้ทุกคน

(11 มิ.ย.67) จากกรณีเหตุเครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ที่เดินทางออกจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มุ่งหน้าสู่ประเทศสิงคโปร์ ได้ขอลงจอดฉุกเฉิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 21 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่น

โดยสายการบินได้ยืนยันว่า บนเครื่องบินมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต 1 ราย บนเที่ยวบิน SQ321 เครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER มีผู้โดยสารบนเครื่องทั้งหมด 211 คน ลูกเรือ 18 คน เหตุเพราะเจอกับสภาพอากาศที่แปรปรวนระหว่างเดินทาง

ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก Singapore Airlines ได้โพสต์ข้อความชี้แจงรวมถึงการจ่ายค่าชดเชยกรณีดังกล่าวกับผู้โดยสารเที่ยวบิน SQ321 โดยมีรายละเอียดดังนี้

Singapore Airlines (SIA) ขออภัยผู้โดยสารทุกท่านเป็นอย่างสูงสําหรับประสบการณ์ที่บอบช้ำบนเที่ยวบิน SQ321 ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2024 เรามุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนและความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในระหว่างเวลานี้ SIA ยืนยันว่าเราได้ส่งข้อเสนอค่าชดเชยให้แก่ผู้โดยสารในวันที่ 10 มิถุนายน 2024

สําหรับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเหตุการณ์นี้ เราได้เสนอค่าชดเชย 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 367,710 บาท

สําหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์นี้ จะมีการเชิญให้ผู้โดยสารเข้ามาปรึกษาเรื่องข้อเสนอค่าตอบแทนที่เหมาะสมเมื่ออาการดีขึ้น และหากแพทย์ประเมินว่าต้องได้รับการรักษาพยาบาลในระยะยาว ผู้โดยสารจะได้รับเงินชดเชยล่วงหน้าทันที 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 919,862 บาท

นอกเหนือจากข้างต้นแล้ว SIA จะมอบเงินคืนเต็มจํานวนของค่าโดยสารทางอากาศให้กับผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางบน SQ321 ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2024 รวมถึงผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ผู้โดยสารทุกคนจะได้รับเงินชดเชยล่าช้าตามข้อบังคับของสหภาพยุโรปหรือสหราชอาณาจักรที่เกี่ยวข้อง

โดยทางสายการบินจะชดเชยให้ผู้โดยสารทุกคนรายละ 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 27,100 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทันทีเมื่อผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงเทพฯ นอกจากนี้ SIA ยังได้คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของผู้โดยสารที่บาดเจ็บ และจัดให้คนในครอบครัวบินขึ้นไปกรุงเทพฯ ตามที่ร้องขอ

หากมีข้อสงสัยหรือความช่วยเหลือเพิ่มเติม ผู้โดยสารสามารถติดต่อเราตามรายละเอียดที่ระบุไว้ และเราจะแจ้งข้อมูลเหล่านี้ทันที SIA ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบที่อยู่บนเที่ยวบิน SQ321

โพสต์ครั้งแรกเมื่อ 11 มิถุนายน 2024, 0900 น. (GMT +8)

'บริษัทธรรมชาติทรายแก้ว' มองธุรกิจอย่างเข้าใจ ใส่ใจคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ก้าวสู่ธรรมาภิบาลอย่างยั่งยืน

หากจะพูดถึง 'แร่ทรายแก้ว' ทุกคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วแร่ทรายแก้วนั้นอยู่ใกล้ตัวมาก เนื่องจากเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอุปกรณ์ที่ใช้อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของเราตั้งแต่เช้าจรดคำ่อันได้แก่อ่างล้างหน้า โถชักโครก ส่วนผสมในยาสีฟัน หลอดไฟ ประตูหน้าต่าง แก้วน้ำ จานชาม ขวด กระเบื้องปูพื้น กระจกรถยนต์และกระจกอาคารซึ่งล้วนแต่มีส่วนผสมของแร่ทรายแก้วทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำ ซึ่งถือว่าเป็น 1 ใน 3 อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในประเทศ

'การทำเหมืองแร่' หากใครได้ยิน สิ่งแรกที่จะนึกถึงคือการสร้างมลพิษและการทำลายสิ่งแวดล้อม จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับเจ้าของเหมืองทุกคน ที่จะต้องวางโครงสร้างทางวิศวกรรมและมีทิศทางในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ชัดเจน อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงคุณภาพภายใต้มาตรฐานของการทำเหมืองแร่ที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติแร่ด้วย

การขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับการผลิตแร่ทรายแก้ว นอกจากจะต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและคุณภาพเป็นสำคัญแล้ว ยังต้องยึดหลักธรรมาภิบาลคือการบริหารจัดการที่ดี มีความเป็นธรรม ความสุจริต ความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีความโปร่งใส มีความรับผิดชอบในภาพรวมทั้งต่อตนเองและลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ ในส่วนของการทำเหมืองแร่นี้จำต้องให้ความสำคัญรวมถึงการดูแลคุณภาพชีวิตของพนักงาน ชุมชนในพื้นที่และสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลให้เกิดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่อย่างคุ้มค่าและเกิดอรรถประโยชน์สูงสุด

นายวัลลภ การวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธรรมชาติทรายแก้ว จำกัด ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายทรายแก้วคุณภาพดีให้กับลูกค้าเล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรับซื้อพืชผลการเกษตรมาก่อน ในปี 2528 เมื่ิอรัฐบาลมีโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก หรือ Eastern Seaboard Development Program (ESB) ส่งผลให้ที่ดินในจังหวัดระยองมีราคาสูงขึ้น ชาวบ้านบางส่วนขายที่ดินทำการเกษตรในราคาสูงให้กับกลุ่มนายทุน เกิดโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ๆ ทำให้แรงงานหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ พื้นที่ที่เคยทำการเกษตรจึงลดน้อยลง จึงมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ
 
“ปี 2520 พื้นที่ที่มีแร่ทรายแก้วไม่มีราคา เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถทำการเกษตรได้เลย เนื่องจากดินไม่มีสารอาหารที่จะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงมองหาโอกาสที่จะทำธุรกิจเหมืองแร่ทรายแก้วที่มีคุณภาพดีและรองรับการทำแก้วใสเพื่อคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ทำการศึกษาค้นคว้าและวิจัยว่าหากจะผลิตแร่ทรายแก้วคุณภาพดีที่ยังไม่มีใครผลิตซึ่งเป็นช่องว่างทางการตลาดที่สามารถเจริญเติบโตทางธุรกิจได้ในอนาคตจะต้องวางแผนดำเนินการอย่างไรตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพให้คงที่จวบจนการขนส่งแร่ทรายแก้วถึงมือผู้ใช้ที่จะต้องดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติแร่ สิ่งแวดล้อมและชุมชนให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขนั้นมีความจำเป็นต้องวางแผนตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง(conceptual skill)เพื่อมิให้เกิดรอยต่อสะดุดระหว่างทาง

เมื่อเรียนรู้ข้อจำกัดต่างๆ จึงเริ่มวางภูมิทัศน์ และเทคโนโลยีทางวิศวกรรมที่ปลอดภัยสำหรับโรงแต่งแร่ การทำเหมืองแร่ทรายแก้วที่ไม่ให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ แล้วจึงดำเนินการการก่อสร้างตามลำดับขั้นตอน พร้อมศึกษาผลกระทบอย่างครบถ้วนมีความรัดกุมเพื่อให้สามารถผลิตแร่คุณภาพควบคู่ไปกับการอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

การทำธุรกิจแรกเริ่มนั้น บริษัทฯ เริ่มส่งแร่ทรายแก้วให้กับอุตสาหกรรมผลิตหลอดไฟ และเริ่มขยายตลาดด้วยการควบคุมการผลิตแร่ทรายแก้วคุณภาพคงที่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี บริษัทฯ สามารถส่งสินค้าเข้าสู่อุตสาหกรรมแก้วใส อุตสาหกรรมกระจกรถยนต์และกระจกอาคาร อุตสาหกรรมเซรามิก อุตสาหกรรมหล่อโลหะ และอุตสาหกรรมเคมี

สำหรับองค์ประกอบของความสำเร็จในการประกอบธุรกิจนั้น คุณวัลลภ ได้ยึดหลัก 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ต้องมีใจรักในงานที่ทำ เพราะหากเริ่มต้นไม่มีใจรักแล้วเมื่อประสบปัญหาและอุปสรรคจะท้อถอย 2.ต้องดูตลาดออกแล้วปรับปรุงเทคโนโลยีตามการเปลี่ยนแปลงกระแสธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่งเพื่อมิให้ตกเทรนด์ซึ่งเป็นการอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคู่ค้ามิให้เสียส่วนแบ่งการตลาดเพื่อความเจริญเติบโตเคียงคู่กัน 3.ต้องมีใจเรียนรู้และศึกษาอยู่ตลอดเวลา 4.ต้องศึกษาสภาวะแวดล้อมทั้งภายนอกและสภาวะแวดล้อมภายใน จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรค และ5.การรักษาบุคลากรให้อยู่นานที่สุด และมีสวัสดิการต่างๆ เมื่อบุคลากรมีความเชื่อมั่นจะตั้งใจทำงานให้บริษัทที่คิดว่ามั่นคงอย่างเต็มความสามารถ
 
เกือบ 30 ปีนับแต่บริษัทธรรมชาติทรายแก้วจำกัดดำเนินการมา บริษัทฯ มุ่งมั่นในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายทรายแก้วคุณภาพดีให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และการมีธรรมาภิบาลที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านรางวัลที่บริษัทฯ ที่ได้รับมากมาย อาทิ รางวัลเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining Award) (ตั้งแต่ปี 2554 - ปี 2566) จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม รางวัล ElA Monitoring Awards ปี 2011 ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้การรับรองระบบบริหารคุณภาพมาตรฐานสากล ISO 9001 : 2015  ได้การรับรองระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมมาตรฐานสากล ISO 14001 : 2015 Certified ISO 14001:2015 และยังคงมุ่งมั่นต่อไปภายใต้ปณิธาน“ ผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ใส่ใจคุณภาพทรายทุกเม็ด”เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจตลอดไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top