Tuesday, 6 May 2025
TheStatesTimes

17 มิถุนายน พ.ศ. 2174 ‘มุมตัซ มาฮาล’ ราชินีแห่งอินเดีย สิ้นพระชนม์ จุดเริ่มต้นการสร้างอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ‘ทัชมาฮาล’

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2174 ‘มุมตัซ มาฮาล’ ราชินีแห่งอินเดีย สิ้นพระชนม์ระหว่างมีพระประสูติกาล โดย ‘สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน’ พระสวามี ทรงเสียพระราชหฤทัยอย่างที่สุด จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ‘ทัชมาฮาล’ หลุมฝังพระศพให้พระมเหสี ซึ่งใช้เวลามากกว่า 20 ปี จึงแล้วเสร็จเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ทรงมีต่อพระมเหสีของพระองค์

ทั้งนี้ ทัชมาฮาล มีรากศัพท์เดิมมาจากภาษาอาหรับ โดยคำว่า ‘ตาจญ์’ แปลว่า มงกุฎ และ ‘มะฮัล’ แปลว่า สถาน โดยตั้งอยู่ในสวนริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอักรา ประเทศอินเดีย นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่

อนุสรณ์สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่นี้ มีเนื้อที่ประมาณ 42 เอเคอร์ เป็นสุสานหินอ่อน ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชรพลอย หิน โมรา และเครื่องประดับจากมิตรประเทศ ได้รับคำรับรองว่าสร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร สูง 60 เมตร โดยมีผู้สร้างและออกแบบร่วม 20,000 คน

นอกจากนี้ ทัชมาฮาล ยังเป็นที่ตั้งของมัสยิด หออาซาน และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ โดยมีนายช่างที่ออกแบบชื่อ ‘อุสตาด ไอซา’ ถูกประหารชีวิต เพื่อมิให้ไปออกแบบสถาปัตยกรรมใด ๆ ที่สวยกว่าได้ ซึ่งส่วนหัวของทัชมาฮาลมีลักษณะโดมที่เรียกว่าโอเนียนโดม

อย่างไรก็ตาม หลังจากพระมเหสีมุมตัซสิ้นพระชนม์จากการให้กำเนิดทายาทพระองค์ที่ 14 สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันทรงอยู่ในพระอาการโศกเศร้าถึง 2 ทศวรรษ พระราชทรัพย์ส่วนใหญ่สูญเสียไปเพื่อการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของทั้งสองพระองค์ พระองค์ถูกกักขังถึง 8 ปี จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2209

ตามตำนานกล่าวว่า พระองค์ทรงใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และสิ้นพระชนม์ด้วยเศษกระจกในพระหัตถ์ พระศพของพระองค์ถูกฝังในทัชมาฮาลเคียงข้างพระมเหสี ซึ่งพระองค์ไม่เคยลืม

‘ชิบุยะ’ จ่อคุมเวลา ‘ห้ามดื่มแอลกอฮอล์’ ในที่สาธารณะ หลัง ‘นักดื่ม’ ทำเมืองเละเทะ คาด!! เริ่มบังคับใช้ตุลาคมนี้

(7 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘ชิบุยะ’ ย่านท่องเที่ยวยอดนิยมของโตเกียวเตรียมประกาศควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ คาดเริ่มใช้เดือนตุลาคมนี้

โดยมาตรการกำหนดว่าห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามท้องถนนหรือสถานที่สาธารณะในเขตชิบูย่า ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 5.00 น. ทุกวัน และอายุการดื่มที่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่นคือ ผู้มีอายุ 20 ปี

ชิบุยะ เป็นเขตปกครองตนเองในโตเกียว จึงสามารถออกกฎระเบียบท้องถิ่นโดยเฉพาะได้ โดยนายกเทศมนตรี ‘เคน ฮาเซเบะ’ เปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ‘ได้เพิ่มการตรวจตราและความพยายามอื่นๆ ในปีที่ผ่านมา และเราอยากให้ผู้คนเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มในร้านอาหารมากกว่า’

ทั้งนี้ ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ชิบุยะ เคยมีคำสั่งห้ามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวันฮาโลวีน โดยอ้างว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งห้ามดังกล่าว รวมถึงการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกบาร์ และร้านอาหาร ซึ่งธุรกิจในท้องถิ่นต่างสนับสนุนกฎระเบียบดังกล่าวในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และผลักดันให้กฎดังกล่าวประกาศใช้อย่างถาวร

‘จำนวนนักท่องเที่ยวปริมาณล้นเมืองกลายเป็นเรื่องร้ายแรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินที่เกิดจากการดื่มตามท้องถนน การทะเลาะวิวาทกับคนท้องถิ่น การทิ้งกระป๋องและขวดเปล่าของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมาก’ เป็นข้อความที่ระบุในแถลงการณ์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

ชิบุยะ เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งในโตเกียว เช่น ศาลเจ้าเมจิ สวนสาธารณะโยโยหงิ และ บริเวณทางข้ามถนนชิบุยะ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในทางแยกที่พลุกพล่านที่สุดในโลก

‘วิอาทินา’ วัวบราซิล ผู้ครองสถิติที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ตีมูลค่า 150 ลบ. น้ำหนักมากเป็น 2 เท่าของพันธุ์เดียวกัน

(7 มิ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บราซิลจัดมหกรรมประมูลวัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยไฮไลต์ในปีนี้คือ ‘แม่วัวเนื้อ’ อายุ 3 ปี มีน้ำหนักกว่า 1,000 กิโลกรัม ซึ่งมีน้ำหนักที่มากเป็น 2 เท่าของแม่วัวพันธุ์เดียวกัน โดยแม่วัวมีชื่อว่า ‘วิอาทินา’ (Viatina-19 FIV Mara Moveis) 

'วิอาทินา' ผู้ครองสถิติวัวที่มีราคาแพงที่สุดในโลก มีมูลค่าสูงถึง 4 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 150 ล้านบาท โดย แม่วัววิอาทินา มีผิวขาวละมุนดุจหิมะ มันได้รับการดูแลอย่างดี มีกล้องวงจรปิดคอยดูตลอด 24 ชั่วโมง มีสัตวแพทย์ประจำตัว และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธอารักขา เพราะเพียงแค่เซลล์ไข่ของวิอาทินา ก็มีราคาสูงถึง 250,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทย 9 ล้านบาท

'วิอาทินา' กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย อาทิเช่น 'Miss South America' ในการแข่งขัน 'Champion of the World' ที่เปรียบได้กับเวที Miss Universe ของวงการวัว ภาพของแม่วัววิอาทินา ยังอยู่บนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บนถนนทางหลวงของบราซิลอีกด้วย 

ผลสำรวจกลุ่ม 'GenZ-GenY' เมินตำแหน่งงาน Manager มากขึ้น เหตุ!! 'งาน-ความกดดัน' ที่ต้องแบกมีมากกว่าค่าจ้างที่ได้เพิ่มขึ้นมา

(7 มิ.ย. 67) ผลสำรวจจาก CoderPad และ Visier เผยไปในทางเดียวกันว่า คน Gen Z และ Gen Y จำนวนมากไม่สนใจที่จะรับตำแหน่ง Manager ซึ่งเป็นงานระดับบริหารและจัดการ เพราะพวกเขาพบว่างานเหล่านี้ไม่คุ้มกับภาระงานและความเครียดที่เพิ่มขึ้น

โดยไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่า ตำแหน่งงานด้านบริหารจัดการได้สูญเสียความน่าดึงดูดใจกับกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ เนื่องจากลักษณะงานที่ทำให้ต้องแบกรับเรื่องต่าง ๆ ถูกคาดหวังให้แก้ปัญหาและผลสำรวจพบว่ากลุ่มคนทำงานด้านบริหารจัดการ ต้องต่อสู้กับความโดดเดี่ยวหลังจากรับบทบาทการทำงานที่รู้สึกว่าถูกตัดขาดจากทีม

การสำรวจจากแพลตฟอร์มสัมภาษณ์งาน CoderPad พบว่า 36% ของคนทำงานด้านเทคโนโลยีไม่ต้องการความรับผิดชอบด้านการบริหารจัดการ เพราะ Gen Z และ Y ให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานมากกว่าคนรุ่นก่อน ๆ สำหรับพวกเขาชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน และความกดดันที่มาพร้อมกับงานบริหารจัดการมีมากกว่าค่าจ้างที่ได้เพิ่มขึ้นมา

ขณะที่ Visier แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ด้านทรัพยากรบุคคลของสหรัฐอเมริการะบุว่า มีเพียง 38% ของผู้ถูกสำรวจที่สนใจจะเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลในองค์กรปัจจุบันของพวกเขา โดยผู้เข้าร่วมสำรวจมองว่าการย้ายงานมาฝั่งบริหารจัดการ หมายถึงการทำงานที่ยาวนานขึ้นและต้องรับมือกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น 

ผู้เข้าร่วมบางคนกล่าวว่าพวกเขาพอใจกับบทบาทในปัจจุบัน และมองว่าตำแหน่งงานด้านการบริหารจัดการจะดึงพวกเขาออกจากการได้ทำสิ่งที่รัก

‘สื่ออาวุโส’ แชร์ประสบการณ์ทำพาสปอร์ตหายกลางกรุงปารีส ปลื้ม!! ‘สถานทูตไทยฯ’ ทำพาสปอร์ตฉุกเฉินให้รวดเร็วและฟรี

(7 มิ.ย. 67) เถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณี ‘พาสปอร์ตหล่นหายในสนามบินปารีส’ โดยระบุว่า…

“สวัสดีบัดดี้ ได้เวลาเขียนบทความกันล่ะ..คราวนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่มีพาสปอร์ตมาเลยทีเดียว..ที่พาสปอร์ตหาย

พี่กับคณะเดินทางมาถึงสนามบินปารีส แล้วออกจากจุดประทับตราจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง...เสียบพาสปอร์ตไว้ในกระเป๋ากางเกงที่ช่องกว้าง ๆ ลืมเก็บใส่กระเป๋าสะพาย

พอมาถึงเรือล่องแม่น้ำเซน...พาสปอร์ต ไม่มาด้วย
.
โชคดีที่ ‘อุ๋ย’ น้องในทีมรู้จักเจ้าหน้าที่ในสถานทูตไทยปารีส เลยทราบข้อมูลในการทำเอกสารชั่วคราว เราเลยยกโขยงไปที่นั่น ..ทำพาสปอร์ตฉุกเฉิน Emergency Travel Document. เพียงชั่วโมงเดียวก็เรียบร้อย

เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยบอกว่า “พี่มาถึงปารีส แล้ว..”

พี่ก็เห็นจริงดังว่า เพราะห้องทำ ETD นี่มีงานเยอะมาก คือ คนไทยมีกรณีพาสปอร์ตหายเป็นประจำ

ดังนั้น เวลามาต่างประเทศ ต้องมีก๊อปปี้พาสปอร์ต/วีซ่า สำรองเอาไว้ รวมทั้ง บัตรประชาชนไทยด้วยก็ดี
ทำให้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลทำเล่มชั่วคราวให้เราได้ทันที

และถ้าจะให้ดี พอผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยให้ถ่ายภาพ ‘ตราประทับวันเข้าเมือง’ เอาไว้ด้วยเลย  .
ถ้าบางแห่งไม่มีสถานทูต จะต้องแจ้งตำรวจก็จะได้มีเอกสารอ้างอิงให้ค้นข้อมูลได้

แต่พี่ไม่ได้ทำไว้สักอย่าง… ‘อุ๋ย’ แกมีเพราะดูแลเรื่องทำวีซ่าพาสปอร์ตให้กับลูกค้าของ Around the world. 

มานั่งคิดก็ขำ ๆ เพราะตอนออกจากไทยไปถือพาสปอร์ตถ่ายภาพกับป้าย Passport Control ซะโก้เก๋..หายจริง ๆ

ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในปารีส ที่ช่วยบริการรวดเร็ว และเป็นบริการฟรีเสียด้วย..

บัดดี้รู้ไหมว่าพาสปอร์ตหายในปารีสนี่ไม่น่ากังวลเลย เพราะเรามีสถานทูตมานานนับร้อย ๆ ปีให้บริการดูแลคนไทยที่นี่

พี่เคยทำพาสปอร์ตหายใน อุรุมุฉี ซินเกียง ต้องขังตัวเองในโรงแรมจนกว่าจะหาเจอถึงจะออกมาเดินเที่ยวได้ เพราะสมัยโน้นถ้าเดินไปไหนมาไหนในอุรุมุฉีแล้วมีคนตรวจไม่เจอพาสปอร์ตพกมาด้วย  อาจโดนกักขังก่อนค่อยทำพาสปอร์ตใหม่จึงจะได้ออกมาเที่ยว..

'รถถัง จิตรเมืองนนท์' ยอมจ่ายค่าชดเชยให้ 'เดนิส พูริช' หลังน้ำหนักเกิน ยืนยัน!! ศึก ONE 167 พรุ่งนี้ไม่ยกเลิก

(7 มิ.ย. 67) ‘รถถัง จิตรเมืองนนท์’ ซึ่งมีคิวขึ้นชกกับ ‘เดนิส พูริช’ ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) ในวันเสาร์ที่ 8 มิ.ย.นี้ ศึก ONE 167

ปรากฏว่าในวันชั่งน้ำหนัก ‘รถถัง’ ค่าน้ำไม่ผ่านและชั่งน้ำหนักได้ 138.5 ป. ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดของ ONE ทั้งสองรายการ ขณะที่ ‘เดนิส พูริช’ วัดค่าน้ำผ่านและชั่งน้ำหนักผ่านที่ 134.75 ป

ตามระเบียบของ ONE กรณีที่นักกีฬาค่าน้ำไม่ผ่าน หลังจากสามารถทำค่าน้ำให้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดได้แล้ว น้ำหนักสุดท้ายจะต้องไม่เกิน 5% ของน้ำหนักคู่แข่ง ซึ่งในกรณีของ รถถัง ต้องไม่เกิน 141.48 ป. ซึ่งหลังจาก รถถัง วัดค่าน้ำผ่าน น้ำหนักสุดท้ายอยู่ที่ 141.25 ป. จึงอยู่ในเกณฑ์ที่ชกกันได้

อย่างไรก็ตาม ‘รถถัง’ มีการเจรจาตกลงเรื่องค่าชดเชยน้ำหนักกับ ‘เดนิส’ โดยนักกีฬาที่ทำน้ำหนักผ่านมีสิทธิ์เรียกค่าชดเชยเป็นเปอร์เซ็นต์หักจากค่าตัวของนักกีฬาที่ทำน้ำหนักไม่ผ่านได้ตามความเหมาะสม โดยจะคำนึงถึงความเสียเปรียบในการแบกน้ำหนักที่เกินเกณฑ์ และปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจตามมา

ในทางตรงกันข้าม หากนักกีฬาไม่สามารถตกลงกันได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม นักกีฬาที่ชั่งน้ำหนักผ่านจะได้รับค่าตัวที่ตกลงไว้ แม้จะไม่มีการจัดแข่งขัน ส่วนนักกีฬาที่ชั่งน้ำหนักไม่ผ่านจะไม่ได้รับค่าตัว เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบ อันเป็นเหตุให้การแข่งขันถูกยกเลิก

ทั้งนี้ โปรดติดตามการแข่งขัน รถถัง vs เดนิส กติกาคิกบ็อกซิ่ง แคตช์เวต 141.25 ป.​เช้าวันเสาร์ที่ 8 มิ.ย.นี้ ที่นี่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เพจอย่างเป็นทางการของ ONE เริ่ม 07.00 น. และทางช่อง 7HD กด 35 เริ่มรับสัญญาณถ่ายทอดสดเวลา 10.00 น. #ONE167

หมายเหตุ ในร่างกายคนเราประกอบไปด้วยน้ำประมาณ 70% หากลดน้ำหนักด้วยการรีดน้ำออก น้ำหนักจะลดลง แต่ผลที่ตามมาคือภาวะขาดน้ำและมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น ONE จึงมีข้อกำหนดให้นักกีฬาลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย โดยจะต้องรักษาน้ำในร่างกายไว้ตามระดับที่กำหนด

ภารกิจสุดท้าทาย 'รัฐสภาไทย' เดินหน้าลดโลกร้อน ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050

รายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ได้สัมภาษณ์พูดคุยผู้บริหารของหน่วยงานต่าง ๆ ในสัปปายะสภาสถาน ถึงทิศทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีเป้าหมายเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายมาก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทาง ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ประธานกรรมการ บริษัท จีอาร์ดี จำกัด และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการเดินหน้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรัฐสภาไทย ได้กล่าวถึงความเป็นมาของภารกิจนี้ ว่า...

"รัฐสภาไทยมีคณะกรรมการเรื่องของ สภาสีเขียว ในการผลักดันให้รัฐสภาไทยเป็นต้นแบบสำคัญในการลดโลกร้อน ซึ่งมีการประชุมและตั้งเป้าหมายในเบื้องต้นเพื่อมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายใน ปี ค.ศ. 2050 ซึ่งท้าทายมาก ในขณะที่ประเทศไทยได้ตั้งเป้าบนเวทีการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2065 ปัจจุบันรัฐสภาไทย มีการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นต์ (Carbon Footprint) ประมาณ 22,000 ตันต่อปี มาจากการใช้พลังงานไฟฟ้า รองลงมาคือ กระดาษ และขยะ ซึ่งวันนี้หน่วยงานต่าง ๆ ในรัฐสภาได้ขับเคลื่อนอย่างจริงจังเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ เช่น หอสมุดรัฐสภา และสำนักการพิมพ์รัฐสภา เป็นต้น"

ด้าน คุณศิริพร โหตรภวานนท์ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานหอสมุดรัฐสภา กล่าวว่า หอสมุดรัฐสภาได้เริ่มดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 เนื่องจากได้เข้าร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากจัดการสิ่งแวดล้อมภายในหอสมุด เช่น การจัดการขยะ การรีไซเคิล (Recycle) การรียูส (Reuse) 

"ในปัจจุบันได้แบ่งงบประมาณจัดซื้อหนังสือจากเดิมในรูปแบบกระดาษเป็นรูปแบบอีบุ๊ก (e-Book) มากขึ้น นอกจากนี้ยังรณรงค์สร้างการตระหนักรู้ไปยังข้าราชการรัฐสภา เจ้าหน้าที่ของหอสมุด โดยมีการนำวัสดุอุปกรณ์ใช้แล้วมารียูส กระตุ้นเตือนเรื่องปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้งาน ใช้กระดาษ 2 หน้าอย่างคุ้มค่า จัดโซนแยกขยะต่าง ๆ โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า หอสมุดเรามีถุงผ้าใส่หนังสือให้บริการ และมีการดิจิไทเซชั่น (Digitization) หนังสือ เอกสารแปลงเป็นไฟล์ดิจิทัลจำนวนมาก เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงได้ทางเว็บไซต์ โดยไม่ต้องเดินทางมายังหอสมุด โดยหอสมุดรัฐสภาได้เข้าร่วมโครงการสำนักงานสีเขียวของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาสและสิ่งแวดล้อม และได้รับเครื่องหมาย G-green ระดับดีเยี่ยม (G-ทอง) ระดับประเทศใน ปี พ.ศ. 2566"

ด้าน คุณวารุณี แก้วสอาด ผู้อำนวยการสำนักการพิมพ์รัฐสภา กล่าวถึงแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสำนักการพิมพ์รัฐสภาว่า หลัก ๆ จะมุ่งเน้นการลดกระดาษในการพิมพ์ ซึ่งปัจจุบันลดลงประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย

"ในอดีตรัฐสภาไทย ปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นต์ กว่า 1,000 ตัน หรือประมาณบอลลูน 1 ลูก แต่ปัจจุบันสำนักการพิมพ์สามารถลดลงมาได้ 50% เหลือเพียง 500 ตัน นอกจากนี้สำนักการพิมพ์รัฐสภาได้จัดทำโครงการ ใต้ร่มสีเขียว เพื่อสร้างความตระหนักรู้และรณรงค์การลดโลกร้อนให้กับข้าราชการรัฐสภา เจ้าหน้าที่ในสำนักการพิมพ์ประมาณ 100 คน เป็นโครงการที่สร้างการมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน โดยทุกคนสามารถนำเสื้อผ้าของใช้มาแบ่งปัน หรือสินค้าเกษตรที่ปลูกอยู่สามารถนำมาขายได้ อีกประเด็นคือเรื่องน้ำเสียที่ปล่อยคาร์บอน ประมาณ 500 ตัน ซึ่งสำนักการพิมพ์เรามีบ่อพักน้ำเสียของเราเอง โดยมีการจัดการน้ำเสียอย่างถูกต้อง ถูกกรรมวิธีเกี่ยวกับการลดโลกร้อน นอกจากนี้เรายังได้นำอุปกรณ์เหลือใช้จากไม้พาเลทมาทำประโยชน์ เช่น ทำโต๊ะ เก้าอี้ ซุ้มกาแฟ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยสำนักการพิมพ์รัฐสภา ได้เข้าร่วมโครงการสำนักงานสีเขียวของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมและได้รับเครื่องหมาย G-green ระดับดีเยี่ยม (G-ทอง) ระดับประเทศใน ปี พ.ศ. 2565"

ท้ายสุด ดร.ก้องเกียรติ ได้กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐสภาไทย มีพื้นที่ประมาณ 500,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่สีเขียวประมาณ 100,000 ตารางเมตร คิดเป็น 20% ของพื้นที่รวม ซึ่งถือว่าเป็นรัฐสภาที่มีพื้นที่สีเขียวอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งการมีพื้นที่สีเขียวมีประโยชน์ เนื่องจากต้นไม้ช่วยดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยลดโลกร้อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการตื่นตัวและการมีส่วนร่วมของข้าราชการรัฐสภา เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานต่างๆ อย่างจริงจัง จึงเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่สำคัญเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของรัฐสภาไทย ภายใน ปี ค.ศ. 2050 หรืออาจจะเร็วกว่านั้น

สมุทรปราการ-ระดับตำนาน!! นักเตะลิเวอร์พลู!! เยือน PWS สอนทักษะด้านกีฬา ภาษา มุ่งเน้นความเป็นเลิศ

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ชั้นประถม และโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา ชั้นมัธยม สังกัดเทศบาลตำบลแพรกษา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จัดกิจกรรม “การพัฒนาทักษะทางด้านภาษาและกีฬาบูรณาการ” ร่วมต้อนรับนักเตะทีมชาติอังกฤษ (VIP) ที่มาพัฒนาทักษะทางภาษา สอนทักษะกีฬา พูดคุยใกล้ชิด พร้อมทั้งแจกของรางวัล ให้กับเด็กๆ นักเรียน โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษาทั้งชั้นประถม และชั้นมัธยม

โดย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดสมุทรปราการ (สมัยที่ 25) และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ได้ให้เกียรติกล่าวทักทายต้อนรับ ณ ห้องเธียร์เตอร์ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (ฝ่ายประถม)

โดยมีนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ นำโดย Mr.Paul Bell ผู้จัดการทีม และนักเตะทีมชาติอาวุโส อีกทั้ง ยังเคยเล่นฟุตบอลให้กับทางสโมสรต่างๆ ชื่อดังในอังกฤษและอีกหลายๆประเทศ เดินทางมาร่วมกิจกรรมการสื่อสารภาษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม พบปะพูดคุย และเปิดโครงการความร่วมมือ 2 ประเทศ ก่อนร่วมกิจกรรม คลีนิก ฟุตบอล (Football for PWS Kids) ที่ สนามฟุตบอลหญ้าเทียม โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) และ Mini Match ร่วมกับเด็กนักเรียน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลตำบลแพรกษา (ฟุตบอล 5 คน)

จากนั้น ทีมฟุตบอลอังกฤษ ได้เดินทางมาที่โรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา ร่วมกิจกรรม Sport and Langauge camp for PWSs students ณ บริเวณลานกีฬา หลังเสร็จสิ้นภารกิจ นักฟุตบอลอาวุโสทีมชาติอังกฤษ ได้เดินทางไปที่สนามกีฬากรมศุลกากร ลาดกระบัง เพื่อเปิดแคมป์ “Thailand 🇹🇭 Sport for Kids”  โดยมี นักเรียนโรงเรียนประถมและมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา เข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ จำนวน 50 คน

โดยทางด้าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีต ส.ส.สมุทรปราการ กล่าวว่า ทางผู้บริหารของเทศบาลตำบลแพรกษา โดยท่าน นายกอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เปิดโอกาสให้กับนักเรียนโดยได้ดึงนักเตะอาวุโส จากประเทศอังกฤษ เดินทางมาเยี่ยมเยียนนักเรียนโรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา และโรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา เพื่อมาสอนทักษะ ในการเล่นฟุตบอล และในเรื่องการสื่อสารทางภาษาฯ ทำให้เด็กๆได้มีทักษะในการเล่นฟุตบอล ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เด็กๆ จะได้สัมผัสนักฟุตบอลทีมชาติระดับตำนานของประเทศอังกฤษในอดีตที่ผ่านมา ทำให้เราได้เรียนรู้ทั้งภาษาและทักษะในการเล่นกีฬาฟุตบอลมากยิ่งขึ้น

ซึ่งทางผู้บริหารของเทศบาลตำบลแพรกษา ได้มีโอกาสเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันดีกับผู้บริหารนักฟุตบอลของประเทศอังกฤษ ก็ถือเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆ ของสมุทรปราการ ที่มีโอกาสได้ทำกิจกรรมแบบนี้ เชื่อว่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้เด็กๆ ได้ตื่นตัวที่ได้สัมผัสกับนักฟุตบอลทีมชาติ ขณะนี้ทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้มีนโยบายสนับสนุนกีฬาฟุตบอล โดยจะสร้างสนามกีฬาฟุตบอล 11 คน ในเร็วๆ นี้ ที่โรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา และสนับสนุนทุกช่องทาง ทางด้านกีฬา เพื่อมุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านกีฬาต่อไป

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

หมอจุ๋ม เผย น้องสมาย นวดสะบัก "บิ๊กทิน" หายปวดเมื่อย

ตามที่ได้จัดให้มีพิธีมอบสัญญาเช่าที่ดินให้ประชาชน ในพื้นที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า ฯ ของ กองทัพเรือ

เมื่อ 5 มิ.ย.67 ที่ผ่านมานั้น นาวาเอกหญิง ผุสดี หิรัญอัศว์ รองผู้อำนวยการรพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า และ ผอ.ศูนย์สุขภาพ (คลองมอญ) และ Wellness Center เปิดเผยว่าน้อง ที่ทำหน้าที่นวด นาย สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แก่ นางสาวอันวรินญญ์ เกียรติปัญญาวุฒา จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดยน้องสมาย แจ้งว่า หลังจากที่ได้มีการตรวจบริเวณสะบักทั้ง 2 ข้าง พบว่า มีการแข็งตึงของกล้ามเนื้อข้างขวา จึงได้นวดสะบัก ทั้งสองข้าง ประมาณ 5 นาที ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณสะบักคลายตัวและอาการปวดสะบักลดลง ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณสะบัก ที่มีการแข็งเกร็งผ่อนคลาย

ท่าน บิ๊กทิน กล่าวว่า ท่านชอบการนวดสะบักและหลัง เพราะทำให้ท่านมีแรง ทั้งนี้ ทีมงานของบิ๊กทินได้ถ่ายรูปป้ายประชาสัมพันธ์ ของแผนกแพทย์แผนไทยประยุกต์ ศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อ ติดต่อเข้าใช้บริการในโอกาสต่อไปด้วย ทั้งนี้ น.อ.หญิง ผุสดี หิรัญอัศว์ รองผู้อำนวยการรพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า และ ผอ.ศูนย์สุขภาพ และ Wellness Center ได้นำท่านสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เยี่ยมชมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ กรมแพทย์ทหารเรือ กองทัพเรือ ได้แก่ หน่วยงานแพทย์แผนไทยประยุกต์ แพทย์แผนจีนฝังเข็มและการแพทย์ผสมผสาน ของศูนย์สุขภาพ และ Wellness Center รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า และหน่วยออกตรวจโรคทั่วไปและดูแลฉุกเฉิน หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ กรมแพทย์ทหารเรือ กองทัพเรือ ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย
ท่าน สุทิน ยังบอกกับหมอจุ๋มว่า จะมาเยี่ยมหน่วยศูนย์สุขภาพและ Wellness Center รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า อีกด้วย สำหรับงานมอบสัญญาเช่าที่ดิน ณ สนามกีฬา แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ ใงเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.67 นั้น ได้จัดให้มีพิธีมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุของกองทัพเรือ ให้กับราษฎรใน จว.สมุทรปราการ ได้เช่าใช้ประโยชน์ เมื่อ 5 มิ.ย.67 เวลา 09.45 น. ณ สนามกีฬากลางเทศบาล ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ โดยมี นาย (ดร.) สุทิน คลังแสง รมว.กห. เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พลเรือเอกสุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพเรือ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธี

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909435645

‘สุริยะ’ รุกหนัก!! ปกป้องเด็กจาก ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ เคาะ 5 มาตรการ ชง ครม. 'ปราบปราม-คุมระบาด'

(7 มิ.ย. 67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 3/2567 ซึ่งมีมติเห็นชอบ มติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น การปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยประกอบด้วย 5 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 1. พัฒนาและจัดการองค์ความรู้ 2. สร้างการรับรู้ภยันตรายและการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็ก เยาวชน และสาธารณชน 3. เฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า 4. พัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายเพื่อสนับสนุนมาตรการป้องกัน ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า 5. ยืนยันนโยบายและมาตรการป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้า

ทั้งนี้ ที่ประชุม คสช. ยังได้เห็นชอบให้คงไว้ซึ่งนโยบายห้ามนำเข้าและห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง และได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) นำมติสมัชชาฯ ดังกล่าว เสนอเข้าสู่วาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศใช้เป็นกรอบนโยบายหลักของประเทศในการปกป้องเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามภาระหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายสุริยะ เปิดเผยว่า ปัญหาของบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญ โดยที่ผ่านมาได้มีการกำชับสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด จริงจัง เนื่องจากมีความเป็นห่วงเด็กและเยาวชนที่จะตกเป็นเหยื่อการตลาดของบริษัทบุหรี่ไฟฟ้าและกลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ที่จะได้รับอันตรายต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินหน้าปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น จนนำไปสู่การจับกุมและตรวจยึดของกลางได้ในหลายกรณี ซึ่งมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นฯ ที่ คสช. ได้เห็นชอบในวันนี้จะเป็นกรอบนโยบายสำคัญให้หน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวง กรม กอง สำนักงาน คณะกรรมการชุดต่าง ๆ นำไปขับเคลื่อน ซึ่งส่วนตัวต้องการเห็นรูปธรรม จึงได้สั่งการให้ สช. เกาะติดการขับเคลื่อนอย่างใกล้ชิด และรายงานผลการดำเนินการต่อ คสช. ให้รับทราบความก้าวหน้าไปจนกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงตามข้อมติ

“ต้องขอชมเชยคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ ที่ทำข้อเสนอลงรายละเอียดให้เราได้เห็นถึงเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างชัดเจน อย่างหนึ่งที่ผมเห็นว่ามีความสำคัญคือการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อช่วยกระจายความรู้และความน่ากลัวจากผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าไปถึงเด็กและเยาวชนให้มากขึ้น นอกจากนี้ในเรื่องของตัวเลขสถิติที่เรามีการสำรวจกัน 5 ปีครั้ง ซึ่งมตินี้เสนอให้สำรวจบ่อยขึ้นเป็นทุก 2 ปี ผมมองว่าการสำรวจไม่ได้ใช้เวลาเยอะ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่จำนวนผู้สูบเพิ่มมากขึ้น ขณะที่เรากำลังมีมาตรการต่างๆ ออกมา จึงมองว่าควรจะมีการสำรวจสัก 6 เดือนครั้ง เพื่อประเมินได้ว่าหากมาตรการได้ผลจริง จำนวนตัวเลขเหล่านี้ก็จะต้องลดลง” นายสุริยะกล่าว

สำหรับมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น ‘การปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า’ ผ่านความเห็นชอบจากผู้เข้าร่วม 264 หน่วยงาน/คน โดยทั้งหมดได้ให้ความเห็นชอบต่อกรอบทิศทางนโยบาย (Policy Statement) อย่างเป็นฉันทมติ พร้อมกันนี้ยังได้วางบทบาทหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้มีนโยบายรณรงค์ เฝ้าระวัง และให้ความรู้ถึงภยันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้กำหนดมาตรการมิให้นำเสนอประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าที่บิดเบือนผ่านสื่อ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กรมศุลกากร ให้บังคับใช้กฎหมายที่มีในปัจจุบันอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด เป็นต้น

ศ.เกียรติคุณ พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ ประธานกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะประเด็นการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนนับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเด็กและเยาวชนถือเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคต ที่ต้องได้รับการสร้างเสริมและคุ้มครองสุขภาพอย่างสอดคล้องและเหมาะสม จึงเป็นที่มาของการพัฒนานโยบายสาธารณะเรื่องนี้

ศ.พญ.สุวรรณา กล่าวว่า ปัจจุบันมีหลักฐานทางวิชาการมากมายยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษ โดยมีสารนิโคตินปริมาณสูงซึ่งมีฤทธิ์เสพติดรุนแรง และอันตรายต่อทุกระบบของร่างกายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะต่อพัฒนาการสมองของเด็ก ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ย้ำด้วยว่าบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของผู้สูบ รวมไปถึงผู้ที่ได้รับบุหรี่ไฟฟ้ามือสองและมือสาม เนื่องจากมีสารนิโคติน สารเสพติด สารแต่งกลิ่น สารเคมีอื่น ๆ มิได้เป็นสินค้าที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่ตามที่อุตสาหกรรมยาสูบหรือผู้สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้ากล่าวอ้าง

ศ.พญ.สุวรรณา กล่าวอีกว่า ปัญหาขณะนี้ยังถูกซ้ำเติมด้วยการตลาดล่าเหยื่อ ที่ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ามุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน โดยออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เลียนแบบของเล่นเด็ก (Toy Pod) ของใช้หรือของกินที่เด็กและเยาวชนนิยมหรือคุ้นเคย รวมถึงการใส่สารปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติในบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อดึงดูดความสนใจให้อยากทดลองและใช้บุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าคุกคามเด็กเล็กลงถึงระดับชั้นประถมศึกษาและส่งผลกระทบเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ทั้งมิติด้านสุขภาพ สังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ

“ความจริงแล้วสถานะของบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย เป็นวัตถุที่มีความผิดตามกฎหมาย ครอบคลุมตั้งแต่การห้ามนำเข้า ห้ามขาย ห้ามบริการ ซึ่งดีอยู่แล้ว เราจึงขอให้รัฐบาลคงไว้ซึ่งมาตรการเหล่านี้ และสิ่งสำคัญคือการบังคับใช้กฎหมายที่มีอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงป้องกันการแทรกแซงจากกลุ่มอุตสาหกรรมยาสูบ ขณะที่การปกป้องเด็กและเยาวชนไทย เราก็สามารถทำได้ด้วยการสร้างการรับรู้เรื่องภยันตรายและการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าควบคู่กันไป” ศ.พญ.สุวรรณา ระบุ

ด้าน นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการ คสช. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2553 ในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ประเทศไทยเคยมีมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง มาตรการในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพด้านยาสูบ มาแล้ว โดยขณะนั้นเครือข่ายสมัชชาฯ ได้ร่วมกันขับเคลื่อนมติในการควบคุมการบริโภคยาสูบ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเราได้พบกับปัญหาใหม่จากการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่รุนแรง และจำเป็นที่จะต้องมีนโยบายเข้ามาหนุนเสริมการขับเคลื่อนให้มากขึ้น

นพ.สุเทพ กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยพบว่าคนในประเทศไหนจะมีสุขภาพดีและอายุยืนยาวแค่ไหนขึ้นอยู่กับ ระบบบริการสุขภาพ 9% พันธุกรรม 16% พฤติกรรม 51% และ สิ่งแวดล้อม 24% ซึ่งจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมีน้ำหนักถึง 75% ดังนั้น การจะทำให้คนสุขภาพดี จึงต้องมาจัดการที่ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (social determinant of health) ซึ่งการสูบบุหรี่ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งที่ทำให้ชายไทยเจ็บป่วยหรือตายก่อนวัยอันควร บุหรี่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งหลายชนิด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคถุงลมโป่งพอง โรคกระเพาะอาหาร โรคกระดูกพรุน ฯลฯ 

“ประเทศไทยดำเนินการควบคุมการบริโภคยาสูบได้ผลดี คนสูบบุหรี่มวนลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทผู้ผลิตจำหน่ายบุหรี่คิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มุ่งตลาดที่เด็กและเยาวชนเป็นธุรกิจที่กินยาว ในปัจจุบันจะเห็นการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จะส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพของประชากรไทยในยุค ‘เด็กเกิดน้อย สังคมสูงวัย’ อย่างน่าเป็นห่วง จึงจำเป็นต้องมีนโยบายสาธารณะฯ เพื่อร่วมกันในการแก้ไขปัญหานี้กันอย่างจริงจัง” นพ.สุเทพ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top