Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

11 มิถุนายน พ.ศ. 2564 'โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ' ทุ่มร้อยล้าน คว้าสิทธิ์ 'ยูโร 2020' มอบความสุขให้คนไทย ได้ชมฟรีทุกนัดตลอด 1 เดือน

เชียร์ยูโร Aerosoft เชียร์ยูโร ! เชียร์ยูโร Aerosoft เชียร์ยูโร ! เชียร์ยูโร Aerosoft เชียร์ยูโร ! 

เชื่อว่าหลายคนคงยังไม่ลืมเพลง 'เชียร์ยูโร Aerosoft 2020' อีกเพลงฮิตติดหูฉบับเร่งด่วน ที่ 'ณัฐภูมิ รัฐชยากร' เนรมิตขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งถูกนำมาใช้ประกอบกับลิขสิทธิ์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 กันไม่มากก็น้อย

โดยวันนี้เมื่อปีที่แล้ว คอบอลชาวไทยได้เฮ!! หลังแบรนด์ 'รองเท้าแอร์โร่ซอฟ' ทุ่ม 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 ยิงสด NBT2HD SPORT ครบ 51 นัด โดยเริ่มคิกออฟคู่แรก อิตาลี VS ตุรกี ช่วงคืนวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ย้อนกลับไปก่อนวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2564 มีคำถามกันหนาหูในหมู่คนไทยว่า จะมี 'ยูโร 2020' มาให้รับทางฟรีทีวีหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีการประกาศอย่างชัดเจนจากหน่วยงานใด ๆ ว่าจะมีการนำลิขสิทธิ์สัญญาณการถ่ายทอดสด 'ฟุตบอลยูโร 2020' มาเผยแพร่ในช่วงนั้น

เหตุผลที่ทำให้เรื่องนี้ดูนิ่ง ๆ ไป เพราะต้องยอมรับว่า สถานการณ์ในตอนนั้น ทางภาครัฐบาลไม่สามารถนำงบภาษีที่เก็บจากประชาชนมาคืนความสุข ด้วยการไปร่วมประมูลซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ (ทีวีพูล) หรือผ่านช่องทางอื่นได้ ต้องเป็นช่องทีวีเอกชนเท่านั้น ถึงจะสามารถประมูลฟุตบอลยูโร มาถ่ายทอดสดให้คนไทยได้ดูกัน เพียงแต่ในช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่มีเอกชนรายใดขอซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาถ่ายทอด จนคนไทยส่วนใหญ่น่าจะไปหวังพึ่งลิงก์เถื่อนที่ดูไปสะดุดไป อย่างไร้อรรถรส

อย่างไรก็ตาม ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 ตลอด 51 นัด ก็เกิดขึ้นได้ จากผู้สนับสนุนหลักอย่าง บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย รองเท้ายี่ห้อ 'แอโร่ซอฟ' ภายใต้ ‘นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการ ผู้ที่ตั้งใจจะมอบความสุขให้แก่คนไทยในยามโรคระบาดยังไม่จางหาย ได้รับชมกันเต็มอิ่มทุกนัดแบบไม่สะดุด

โดยในส่วนของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในครั้งนั้น ทางแอโร่ซอฟ เป็นภาคเอกชนรายเดียวในการทุ่มงบ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อสิทธิ์การถ่ายทอดสดจากทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือ 'ยูฟ่า' เพื่อให้คนไทยได้รับชมการถ่ายทอดสดฟรีทุกนัดตลอด 1 เดือน (11 มิ.ย. - 11 ก.ค.64) ทางช่อง NBT2HD SPORT

ยิ่งไปกว่านั้น 'เวลาแอร์ไทม์' หรือช่วงเวลาที่สามารถนำไปสร้างรายได้จากโฆษณาตลอดช่วงถ่ายทอดสดทั้งหมดนั้น ทาง 'แอโร่ซอฟ' ของ คุณโกมล ก็ไม่ได้นำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ใด ๆ หากแต่นำเวลาเหล่านั้นมาช่วยผู้ประกอบการรายย่อยคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วยการเปิดโอกาสให้โปรโมตสินค้าและธุรกิจแบบฟรี ๆ ตลอดซีซั่นบอลยูโร 2020 อีกด้วย

สำหรับ ‘นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย รองเท้ายี่ห้อ 'แอโร่ซอฟ' ถือเป็นอีกผู้ใหญ่ใจดีของสังคมไทย และเป็นบุคคลที่มักเข้ามาช่วยเหลือเรื่องใหญ่ ๆ ในสังคมไทยแบบไม่ออกหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้บริจาคเงิน จำนวน 100 ล้านบาท พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ประกอบด้วย อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและตา (Face Shield) จำนวน 3,000 ชิ้น และเครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์ (Airvo 2) จำนวน 10 ชิ้น ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้ในการรักษา

“Aerosoft รองเท้าแตะนุ่มสบายขอเป็นกำลังใจ…ให้คนไทยทั้งชาติ”

‘พีระพันธุ์’ เกาะติดมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ควบคู่ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะทำงานติดตามมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ครั้งที่ 1/2567 เพื่อช่วยยกระดับทุนทางวัฒนธรรมและส่งเสริมอุตสาหกรรมทัศนศิลป์ของประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม

ทั้งนี้ มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 นั้น ประกอบด้วย 4 มาตรการ ดังต่อไปนี้

1. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ เพื่อส่งเสริมตลาดการซื้อขายศิลปะ ซึ่งจะทำให้ศิลปินในประเทศไทยผลิตงานศิลปะเพิ่มมากขึ้น และส่งเสริมการจัดแสดงงานศิลปะในประเทศไทย อันจะทำให้การท่องเที่ยวขยายตัวมากขึ้น จึงเสนอให้ผู้มีเงินได้แต่ไปรวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถหักลดหย่อนค่าซื้องานศิลปะด้านจิตรกรรมหรือประติมากรรมในราชอาณาจักร ในลักษณะการยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้องานศิลปะดังกล่าวมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทในปีภาษี สำหรับการซื้องานศิลปะตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569

2. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่ศิลปินในการสร้างงานศิลปะ และส่งเสริมงานศิลปะของศิลปินไทย จึงเห็นควรบรรเทาภาระภาษีให้แก่ศิลปินในประเทศไทย โดยเสนอให้ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากรที่เป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระประณีตศิลปกรรม สามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 60 เป็นการถาวร โดยไม่กำหนดประเภทศิลปิน

3. มาตรการลดหรือยกเว้นอากรขาเข้างานศิลปะ เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนในการผลิตงานศิลปะ และลดต้นทุนในการนำเข้างานศิลปะเพื่อนำมาจัดแสดงงานศิลปะระดับประเทศและระดับนานาชาติในประเทศไทย จึงเสนอให้มีการลดหรือยกเว้นอัตราอากรสำหรับงานศิลปะ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ

4. มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านการสนับสนุนการจัดกิจกรรมสำหรับรถยนต์โบราณ เช่น การประกวดรถยนต์โบราณ การจัดแสดงนิทรรศการรถยนต์โบราณ การจัดขบวนคาราวานรถยนต์โบราณ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทยทุกระดับ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตหรือบูรณะ (Restoration) รถยนต์โบราณในประเทศ เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย จึงเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้ารถยนต์โบราณ (Classic Cars) และมีการยกเว้นอากรขาเข้าสินค้ารถยนต์โบราณเฉพาะรถยนต์นั่งเท่านั้น (ไม่รวมถึงรถจักรยานยนต์และรถอื่น ๆ)

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการศึกษารายละเอียด ผลประโยชน์ และผลกระทบ ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ การคลัง และสังคม รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละมาตรการอย่างรอบคอบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

‘รัฐบาล’ ห่วงใยความปลอดภัยเด็ก ขณะใช้บริการ ‘รถโรงเรียน’ กำชับ!! กรมขนส่งฯ รุดตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐาน

(6 มิ.ย. 67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงนี้อยู่ระหว่างโรงเรียนเปิดเทอม ประกอบกับมีฝนตกทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และมีข่าวปรากฏบนโลกโซเชียลบ่อยครั้งเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุของรถโรงเรียน รัฐบาลห่วงใยเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของเด็กและนักเรียน

นายคารม กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก กำชับและสั่งการให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศไทย ตรวจสอบความปลอดภัยและการให้บริการของรถโรงเรียน และรถที่รับจ้างรับส่งนักเรียนในพื้นที่รับผิดชอบทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถ และพนักงานขับรถต้องนึกถึงความปลอดภัยของเด็ก ๆ นักเรียนทุกคนที่โดยสารมากับรถ และตัวรถที่ใช้รับส่งนักเรียนต้องมีสภาพที่แข็งแรงต้องชำระภาษีรถประจำปีอย่างถูกต้อง พร้อมที่จะให้บริการรับส่งนักเรียนได้อย่างปลอดภัย สำหรับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลทั้งในลักษณะรถสองแถวและรถตู้มาใช้รับส่งนักเรียน กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ต้องผ่านการรับรองจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา และต้องขออนุญาตใช้รถให้ถูกต้อง นำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 

นายคารม กล่าวว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ทางราชการกำหนด ซึ่งจะได้รับอนุญาตครั้งละ 1 ภาคการศึกษาเท่านั้น (ไม่เกินวัน ปิดเทอมของแต่ละภาคการศึกษา) ภายในรถต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับช่วยเหลือนักเรียนเมื่อมีอุบัติเหตุ เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ที่นั่งผู้โดยสารต้องยึดแน่นมั่นคงแข็งแรง กรณีเป็นรถสองแถวหากมีทางขึ้นลงอยู่ ด้านท้ายต้องปรับปรุงตัวรถให้มีประตูและที่กั้นป้องกันนักเรียนตกหล่นจากรถ ส่วนรถตู้ต้องจัดวางที่นั่งเป็นแถวตอนตามความกว้างของตัวรถเท่านั้น ห้ามดัดแปลงสภาพรถ ห้ามเพิ่มเบาะที่นั่งหรือการต่อเติมกระบะท้ายเพื่อให้รับนักเรียนได้มากเกินจำนวนบรรทุกที่ปลอดภัย ต้องมีป้าย สีส้มสะท้อนแสง มีข้อความ ‘รถโรงเรียน’ ให้เห็นชัดเจน พร้อมติดไฟสัญญาณสีเหลืองไว้ที่ด้านหน้า และด้านท้ายของตัวรถ หากพบการฝ่าฝืนจะพิจารณาสั่งเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้ใช้รถทันที และไม่สามารถขออนุญาตได้อีกจนกว่าจะพ้น 1 ปีไปแล้ว

โล่งใจ!! 'ทุเรียนไทย' ยังอร่อย-ครองใจชาวจีนเสมอ  แม้มีข่าวกุ 'ทุเรียนเหงียน' ถูก-ดี ไทยซื้อต่อมาส่งจีน

ไม่นานมานี้ นายตฤณ วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทยและเคยทำงานในมูลนิธิแจ๊คหม่า อาลีบาบา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ 'วันนี้คุณได้มีส่วนช่วย ดิสเครดิต ประเทศตัวเองรึยัง?' ระบุว่า...

สืบเนื่องจากประชุมออนไลน์กับทีม สภาการค้าจีน มีประเด็นที่ผมโดนถามว่า ทุเรียนไทยที่ส่งออกมาให้จีน เอาของเวียดนามมาสวมจริงไหม 

ผมก็ตอบว่าไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด แต่คิดว่ามีใน % น้อย เพราะปกติเราเคยนำเข้าทุเรียนจากเพื่อนบ้านมาทั้งแปรรูป และบริโภค ในภาวะฝนแล้ง อยู่แล้ว แต่ปีนี้อาจจะนำเข้ามามากหน่อย แต่ส่วนใหญ่กว่า 95% ทุเรียนที่ส่งให้จีน จะเป็นของไทยซะส่วนมาก

สืบได้ความว่า สื่อต่างชาติปล่อยข้อมูล ให้สื่อไทยงับ คนไทยแชร์ และเอามาแปลต่อเป็นจีน เพื่อดิสเครดิต และทิ้งทวนว่า ครั้งหน้าคนจีนควรซื้อทุเรียนเวียดนามไปเลยจะได้ราคาดีกว่า เพราะคุณภาพไม่แตกต่างกัน

... พอจบประชุม เพื่อน ๆ ในออนไลน์ฝั่งจีน ก็บอกว่า อย่าคิดมากไป ของไทยอร่อยกว่ามาก แต่จะทำยังไงให้คนจีนที่เหลือเชื่อ ก็คงต้องรอให้กระแสข่าวนี้ตกไปก่อน... 

สงสารชาวสวนทุเรียนปีนี้ โดนภัยแล้ง และโดนคนไทยด้วยกัน ดิสเครดิต โดยไม่รู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมการค้าเพื่อนบ้าน

'สาว' โพสต์ตัดพ้อ ถูกพ่อแม่ตัดขาด เพราะไม่มีเงินเปย์น้องสาว ด้าน 'ชาวเน็ต' เมนต์สนั่น!! เวรกรรมมาในรูปแบบของครอบครัว

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘สตาร์วาไรตี้’ โพสต์ข้อความเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งที่เป็นพี่คนโต ได้ออกมาเปิดใจทั้งน้ำตา หลังพยายามหาเงินส่งเสียให้น้องเรียนต่ออเมริกา จ่ายให้หมดทั้งค่ากินอยู่ ค่าช้อปปิ้ง ค่าอาหาร ค่าเที่ยว แต่พอจ่ายไม่ไหวกลับถูกพ่อแม่ตัดขาด หาว่าขี้งก ไม่รักน้อง อกตัญญู โดยระบุว่า…

ผู้ใช้ Tiktok รายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอระบายความอัดอั้นตันใจ หลังถูกพ่อแม่ตัดขาด เหตุเพียงเพราะเธอไม่สามารถจ่ายเงินค่าสิ้นเปลืองให้กับน้องสาวที่ไปเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาได้ แต่น้องสาวกลับไม่เห็นใจเธอ

หลายครั้งที่เธอต้องจ่ายหนี้แทนน้องสาว รวมทั้งยังต้องจ่ายช้อปปิ้ง ค่าอาหาร ค่าเที่ยวสถานบันเทิงจนเธอเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหว พอบอกว่าให้น้องสาวรับผิดชอบรายจ่ายของตัวเอง เอง เธอกลับถูกครอบครัวต่อว่า หาว่าขี้งก ไม่รักน้อง อกตัญญู

เธอมาอยู่จุดนี้ได้ก็เพราะครอบครัว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอต้องตอบแทนให้ครอบครัวบ้าง เป็นความรับผิดชอบของเธอที่ต้องดูแลพ่อแม่ และน้องสาว เธอบอกว่าเธอนั้นรักครอบครัวมาก เธอสามารถทำให้ได้ทุกอย่าง

แต่มันกลายเป็นว่าตอนนี้การขอนั้นไม่มีขอบเขต มันเกินจุดที่เธอจะรับไหว และเธอรู้สึกว่าตนเองเป็นแค่กระเป๋าเงินที่กำลังถูกครอบครัวรุมถลุงใช้เท่านั้น

ท่ามกลางชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

รถดีเซลรางฯ ‘KiHa 40’ และ ‘KiHa 48’ จาก ‘ญี่ปุ่น’ ถึงไทยแล้ว!! เร่งขนย้ายไป ‘แหลมฉบัง’ เตรียมดัดแปลง เพื่อนำไปใช้งานต่อไป

(ุ6 มิ.ย. 67) จากเพจเฟซบุ๊ก LIM-Catalogue ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า ‘ในที่สุด... รถดีเซลราง KiHa 40 และ KiHa 48 (キハ40和キハ48系気動車) จาก JR East (JR東日本) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 20 คัน ที่ให้ รฟท. ฟรีๆ ได้เดินทางมาถึงท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ในช่วงเช้า ตี 5 ของวันนี้แล้วครับผม’

ซึ่งเดินทางมาโดยเรือ Jutha Malee (จุฑามาลี)

ต่อจากนี้ไป ก็จะเป็นการผ่านพิธีศุลกากร ชำระภาษีต่างๆ รวมไปถึงขนรถดีเซลรางชุดนี้ไปไว้ที่สถานีรถไฟแหลมฉบัง พร้อมทั้งนำชุดแคร่ไปทำการแปลงล้อ จากขนาด 1.067 เมตร ให้เป็นขนาด 1.000 เมตร

ก่อนจะนำแคร่มาใส่กับรถดีเซลรางเหล่านี้ พ่วงขบวนลากไปตรวจสภาพ และซ่อมแซมต่อไป

อาลัย!! 'พลเรือเอก นายแพทย์ หม่อมเจ้า ปุสาณ สวัสดิวัตน์' เจ้านายที่มีพระชนม์อยู่เป็นองค์สุดท้ายของราชสกุลสวัสดิวัตน์

(6 มิ.ย. 67) ม.จ.จุลเจิม ยุคล โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ขอแสดงความอาลัยต่อ ราชตระกูล สวัสดิวัตน์ ต่อการสิ้นชีพิตักษัย ของ พลเรือเอก นายแพทย์ หม่อมเจ้า ปุสาณ สวัสดิวัตน์

ทั้งนี้ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นเจ้านายฝ่ายหน้าที่ชันษาสูงที่สุดในปัจจุบัน และเป็นเจ้านายที่มีพระชนม์อยู่เป็นองค์สุดท้ายของราชสกุลสวัสดิวัตน์

อีกทั้งหม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ยังเป็นหนึ่งในพระอนุวงศ์ผู้ใหญ่ที่ครั้นถึงเทศกาลสงกรานต์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชสำนักผู้ใหญ่ เชิญเครื่องสรงน้ำสงกรานต์ไปพระราชทาน เป็นการแสดงพระราชกตัญญุตาธรรมตามโบราณราชประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ

>>ในด้านการทรงงานและกรณียกิจ

พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทรงจบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล และทรงสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เมื่อปี พ.ศ. 2505

ทรงเข้ารับราชการตั้งแต่ พ.ศ. 2505 โดยทรงปฏิบัติหน้าที่เป็นนายแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ กรมแพทย์ทหารเรือ ต่อมาเป็นรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และเป็นนายแพทย์ประจำสำนัก กองบัญชาการทหารสูงสุด เป็นต้น

พ.ศ. 2534 เป็นราชองครักษ์พิเศษ และวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552 ได้รับพระราชทานพระยศ พลเรือเอก เป็นกรณีพิเศษ และแต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษประจำกองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กองนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และงานพิเศษ พ.ศ. 2528

หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นแพทย์ไทยที่นำวิทยาการด้านรังสีวิทยามาใช้ในการตรวจวิเคราะห์ และวินิจฉัยอาการป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้วิทยาการด้านรังสีวิทยาประเมินอาการของโรคได้อย่างแม่นยำ

ทรงเป็นแพทย์ไทยท่านแรกที่ได้นำเครื่องมืออัลตราซาวนด์มาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ทำให้วิทยาการด้านนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วประเทศ เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้โดยทั่วไป

‘โจ มณฑานี’ แชร์เรื่องราว ร้านอาหารไฟไหม้ 10 ชีวิตเดือดร้อนหนัก ‘ในหลวง ร.10’ ทรงเมตตา พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือทันท่วงที

(6 มิ.ย.67) จากเฟซบุ๊ก 'Jo Montanee' โดยคุณโจ มณฑานี ตันติสุข ดีเจ พิธีกร นักวิจารณ์ นักเขียนและวิทยากรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“ไปเจอเรื่องดีงามมาใน tiktok ห้องพูดคุยเรื่อง #ชาลีกามิน ค่ะ

มีสมาชิกห้องมาส่งข่าวว่าจะคอมเมนต์ไม่ได้ไปสักพัก เนื่องจากบ้านไฟไหม้หมด รถเสียหายไปหกคัน แต่..พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาแล้ว

พี่โจเลยถามน้องว่าไหม้ชุมชนหรือว่าไหม้บ้านเราหลังเดียว? 

สาเหตุที่ถามคือถ้าไหม้ชุมชนใหญ่ออกข่าวไปทั่ว ปกติในหลวงของเราจะทรงงานช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างว่องไวอยู่แล้ว แต่ถ้าไหม้บ้านหลังเดียวแล้วพระองค์ทรงพระราชทานความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้จริง ๆ ค่ะ 🙏

น้องตอบกลับมาว่าไหม้ร้านอาหารครอบครัวที่มีญาติพี่น้องอยู่กัน 10 คนค่ะ

นี่คือเครื่องยืนยันอย่างเด่นชัดว่าในหลวงของเราทรงเห็นความทุกข์ของประชาชนทุกคนจริง ๆ

#เทิดไว้เหนือเกล้า”

‘เด็กฉนวนกาซา’ เผชิญวิกฤต ‘ขาดแคลนอาหาร’ รุนแรง เสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ ที่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต

(6 มิ.ย.67) กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ออกมาระบุว่า เด็ก 9 ใน 10 คนในฉนวนกาซาไม่ได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารต่าง ๆ เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของพวกเขา

“หลายเดือนมาแล้วสงครามและข้อจำกัดด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาได้พังทลายลง ทั้งระบบอาหารและสุขภาพ ส่งผลให้เกิดหายนะต่อเด็กและครอบครัวของพวกเขา” ยูนิเซฟกล่าว

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูล 5 ชุด ระหว่างเดือนธันวาคม 2023 - เมษายน 2024 และพบว่าเด็ก 9 ใน 10 คนในฉนวนกาซา ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนักจากการรุกรานของอิสราเอลตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน กำลังทุกข์ทรมานจากความขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้พวกเขาอยู่รอดได้ด้วยสารอาหารเพียง 2 กลุ่มหรือน้อยกว่านั้นต่อวัน

โดยยูนิเซฟระบุว่า นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงผลกระทบอันน่าสยดสยองของความขัดแย้ง และข้อจำกัดที่มีต่อความสามารถของครอบครัวในการตอบสนองต่อความต้องการอาหารของเด็กและความรวดเร็วที่ทำให้เด็กเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการที่เป็นภัยคุกคามถึงชีวิต

ด้านอิสราเอลอ้างว่า พวกเขาไม่ได้จำกัดปริมาณสิ่งของด้านมนุษยธรรมของพลเรือนในฉนวนกาซา และกล่าวโทษสหประชาชาติว่าจัดส่งสิ่งของล่าช้า เพราะการดำเนินงานไม่มีประสิทธิภาพ แต่ด้วยความอดอยากมากมายที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา ทำให้เด็กบางคนเสียชีวิตจากภาวะทุพโภชนาการและภาวะขาดน้ำ

กระนั้นก็ดี เพื่อให้เด็กมีความหลากหลายของโภชนาการสำหรับพัฒนาการทางสุขภาพที่ดี เด็ก ๆ จะต้องทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนอย่างน้อย 5 จาก 8 กลุ่มตามความหลากหลายของอาหารที่ยูนิเซฟและองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนด

ยูนิเซฟบอกด้วยว่า เด็กทั่วโลก 27% ประสบปัญหาความยากจนด้านอาหารอย่างรุนแรงในวัยเด็ก ซึ่งคิดเป็นจำนวนของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบถึง 181 ล้านคน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างชีวิต อย่างยั่งยืน แก่ชาวมหาสารคาม มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน มอบจักรยานให้กับโรงเรียนในพื้นที่ชนบท พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี

วานนี้ (วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 23 ครัวเรือน พร้อมทั้งมอบรถจักรยานในโครงการ “จักรยานเพื่อน้องสัญจร” จำนวน 50 คัน กระบอกน้ำ จำนวน 250 ใบ  ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน รวม 5 แห่ง เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน ร่วมกัน รวมมูลค่าสิ่งของที่มอบในครั้งนี้ทั้งสิ้น 658,430 บาท (หกแสนห้าหมื่นแปดพันสี่ร้อยสามสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวปราณี วงศ์บุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย นางนวลจันทร์ ศรีมงคล ผู้ตรวจราชการ กรมการพัฒนาชุมชน นางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์  คณะมูลนิธิมหาสารคามการกุศล คณะสมาคมชาวจังหวัดมหาสารคาม ร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ บริเวณวัดขุนพรหมดำริ (บ้านอุปราช) ตำบลท่าสองคอน อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมหน่วยแพทย์ฯ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ  แผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น  และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมากกว่า 600 คน

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบไปแล้วรวมทั้งสิ้น 11 จังหวัด

ตลอดระยะเวลา 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top