Monday, 19 May 2025
TheStatesTimes

‘บุปผา เรืองสุด’ ปลื้ม!! เด็กไทยคว้า 6 เหรียญสุดยิ่งใหญ่ ในเวทีแข่งขันฝีมือแรงงานระดับเอเชีย ณ กรุงอาบูดาบี

จากรายการ THE TOMORROW ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยอัปเดตกับ นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในประเด็น ‘เยาวชนไทยคว้าชัยจากเวทีการแข่งขันฝีมือแรงงานเอเชีย ครั้งที่ 2 ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์’ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.66 โดยมีรายละเอียด ดังนี้...

การแข่งขันฝีมือแรงงานเอเชีย ครั้งที่ 2 ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยเยาวชนไทยสามารถคว้าเหรียญรางวัลในเวทีการแข่งขันฝีมือแรงงาน ระดับเอเชียมาได้ทั้งหมด 6 เหรียญ ประกอบด้วย... 

>> 1 เหรียญทอง จากสาขาแต่งผม นายสิทธิพร พาสง่า สนับสนุนโดยโรงเรียนเสริมสวยอรอุบล  

>> 2 เหรียญเงิน ได้แก่ สาขาเทคโนโลยีงานเชื่อม นายสิทธิชัย ไชยวิเศษ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สาขาหุ่นยนต์เคลื่อนที่ (ประเภททีม) ได้แก่ นายภัคพล ปรีชาวนา และนายฬูค่า ชนกันต์ บอนด์ จากศูนย์การเรียนรู้การเขียนโปรแกรมและนวัตกรรมหุ่นยนต์ 

>> 1 เหรียญทองแดง จากสาขาเทคโนโลยีเว็บ นายณฐนันท์ แพน้อย วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) 

>> และคว้าเหรียญฝีมือยอดเยี่ยมมาได้อีก 2 สาขา คือ สาขาเทคโนโลยีระบบทำความเย็น นายหัตศนัยต์ บุญแก้วคง จากวิทยาลัยเทคนิคสงขลา และสาขากราฟิกดีไซน์ นางสาวปภัชญา พีรกรวรธรรม จากวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ วิทยาเขตสะพานใหม่

นางสาวบุปผา กล่าวต่อว่า น้อง ๆ ที่คว้ารางวัลกลับมายังประเทศไทยในครั้งนี้ ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และได้แสดงศักยภาพด้านทักษะฝีมือให้ประเทศอื่น ๆ ได้เห็นว่า เด็กไทยมีฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก ส่วนน้อง ๆ ที่พลาดเหรียญรางวัลก็ไม่ต้องเสียใจ ทุกคนได้ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยอย่างเต็มที่และสุดความสามารถแล้วประสบการณ์ที่ได้รับมีคุณค่ามากกว่า เพราะหาฝึกจากที่ไหนไม่ได้  และต้องยอมรับว่าทุกคนที่ก้าวมาถึงเวทีนี้ถือว่าสุดยอดมาก ๆ ขอให้นำประสบการณ์ในครั้งนี้เป็นแรงผลักดันในการต่อสู้ในเวทีอื่น ๆ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับการเรียนและการทำงานในอนาคตต่อไป 

ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษาผู้อยู่เบื้องหลังแห่งสำเร็จในครั้งนี้ที่ให้การสนับสนุนในช่วงระหว่างการเก็บตัวฝึกซ้อม พร้อมกับสนับสนุนด้านต่าง ๆ จนทำให้เยาวชนไทยสามารถไปร่วมการแข่งขันและคว้าเหรียญรางวัลกลับประเทศไทยอย่างภาคภูมิใจ เวทีการแข่งขันทุกเวทีเป็นการกระตุ้นให้เกิดการ Upskill แรงงานได้ กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะส่งแรงงานและเยาวชนเข้าร่วมในทุกเวทีและทุกด้าน เพื่อสร้างแรงผลักดันให้แรงงานไทยทุกคนได้เห็นความสำคัญของการพัฒนาหรือ Upskill ฝีมือตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมกับการก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานต่อไป

อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเยาวชนที่สามารถคว้าเหรียญรางวัล จะได้รับรางวัลดังนี้ เหรียญทอง 261,000 บาท เหรียญเงิน 161,500 บาท เหรียญทองแดง 82,000 บาท เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม 35,000 บาท และรางวัลปลอบใจสำหรับน้องที่พลาดเหรียญรางวัลคนละ 10,000 บาท สำหรับการดูแลต่อจากนี้ นอกเหนือจากการเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อไปแข่งในระดับนานาชาติช่วงเดือนกันยายน 2567 หากน้อง ๆ ต้องการที่จะศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะประสานกับทางมหาวิทยาลัย จัดหาโควต้าในการศึกษาต่อให้ สำหรับการเข้าทำงานต้องยอมรับว่า น้อง ๆ มีทักษะสูงจึงมีบริษัทจองตัวไว้แล้ว อีกส่วนหนึ่ง กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเตรียมรับเป็นวิทยากรของกรมฯ เพื่อทำหน้าที่ครูฝึกให้แก่แรงงานต่อไปด้วย

‘พีระพันธุ์’ ลั่น!! อยากตรึงค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย. 67 ไว้ที่ 3.99 ชี้!! อาจต้องให้ ‘ปตท.-กฟผ.’ ช่วยแบกรับแทนประชาชนไปก่อน

(8 ธ.ค.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงประเด็นเรื่องค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย.67 สำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไป ว่า ขณะนี้กำลังพยายามหาแนวทางหลากหลายรูปแบบในการดำเนินการ เพื่อทำให้ค่าไฟต่ำกว่า 4.68 บาทตามที่ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศล่าสุด

อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับก่อนว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้แบบที่ใจคิด เนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย โดยการที่จะให้ค่าไฟลดลง 10 สตางค์ จะต้องมีค่าใช้จ่าย หรือผู้ที่ต้องแบกรับภาระตั้งแต่ 1,000-10,000 ล้านบาท 

“การพยายามจะตรึงราคาค่าไฟไว้ที่ระดับเดิม 3.99 บาทต่อหน่วยคงทำได้ยาก เพราะราคาค่าก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ผลิตไฟมีการปรับขึ้นราคาในช่วงฤดูหนาว แต่จะพยายามทำให้ต่ำที่สุด”

ขณะที่ประเด็นที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต้องการให้ค่าไฟงวดใหม่อยู่ที่ราคา 4.10 บาทต่อหน่วย ไม่ใช่ 4.20 บาทต่อหน่วยตามที่กระทรวงพลังงานเคยระบุว่าจะดำเนินการก่อนหน้านี้นั้น ในความคิดเห็นส่วนตัวต้องการให้อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วยมากกว่า

“การจะปรับลดค่าไฟไม่ใช่อยู่ที่การพูดว่าต้องการเท่าไหร่ แต่อยู่ที่หลายภาคส่วนประกอบกัน เช่น ผู้ประกอบการจะอยู่ได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันไม่ใช่มีแค่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เท่านั้น แต่ยังมีผู้ประกอบการภาคเอกชนด้วย ซึ่งบางรายเพิ่งฟื้นจากสถานการณ์โควิด19 หากเอกชนที่เป็นรายเล็กบางรายอยู่ไม่ได้ ก็อาจจะทำให้มีไฟฟ้าไม่เพียงพอ ซึ่งคงวุ่นวายไปมากกว่านี้ ดังนั้น ต้องคิดอย่างรอบคอบให้เกิดความเป็นไปได้ของทุกส่วน ต้องแก้ปัญหาให้เป็นวงกลม”

นอกจากนี้ การที่จะดำเนินการช่วยเหลือกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ใช้ไฟเกิน 300 หน่วยต่อเดือน จะต้องนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาเห็นชอบด้วยในวันที่ 13 ธันวาคม 2566

สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือ แน่นอนว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ เพราะเป็นองค์กรที่ดูแลเรื่องก๊าซธรรมชาติ เช่นเดียวกับ กฟผ. ที่อาจจะต้องแบกรับภาระเพื่อประชาชนอีก

ส่วนจะใช้โอกาสดังกล่าวนี้ในการปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบเลยหรือไม่นั้น ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาเพื่อไม่ให้ปัญหาทางด้านพลังงานจะต้องเกิดขึ้นทุก 3-4 เดือนที่จะมีการประกาศค่าไฟงวดใหม่ โดยกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา เพื่อนำมาแก้ไข

“ตอนนี้คงต้องทำตามโครงสร้างเดิมก่อน เพราะเป็นแบบนี้มามากกว่า 40 ปีแล้ว แต่ก็พยายามหาทางทุกมิติว่าจะปรับโครงสร้างพลังงานอย่างไร เพื่อให้ราคาลดลงได้ด้วยตัวเอง และไม่เพิ่มภาระให้ประชาชน หรือเรียกว่าปลดแอกจากราคาที่ขึ้นอยู่กับตลาดโลกเป็นปัจจัยหลักสำคัญ”

‘จีน’ เปิดใช้ ‘ห้องแล็บใต้ดิน’ ลึก-ใหญ่ที่สุดในโลก ‘สะอาด-รังสีต่ำ’ ตอบโจทย์การตรวจจับ ‘สสารมืด’

(8 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนเปิดใช้งานห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ ซึ่งตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 2,400 เมตร ในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยห้องปฏิบัติการแห่งนี้ถือเป็นห้องปฏิบัติการใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดและตั้งอยู่ลึกมากที่สุดในโลก

คณะนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าห้องปฏิบัติการใต้ดินแห่งนี้จะเป็นพื้นที่ ‘สะอาด’ สำหรับการแสวงหาสสารที่มองไม่เห็นหรือ ‘สสารมืด’ (dark matter) โดยการตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดินอย่างมากจะช่วยสกัดกั้นรังสีคอสมิกส่วนใหญ่ที่เป็นอุปสรรคต่อการสังเกตการณ์

รายงานระบุว่าห้องปฏิบัติการใต้ดินลึกและรังสีพื้นหลังต่ำพิเศษสำหรับการทดลองทางฟิสิกส์แนวหน้า (DURF) ตั้งอยู่ข้างใต้ภูเขาจิ่นผิง แคว้นปกครองตนเองเหลียงซาน กลุ่มชาติพันธุ์อี๋ ของซื่อชวน มีความจุของห้องรวม 330,000 ลูกบาศก์เมตร

ห้องปฏิบัติการฯ จัดเป็นระยะที่ 2 ของห้องปฏิบัติการใต้ดินจิ่นผิงแห่งประเทศจีน เริ่มต้นก่อสร้างเดือนธันวาคม 2020 และร่วมสร้างโดยมหาวิทยาลัยชิงหัว และบริษัท ยาหลง ริเวอร์ ไฮโดรพาวเวอร์ เดเวลอปเมนต์ จำกัด

ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดินช่วยให้ห้องปฏิบัติการฯ สัมผัสกับรังสีคอสมิกในปริมาณเล็กน้อยมาก คิดเป็นหนึ่งร้อยในหนึ่งล้านของปริมาณการสัมผัสรังสีคอสมิกบนพื้นผิวโลก

เย่ว์เฉียน อาจารย์มหาวิทยาลัยฯ ระบุว่าห้องปฏิบัติการฯ มีจุดเด่นหลายประการ ทั้งปริมาณรังสีคอสมิกต่ำพิเศษ รังสีในสิ่งแวดล้อมต่ำมาก ความเข้มข้นของเรดอนต่ำมาก และพื้นที่สะอาดพิเศษ ซึ่งเกื้อหนุนการตรวจจับสสารมืด

ทั้งนี้ คณะนักวิทยาศาสตร์อนุมานว่าสสารที่มองเห็นได้คิดเป็นเพียงราวร้อยละ 5 ของจักรวาล ขณะสสารมืดและพลังงานมืดคิดเป็นราวร้อยละ 95 ของจักรวาล

ปัจจุบันคณะนักวิจัยทีมแรกจาก 10 ทีม ซึ่งมาจากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของจีน เช่น มหาวิทยาลัยชิงหัว และมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เจียวทง ได้ประจำการอยู่ในห้องปฏิบัติการฯ เพื่อดำเนินการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว

เย่ว์กล่าวว่าห้องปฏิบัติการฯ จะเป็นศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ใต้ดินลึกสหวิทยาการระดับโลก ซึ่งบูรณาการสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งฟิสิกส์อนุภาค ฟิสิกส์ดาราศาสตร์นิวเคลียร์ และชีววิทยาศาสตร์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การพัฒนาการวิจัยในสาขาแนวหน้าที่เกี่ยวข้องของจีน

อนึ่ง ระยะที่ 1 ของห้องปฏิบัติการใต้ดินจิ่นผิงแห่งประเทศจีนก่อสร้างเสร็จสิ้นและเปิดใช้งานเมื่อสิ้นปี 2010 มีความจุห้องราว 4,000 ลูกบาศก์เมตร และประสบผลสำเร็จทางวิทยาศาสตร์หลายรายการ ซึ่งยกระดับการทดลองตรวจจับสสารมืดของจีนสู่ระดับสูงบนเวทีโลก

ลูกชาย ‘โจ ไบเดน’ โดนข้อหาเพียบ ‘เลี่ยงภาษี-พัวพันยาเสพติด’ เสี่ยงโทษหนักจำคุก 17 ปี ทำตำแหน่งประธานาธิบดีพ่อสั่นคลอน

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 66 ‘ฮันเตอร์ ไบเดน’ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ แห่งสหรัฐฯ ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แจ้งข้อหาหลบเลี่ยงไม่จ่ายภาษีเป็นเงิน 1.4 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางวีรกรรมอื้อฉาวมากมายของเจ้าตัว ทั้งการใช้ชีวิตหรูหราฟุ้งเฟ้อ มั่วโสเภณี ซื้อปืนผิดกฎหมาย และพัวพันยาเสพติด

‘ฮันเตอร์ ไบเดน’ วัย 53 ปี ถูกแจ้งความผิดอาญาร้ายแรง 3 กระทง และความผิดลหุโทษอีก 6 กระทงที่เกี่ยวข้องกับการเลี่ยงภาษี ตามข้อมูลจากเอกสารคำฟ้องที่ยื่นต่อศาลแขวงกลาง รัฐแคลิฟอร์เนีย

ฮันเตอร์ อาจต้องโทษจำคุกถึง 17 ปี หากศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริง ขณะที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า กระบวนการสอบสวนความผิดของเขายังคงดำเนินอยู่

“จำเลยไม่ได้จ่ายภาษีเป็นเงินอย่างน้อย 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามการประเมินภาษีด้วยตนเอง (self-assessed federal taxes) ตลอดระยะเวลา 4 ปี ในช่วงระหว่างปี 2016-2019” เอกสารคำฟ้องระบุ

ในทางกลับกัน ฮันเตอร์ ไบเดน ได้ใช้จ่ายเงินมหาศาลไปกับ ‘ยาเสพติด หน่วยอารักขา และเพื่อนหญิงมากหน้าหลายตา โรงแรมหรูและที่พักสำหรับเช่า รถยนต์ราคาแพง เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวอื่นๆ’ รวมถึงจ่ายเงินค่าบำบัดยาเสพติดอีกกว่า 70,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามข้อมูลในเอกสารคำฟ้อง

ทนายความของ ฮันเตอร์ ไบเดน ยังไม่ให้ได้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ ขณะที่ทำเนียบขาวก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เช่นกัน

เอกสารคำฟ้องยังเผยด้วยว่า “ฮันเตอร์ ไบเดน ‘มีรายได้มหาศาล’ ระหว่างเป็นสมาชิกบอร์ดบริหารของ ‘Burisma’ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมในยูเครน รวมถึงกองทุนรวมตราสารทุนของเอกชนจีนอีกแห่งหนึ่ง”

อัยการสหรัฐฯ เผยว่า ระหว่างปี 2016-2020 ฮันเตอร์ ไบเดน มีรายได้เบื้องต้นก่อนหักภาษีมากกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจำนวนนี้รวมถึงเงินเกือบ 2.3 ล้านดอลลาร์ ที่ได้จากการเป็นบอร์ดบริหารของ Burisma ในช่วงปี 2016-2019

ความเชื่อมโยงระหว่าง ‘ฮันเตอร์ ไบเดน’ กับ ‘Burisma’ กลายเป็นจุดอ่อนที่พรรครีพับลิกันเอามาใช้โจมตี ว่าเขาใช้อำนาจบารมีของ ‘ครอบครัวไบเดน’ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในต่างแดน

“จำเลยมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องจ่ายภาษีรายได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการดำรงตำแหน่งในบอร์ดบริหาร Burisma ค่าธรรมเนียมจากการทำข้อตกลงกับกองทุนรวมตราสารทุนของจีน รวมถึงรายได้จากการเป็นทนาย และแหล่งอื่นๆ” เอกสารคำฟ้องระบุ

บุตรชายผู้นำสหรัฐฯ ยังมีรายได้จากการทำงานให้กับบริษัท ‘CEFC Energy Co Ltd.’ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านพลังงานของจีนอีกด้วย

ในขณะที่รายได้ของเขาเพิ่มขึ้น รายจ่ายของ ฮันเตอร์ ไบเดน ก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเอกสารคำฟ้องระบุว่า “เฉพาะในปี 2018 ฮันเตอร์ ใช้จ่ายเงินไปกว่า 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการถอนเงินสดเกือบ 772,000 ดอลลาร์, จ่ายเงินเพื่อปรนเปรอผู้หญิง 383,000 ดอลลาร์ และค่าเสื้อผ้ากับข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ อีกประมาณ 151,000 ดอลลาร์”

“จำเลยไม่ได้นำเงินทุนเหล่านี้มาจ่ายภาษีเลยในปี 2018”

เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ฮันเตอร์ ไบเดน รับสารภาพต่อศาลรัฐเดลาแวร์ในข้อหาให้การเท็จ เกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดขณะที่ซื้อปืนผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บุตรของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในตำแหน่งถูกดำเนินคดีอาญา

‘นายกฯ’ ดัน ‘มวยไทย’ ซอฟต์พาวเวอร์เบอร์ 1 ของไทย เล็งต่อยอดอาชีพนักมวย - สร้างรายได้จากทุกมิติ

(8 ธ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงภายหลัง นายพิมล ศรีวิกรม์ กรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬา นำผู้บริหาร One Championship พร้อม ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ ว่า 

“ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์อันดับต้นของประเทศไทย เป็นกิจกรรมที่มีคำว่าไทยอยู่ด้วย และมวยไทยให้คุณค่าซอฟต์พาวเวอร์ความเป็นไทยเยอะ ตัวอย่าง ค่ายมวยไทยในประเทศอังกฤษมีประมาณ 5 - 6 พันแห่ง จึงเป็นซอฟต์พาวเวอร์อันดับ 1 ที่ถูกส่งไปทั่วโลก มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล มีการถ่ายทอดสดเป็น live Streaming รวมไปถึงการขายสินค้าและอุปกรณ์ เช่น กางเกงมวย นวม ที่ทำประโยชน์ให้ประเทศไทย กีฬามวยไทยถึงแม้นักมวยจะอายุมากถึง 41 ปี เหมือนนายบัวขาว ถ้ารักษาตัวดี ก็ยังสามารถเป็นความหวังและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมมวยไทย 

นอกจากนั้น คนไทยอยากมีอาชีพที่มั่นคง เพราะหากย้อนไป 30 - 40 ปีที่แล้ว อาชีพนักมวยมีระยะสั้น อายุนักมวยที่ขึ้นชกก็สั้นบางคนแค่ 3 - 4 ปี แต่หากดูแลตัวเองดีอายุ 40 - 50 ปี ก็ยังขึ้นชกได้ หากไม่อยากชกต่อก็สามารถเอามวยไทยไปบรรจุในกิจกรรมอื่น เช่น ในวิชาพลศึกษา หรือตั้งค่ายมวยในต่างประเทศ และจะเป็นช่องทางขยายอาชีพให้กับนักมวยไทย เช่นเดียวกับนักฟุตบอล ที่ไปเป็นโค้ด หรือผู้ฝึกสอนให้กับหลายสโมสร เป็นการต่อยอดอาชีพที่มั่นคงสร้างรายได้ต่อไป จากนี้จะเป็นการคิกออฟซอฟต์พาวเวอร์อันดับ 1 ของประเทศได้”

นายเศรษฐา กล่าวว่า “รายการ One Championship มีการถ่ายทอดสดและมีผู้ชมหลายร้อยล้านคน ทำให้แปลกใจ เหตุใดมีผู้ชมจำนวนมาก ทำให้คิดว่ามวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มีศักยภาพสามารถไปได้อีกไกลมาก และทำรายได้ให้ประเทศ โดยเชื่อมโยงไปกับการท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ภูเก็ต มีการเข้าแคมป์เรียนมวยไทย ขณะที่เวทีมวยราชดำเนิน เวทีมวยลุมพินี เป็นศูนย์รวมขนาดใหญ่ใครอยากเรียนชกมวยก็มาเยี่ยม จึงต้องมีการส่งเสริม ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ธ.ค.จะมีการแข่งขันศึกชิงแชมป์โลกมวยไทย ที่เวทีมวยลุมพินี และถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ตนจะถือโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมการแข่งขัน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีแนวทางจะผลิตนักมวยอย่างไร เพื่อส่งเสริมให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ต้องมีหลายด้าน ทั้งการดูเรื่องตรวจคนเข้าเมือง ที่ต้องประสานกระทรวงการต่างประเทศ เพราะมีนักมวยไทยหลายคนอยากไปสอน และตั้งค่ายมวยในต่างประเทศ แต่ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวทำให้ผิดกฎการเข้าเมือง ขณะที่คนที่สนใจกิจกรรมมวยไทย และอยากเข้ามาเรียนมวยไทย ทางกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย ต้องอำนวยความสะดวกให้คนที่เข้ามาคนที่เข้ามา”

เมื่อถามว่า อยากเห็นปลายทางของมวยไทยอย่างไร อยากให้มวยไทยไปทั่วโลก หรือให้นักท่องเที่ยวและนักมวยต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า “ที่ถามมาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่เราอยากสร้างรายได้เสริมให้คนที่ต้องการมาทำกิจกรรมมวยไทย ตั้งแต่ผู้ผลิตกางเกงเจ้าของสนามมวย การท่องเที่ยว สำคัญที่สุดคือต่อยอดอาชีพให้นักมวยไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายกฯ ได้โชว์เข็มขัดแชมป์เปี้ยนโลก WBC ขนาดย่อ ที่สวมข้อมือด้านขวาให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ ส่วนเข็มขัดของจริง ประธานสภามวยโลกจะเป็นผู้นำมาโชว์ในงานอะเมซซิ่งมวยไทย ที่จัดระหว่างวันที่ 2 - 5 ก.พ. 2567

‘พีระพันธุ์’ จ่อชง ครม. ดึงงบกลางตรึงค่าไฟ 3.99 บ. ต่อหน่วย ช่วยผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย จำนวน 17.7 ล้านครัวเรือน

(8 ธ.ค. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนและเป็นของขวัญปีใหม่กระทรวงพลังงานเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวด ม.ค.-เม.ย. 67 ไว้ที่อัตราเดิม 3.99 บาท/หน่วยให้เฉพาะกลุ่มเปราะบางจำนวน 17.7 ล้านครัวเรือน โดยอ้างอิงจากข้อมูลเดิมคือผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยจะต้องขอความเห็นชอบจาก ครม.เพื่อใช้งบกลางปี 2567 ราว 2,000 ล้านบาท ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าที่เกิน 300 หน่วยขึ้นไป เตรียมที่จะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ เพื่อหารือถึงแนวทางในการดูแลค่าไฟให้กลุ่มนี้ต่อไปเพื่อลดผลกระทบ

“คงเน้นไปที่กลุ่มเปราะบางก่อนในระยะสั้นนี้ แต่ต่อไปก็จะเร่งพิจารณาส่วนผู้ใช้ไฟที่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนโดยแนวทางก็อาจจะพิจารณายืดหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ให้ บมจ. ปตท. ลดราคาต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติลง ซึ่งยังต้องหาข้อสรุปว่าจะสามารถลดค่าไฟให้เหลือ 3.99 บาทตอนหน่วยได้หรือไม่ เนื่องจากการจะลดค่าไฟทั่วประเทศจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เพราะราคาก๊าซธรรมชาติในระยะนี้สูงขึ้นเช่นกัน แต่ยืนยันค่าไฟฟ้าจะไม่ถึง 4.68 บาทต่อหน่วยแน่นอน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปไปในเดือนธันวาคมนี้” นายพีระพันธุ์กล่าว

สำหรับการจัดทำน้ำมันดีเซลราคาถูกให้กับกลุ่มเกษตรกรว่า เตรียม จะเสนอร่างกฎหมาย จัดทำโครงสร้าง ราคาน้ำมันดีเซล ให้กับกลุ่มเกษตรกรเช่นเดียวกับน้ำมันเขียวที่ขายให้กับกลุ่มประมง ภายในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ที่จะมีการประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 เบื้องต้นอยู่ระหว่างการจัด ร่างกฎหมาย โดย จะมีความแตกต่าง จากน้ำมันเขียว ที่ได้รับการยกเว้นจัดเก็บภาษีน้ำมันดีเซลสรรพสามิต แต่ในส่วนน้ำมันของเกษตร ยืนยันว่าจะขายในราคาต่ำกว่าราคาดีเซลปัจจุบัน  

อวสาน ‘ไททันยักษ์’ บนยอดเขาประเทศลาว หลังหมอกจาง ท้องฟ้าโปร่ง ก็คนดีๆ นี่เอง

(8 ธ.ค. 66) จากกรณี ‘ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์’ ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ไขข้อข้องใจคลิป ‘ไททันยักษ์’ บนยอดเขาประเทศลาว ตามที่ได้รายงานข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุด ได้มีการเปิดเผยคลิปวิดีโอ จากมุมเดียวกันของเขาลูกดังกล่าว ซึ่งเป็นวันที่ไม่มีเมฆหมอกแต่อย่างใด โดยได้มีคนไปยืนอยู่จุดเดียวกับที่พบไททันยักษ์ ตามที่มีผู้กล่าวอ้าง ก็ปรากฏว่า ขนาดของคนที่ยืนนั้น ก็ได้เท่ากับตัวของไททันยักษ์ จึงสรุปได้อย่างชัดเจนว่า ที่เห็นในคลิป เป็นคนอย่างแน่นอน

ด้าน อ.เจษฎ์ ก็ได้ระบุข้อความว่า วันก่อน ‘ไททันยักษ์’, ‘คิงคอง’ แอบมาปรากฏตัวให้คนแตกตื่นอยู่บนยอดเขาประเทศลาว ท่ามกลางม่านเมฆหมอก มองไม่ค่อยชัดเลย

วันนี้ ไม่มีเมฆ ไม่มีหมอก ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ขอโชว์ตัวชัดๆ สักหน่อยนะครับ 5555

(ป.ล. สรุปว่า จริงๆ ก็ ‘คน’ นั้นแหละครับ ฮะๆๆๆ)

พิษณุโลก มทบ.39 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร ประจำปีการศึกษา 2566 เนื่องในวันนักศึกษาวิชาทหาร

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 พลตรี กิตติพงศ์ ชื่นใจชน รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 39 ประจำปีการศึกษา 2566 เนื่องในวันนักศึกษาวิชาทหาร ณ สนามกีฬาพระองค์ดำ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ส่วนทะเลแก้ว) ตำบลพลายชุมพล อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยมีผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหาร - ตำรวจ และผู้บริหาร, อาจารย์ผู้กำกับนักศึกษา, นักศึกษาวิชาทหาร เข้าร่วมพิธีมากกว่า 1,000 คน และได้มีพิธีมอบโล่เกียรติคุณให้กับ 5 สถานศึกษา และใบประกาศให้กับอาจารย์ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร จำนวน 6 นาย 

ซึ่งพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารเป็นพิธีอันมีเกียรติ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาวิชาทหารได้กระทำสัตย์ปฏิญาณตนว่าจะยึดถืออุดมการณ์และดำรงไว้ ซึ่งสถาบันหลักของชาติและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อแสดงออกถึงพลังของนักศึกษาวิชาทหารซึ่งเป็นกำลังสำรองของชาติ ให้เป็นที่ปรากฏแก่สายตาของผู้บังคับบัญชาและประชาชนทั่วไป เนื่องในวันนักศึกษาวิชาทหาร 8 ธันวาคม มณฑลทหารบกที่39 #หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่39 พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร 2566 

12 ธันวาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ เลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน เลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและขบวนราบ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.30 น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและขบวนราบ เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ณ ท่าวาสุกรี

ในครั้งนั้น บรรยากาศตลอดเส้นทางขบวนเรือพระราชพิธี ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ตั้งแต่บริเวณท่าวาสุกรีจนถึงท่าราชวรดิฐ มีปวงชนชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เฝ้ารอรับเสด็จเนืองแน่น

เพื่อสัมผัสบรรยากาศแห่งความงดงามของประเพณีและวัฒนธรรมไทยของริ้วขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาติเพียงแห่งเดียวของโลก พร้อมกับการได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ในเส้นทางเสด็จพระราชดําเนินเป็นเส้นทางเดียวกับที่เคยใช้มาตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

‘หญิงจีน’ ช็อก!! เจอบิลค่าอาหารกว่า 2 ล้านบาท หลังโพสต์รูปติด ‘คิวอาร์โค้ด’ แล้วเจอชาวเน็ตแกล้งสั่ง

หญิงชาวจีนแชร์ประสบการณ์ถูกแจ้งบิลค่าอาหาร 430,000 หยวน หรือราวๆ 2.1 ล้านบาท หลังจากที่เธอเผลอโพสต์รูปที่มี ‘คิวอาร์โค้ด’ สั่งอาหารลงในสื่อออนไลน์ จนทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากแกล้งใช้มันกดสั่งเมนูต่างๆ ในชื่อของเธอ

เมื่อไม่นานนี้ หญิงจีนสกุล ‘แซ่หวัง’ คนนี้เล่าว่า เธอตั้งใจโพสต์รูปอาหารที่เธอกับเพื่อนไปนั่งรับประทานด้วยกันที่ร้านหม้อไฟแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ทันสังเกตว่ามีคิวอาร์โค้ดที่ถูกแปะอยู่ข้างๆ โต๊ะ สำหรับกดสั่งอาหารและชำระเงินติดอยู่ในรูปด้วย

แม้เธอจะโพสต์รูปลงใน ‘WeChat Moments’ ซึ่งถูกตั้งค่าให้มองเห็นได้เฉพาะเพื่อนเท่านั้น แต่ปรากฏว่ามีคนจำนวนมากเริ่มนำโค้ดไปใช้กดสั่งอาหาร

หวัง เพิ่งมารู้ตัวว่า ‘พลาด’ ไปแล้ว หลังพนักงานของร้านเดินมาขอคำยืนยันว่า “เธอต้องการสั่งอาหารมูลค่า 430,000 หยวนจริงหรือไม่?”

หวัง ตัดสินใจลบโพสต์ดังกล่าวทันที แต่ยังคงมีออเดอร์ถูกสั่งในนามโต๊ะของเธอไม่หยุด ซึ่ง หวัง เข้าใจว่าคงจะมีใครสักคนดาวน์โหลดภาพดังกล่าวไปแล้ว ก่อนที่เธอจะลบมันทิ้ง

จากภาพสกรีนช็อตที่ หวัง นำมาแชร์เป็นอุทาหรณ์ ออเดอร์ที่พวกชาวเน็ตตะลุยสั่งในนามของเธอประกอบด้วยเลือดเป็ดสด 1,850 ชิ้น, ปลาหมึก 2,850 จาน และกุ้งบดอีก 9,990 จาน ซึ่งแต่ละจานก็มีสนนราคาหลายสิบหยวน

โชคยังดีที่ทางร้านไม่ได้บังคับให้ หวัง ต้องจ่ายเงินตามออเดอร์เหล่านั้น โดยหลังจากที่ทราบว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น พนักงานก็ได้ย้ายเธอกับเพื่อนไปนั่งโต๊ะใหม่ และมองข้ามออเดอร์ทั้งหมดที่ถูกสั่งเข้ามาเพิ่ม

หวัง ยอมรับว่านี่เป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับเธอ พร้อมเตือนให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล และใช้ความระมัดระวังมากขึ้นก่อนจะโพสต์ภาพหรือข้อมูลต่างๆ ลงในสื่อออนไลน์

‘หลิน เสี่ยวหมิง’ ทนายความจากบริษัทกฎหมาย ‘Sichuan Yishang Law Firm’ ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนว่า เนื่องจาก ‘ออเดอร์ปลอม’ ที่ถูกส่งเข้ามาไม่ได้เกิดจากเจตนาของ หวัง ดังนั้น จึงถือว่าเป็น ‘โมฆะ’ และร้านอาหารที่เผชิญปัญหาลักษณะนี้มีสิทธิ์ปฏิเสธออเดอร์ หรือแม้กระทั่งฟ้องเรียกเงินจากชาวเน็ตเหล่านั้น หากทำให้ทางร้านเกิดความเสียหาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top