Sunday, 11 May 2025
TheStatesTimes

‘แม่ฮ่องสอน’ ชู!! Soft Power รักษ์โลก กับ ‘ประเพณีลอยกระทงสวรรค์ไร้โฟม’ พร้อมชวนเสริมแรงบุญ ในงาน ‘นมัสการพระธาตุดอยกองมู’ 23 - 27 พ.ย. 66

(9 พ.ย. 66) พระสุมณฑ์ศาสนกิตติ์ เจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยกองมู กล่าวว่า ในปี 2566 วัดพระธาตุดอยกองมู ร่วมกับคณะศรัทธา ประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันจัดงาน นมัสการพระธาตุดอยกองมู กำหนดการระหว่างวันที่ 23 - 27 พฤศจิกายน 2566 นี้

สำหรับประวัติและความเป็นมาของงานประเพณีนมัสการพระธาตุดอยกองมู ได้ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่ประมาณปี 2512 เป็นต้นมา โดยมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การลอยกระทงสวรรค์ ซึ่งตรงกับประเพณีลอยกระทง ในวันขึ้น 11-15 ค่ำของทุกปี เนื่องด้วยวัดพระธาตุดอยกองมูนั้น อยู่ห่างจากแม่น้ำ ลำคลอง เพราะตั้งอยู่บนภูเขา หลวงพ่อพระครูอนุสารศาสนกรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยกองมูสมัยนั้น ได้ร่วมกับคณะศรัทธา กรรมการวัด ญาติโยม จัดงานลอยกระทงสวรรค์ขึ้น เพื่อลอยทุกข์โศก โรคภัย สิ่งไม่ดีไม่งาม ไม่ปรารถนา ในหนึ่งปีที่ผ่านมาให้ไปกับกระทงสวรรค์ และเพื่อเป็นการขอขมากับท้องฟ้า สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ อันเป็นสิ่งที่มีคุณต่อเราท่านทั้งหลาย ขอบคุณในสิ่งต่าง ๆ ขอบคุณเทวดาฟ้าดิน โดยการลอยกระทงขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยได้จัดงานประเพณีนี้มาเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว

สำหรับในปีนี้ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีดำริให้ "จัดงานลอยกระทงสวรรค์ไร้โฟม สืบสานวัฒนธรรม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม"  โดยใช้วัสดุธรรมชาติ นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น การบูชาธาตุทั้ง 4 การตักบาตรเท่าอายุ การละเล่น การแสดงของชุมชน และเด็กนักเรียน มีดนตรี และลิเกไทใหญ่ (จ้าดไต) การประกวดดอกไม้ไฟ การประกวดร้องเพลง การประกวดทำกระทงจากใบตอง และวัสดุธรรมชาติ การประกวดการทำก๊อกซอมต่อ และการจัดนิทรรศการพระธาตุดอยกองมู พระธาตุศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นต้น

ที่พิเศษในปีนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน "ปอยเหลิน 12 เดินขึ้นพระธาตุดอยกองมู" ตามกำหนดการดังนี้

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 
เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป จัดทำผ้าห่มองค์พระธาตุดอยกองมู (ผ้าส่างกานห่มกองมู) และประดิษฐ์โคมไฟ เพื่อบูชาพระธาตุ ณ สำนักงานเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เชิญร่วมจารึกชื่อ-สกุล และคำอธิษฐานบนผืนผ้าห่มองค์พระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 
เวลา 17.00 น.ตั้งขบวนแห่เครื่องสักการะพระธาตุ ผ้าห่มองค์พระธาตุ ( ผ้าส่างกานห่มกองมู ) และโคมไฟบูชาพระธาตุ  
เวลา 17.30 น. เคลื่อนขบวนแห่ไปยังวัดพระธาตุดอยกองมู โดยขึ้นทางบันไดนาค
เวลา 19.00 น. ถวายโคมไฟบูชาพระธาตุดอยกองมู และเชิญเที่ยวงานนมัสการพระธาตุดอยกองมู ณ ลานพระธาตุ

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 
เวลา 08.49 น. พิธีถวายเครื่องสักการะพระธาตุและผ้าห่มองค์พระธาตุดอยกองมู ( ผ้าส่างกานห่มกองมู )
เวลา 09.30 น.ถวายจตุปัจจัยไทยทาน แก่หัววัดต่าง ๆ เนื่องในงานนมัสการพระธาตุดอยกองมู ณ อาคารผู้สูงอายุ วัดพระธาตุดอยกองมู

'เทพไท' ยุติบทบาททางการเมือง เตรียมทำหนังสือแชร์ประสบการณ์ในเรือนจำ ลั่น!! เดินหน้าทำเพลง จัดรายการวิเคราะห์การเมือง ดูแล 'กาแฟเทพไท'

(10 พ.ย. 66) เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับ 'ป้าจอย' ถึงทิศทางการทำงานการเมืองหลังได้รับอิสรภาพว่า มีคำถามเกี่ยวกับทิศทางการเมืองว่าจะเดินไปในแนวไหน?

“ผมได้คุยกับครอบครัวและตกผลึกว่า เรามีกับ 8 คนพี่น้อง ผมกับมาโนช ก็ต้องยุติบทบาททางการเมือง ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย”

ทั้งเทพไท และมาโนช เสนพงศ์ น้องชาย ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี วันนี้เทพไทในวัย 62 ย่าง 63 กว่าจะกลับมาทำงานการเมืองต่อได้ก็อายุย่าง 70 แล้ว จึงน่าจะยุติบทบาททางการเมืองยาว

เทพไท บอกอีกว่า มีการคุยกันว่า จะมีใครทำงานการเมืองต่อได้บ้าง ก็เหลืออยู่ 4 คนที่ทำงานการเมืองต่อได้ คนแรกคือ เชาร์วัศน์ เสนพงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ยังมีพละกำลังทำงานการเมืองต่อได้

“อาจารย์เชาร์วัศน์ แนวโน้มยังติดอยู่กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ้าอภิสิทธิ์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค อ.เชาร์วัศน์ ก็คงจะอยู่ประชาธิปัตย์ต่อไป”

อีกคนคือ พงศ์สิน เสนพงศ์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ตอนนี้เป็นผู้ช่วยของ ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ ก็คงจะอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติต่อไป

น้องมุก จริยา เสนพงศ์ ทำงานอยู่กรีนพีช เป็นเอ็นจีโอ ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม การเมืองภาคประชาชน เขาคุ้นเคยกับปิยบุตร แสงกนกกุล เรียนรุ่นเดียวกันที่ธรรมศาสตร์ พรรคก้าวไกลก็อยากให้เข้ามาช่วยทำงานการเมือง แต่เขาไม่สะดวก

เทพไท กล่าวอีกว่า น้องชายคนเล็ก ครรชิต เสนพงศ์ เขาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ก็คงอยู่ก้าวไกลต่อไป 

“4 คนนี้จะทำงานการเมืองต่อไป สำหรับผมก็ไม่มีบทบาททางการเมืองแล้ว ก็จะยังคงเป็นที่ปรึกษา สนับสนุนการเมืองสุจริต ไม่ซื้อเสียง ไม่หากินกับยาเสพติด และฮั้วประมูล”

เทพไท เปิดเผยว่า อนาคตจะทำพ็อกเก็ตบุ๊กสักเล่ม ท่านชวนแนะนำให้เขียนประสบการณ์ชีวิตในคุก 16 เดือน เผยแพร่ให้กับประชาชน

เทพไท ย้ำว่าเตรียมทำงานเกี่ยวกับเพลง เข้าห้องอัดเสียง เนื่องจากตอนอยู่ในเรือนจำได้แต่งเพลงเกี่ยวกับเรือนจำไว้ 15 เพลง และอื่น ๆ อีก 20 เพลง

เทพไทบอกว่า ยังเตรียมจัดรายการวิเคราะห์การเมือง เพราะเคยมีประสบการณ์จัดรายการ 'สายล่อฟ้า' ซึ่งเป็นรายการที่มีเรตติ้งดีมาก แต่เป็นทีวีดาวเทียม ต่อไปอาจจะจัดบนทีวีดิจิทัล ก็ต้องดูว่ามีช่องไหนสนใจ และรูปแบบรายการจะเป็นอย่างไร แต่คงจะยังมี 'ล่อฟ้า' อยู่

เทพไทบอกอีกว่า อย่างอื่นก็คงจะมีทำธุรกิจอยู่บ้าง โดยทำ 'กาแฟเทพไท' ให้บริการคอกาแฟบ้านเรา หลังจากนี้ก็จะทำอยู่ 3-4 เรื่องนี้

‘อนุทิน’ มอบนโยบาย ‘การประปาส่วนภูมิภาค’ เดินหน้าทำ ‘น้ำประปาดื่มได้’ ลดภาระประชาชน

เมื่อวานนี้ (9 พ.ย. 66) ที่อาคารศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมามอบนโยบายกับข้าราชการในพื้นที่ และกล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือประชาชน ว่า ตนได้มอบนโยบาย ให้การไฟฟ้า และการประปา ทั้งส่วนของนครหลวง และภูมิภาค ช่วยเหลือประชาชน ด้วยการอย่ารีบถอดมิเตอร์ น้ำ ไฟ ให้ประชาชนได้ยืดเวลาชำระออกไปเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ รับปฏิบัติแล้ว ตรงนี้ต้องขอขอบคุณที่เราใจตรงกัน เห็นความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง และเห็นความทุกข์ของประชาชน ต้องเร่งแก้ไข มาวันนี้ ตนขอมอบนโยบายเพิ่มเติมให้กับการประปาส่วนภูมิภาค

“เราต้องทำให้น้ำประปามีความสะอาดเพียงพอให้ดื่มได้ และต้องไม่มีค่าใช้จ่าย ผมขอมอบนโยบายนี้ให้กับการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถในการบริหารจัดการ หาทางออกอย่างเหมาะสม เราอย่าลืมว่า บางคนเต็มใจซื้อน้ำดื่ม ขวดละ 10-20 บาท ไม่ใช่ปัญหา แต่กับอีกหลายล้านคน นี่คือภาระค่าใช้จ่าย เขาไม่ได้มีเงินมากมายนัก และอะไรที่ภาครัฐช่วยได้ ก็ควรจะหาทางช่วย หน้าที่ของเรา ชาวกระทรวงมหาดไทย คือบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สิ่งที่เราพอทำได้เพื่อให้ถึงเป้าหมายนั้น เราต้องรีบทำ” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าว

‘3 แพนด้ายักษ์’ ในสวนสัตว์สหรัฐฯ กลับจีน หลังสิ้นสุดสัญญา 23 ปี ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการทูตที่ตึงเครียดของทั้งสองในขณะนี้

‘สวนสัตว์แห่งชาติสมิธโซเนียน’ (Smithsonian National Zoo) สหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตันดีซี ส่งแพนด้ายักษ์ 3 ‘พ่อ-แม่-ลูก’ เดินทางกลับจีนแล้ว หลังสัญญา 23 ปีสิ้นสุด ท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการทูตที่ตึงเครียดของจีนกับสหรัฐฯ

(10 พ.ย. 66) เอบีซีนิวส์ของสหรัฐฯ รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 66 ‘แพนด้าเหมย เซียง’ (Mei Xiang) ‘แพนด้าเทียน เทียน’ (Tian Tian) และ ‘แพนด้าเซียว ฉี จี’ (Xiao Qi Ji) แพนด้า 3 พ่อ-แม่-ลูก ถูกส่งตัวกลับจีนแล้ว โดยทั้ง 3 ตัว ถูกนำใส่ลังที่ทำจากเหล็ก ซึ่งภายในใส่ใบไผ่ แอปเปิล และลูกแพร์จำนวนมาก เพื่อเป็นเสบียงอาหารระหว่างเดินทางไกล 19 ชม. ไปยังเมืองเฉิงตูของจีน

โดยแพนด้ายักษ์ทั้ง 3 ตัว ได้เดินทางด้วยเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 777 เอฟ ที่มีชื่อว่า ‘เฟดเอ็กซ์ แพนด้า เอ็กซ์เพรส’ (FedEx Panda Express) ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติแดลลัส ของสหรัฐอเมริกา พร้อมผู้ดูแลอีก 3 คน เพื่อเดินทางไปยังเขตป่าสงวนในมณฑลเสฉวนของจีน ซึ่งปัจจุบันยังคงมีแพนด้ายักษ์ อาศัยอยู่ในป่าตามธรรมชาติของจีนประมาณ 1,800 ตัว

ทั้งนี้ ‘เหมย เซียง’ วัย 25 ปี และ ‘เทียน เทียน’ วัย 26 ปี ถูกนำมาที่สวนสัตว์แห่งชาติสหรัฐฯ เมื่อปี 2543 และให้กำเนิดลูกแพนด้ายักษ์ 3 ตัว ระหว่างช่วงปี 2548-2558 โดยล่าสุด คือ เซียว ฉี จี ที่เกิดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทำให้ เหมย เซียงกลายเป็นแพนด้ายักษ์ที่อายุมากที่สุดที่ให้กำเนิดลูกได้ในสหรัฐฯ

เอบีซี เผยอีกว่า แพนด้ายักษ์ทั้ง 3 ตัวนี้ มีแฟนคลับมากมาย ซึ่งมียอดเข้าชมเว็บไซต์ของสวนสัตว์มากกว่า 100 ล้านครั้ง และบรรยากาศแห่งการจากลาเป็นไปด้วยความเศร้า เพราะเจ้าแพนด้า 3 ตัวที่เป็นดาราประจำสวนสัตว์มาโดยตลอด ไม่สามารถโผล่ออกมากล่าวคำอำลากับเด็กๆ พ่อแม่และแฟนๆ ที่ต้องการกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย

สำหรับการส่งแพนด้ากลับจีนครั้งนี้ มีขึ้นหลังสัญญาโครงการให้ยืมแพนด้ายักษ์ ที่ทางการจีนทำไว้กับสวนสัตว์ดังกล่าวหมดอายุลง และการเดินทางกลับของแพนด้าเกิดขึ้นไม่นานก่อนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ‘โจ ไบเดน’ จะพบกับประธานาธิบดีจีน ‘สี จิ้นผิง’ ที่เมืองซานฟรานซิสโก ระหว่างการประชุม APEC ท่ามกลางความตึงเครียดของทั้ง 2 ชาติ

และจากสถานการณ์ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศที่ตึงเครียดขึ้น จึงยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการเจรจาเพิ่มเติม โดยผู้อำนวยการสวนสัตว์ แบรนดี สมิท (Brandie Smith) ไม่ยอมตอบตรงคำถามว่ามีความพยายามใดๆ จากสวนสัตว์แห่งชาติสมิธโซเนียนในการต่อสัญญายืมตัวแพนด้าดังกล่าว

นั่นเท่ากับว่า ตอนนี้จะมีแพนด้าจากจีนหลงเหลืออยู่บนแผ่นดินสหรัฐฯ อีกแค่ 2 ตัว เป็นแพนด้าแฝด ชื่อ ‘หยา หลุน’ กับ ‘ซี หลุน’ อยู่ที่สวนสัตว์เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย แต่ก็มีกำหนดจะต้องส่งคืนจีนช่วงต้นปีหน้าเช่นกัน 

ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ที่สหรัฐฯ จะไม่มีทูตสันถวไมตรีอย่างแพนด้าอีกต่อไป และนั่นก็หมายความว่า จะเหลือแพนด้าอีกเพียงตัวเดียวในทวีปอเมริกาเหนือ คือ ที่สวนสัตว์ในกรุงเม็กซิโก ซิตี เท่านั้นด้วย

ผบ.ตร.สั่งด่วน จเรตำรวจ เร่งตรวจสอบสติกเกอร์รถบรรทุกตกท่อระบายน้ำกลางกรุง ว่ามีลักษณะเป็นส่วย หรือเจ้าหน้าที่ไปมีเอี่ยวหรือไม่ รายงานผลภายใน 3 วัน เน้น น.1 ให้ทำคดีตรงไปตรงมา ขยายผลเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง คาดโทษตำรวจทั่วประเทศห้ามยุ่งเกี่ยวเรียกรับผลประโยชน์

เมื่อวานนี้ (9 พ.ย.66) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกตกท่อระบายน้ำกลางกรุงว่า “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้สั่งการด่วนให้ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง รรท.จตช. ตรวจสอบข้อเท็จกรณีกรณีรถบรรทุกประสบเหตุ ตกบ่อก่อสร้างโครงการนำสายไฟฟ้าลงดินทรุดตัว ถนนสุขุมวิท หน้าซอยสุขุมวิท 64/1 เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 66 จนเป็นเหตุที่ประชาชนได้รับ ผลกระทบเป็นวงกว้าง มีผู้บาดเจ็บ โดยทำให้การจราจรไม่สามารถใช้การได้หลายชั่วโมง ขณะที่บริเวณกระจกด้านหน้า รถบรรทุกคันดังกล่าว มีรูปดาว ตัวอักษรภาษาอังกฤษ B สีเขียว โดยประธานสหพันธ์ขนส่งแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า เป็นสัญลักษณ์ของส่วยสติ๊กเกอร์ตามที่ปรากฏภาพข่าว จึงให้จเรตำรวจดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จว่า มีข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง รับผลประโยชน์ทั้งทางตรง ทางอ้อมหรือไม่ หากพบให้ดำเนินการเด็ดขาดทั้งอาญา วินัยและปกครอง และรายงานผลให้ทราบ ภายใน 3 วัน

ผบ.ตร.ยัง สั่งกำชับให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ลงไปควบคุมการทำคดีนี้ อย่างตรงไปตรงมา ทำความจริงให้ปรากฎ รวบรวมหลักฐานเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทุกฐานความผิด รวมทั้งประเด็นข้อสงสัยของสังคม เช่น การเคลื่อนย้ายดินออกจากรถ หรือประเด็นอื่นๆ  และให้สืบสวนขยายผลดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องทุกราย หากพบเป็นความผิด

ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้สั่งการย้ำให้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและทำคดีอย่างตรงไปตรงมา เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้สังคมรับทราบ และเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทุกรายที่ฝ่าฝืนทำผิดกฎหมาย พร้อมกำชับตำรวจทั่วประเทศไม่ให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์จากส่วยสติกเกอร์ หรือสิ่งผิดกฎหมาย หากตรวจพบจะดำเนินการเด็ดขาดทั้งอาญา ปกครอง วินัย รวมทั้งเอาผิดผู้บังคับบัญชาที่ปล่อยปละละเลยด้วย

‘พิซซ่าฮัทฮ่องกง’ รังสรรค์เมนูใหม่ ‘พิซซ่าหน้างู’ ใช้เนื้องูเน้นๆ เชื่อ!! ช่วยบำรุงกำลัง-โลหิตไหลเวียนดี

(10 พ.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท Pizza Hut (พิซซ่าฮัท) ในฮ่องกงเปิดตัวเมนูใหม่โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Pizza Hut กับ Ser Wong Fen (เฉอหวังเฟิน) ร้านอาหารฮ่องกงที่มีประวัติยาวนานมากกว่า 100 ปี รังสรรค์เมนูใหม่ ‘พิซซ่าหน้างู’ คือพิซซ่าที่ใช้ ‘เนื้องู’ จริง ๆ มาเป็นส่วนประกอบสำคัญ

ผลิตภัณฑ์ใหม่ของพิซซ่าฮัทนี้ประกอบด้วย เนื้องู เห็ด แฮม ขิง หน่อไม้ ชีส ไก่ ซอสหอยเป๋าฮื้อ ตะไคร้ ซึ่งบางส่วนประกอบเป็นส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ของเมนูสตูว์งูแบบดั้งเดิม พิซซ่าฮัทฮ่องกง กล่าวในแถลงการณ์เปิดตัวเมนูใหม่ว่า “เมื่อจับคู่กับชีสและไก่หั่นเต๋า เนื้องูจะมีรสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้น” พร้อมเสริมว่า เนื้องูสามารถบำรุง เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ตามความเชื่อในการแพทย์แผนจีน เมื่อรวมกับพิซซ่าแล้ว ถือเป็นความก้าวหน้าจากแนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับความหมายของการรักษาสุขภาพที่ดี 

สำหรับพิซซ่าหน้างูนี้มีขนาด 9 นิ้ว มาพร้อมกับซอสหอยเป๋าฮื้อแทนที่จะเป็นซอสมะเขือเทศธรรมดา โดยจะมีวางจำหน่ายจนถึงวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้เท่านั้น ผู้ที่ได้ลองชิมพิซซ่าหน้าใหม่นี้บอกว่า เนื้องูมีลักษณะคล้ายกับไก่แห้ง โดยมีทั้งคนที่ชอบและคนที่รู้สึกว่าน่ากลัว

นักชิมที่ชอบลองพิซซ่า กล่าวว่า ฉันคิดว่ามันน่ากลัว งูไม่ใช่อาหารในหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในประเทศตะวันตก

ทางด้านราเชล หว่อง ชาวฮ่องกงซึ่งเป็นแฟนตัวยงของซุปงูตั้งแต่เธอเคยกินครั้งแรกเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก รู้สึกตื่นเต้นกับเมนูใหม่นี้ เนื้อสัมผัสจะคล้ายกับไก่เล็กน้อยและมีรสชาติเหมือนปลาและอาหารทะเลอื่น ๆ ฉันชอบทานอาหารที่มีโปรตีนสูงในช่วงฤดูหนาว

ส่วนคาเรน ชาน ผู้จัดการของพิซซ่าฮัทฮ่องกงและมาเก๊า กล่าวว่า บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญของเฉอหวังเฟินในการพัฒนาพิซซ่าจากเนื้องูหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น งูสิง งูสามเหลี่ยม และงูปล้องฉนวน พิซซ่างูสุดพิเศษมอบความสมดุลที่สมบูรณ์แบบให้กับทุกรสชาติ ทั้งอร่อยและเผ็ดร้อนสำหรับฤดูกาลนี้

‘อันหยูชิง’ เปิดใจ หลังศาลสั่งคุก 5 ปี อดีต ตร. ไถเงิน ยัน!! ยังอยากมาเที่ยวเมืองไทย เพราะวัฒนธรรมไทยน่ารัก

(10 พ.ย. 66) จากกรณีที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้พิพากษาจำคุก 5 ปี 4 อดีต ตำรวจห้วยขวาง รีดไถเน็ตไอดอลไต้หวัน ค่าบุหรี่ไฟฟ้า และไม่พกพาสปอร์ต 

ล่าสุด สาวไต้หวัน อันหยูชิง หรือ Charlene An ได้โพสต์อินสตาแกรม ถึงกรณีดังกล่าวว่า…

“เพิ่งเห็นข่าววันนี้ ในที่สุดเรื่องนี้ก็ยุติลง 10 เดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทุกวันนี้คนไปต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ หวังว่าทุกคนจะมีช่วงเวลาที่ปลอดภัยในต่างประเทศ ประเทศไทยยังสวยงามอยู่มาก ฉันยังอยากไปอีกถ้ามีโอกาส บางทีฉันอาจจะมีงาน และมีโอกาสได้ไปอีก Miss Thailand หวังว่าทุกอย่างจะดี

เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันบอบช้ำทางจิตใจ แต่แน่นอนว่าการคอร์รัปชันมีอยู่ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น ฉันคิดว่ามีอะไรดี ๆ มากกว่าสิ่งเลวร้ายในประเทศไทย และประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่น่ารัก”

‘ผู้แทนการค้าไทย’ มั่นใจ!! ‘Sharp’ ลงทุนในไทยต่อเนื่อง เล็งดึง ‘Foxconn’ ตั้งบริษัท ปั้นรถ EV ส่งออกต่างประเทศ

(10 พ.ย. 66) นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ตนได้หารือกับนายชูเฮย์ อาราอิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชาร์ป ไทยจำกัด และคณะ โดยชาร์ปได้ยืนยันที่จะรักษาฐานการผลิตในประเทศไทย หลังจากที่เริ่มทำธุรกิจและลงทุนในไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2530 และยังสนใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมไฮเทค ซึ่งเป็นเป้าหมายของประเทศไทย โดยเฉพาะการตั้งโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์หรือสารกึ่งตัวนำเพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่ใช้ชิปที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยในปี 2559 ชาร์ปได้ควบรวมกับบริษัท ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ผู้นำการผลิตและประกอบชิ้นส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลก และต่อมาในปี 2564 ฟ็อกซ์คอนน์ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อก่อตั้งบริษัทและโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้ชื่อ Horizon+ ในไทย ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมการจ้างงาน และทำให้ไทยมีรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสินค้าส่งออกได้ในอนาคต โดยชาร์ปจะเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตอุปกรณ์รถยนต์ไฟฟ้า เช่น แผงวงจร หน้าจอรถยนต์ 

ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ชาร์ปเล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยทั้งในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความได้เปรียบ และสามารถพัฒนาเป็นศูนย์กระจายสินค้าไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และอื่น ๆ ได้ รวมทั้งรัฐบาลยังมีสิทธิประโยชน์เพื่อการลงทุนที่น่าสนใจ ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคไทยก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตชาร์ปสนใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น เครื่องซักผ้าที่ใช้น้ำน้อยและสามารถรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ใหม่ หรือไดร์เป่าผมที่มีเสียงเบาเหมาะกับคอนโดขนาดเล็กใจกลางเมือง 

ทั้งนี้ตนจะเดินทางไปเข้าร่วม งาน Sharp Tech Day ในโอกาสเฉลิมฉลองการก่อตั้งบริษัทครบรอบ 111 ปี ตามคำเชิญของชาร์ป ในระหว่างวันที่ 10 - 12 พ.ย. 66 ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีโอกาสได้พบกับผู้บริหารระดับสูงของชาร์ป ตัวแทนของฟ็อกซ์คอนน์ และบริษัทอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นนำต่าง ๆ ที่มาร่วมงานนี้ เพื่อเจรจาเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในไทยด้วย

นางนลินี กล่าวว่า ผู้บริหารชาร์ปบอกด้วยว่าจะเป็นเรื่องที่ดีมากหากนายกรัฐมนตรีมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมบริษัทแม่ของชาร์ป ที่นครโอซากา ระหว่างการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในช่วงเดือน ธ.ค. 66 นี้ 

สำหรับบริษัทชาร์ป ไทย ปัจจุบันก้าวเข้าสู่ปีที่ 36 แล้ว โดยมีบริษัทในเครือ 7 แห่ง แบ่งเป็น บริษัทสาขาการขาย 4 แห่ง และโรงงาน 3 แห่ง สร้างยอดขายกว่า 3,500 ล้านบาทต่อปี และมีพนักงานมากกว่า 7,300 คน ที่ผ่านมาได้ช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงให้กับบุคลากรของไทย และยังคัดสรรนวัตกรรมคุณภาพเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

‘ภูมิธรรม’ เบรกเสียงวิจารณ์ ผลงานรัฐบาล 60 วันไม่คืบ ขอฝ่ายค้านใจเย็นๆ มั่นใจ ผลงานชัดเจนใน 100 วัน ลั่น!! มีเวลา 4 ปี ให้ ปชช.ตัดสินว่าผ่านไม่ผ่าน

(10 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิจารณ์จากฝ่ายค้านว่าการแถลงผลงาน 60 วัน ของรัฐบาล ไม่มีอะไรใหม่ ว่า ไม่เป็นไร เป็นธรรมดา และพยายามจะบอกกับฝ่ายค้านว่ารัฐบาลทำงานสร้างสรรค์ อย่าคิดว่าเป็นรัฐบาลกับฝ่ายค้าน อยากให้มองว่าอะไรที่รัฐบาลทำ และเห็นว่าจะมีผลดีเกิดขึ้นในอนาคต อย่าซีเรียส อย่ามองทุกอย่างเป็นการเมืองหมด แต่เมื่อมีความเห็นก็สะท้อนได้เพราะรัฐบาลก็จะได้เป็นกระจกสะท้อนตัวเองด้วย ว่าทำอะไรไปแล้วเข้ายังไม่เข้าใจ

หน้าที่รัฐบาล คือ ทำให้เกิดความเข้าใจ และขณะนี้ทุกอย่างได้เริ่มต้นหมดแล้ว และที่วางไว้จริงๆ คือช่วง 100 วันแรก ที่จะปรากฏผลงาน แต่นายกรัฐมนตรี ต้องการชี้แจง 30 วัน 60 วัน เพื่อจะได้เห็นว่ามีความคืบหน้าในการทำงานอะไรบ้าง เชื่อว่าช่วง 90 วัน และ 100 วัน จะเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น เช่น กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำอะไรหลายอย่างแต่ยังไม่ได้เอามาพูดออกสื่อ เช่น แก้ปัญหาสินค้าราคาแพง การบุกตลาดเชิงรุกไปมณฑลต่างๆ และคิกออฟเรื่องการส่งออก

“นายกฯ ต้องการจะบอกว่ามีอะไรคืบ แต่ต้องใช้เวลา 90 วัน 100 วัน ถึงจะเห็น อย่าเพิ่งวิจารณ์ วันนี้รัฐบาลทำงานหนักมากอยู่แล้ว นายกฯ บุกทุกด้าน และวันที่ 21 พ.ย.นี้ จะเป็นการรวมทีมระหว่างบีโอไอ เอกอัครราชทูต และทูตพาณิชย์ทั่วโลก สภาอุตสาหกรรมสภาหอการค้าสภาการท่องเที่ยว จะประชุมที่กรุงเทพฯ กำหนดรูปแบบการทำงานร่วมกัน เพื่อรุกตลาดต่างประเทศ การทำงานได้วางรูปแบบไว้และเคลียร์เรื่องต่างๆ ผลจึงยังไม่เกิด ขอให้อดใจรอ 100 วัน จะแถลงว่ามีอะไรบ้างที่เกิดเป็นรูปธรรม เรื่องไหนที่เริ่มต้นแล้วและจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เรื่องใดที่ทำสำเร็จในขั้นต้นแล้ว ใจเย็นๆ รอจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น ขอย้ำว่าทุกอย่างเริ่มต้นแล้ว ขอให้รอดูวัดกัน รัฐบาลมีโอกาส 4 ปี ค่อยๆ ดูไป ถ้า 4 ปี คิดว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย มาเสวยอำนาจเสวยสุขอย่างเดียว งวดหน้าก็พร้อมให้ประชาชนพิจารณา แต่ผมเชื่อว่าเราตั้งแต่เวลาหลายวันทุกอย่างจะค่อยๆ ปรากฏให้เห็นผล”

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังมีเรื่องที่นายกฯ สั่งการให้ผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันเคลียร์เรื่องปัญหาหนี้นอกระบบ ขณะที่ระดับอำเภอ ให้นายอำเภอและผู้กำกับการตำรวจ ร่วมมือจัดการปัญหาโดยเชิญทุกฝ่าย ทั้งคนที่ให้เงินกู้กับผู้กู้มาหารือ สมมติกู้ 1 หมื่นบาท ผ่อนไป 3-4 หมื่นบาทก็น่าจะพอแล้ว เพราะที่ทำมาก็ผิดกฎหมาย เก็บดอกเบี้ยไม่ใช่ดอกเบี้ยตามกฎหมายอยากให้ยุติ เรื่องนี้ทำแล้วแต่ยังไม่เกิดผล และนายกฯ เตรียมที่จะแถลงเรื่องแก้หนี้นอกระบบ

นอกจากนั้น ที่เราทำยังมีเรื่องของยาเสพติดที่จะดำเนินการ โดยนายกฯ สั่งการเสมอว่ามีการวัดเคพีไอผู้ว่าฯ ต้องบอกได้ว่าดีขึ้นอย่างไร ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเข้ามาทำงานแก้ฐานรากให้ดี แต่พอจะแก้บางทีมีอุปสรรคมาก เพราะสังคมไทยมีความหลากหลาย ดังนั้น หน้าที่รัฐบาลคืออดทน ชี้แจง ทำความเข้าใจ และปรับปรุงให้สอดรับกับสิ่งที่คิดให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ควรจะแบ่งหรือกระจายงานให้คนอื่นเป็นเจ้าภาพหลักดูแล เช่น เรื่องกฎหมาย เศรษฐกิจ ความมั่นคง โดยไม่ต้องดูแลหรือพูดเองทุกเรื่อง หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่นายกฯ แย่งงานทำคนเดียวทำคนเดียวทุกเรื่อง เวลานี้งานที่นายกฯ แบ่งให้รองนายกฯ และรัฐมนตรี ก็เต็มไปหมดทุกเรื่อง ผู้ที่รับมอบก็หนักพอสมควร ทุกอย่างอยู่ในขึ้นเตรียมการ

ทั้งนี้ เราเข้ามาในช่วงที่ประเทศ เผชิญกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจภายในที่สะสม ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง และวิกฤตการณ์ของโลก เช่น วิกฤตการณ์การเงินที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย เราจึงต้องเร่งทำงาน และเป็นข้อดีที่นายกฯ ลงรายละเอียดทั้งหมดและสั่งทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่แย่งงานไปทำ

เวลานี้ ครม.มี 35 คน อยากจะมี 50 คน 100 คนด้วยซ้ำ เพราะงานหนัก แต่ไม่หวั่น พร้อมสู้ โดยมีนายกฯ เป็นธงนำให้ลงพื้นที่ต่างๆ การที่นายกฯ ออกต่างจังหวัดตลอด ได้เรียนรู้และเข้าใจ และทราบปัญหาแท้จริง เพราะเจอทั้งเกษตรกร และกลุ่มต่างๆ และกำชับว่าไม่ต้องตามไป ใครมีงานที่เกี่ยวข้องก็ไป ใครไม่เกี่ยวก็ไม่ต้องไป ให้ทำงานของตัวเอง

เมื่อถามว่ามั่นใจว่า รัฐบาลจะสอบผ่านหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มั่นใจแน่นอน เราตั้งใจ 100% เอาความรู้และประสบการณ์ เรามีความสามารถ ส่วนจะมั่นใจหรือไม่มั่นใจประชาชนจะเป็นคนตอบ

กลไกต่อลมหายใจ 'ลูกหนี้' ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการฟ้องล้มละลาย พร้อมห้ามเจ้าหนี้บังคับชำระหนี้ ยึดทรัพย์สิน หรือ ขายทรัพย์สิน

สืบเนื่องจาก กรณี JKN หรือ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป ได้ยื่นขอล้มละลายต่อศาลล้มละลายกลางตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 แม้สินทรัพย์มากกว่ามูลหนี้ 12,161 ล้านบาท จากงบการเงินล่าสุดงวดไตรมาส 2/66 สิ้นสุด 30 มิ.ย. โดยมีหนี้สินเพียง 7,398 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นมากถึง 4,756 ล้านบาท 

ต่อมา JKN ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทในฐานะลูกหนี้ ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และเสนอผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ โดยได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทแล้ว

ทั้งนี้ สำหรับใครที่อาจจะยังงง ๆ กับเรื่องของการขอฟื้นฟูกิจการ ทาง THE STATES TIMES ได้สอบถามข้อมูลจากทนายผู้เชี่ยวชาญ และได้รับคำตอบมาดังนี้ ว่า...

การฟื้นฟูกิจการเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินชั่วคราวให้ได้มีโอกาสกลับมาดำเนินกิจการต่อไปได้โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการฟ้องล้มละลาย ซึ่งจะมีผลให้ศาลมีคำสั่ง 'พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด' 

โดยศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อจัดสรร/ชำระให้กับบรรดาเจ้าหนี้ของลูกหนี้ทั้งหลาย กล่าวคือ ให้ลูกหนี้ยุติการดำเนินกิจการและทำการยึดทรัพย์ของลูกหนี้ทั้งหมด เพื่อเตรียมแบ่งแก่เจ้าหนี้ทั้งหลายทั้งปวงต่อไป

ดังนั้น เมื่อศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการแล้วลูกหนี้จะได้รับความคุ้มครองทันที เพื่อให้ลูกหนี้สามารถดำเนินการฟื้นฟูกิจการได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องหรือไม่ต้องกลัวว่าเจ้าหนี้จะยึดทรัพย์บังคับคดีเพื่อการชำระหนี้ เนื่องจากเมื่อศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการแล้ว จะ...

(๑) ห้ามเจ้าหนี้ฟ้องร้องลูกหนี้เป็นคดีใดๆ หรือห้ามเจ้าหนี้ร้องขอให้ศาล หรือ นายทะเบียน สั่งให้เลิกความเป็นนิติบุคคลของลูกหนี้ (เมื่อถูกสั่งให้เลิกความเป็นนิติบุคคลก็เท่ากับนิติบุคคลนั้นถึงแก่ความตายดำเนินกิจการต่อไปไม่ได้) 
(๒) ห้ามเจ้าหนี้บังคับคดีกับลูกหนี้ (ที่เจ้าฟ้องร้องจนชนะคดีในที่สุดแล้วก็ห้ามเจ้าหนี้ บังคับชำระหนี้ ยึดทรัพย์สิน หรือ ขายทรัพย์สิน ของลูกหนี้) 
(๓) ห้ามเจ้าหนี้ที่มีประกันบังคับชำระหนี้จากหลักประกัน 
(๔) ห้ามตัดน้ำ ตัดไฟ โทรศัพท์ (บริการสาธารณูปโภค) ของลูกหนี้ 
(๕) ห้ามหน่วยงานของรัฐเพิกถอนใบอนุญาตใด ๆ ของลูกหนี้ 
(๖) แต่ก็ห้ามลูกหนี้จำหน่าย จ่าย โอน ก่อหนี้เพิ่มขึ้นมาอีก หรือกระทำการใด ๆ ที่ก่อให้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่เจ้าหนี้มีสิทธิในทรัพย์สินของลูกหนี้ (อย่าให้มีเจ้าหนี้ซึ่งจะมาเป็นตัวหารในทรัพย์สินของลูกหนี้เพิ่มขึ้นนั่นเอง)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top