Sunday, 11 May 2025
TheStatesTimes

‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ เสด็จฯ ทรงเปิด ‘ศูนย์เลิศพนานุรักษ์’ ศูนย์การเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ป่าและพันธุ์พืช ใน จ.ระยอง

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศูนย์เลิศพนานุรักษ์ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง โดยมีนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), นายวุฒิกร สติฐิต ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด, นายรัตติกูล ปิยะวงค์วาณิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด พร้อมข้าราชการและคณะผู้บริหารเฝ้ารับเสด็จฯ

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เปิดเผยว่า ศูนย์เลิศพนานุรักษ์ สร้างขึ้นในพื้นที่สถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุด   แห่งที่ 2 โดย บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านพลังงานและพื้นที่สีเขียวของชุมชนในจังหวัดระยอง โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานชื่อศูนย์การเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์ป่าและพันธุ์พืชในนาม ‘ศูนย์เลิศพนานุรักษ์’ หมายถึง ศูนย์เรียนรู้อันเป็นเลิศด้านการอนุรักษ์ป่า และทรงพระราชทานชื่ออาคารโดมจัดแสดงพืชเมืองหนาวว่า ‘อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา’ หมายถึง อาคารจัดแสดงพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณศูนย์เลิศพนานุรักษ์แห่งนี้ โดยพระราชทานพระราชานุญาตให้เชิญพระอักษรพระนามาภิไธย ‘ส.ธ.’ ประดับที่ป้ายชื่อทั้งสองอาคาร ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563

‘ศูนย์เลิศพนานุรักษ์’ พัฒนาพื้นที่โครงการบนพื้นฐานของการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมของภูมิทัศน์โดยรอบ จึงออกแบบให้มีระบบนิเวศที่หลากหลาย มีป่าและพื้นที่ชุ่มน้ำประเภทต่าง ๆ สอดคล้องกับระบบนิเวศดั้งเดิมของจังหวัดระยอง พร้อมสะท้อนแนวคิดหลักของการประสานกันอย่างลงตัวระหว่างอุตสาหกรรม ธรรมชาติ และชุมชน รวมไปถึงการใช้พลังงานทดแทน อาทิ พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่โครงการ และมี อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา เป็นพื้นที่จัดแสดงไม้เมืองหนาวที่ปลูกและดูแลรักษาให้เจริญเติบโตจากการนำพลังงานความเย็นเหลือใช้จากกระบวนการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LIQUEFIED NATURAL GAS (LNG) มาใช้ในการปลูกไม้เมืองหนาว เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพต่อยอดด้านการเกษตร อาทิ ดอกทิวลิป ดารารัตน์ ไฮเดรนเยีย ได้อย่างมีคุณภาพ มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดแสดงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตามแต่ละเดือนและเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการคืนประโยชน์ให้แก่สังคมและเสริมสร้างการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดระยอง ปัจจุบันมียอดผู้เข้าเยี่ยมชมสะสม ณ เดือนกันยายน 2566 จำนวน 273,440 ราย (ข้อมูลระหว่างวันที่ 3 มกราคม - 22 กันยายน 2566)

‘อาร์ต พศุตม์’ เล่าชีวิตวัยเด็ก รายล้อมด้วยอบายมุข แต่เพราะฟังคำสอนพ่อแม่และดิ้นรนชีวิตจนมีทุกวันนี้

(9 พ.ย.66) ‘อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม’ พระเอกหนุ่มหล่อซิกซ์แพ็กแน่น ที่ช่วงนี้เนื้อหอมมากและกำลังมีกระแสเรื่องความรัก ล่าสุดมาสัมภาษณ์แบบเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวชีวิตวัยเด็กที่เคยโดนแบ่งชั้นวรรณะจากญาติพี่น้อง จนมีปมด้อยกลายเป็นเด็กเกเรแบบสุดๆ พร้อมทั้งเล่าถึงการมูเตลูกับตัวเอง เผยตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องการแต่งงาน หรือหากมีครอบครัวก็คงจะไม่มีลูก ว่า…

>> คุณโตมาในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา?

อาร์ต : อบอุ่นมาก อบอุ่นจนร้อน จนบางทีคิดว่าอบอุ่นเกินไป ผมเหมือนไข่ในหินจากเด็กจนถึง ม.1 ถ้าเข้าบ้านเกิน 6 โมงเย็นนี่คือโดนตีแล้ว ทำอะไรผิดก็แล้วแต่จะโดนตียับ ทั้งพ่อและแม่ แต่ผมชอบ จากบทเรียนพวกนี้มันเลยทำให้ผมเป็นคนแบบนี้ กลับไปย้อนวัยเด็กก็คือตอนกลับไปอยู่ที่มหาชัยคือจุดเปลี่ยนชีวิตสุดๆ จากคนเคยดีเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังเท้า

>> คุณพูดถึงตัวคุณเอง?

อาร์ต : ไม่ครับ คนรอบข้างผมกำลังพูดถึงการแบ่งวรรณะของคน จากญาติตัวเอง มาอยู่บ้านญาติสิ เราเคยอยู่บ้านที่มีพื้นที่ 1 ไร่ ให้เรามาอยู่ห้องพื้น 3 เมตรคูณ 3 เมตรแล้วอยู่ 4 คน เด็กๆก็ไม่ได้คิดอะไรก็นอนได้ก็โอเค แต่พอเริ่ม 3-4 เดือนก็เริ่มเหมือนไม่ให้นอนทุบห้องทิ้ง พี่ชายผมต้องไปนอนระเบียงบ้าน นอนกางมุ้งคือฝนสาดก็โดน พ่อแม่ได้ที่จากญาติในบริเวณมหาชัยได้มาห้องขนาด 3 เมตรคูณ 6 เมตร ตู้เสื้อผ้าแบ่งกลาง แล้วมหาชัยมันมีน้ำขึ้นน้ำลง น้ำขึ้นก็นอนไม่ได้ต้องตื่นวิดน้ำ ฝนตกก็นอนไม่ได้ น้ำก็ไหลลงตามผนังลงมา ก็เลยเป็นสาเหตุให้ไม่อยากกลับบ้าน ไปนอนบ้านเพื่อน

>> ที่คุณบอกว่าครอบครัวมีการแบ่งชนชั้นคือแบ่งยังไง คุณรู้ได้ยังไง แล้วเขามาทุบห้องเพราะอะไร พ่อแม่ไม่เล่าให้ฟัง?

อาร์ต : ไม่มีเหตุผล พ่อเป็นคนไม่พูด พ่อเขาเป็นคนรักพี่รักน้อง เขารู้ในจุดที่เขายืนตอนนี้คือพลาดแล้วที่กลับไปอยู่ตรงนั้น แต่ด้วยช่วงนั้นฟองสบู่แตก งานก็ไม่มี ญาติก็เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย เรียกพ่อมาคุยบอกเฮียอายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยนะ เราฟังแล้วแบบไม่โอเค จนเราเริ่มโตขึ้นในสังคมที่แบบเรารู้ว่าโดนแบ่งชนชั้นวรรณะแล้ว เราไม่มีตังค์ตั้งแต่เด็ก เริ่มเที่ยว เริ่มเกเร เริ่มเป็นหัวโจก เริ่มแข่งมอเตอร์ไซค์ เพื่อเอามากลบปมด้อยของตัวเอง พยายามสร้างตัวตนขึ้นมา แต่อะไรที่ติดคุกไม่ทำ ผมจะเป็นกลุ่มที่เลวแต่มีคุณธรรม

>> ความคิดตรรกะของเด็กคนหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบด้วยอบายมุขมากมาย มันก็ต้องมาจากการเฝ้าสอนของผู้ใหญ่?

อาร์ต : ใช่ ย้อนกลับไปตอนแรกที่ผมบอกว่าผมชอบนะ ที่พ่อแม่ตี ผมเคยเห็นตอนอยู่บางลำพู พ่อแม่เขาจะรับเลี้ยงเด็กคุก ที่มาทำงานกับพ่อก็คือเด็กคุกทั้งนั้น ผมเคยเห็นแม้กระทั่งปักเฮโรอีนที่แขนแล้วก็ฟุบลงไปเช้ามาก็อยู่ท่านี้ตายแล้ว ผมเคยไปเล่าในรายการหนึ่งว่าผมเคยเห็นยาไอซ์ก้อนขนาดใหญ่ คนหาว่าผมขี้โม้ แล้วแต่เลย ผมไม่ได้แคร์คอมเมนต์โซเชียล ไม่เชื่อไม่เป็นไรแต่ผมรู้ว่าผมไม่ได้โกหก ผมอยากเป็นแสงสว่างให้คนที่เขาคิดว่าผมไม่ได้โกหก

>> ทำไมเกิดขึ้นบ่อยในชีวิต ที่คุณทำแล้วคนหาว่าคุณโกหก?

อาร์ต : มันเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติ อย่างเช่นตบปืน พี่จะเชื่อไหมว่าคนตบปืนได้จริงๆ แล้วลั่นข้างหูจริงๆ พี่เชื่อไหม

>> พี่เชื่อว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้บนโลกนี้?

อาร์ต : ใช่ แล้วผมก็บอกทุกคนว่าอย่าทำแบบที่ผมทำ ผมเคยโดนเอาปืนจ่อหัวจริงๆ แล้วผมกระชากลงพื้น มีพยานเห็นประมาณ 13-14 คน แล้วพยานคนหนึ่งเจ้าของเรื่องเป็นข้าราชการอยู่ที่สระบุรี คนนี้ตัวต้นเรื่อง

>> ทุกวันนี้ทราบมาว่าการเดินทางของคุณไปตามที่ต่างๆ มันมีความหมายมากในชีวิต เพราะถ้าเกิดว่าได้มีโอกาสไปกราบไหว้หรือว่าไปมูเตลู เล่าให้ฟังหน่อยว่าตอนนี้ไปในทิศทางไหน?

อาร์ต : ก่อนหน้านี้ 15 ปี ไหว้ทุกที่ ทุกคนลงกระหม่อมได้หมด แล้วผมรู้สึกว่าชีวิตสับสน แล้วผมก็ไปเจอคนหนึ่งเขาก็บอกว่า อาร์ตรู้ไหมว่าจริงๆ การไปมูหลายๆ ที่มันไม่ได้ดี มันเหมือนสีขาว สีดำ สีแดง สีเหลือง มาปนเปกัน จนไม่รู้เลยมันมีสีอะไร อาร์ตควรจะมีคนที่นับถือแค่ 1 คน หรือ 2 คน หรือเป็นพระอาจารย์ ตอนนี้ผมมีพระอาจารย์อยู่ 2 คน คือหลวงพ่อวราห์ กับ หลวงพ่อแป๊ะ วัดสว่างอารมณ์ ซึ่ง 2 องค์นี้ท่านก็เป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนี้จะชอบมูกับตัวเอง เช่น นั่งสมาธิขอพรกับตัวเอง ไม่ได้เห็นการขอพรเป็นธุรกิจถ้าได้แล้วจะทำนะ ไม่ทำเลยสวดมนต์ให้คนข้างในเราแข็งแรง ให้เขามีพลัง อฐิษฐานเมตตาจิตต่างๆ นาๆ สร้างกำแพงในตัวเราขึ้นมาเยอะๆ สูงๆ ให้เขามีพลังให้เขาช่วยเราได้ อันนี้ผมว่าตั้งแต่ทำมาเวิร์กสุด แล้วแต่วิจารณญาณคนนะ บางคนก็เชื่อว่าจะมีเทพคุ้มครองตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าเทพคุ้มครองตัวเราเขาไม่แข็งแรง ก็จะมีหลายคนบอกว่าในเมื่อถ้าเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เขาจะมาพึ่งพาอาศัยมนุษย์ทำไม เขาบอกว่าเทพจริง ๆ ไม่สามารถเพิ่มบุญให้ตัวเองได้ ต้องเป็นการที่คนทำให้ แต่เทพจะมาคอยช่วยเหลือเรา ถ้าเราทำเทพในตัวเราให้แข็งแรง เขาก็จะทำให้พลังในตัวเรามีออร่า ผมนั่งสวดมนต์ให้ตัวเอง ผมขออยู่ 2 อย่าง มีสง่า มีบารมี ตอนนี้ผมหมั่นเพียรทำมาประมาณ 8-9 ปีแล้ว

 >> ไม่คิดเรื่องแต่งงาน?

อาร์ต : ไม่มีเลย ไม่มีในหัวเลย ตอนนี้การเลี้ยงเด็ก 1 คนเป็นเรื่องยากมาก แต่ถ้ามีครอบครัวโอกาสมีได้ แต่ถ้ามีลูกคงจะไม่มีแล้ว มันไม่ได้เหมือนยุคที่เราโตมา ที่เด็กจะอยู่ในกรอบของครอบครัว ตอนนี้เลี้ยงเด็ก 1 คน ต้องมีโทรศัพท์ให้เขาแล้ว 1 เครื่อง แล้วในโทรศัพท์มันจะไม่อยู่ในกรอบเราเลย ที่เราจะแบบคุมมันได้ จริงๆ ผมเป็นคนดุนะ เป็นคนค่อนข้างเนี้ยบแต่ใจดี แต่จะพูดบอกหรือห้ามอะไร 2-3 ครั้งแล้วจะไม่พูดอะไรอีก แต่ถ้าเป็นลูกเราไม่ได้ ก็จะพูดอยู่นั่นละ แล้วก็ถ้ามีลูกผู้ชายคงจะติดคุกถ้ามีใครมาทำร้ายลูกเรา เพราะเราเอาคืนแน่นอน หรือถ้ามีลูกผู้หญิงใครมาปล้ำลูกเรา เราก็คงจะเอาตายเหมือนกัน

‘ลาว’ วิกฤติ!! ‘ยาบ้า’ ทะลักเกลื่อนตลาด ราคาถูกยิ่งกว่าน้ำเปล่า หน่วยปฏิบัติงานหย่อนยาน มุ่งดักจับแค่เป็นรายกรณีเกินไป

‘องค์การสหประชาชาติ’ วิตก ปัญหายาเสพติด ประเภท ‘เมทแอมเฟตามีน’ แพร่ระบาดอย่างหนักในท้องตลาด ‘ลาว’ อย่างไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ราคาขายต่อเม็ดเหลือไม่เกินเม็ดละ 8 บาท ถูกยิ่งกว่าน้ำดื่มทั่วไป ดันยอดผู้เสพยาพุ่งเพราะเข้าถึงง่าย ซื้อขายคล่อง สวนกระแสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในลาว

ชาวลาวเรียก ‘เมทแอมเฟตามีน’ ว่า ‘ยาบ้า’ เช่นเดียวกับบ้านเรา ซึ่งเป็นสารเสพติดที่แพร่หลายอย่างในลาวมานานนับ 10 ปีแล้ว เนื่องจากลาวเป็นเส้นทางขนส่งยาบ้า จากรัฐฉานทางฝั่งพม่าข้ามรอยต่อชายแดนเข้ามาในลาว

แต่ทว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์รัฐประหารในพม่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เป็นต้นมา ทำให้เกิดการแตกแยกทางการเมือง และสุญญากาศในการบังคับใช้กฎหมายในพม่า ส่งผลให้ขบวนการค้ายาเสพติดในพม่าเติบโตอย่างมาก การลักลอบขนยาเสพติดผ่านเข้ามาในลาวก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

เมื่อมีของเข้ามามาก ราคาก็ถูกลงตามกลไกตลาด ซึ่งสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับปัจจัยค่าเงินเฟ้อในลาว ในขณะที่สินค้าอุปโภค บริโภคพื้นฐานที่จำเป็นล้วนมีราคาสูงขึ้น มีแต่ยาบ้าเพียงเท่านั้น ที่นับวันราคายิ่งถูกลงไปเรื่อยๆ แม้จะมีฐานะยากดีมีจนขนาดไหนก็สามารถซื้อได้

นายบุญมี ผู้ช่วยผู้อำนวยการของ ‘Transformation Center’ หนึ่งในศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดเอกชน ที่มีเพียง 2 แห่งในลาว ได้ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ช่วง Covid-19 เป็นต้นมา ค่าครองชีพในลาวเพิ่มสูงขึ้น ข้าวของทุกอย่างล้วนขึ้นราคา แต่ยาบ้ากลับมีราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ ทุกวันนี้ คนลาวสามารถซื้อยาบ้า 1 เม็ดได้ในราคาเม็ดละ 5,000 - 7,000 กีบ (8.50-12 บาท) แต่ถ้าซื้อยกแพ็ก 200 เม็ด หารเฉลี่ยจะตกเหลือเม็ดละ 2,500 กีบ (4.30 บาท) เท่านั้น

นายแก้ว หนึ่งในผู้บำบัดยาเสพติดในศูนย์ ‘Transformation Center’ วัย 37 ปี เล่าว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้เสพติดยาบ้า และเสพต่อเนื่องมานานกว่า 17 ปี ราคายาบ้าที่ถูกลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เขาเสพหนักกว่าเดิมถึงวันละ 10 เม็ด บางครั้งนำไปผสมกินคู่กับกาแฟด้วย เสพหนักจนหลอน จำลูก-เมียไม่ได้ ประสาทตื่นตัวตลอดเวลา กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนครอบครัวต้องจับมาส่งศูนย์บำบัดในกรุงเวียงจันทน์

‘เจเรมี ดักลาส’ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ยอมรับว่าหลังเหตุการณ์รัฐประหารในพม่า ทำให้เกิดการไหลทะลักของยาเสพติดข้ามชายแดนเขตรัฐฉาน ตามแนวพรมแดนแม่น้ำโขงเข้ามาในฝั่งลาว

อย่างไรก็ตาม ทางการลาวได้เร่งแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มมาตรการตรวจสอบและจับกุม โดยยาเสพติดล็อตใหญ่ล่าสุด จับกุมได้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 จากการสกัดจับรถบรรทุกขนเบียร์ในจังหวัดบ่อแก้ว ซึ่งพบว่ามีการลักลอบขนยาบ้ามากถึง 55 ล้านเม็ด และยาไอซ์อีก 1.5 ตันในคราวเดียว

จากรายงานล่าสุดของ UNODC พบว่า ยอดการจับกุมยาเสพติดในลาวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปี พ.ศ. 2562 ยึดได้ 17.7 ล้านเม็ด และเพิ่มขึ้นเป็น 18.6 ล้านเม็ดในปีต่อมา แต่ทว่าตัวเลขล่าสุดของปี 2563 ยึดของกลางได้ถึง 144 ล้านเม็ด

แต่ถึงตัวเลขการจับกุมจะสูงขึ้นแค่ไหนก็ตาม หากไม่มีการรื้อถอนขบวนการขนส่ง ที่เป็นต้นตอของปัญหาของการลำเลียงยาเสพติดผ่านเข้ามาในดินแดนลาว การไหลบ่าของยาเสพติดก็ยังคงอยู่

ผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ ได้ชี้ถึงข้อบกพร่องในการปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ลาวว่า จะเป็นการปฏิบัติงานในรูปแบบเฉพาะกิจ ดักจับเป็นรายกรณีไป ซึ่งหลายครั้งพบการเพิกเฉยในการจับกุมคนขับรถขนยา ละเลยการสาวลึกลงไปในขบวนการลักลอบขนสินค้าข้ามชาติอย่างผิดกฎหมาย ตลอดจนการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด

ดังนั้น จะมองเพียงตัวเลขการจับกุมและของกลางที่ยึดอย่างเดียวไม่ได้ เพราะนั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของปริมาณยาเสพติดที่ขนเข้ามาในฝั่งลาว สังเกตได้จากยาบ้าที่ล้นตลาด จนทำให้มีราคาถูกลงมากอย่างน่าใจหายนั่นเอง

ซึ่งปัญหาของยาบ้าล้นตลาดในลาว ก็สะท้อนถึงปัญหาของไทยเช่นกัน เนื่องจากไทยก็เป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งยาบ้าจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ไหลเข้ามาฝั่งไทยจำนวนมหาศาล ท่ามกลางปรากฏการณ์ ‘ยาบ้าถูกกว่าน้ำเปล่า’ เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนควรต้องตระหนักว่า เราควรหาทางป้องกันสังคมของเราอย่างไรต่อภัยยาเสพติดราคาถูกเช่นนี้

‘MEA-PEA’ ขานรับ!! ‘ก.มหาดไทย’ ค้างค่าไฟ 3 เดือน ‘ไม่ตัดไฟ-ถอดมิเตอร์’

(9 พ.ย.66) การไฟฟ้านครหลวง (MEA) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) สนองนโยบายกระทรวงมหาดไทย เห็นชอบให้ลดภาระและบรรเทาค่าใช้จ่ายแก่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 บาทต่อเดือน สามารถค้างค่าไฟได้ในจำนวนเดือนที่มากขึ้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระประชาชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้...

สำหรับเงื่อนไข ค้างค่าไฟ 3 เดือน นโยบายกระทรวงมหาดไทย ช่วยแบ่งเบาภาระประชาชน ได้แก่...

- เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ที่มีค่าไฟฟ้าไม่เกิน 300 บาทต่อเดือน
- MEA และ PEA ขยายระยะเวลางดจ่ายกระแสไฟฟ้า เป็นไม่เกิน 3 เดือน
- เริ่มต้นโครงการ ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2566 - พฤศจิกายน 2567

ทั้งนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าของ PEA สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลข 1129 PEA Contact Center ตลอด 24 ชั่วโมง และผู้ใช้ไฟฟ้าของ MEA ได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook: การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ X: @mea_news และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

‘ดิสนีย์’ เผย!! กำไร Q4 ปีนี้ สูงกว่าที่คาด หลังได้รับอานิสงส์จากธุรกิจ ‘สตรีมมิ่ง’

(9 พ.ย.66) บริษัท วอลต์ ดิสนีย์ เปิดเผยกำไรที่สูงกว่าคาด ในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2566 โดยได้แรงหนุนจากกำไรในธุรกิจสตรีมมิ่ง อีเอสพีเอ็นพลัส (ESPN+) และรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจสวนสนุก แต่รายได้จากการโฆษณาที่ลดลงได้บดบังภาพรวมผลประกอบการของบริษัท

ดิสนีย์ ระบุว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 82 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 70 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.124 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้น 5% แต่ยังต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.133 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกันที่รายได้ของดิสนีย์อยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์

ส่วนจำนวนสมาชิกที่ใช้บริการสตรีมมิ่งดิสนีย์พลัส (Disney+) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 7 ล้านราย สู่ระดับ 150.2 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 148.15 ล้านราย

ดิสนีย์เปิดเผยรายได้จากการโฆษณาลดลง โดยส่วนใหญ่เป็นการโฆษณาบนแพลตฟอร์มเอบีซี เน็ตเวิร์ก (ABC Network) และโฆษณาทางสถานีโทรทัศน์ของดิสนีย์

ดิสนีย์ ระบุว่า บริษัทได้นำภาพยนตร์หลายเรื่องที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์เข้ามาเพิ่มในบริการสตรีมมิ่งในไตรมาส 4 ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘Elemental’, ‘Little Mermaid’ และ ‘Guardians of the Galaxy: Vol. 3’

นอกจากนี้ ดิสนีย์ ยังประกาศแผนการลดต้นทุนเชิงรุก โดยจะปรับลดต้นทุนเพิ่มอีก 2 พันล้านดอลลาร์ สู่ระดับเป้าหมายที่วางไว้ที่ 7.5 พันล้านดอลลาร์

'ฉางอัน ออโต' วางศิลาฤกษ์ 'โรงงานผลิต EV' ในไทย มองไกล!! ทุ่ม 2 หมื่นล้าน จ่อผลิต 2 แสนคันต่อปี

(9 พ.ย.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฉางอัน ออโต (Changan Auto) ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของจีน ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตยานยนต์แห่งแรกของบริษัทในไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการขยับขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ครอบคลุมพื้นที่ราว 1,520 ไร่ ตั้งอยู่ที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในจังหวัดระยอง ประกอบด้วยหน่วยทาสี ประกอบชิ้นส่วน ประกอบเครื่องยนต์ และประกอบแบตเตอรี่ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุนอันจำเป็น

รายงานระบุว่าการดำเนินงานระยะแรกมีกำหนดเริ่มต้นช่วงต้นปี 2025 โดยการออกแบบเบื้องต้นกำหนดกำลังการผลิตสูงแตะ 1 แสนคันต่อปี ส่วนการดำเนินงานระยะที่ 2 จะมีการลงทุนรวมสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท ทำให้กำลังการผลิตสูงแตะ 2 แสนคันต่อปี

อนึ่ง ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์แห่งสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาเนิ่นนาน เนื่องจากมีข้อได้เปรียบด้านห่วงโซ่อุตสาหกรรมและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์

การลงทุนของฉางอันในไทยสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลไทยที่มุ่งเพิ่มสัดส่วนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้สูงแตะร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 และจะครอบคลุมทั่วตลาดอาเซียน รวมถึงตลาดยานยนต์พวงมาลัยขวาทั่วโลก

ด้านนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย กล่าวว่าการลงทุนของฉางอันสะท้อนศักยภาพและความพร้อมของไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาคและระดับโลก

หวังฮุย รองประธานของฉางอัน ออโตโมบิล เผยว่าฉางอันมุ่งมีบทบาทเชิงรุกในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์อันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ขณะไทยเร่งปรับตัวสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว

การเข้าสู่ไทยของฉางอันไม่เพียงเสนอหลักประกันตามเป้าหมายจัดวางให้ไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาคของฉางอัน แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมการบูรณาการเชิงลึกของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในจีนและไทย

ทั้งนี้ นอกเหนือจากฉางอันแล้ว กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ของจีน เช่น เกรตวอลล์ (Great Wall) และบีวายดี (BYD) ได้ก่อสร้างโรงงานและเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ในไทยเช่นกัน ด้านข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่าแบรนด์จีนครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าในไทยในช่วงครึ่งแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปีนี้

‘ปฏิญญา Balfour’ สารตั้งต้นแห่งความรุนแรงในภูมิภาคเอเชียตะวันตก แรงบันดาลใจของ ‘กลุ่มไซออนิสต์’ สู่การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์

การแบ่งแยกและยึดครอง : มรดกของ ‘Arthur James Balfour’

กรุงเตหะราน, ประเทศอิหร่าน วันที่ 2 พฤศจิกายน 2023 ถือเป็นวันครบรอบ 106 ปี ปฏิญญาของรัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ‘Arthur James Balfour’

สิ่งที่ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ ‘ปฏิญญา Balfour’ คือข้อความสั้น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไม่เพียงแค่ชาวปาเลสไตน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนหลายล้านคนในเอเชียตะวันตกด้วย เนื่องจากมันก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้าย เช่น การก่อตัวของระบอบการปกครองจอมปลอม การสังหารหมู่ผู้หญิงและเด็กหลายแสนคน พลเมืองปาเลสไตน์หลายล้านคนต้องพลัดถิ่น และการถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิด กระทั่งท้ายที่สุด จึงนำไปสู่การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์โดยอิสราเอล

คำประกาศที่ชั่วร้ายนี้ปูทางไปสู่การก่อตัวของเนื้องอกที่เป็นมะเร็ง และเรื่องผิดกฎหมายในเอเชียตะวันตก โดยผลที่ตามมายังคงส่งผลกระทบต่อผู้คนปาเลสไตน์และในภูมิภาค หลังจากผ่านไปเกือบ 80 ปี คำแถลงต่อสาธารณะอาจเป็นประเด็นสำคัญของการหารือทางโทรศัพท์ ของรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอิหร่านและสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน โดยหัวหน้านักการทูตอิหร่านอาจทำให้ชาวสหราชอาณาจักรสนใจว่า ประเทศของเขาสนับสนุน ‘การสถาปนา ‘มาตุภูมิแห่งชาติสำหรับชาวยิว’ ในดินแดนปาเลสไตน์’ เมื่อปี 1917 ซึ่งเป็นรากฐานของทุกความท้าทาย และความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันตกในปัจจุบัน

‘กลุ่มไซออนิสต์’ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเจ้าพ่อแองโกล-แซกซัน (Anglo-Saxons) ในการส่งเสริมประวัติศาสตร์จอมปลอมและการกดขี่ กำลังเผชิญกับวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเอเชียตะวันตก การตื่นตัวและลุกขึ้นต่อต้านของชาวปาเลสไตน์ได้เปิดหูเปิดตาของผู้คนทั่วโลก ให้มองเห็นความโหดร้ายและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของไซออนิสต์ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะอ่านปฏิญญา Balfour อีกครั้ง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมิติของ Nakba (ภัยพิบัติ, หายนะ) ในปี 1948

ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ‘ปฏิญญา Balfour’ แสดงความเห็นอกเห็นใจของสหราชอาณาจักร ต่อความปรารถนาและแรงบันดาลใจของไซออนิสต์ในนานาชาติ ที่จะสถาปนาสิ่งที่เรียกว่า ‘มาตุภูมิแห่งชาติของไซออนิสต์ในดินแดนปาเลสไตน์’ ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 21 ปีก่อนที่ชาวยุโรปจะเดินหน้าสร้างสันติภาพระหว่างประเทศอีกครั้งในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อรู้ว่า ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์’ ลงเอยด้วยการสังหารชาวยิวจำนวนมาก ดูเหมือนว่าสหราชอาณาจักรและสหายไซออนิสต์จะตระหนักดี ถึงสิ่งที่รอคอยชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่ 2

การปรากฏตัวโดยชอบธรรมของไซออนิสต์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่บิดเบี้ยวและเป็นเท็จ 2 เรื่อง โดยเรื่องราวแรกคือ ในพระคัมภีร์ของชาวยิว ดินแดนนี้ถูกสัญญาไว้กับพวกเขา (ไซออนิสต์) และคำบรรยายที่ 2 อ้างว่า เป็นการสังหารและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวโดยพวกนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องเล่าทั้ง 2 นี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ 2 ได้ส่งชาวยิวจำนวนมากไปยังปาเลสไตน์ และปูทางไปสู่การยึดครองและการทำลายล้างประเทศอาหรับ 3 ปีหลังจากการเผยแพร่ปฏิญญา Balfour และในสนธิสัญญาที่ลงนามโดยประเทศที่ได้รับชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 ชะตากรรมของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งปาเลสไตน์ถูกส่งมอบให้กับสหราชอาณาจักร และคำมั่นสัญญาของ Balfour ที่มีต่อไซออนิสต์ก็ดำเนินไป

คงจะเป็นเรื่องไร้เดียงสามาก หากเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ

สหราชอาณาจักรส่งมอบดินแดนปาเลสไตน์ให้กับไซออนิสต์ โดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ชาวปาเลสไตน์ซึ่งแท้จริงแล้ว คือทายาทที่แท้จริงของชาวยิวปฐมวัย อาศัยอยู่ที่นั่นมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ตลอดช่วงชีวิตนอกกฎหมายของระบอบการปกครองที่ฆ่าเด็ก รัฐบาลตะวันตกได้นำเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อมาใช้เล่นเกมกล่าวโทษและวาดภาพผู้กดขี่ว่า เป็นผู้ถูกกดขี่ พวกไซออนิสต์ได้ก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด โดยไม่ต้องรับผิดชอบ เมื่อใดก็ตามที่มีการประท้วงเพื่อปกป้องปาเลสไตน์ ไซออนิสต์จะเป่าสโลแกน ‘ต่อต้านชาวยิว’ หลังจาก ‘ปฏิบัติการพายุแห่งอัล-อักซอ’ (Operation Al-Aqsa Storm) โดยกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ผู้สนับสนุนระบอบการปกครองเทลอาวีฟก็ออกมาเดินหน้าอีกครั้งเพื่อบิดเบือนความจริง ในขณะเดียวกันก็เตรียมการและให้กำลังใจอิสราเอล

ภารกิจที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่บนบ่าของสหราชอาณาจักร ถูกโอนไปยังสหรัฐอเมริกา หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศในระบบของการเมืองระหว่างประเทศ การสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขของสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร สำหรับระบอบไซออนิสต์เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ล้มเหลวในการยอมรับสิทธิของชาวปาเลสไตน์ ด้วยการยับยั้งมติ (Veto) ถึง 45 ครั้ง สหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ต่อต้านการหยุดยั้งอาชญากรรมของระบอบไซออนิสต์ในฉนวนกาซาเท่านั้น แต่ยังปฏิเสธที่จะช่วยบรรลุแนวทางแก้ไข เพื่อบรรเทาวิกฤติด้านมนุษยธรรมในดินแดนที่ถูกปิดล้อมอีกด้วย

ในความขัดแย้งที่ชัดเจนกับการกล่าวอ้างที่เป็นเท็จเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน สหรัฐฯ ยังได้ลงคะแนน ‘ไม่เห็นด้วย’ กับมติที่ร่างขึ้นเพื่อช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ความพยายามของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนไซออนิสต์ยังแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา เป็นที่ชัดเจนว่าการกระทำล่าสุดของสหรัฐฯ เป็นตัวอย่างของการเพิกเฉยต่อหลักการสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ประเด็นก็คือ ระบอบการปกครองจอมปลอม แม้ว่า อิสราเอลจะได้รับการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ มานานหลายปี แต่ก็ไม่ก็สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า อนาคตมีไว้สำหรับปาเลสไตน์

‘แทนคุณ-เค สามถุยส์’ บุกสภาพา ‘อดีต ผอ.รร.’ ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูก ‘ผู้ช่วย สส.ก้าวไกล’ บีบให้เซ็นใบอนุโมทนาทิพย์ เฉียด 1.2 ลบ.

(9 พ.ย.66) ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายนิยม นพรัตน์ หรือ ‘เค สามถุยส์’ นำผู้อำนวยการ (ผอ.) โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.จันทบุรี มายื่นหนังสือผ่านตัวแทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม สืบเนื่องจากโดนผู้ช่วย สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) คนหนึ่งของ จ.จันทบุรี โดยผู้ช่วยคนดังกล่าวมีอักษรย่อ จ. คุกคาม

นายแทนคุณกล่าวว่า วันนี้พา ผอ.โรงเรียนมาร้องเรียน เพราะถูกผู้ช่วย สส.ของพรรค ก.ก. โดยขอให้ ผอ.คนนี้ช่วยออกใบอนุโมทนา 2 ใบ โดยใบแรกจำนวน 8 แสนบาท และใบสองจำนวน 3.7 แสนบาท แต่ผอ.ไม่ยอมออกให้ เนื่องจากไม่มีอำนาจและไม่มีจำนวนเงินดังกล่าวเข้าโรงเรียนแต่อย่างใด ภายหลังเหตุการณ์นี้ ผอ.ได้รับความเดือดร้อนโดนใส่ร้ายป้ายสีกระทบเรื่องส่วนตัว อีกทั้งผู้ช่วย สส.รายนี้ยังบุกเข้ามาโวยวาย ผอ. ว่าทุจริตคดโกง

นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า เรื่องของผู้ช่วย สส. คนนี้จะเชื่อมโยงไปถึง สส.จันทบุรี คนนั้นหรือไม่ เพราะเห็นเขาโพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องต่างๆ และพวกเราไม่ใช่มุ่งอาฆาตมาดร้าย ไม่ใช่คนที่คิดจองเวร หรือมีความแค้นส่วนตัว แต่เมื่อได้รับเรื่องนี้มาเราก็ดำเนินการ ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่คล้ายๆแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วย สส. ผู้ชำนาญการ หลายพื้นที่ รวมทั้งตัว สส. เองด้วยที่มีอีกหลายเรื่อง แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เรียกว่าเป็น 10 เคสไม่ใช่ธรรมดา ถ้าพูดทุกวันถึงสิ้นปีคงไม่หมด

“ตอนนี้บอกได้เลยว่าตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมาประเทศไทยไม่เหมือนเดิมจริงๆ ไม่เคยมีการเมืองครั้งไหนที่จะเรียกว่าเมาเสรี ฟรีกาม คุกคามประชาชน รุนแรงและเลวร้ายเท่ากับการมีอยู่ของพรรคก้าวไกล” นายแทนคุณกล่าว

ขณะที่ เค สามถุยส์ กล่าวว่า ผู้ช่วย สส. คนดังกล่าวเป็นเพศหญิง และเป็นหลานเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจันทบุรี แต่มีพฤติกรรมเข้าไปอยู่ในกุฏิวัด ซึ่งกุฏิดังกล่าวสร้างจากเงินผู้มีจิตศรัทธาในศาสนา เพื่อใช้รับรองพระสงฆ์ แต่ผู้ช่วย สส. กลับยึดครองไว้เอง ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้เจ้าอาวาสวัดเสียหายไปด้วย หากไม่รู้เรื่องด้วย

ด้าน ผอ. กล่าวทั้งน้ำตาว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ตนไม่ยอมเซ็นใบอนุโมทนาให้ ต่อมาในวันที่ 28-29 มีนาคม ผู้ช่วย สส. ไปหว่านล้อมชุมชนเพื่อให้มากดดัน ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อน ชีวิตวุ่นวาย ลามไปถึงลูกสาวด้วย สุดท้ายทนไม่ได้จึงลาออกจากการเป็นผอ. แต่ก็เปลี่ยนใจขอทบทวนไม่ลาออก เนื่องจากมีเวลา 30 วัน ในการทบทวน แต่ก็ถูกคำสั่งให้ออก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ทบทวนการเซ็นคำสั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายแทนคุณ ได้เผยแพร่ภาพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดยเป็นภาพ สส.จันทบุรี เขต 2 พรรค ก.ก. คือ น.ส.ปรัชญาวรรณ ไชยสืบ พร้อมทีมผู้ช่วยดำเนินงานของผู้แทนราษฎร 

'นายกฯ เศรษฐา' รับ!! ถอดหมวกนายกฯ ในวงดินเนอร์ เปิดใจ!! ไม่ชำนาญการเมือง น้อมรับฟังทุกคำแนะนำในวง

(9 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมรับประทานอาหารค่ำกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ว่า จุดประสงค์ที่นัดทานข้าวกันเนื่องจากได้บริหารงานมา 2 เดือน ถือเป็นรัฐบาลที่มีพรรคร่วมหลายพรรค และเราได้มีการเจอกันประจำอยู่แล้วในเวทีที่เป็นทางการ ที่ต้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกสัปดาห์ในวันอังคาร นอกจากนั้นยังมีการประชุมวงเล็กซึ่งได้มีการพบปะเจอกันบ้างในลักษณะที่เป็นทางการมากกว่า

“ผมในฐานะที่เพิ่งเข้าสู่การเมืองและไม่เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน และวันนี้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งผมเองไม่มีความชำนาญในการที่จะใช้เวทีที่เป็นเวทีทางการมากนักเท่ากับพี่ๆน้องๆหลายท่านที่เข้าไปอยู่ในการทานอาหารค่ำด้วยกัน ผมก็ถอดหมวกความเป็นนายกฯมาเป็นพี่ เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย หรือนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นน้องและมีวัยวุฒิน้อยกว่า พล.อ.ต.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ก็ได้มีการพูดคุยกันว่าในรัฐบาลก่อน ๆ ที่หลายท่านเคยดำรงตำแหน่งมาหลายรัฐบาลมาก และจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่เวลานานมานี้ได้พัฒนาไปอย่างไร วิธีการดำเนินการประชุม วิธีการพูดคุย วิธีการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ละคนก็มีข้อแนะนำกันมา ซึ่งผมก็น้อมรับไปปฏิบัติ มันเป็นการพูดคุยที่เป็นกันเองและบรรยากาศที่สบาย ๆ จากการที่เราได้มาทานอาหารอร่อย ๆ ซึ่งมีหมูแดงสไตล์ฮ่องกงซึ่งทุกท่านชอบและบะหมี่ที่ใช้มือปั้นเองมาโชว์ให้ดู ก็อยู่กันถึง 4 ทุ่มกว่า ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่ได้พูดคุยกันอย่างสบาย ๆ” นายกฯ กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องที่หนัก ๆ มาก เช่น เศรษฐกิจหรือะไรไม่มี แต่เป็นเรื่องของวิธีการทำงานและพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า ตรงนี้มีการพูดคุยตักเตือน ตนก็แสดงตัวตนว่าเป็นคนอย่างไร อธิบายให้พี่ ๆ น้อง ๆ ฟังว่าสไตล์การบริหารเป็นอย่างไรบ้าง มีหลายคนหลายท่านได้พูดคุยแนะนำว่าควรทำอย่างไรบ้าง เช่น นายภูมิธรรม เป็นคนที่มีพรรษาทางการเมืองเยอะ มีวัยวุฒิสูง และเป็นคนที่ตนให้ความเคารพในพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ท่านก็ได้อธิบายให้ฟังถึงวิธีการทำงานของตนอย่างไรให้กับรัฐมนตรีท่านอื่น และหยอดมาเรื่องการสอนให้ปรับปรุงตัวเองด้วย เพราะท่านนายกฯ เป็นคนพูดตรง ตรงนี้ก็อาจจะต้องนำไปปรับปรุงบ้าง เพื่อให้ไปถึงจุดมุ่งหมายที่มันดีเหมือน ๆ กัน แต่อาจจะมีหลายวิธีก็น้อมรับไปปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้มีคำแนะนำอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีอะไรก็พูดคุยกันธรรมดา ซึ่งเราต้องอยู่ด้วยกันมีอะไรก็พูดคุยกันได้ ก็แนะนำว่าอยากให้มีการเจอกันบ่อยขึ้นโดยการสลับกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งคราวหน้าจะเป็นนายอนุทิน ขณะที่นายวราวุธ บอกว่าอย่าไปจัดไกลถึงเขาใหญ่เอาแถว ๆ นี้ก็พอ ก็บรรยากาศดีไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ไม่ได้มีการพูดคุยหรือต่อรองหรือขอนโยบายอะไรมา ไม่มี

เมื่อถามว่าจะมีการนัดพบพูดคุยระดับย่อย ๆ ลงมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แล้วแต่เห็นสมควร ก็ไม่ได้จำกัดว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคหรือเลขาฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย ซึ่งท่านเองก็มีความสนิทสนมกับหลาย ๆ ท่านตรงนั้นในฐานะที่เป็นนายกฯ น้อยก็น่าจะเข้ามามีส่วนช่วยเหลือประสานงานกับพรรคร่วมรัฐบาลและรองนายกรัฐมนตรีท่านอื่นได้ดีขึ้น

เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐนาวาได้ขอความร่วมมืออะไรจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นพิเศษหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มีเลย เพราะตนเชื่อว่าทุกท่านรู้หน้าที่ดีอยู่แล้วว่าเรามาร่วมเรือลำเดียวกัน เรามาช่วยกัน เรามาที่นี่ เรามาเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตนคิดว่าทุกท่านรู้หน้าที่กันเองอยู่ ส่วนท่านอื่นอาจจะมีการคุยกันเรื่องเฉพาะเจาะจง ก็คงมีการไปคุยกันวงอื่นเวทีอื่น แต่เวทีนี้เป็นการไปพบปะสังสรรค์กันมากกว่า

เมื่อถามว่า การที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปร่วมด้วยเหมือนเป็นการสอนงานทางการเมืองไปในตัวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เพราะน.ส.แพทองธารเองมีความคุ้นเคยกับหลาย ๆท่านอยู่แล้ว และบางครั้งก็จะเห็นคุณอุ๊งอิ๊งเดินตามอดีตนายกฯ มานานแล้ว ไม่ได้มีนัยอะไร

‘สุทิน’ รับ!! เข้าใจผิด ‘งบประมาณกองทัพ’ มาตลอด กระจ่าง!! ต้องประเมินคู่แข่ง เพื่อหาอาวุธที่ต่อกรกันได้

(9 พ.ย. 66) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 66 พร้อมให้นโยบายตอนหนึ่งว่า เป็นหลักสูตรที่มีความสำคัญในด้านของความมั่นคง ที่เป็นหลักสูตรมีคุณค่า และสถาบันนี้เป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคงและยินดีกับทุกคนที่ได้มีโอกาสเข้ามาเรียน ซึ่งตนโชคดีในฐานะ รมว.กลาโหม ได้มาดูความมั่นคงของประเทศ

สิ่งที่มีคุณค่าคือ การเรียนรู้ร่วมกัน 1 ปีคือยุทธศาสตร์ของวปอ. ซึ่งตนก็เคยมาศึกษาแผนยุทธศาสตร์และงานวิจัยของ วปอ. หลายครั้งนับว่ามีคุณค่าอย่างยิ่ง ดังนั้นก็จะได้ทราบแผนของรุ่นที่ 66 ตนในฐานะมาดูแลความมั่นคง ก็ต้องมีการทำความเข้าใจให้ตรงกัน  แต่การพัฒนาประเทศไม่ได้ดูที่การศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ ที่บางอย่างยังมีปัญหา ต้องดูว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาประเทศ แต่ยังขัดแย้งในตัวเอง จากประสบการณ์ อาชีพ 

คนเก่งมีเยอะแต่ทำงานไม่เข้ากัน ในการพัฒนาประเทศแต่ละคนคิดตามมุมมองของตัวเอง อาทิ การเมือง ก็คิดแบบการเมือง การทหารก็คิดแบบการทหาร นักวิชาการก็คิดตามแบบนักวิชาการ เพราะฉะนั้นการพัฒนาประเทศจึงไม่เป็นเอกภาพ ทำให้เห็นว่าในหลายอาชีพก็มีความขัดแย้งกัน ต่างคนต่างมีมุมของตัวเอง ขาดจุดร่วมที่อยู่ร่วมกัน

ดังนั้น วปอ.มีจุดที่สำคัญคือ มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นศูนย์รวมคนเก่ง ทั้งทหาร ภาคเอกชน ซึ่งเป็นโอกาสดีของประเทศ ถือว่าเป็นทีมรวมดาราโลกมาอยู่รวมกัน มีทีมเวิร์กที่ดี ทำให้เห็นว่าการมาเรียนที่นี่จะทำให้มีเครือข่ายและมุมมองที่ดี

นายสุทิน กล่าวต่อว่า สงครามในปัจจุบัน เป็นการเสียเอกราชทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาเราเคยเสียมาแล้วยุค IMF ซึ่งเอกราชทางด้านความมั่นคงเราต้องคงไว้ซึ่งความมั่นคงทางวัฒนธรรม แต่เด็กรุ่นใหม่ไปเอาวัฒนธรรมต่างชาติ ไม่มีเอาวัฒนธรรมของตัวเอง ตนมองว่าเอกราชทางเศรษฐกิจทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีการเปลี่ยนแปลง 

ในการรักษาเอกราช ตนมองว่าภัยคุกคามใหม่ที่มีคือภัยจากข้างนอก คือการรบกันข้างนอก อาทิ รัสเซีย-ยูเครน การรบในอิสราเอล และในอนาคตก็จะเกิดสงคราม 2 ขั้ว ถ้าเราวางตัวไม่ถูกและไม่ดี ประเทศไทยก็โดนดึงเข้าไปร่วมด้วย เมื่อช้างชนกัน หญ้าแพรกอย่างเราก็มีปัญหา

ดังนั้นจะมีแนวทางเพื่อให้ประเทศไทยที่เป็นหญ้าแพรกจะได้อยู่รอดเมื่อช้างสารชนกันนอกจากนี้ยังมีภัยคุกคามใหม่ อีกหลากหลายซึ่งเราต้องคิดแผนขึ้นมาเพื่อดูแลในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากภัยคุกคามทางทหารยังคงมีอยู่

นอกจากนี้ยังมีภัยคุกคามทางด้านความคิดที่เป็นภัยอยู่ในประเทศ เวลานี้คนไทยมีความคิดเห็นหลากหลาย ที่มีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ถูกกระทบซึ่งเป็นภัยที่สำคัญ แตกแยกทางความคิดที่มีในโซเชียล นอกจากนี้มีภัยจากการไม่เชื่อมั่นสถาบันการเมือง ที่หากไม่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ความขัดแย้งทางการเมือง จะทำให้เป็นภัยกับทุกเรื่อง รวมไปถึงภัยจากสิ่งแวดล้อมที่ต้องจัดการขณะนี้ไม่ลงตัว เช่น ฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 อาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ แก๊ง Call Center ข้ามชาติ ที่มีการดูดเงินในบัญชีออกไปเป็นจำนวนมาก ตนมองว่าเป็นภัยคุกคามอย่างหนัก หากเราตั้งรับภัยพวกนี้ไม่ได้ก็จบ 

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมีศูนย์ป้องกันทางไซเบอร์ดังนั้นอยากให้ศูนย์ไซเบอร์ฯ ของกองทัพไปคุ้มครองไซเบอร์ในหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ภัยจากโรคระบาดก็สร้างความเสียหายย่อยยับ ซึ่งปัจจุบันพบโรคอุบัติใหม่เพิ่มขึ้น หากเราไม่ตั้งรับ จะทำให้มีผลกระทบในหลายเรื่อง รวมถึงภัยยาเสพติด สมัยก่อนมีการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า เริ่มมีปัญหาในเรื่องของเด็กติดยาเสพติดที่อายุน้อยลงต้องป้องกันตั้งแต่อยู่ในครรภ์ 

จากที่ไปดูในศูนย์เด็กเล็กพบว่า มีเด็กไม่สมบูรณ์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากยาเสพติด เพราะพ่อแม่ซึ่งเป็นเยาวชนติดยาและมาแต่งงานกัน ในขณะนี้กลุ่มพวกยาเสพติดกระจายอยู่ในกลุ่มของผู้นำท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำลายทุนมนุษย์ เป็นความเศร้าใจ 

ดังนั้นความมั่นคงทางทหาร ก็มีผลกระทบเนื่องจากการรับพลทหารเข้ามาก็มีเด็กติดยาทำให้กองทัพอ่อนแอ แม้มีเครื่องบินไอพ่น F-16 หรือยุทโธปกรณ์ที่เข้มแข็ง ยาเสพติดก็เป็นสิ่งที่น่าหนักใจเนื่องจากเป็นภัยมั่นคงที่เข้ามา รวมไปถึงการทุจริตคอรัปชัน ลามไปยังข้าราชการชั้นผู้น้อย จนสุดท้ายมาตกผลึก ของความยากจน ตอนนี้สิ่งที่สูญเสียกับเอกราชคือความยากจนของคนในชาติ เช่นคนในต่างจังหวัดที่มีที่ดินจำนวนมาก ขณะนี้การถือครองที่ดินลดลง ซึ่งชาวบ้านฐานใหญ่ ของประเทศมีที่ดินไม่ถึง 10% แม้ว่าจะมีที่ดินก็ยังติดภาระ ที่อาจจะหลุดลอยไป

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเหลื่อมล้ำที่ทำให้เกิดสงครามประชาชนเป็นภัยที่มองไม่เห็น กองทัพก็จะเอาไม่อยู่ จากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามัคคี เพราะจากนี้ไปกลายเป็นว่าทรัพย์สินต่างๆจะอยู่กับคนกลุ่มน้อย ซึ่งพวกเราต้องคิดให้หนัก โดยภัยคุกคามใหม่ กองทัพรับมือคนเดียวไม่ได้ ทหารเก่งขนาดไหนก็รับมือไม่ได้ และสุดท้ายจะเกิดความขัดแย้งในสังคมและสะสมหลายรูปแบบ ทั้งความยากจน ความข้นแค้น มีความกดดัน จนมาทะเลาะกันในสภาและมีการลงถนน 

โดยเราไม่มีวัฒนธรรมที่เกาะเกี่ยวเหนี่ยวนำ ดังนั้นทหารก็ต้องเข้ามาแก้ แต่ก็ยาก อีกทั้งยังจะโดนด้อยค่า ถูกแยกออกจากประชาชน บทสรุปที่สำคัญ คือการป้องกันราชอาณาจักรไม่ใช่หน้าที่ของคนไทยคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะหน้าที่ของทหารแต่เป็นของทุกภาคส่วน ทุกกระทรวงทำร่วมกันต้องช่วยกัน ตนหวังว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ ที่มาครบทุกสาขาอาชีพ และเป็นผู้ใหญ่ ตนเชื่อว่าทุกคนรักชาติและอยากเห็นประเทศชาติก้าวกระโดด 

คนที่มาเรียนวปอ.เป็นความหวังของกระทรวงกลาโหมในเรื่องของเครือข่าย ที่จะดำเนินงานและเป็นกำลังสำคัญ ส่วนกระทรวงกลาโหมจะทำอะไรได้บ้างนั้นในฐานะที่ตนเป็นพลเรือน และมีหลายคนพูดว่าจะรู้เรื่องของทหารและไม่ทะเลาะกับทหารหรือและเอามุมมองนักการเมืองมาทำงาน ตนขอเรียนให้สบายใจว่าความรับผิดชอบของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของประเทศ 

ตนมายืนตรงนี้ในฐานะตนเองและพรรค ก็ต้องรับผิดชอบ คือการปกป้องเอกราชสู้กับภัยคุกคามใหม่ ต้องทำให้กองทัพทันสมัย แข็งแกร่ง กะทัดรัด ไม่เช่นนั้นก็สู้ไม่ได้ รวมทั้งภารกิจ ต้องช่วยรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ ออกมาพัฒนาโดยนำทรัพยากรทางทหารมาช่วยเศรษฐกิจ กองทัพต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการบริหารภายในกองทัพ เทคโนโลยีในการรบ ที่ต้องสู้กับเขาได้ อยู่แบบเดิมไม่ได้ 

"ซึ่งการจัดซื้ออย่าถามว่าจะซื้ออะไร แต่ต้องถามว่า ซื้อมาแล้วจะสู้อะไรกับเขาได้ ผมเข้าใจผิดมาตลอดเรื่องการจัดงบประมาณของกองทัพ จากเดิมที่เอาฐานเดิมมาทำ แต่กองทัพคิดอย่างนั้นไม่ได้ ต้องเอาคู่แข่งทางทหาร มาคิดด้วย อาทิ เมื่อเขามีเรือดำน้ำ มี F-16 ก็ต้องมีสิ่งที่นำมาสู้กับเขาได้ ซึ่งเป็นการตั้งงบประมาณดูคู่แข่งและคู่ต่อสู้ นับว่าเป็นความทันสมัยเช่นกัน นอกจากนี้ ต้องทันสมัยและอยู่ในใจประชาชน แม้กองทัพยิ่งใหญ่เกรียงไกรขนาดไหน ถ้าไม่อยู่ในใจประชาชนและได้ใจประชาชน ก็ไม่ได้ และสิ่งใดไม่อยู่ในใจประชาชนก็ต้องหลีกเลี่ยง" นายสุทิน กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top