Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

‘จีน’ พัฒนา ‘แท่นลอยน้ำ’ ผสมผสานพลังงานลมนอกชายฝั่ง ผันไฟฟ้าได้ 16 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เอื้อฟาร์มเลี้ยงปลาในทะเลลึก

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, ฝูโจว รายงานข่าวการก่อสร้างแท่นลอยน้ำผสมผสานพลังงานลม-การประมงแห่งแรกของโลก ได้เสร็จสิ้นที่ฟาร์มพลังงานลมนอกชายฝั่งเกาะหนานรื่อ เมืองผูเถียน มณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกของจีน เมื่อไม่นานนี้

รายงานระบุว่าโครงการแท่นลอยน้ำเชิงบูรณาการนี้ ช่วยแก้ไขความท้าทายทางเทคโนโลยีของการผสมผสานพลังงานลมนอกชายฝั่งและการเลี้ยงปลาในทะเลลึก ส่งเสริมการพัฒนาพลังงานลมในทะเลหลวงของจีน

ทั้งนี้ แท่นลอยน้ำสามขาแบบกึ่งจมน้ำ (Semi-Submersible) ที่ดำเนินงานอย่างเป็นทางการ จะสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด 16 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ทรงมีกระแสพระราชดำรัส หลัง กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงกราบทูล “สมัยนี้ไม่มีคนชมโขนแล้ว”

‘สมเด็จพระเทพฯ’ ทรงกราบทูลพระพันปีหลวงว่า “สมัยนี้ไม่มีคนชมโขนแล้ว” พระองค์จึงมีกระแสรับสั่งตอบว่า “เมื่อไม่มีใครดู แม่จะดูเอง”...

จากพระวิสัยทัศน์ใน สมเด็จพระพันปีหลวง สู่ความสำเร็จของโขนพระราชทาน มรดกโลกโดยยูเนสโก

การแสดงโขนของไทย ที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นการรวมกันระหว่างศิลปะการร่ายรำ วรรณกรรม ดนตรี และศิลปะการออกแบบเครื่องแต่งกายเข้าไว้ในศาสตร์เดียวกัน ซึ่งอาจเปรียบเทียบได้กับการแสดงอุปรากร โอเปราของฝั่งตะวันตก

ถึงแม้ว่าในอดีตการแสดงโขนจะมีไว้เฉพาะสำหรับราชสำนัก และขุนนาง แต่การได้รับการอุปถัมภ์โดยชนชั้นสูงในสมัยนั้น ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้โขนได้รับการพัฒนาจนถึงขีดสุด เนื่องจากการพัฒนาศิลปะนั้นจำเป็นต้องใช้ทรัพยากร และเงินทอง เพื่อการพัฒนาศิลปะเฉพาะทาง

โขนได้รับการพัฒนาจนถึงขีดสุดในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยพระราชนิยมที่ทรงโปรดศิลปวัฒนธรรม อย่างไรก็ดี ในรัชกาลที่ 7 เกิดเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้การแสดง และศิลปวัฒนธรรมทุกชนิดตกต่ำ หยุดการพัฒนา และแม้ในรัชกาลที่ 8 จะมีความพยายามที่จะฟื้นฟูให้คืนกลับมา แต่ก็ประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรผู้ฝึกสอน ประกอบกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เข้ามาซ้ำเติมให้วงการศิลปะของไทยดำดิ่งลงเหวไป

จนเมื่อมาถึงรัชกาลที่ 9 สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยได้รับการพัฒนาให้มีความมั่นคง ประกอบกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  ทรงมีพระราชดำริว่าศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม ที่ได้รับการสืบทอดมาแต่ครั้งบรรพชน กำลังค่อย ๆ เลือนหายไป 

จึงทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้มีการฟื้นฟูศิลปวิทยาดั้งเดิมของไทย ให้คืนกลับมาดังเดิม ซึ่งการฟื้นฟูดังกล่าว ไม่เพียงเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมอาชีพให้แก่พสกนิกรชาวบ้าน ให้มีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน และหนึ่งในศาสตร์นั้นก็คือการแสดงโขน นั่นเอง

พระองค์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดสอนหัตถกรรมแทบทุกประเภทแก่บุตรหลานของราษฎรผู้ยากไร้ขึ้น ณ บริเวณสวนจิตรลดา และเปิดสอนสมาชิกในต่างจังหวัดในบริเวณพระราชนิเวศน์ทุกภาค ในเวลาที่พระองค์สมเด็จทรงเยี่ยมราษฎร ทรงรับเด็กยากจนที่มีการศึกษาน้อย รวมทั้งผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการช่างใดๆ เข้าเป็นนักเรียนศิลปาชีพ ทรงเสาะหาครูผู้มีฝีมือที่ยังหลงเหลืออยู่มาถ่ายทอดผลงาน ทรงติดตามผลงานทุกชิ้น พระราชทานกำลังใจแก่สมาชิกทุกคนและโปรดที่จะทรงใช้สอยผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพทุกชนิด เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนทั่วไปด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ได้ก่อทรงตั้งมูลนิธิขึ้น พระราชทานว่า ‘มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ ในพระบรมราชินูปถัมภ์’ พระราชทานทุนเริ่มแรก และทรงรับเป็นประธานกรรมการบริหารของมูลนิธิฯ ด้วยพระองค์เอง

ในเวลาต่อมาทรงสังเกตเห็นว่าสุนทรียะของการแสดงโขนซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงประจำชาติไทยนั้น ลดน้อยด้อยลงไปจากเดิม ประกอบกับกรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงกราบทูลพระพันปีหลวงว่า สมัยนี้ไม่มีคนชมโขนแล้ว พระองค์จึงมีกระแสรับสั่งตอบว่า

“เมื่อไม่มีใครดู แม่จะดูเอง” 

ทุกวันนี้ ประชาชนชาวไทยไม่ใคร่มีโอกาสได้ชมโขน เนื่องจากการจัดการแสดงโขนแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประชุมผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโขน และงานหัตถศิลป์แขนงต่างๆ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนขึ้นใหม่สำหรับใช้ในการแสดงโขนพระราชทาน โดยทรงกำชับให้ยึดถือรูปแบบเครื่องแต่งกายโขนแบบโบราณ แต่มีความคงทนและสวยงามยิ่งขึ้น มูลนิธิจึงสนองพระราชประสงค์ด้วยการฟื้นฟูพัฒนาโขน บูรณาการศิลปะไทยทุกแขนงเข้าด้วยกัน ผสมผสานกับเทคนิคการแสดงแสง สี เสียงสมัยใหม่ ก่อให้เกิดเป็นการแสดงโขนร่วมสมัย จนนำไปจัดแสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในปี 2550 ชุดพรหมมาส 

การแสดงโขนพระราชทานในครั้งนั้น ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี มีการเรียกร้องให้มีการแสดงโขนขึ้นอีก พระพันปีหลวงจึงมีพระราชเสาวนีย์ให้มีการพัฒนาขึ้นอีก ก่อนจะจัดแสดงอีกครั้งในปี 2551 ซึ่งมีคนหนุ่มสาวและเด็ก ๆ จำนวนมากมีความสนใจชมโขนและยังพากันจูงผู้เฒ่าผู้แก่ในครอบครัวไปชมโขนกันอย่างเนืองแน่น จึงทรงโปรดฯ ให้มีการจัดแสดงโขนในทุก ๆ ปี และคนไทยก็เรียกว่า “โขนพระราชทาน” นับแต่นั้นมา

จากพระวิสัยทัศน์ ทำให้โขนไทยได้รับการพัฒนาสู่รูปแบบอื่น ๆ อาทิละคร และภาพยนตร์ จนต่อมาเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 61 องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียน ‘โขน’ ประเทศไทย ภายใต้ชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Khon, masked dance drama in Thailand’ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ในประเภท ‘รายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ’

สำหรับล่าสุดนี้ ปี 2566 มูลนิธิ ฯ จัดแสดงโขนพระราชทานชุดล่าสุดตอน ‘กุมภกรรณทดน้ำ’ เป็นตอนที่กุมภกรรณคิดกลวิธีทำศึก นิมิตกายลงไปใต้น้ำ ทำพิธีทดน้ำ นอนขวางแม่น้ำไว้ เพื่อขัดขวางกองทัพพระราม ทำให้แม่น้ำเหือดแห้ง

การแสดงในครั้งนี้ ใช้นักแสดงรุ่นใหม่ ที่มีใจรักสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่ได้รับการรักษาตกทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ และมีการต่อยอดด้วยการประยุกต์เทคนิค แสง สี เสียงสมัยใหม่ เพื่อให้การแสดงโขนมีความตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

การแสดงจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน ถึง 5 ธันวาคมนี้ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา บัตรราคา 2,000 บาท 1,800 บาท 1,000 บาท 800 บาท และ 600 บาท

‘หมอทวีศิลป์’ เข้ารับประทานผ้าไตรจาก ‘สมเด็จพระสังฆราชฯ’ เพื่อเตรียมออกบวชที่พุทธคยา ประเทศอินเดียเป็นเวลา 10 วัน

เมื่อวานนี้ (4 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘More ทวีศิลป์’ ขอขมาลาบวช 10 วัน เพื่อเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์นั้น

ล่าสุด นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า “ขออนุญาตใช้พื้นที่ทางเฟซบุ๊กนี้อีกครั้ง เพื่อกราบลาอุปสมบทที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 -15 พฤศจิกายนนี้ ที่พุทธคยาครับ

ข้าพเจ้านายทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ขอลาอุปสมบทและขอขมา หากมีสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินท่าน ด้วยทางกายก็ดี ทางวาจาก็ดี ทางใจก็ดี ทั้งตั้งใจก็ดี มิได้ตั้งใจก็ดี ทั้งต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่ด้วยเจตนาก็ดี ขอให้ท่านอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าด้วย เพื่อให้การอุปสมบทเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ด้วยการประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อให้รู้แจ้งมรรคผลนิพพาน และอนุโมทนาบุญในการอุปสมบทของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเทอญ”

ก่อนที่จะโพสต์ภาพการเข้าพิธีขลิบผม และโกนผมเพื่อเดินทางไปอุปสมบท พร้อมเล่าว่า “วันนี้ได้เข้าพิธีขลิบผมและโกนผม เพื่อพร้อมเดินทางไปอุปสมบทที่พุทธคยาครับ ครั้งแรกในชีวิตที่ได้บวช….ภูมิใจที่ได้เกิดมาภายใต้พระพุทธศาสนา เกิดมาในแผ่นดินไทยที่มีศาสนาพุทธ เป็นศาสนาหลักของชาติ และที่สำคัญที่สุดวันนี้มีโอกาสได้กราบพระบาทสมเด็จพระสังฆราชฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อรับประทานผ้าไตร เพื่อใช้ในการบวชครั้งนี้ เป็นพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ขอทำหน้าที่ธำรงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนตลอดไปครับ”

พลิกเมนู 'ไทย-จีน-นานาชาติ' เอาใจสายเนื้อเกรดพรีเมียม @KRBB The Boutique Butcher ใกล้ BTS อ่อนนุช

(5 พ.ย. 66) ร้าน ‘KRBB The Boutique Butcher’ ร้านเนื้อวัวที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยม จากฟาร์มคุณภาพดีจากทั่วโลก นำมารังสรรค์เป็นหลากสารพัดเมนูจานเด็ด สูตรลับเฉพาะของทางร้าน Butcher โดยผู้มีความชำนาญในด้านอาหาร นอกจากนี้ ชื่อร้านมาจากชื่อของหุ้นส่วนทั้ง 4 คน ได้แก่ ชาคริต แย้มนาม, รณสิทธิ ภุมมา, อิทธิชัย เบญจธนสมบัติ และ ปฏิรูป ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ที่ตั้งใจให้ร้านนี้เป็นศูนย์รวมของคนรักเนื้อโดยเฉพาะ

สำหรับบรรยากาศภายในร้าน จะเน้นการตกแต่งในสไตล์โฮมมี่ ด้วยโครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เป็นหลัก ให้ความอบอุ่น และเป็นกันเอง ตกแต่งที่บริเวณผนังด้วยอุปกรณ์ทำครัวที่ทำจากไม้หลากหลายแบบ พร้อมทั้งมึภาพเขียนอธิบายส่วนต่าง ๆ ของวัว และยังมีโซนเอาท์ดอร์ด้านนอกไว้รองรับสำหรับผู้ที่ต้องการทานที่ร้าน

ส่วนเมนูของทางร้านจะมีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อคัดสรรเกรดพรีเมียม คุณภาพเยี่ยม และฝีมือการปรุงอาหารชั้นยอดของเซฟ ทำให้รสชาติของอาหารแต่ละจานอร่อย เข้มข้น อีกทั้งยังมีเมนูให้เลือกหลากหลาย ไม่ซ้ำใคร รับรองว่า ถูกใจคนรักเนื้ออย่างแน่นอน

มาลองดูอาหารแต่ละเมนูกันเลย!!

‘ข้าวผัดมันเนื้อท็อปสเต๊กเนื้อสันนอก’ คนไทยก็ต้องคู่กับข้าว!! จึงขอเริ่มกันที่เมนูแรกด้วย ข้าวผัดมันเนื้อที่กลิ่นข้าวหอมเตะจมูก นำมาผัดแบบสไตล์จีน ทำให้ข้าวร่วนเป็นเม็ด ไม่แฉะ จากนั้นก็ท็อปด้วยพระเอกของเมนู คือ ‘สเต๊กเนื้อสันนอก’ หนา นุ่น เคี้ยวปุ๊บ ขาดปั๊บ หั่นแบบเต๋าพอดีคำ ท็อปบนข้าวที่ผัดมาร้อนๆ หอมๆ บอกเลยว่าเป็นเมนูแนะนำที่คนรักเนื้อและชอบกินข้าว ห้ามพลาด!!

‘เนื้อตุ๋นหม้อไฟ’ เสิร์ฟมาในหม้อสุกี้ร้อนๆ น้ำซุปหอมกลมกล่อมอูมามิ เหมาะกับกินในช่วงปลายฝนต้นหนาวสุดๆ นอกจากนี้ สามารถเลือกเนื้อประเภทและส่วนต่าง ๆ มาใส่ในหม้อไฟได้ตามความต้องการ แถมมี Butcher คอยแนะนำว่าส่วนไหนเหมาะแก่การนำไปปรุงแบบไหน เพื่อให้มื้อพิเศษของเราอร่อยที่สุดอีกด้วย

‘เมนูก๋วยเตี๋ยวเนื้อบ่ม’ เนื้อโคขุนที่ผ่านการ Dry-aged มาเป็นเวลา 3 อาทิตย์ โดยมีให้เลือกทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด และเนื้อเปื่อย เนื้อบ่มจะใช้เนื้อซี่โครง พื้นท้อง สามชั้นอย่างดี ส่วนเนื้อสดจะใช้ Flank ส่วนพื้นท้อง โดยเมนูนี้จะมีทีเด็ดอยู่ที่ ‘น้ำซุป’ ซึ่งเป็นน้ำซุปดาชิ สไตล์ญี่ปุ่น ที่ใช้เวลาในการเคี่ยวเป็นเวลานาน เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม แต่ถ้าใครที่ชอบก๋วยเตี๋ยวแบบแห้ง ทางร้านยังมี ‘ก๋วยเตี๋ยวแห้งคลุกซีอิ๊วดำสูตรพิเศษจากเบตง’ เตรียมไว้ให้อีกด้วย

และอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ห้ามพลาด คือ ‘เนื้อขั้วตับย่างอีสาน’ รสชาติเข้มข้น ใช้เนื้อส่วน Hanger ที่ถ้าหากเลาะไม่ดีจะทำให้เคี้ยวยากมาก แต่ Butcher ของทางร้านมีความเชี่ยวชาญในการเลาะเนื้ออย่างดี ทำให้เนื้อไม่เหนียว เคี้ยวง่าย แถมยังนำไปหมักกับซอสสูตรลับของทางร้าน จนเนื้อนุ่มละมุนลิ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถรีเควสน้ำจิ้มเพิ่มเติมได้อีกด้วย โดยทางร้านมีทั้งน้ำจิ้มแจ่วแบบขม แบบมาตรฐาน และแบบสูตรมะเขือเทศ

อีกจุดเด่นของร้าน ‘KRBB The Boutique Butcher’ คือการคงคอนเซปต์เหมือนกับโชว์รูมขายเนื้อสด ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อเนื้อเองได้ตามใจชอบ ซึ่งมีทั้งเนื้อไทยและเนื้อญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยม ที่นำไปทำเมนูอะไรก็อร่อย 

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเทคนิคการทำ ‘Butcher’ แบบ ‘ซามูไรคัท’ หรือ ‘การหั่นเนื้อแบบญี่ปุ่น’ เพื่อให้สูญเสียเนื้อน้อยที่สุด เลาะพังผืดจนหมด โดยเทคนิคนี้จะทำให้เนื้อนุ่มและยังได้รับเนื้อทุกส่วน ซึ่งถือว่าทางร้านใช้คุ้มทุกส่วนจริงๆ และในส่วนของราคานั้น ก็ไม่ได้แพงจนเกินไปเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับ โดยจะเริ่มต้นอยู่ที่ 149 บาท ขึ้นไป

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะมาลองลิ้มลองความอร่อยนี้ ตัวร้านจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 ของ HABITO MALL ซอยสุขุมวิท 77 ใกล้กับ BTS อ่อนนุช โดยจะหยุดทุกวันจันทร์ และเปิดในวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-22.00 น. หรือท่านใดอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถแอด Line OA : @alakrbb KRBB THE BOUTIQUE BUTCHER หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เพจเฟซบุ๊ก : KRBB 

‘หมอกฤตไท’ เจ้าของเพจ ‘สู้ดิวะ’ โพสต์ซึ้ง ทุกอย่างจบเร็วกว่าที่คิด  ยังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่ทันได้ทำ หลังเตรียมจากไปช่วงกลางเดือนหน้า

(5 พ.ย.66) นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี เจ้าของเพจ สู้ดิวะ ผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งที่อายุยังไม่มาก ออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพตัวเองดีเยี่ยมเสมอมา ซึ่งโลกออนไลน์ต่างติดตามคุณหมอ ให้กำลังใจ ข้อคิดชีวิตเป็นเพื่อนใจกันมาตลอด

ล่าสุด คุณหมอกฤตไท ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

“ผมคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้วครับ ใครมีอะไรอะไอยากพูดอยากบอกผม เชิญได้เลยครับ ผมน่าจะไปช่วงกลางเดือนหน้า จากนั้นไว้เจอกันใหม่ชาติหน้านะครับ ณ ตอนนี้ผมพิมพ์ได้เท่านี้ก็เอาละครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดช่วง 30 ที่ผ่านมาครับ ขอโทษถ้าผมทำให้ใครไม่พอใจ”

“ผมคงไม่ได้ไปดู NBA ผมคงไม่ทันได้เข้าไปอยู่ในบ้าน อรสิริน Belive คงไม่ทันได้เจอพี่เพียวอีก จากนี้ฝากบ้าน ฝากพีม ฝากครอบครัวด้วยนะครับ ขอบคุณจากใจให้กับทุกคนที่ช่วยดูแลด้วยครับ”

ก่อนจะเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นภาพงานแต่งงานของคุณหมอ และแชร์โพสต์จุดเริ่มต้นการแชร์เรื่องราว หลังทราบว่าป่วยเป็นโรคร้าย พร้อมระบุว่า “จบเร็วกว่าที่คิดเนาะ”

ส่องจำนวนผู้ใช้งาน 'โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม' ในไทย ...มีจำนวนเท่าไรกันบ้าง?

จากงาน iCreator Conference 2023 ได้รวบรวมข้อมูลจำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียตัวท็อปในไทยไว้ โดยที่น่าสนใจคือยอดการใช้งาน LINE ที่จ่อติด Facebook รวมถึง TikTok ที่มีอัตราการเติบโตที่มากเลยทีเดียว

 

‘สหรัฐฯ’ ชี้ เยาวชนในประเทศ 2.8 ล้านคน ใช้ ‘ยาสูบ’ เกลื่อน พบ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ หนักสุด เตรียมใช้มาตรการควบคุมมากขึ้น

เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ รายงานจำนวนนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายในประเทศที่ใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบรวมอยู่ที่ราว 2.8 ล้านคนในปี 2023 โดยบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุดในหมู่เยาวชนอเมริกัน

รายงานระบุว่า ร้อยละ 25.2 ของนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายในสหรัฐฯ ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันสูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกวัน และร้อยละ 89.4 สูบบุหรี่ไฟฟ้าแบบปรุงแต่งรสชาติ โดยศูนย์ฯ เตือนว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบในรูปแบบต่างๆ ของเยาวชนนั้นไม่ปลอดภัย

ศูนย์ฯ ระบุว่า การเฝ้าติดตามทางสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับดำเนินยุทธศาสตร์ควบคุมยาสูบแบบอ้างอิงหลักฐาน เช่น การเข้าช่วยเหลือเยาวชนอย่างมีประสิทธิภาพ การรณรงค์ผ่านสื่อมวลชน ระเบียบข้อบังคับของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ และนโยบายป้องกันยาสูบที่ผ่านการพิสูจน์แล้วอื่นๆ อาจลดการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบของเยาวชนได้

‘พี่หมอกลาง’ ไขข้อสงสัย!! “ทำไมคนเราถึงอ้วนได้?” เพราะร่างกายสร้าง ‘ไขมัน’ ได้แบบไร้ขีดจำกัดไงล่ะ!!

(5 พ.ย.66) ผู้ใช้งานติ๊กต็อกชื่อ @d_klang ที่รู้จักในนาม ‘พี่กลาง หอสมุดแห่งชาติ’ หรือหลาย ๆ คนเรียกติดปากว่า ‘พี่หมอกลาง’ ได้โพสต์คลิปแชร์ความรู้จากการทำคลิปตอบคำถามทางการแพทย์ให้แก่คนที่สนใจและคอมเมนต์ถามเข้ามา ซึ่งคลิปนี้ ‘พี่หมอกลาง’ ได้ตอบคำถาม “ทำไมเราถึงอ้วน?” ว่า…

“ทุกคนคงคิดว่าพี่หมอจะตอบกลับว่าก็เพราะปากเราไง…แต่ไม่ใช่…เวลาที่เราตั้งคำถามว่าทำไมร่างกายของเรามันถึงเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ ซึ่งต้องขอย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคหิน เพราะว่ายีนของพวกเราตอนนี้ หากเทียบกับยุคหิน มันเปลี่ยนไปนิดเดียว มนุษย์พยายามเอาชนะธรรมชาติมาตลอด มันก็เลยวิวัฒน์ไปน้อยมาก เอาเป็นว่าร่างกายของพวกเราเป็นร่างกายของมนุษย์ยุคหิน…

ซึ่งยุคหินนั้นจะอยู่กันเป็น ‘แคมป์’ และอาหารในยุคนั้นก็ไม่อร่อย และก็หายากกว่ายุคนี้ ซึ่งสิ่งที่หาง่ายหน่อยก็คือผลหมากรากไม้ที่อยู่รอบ ๆ แคมป์ ซึ่งมันไม่ได้หวานฉ่ำ เพราะยุคนั้นไม่มีปุ๋ย ดังนั้นมันก็ขึ้นในป่าแบบตามมีตามเกิด รสชาติจะเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ อีกทั้งพลังงานยังต่ำ ดังนั้น อาหารที่ให้แคลอรี่เยอะกว่าคืออะไรรู้ไหม… คือ ‘เนื้อสัตว์’ เพราะมีทั้งโปรตีนและไขมัน แต่มันไม่ได้มีมาให้กินบ่อย ๆ เพราะผู้ชายในแคมป์ต้องออกไปล่าหามา 2 สัปดาห์ถึงจะมีมาให้กินซักที และความที่นาน ๆ จะได้อาหารพลังงานสูงเข้าสู่ร่างกายนี่แหละ ร่างกายมันก็เลยพยายามเก็บพลังงานสุดฤทธิ์ ทีนี้มันมีโมเลกุลในธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเวลาเก็บจะเก็บง่ายมาก เพียงแค่เอาพลังงานมาเปลี่ยนเป็นคาร์บอนแล้วก็ต่อ ๆ กัน แต่เวลาจะสลายออกมาใช้จะยากมาก ดังนั้นร่างกายจึงคิดว่าดีเลย…งั้นเก็บเป็นอันนี้แหละไม่รั่วไหลดี ซึ่งก็คือ ‘ไขมัน’ ร่างกายรักไขมันมากดั่งทองคำ…

แต่ทุกคนรู้ไหมทุกปฏิกิริยาในร่างกายเรามันจะมีสิ่งที่เรียก ‘Negatice Feedback’ คือถ้าสร้างออกมาเยอะเกินไป มันจะหยุดสร้าง แต่ไขมันเป็นสารชนิดเดียวที่ไม่มี Negatice Feedback จึงแปลว่าร่างกายสามารถสร้างไขมันได้แบบ ‘อันลิมิต’ เลย… ซึ่งตรงข้ามกับกล้ามเนื้อเพราะเวลาสร้างจะยากมาก เพราะโครงสร้างของกล้ามเนื้อมันซับซ้อน นอกจากนี้ เวลาที่เราพยายามจะสร้างกล้ามเนื้อ มันจะต้องเอาพลังงานยัดลงไปอีกถึงจะสร้างได้ แล้วพอมีกล้ามเนื้อเกิดขึ้น กล้ามเนื้อก็จะสูบพลังงานไปใช้เรื่อย ๆ ซึ่งร่างกายของเราจะเกลียดกล้ามเนื้อมาก เพราะมันผลาญพลังงาน  เพราะฉะนั้นร่างกายจะสร้างกล้ามเนื้อแค่จำเป็น แล้วก็ใส่ลิมิตในการสร้างไว้…

ดังนั้น ถ้าเรากินอะไรเข้าไปร่างกายจะเลือกเก็บเป็นไขมันก่อน แต่ถ้าต้องใช้จะใช้ไขมันเป็นอันดับสุดท้าย ทีนี้เวลาผ่านไปหลายล้านปี สังคมมนุษย์เปลี่ยนไปเยอะมาก อาหารการกินค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ อยากกินอะไรก็ต้องได้กิน เนื้อสัตว์ที่นาน ๆ จะได้กินสักที ปัจจุบันนี้ได้กินกันเกือบทุกมื้อ หรือผักผลไม้ฝาด ๆ เปรี้ยว ๆ เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแล้ว รสชาติจะหวานฉ่ำหมด ซึ่งทุกอย่างแคลอรี่สูงขึ้นหมดเลย อีกทั้ง มนุษย์เรายังขยับตัวน้อยลงมาก เพราะไม่ต้องออกไปล่าสัตว์แล้ว โดยพลังงานที่ได้จากการกินเข้าไป มันก็มีแนวโน้มที่มันจะเหลือ แล้วพอพลังงานเหลือร่างกายก็จะทำแบบยุคหินคือเก็บเป็นไขมันแบบที่เคยทำ ซึ่งก็คือแบบอันลิมิต

ด้วยปัจจัยเหล่านี้บางคนถึงอ้วนเป็นร้อยโลได้ ดังนั้น ไขมันที่สะสมเยอะ ๆ มันมีพิษภัยมากมาย…”

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ฉะ!! ‘ก้าวไกล’ ยกมาตรฐานสูงลิ่ว พอกรวดเข้าตาตัวเอง กลับมองไม่เห็น เขี่ยไม่ออก

(5 พ.ย.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า…

มาตรฐานสูงลิ่ว

พรรคก้าวไกลยกมาตรฐานไว้สูงลิ่ว แถมกดคนอื่นลงต่ำ แต่พอกรวดเข้าตาตัวเอง กลับมองไม่เห็น เขี่ยไม่ออก

ขว้างงูไม่พ้นคอ

ไล่ออกคนหนึ่งแต่อีกคนให้แก้ตัว สุดท้ายต้องอ้อนวอนให้ลาออก หากจะไล่ซ้ำสองทำได้ไหม

อย่าดรามาสร้างเฟสสีดำ ติดโบว์ขาว ปกป้องสตรี

ก่อนโหวตทำไมไม่คิด ตอนนี้มาขอร้องให้ลาออก ช้าไปแล้ว คนรู้ทันทั้งแผ่นดิน แก้ตัวไม่ขึ้น

ไม่อยากขยี้ แค่ขัดใจคนรุ่นใหม่

เรียกร้องความเป็นธรรมจากคนอื่น แต่ฝ่ายตัวเองสารพัดแก้ตัว

ขอถามหาความเป็นธรรมของผู้ถูกละเมิด อยู่ที่ไหน ความโปร่งใส ต้องเปิดเผย ไม่มีความลับ มีไหม อยู่ที่ไหน อะไรคือมาตรฐานที่แตกต่างจากคนอื่น

'หยุ่น' โพสต์!! 'ลุงตู่-อุ๊งอิ๊ง' ทักทายในงานแสดงโขน ชวนคิด "ดูการเมือง ก็เหมือน ดูโขน ดูละคร"

(5 พ.ย.66) นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suthichai Yoon' ระบุว่า…

ดูการเมืองก็เหมือนดูโขนดูละคร!

พล.อ.ประยุทธ์ กับ ครอบครัว ‘ชินวัตร’ แพทองธาร-พินทองทา พร้อมสามีของทั้งคู่ ทักทายกัน ระหว่างการเดินทางไปชมการแสดงโขนรอบปฐมทัศน์ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา (จาก Jin Somroutai ช่อง 3)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top