Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรีตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 1,380,000เม็ด ผู้ต้องหา 6 คน พร้อมรถยนต์ 1 คัน

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้าล๊อตใหญ่ จำนวน 4 กระสอบ จำนวน 1,380,000 เม็ด และขยายผล จับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ จำนวน 6 คน พร้อมรถยนต์กระบะ ที่ใช้ขนยาบ้าจากขบวนการค้ายาข้ามชาติ จำนวน 1 คัน พร้อมรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน บริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้านท่าสีไค ตำบลดงบัง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย พันเอก สุริวัชร์  อัครพรเดชาพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 เป็นผู้แทน พลตรี นรธิป โพยนอก ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ส่วนแยก 1 พร้อมด้วยหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ แถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 4 กระสอบ จำนวน  1,380,000 เม็ด และขยายผลจับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ จำนวน 6 คน พร้อมรถยนต์กระบะ ที่ใช้ขนยาบ้าจากขบวนการค้ายาข้ามชาติ จำนวน 1 คัน และรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน บริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้านท่าสีไค ตำบลดงบัง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ 

โดยในห้วงที่ผ่านมาพันเอก สุริวัชร์  อัครพรเดชาพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไม่ทราบจำนวน จากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติล๊อตใหญ่จากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามายังฝั่งประเทศไทย บริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง พื้นที่บ้านท่าสีไค ตำบลดงบัง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เพื่อลำเลียงขนส่งเข้าสู่พื้นที่ตอนในให้กับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดภายในประเทศ จึงสั่งการให้ร้อยโท โกวิทย์ วงษ์แสง ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2108 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 ทำการบรูณากำลังวางแผนร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ทำการลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจตามภาพข่าวที่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์กระบะสีดำขับออกจาก บริเวณที่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเป็นเพื่อขอเข้าตรวจสอบรถต้องสงสัย แต่รถยนต์คันดังกล่าว ได้เร่งเครื่องหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามเส้นทางบ้านท่าสีไค้ ตำบลดงบัง แต่คนขับรถยนต์ได้หักรถยนต์ต้องสงสัยลงข้างทาง และวิ่งหลบหนีไป หน่วยจึงประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ 

เพื่อเข้าร่วมตรวจสอบรถคันดังกล่าว ตรวจพบสิ่งของต้องสงสัย จำนวน 4 กระสอบ จึงได้ทำการตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัย ผลการตรวจสอบ พบเป็นยาเสพติดประเภทที่ 1(ยาบ้า) บรรจุอยู่ภายใน จึงได้ทำการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว มายังกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2108 เพื่อทำการตรวจนับอย่างละเอียด จากขยายผลในครั้งนี้หน่วยพร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้ร่วมจับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติเป็นชายไทย จำนวน 6 คน พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 4 กระสอบ จำนวน 1,380,000 เม็ด รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่น ไตรตัน สีดำ ทะเบียน บล 3098 กาฬสินธุ์ จำนวน 1 คัน และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ เวฟ 100 ไอ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน หน่วยพร้อมหน่วยงานความมั่นคงจึงร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาพร้อมตรวจยึดของกลางทั้งหมดส่งให้ สภ.เหล่าหลวงจังหวัดบึงกาฬ เพื่อดำเนินการตามกกหมายต่อไป

‘เหยื่อ สส.ปูอัด’ ซัด!! เจ้าตัวไม่สำนึก เผยข้อมูลสู่สาธารณชน-ซ้ำเติมเหยื่อ ลั่น!! ผิดหวัง 22 สส.ก้าวไกล อุ้มคนผิด-เพิกเฉยต่อความรุนแรงทางเพศ

(4 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ก.เนอส ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล และ รองโฆษกสภากทม. ได้รีโพสต์ ผู้ใช้ X (ทวิตเตอร์) เปิดเผยจดหมายเปิดผนึกของผู้เสียหาย กรณี นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล เพื่อไว้อาลัยให้กับการละเลยในการตระหนักเรื่องความรุนแรงทางเพศ โดยมีเนื้อหาว่า…

“จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อไว้อาลัยให้กับความละเลยของคุณ ในการตระหนักถึงประเด็นความรุนแรงที่เกิดจากการคุกคาม การล่วงละเมิดทางเพศและความเหลื่อมล้ำทางเพศในสังคมปัจจุบัน

ดิฉันเห็นว่าประเด็นความรุนแรงและความเหลื่อมล้ำทางเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ อย่างไรก็ตามประเด็นเหล่านี้ เป็นประเด็นที่บุคคลที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘ตัวแทนของประชาชน’ จำเป็นต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

จากเหตุผลข้างต้นทําให้ดิฉันรู้สึกผิดหวังในผลการลงคะแนนเสียงเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งเผยให้เห็นว่าสมาชิก ผู้แทนราษฎร 22 คน ในพรรคก้าวไกล ยังไม่ตระหนักถึงความรุนแรงจากการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้น

นอกจากนั้น ยังเพิกเฉยต่อทัศนคติที่คับแคบและขาดความรับผิดชอบของผู้กระทำ การพิจารณาคดีอย่างเหมาะสม สําหรับกรณีความรุนแรงทางเพศจำเป็นต้องมีการสอบสวนถึงปัจจัย หลักฐาน และเจตนาของผู้กระทำ

ดิฉันมีความ พยายามอย่างเต็มที่ในการมอบหลักฐานทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงเจตนาที่ชัดเจนของผู้กระทำในการล่วงละเมิดทางเพศ

ความคาดหวังของดิฉัน คือ การที่สมาชิกผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ซึ่งมักยกย่องตนเองว่าเป็นผู้มีการศึกษา มี เกียรติ และมีความตระหนักรู้ถึงประเด็นต่างๆในสังคม ใช้วิจารณญาณและจิตสำนึกความเป็นเพื่อนมนุษย์ในการ ตัดสินโดยพิจารณาจากหลักฐานทั้งหมด

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังจนทำให้ดิฉันเกือบจะสิ้นหวัง เพราะผลลัพธ์นั้นแสดงให้เห็นว่าสมาชิกบางท่านได้ปล่อยให้แรงจูงใจส่วนบุคคล บ่อนทําลายการแสวงหาความยุติธรรม

ขณะนี้สังคมจําเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่เพิกเฉยต่อกรณีการล่วงละเมิดทางเพศ และไม่ควรหาคำแก้ตัวใดๆ ที่พยายามลดความรุนแรงของพฤติกรรมดังกล่าว การล่วงละเมิดทางเพศเป็นสิ่งที่ผิดอย่างแน่ชัดและปฏิเสธไม่ได้

การกระทํา ที่ทำให้ผู้อื่นตกเป็น ‘วัตถุทางเพศ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระทำโดยบุคคลในตำแหน่งที่มีอำนาจเหนือกว่า สามารถ ให้คุณ ให้โทษได้ ถือเป็นความผิดร้ายแรง

ดิฉันเห็นว่าการกระทำเหล่านี้เป็นการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยเจตนาว่าคนเหล่านั้นไม่มีความสำคัญ ลดทอนคุณค่า และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างหาที่สุดไม่ได้ การกระทำนี้เป็น สิ่งที่ ‘น่ารังเกียจ’ ส่งผลทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างใหญ่หลวงต่อผู้เสียหาย

ความอยุติธรรมที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การที่ผู้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ตระหนักรู้ถึงความผิดนั้น นอกจากนั้นยังมีการกล่าวหาและนำข้อมูลส่วนตัวของดิฉันออกสู่สาธารณชน การกระทำเหล่านี้เป็นการโยน ความผิดและผลักภาระในการพิสูจน์ความจริงมาที่ผู้ร้องโดยตรง

ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ตามหลอกหลอน ผู้ถูกกระทำแม้กระทั่งหลังจากที่ได้รับความยุติธรรมแล้วก็ตาม และมีเพียง ‘เหยื่อ’ เท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ ผลกระทบที่เจ็บปวดอย่างหาที่สุดไม่ได้จากการล่วงละเมิดทางเพศ

จากสิ่งที่ดิฉันได้ชี้แจงข้างต้น ดิฉันขอวิงวอนให้ทุกท่านพิจารณาอีกครั้งว่า บุคคลนี้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนราษฎรหรือไม่ ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ว่า ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดกับคนใกล้ชิด คนสนิท พี่สาว น้องสาว ลูกสาวหรือภรรยาของคุณ

คุณจะยังยินดีที่สนับสนุนบุคคลที่คุกคามทางเพศหรือไม่ คุณยังยืนยันที่จะเข้าข้างเพื่อนของคุณหรือไม่ คุณเป็นเพียงนักการเมืองที่มีอคติอีกคนที่ปล่อยให้ผลประโยชน์ส่วนตัวกลืนกิน จิตสำนึกของคุณหรือไม่ หรือคุณจะเป็นนักการเมืองที่ยืนอยู่บนหลักการ ความจริง และความถูกต้อง

การตัดสินใจของคุณในครั้งนี้สะท้อนมุมมองและทัศนคติของคุณ รวมถึงอุปนิสัยและความจริงใจในการตระหนักถึง ความรุนแรงในการคุกคามทางเพศ

นอกจากนี้ ผลลัพธ์จากทางเลือกที่คุณตัดสินใจยังทำหน้าที่เป็น เครื่องเตือนใจ ว่าคุณได้ล้มเหลวในความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้แทนราษฎรที่ดี และไม่สามารถเป็นผู้แทนราษฎรที่ประชาชนไว้ใจอีกต่อไป”

ด้วยความนับถือ

ผู้เสียหาย

ดื่มด่ำ 'อาหาร-บาร์' แนวยูโรเปียน ใต้กลิ่นอาย ‘สไตล์ฝรั่งเศส’ ตอบโจทย์สาย 'ชิล-แชะ-ปาร์ตี้' ที่เดียวจบ ในย่านสาทร

วันนี้ THE STATES TIMES ขอพามาแนะนำ ‘Le Café des Stagiaires’ ร้านอาหารและบาร์สไตล์ยูโรเปียน ตกแต่งด้วยการเล่นสีให้ตัวร้านและการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการออกแบบภาพรวมที่ให้อารมณ์ราวกับนั่งอยู่ร้านแถวยุโรปยังไงยังงั้น!!

Le Café des Stagiaires เสิร์ฟอาหารสไตล์ยูโรเปี้ยน โดดเด่นด้วยเมนูแนวฝรั่งเศส และ เบลเยียม ที่พิถีพิถันอย่างพิเศษ ... ขอบอกแต่ละเสิร์ฟนี่มาเยอะ เหมาะแก่การแชร์ทานกันบนโต๊ะอย่างมากเลยด้วย

สำหรับเมนูแนะนำที่อยากให้ลองเลยคือ ‘Risotto Truffle & Mushroom’ (480 บาท) ตัว Risotto นุ่มๆ ประกอบกับกลิ่นของทรัฟเฟิลที่หอมละมุน กลิ่นหอมรสชาติเข้มข้นมากๆ และสำคัญอย่างที่บอกให้มาในปริมาณที่เยอะจริงๆ!!

ส่วนราคาอาหารขอบอกไปเลยว่า ค่อนข้างเหมาะสมกับคุณภาพและบรรยากาศที่ได้รับเลย เมื่อเทียบกับร้านแนวๆ เดียวกันในย่านนี้ที่ราคาจะค่อนข้างสูง แต่ที่นี่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 100+ เท่านั้นเอง

ข้ามมาในส่วนของบรรยากาศสักหน่อย ภายในตัวร้านจะมีทั้งโซน Outdoor, Indoor และ Bar ส่วนตัว ไว้ให้ผู้มาใช้บริการได้นั่งกันตามความชอบ แต่แอดมินขอแอบกระซิบว่าถ้าใครอยากได้รูปทำคอนเทนต์ แนะนำให้นั่งโซนฮิต อย่าง Outdoor บอกเลยว่าโซนนี้ถ่ายรับแสงตอนกลางวันแล้วสวยสุดๆ!!

ในส่วนของกิจกรรมภายในร้านก็น่าสนใจ เพราะเขามี ‘บอร์ดเกมส์’ เตรียมไว้ให้ลูกค้าได้มานั่งเล่นกันอีกด้วย ส่วนตัวแอดมินไปมาแล้วได้พูดคุยกับเพื่อนใหม่ชาวต่างชาติ แลกเปลี่ยนภาษากันได้อีก

นอกเหนือจากนี้ทางร้านยังมีพื้นที่รับรองสำหรับลูกค้าที่ต้องการมาใช้บริการแบบปาร์ตี้ สามารถรองรับได้สูงสุดถึง 50 คนเลยทีเดียว

หรือหากใครเป็นสายแดนซ์บนฟลอร์เต้นรำที่ร้านก็มีพื้นที่ให้ได้ออกมาระเบิดความสนุกด้วยการเต้นไปพร้อมกับระบบเสียง และดิสโก้บอลขนาดใหญ่ที่ร้านจัดเตรียมไว้ให้อีกด้วย

ส่วนใครที่เป็นสายนั่งชิล แนะให้ไปทาน Brunch ในช่วงตอนกลางวันก็สามารถไปทานรับบรรยากาศในวันพักผ่อนได้ ไพรเวตอยู่จ้า (เมนู Brunch จะให้บริการถึง 16:00 น.

สำหรับเวลาให้บริการของ Le Café des Stagiaires:
จันทร์-ศุกร์ ให้บริการตั้งแต่ 16:00-21:00 น.
เสาร์-อาทิตย์ ให้บริการตั้งแต่ 11:00-21:00 น.

พิกัด: สาทร ซอย 12

การเดินทาง: ลง BTS เซนต์หลุยส์ เดินต่อมานิดเดียว หรือสำหรับท่านที่นำรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถจอดรถยนต์ที่โรงแรมตรงข้ามได้เลย

ติดต่อสอบถาม
โทร: 096-945-5408 (แนะนำให้โทรมาจองก่อน)
Facebook: Le Café des Stagiaires - Bangkok

ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก https://cafestagiaires.co.th

ย้อนอดีตการยึดสถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศอิหร่าน เมื่อ ‘เตหะราน’ เชื่อ ‘สหรัฐฯ’ กำลังเข้ามาแทรกแซง ปท.

มองต่างมุม ‘กรณีการยึดสถานทูตสหรัฐฯ ณ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน’

การยึดสถานทูตสหรัฐฯ ณ กรุงเตหะราน ของนักศึกษาอิหร่าน เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 นั้น รัฐบาลสหรัฐฯได้ยืนยันว่า กิจกรรมของสถานทูตสหรัฐฯในอิหร่านเป็นเรื่องปกติ โดยอธิบายว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวอิหร่านที่ยึดสถานทูตว่าไร้เหตุผลและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ อ้างตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ในอนุสัญญาเวียนนาปี 1963 มีข้อปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับสถานทูตต่างประเทศ และเอกสิทธิ์คุ้มครองของสถานทูตต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม อนุสัญญายังได้ระบุด้วยว่า เมื่อสถานทูตของประเทศใดที่ได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองนี้ จะต้องปฏิบัติตามในสองประเด็นนี้ด้วย

อุปกรณ์สื่อสารภายในสถานสหรัฐฯซึ่งทางการอิหร่านเชื่อว่า 
มีขีดความสามารถในการดักฟังการสื่อสารของทางการอิหร่าน

ประเด็นแรกคือ การเคารพต่อกฎหมายของประเทศเจ้าบ้านที่สถานทูตนั้น ๆ ตั้งอยู่ ดังนั้นแม้ว่า สถานทูตสหรัฐฯจะมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานทูตสหรัฐฯจะสามารถละเมิดกฎหมายของประเทศเจ้าบ้านได้

Operation Eagle Claw ยุทธการกรงเล็บอินทรี เพื่อช่วยเหลือตัวประกันอเมริกัน
แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และกลับต้องประสบความสูญเสียอย่างหนักแทน
อ่านได้ที่ https://www.facebook.com/doctoryothin/posts/pfbid0PS3swT2M1fRC5JnuEFE3APpDQjagekjPAf7XM8wMNo93ZX5Go2cv3VBad8rtvmJal

ประเด็นที่สองคือ เจ้าหน้าที่ทางการทูตอเมริกันไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศเจ้าบ้าน เจ้าหน้าที่ทางการทูตอเมริกันได้ละเมิดประเด็นเหล่านี้ในอิหร่านมาหลายปีแล้ว (เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ทางการทูตอเมริกันยังคงปฏิบัติอยู่จนทุกวันนี้)

เริ่มจากประการแรกรัฐบาลสหรัฐฯให้การสนับสนุนการก่อรัฐประหารในอิหร่าน ปี พ.ศ. 2496 จนเกิดการเปลี่ยนรัฐบาลของอิหร่าน ประการต่อมา มีเอกสารหลายร้อยฉบับที่พิสูจน์ถึงการแทรกแซงกิจการภายในของอิหร่านโดยรัฐบาลสหรัฐฯ

แม้ว่า การยึดสถานทูตสหรัฐฯ ณ กรุงเตหะราน จะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่ขบวนการนักศึกษาอิหร่านเชื่อว่า อาคารนั้นไม่ใช่สถานทูตจริง ๆ เพราะกิจกรรมมากมายหลายอย่างในอาคารนั้นบ่งบอก และหลายคนเชื่อว่าหากไม่ยึดสถานทูตสหรัฐฯ อาจเกิดการรัฐประหารในอิหร่านขึ้นซ้ำอีก ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลอเมริกันยังคงสนับสนุนชาห์ปาเลวีต่อ แม้หลังจากการล่มสลายของระบอบการปกครองของพระองค์จนกระทั่งสิ้นพระชนม์

‘วปอ.66’ จัดกิจกรรมเพื่อสังคม ‘มอบทุน-สิ่งของเครื่องใช้’ ร่วม 5 แสนบาท พิกัด!! รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์

(4 พ.ย. 66) ‘วปอ.66’ ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม ส่งมอบสิ่งของและปัจจัย เพื่อใช้เป็นสาธารณประโยชน์ แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา มูลค่าโดยประมาณ 5 แสนบาท ซึ่งงานนี้มีผู้ใหญ่ใจดีมาเป็นผู้ร่วมสนับสนุนกิจกรรมมากมาย อาทิ...

1.) ศาสตราจารย์สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (คุณเอ้ หมู่ไก่ฟ้า) ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารในพระสังฆราชูปถัมภ์ มอบเครื่องผลิตออกซิเจน 2 หัว ระบบดิจิทัล จำนวน 2 เครื่อง

2.) คุณวิกร ภูวพัชร์ (คุณหรั่ง หมู่นกเค้าแมว) ประธาน บริษัท ฟังก์ชันอินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด มหาชน มอบเครื่องกรองน้ำจำนวน 4 ชุด

3.) คุณวราภรณ์ วีระภุชงค์ (คุณเปิ้ล หมู่นกยูง) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด มอบเวชภัณฑ์จำนวน 9 กล่อง

4.) คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี (คุณหนุ่ม หมู่ช้าง) กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มอบเงิน 1 แสนบาท

สำหรับ ‘วปอ.66’ ถือเป็นหลักสูตรที่รวบรวมบุคคลที่ทรงคุณค่าเพื่อสังคมและประเทศชาติ ด้วยการนำศักยภาพของกลุ่มนักศึกษา วปอ.66 มาช่วยเป็นกลไกสำคัญในการให้ความร่วมมือแบบองค์รวม ที่ทุกภาคส่วนจะต้องนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาระดับนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความมั่นคง, เศรษฐกิจ, สังคม รวมถึงความเหลื่อมล้ำ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลทุกมิติ

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม CSR ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมหลัก เพื่อที่จะต่อยอดในกิจกรรม CSV ต่อไปอีกด้วย

 

 

 

 

 

‘เศรษฐา’ เคาะ!! 10 พ.ย.นี้ แถลงดิจิทัลวอลเล็ตชัดเจน แย้มใช้ ‘แอปฯ เป๋าตัง’ ร่วม เพิ่มความสะดวกให้ประชาชน

(4 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ถึงความคืบหน้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า วันที่ 10 พ.ย.นี้ รู้เรื่องทุกอย่าง อย่างที่ตนเรียนแล้วไม่ได้ไปว่าใครที่ไปพูดอะไรทั้งสิ้น วันนี้การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ วันที่ 10 พ.ย.นี้ จะรู้ที่มาที่ไปทุกอย่าง มีขั้นตอนไทม์ไลน์กฎกติกาที่ชัดเจนและต้องให้เกียรติคณะกรรมการด้วย

ซึ่งตนอยากให้เป็นไปตามขั้นตอน เพราะเดี๋ยวจะเกิดความสับสน อย่างที่บอกเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องสำคัญ อาจจะมีความเห็นต่างบ้าง แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ลักษณะหรือขอบเขต หรือปริมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไหร่อย่างไรก็ต้องมาพูดคุยกัน อย่างที่ตนยืนยันตลอดเวลาว่าหากใครมีข้อเสนอแนะก็รับฟังตลอด และการรับฟังก็ไม่ใช่การรับฟังเฉยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายนี้ดูเหมือนจะเป็นการเดิมพันฝีมือก้าวต่อไปของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าให้ประชาชนเป็นคนตัดสินจะดีกว่า ทุกนโยบายสำคัญ และกรณีที่สื่อบางสำนักได้ทำโพลสำรวจมา เห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นสิ่งสำคัญ ดิจิทัลวอลเล็ตก็เป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งตนก็ได้ประชุมไปแล้วในเรื่องของหนี้ครัวเรือน เรียกนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาหารือ และตนก็เป็นรมว.คลังด้วย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ รวมไปถึง 30 บาทรักษาทุกโรค มีหลายเรื่องสำคัญ และเห็นว่าทุกเรื่องเป็นเดิมพันหมด แม้แต่เรื่องการบริหารจัดการน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกษตรกร 30-40 ล้านคน รอเรื่องนี้อยู่ ภาคอุตสาหกรรมและเรื่องอีอีซีก็เป็นเดิมพันด้วย ไม่มีเรื่องอะไรที่ตนจะด้อยค่า ซึ่งต้องทำเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง

วันนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ก็ทำงานหนัก แต่เวลามีไมค์มาจ่อปากท่านก็ต้องตอบ แต่ก็เป็นเรื่องที่เราอยู่ระหว่างการทำงาน ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง พูดวันนี้อย่างแต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยน แต่มาหาว่าท่านพูดกลับไปกลับมามันไม่ใช่ เพราะมันอยู่ระหว่างการคุย เวลาไปคุยกับแบงก์ชาติเขามีข้อเสนอกลับมา ก็กลับมาบอก เมื่อสื่อเอาไมค์จ่อปากเขาก็พูดว่ารับฟังแบงก์ชาติรับฟังสภาพัฒน์ฯ ก็มาบอกว่าพูดจาไม่รู้เรื่อง

นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อมีคำเตือนมาตนก็รับฟัง สื่ออาวุโสหลายท่านก็เตือนมา ผู้ว่าฯแบงก์ชาติก็บอกไม่ได้ติดอะไรแต่ให้ระวังในเรื่องนี้ ให้เขียนภาพระยะยาว เวลาที่ออกมาแล้วจะกระทบกับเศรษฐกิจในเชิงบวกอย่างไร รวมถึงการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ดังนั้นเวลาที่จะแถลงก็ต้องแถลงให้ครบทั้งหมด เมื่อเวลามีคำถามอะไรตนจะได้ตอบได้ แต่ก็เห็นใจนายจุลพันธ์ ทำงานหนักมาก ในฐานะที่ดูแลเรื่องนี้และไปคุยกับทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันก็ยังมีกฤษฎีกาด้วย เยอะแยะเต็มไปหมด รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย ที่เราได้หาเสียงและพูดอะไรไป ก็ต้องไปปรึกษาเมื่อมีข้อคิดเห็นมาเราก็ต้องฟัง

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมาจากนักธุรกิจประชาชนก็คาดหวังสูงในเรื่องเศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้น นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจแบบนั้นหรือไม่ว่าภายในกี่เดือนประชาชนจะยิ้มอย่างมีความสุข นายเศรษฐากล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ความตั้งใจของตนอยากให้ยิ้มทุกวัน อยากให้ยิ้มเร็วๆ ตนกระตือรือร้น มีความอยากจะทำ แต่ไม่ได้หมายว่าจะทำไม่ได้ นิสัยของตนไม่ใช่คนแบบนั้น ตนก็อยากทำให้ได้ ทุกคนก็รู้ดีมันไม่ได้อยู่ที่ตนคนเดียว ซึ่งก็มีปัญหาต่างๆเข้ามาและมีปัจจัยภายนอกรุมเร้าเยอะ

เมื่อถามว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเดินหน้าต้องระวัง ถอยหลังก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าพูดอย่างนั้นก็หมายความว่าตนมีความคิดที่จะถอยหลัง ตนไม่ได้คิดจะถอยหลังเลย ฉะนั้นจะต้องทำ และต้องทำออกไปให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องตามกฎหมายที่สุด ให้คนได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งสาธารณชนต้องเข้าใจด้วยว่าระบบนี้วิธีการนี้ ไม่มีการคอร์รัปชัน ในเชิงปฏิบัติไม่มีที่ให้ประชาชนต้องสงสัยว่าใครได้อะไร เป็นเรื่องที่ธรรมดา เรื่องทุจริต ประพฤติมิชอบ ตนก็ไม่สบายใจ แต่ไม่ต้องห่วง 

ส่วนแอปพลิเคชันเป๋าตังมีส่วนร่วมแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของการให้ความสะดวกและง่ายให้กับประชาชนใช้นโยบายนี้ได้อย่างสบายใจ

ส่วนการกำหนดพื้นที่การใช้ หรือการระบุให้ถอนใช้เป็นเงินสด แล้วไปใช้ที่จังหวัดอื่น ตนบอกว่าไม่ได้ อย่างที่ จ.เชียงใหม่หรือ กทม. เมืองเหล่านี้มันเขียวอยู่แล้ว ตนอยากให้ไปใช้ในเมืองที่มีจีดีพีรายได้ต่อหัวต่ำ อยากให้หญ้าพื้นที่ตรงนั้นเขียว ก็จะทำให้ชุมชนและเศรษฐกิจพื้นที่เหล่านั้นเฟื่องฟูลืมตาอ้าปากได้ ส่วนที่มีการบอกว่าให้ไปซื้อของออนไลน์ได้นั่น ตนตอบไม่ได้หมดตรงนี้

นายเศรษฐา กล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ พวกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้มีความรู้ต่างๆมากมายที่ให้คำแนะนำ ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องรับฟังทุกส่วนและเป็นคนตัดสินว่าตรงไหนมีความเหมาะสมมากที่สุด ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไม่ทำ ไม่รับฟังหรือดื้อที่จะทำ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่คณิตศาสตร์เพราะคณิตศาสตร์ 1+1 เป็น 2 ส่วนเศรษฐศาสตร์เขามีมุมมองแต่ละคนอย่าง ที่ตนคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เราคุยกันแบบผู้ใหญ่ เราคุยกันด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน ถามว่าเห็นตรงกันทุกเรื่องไหมก็ไม่ใช่ ตนก็ยอมรับ แต่เราคุยกันด้วยดี และมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน สำคัญที่สุดอะไรต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน วันนี้ประชาชนเดือดร้อนกันมากแล้วอย่างที่บอกไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าจีดีพีเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.8% มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขตรงนี้และทำให้และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น”

นายกฯ กล่าวว่า เรามาวันนี้ มาตรงนี้เพื่อที่จะทำ ซึ่งเรื่องความยุติธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารจัดการปัญหาเหล่านี้ต้องไม่ให้สังคมมีข้อกังขาก็พยายามทำให้ดีที่สุด หลายเรื่องก็ต้องพยายามทำไป วันเสาร์อาทิตย์รัฐมนตรีหลายท่านก็ทำงาน ไม่มีที่จะไม่เห็นความสำคัญเรื่องเหล่านี้

เมื่อถามว่านายกฯ ทำงานไม่เหน็ดไม่เหนื่อยตามที่เคยระบุไว้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่มีสิทธิ์เหนื่อย อาสาเข้ามาแล้วก็ต้องทำ ถ้าเหนื่อยก็พักไม่เป็นไร”

‘อิสราเอล’ ถล่มโรงเรียนในกาซา ปชช.ทั้งเด็ก-ผู้หญิง หนีตายระทึก พบผู้เสียชีวิตแล้ว 20 ราย อ้าง!! เป็นฐานปฏิบัติการลับของกลุ่มฮามาส

(4 พ.ย. 66) จากเหตุโจมตีโดยอิสราเอล ที่เล็งเป้าหมายเล่นงานโรงเรียนแห่งหนึ่งทางเหนือของกาซา เบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน จากการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขที่บริหารงานโดยฮามาส ในดินแดนปาเลสไตน์แห่งนี้ ในตอนเช้าวันเสาร์ (4 พ.ย.) แต่ฝ่ายอิสราเอลอ้างว่าโรงเรียนดังกล่าวถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของพวกนักรบ

“พบผู้เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บหลายสิบคน ที่ถูกส่งมาโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ในกาซา ซิตี หลังมีการเล็งเป้าหมายโดยตรงใส่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นค่ายพักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ในพื้นที่อัล-ซาฟตาวี ทางเหนือของกาซา” กระทรวงสาธารณสุขกาซาแถลง “กระสุนปืนครกยิงจากรถถัง ตกใส่โรงเรียนซึ่งเป็นเป้าหมายโดยตรง”

สำนักข่าวสกายนิวส์ ได้ตรวจสอบวิดีโอ เป็นภาพที่เผยให้เห็นว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากในโรงเรียน แต่ไม่สามารถระบุถึงต้นเหตุได้ และเวลานี้กำลังรอถ้อยแถลงชี้แจงจากกองทัพอิสราเอล

ภาพในวิดีโอพบเห็นความตื่นตระหนกเกิดขึ้นทั่วจุดเกิดเหตุ บางส่วนพยายามวิ่งหนี ทั้งนี้พบเห็นชายคนหนึ่งเอามือกุมศีรษะในอารมณ์ช็อกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนผู้หญิงอีกคนพบเห็นกำลังคลุ้มคลั่งมอบไปรอบๆ เอามือปิดปากไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติ ระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หลังจากมีการยิงระเบิดทิ้งบอมบ์ถล่มพื้นที่บริเวณดังกล่าวอย่างหนักในช่วง 2 วันก่อนหน้านั้น

“ในวันเดียวกัน ค่ายพักพิงอีกแห่ง Beach Refugee Cam ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน มีรายงานเด็กเสียชีวิต 1 ราย ทั้ง 2 จุดต่างตั้งอยู่ในทางเหนือของฉนวนกาซา” ถ้อยแถลงระบุว่า “ลงไปทางใต้ โรงเรียน 2 แห่งที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นค่ายพักพิงชั่วคราวก็ถูกโจมตีเช่นกัน มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 คนและบาดเจ็บ 31 ราย”

ที่ผ่านมา กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล อ้างความชอบธรรมในการโจมตีอาคารต่างๆ อย่างเช่นโรงพยาบาล โรงเรียนและสุเหร่าในกาซา โดยอ้างว่า ฮามาสใช้สถานที่แห่งนี้สำหรับจุดประสงค์ในด้านปฏิบัติการ

เหตุการณ์โจมตีโรงเรียนในวันเสาร์ (4 พ.ย.) เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากปฏิบัติการทางอากาศของอิสราเอลโจมตีใส่รถฉุกเฉินคันหนึ่ง ซึ่งกำลังอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากทางเหนือของกาซาที่ถูกปิดล้อม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย และบาดเจ็บ 60 คนในวันศุกร์ (3 พ.ย.)

กองทัพอิสราเอลรุดชี้แจงว่า พวกเขาตรวจพบและโจมตีเข้าใส่รถฉุกเฉินคันหนึ่ง ซึ่งถูกใช้งานโดยเครือข่ายก่อการร้ายฮามาสในเขตสู้รบ กองทัพบอกว่าพวกนักรบฮามาสถูกปลิดชีพในเหตุโจมตีดังกล่าว พร้อมกับกล่าวหาว่ากลุ่มนักรบกำลังใช้รถฉุกเฉินคันดังกล่าว ลำเลียงกำลังพลและอาวุธ

นอกจากนี้ เหตุการณ์โจมตีโรงเรียนยังเกิดขึ้นไม่กี่วัน หลังจากอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในเมืองจาบาเลีย ทางเหนือของกาซา ซิตี สังหารผู้คนไปอย่างน้อย 195 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ออกมาเตือนว่า การกระทำของกองทัพอิสราเอลครั้งนี้อาจเข้าข่ายเป็น ‘อาชญากรรมสงคราม’

5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ในหลวง ร.9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เสด็จฯ โดยรถไฟ เยี่ยมพสกนิกรชาวขอนแก่น

วันนี้ เมื่อ 68 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟพระที่นั่ง เยี่ยมพสกนิกรจังหวัดขอนแก่นเป็นครั้งแรก

ภายหลังจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสร็จสิ้นพระราชภารกิจจาการศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และได้เสด็จนิวัตมาประทับในพระราชอาณาจักรไทยเป็นการถาวรแล้ว จึงกำหนดการ 'เสด็จฯ เยี่ยมราษฎร' ในทุกภูมิภาคทั่วราชอาณาจักรขึ้น 

โดยปฐมแห่งการเสด็จฯ ได้ออกไปทรงเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคแรก ระหว่างวันที่ 2-20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 

โดยในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 พระองค์ได้เสด็จฯ โดยรถไฟ เยี่ยมพสกนิกรจังหวัดขอนแก่น เป็นครั้งแรก 

ซึ่งชาวขอนแก่นได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายถนนเส้นทางสายสำคัญเพื่อเป็นอนุสรณ์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่พระองค์ ในชื่อ 'ถนน 5 พฤศจิกายน'

6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงออกผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วันนี้ เมื่อ 45 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงผนวชตั้งแต่ครั้งยังดำรงพระราชอิสริยยศ ‘สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร’ ด้วยทรงมีพระทัยศรัทธาจะอุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ทรงผนวช ณ พัทธสีมาพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เสร็จแล้วเสด็จไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระมหารัชมงคลดิลก (บุญเรือน ปุณฺณโก) เป็นพระอภิบาล ทรงได้รับพระนามฉายาว่า ‘วชิราลงฺกรโณ’ และผนวชอยู่ 15 วัน จึงทรงลาผนวช

‘วราวุธ’ ย้ำ!! พฤศจิกายนเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรง ชวนคนไทย สร้างความอบอุ่นต่อ ‘เด็ก-สตรี-บุคคลในครอบครัว’

(4 พ.ย.66) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็น ‘เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว’ และวันนี้สังคมไทยของเรามีความเปราะบางมากเหลือเกิน ความเข้มแข็งความอบอุ่นในครอบครัว เป็นเกราะป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับเด็กและเยาวชนของเรา ความอบอุ่นของครอบครัวนั้นจะมาจากการเริ่มยุติความรุนแรงเสียก่อน แต่ไม่ใช่ยุติความรุนแรงแค่เดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น แต่เราต้องยุติความรุนแรงในทุกวันทุกปีและตลอดไป เพื่อให้เด็กและเยาวชนของเรานั้นเติบโตมาในครอบครัวที่มีความอบอุ่น ปกป้องสิทธิของสตรีและดูแลสมาชิกทุกคนในครอบครัว เราต้องมาช่วยกันรณรงค์ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็น ‘เดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว’

รมว.พม. กล่าวว่า สำหรับสัญลักษณ์ริบบิ้นสีขาว ‘White Ribbon’ เป็นสัญลักษณ์สากลที่ใช้ในการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว เพื่อแสดงจุดยืนของการไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย และไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวทุกรูปแบบ

หากพบเห็นการกระทำความรุนแรงในสังคม สามารถแจ้งเหตุมาที่ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. 1300 บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง หรือ แจ้งเหตุผ่าน Line OA ‘ESS Help Me’ เพียงกดเพิ่มเพื่อน @esshelpme ซึ่งกระทรวง พม. โดย ทีม ‘พม. หนึ่งเดียว’ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top