Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

‘นครเดลี’ ของอินเดีย ประกาศสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในเมือง 2 วัน หลังฝุ่นพิษ PM 2.5 พุ่งสูง กระทบชีวิต-สุขภาพ ปชช.กว่า 30 ล้านคน

(3 พ.ย. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทางการของกรุงเดลี เขตขนาดใหญ่ในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย ได้มีการสั่งปิดโรงเรียนต่างๆ ทั่วเมืองหลวงทั้งหมดเป็นเวลา 2 วัน เนื่องจากหมอกควันพิษที่แผ่ปกคลุมไปทั่วเมืองใหญ่แห่งนี้ ซึ่งกระทบต่อการใช้ชีวิตและสุขภาพของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ราว 30 ล้านคน

โดยจากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในกรุงนิวเดลี พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) สูงกว่า 35 เท่าจากค่ามาตรฐานปลอดภัยที่องค์การอนามัยโลกกำหนด

‘นายอาร์วินด์ เกจรีวัล’ มุขมนตรีเดลี โพสต์บน X (ทวิตเตอร์) ว่า “จากระดับมลพิษที่สูงขึ้น โรงเรียนรัฐและเอกชนทั้งหมดจะยังคงปิดเรียนต่อไปอีก 2 วัน”

ด้านรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของเดลี ยังได้เรียกประชุมฉุกเฉิน เพื่อทบทวนสถานการณ์หมอกควันพิษที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ กรุงเดลี ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยกลุ่มหมอกควันพิษที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการเผาพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ไอเสียรถยนต์และการปล่อยมลพิษของโรงงานรวมกัน

‘นายก’ มุ่งแก้ปัญหา ‘หนี้นอกระบบ’ เชิงรุก ให้ปชช. ชี้!! ตั้งใจให้เป็น ‘วาระแห่งชาติ’ พร้อมสั่งผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ที่ต้นทาง

(3 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า...

“ความรับผิดชอบในการจัดการเรื่องหนี้นอกระบบ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องหาแนวทางในการแก้ไข เพราะเป็นปัญหาที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งผมตั้งใจให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะในบางครั้งมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่สูงเกินกฎหมาย และลูกหนี้ต้องรับภาระหนี้ ที่เกินเงินต้นเป็นจำนวนมากเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผมได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหาแนวทางในการจัดการแก้ไขหนี้สินรายย่อยเชิงรุก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินที่ต้นทางให้ประชาชนครับ”

‘เอ็กโก กรุ๊ป’ ปลื้ม!! ขายกรีนบอนด์ 7 พันล้านหมดเกลี้ยง เล็งนำเงินหนุนโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ Net Zero

(3 พ.ย. 66) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (หุ้นกู้กรีนบอนด์) เป็นครั้งแรก ต่อนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ รวมมูลค่า 7,000 ล้านบาท ด้วยยอดจองท่วมท้นกว่า 3 เท่าของมูลค่าการเสนอขาย สะท้อนความเชื่อมั่นต่อทิศทางการเติบโตของบริษัทสู่การพัฒนาพลังงานสะอาดและการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (2050)

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป ได้เสนอขายหุ้นกู้กรีนบอนด์เป็นครั้งแรก มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ต่อนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ในวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2566 และจัดออกหุ้นกู้ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากกว่า 80 ราย ที่แจ้งความจำนงความต้องการลงทุนเป็นจำนวนกว่า 20,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.15 เท่าของ มูลค่าการเสนอขายเดิมที่ 6,500 ล้านบาท 

บริษัทจึงเพิ่มหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoes) อีก 500 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการและช่วยขยายฐานนักลงทุนใหม่ โดย นักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้แก่ กองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มสหกรณ์ และนักลงทุนประเภทอื่น ๆ

สำหรับหุ้นกู้กรีนบอนด์ของเอ็กโก กรุ๊ป เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 5 ชุด รวมมูลค่าทั้งหมด 7,000 ล้าน ประกอบด้วย 

หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.35% จำนวน 1,000 ล้านบาท 
หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.71% จำนวน 700 ล้านบาท 
หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.02% จำนวน 500 ล้านบาท 
หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.32% จำนวน 1,000 ล้านบาท
หุ้นกู้อายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.65% จำนวน 3,800 ล้านบาท 

โดยหุ้นกู้กรีนบอนด์นี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA+ จากทริสเรทติ้ง และจัดออกภายใต้โครงการหุ้นกู้ของเอ็กโก กรุ๊ป ปี 2566 วงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยมีธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทำหน้าที่เป็น Joint Green Structuring Advisors และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

“เอ็กโก กรุ๊ป ขอบคุณนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ที่ให้ความเชื่อมั่นและจองหุ้นกู้กรีนบอนด์อย่างท่วมท้น โดยเฉพาะประเภทหุ้นกู้อายุ 15 ปี แม้สภาวะตลาดในปัจจุบันมีความผันผวนทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน การสนับสนุนดังกล่าวทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม โดยบริษัทมีแผนจะนำวงเงินระดมทุนนี้ไปใช้ชำระคืนเงินทุนสำหรับโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมประเภทพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่เดิมของบริษัทและบริษัทในเครือ ภายใต้กรอบการจัดหาเงินทุนเพื่อโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (2050)” นายเทพรัตน์ กล่าว

‘ดร.เสรี’ ชี้!! ภาพลักษณ์พรรคก้าวไกลเสียหายหนัก อาจต้องหาทางขับ ‘ปูอัด’ เพื่อทวงแต้มกลับคืนพรรค

(4 พ.ย. 66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า…

เจ้าตัวเขาบอกว่าเขาไม่ผิด ไม่ได้คุกคามทางเพศ

กรรมการวินัยของพรรคตัดสินว่าผิดจริง หัวหน้าพรรคแถลงว่า สส.ผิดจริง สส.พรรคเดียวกัน 116 คนโหวตให้ขับออก

เจ้าตัวออกมาแถลงว่า เขาไม่ผิด เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ฝ่ายหญิงยินยอม แสดงว่าไม่มีสำนึก ไม่คิดจะขอโทษเหยื่อ

แบบนี้แล้วหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรคที่โหวตขับเขาออกจากพรรคจะว่ายังไง

ยังมีประชาชนในพื้นที่มาให้กำลังใจเขาอยู่นะ แบบนี้แล้วพรรคยังมีเอกภาพอยู่อีกหรือ?

หัวหน้าพรรคทำถูกแล้ว ที่จะเรียกประชุมกรรมการพรรคพิจารณาพฤติกรรมของ สส.รายนี้ใหม่อีกครั้ง

ถ้าสรุปว่าเขาไม่ทำตามมติพรรค อาจจะขับออก

ถ้าทำได้ตามที่หัวหน้าพรรคพูด ภาพลักษณ์ของพรรคก็พอจะตีตื้นกลับมาได้บ้าง ตอนนี้เสียหายไปเยอะแล้วนะ

ขอนแก่น-เข้ม! จัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

จังหวัดขอนแก่น บูรณาการ เปิดปฏิบัติการ (kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลในจังหวัดขอนแก่น โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ใน 6 เรื่อง ได้แก่ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืน การพนัน การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล และสถานบริการและสถานบันเทิง

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.สุรพงษ์ ยอดอินทร์ รอง ผอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น(ท.) มอบหมายให้ พ.อ.ณัฐพงศ์ กฤติธำรง หน.ฝ่ายนโยบายแผนฯ นำกำลังพล กอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น จำนวน 4 นาย ร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการ (kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่ ศาลหลักเมืองจังหวัดขอนแก่น โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในการเปิดปฏิบัติการ (Kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปรามปรามผู้มีอิทธิพลจังหวัดขอนแก่น โดยมี นายประจวบ รักแพทย์ นอภ.ขอนแก่น รักษาการปลัดจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ รักษาการ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น,พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น,พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น  หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วม ในการเปิดปฏิบัติการ

นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีบัญชาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเพื่อสนองนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่ไม่พึงประสงค์ใน 6 เรื่อง ได้แก่ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืน การพนัน การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล และสถานบริการและสถานบันเทิง โดยให้กรมการปกครองและจังหวัด ร่วมกันเร่งจัดตั้งกลไกในการดำเนินการ การติดตามและรายงานผล เพื่อนำนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายไกรสร กล่าวอีกว่าทางจังหวัดขอนแก่นจึงได้ดำเนินการจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัด และจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอ 26 อำเภอ เพื่อดำเนินการตั้งจุดตรวจจุดสกัดสิ่งผิดกฎหมาย ตรวจตรา หาข่าวยาเสพติด การค้ามนุษย์ การครอบครองและพกพาอาวุธปืนการพนัน การดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล สถานบริการและสถานบันเทิงเพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนในทันที และเพื่อบูรณาการการทำงานแจ้งข้อมูลข่าวสาร จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการจัดระเบียบสังคมและปราบปราม ผู้มีอิทธิพลจังหวัดขอนแก่น ณ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น

เครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมประเทศไทย (Thailand Wen) จับขบวนการลักลอบค้าเต่าดาวอินเดีย

3 พฤศจิกายน 2566 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับรายงานจากนายประเสริฐ สอนสถาพรกุล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา รายงานว่านายภัคพงศ์  ผาทอง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 เวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตรวจสอบภาพเอกซเรย์กระเป๋าสัมภาระที่ต้องสงสัยว่าจะมีการลักลอบขนสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายของหญิงชาวไทย อายุ 24 ปี ที่เดินกำลังจะเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน โดยสายการบิน EVA AIR เที่ยวบินที่ BR206 

จากการเปิดตรวจสอบกระเป๋าดังกล่าว พบว่ามีการซุกซ่อนเต่าดาวอินเดีย จำนวน 17 ตัว  ซึ่งเป็นสัตว์ป่าควบคุมและสัตว์ป่าตามบัญชีอนุสัญญาไซเตส  เพื่อลักลอบออกนอกประเทศ มูลค่าประมาณ 170,000 บาท ทราบชื่อผู้ต้องหาภายหลัง นางสาววริญญา  อายุ 24 ปี สัญชาติไทย เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วพบว่า เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 23 เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 31 และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 242 และ 244 จึงร่วมกันตรวจยึดของกลางทั้งหมด และจับกุมผู้ต้องหา โดยได้แจ้งสิทธิต่างๆ ตามระเบียบแล้ว และมอบหมายให้หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่านำเรื่องราวไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับของกลางนำส่งกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต่อไป 

ทั้งนี้ สำหรับ Thailand WEN หมายถึง คณะกรรมการเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าแห่งประเทศไทย (Thailand Wildlife Enforcement Network : Thailand WEN) ซึ่งมีหน้าที่ในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรเอกชน เพื่อสร้างเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่า และพืชป่าให้เกิดขึ้นในประเทศไทย

‘เพื่อไทย’ ไม่ยุบ!! ‘กอ.รมน.’ ได้ใจ ‘สูงวัย-ชนชั้นกลาง’ เหตุ!! รำคาญพรรคส้มเต็มที ส่วนพี่ๆ กองทัพอ้าแขนโอบกอด

สถานการณ์เหตุบ้านการเมือง แม้จะดูเหมือนยังวนลูป แต่หากส่องกล้องดีๆ จะเห็นความเปลี่ยนแปลงผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว… กลางสัปดาห์ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ติดภารกิจไม่ได้มาขยับ ช่วงสุดสัปดาห์นี้เลยขอหยิบโน่นนิดนี่หน่อย มาเมาท์มอยเอาใจคอการเมือง

เรื่องแรก - แม้จะยังไม่ค่อยแจ่มชัดเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต แต่สังเกตให้ดีช่วงหลังๆ ภาษากาย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ดูมีความมั่นอกมั่นใจมากขึ้น พูดจาช้าลง มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือมากว่าเดิม หนำซ้ำยังได้ใจคนสูงวัยและชนชั้นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพ กรณีประกาศเปรี้ยง… ไม่ยุบ กอ.รมน. สวนทางพรรคก้าวไกล… ไม่ใช่เพราะ กอ.รมน.ดีเลิศประเสริฐศรีอะไรมาก แต่ชาวบ้านเขาน่าจะรำคาญก้าวไกลที่เอะอะก็จะยุบไปหมด…

มองให้ลึกลงไป… ห้วงเวลานี้ พรรคเพื่อไทยกับกองทัพสมานสมัครรักใคร่กันเป็นพิเศษ… ต่างฝ่ายต่างอยู่เป็น เพื่อไทยเองก็สารภาพบาปผ่าน ‘ฯพณฯ คลังแสง’ แล้วว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วจะรู้ว่าอะไรทำได้ หรือทำไม่ได้ เพราะอะไร… ส่วนกองทัพก็มีความอ่อนตัวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าไม่ล้มเจ้า ไม่โกงบ้านกินเมืองกันแบบมูมมาม ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครจะใช้อภิสิทธิ์นอนชั้น 14 ก็นอนไป กองทัพไม่ยุ่งด้วย… แถมตอบสนองนโยบายในฐานะเครื่องมือของรัฐฯ

เรื่องที่สอง - เกี่ยวโยงกับความมั่นคง แม้จะยังไม่เสนอ ครม.ในวันอังคารที่ 7 พ.ย.นี้ แต่ค่อนข้างลงตัวแล้วว่า จะมีการโอนย้าย ‘พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์’ รอง ผบ.ตร. เตรียมทหารรุ่น 24 ข้ามห้วยไปรับตำแหน่งระดับ 11 ก่อนเกษียณ… คือ ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำให้ท่านรองเลขา สมช. อย่าง ‘ฉัตรชัย บางชวด’ ต้องรอคั่วปลายปีหน้า… ไม่เป็นไร รอได้ เพราะเกษียณปี 2570

ที่น่าจับตามากกว่า เลขา สมช.คนใหม่ คือ หาก พล.ต.อ.รอย ลุกจาก รอง ผบ.ตร.จริง... รอง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งต้องมาจากอาวุโสเป็นหลัก ก็หนีไม่พ้น ‘พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข’ ผช.ผบ.ตร. ซึ่งจะเกษียณปี 2568 

สำหรับ ‘บิ๊กจวบ’ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 23 นรต.รุ่น 39 เป็นนายตำรวจที่อ่อนตัว วันที่ นช.ทักษิณ กลับบ้านมานอน รพ.ชั้น 14... ‘บิ๊กจวบ’ คือ ผู้รับผิดชอบ ว่ากันว่าอันที่จริงนายใหญ่ชั้น 14 ก็เล็งๆ ที่จะอุปถัมภ์ค้ำชูอยู่แล้ว… ถ้า ‘บิ๊กจวบ’ ขึ้นรอง ผบ.ตร.ปีหน้า คนที่จะชิง ผบ.ตร.มีถึง 4 คน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์, พล.ต.อ. ธนา ชูวงษ์ และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข

ไม่ต้องถามว่าใครอาวุโสกว่าใคร… เพราะจากรอง ผบ.ตร.เป็น ผบ.ตร.ใช้ทั้งอาวุธและความสามารถผสมกัน แต่ที่สำคัญที่สุด เจ้าของพรรคเพื่อไทยอยากได้ใคร!!

เรื่องที่สาม - แถมท้าย อินเทรนด์กับเขาหน่อย เรื่องการขับ สส.คุกคามทางเพศที่เขาบอกว่า ‘คาวไม่เท่ากัน’ งานนี้พรรคก้าวไกลเสียรังวัดเสียหายหลายแสน… มติที่ออกมาขับ ‘สส.แจ้ ปราจีนฯ’ แต่คาดโทษ ‘สส.ปูอัด จอมทอง’ ถูกวิจารณ์แซดว่า ‘คนไม่เท่ากัน-สองมาตรฐาน’ ตอนหลังดูท่า สส.ปูอัด จอมทอง ที่ว่ากันว่าเส้นใหญ่ไม่ยอมขอโทษผู้เสียหายแบบตรงๆ คงจะถูกขับด้วยในที่สุด… 

พูดถึง ‘ก้าวไกล’ ปลายปีนี้ก็ต้องลุ้นกันว่า ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ จะรอดไม่รอด กรณีถือหุ้นสื่อ… ในขณะที่มีกระแสข่าวเล่าลือหนาหูว่า หากพิธาไม่เป็นอะไรไปหรือต้องพ้นจาก สส.ก็เถอะ… โปรดจับตา ดีลการเมืองใหม่ล่าสุด ระหว่าง ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ กับ ‘พิธา’ และน่าจะรวมถึง ‘น.ต.ศิธา ทิวารี’ ที่เพิ่งลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย เมื่อ 27 ต.ค.นี้ด้วย… 

การพบกันของคุณหญิงและคณะกับพิธาที่สหรัฐฯ เมื่อหลายวันก่อน แม้จะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็เป็นความบังเอิญอย่างร้ายกาจ… ขอบอก!! 

'พล.ต.อ. พัชรวาท' สั่งการกรมอุทยานฯ เร่งช่วยเหลือเหตุช้างป่าเขาอ่างฤาไนทำร้ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิตพร้อมถอดบทเรียนไม่ให้เกิดซ้ำ

(1 พ.ย. 2566) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์นายจงรัก จงศรี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ปฏิบัติงานประจำ ชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ที่ถูกช้างป่าทำร้ายจนเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ผลักดันช้างป่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น ซึ่งตนได้รายงานให้พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทราบแล้ว

โดยพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ภายหลังจากได้รับรายงานการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ก็ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียชีวิต และแสดงความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่าของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่เสียสละทั้งแรงกายแรงใจในการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ สำหรับผู้เสียชีวิตได้นำศพไปบำเพ็ญกุศล ณ วัดด่านชัยพัฒนา ตำบลทุ่งมหาเจริญ อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ซึ่งพล.ต.อ.พัชรวาทฯ ได้มอบหมายให้นายอรรถพลฯ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เดินทางไปเป็นประธานในงานฌาปนกิจเจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิต พร้อมกับนำความห่วงใยไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต และให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เร่งดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตตามสิทธิและสวัสดิการที่จะได้รับ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทุนสวัสดิการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่า มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล สมาคมอุทยานแห่งชาติ และมูลนิธิต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่าในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับการเยียวยาและประโยชน์สูงสุด

นายอรรถพลฯ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นกรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว จำนวน 50,000 บาท เครือข่ายอนุรักษ์ในพื้นที่ จำนวน 60,000 บาท ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จำนวน 20,000 บาท โดยในวันพรุ่งนี้ ( 2 พ.ย. 66) ตนจะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีฌาปนกิจเจ้าหน้าที่ผู้เสียชีวิต ตามที่ได้รับมอบหมายจากพล.ต.อ.พัชรวาทฯ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งนำเงินจำนวน 700,000 บาท ซึ่งประกอบด้วยเงินอนุรักษ์สัตว์ป่า จำนวน 500,000 บาท เงินสวัสดิการกรมอุทยานแห่งชาติฯ จำนวน 100,000 บาท และเงินจากกองทุนผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล จำนวน 100,000 บาท ไปมอบให้โดยตรง อย่างไรก็ตามต่อกรณีที่เกิดขึ้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบไม่ประมาท อีกทั้งได้สั่งการให้มีการถอดบทเรียนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ ต่อไปในอนาคต

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัย ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี ชัยภูมิ และนครราชสีมา มอบเงินสดพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่ากว่า 4 แสนบาท

ระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย พร้อมด้วย นายชาญณรงค์ เสาวภา ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกบริการ นำทีมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย ณ บริเวณอำเภอหนองแค และอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี บริเวณตลาดเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ และบริเวณตลาดเทศบาลเมืองปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา รวม 3 จังหวัด 136 คน โดย มอบเงินสด คนละ 3,000 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รายครอบครัว รวม 27 ชุด รายบุคคล รวม 12 ชุด คิดเป็นมูลค่าการช่วยเหลือทั้ง 3 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 493,500 บาท (สี่แสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ ร่วมในพิธี พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในพื้นที่  รวมถึงหน่วยงาน สมาคม /มูลนิธิประจำจังหวัดแต่ละจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิฯ ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กร สาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

กาฬสินธุ์โชว์ผ้าไหมแพรวามูลค่า 30 ล้านเปิดงานมหกรรมโอทอปตักบาตรเทโวคาดเงินสะพัด 20 ล้านบาท

ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมแพรวา ราชินีแห่งไหมเมืองน้ำดำรุ่นบุกเบิก รุ่นร่วมสมัย และเครือข่ายผู้ผลิตผ้าไหมแพรวา ใน จ.กาฬสินธุ์ นำผลงาน ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญา “ลายผ้าไหมแพรวาประจำอำเภอ” 18 ลาย ฝีมือระดับขั้นเทพ ขึ้นเวทีประชันความประณีต จากการคิดค้นลายผ้า และโชว์ความอลังการ บนเวทีเสวนาผ้าไหมแพรวาผ้าโบราณภูมิปัญญากาฬสินธุ์ พร้อมจำหน่ายบนถนนไดโนโรด เทศบาลตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์  ในงานตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล ระหว่างวันที่ 3-11 พ.ย.66 ขณะที่พัฒนาชุมชนตั้งเป้าเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท

วันที่ 3 พ.ย.66 เวลา 16.00 น. ที่บริเวณถนนสายบุญ-ไดโนโรด เทศบาลตำบลโนนบุรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ ในงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์ (คนแรก)  ประจำปี 2566 โดยมีนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ นายบุญมี แก่นนาคำ นายก ทต.โนนบุรี นางนฤมล สิงห์เงา ปลัด ทต.โนนบุรี นายวิญญู ขันผง นายก ทต.นิคม พร้อมด้วยส่วนราชการ กรรมการเหล่ากาชาดฯ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในอ.สหัสขันธ์ เครือข่ายผู้ผลิตผ้าไหมแพรวาและผ้าพื้นเมืองทั้ง 18 อำเภอใน จ.กาฬสินธุ์ ทั้งรุ่นบุกเบิก รุ่นร่วมสมัย ประชาชน นักท่องเที่ยว ร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ก่อนเปิดงานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ ยังได้มีการจัดเวทีเสวนาผ้าไหมโบราณภูมิปัญญากาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ดำเนินรายการโดย ดร.สุภาพร เกียรติดำเนินงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ ผู้ร่วมรายการประกอบด้วยปราชญ์ด้านผ้าไหมแพรวา และศิลปินผ้าไหมแพรวา อาทิ นายวิทวัส โสภารักษ์  นายอดุลย์  มุลละชาติ นายจักรวรรดิวัตร ปรีจำรัส ท่ามกลางความฮือฮาของผู้ร่วมงาน เนื่องจากผ้าไหมแพรวาที่นำมาโชว์และนำเสนอความเป็นมาจำนวนกว่า 100 ผืน มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ผ้าแพรวาทุกผืนที่นำมาโชว์บนเวทีเสนาฯ ครั้งนี้ ล้วนเกิดจากภูมิปัญญา และเป็นลายผ้าที่เกิดจากไอเดีย ซึ่งเป็นอัตลักษณ์หรือสื่อถึงของดีทั้ง 18 อำเภอ โดยคิดค้นลายผ้า ย้อมสี และถักทอด้วยมือ จึงเป็นผืนผ้าไหมแพรวาที่ทรงคุณค่า เป็นการต่อยอดและขยายผลให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และเครือข่าย ทั้ง 18 อำเภอใจ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีอบจ.กาฬสินธุ์ และพัฒนาชุมน จ.กาฬสินธุ์ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าของผู้ที่มีรสนิยมในผ้าแพรวา ราชินีแห่งไหม ที่กลุ่มผู้ผลิตหรือเจ้าตำรับ ซึ่งเป็นคนกาฬสินธุ์มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ถือเป็นผลิตภัณฑ์พระราชทาน โดยสืบสานพระปณิธานฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่จุดประกายจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพโดยแท้

ด้านนางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์ ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งไหม ถือเป็นผลิตภัณฑ์ของดีล้ำค่า สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ ได้ปีละหลายร้อยล้านบาท  ที่ผ่านมามีการจัดงานนิทรรศการ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผ้าไหม ทั้งระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับปะเทศ ทั้งนี้ อบจ.กาฬสินธุ์ มีแนวทางให้การสนับสนุน ตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างโอกาส เปิดช่องทางตลาด ให้มีการหมุนเวียนของเม็ดเงิน ที่สำคัญเพื่อการสร้างงาน สร้างรายได้ตลอดปี ตลอดไป

นางเฉลิมขวัญกล่าวอีกว่า ในส่วนของการจัดเวทีเสวนาผ้าไหมโบราณภูมิปัญญากาฬสินธุ์ 18 อำเภอ ในวันเปิดงานพระเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์ (คนแรก)  ประจำปี 2566 หลังวันออกพรรษาครั้งนี้ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-11 พ.ย.นี้ ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเปิดมหกรรมตลาดผ้าไหมแพรวา ราชินีแห่งไหม ของดีเมืองน้ำดำอีกครั้งหนึ่ง  จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบผ้าไหมแพรวา ได้มาเลือกช็อป ได้อย่างเต็มที่ ตลอด 9 วัน 9 คืน  เพราะมีผู้ประกอบการสินค้าผ้าไหมแพรวา และผ้าผืนเมือง ได้นำผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแพรวาจาก 18 อำเภอมาออกร้านกว่า 50 บูธ โดยมาออกร้านด้วยตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นการซื้อขายระหว่างผู้ผลิต และผู้ประกอบการกับผู้ซื้อโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะได้เลือกสรรและเลือกซื้อในราคาที่เป็นธรรม 

ด้านนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า งานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ ในงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ บูชาพระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์ (คนแรก) ประจำปี 2566 สำนักงานพัฒนาชุมชน จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดงานมหกรรมสินค้าโอทอปของดีกาฬสินธุ์ร่วมด้วย โดยเชิญชวนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ นำผลงาน ผลิตภัณฑ์โอทอป ที่หลากหลาย เช่น ผ้าไหมแพรวา ผ้าพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์คุณภาพอื่นๆ ระดับ 4-5 ดาวร่วมออกร้านจำหน่าย เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยในปีนี้ซึ่งที่ปลอดจากสถานการณ์โควิด-19  และเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้น คาดว่ามีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าโอทอป โดยเฉพาะผ้าไหมแพรวาไม่น้อยนกว่า 20 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top