Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

พิจิตร-ป.ป.ช. พิจิตร ลงพื้นที่ตรวจสอบถนนงบ 394 ล้าน สร้างไป ปะไป ชาวบ้านข้องใจมาตรฐานอยู่ตรงไหน?

3 พ.ย. 66 นายวราพงษ์ อินต๊ะโมงค์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยกลุ่มงานป้องกันการทุจริต ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่ได้รับแจ้งข้อมูลเบาะแสการทุจริตจากศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ (Corruption Deterence Center) หรือศูนย์ CDC กรณีปรากฏข่าวบนหน้าเพจ facebook ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ระบุว่า 394 ล้าน ทำไป ปะไป ถนน 4 เลน มาตรฐานชั้นทางพิเศษ ระยะทาง 9.150 กม. ทางหลวงหมายเลข 115 กำแพงเพชร-พิจิตร ตอน ต.บึงบัว – บ.คลองโนน งบ 393,975,230 บาท กรมทางหลวง ยังไม่ทันส่งมอบ ถนนเสียหายเป็นช่วง ๆ ทำไปก็พังไป ปะซ่อมกันไป 

จากการตรวจสอบพบว่าโครงการดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักก่อสร้างทางที่ 1 กรมทางหลวง เป็นโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 115 สายกำแพงเพชร-พิจิตร ตอน ต.บึงบัว - บ.คลองโนน  ระยะทาง 9.150 กิโลเมตรจุดเริ่มต้น -สิ้นสุดโครงการฯ กม. 57+000.000 – กม. 66+150.000 อยู่ในพื้นที่อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร มาตรฐานทางชั้นพิเศษ 4 ช่องจราจร ระยะเวลาสัญญา 19 กรกฎาคม 2565 – 9 มีนาคม 2567 ค่างานตามสัญญา 393,092,687 บาท ผิวทาง Asphalt Concrete 2 ชั้น หนาชั้นละ 5 เซนติเมตร ผิวจราจรกว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางชนิดเดียวกับผิวทาง ด้านนอกกว้างข้างละ 2.5 เมตร ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว ร้อยละ 62.294 ยังคงเหลือดำเนินการอีกกว่าร้อยละ 30 ในระยะเวลา 128 วันตามสัญญา

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพถนนดังกล่าวมีปัญหาชำรุดหลายจุด บางจุดพบรอยปะ และมีการลดช่องจราจรใช้งานได้ 1 ฝั่งเป็นเลนรถสวนทาง ซึ่งทางสำนักก่อสร้างทางที่ 1 ได้ชี้แจงว่าตามโครงการกำหนดให้ต้องเทพื้นผิวทาง จำนวน 2 ชั้น ปัจจุบันทางผู้รับจ้างได้ดำเนินการไปแล้ว 1 ชั้น ยังไม่แล้วเสร็จตามกำหนดโครงสร้าง แต่ได้เปิดการจราจรให้ประชาชนใช้สัญจรไปมาก่อน ประกอบกับพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาถนนเสียหายทรุดตัวเป็นช่วง ๆ จึงต้องทำการซ่อมแซมเบื้องต้นให้ใช้งานได้ไปก่อน เมื่อทำการซ่อมแซมจุดที่เสียหายแล้วเสร็จจึงจะดำเนินการต่อในชั้นที่ 2 ให้เป็นไปตามมาตรฐานโครงสร้างที่กำหนดต่อไป 

แนวทางการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ ผู้รับจ้างได้ปิดช่องทางจราจรเพื่อเร่งดำเนินการซ่อมผิวทางจำนวน 1 ฝั่งก่อน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ แล้วจะเปิดใช้งานฝั่งที่แก้ไขแล้วไปก่อน จึงปิดทางจราจรอีกฝั่งหนึ่งที่มีการปะซ่อมก่อนหน้านี้ โดยทำการรื้อบดอัดแน่นจนถึงชั้นดินลูกรัง แล้วเท Asphalt Concrete ชั้นที่ 1 และ 2 ตลอดทั้งเส้นทางต่อไป ทั้งนี้ ทางสำนักงานก่อสร้างที่ 1 จะเปิดให้ประชาชนใช้งานถนนทั้ง 4 เลนได้ในช่วงเดือนธันวาคม 66เพื่อรองรับการจราจรหนาแน่นในช่วงปีใหม่ 

ทั้งนี้ ในระหว่างโครงการยังไม่แล้วเสร็จ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพิจิตร จะติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างถนนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวังให้การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ต่อไป

ร้อยเอ็ด...ชมบรรยากาศ “นักตบลูกยางชายหาดชาย-หญิง”จาก 50 ประเทศ ซ้อมก่อนลงสนามจริง

ศึกวอลเลย์บอลชายหาด ชิงแชมป์โลก รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี “Beach Volleyball U21 World Championships 2023 เปิดใจนักศึกษาร้อยเอ็ดยินดีต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากทั่วโลก 

ผู้สื่อข่าวภูมิภาค/ท้องถิ่น เก็บภาพบรรยากาศการฝึกซ้อมของทีมนักตบลูกยางชายหาดชาย-หญิง ทั้งไทยและต่างประเทศ ก่อนจะลงทำการแข่งขัน ศึกวอลเลย์บอลชายหาด ชิงแชมป์โลก รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี “Beach Volleyball U21 World Championships 2023 ก่อนจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 7 พ.ย. 2566 ศกนี้ ศึกการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด ชิงแชมป์โลก รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี “Beach Volleyball U21 World Championships 2023 ระหว่างวันที่ 7-12 พฤศจิกายน 25666 ซึ่งจัดแข่งขันที่ สนามวอลเลย์บอลชายหาดบึงพลาญชัย ลานสาเกตุนคร อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด 

ล่าสุด เมื่อช่วงเวลา 16.00 น. นักตบลูกยางชายหาด ชาย-หญิง ทั้งไทยและต่างประเทศที่เดินทางมาถึงจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ลงฝึกซ้อมที่สนามที่จะทำการแข่งขันจริง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค/ท้องถิ่น เก็บภาพบรรยากาศการฝึกซ้อม ก่อนที่จะเริ่มทำการแข่งขันจริงในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ เวลา 17.45 น.  

ด้านนักเรียนนักศึกษาที่เป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด และได้เดินทางมาชมการฝึกซ้อมของนักกีฬาวอลเลย์บอลชายหาดถึงขอบสนามในวันนี้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจมากที่จังหวัดร้อยเอ็ดได้เป็นตัวแทนประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด ชิงแชมป์โลก รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี “Beach Volleyball U21 World Championships 2023 ยินดีต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากทั่วโลกด้วยความยินดียิ่ง 

ขณะที่นักศึกษาแพทย์ชาวร้อยเอ็ดก็เช่นกันที่ได้เดินทางมาออกกำลังกายที่บึงพลาญชัยและมาชมการฝึกซ้อมฯด้วยกล่าวอีกว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนจากทั่วประเทศ ทั่วโลกให้เดินทางมายังจังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อมาร่วมชม และเชียร์ให้กำลังใจกับนักกีฬาวอลเลย์บอลชายหายทั้ง 50 ประเทศทั่วโลก ดีใจที่จังหวัดร้อยเอ็ด 

ทุกท่านสามารถรับชมการถ่ายทอดสด การแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด ชิงแชมป์โลก รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี “Beach Volleyball U21 World Championships 2023 ได้ทาง ช่อง PPTV ช่อง 36 ฯลฯ 

รองนายกรัฐมนตรีพร้อมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เมืองช้าง ยืนยันเร่งแก้ปัญหาการคมนาคม และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ที่ ห้องประชุมแขวงทางหลวงสุรินทร์ อำเภอเมืองสุรินทร์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการสำคัญของหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคมที่จังหวัดสุรินทร์ โดยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่จ.สุรินทร์ พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นำข้าราชการให้การต้อนรับ และร่วมประชุม พร้อมทั้งให้นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับหนังสือจากข้อร้องเรียนเสนอแนะจากผู้นำในแต่ละพื้นที่เพื่อขอสนับสนุนการดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อเป็นการพัฒนาพื้นที่ต่อรัฐบาลต่อไปอีกด้วย จากการประชุมมีการพูดคุยในหลายประเด็น ทั้งเรื่องการคมนาคม การบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาความยากจนและเรื่องอื่นๆ ที่ยังจำเป็นต่อการพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับฟังจากภาคธุรกิจสิ่งที่ต้องการมากคือ การสร้างสนามบินในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ 

เนื่องจากเป็นจังหวัดใหญ่มีประชากรกว่า 1,300,000 คน มี สส. 8 คน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับเรื่องไปตรวจสอบถึงปัญหา อุปสรรค และความเป็นไปได้แล้ว รวมทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นเรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้านและต้องได้รับการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการสำคัญของหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคมที่จังหวัดสุรินทร์ ว่า จากการประชุมมีการพูดคุยในหลายประเด็น 

ทั้งเรื่องการคมนาคม การบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาความยากจนและเรื่องอื่นๆ ที่ยังจำเป็นต่อการพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและภาคธุรกิจต้องการให้เกิดขึ้นคือ การสร้างสนามบินในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เนื่องจากเป็นจังหวัดใหญ่มีประชากรกว่า 1,300,000 คน มี สส. 8 คน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับเรื่องไปตรวจสอบถึงปัญหา อุปสรรค และความเป็นไปได้แล้ว ส่วนเรื่องการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง และอ่างเก็บน้ำอำปึล ได้หารือกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในการจัดสรรงบประมาณให้ในปีงบประมาณถัดไป ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้มาติดตามการดำเนินการในส่วนของโครงการคมนาคมในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และก็จังหวัดศรีสะเกษ 

ซึ่งก็ได้เน้นย้ำและติดตามโครงการสำคัญในการก่อสร้างถนนสายหลักเส้นทางในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์-จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ โดยดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดก่อน โดยได้กำชับให้มีการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญาโครงการที่กำหนดอีกทั้งยังให้เพิ่มมาตรการสร้างความปลอดภัยในการใช้สัญจรให้มากที่สุด ส่วนถนนสายหลักที่ทาง ส.ส.ต้องการ 2 โครงการ ก็จะรับเรื่องและนำเสนอให้ในปีงบประมาณหน้าต่อไป

ครบรอบ 47 ปี กองรักษาความปลอดภัย ฐานทัพเรือสัตหีบ

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 66 ที่กองบังคับการกองรักษาความปลอดภัย ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นาวาเอก ธนลักษณ์ นุกูลกิจ ผู้บังคับกองรักษาความปลอดภัย ฐานทัพเรือสัตหีบ กรมรักษาความปลอดภัยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นประธานจัดกิจกรรมทำบุญ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบปีที่ 47 โดยมีผู้บังคับบัญชา อดีตผู้บังคับบัญชา พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยขึ้นตรง หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมแสดงความยินดีพร้อมมอบกระเช้าดอกไม้

โดย กิจกรรมครั้งนี้ ได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดสัตหีบ 10 รูป มาเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมฉันภัตตาหารเพล เพื่อความเป็นสิริมงคล และอุทิศส่วนบุญกุศลแด่ ดวงพระวิญญาณ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตลอดจนข้าราชการที่ล่วงลับไปแล้ว

นาวาเอก ธนลักษณ์ นุกูลกิจ กล่าวว่า การก่อตั้งกองรักษาความปลอดภัย ฐานทัพเรือสัตหีบ เมื่อนับย้อนไปเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2496 กองทัพเรือ ได้จัดตั้งกองปืนใหญ่รักษาฝั่งขึ้น กองโยธาสถานีทหารเรือสัตหีบ (ฐท.สส.ปัจจุบัน) จึงได้แบ่งกำลังส่วนหนึ่งซึ่งมีหน้าที่ในการก่อสร้างพัฒนาตัดถนนหนทาง ในพื้นที่ความรับผิดชอบของสถานีทหารเรือสัตหีบ ไปเป็นกองรักษาการณ์ปืนใหญ่รักษาฝั่ง โดยมี เรือเอกสิงโต วาสิคุตต์ เป็นผู้บังคับกองรักษาการณ์ปืนใหญ่รักษาฝั่ง 

ต่อมา ได้โอนให้มาขึ้นการบังคับบัญชาต่อสถานีทหารเรือสัตหีบ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น กองรักษาการณ์สถานีทหารเรือสัตหีบ ย้ายที่ตั้งหน่วยมาอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบันของกอง รปภ.ฐท.สส. จนถึงทุกวันนี้

‘เพจสานต่อเจตนารมณ์ อ.สมเกียรติ’ เผยอีกมุมเรื่องตึกในฝรั่งเศส ปชช.จะไม่มีเสรีภาพให้ก่อสร้างได้ตามใจชอบ แม้จะเป็นที่ของตัวเอง

(4 พ.ย.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา’ ได้โพสต์อธิบายความ หลังมีการเปรียบเทียบภาพตึกอาคารในฝรั่งเศสและเมืองไทยในเชิงด้อยค่า ว่าตึกในไทยดูด้อยพัฒนา โดยระบุว่า…

บางโซนของปารีสจะถูกบังคับไว้เลย ว่าตึกต้องทรงไหน สีอะไร สูงได้เท่าไหร่ เพื่อให้ดูเหมือนกันทั้งโซน ตามวัตถุประสงค์ด้านทัศนียภาพนี่แหละ

จะไม่มีเสรีภาพให้ก่อสร้างได้ตามใจชอบ แม้จะเป็นที่ของคุณเอง

ถ้าจะเอาเสรีภาพ แต่อยากให้รัฐฯ บงการแม้แต่สีของตึก มันจะย้อนแย้งนิดนึง

ฝรั่งเศสที่คนไทยไปหลงเอาเองว่าเป็น ‘ประเทศแห่งเสรีภาพ’ จริงๆ แล้วเป็นประเทศที่รัฐฯ คุมเข้มแทบทุกเรื่อง และตำรวจไล่ทุบม็อบได้โหดที่สุดในบรรดาประเทศยุโรปด้วยกัน

แล้วถ้าจะเทียบอะไรกับปารีส เอารถใต้ดินมาเทียบกันหน่อยไหม ที่เมืองไทยไม่มีเหม็นเยี่ยวแน่นอน

ขนาดสถานี ‘Paris Metro’ ของย่านผู้ดี Passy ที่ Arrondissemont 17 ยังไม่น่าขึ้นเลย 

ย่านนั้นเป็นย่านสวยๆ สบายๆ ของคนมีตังค์ในปารีสอยู่กัน มีความเป็นคอมมิวนิตี้ ดีทุกอย่าง แต่ขนาดย่านคนรวยสถานีรถใต้ดินยังไม่ไหวเลย

ถ้าไม่ขึ้นแท็กซี่ ก็เดินไปขึ้นรถเมล์สบายใจกว่าเยอะ

เล่าจากประสบการณ์ตรงที่เคยไปอยู่

‘พงศ์พรหม’ ห่วง!! เด็กรุ่นใหม่ ยิ่งคิดถึงตัวเองมาก ความสุขก็ยิ่งลด แนะ!! มนุษย์ต้อง ‘ห่วงใยกัน’ เพื่อป้องกันการดิ่งสู่ ‘ซึมเศร้า-ฆ่าตัวตาย’

ไม่นานมานี้ นายพงศ์พรหม ยามะรัต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pongprom Yamarat’ ระบุว่า...

1.) ขึ้น BTS ลงสถานีสยาม ทางลงบันไดเลื่อนมีวัยรุ่นยืนขวางทางลง คนต้องยืนต่อแถวยาว ลงไม่ได้ 

ลงมาอีกที เจอวัยรุ่นสาวสวยยืนขวางอีก เลยต้องบอกดีๆ ว่าน้องครับ ทางซ้ายคือเดิน ทางขวาคือยืน รบกวนยืนทางขวาครับ แล้วยิ้ม

ปรากฏว่าน้องไม่ยิ้มด้วย กลับเถียงว่า “ทำไมหนูถึงต้องหลบ?”

ผมเลยต้องสอนเรื่องมารยาทด้วยเสียงเข้มๆ กลับ

แต่ดูหน้าน้องแล้ว ‘สิทธิ ตัวตน’ ของน้องคงทำให้ไม่ฟังอะไร…

2.) ตกบ่ายที่หน้าห้องน้ำ Community Mall มีผู้สูงอายุกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ

วัยรุ่นคนแรกเดินสวนออกไปโดยไม่ให้ผู้สูงอายุเข้ามาก่อน และไม่เปิดประตูให้

วัยรุ่นคนที่ 2 แต่งตัวดี เนี้ยบเหมือนคนแรก เหมือนออกมาจากปกนิตยสารก็เดินสวนตามออกไป โดยให้ผู้สูงอายุที่กำลังจะเข้าห้องน้ำหลบอีก

ส่วนผม คน Gen X
ผมเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ ค้างไว้ให้ผู้สูงอายุ แล้วพูดว่า “เชิญเข้ามาก่อนครับ” และยิ้มให้

มันคงอยู่ใน DNA คน Gen X แหละ ว่าเราต้องให้ Priority กับผู้สูงอายุ เด็ก และสตรี

3.) จอดรถไฟกะพริบอยู่ ก็มีวัยรุ่น รุ่นประมาณข้างบนเดินมาถามว่า “รถเสียรึเปล่าพี่ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?” ก็ตอบไปว่า “จอดรอครับ ขอบคุณมากครับ”

ยังดีครับ
ใน 8 คน ยังหามีน้ำใจได้ 1 คน
วัยรุ่นดีๆ ก็ขอชม

แต่พวก ‘Gen me, only me and myself’ ก็น่าเป็นห่วงจริงๆ และเยอะขึ้นมาก

ยิ่งคิดถึงตัวเองมาก ความสุขก็ลด

อัตราการป่วย Depression ก็สูงตาม ฆ่าตัวตายก็สูงตาม

เพราะลืมนึกว่ามนุษย์ต้องมีคำว่า ‘ห่วงใยกัน’ ครับ

ปล. รูปที่แปะมา เป็นสภาพลานจอดรถสวนเบญจกิติ วัยรุ่นที่มาถ่ายภาพกัน ทิ้งขยะเกลื่อนตั้งแต่ skywalk ยันลานจอดรถ

คนรุ่นก่อน เช่น ยุค Baby Boomer ไทย อาจล้าหลังหน่อย อันนี้เข้าใจ แต่คนรุ่นใหม่ก็อย่าล้าหลังตามสิครับ

สรุป 'ครีเอเตอร์ตัวท็อป' ของไทย 'คอนเทนต์' หมวดไหน 'ครีเอเตอร์' เยอะสุด

2 อันดับแรก ก็ไม่ถือว่าผิดคาดมาก เพราะมีครีเอเตอร์อยู่โซเชียลแพลตฟอร์มต่างๆ เยอะ จนมักจะหลุดมาอยู่ทุกหน้า Feed แรกๆ เป็นประจำ

‘เกาหลีใต้’ แจง!! ปมดรามา #แบนเที่ยวเกาหลี รับ ตม.บางคนอาจเข้มเกิน พร้อมเร่งหาทางแก้ปัญหาแรงงานผิด กม. ยัน!! ไม่ได้รังเกียจ ‘นทท.ไทย’

(4 พ.ย. 66) ตามที่มีข่าวกระแสแบนเที่ยวเกาหลีใต้ในสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากกรณีคนไทยถูกปฏิเสธเข้าเมืองนั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ใช้โอกาสการประชุมประจำปี ระหว่างปลัดกระทรวงการต่างประเทศไทยและเกาหลีใต้ เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2566 หารือกับฝ่ายเกาหลีใต้ในประเด็นคนไทยถูกปฏิเสธเข้าเมืองเกาหลีใต้ และมาตรการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดของ ตม.เกาหลีใต้

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวแสดงความกังวลต่อปัญหานี้ว่า ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวไทยจำนวนมาก ที่ประสงค์ไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้อย่างบริสุทธิ์ใจ และกำลังกลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย ที่อาจกระทบต่อการท่องเที่ยวในเกาหลีใต้ของชาวไทยในภาพใหญ่ได้

ซึ่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวแสดงความเสียใจที่ได้ทราบปัญหาดังกล่าว และไม่ประสงค์ให้ปัญหานี้มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมถึงต่อมิตรภาพที่ดีระหว่างประชาชนของทั้งสองฝ่าย และย้ำว่า เกาหลีใต้ไม่มีนโยบายที่จะปฏิเสธนักท่องเที่ยวไทยเข้าเมืองแต่อย่างใด โดยการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดอาจเป็นเรื่องความเข้มงวดเฉพาะตัวของเจ้าหน้าที่ ตม.บางคน

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ยังชี้แจงด้วยว่า รัฐบาลเกาหลีใต้มีความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาคนไทยทำงานอย่างผิดกฎหมายซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และได้ออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาการทำงานอย่างผิดกฎหมาย เช่น ‘Voluntary departure programme’ หรือ โครงการให้ผู้ทำงานอย่างผิดกฎหมายสมัครใจไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ เพื่อให้ส่งกลับประเทศต้นทาง โดยไม่ต้องรับโทษและไม่ถูกขึ้นบัญชีดำในการเข้าประเทศเกาหลีใต้ในอนาคต

นอกจากนี้ ในปีนี้ เกาหลีใต้ได้เพิ่มโควตาแรงงานไทยไปทำงานในเกาหลีใต้ตามระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ EPS (Employment Permit System) จำนวน 4,800 คน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับแรงงานจากไทย

ในการนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าจำเป็นต้องมีการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่าย อาทิ ตม.เกาหลีใต้และกระทรวงแรงงานไทย อย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาทั้งสองด้านคือ การปฏิเสธคนไทยเข้าเมืองเกาหลีใต้ และการทำงานผิดกฎหมายของคนไทยในเกาหลีใต้ โดยได้สั่งการให้เร่งจัดการประชุมกลไกหารือด้านการกงสุลไทย-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 6 ที่เกาหลีใต้ เพื่อให้อธิบดีกรมการกงสุลนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่ายร่วมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและโดยเร็วที่สุด

‘วันชัย’ อ้าง!! มุมลูกค้าตัวจริง บ.เดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ไม่มีรายไหนจะมาใช้ Landbridge เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก

(4 พ.ย. 66) นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตรองผู้อำนวยการด้านข่าวและรายการ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อดีตบรรณาธิการนิตยสารสารคดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘Landbridge กับความเห็นของลูกค้าตัวจริง บริษัทเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ’ ระบุว่า...

ผู้มีอำนาจฝันไปเรื่อย ไม่มีบริษัทเดินเรือขนส่งระดับโลกไหนจะมาใช้ Landbridge นี้หรอก เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ผู้บริหารสายการเดินเรือระหว่างประเทศหลายคน ที่เป็นลูกค้าโดยตรงของโครงการนี้เล่าให้ผู้เขียนฟังตรงกัน

ผลของการศึกษาของจุฬาฯ ก็ออกมาแล้วว่า ลงทุนไปหนึ่งล้านล้านบาท ไม่คุ้มค่าแน่นอน แต่รัฐบาลไม่ฟัง

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2566 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเดินหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง) ด้วยมูลค่าการลงทุนโครงการนี้มากถึง 1 ล้านล้านบาท ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ความกังวลถึงความไม่คุ้มค่าของโครงการนี้

ผู้บริหารสายการเดินเรือให้ข้อมูลผู้เขียนต่อว่า…

“ลองคิดดูสิ หากเรือสินค้ามาจอดที่ท่าเรือชุมพร ต้องยกตู้คอนเทนเนอร์ลงจากเรือที่ชุมพร แล้วยกขึ้นรถไฟไประนอง ยกลงจากรถไฟ ยกไปขึ้นเรือที่ระนองอีก ยกตู้ 4 ครั้ง โดนไป 4,000-5,000 บาทต่อตู้ ไหนจะค่าภาระท่าเรือ 2 แห่ง ค่าขนส่งทางรถไฟอีกประมาณ 100 กม. รวมแล้วค่าใช้จ่ายเยอะมาก ประมาณ 10,000-12,000 บาทต่อตู้ (US$ 300-400)

ปัจจุบันนี้ เรือขนส่งสินค้าจะมีระวางขับน้ำตั้งแต่ 100,000 -200,000 ตัน ยิ่งลำใหญ่ต้นทุนขนส่งสินค้าจะถูกลง สมมุติว่าเรือสินค้าขนาดระวาง 100,000 ตัน จะบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ได้ 10,000 ตู้ หรือเฉลี่ยตู้คอนเทนเนอร์ละ 10 ตัน ถ้ามีเรือเทียบท่าเรือระนองวันละ 10 ลำ ก็หมายความว่ามีตู้ต้องยกขึ้นรถไฟ 100,000 ตู้ ขณะที่รถไฟแต่ละขบวนขนได้ประมาณ 500 ตู้คอนเทนเนอร์ ลองคิดดูสิว่าจะเสียเวลากี่วันกว่าจะขนขึ้นขนลง

ขณะที่เรือไปถ่ายลำที่สิงคโปร์หรือมาเลย์เสียค่าใช้จ่ายตู้ละ US$ 80-100 เรือสินค้าลำหนึ่งขนตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 10,000-20,000 ตู้ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายถูกกว่ากันลำละหลายสิบล้านบาท และกว่าจะขนถ่ายตู้นับหมื่นตู้ขึ้นลงรถไฟ และขนส่งตู้ระหว่างชุมพร-ระนองคงใช้เวลาประมาณ 5-10 วัน ไม่ได้ประหยัดเวลาเลย

สรุปคือ ระยะเวลาก็ไม่ได้เร็วกว่า แต่ยังเสียค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก แล้วลูกค้าเรือสินค้าที่ไหนจะมา

ความเห็นของผมคือ โครงการนี้ไม่น่าจะไปรอด ตำน้ำพริกละลายทะเลเปล่าๆ และคนในวงการเดินเรือส่วนใหญ่ส่ายหน้ากันมานานแล้วกับโครงการนี้ และอีกประการหนึ่ง รัฐบาลก็กำลังสร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ เรือกินน้ำลึกเข้าจอดเทียบท่าได้ แล้วจะไม่เป็นการแย่งลูกค้ากันเหรอ?”

ต่อคำถามที่ว่าแล้วที่จะมีนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้นหลังท่าเรือ และจะทำให้เกิดพื้นที่เชิงพาณิชย์ตามมา พวกเขามีความเห็นอย่างไร?

“การจะมีอุตสาหกรรมหลังท่าเรือตามมา มันจะต้องมีตู้ขนส่งสินค้าจำนวนมากวิ่งผ่าน เกิดความหลากหลายของสินค้า จึงจะเป็นการดึงดูดให้เกิดอุตสาหกรรม แต่จะมีจริงหรือ เราเคยสร้างท่าเรือระนอง บอกว่าจะมีอุตสาหกรรมตามมา แต่คุณไปดูท่าเรือระนองเปิดมาสิบกว่าปี แทบไม่มีใครใช้ ตอนนี้ก็แทบจะร้างแล้ว”

ขณะที่รายงานฉบับสมบูรณ์ ‘โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทย’ จัดทำโดย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ ‘สภาพัฒน์’ และ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีข้อสรุปว่า โครงการ Landbridge ชุมพร-ระนอง ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่เสนอว่า...

“...ทางเลือกที่ ‘เหมาะสมที่สุด’ ในการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทย-อันดามัน คือ การให้ความสำคัญกับการสร้างเส้นทางเข้าถึงพื้นที่พัฒนา ตามแผนปฏิบัติการการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (SEC) โดยเน้นการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ และดำเนินการพัฒนาต่อจากสิ่งที่มีอยู่แล้วเป็นหลัก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด…”

โครงการลงทุน 1 ล้านล้านบาท คุ้มค่าจริงหรือ คำตอบมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะรับรู้หรือไม่

เปิดมุมมอง ‘คนไทย’ ได้สัญชาติออสเตรเลีย รับ!! ‘ผูกพัน-บ้านอีกหลัง’ แต่เมื่อเกิดที่ไทย โตมาที่ไทย ก็ยังรู้สึกว่าเป็นคนไทยแท้ 100%

เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 66 เพจ ‘Sydney Moments’ ได้แชร์มุมมองความภูมิใจในการเป็นคนไทย แม้จะได้สัญชาติออสเตรเลียแล้วก็ตามไว้อย่างน่าสนใจ ว่า...

คำถามสุดคลาสสิก :

รู้สึกว่าตัวเองเป็น ‘ออสซี่’ หลังจากได้สัญชาติออสเตรเลียไหม? 🇦🇺

ถ้าถามผม ผมเฉยๆ นะ แม้ว่าผมจะได้มา 10 กว่าปีแล้ว ผมก็ยังรู้สึกว่าผมยังเป็นคนไทย ที่ได้ใบสัญชาติ และพาสปอร์ตออสเตรเลียมา… แค่นั้นเองครับ

เพียงแต่ผมรู้สึกผูกพัน และรักในประเทศนี้มากขึ้น เพราะผมเรียกที่นี่ว่า ‘บ้าน’ อีกหลังของผม นางให้ที่พักอาศัย ให้งานทำ ให้มีข้าวกินหล่อเลี้ยงชีวิต ให้ลูกๆ ของผมได้มีการศึกษา (thank you)

และการเป็นออสเตรเลียน มันก็เพิ่ม option ความสะดวกในการใช้ชีวิต และการเดินทางมากขึ้น

เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าพาสปอร์ตของออสเตรเลียนั้นทรงอิทธิพลมากระดับ Top 10 ของโลก 🌍

แต่… เวลาผมไปไหน ผมจะ Represent ตัวเองเป็น ‘คนไทย’ เสมอ 🇹🇭

แม้กระทั่งเวลาผมเจอชาวออสซี่ในต่างประเทศ (บ่อยมาก) เวลาเราทักกันผมก็บอกผมก็เป็นคนไทยที่อยู่ซิดนีย์ บางทีเพื่อนชาวออสซี่ก็บอกผมว่า คุณต้องเรียกตัวเองว่า ‘ออสซี่’ สิ เพราะว่าคุณเป็นออสเตรเลียนเหมือนกัน

“Well, it depends”

ผมบอกว่าผมก็ Celebrate ทั้ง 2 อย่าง 😊

เพราะการเป็นออสเตรเลียน (ตามกฎหมาย) มันมาได้หลายวิธี การเกิด, ทักษะ, ลี้ภัย หรือแม้แต่การสมรส

แต่ทางด้านจิตใจ มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะรู้สึกถึงความเป็น ‘ออสซี่’ แตกต่างกันไป ซึ่งผมมองว่า จริงๆ มันแล้วแต่คนนะ บางคนอาจจะแบบ patriotic มากๆ หลังจากได้สัญชาติ

เขาก็ไม่ผิด… มันสิทธิ์ของเขา

ผมก็มีเพื่อนที่เป็นคนต่างชาติ แล้วพอได้สัญชาติออสเตรเลีย เขาก็ represent ตัวเองเป็นออสซี่เลย เขาภูมิใจในความเป็นออสซี่มาก แล้วความเป็นออสซี่จริงๆ ที่ผมสัมผัสได้ตลอดเกือบสิบกว่าปีที่นี่ คือ กีฬา, ธรรมชาติ, อาหาร, ความชิลของการใช้ชีวิต และความมีมิตรไมตรีต่อคนแปลกหน้า นี่แหละ ‘ออสซี่’ สำหรับผม

ผมไม่ Relate ความเป็น ‘ออสซี่’ ของตัวเองผ่านรูปลักษณ์ภายนอก บางคนอาจจะบอกว่า ‘ออสซี่’ มีไว้เรียกแค่ ‘ฝรั่งผิวขาว’ เท่านั้น!!

ผมจะบอกว่า “คุณผิด” ครับ

แล้วคนอะบอริจิน หรือคนผิวอื่นๆ ที่เกิดที่นี่ล่ะครับ?

ก็ออสซี่หมดแหละครับ!

ประเทศนี้เป็นประเทศพหุวัฒนธรรม (Multicultural) ที่แต่ละคนมีรากเหง้าที่มาต่างกัน แต่เรามา Celebrate วัฒนธรรมของเราร่วมกันที่ดินแดนแห่งนี้

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน ถ้าคุณได้เป็นคนออสเตรเลียแล้ว คุณก็เป็นออสเตรเลียน ไม่มาก และไม่น้อยไปกว่าคนอื่น ในทางนิตินัย แต่ทางพฤตินัยนั้น ก็แล้วแต่ใจคุณครับ

สำหรับผม ผมเกิดไทย โตมาที่ไทย ก็รู้สึกว่าเป็นคนไทย 100% ครับ 

ขอจบโพสต์นี้ ด้วยท่อนเพลงสุดคลาสสิกของวง The Seekers ครับ

"I am. You are. We are Australian" 🎵

อ้น
Just another Australian


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top