Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

‘สเตฟาน’ แชร์ประสบการณ์ถูกคนเกาหลี ‘ถุยน้ำลาย’ ใส่ ยอมรับ!! โมโหมาก โบกสวนหัวทิ่มไปหนึ่งดอก

(5 พ.ย.66) ‘สเตฟาน ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์’ อดีตพระเอกละครชื่อดัง แชร์ประสบการณ์ หลังไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรก แล้วเจอแจ็กพ็อตถูกคนเกาหลีทำกิริยาไม่ดี โดยการถุยน้ำลายใส่ตน ในจังหวะที่กำลังข้ามถนน ว่า…

“ครั้งแรกที่ผมไปเกาหลี ผมก็ลงจากรถทัวร์ที่เป็นของกรุ๊ปเราเท่านั้น จากนั้นผมก็เอากระเป๋าเข้าไปเช็กอิน แต่ทางโรมแรมบอกว่าไม่ได้ต้องรอเช็กอิน 2 โมง แล้วตอนนั้นผมมาถึงเที่ยง มันก็ทำให้ต้องออกไปหาอะไรทำ ส่วนกระเป๋าก็ฝากไว้ที่โรงแรม พอฝากกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะออกไปหาอะไรกินข้างทาง แต่พอจังหวะที่ออกมาข้างถนนเพื่อข้ามไปอีกฝั่งนั้น ก็มีคนเกาหลีสองคนเดินผ่าน พร้อมกับทำกิริยาไม่ดีใส่ ก็คือการ ‘ถุยน้ำลาย’ ใส่กลางอกเต็ม ๆ

ซึ่งตอนนั้นผมคิดอะไรไม่แล้ว และยอมรับว่าหัวร้อนมาก หลังจากที่โดนกระทำแบบนี้ ถ้าคนที่รู้จักผมดี จะรู้ว่าผมเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่มันอี๋ง่าย…และถึงจะไม่ได้เป็นคนที่อี๋ง่าย ก็รู้สึกว่าไม่ควรจะโดนกระทำใส่แบบนี้ ดังนั้นผมจึงหันกลับไปตบกระบาลอย่างแรงจนหัวทิ่ม แล้วหลังจากนั้นเขาก็ตะโกนใส่ผมเป็นภาษาเกาหลี และทำท่าเหมือนจะเตะ จากนั้นผมก็หนี สุดท้ายเขาก็เรียกเจ้าหน้าที่มาที่โรงแรม และโรงแรมก็พยายามบอกให้ว่ามันไม่ใช่นะ…คนเกาหลีสองคนนั้นเริ่มก่อน จนสุดท้ายก็เลยเคลียร์กัน…”

📢 ไขข้อสงสัย!! สรุปเงื่อนไข การจ่ายเงินเดือน 2 รอบ ของข้าราชการและลูกจ้างประจำ 💵👩🏻‍🏫👮🏻‍♂️

📢 ไขข้อสงสัย!! สรุปเงื่อนไข การจ่ายเงินเดือน 2 รอบ ของข้าราชการและลูกจ้างประจำ 💵👩🏻‍🏫👮🏻‍♂️👷🏻‍♂️ มีแนวทางและขั้นตอนอย่างไรบ้าง ไปดูกัน!!

‘True’ แจง ‘Single Grid’ ช่วยเพิ่มคุณภาพเน็ตเร็วขึ้น 110% แถมเป็นการลดเสาซับซ้อน ที่อาจก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนได้

(5 พ.ย.66) ทรู คอร์ปอเรชั่น แจงข้อมูลประเด็นการรื้อถอนสถานีฐานกระทบคุณภาพความเร็วอินเทอร์เน็ต ชี้การทำ Single Grid ช่วยเพิ่มคุณภาพสัญญาณให้ครอบคลุม และประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น

ซึ่งสำหรับโครงการรวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว (Single Grid) โดยควบรวมสถานีฐานในพื้นที่เดียวกันผสานจุดแข็งเสาสัญญาณของทรูและดีแทค เพิ่มประสิทธิภาพการประสานการทำงานของโครงข่ายในทุกคลื่นสัญญาณ ลดเสาที่ซ้ำซ้อนและอาจก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนลง 30%

โดยในการลดเสากระจายสัญญาณจะมีการนำอุปกรณ์สถานีฐานจากเสาเดิมย้ายไปติดตั้งในจุดใหม่ ทำให้ในภาพรวมจำนวนสถานีฐานไม่ได้ลดลง มีแต่การลดเสาสัญญาณที่อยู่ในพื้นที่ซ้ำซ้อน และอาจทำให้เกิดการรบกวนกันในพื้นที่

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงความเป็นผู้ให้บริการที่มีจำนวนเสาโทรคมนาคมมากที่สุดในประเทศ โดยการทดสอบพื้นที่ที่ทำระบบ Single Grid เสร็จสมบูรณ์พบว่าเน็ตมือถือเร็วขึ้นสูงสุดราว 110% พร้อมมุ่งสู่ผู้นำอันดับ 1 ด้านความเร็วในการให้บริการ 5G และ 4G ของไทย

ในส่วนของประเด็นเรื่องราคา ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งหน้าสร้างประโยชน์สูงสุดทุกมิติเพื่อลูกค้ามากสุดในไทย ด้วยการนำเสนอแพกเกจที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม เพิ่มคุณค่าที่หลากหลายซึ่งตรงกับความต้องการไลฟ์สไตล์และทุกคนสามารถเข้าถึงได้

จาก 6 เดือนที่ผ่านมาหลังการควบรวมกิจการ ได้ผสานสร้างสรรค์สิทธิพิเศษที่ดียิ่งกว่าตรงใจยิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าแลกรับสิทธิประโยชน์มากกว่า 120 ล้านสิทธิ และจำนวนรายการสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 54% ครอบคลุมสิทธิพิเศษที่หลากหลาย เช่น ร้านอาหารและบริการชื่อดัง บริการสุขภาพ ห้างร้าน ชอปปิ้งออนไลน์มากมาย พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์ยอดนิยมอย่าง รับฟรีค่าเน็ต ค่าโทร และกิจกรรมลุ้นรับทองคำและของรางวัลใหญ่ให้แลกลุ้นกันทุกวัน เป็นต้น

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยืนยันคุณภาพสัญญาณมือถือ ลุยสร้างเครือข่ายที่เหนือกว่า เร่งเดินหน้าโครงการ ‘Single Grid’ เพื่อลูกค้ากว่า 50 ล้านราย บทพิสูจน์หลังควบรวมทรู-ดีแทค ยกระดับประสบการณ์สัญญาณมือถือ 5G และ 4G เผยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยสู่การจัดการโครงข่าย ลดจุดเสาซ้ำซ้อน ไม่ลดสถานีฐาน เพิ่มความครอบคลุมพื้นที่ใช้งานทั่วไทย พร้อมประสานคลื่นความถี่ รวมพลังอัปเกรดสัญญาณอย่างรวดเร็วด้วยศักยภาพความพร้อมในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย

‘พงศ์สินธุ์’ ปฏิเสธ ‘เทพไท’ ยังไม่ได้รับการปล่อยตัววันนี้ ชี้ เคยยื่นขอพักโทษหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายถูกปัดทิ้ง

(5 พ.ย. 66) นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ น้องชายของนายเทพไท เสนพงศ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า…

คุณเทพไท จะได้รับการปล่อยตัววันไหน?
เงื่อนไขการพักโทษ หรือ อภัยโทษ?

ผมไม่ได้ไปเยี่ยมคุณเทพไทที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว จึงไม่ค่อยได้ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของคุณเทพไทมากนัก แต่จากกระแสข่าวเรื่องการปล่อยตัวคุณเทพไทในสื่อโซเชียลว่า คุณเทพไทจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 5 พฤศจิกายน คือวันนี้นั้น

จากข้อเท็จจริงที่ผมรับทราบนั้น น่าจะเป็นวันเวลาที่คลาดเคลื่อน เพราะถ้าหากจะมีการปล่อยตัวในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ การปล่อยตัวนักโทษในเงื่อนไขการพักโทษ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เว้นแต่การปล่อยนักโทษที่ครบกำหนดวันคุมขังเท่านั้น เพราะการปล่อยโทษในเงื่อนไขการพักโทษนั้น จะต้องมีการติดกำไล EM จากกรมควบคุมประพฤติด้วย

ดังนั้น เมื่อวันนี้เป็นวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ คงไม่มีเจ้าหน้าที่ข้าราชการมาดำเนินการปล่อยตัวคุณเทพไทในวันนี้ ตามกระแสข่าวที่ปรากฏในสื่อโซเชียลอย่างแน่นอน

ส่วนการพูดถึงเงื่อนไขการปล่อยตัวที่จะเกิดขึ้นว่า จะเป็นการพักโทษ หรือการได้รับอภัยโทษนั้น ตามที่ผมเคยได้พูดคุยกับคุณเทพไท ซึ่งเคยยื่นขอพักโทษมาหลายครั้งแล้ว ตามเงื่อนไขการพักโทษที่เคยใช้กับกรณีของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา มาแล้ว คือจำคุกได้ 1 ใน 3 ของโทษ แต่รับแจ้งจากกรมราชทัณฑ์ว่า ประกาศฉบับนั้นได้ยกเลิกไปแล้ว หลังจากใช้บังคับได้ไม่นาน

ต่อมาเมื่อคุณเทพไทถูกจำคุกครบ 1 ใน 2 ของโทษ คือครึ่งหนึ่งของโทษแล้ว ก็เคยยื่นขอพักโทษเช่นเดียวกัน แต่ได้รับคำตอบจากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่มีเงื่อนไขของการประกาศพักโทษแต่ประการใด จึงได้รอคอยจนถึงวันต้องโทษจำคุกครบ 2 ใน 3 ตามเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์ที่ใช้กับนักโทษทั่วไป คุณเทพไทก็ขอใช้สิทธิตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ทุกประการ ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษแต่ประการใด

ดังนั้น การปล่อยตัวคุณเทพไท ถ้าจะมีก็ไม่ใช่วันที่ 5 พฤศจิกายนนี้อย่างแน่นอน แต่จะเป็นวันใดนั้น ทางครอบครัวกำลังรอให้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์แจ้งมาก่อน และเงื่อนไขในการปล่อยตัวคุณเทพไทครั้งนี้ คือการพักโทษไม่ใช่การอภัยโทษครับ

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 นายเทพไท เสนพงศ์ พร้อม นายมาโนช เสนพงศ์ ติดมา 16 เดือน เหลือ 8 เดือน เข้าเกณฑ์ 2 ใน 3 ได้รับพักโทษ วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น. โดยนายเทพไทจะวิ่งจากเรือนจำมาที่บ้านหัวถนน

‘แสนชัย’ หรือ ศุภชัย แสนพงษ์ ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างลูกผู้ชาย หลังปะทะ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ในศึก BKFC Thailand ครั้งที่ 5

(5 พ.ย.66) ‘แสนชัย’ หรือ ศุภชัย แสนพงษ์ ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างลูกผู้ชาย หลังปะทะ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ ในศึก BKFC Thailand ครั้งที่ 5 ว่า…

"เรื่องรูปร่าง…ผมตัดสินใจมาชกแล้วครับ ไม่ใช่ข้ออ้าง แต่เราควรจะให้เครดิต ‘บัวขาว’ ที่ทำน้ำหนักเป็น 10 ก.ก. จนลดลงมาชกในพิกัด 68.5 ก.ก. ได้ นี่ต่างหากที่ควรจะชื่นชมและไฟต์นี้ ผมขอเป็นไฟต์สุดท้ายที่จะชกกับบัวขาวเพื่อนของผม ต่อจากนี้จะเจอกับใครผมพร้อมเสมอ…"

‘อรรถวิชช์’ จับมือภาคปชช.-นักการเงิน ร่างกม. ‘ปฏิรูปเครดิตบูโร’ ปลดล็อกลูกหนี้ ไม่ต้องติดในระบบแบล็กลิสต์นานกว่า 3 ปี

(5 พ.ย.66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต สส.กทม. เปิดเผยว่า หลังจากลาออกจากรองหัวหน้าชาติพัฒนากล้า ลงมาลุยภาคประชาชนเต็มตัว ได้รับความกรุณาจากพี่ๆ หลากหลายวงการ ทั้งผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มที่ใกล้ชิดกับผู้เดือดร้อน มาร่วมกันร่างกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรสำเร็จแล้วครับ

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ร่างฉบับนี้จะเป็นการ ‘ยุติการแช่แข็งลูกหนี้’ ลดความเดือดร้อนประชาชน ไม่ต้องติดในระบบแบล็กลิสต์กว่า 3 ปี เราสร้างกติกาใหม่ในการแจ้งข้อมูลเครดิต และการทำลายข้อมูลเก่าที่เกินความจำเป็น ให้เป็นธรรมกับประชาชน ได้มีโอกาสฟื้นตัวและได้รับสินเชื่อที่เป็นธรรม ไม่ต้องโดนดอกเบี้ยสูงของหนี้นอกระบบ  

“สัปดาห์หน้าผมจะไปยื่นต่อท่านประธานสภาฯ เพื่อตรวจร่างกฎหมายและเตรียมขอรายชื่อจากพี่น้องประชาชน 10,000 รายชื่อ ผมขอขอบคุณพี่ๆ ที่ร่วมช่วยร่างตั้งแต่ คุณกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, คุณอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการองค์กรของผู้บริโภค, คุณ นิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ อดีตผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ, พี่ๆ จากสถาบันการเงินต่างๆ ที่ร่วมให้ความเห็นและเสนอร่างกฎหมายร่วมกัน” นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวด้วยว่า งานนี้เราขอให้ประชาชนเป็นหลังพิงให้เราทำกฎหมายให้สำเร็จนะครับ โดยจะมีเว็บไซต์ให้ร่วมกันลงชื่อเร็วๆ นี้ และผมเชื่อว่าท่าน สส.-สว.จะให้การสนับสนุนร่างของพวกเราต่อไป

‘โฆษกรัฐบาล’ แจงปมขึ้นเงินเดือน ‘ขรก.-จนท.’ อยู่ระหว่างศึกษา อาจจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม

(5 พ.ย.66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มี
รายงานข่าวว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ส่งหนังสือถึงกระทรวงและหน่วยงานราชการให้ศึกษาเรื่องการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้พิจารณาถึงความเหมาะสมถึงแนวทางความเป็นไปได้ และกรอบระยะเวลา ผลกระทบของการปรับอัตราเงินดือนฯ กับหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ชัดเจน และรายงานผลให้ครม.ทราบภายในเดือน พ.ย.นี้ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่มติคณะรัฐมนตรีแต่เป็นเพียงข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในที่ประชุม
ครม.โดยมอบหมายให้นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ไปศึกษาแนวทางว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ทำได้แค่ไหน โดยให้พิจารณาอย่างรอบด้านและให้รายงานกลับมาให้ทราบเท่านั้น 

เวลานี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และเมื่อผลออกมาแล้วนำเสนอให้นายกฯ ก็ยังไม่รู้ว่าแนวทางที่ศึกษาจะทำได้แค่ไหนอย่างไร และอาจจะทำหรือไม่ทำตามก็ได้ ขอย้ำว่าเรื่องนี้ยังเป็นเพียงการศึกษาแนวทางความเป็นไปได้เท่านั้น 

ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย เพจขายลอตเตอรี่ (Lottery) ออนไลน์ปลอมระบาดหนัก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีที่มีผู้เสียหายถูกรางวัลจากการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ (Lottery) แต่ไม่ได้รับเงินรางวัล เนื่องจากภายหลังพบว่าตนถูกหลอกลวงให้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านเพจเฟซบุ๊กปลอมของมิจฉาชีพ ซึ่งได้ถูกปลอมเป็นผู้ให้บริการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ออนไลน์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง นั้น

การหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการหลอกลวงในรูปแบบเดิมๆ ที่ผ่านมามิจฉาชีพมักจะปลอมเพจเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อเหมือน หรือใกล้เคียงกับเพจจริง แอบอ้างใช้สัญลักษณ์บริษัท หรือหน่วยงานนั้นๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นเพจปลอมหลอกลวงขายสินค้า หรือบริการออนไลน์ เพจหน่วยงานราชการปลอม เพจบริษัทห้างร้านปลอม เพจสถาบันการเงินปลอม เพจที่พักปลอม เป็นต้น

นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 – 25 9.ค.66 มีประชาชนถูกหลอกลวงซื้อขายสินค้า และบริการออนไลน์ สูงเป็นลำดับที่หนึ่งกว่า 140,836 เรื่อง หรือคิดเป็น 40.27% ของจำนวนเรื่องการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีความเสียหายรวมกว่า 2,041 ล้านบาท  

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงขายสินค้า หรือบริการออนไลน์

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการใช้งาน หรือเข้าถึงบริการต่างๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างการติดต่อกับหน่วยงาน หรือร้านค้าออนไลน์ต่างๆ ควรตรวจสอบช่องทางเหล่านั้นให้ดีเสียก่อนว่าเป็นของหน่วยงาน หรือร้านค้านั้นจริงหรือไม่ ขอให้ประชาชนมีสติ ไม่หลงเชื่อง่ายๆ แม้ว่ามิจฉาชีพจะเปิดเพจใหม่ที่เหมือนเพจจริงมาหลอกลวงอย่างไร ถ้ามีประชาชนมีสติ ไม่หลงเชื่อ ตรวจสอบอย่างรอบคอบเสียก่อน ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา บช.สอท. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center) หรือศูนย์ AOC 1441 ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อ 1 พ.ย.66 ที่ผ่านมา เพื่อให้มีการบูรณาการในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ มีศูนย์ One Stop Service สามารถดำเนินการอายัดบัญชีของมิจฉาชีพให้แก่ประชาชนได้ทันที รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับคดีออนไลน์ ผ่านสายด่วน 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ พร้อมแนวทางการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้

1.ระมัดระวังการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าที่ไม่มีหน้าร้าน ควรติดต่อซื้อจากบริษัท หรือตัวแทนจำหน่ายโดยตรง
2.หากจะซื้อสินค้าผ่านเพจเฟซบุ๊ก ต้องระมัดระวังเพจปลอม หรือเพจลอกเลียนแบบของมิจฉาชีพ โดยเพจจริงควรจะมีผู้ติดตามสูง บัญชีถูกสร้างขึ้นมานานแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนชื่อที่น่าสงสัย และมีรายละเอียดการติดต่อที่ชัดเจน สามารถโทรศัพท์ไปสอบถามได้
3.ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ ว่ามีการเปลี่ยนชื่อมาก่อนหรือไม่ ผู้จัดการเพจอยู่ในประเทศหรือไม่ หากไม่ได้อยู่ในประเทศอาจจะเป็นมิจฉาชีพ
4.ก่อนโอนชำระเงินค่าสินค้า ให้ตรวจสอบชื่อบัญชี และหมายเลขบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน ว่ามีประวัติไม่ดีหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ Google, Blacklistseller เป็นต้น ในกรณีนี้ควรโอนเงินชำระค่าสลากผ่านบัญชีบริษัทเท่านั้น หากเป็นชื่อบุคคลธรรมดาให้สันนิษฐานว่าเป็นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ
5.หากมีการให้โอนเงินไปเพิ่มเติม โดยอ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียม ค่าภาษี หรือค่าใดๆ ก็ตามให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพเช่นกัน
6.ช่วยกันกดรายงานบัญชี หรือเพจในเฟซบุ๊กปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อ
7.หมั่นติดตามข่าวสารของทางราชการอยู่เสมอ

เชียงใหม่-เปิดอย่างยิ่งใหญ่ การแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 46"ฉัททันต์เกมส์"

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 เวลา 17.00 น. นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคีครั้งที่ 46 "ฉัททันต์เกมส์" พร้อมด้วยศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โดยมีรองศาสตรจารย์ ดร.สมเกียรติ อินทสิงห์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานดำเนินงานฯ กล่าวรายงาน มี นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่  ผู้บังคับการศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเชียงใหม่  ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 5 คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ และ อดีตคณบดีคณะศึกษาศาสตร์  ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตทั้ง 22 สถาบัน ตลอดจน แขกผู้มีเกียรติ ร่วมพิธีเปิด ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ เล็งเห็นความสำคัญของการจัดการแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี   ซึ่งเป็นการสานความสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน สร้างความเข้มแข็ง และปลูกฝังการมีน้ำใจนักกีฬาให้กับเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ และจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมในทุก ๆ ด้าน  ในโอกาสนี้ จังหวัดเชียงใหม่ และชาวเชียงใหม่ ขอส่งความปรารถนาดีอย่างจริงใจ และหวังเป็นอย่างยิ่งให้การแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 46 ฉัททันต์เกมส์ครั้งนี้ หวังว่าจะมีโอกาสต้อนรับทุกท่านสู่จังหวัดเชียงใหม่ในโอกาสต่อไป

ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี ที่ได้มีการจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนสาธิต มีศักยภาพในด้านกีฬา มีความรู้รักสามัคคี และได้รู้จักกับเพื่อนต่างสถาบัน ผ่านการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่สำคัญระหว่างผู้บริหารและคณาจารย์/ ของโรงเรียนสาธิตจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป

รองศาสตรจารย์ ดร.สมเกียรติ อินทสิงห์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานดำเนินงานโครงการกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 46 "ฉัททันต์เกมส์" กล่าวว่า ตามที่โรงเรียนสาธิตสังกัดกระทรวง อว. จำนวน 22 สถาบัน จัดการแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี ระหว่างโรงเรียนขึ้นเป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 เป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้นักเรียนและผู้ปกครองได้เห็นคุณค่าและประโยชน์ของการกีฬา เสริมสร้างและอบรมให้นักเรียนมีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีบุคลิกภาพและมีความประพฤติที่ดี มีความสามัคคีในหมู่นักเรียน อาจารย์ บุคลากร และผู้เกี่ยวข้อง และอีกประการสำคัญเพื่อเป็นการพัฒนาการกีฬาของนักเรียนสาธิตสู่ระดับมาตรฐานสากล

ในปีนี้ กีฬาสาธิตสามัคคีได้ดำเนินมาถึงครั้งที่ 46 ซึ่งโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 4 - 10 พฤศจิกายน 2566 ภายใต้คำขวัญ "กีฬาสาธิต ผูกมิตรสัมพันธ์ สามัคคีกัน ร่วมฉัททันต์เกมส์" โดยได้นำนามของช้างตระกูลพรหมพงษ์ คือ "ฉัททันต์" มีความคล่องแคล่วว่องไว มีคุณลักษณะเหมาะสมกับความเป็นนักกีฬา มาเป็นชื่อในการแข่งขันและที่สำคัญสัญลักษณ์ประจำโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือ ตรา "ช้างชูคบเพลิง" ชื่อช้างอันเป็นมงคลนี้ จึงได้รับเลือกมาเป็นชื่อการแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 46 "ฉัททันต์เกมส์"

โดยครั้งนี้มีการแข่งขันทั้งสิ้น 18 ชนิดกีฬาและมีนักกีฬาผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 22 สถาบันทั่วประเทศ รวมกว่า 10,000 คน การจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะศึกษาศาสตร์ หน่วยงานในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตลอดจนหน่วยงานสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งผู้สนับสนุนจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ จำนวนมาก

พัฒนชัย/เชียงใหม่

‘นิด้าโพล’ ชี้ ปชช.ส่วนใหญ่หนุน ‘แจกเงินดิจิทัล’ ถ้วนหน้า แบบไม่อิงเงินเดือน-เงินฝาก พร้อมไม่จำกัดรัศมีในการใช้

(5 พ.ย.66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘หลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง

จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงหลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.08 ระบุว่า จ่ายทุกกลุ่มโดยไม่ต้องมีเกณฑ์เงินเดือน หรือเงินฝากในบัญชีมาเป็นข้อจำกัด รองลงมา ร้อยละ 26.64 ระบุว่า จ่ายเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 14.66 ระบุว่า ตัดสิทธิ์ผู้ที่มีรายได้เกินเดือนละ 50,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 5 แสนบาท ร้อยละ 8.01 ระบุว่า ตัดสิทธิ์ผู้ที่มีรายได้/เงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 1 แสนบาท และร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านเกณฑ์พื้นที่/รัศมีการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 69.85 ระบุว่า ควรใช้จ่ายในร้านค้าใดก็ได้ในประเทศไทย โดยไม่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่/รัศมีมากำหนด รองลงมา ร้อยละ 14.50 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายในร้านค้าภายในจังหวัด (ตามทะเบียนบ้าน) ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายในร้านค้าภายในอำเภอ (ตามทะเบียนบ้าน) และร้อยละ 2.06 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายในร้านค้ารัศมี 4 กิโลเมตร (ตามทะเบียนบ้าน)

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงระยะเวลาในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 62.60 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายเงินภายใน 6 เดือน รองลงมา ร้อยละ 37.09 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายเงินภายใน 1 ปี และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top