Wednesday, 30 April 2025
TheStatesTimes

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมการประชุม International Police Summit 2023 แสวงหาความร่วมมือในระดับสากล เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท สร้างความสงบสุขอย่างยั่งยืนแก่ประเทศชาติและประชาชน

วันนี้ ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล ที่มุ่งให้ความสำคัญ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท ซึ่งในปัจจุบันมีแนวโน้มพัฒนารูปแบบเป็นอาชญากรรมข้ามชาติและมีลักษณะเป็นองค์กร ขนาดใหญ่ ทวีความรุนแรง เป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นอันมาก สมควรที่จะแสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมบูรณาการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงในระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมคณะ ประกอบด้วย พ.ต.อ.พงษ์เดช คำใจสู้ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พ.ต.อ.ศิลา ตันตระกูล ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ ตท. เดินทางไปร่วมประชุม International Police Summit 2023 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 20 ตุลาคม 2566 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ร่วมกับ นาย Shahkar Fasai ที่ปรึกษาพิเศษ

ด้านงานตำรวจ องค์การสหประชาชาติ (UNPA) และหัวหน้าองค์กรตำรวจและผู้แทนจาก 34 ประเทศ ตลอดจนผู้แทน UNDPO, UNDP และ Europol โดยมีนาย Yoon Hee Keun ผบ.ตร.สาธารณรัฐเกาหลี และ นาย Cho Ji Ho รอง ผบ.ตร.สาธารณรัฐเกาหลี ให้การต้อนรับ ในการนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ และคณะ ได้เข้าร่วมงานวันตำรวจแห่งชาติ สาธารณรัฐเกาหลี เป็นการแสดงออกถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี ร่วมกับ นาย Bun Kee Moon อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสาธารณรัฐเกาหลี เอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ และหัวหน้าหน่วยงานตำรวจจาก 34 ประเทศทั่วโลก โดยมี นาย Yoon Suk Yeol ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ให้การต้อนรับ พิธีเป็นไปอย่างอบอุ่นและสมเกียรติ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า การประชุม International Police Summit 2023 เป็นการร่วมหารือและดำเนินกลยุทธ์เพื่อป้องกันและต่อสู้กับอาชญากรรมทุกประเภทที่มีอยู่และเกิดขึ้นใหม่ โดยในปัจจุบันบริบทการทำงานของตำรวจเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก สืบเนื่องจากอาชญากรรมและภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของประชาชนที่ซับซ้อนและรุนแรง ภัยพิบัติทางด้านสุขภาพของประชากรโลก และการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการทำงานของตำรวจ ดังนั้น การประชุมตำรวจนานาชาติในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีของผู้บริหารหน่วยงานตำรวจจากทั่วโลกที่จะร่วมกันบอกเล่าประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ระดมแนวคิดสำหรับการดำเนินการเชิงรุกในการรับมือกับภัยคุกคามในอนาคต และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระยะยาว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญต่อการแสวงหาร่วมมือกับหน่วยงานตำรวจของประเทศอื่นๆ อย่างมาก มีการปฏิบัติที่สำคัญในความร่วมมือ เช่น แผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง (2023-2027) (LM-LECC) อันเป็นความร่วมมือของกันระหว่าง 6 ประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาค เน้นความสำคัญในอาชญากรรมข้ามชาติอันร้ายแรง และในช่วง 3 เดือนแรก สามารถช่วยเหลือบุคคลที่ถูกหลอกลวงมาทำงาน และจับกุมผู้ต้องหากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 39 คน นอกจากนี้ยังการมีปฏิบัติการร่วมกับกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ในเมืองสีหนุวิลล์ และสามารถช่วยเหลือเหยื่อชาวไทยกว่า 800 ราย โดยมีมาตรการต่อไปคือการส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมพื้นที่การปฏิบัติที่อยู่ในพื้นที่ความขัดแย้ง  เพื่อศึกษาสาเหตุที่แท้จริงและออกมาตรการใหม่ต่อไป 

ในส่วนของอาชญากรรมออนไลน์ 18 เดือนที่ผ่านมา เราได้รับรายงานมากกว่า 330,000 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย ประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ออกมาตรการ จัดตั้งระบบรายงานเหตุออนไลน์ จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนและศูนย์แจ้งเตือนอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมทั้งเพิ่มหน่วยงานเฉพาะทาง เช่น ตำรวจไซเบอร์ขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับแก้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนความร่วมมือระดับภูมิภาค ได้เพิ่มความพยายามในการป้องกันการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลข้ามชาติ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ร่วมมือกับภาคเอกชนพัฒนาระบบสื่อสาร และฝึกอบรมบุคลากรที่เชี่ยวชาญ 

จากนั้น พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้ร่วมประชุมหารือทวิภาคีกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี ทั้ง 2 ประเทศได้บรรลุความตกลงมาตรการเสริมสร้างความร่วมมือที่ดี ร่วมกันรักษาความปลอดภัยให้พลเมืองไทย จำนวน 2 แสนคน ที่เป็นนักท่องเที่ยว และทำงานในประเทศเกาหลี ตลอดจนพลเมืองเกาหลีที่เป็นนักท่องเที่ยว เรียน และทำงานในประเทศไทย อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยในอนาคตจะผลักดันให้มีผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ เพื่อรองรับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
 
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้ร่วมประชุมหารือทวิภาคีกับกระทรวงความมั่นคง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้ง 2 ประเทศได้บรรลุความตกลงมาตรการเสริมสร้างความร่วมมือที่ดี โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเทศไทย จะเข้าร่วมโครงการ International Initiative of Law Enforcement for Climate (I2LEC) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือของผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร่วมกับ UNODC, Interpol, UNPOL และ 41 ประเทศ ร่วมกันแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งจากผลวิจัยพบว่า climate change เป็นผลกระทบโดยตรงจากปัญหาอาชญากรรมขนาดใหญ่ เช่น การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ ฯลฯ และตำรวจเป็นองค์กรแรกที่ต้องจัดการกับปัญหาต่างๆ สร้างเครือข่ายระหว่างผู้บังคับใช้กฎหมายในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมกรรมที่เกี่ยวข้องกับหรือเป็นต้นเหตุของ climate change ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลไทยก็ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับ climate change หรือ environmental crime อย่างจริงจังและยั่งยืน 

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า การแสวงหาความร่วมมือในทุกมิติผ่านการประชุม International Police Summit 2023 ในครั้งนี้ ส่งผลให้ทุกประเทศที่เข้าร่วมประชุมบรรลุเจตนารมณ์ร่วมกันในการเล็งเห็นความสำคัญและการตระหนักถึงผลกระทบ ของอาชญากรรมทุกประเภท ซึ่งในปัจจุบันมีลักษณะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติและมีลักษณะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งทวีความรุนแรง เป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน และส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมของทุกประเทศ และจะร่วมกันยกระดับการประสานความร่วมมือในการบูรณาการปราบปรามและแก้ไขปัญหานี้อย่างใกล้ชิดและจริงจังอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในระดับทวิภาคี พหุภาคี และระดับสากล เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนมีความปลอดภัย เกิดสันติภาพและความมั่นคงอย่างยั่งยืน

ปตท. จับมือ เมตรอน รุกธุรกิจแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงาน หวังยกระดับอุตสาหกรรมไทย สู่ ‘อุตสาหกรรม 4.0’

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 66 ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาความร่วมมือในธุรกิจแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management Platform) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เมตรอน เอเชียแปซิฟิก จำกัด (เมตรอน) โดยมี นางสุณี อารีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดค้าปลีกและวิศวกรรมก๊าซธรรมชาติ ปตท. และ Mr. Vincent Sciandra ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมตรอน เอเชียแปซิฟิก จำกัด เป็นผู้ลงนาม เพื่อขยายตลาดเอนเนอร์ยี่โซลูชั่นส์ในประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยี Advanced Energy Intelligence Platform เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย และตอบสนองนโยบายภาครัฐตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

ม.ล. ปีกทอง กล่าวว่า “ปตท. และ เมตรอน มุ่งมั่นในการพัฒนา Energy Management Platform เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการจัดการพลังงานให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรมของ ปตท. ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ลดต้นทุนและใช้พลังงานอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการพลังงานขั้นสูงของเมตรอน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 และเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ อีกทั้งเป็นการสนับสนุนนโยบายที่จะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมให้กับประเทศไทยในเวทีโลก”

Mr. Vincent เผยว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นขยายตลาดการให้บริการระบบ Energy Management and Optimization Solution (EMOS) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการให้บริการและสนับสนุนด้าน Digital Solutions เพื่อให้ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมของ ปตท. สามารถบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตอีกด้วย”

ทั้งนี้ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง ปตท. และ เมตรอน ถือเป็นการส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรม โดยได้เริ่มใช้ระบบการจัดการพลังงานให้กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กแล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือเพื่อยกระดับมาตรฐานสำหรับการพัฒนาการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนของประเทศไทย

Why We Buy: ศาสตร์แห่งการชอปปิง เรื่องไม่ลับ...อะไรทำให้คุณยอมควักเงินจ่าย

“หนังสือ Why We Buy : The Science of Shopping โดย Paco Underhill เล่มนี้เป็นวิทยาศาสตร์ ใครที่เป็นผู้ประกอบการแล้วไม่เคยอ่าน อยากซื้อของได้ราคาดีแล้วไม่เคยอ่าน ไม่อยากเป็นเหยื่อการตลาดแล้วไม่เคยอ่าน หรือใครที่อยากเป็นระดับผู้จัดการที่เก่งแล้วไม่เคยอ่าน ผมบอกเลยว่า...คุณพลาดแล้ว!”

‘หมอเส’ นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงหนังสือเล่มล่าสุดของสำนักพิมพ์มาสเตอร์พีช ‘Why We Buy ศาสตร์แห่งการชอปปิง’ ที่เจ้าตัวเคยอ่านและมีความประทับใจ จนถึงขนาดติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ต้นฉบับ และลิขสิทธิ์ต้นฉบับแปลภาษาไทย นำกลับมาสร้างความประทับใจและเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจศาสตร์แห่งการชอปปิงในทุกมิติ

‘Why We Buy ศาสตร์แห่งการชอปปิง’ เคยเป็นหนังสือขายดีติดอับดับ Best Seller ในหลายประเทศ แปลมากกว่า 27 ภาษา โดยผู้เขียน ‘ปาโก อันเดอร์ฮิลล์’ ประธานผู้ก่อตั้งเอ็นไวโรเซล บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยตลาด ใช้แนวคิดพื้นฐานของจิตวิทยาสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้ซื้อในการจัดโครงสร้างให้เอื้อต่อการขายปลีก เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวิเคราะห์แนวโน้มผู้บริโภค และมีลูกค้าสำคัญทั่วโลก อาทิ โค้ก ยูนิลีเวอร์ ซิตีแบงก์ ดิอาจิโอ ฯลฯ

ปาโกตั้งใจเขียนความเป็นอมตะของการชอปปิง ตีพิมพ์ออกมาเป็นหนังสืออันมีคุณค่า โดยเฉพาะกับนักขาย นักการตลาด นักประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาด เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ไม่ว่าสินค้าและบริการของคุณจะอยู่ในจุดไหนของตลาด ไม่ว่าสินค้าและบริการของคุณจะขายแบบออนกราวนด์ หรือออนไลน์ ก็สามารถนำ ‘ศาสตร์แห่งการชอปปิง’ ไปปรับเพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์ได้เหมือนกันทั้งหมด

ยกตัวอย่างเช่น กระจกทำให้นักชอปปิงเดินช้าลง และมันเป็นเครื่องมือการขายที่สำคัญ นั่นเพราะคนเรามักใส่ใจและชอบดูตัวเอง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการชอปปิงไปจนถึงการทำศัลยกรรมตกแต่ง กระจกจึงเป็นผู้ช่วยที่ดีของคุณ กลิ่นหอมของขนมปังอุ่นๆ ที่เพิ่งออกจากเตาอบ เชื้อชวนและชักจูงให้นักชอปปิงเดินไปหาและหยุดอยู่ที่บริเวณขายขนมอบ ทั้งที่เอาเข้าจริงแล้ว เขาอาจไม่ได้อยากกินเบเกอรี แต่กลิ่นขนมปังหอมฟุ้งมันดันเตะจมูกเข้าอย่างจัง คนในญี่ปุ่นกับยุโรปเมื่อเดินเข้าไปในร้านค้า พวกเขามองไปคนละทางกัน และส่วนใหญ่มักหันไปตามตามเลนเวลาที่ขับรถ หรือทำไมการจัดวางสินค้าบางอย่างต้องอยู่ในระยะสายตา หรือมีการสับเปลี่ยนสินค้าในการวางแต่ละช่วงเวลา เหล่านี้มีการสังเกตการณ์และเก็บสถิติเพื่อเห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคไว้เรียบร้อยแล้ว

ทำไมแผนกเครื่องแก้ว จานชาม ถึงต้องจัดโซนแก้วเบียร์วางรวมอยู่ข้างกันด้วย ทั้งที่จริงแล้วแก้วเบียร์ไม่ได้ทำกำไรให้ แต่ต้องมีเพราะผู้ชายจะได้ไม่มากวนใจ และปล่อยให้ผู้หญิงเลือกซื้อเครื่องแก้ว จานชามที่เธอชอบได้อย่างเป็นอิสระ

ทำไมเนกไทถึงมาวางอยู่ในโซนนี้ มันดูผิดที่ทาง แต่ขายได้...หนังสือเล่มนี้มีคำตอบ

‘Why We Buy ศาสตร์แห่งการชอปปิง’ เคยตีพิมพ์ฉบับภาษาไทยมาก่อนหน้านี้ และติดอันดับหนังสือขายดี ทว่าหายจากแผงหนังสือไปกว่า 10 ปี ครั้งนี้สำนักพิมพ์มาสเตอร์พีชได้นำต้นฉบับแปลเดิม โดย สุนิสา กาญจนกุล มาเรียบเรียงและตีพิมพ์ใหม่อีกครั้ง โดยความตั้งใจคือนำหนังสือดี มีประโยชน์ และขยายขอบข่ายศักยภาพการขายทั้งมิติของออฟไลน์และออนไลน์ในวงกว้าง  กลับสู่บรรณพิภพอักษรอีกครั้งหนึ่ง

“หลังจากอ่านจบ ผมเกิดความรู้สึกว่า ‘เจ๋ง’ โลกนี้สามารถคิดแบบนี้ได้จริงหรือ การค้าขายที่ดูเหมือนจะง่าย แต่แท้จริงแล้วมีรายละเอียดแบบนี้เลยเชียวหรือ มันมีรายละเอียดของศาสตร์เหล่านี้อยู่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ กับเมื่อทำความเข้าใจแล้วก็สามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในทุกด้าน

“วันนี้ที่ MASTER เติบโตจนมาถึงวันนี้ได้ ก็เพราะเราเข้าใจลูกค้า เข้าใจทีมงาน เข้าใจหมอ เราเข้าใจในธุรกิจ ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่สำคัญคือหนังสือเล่มนี้นี่ละครับ ทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงรู้สึกอย่างนั้น และเมื่อทีมงาน ผู้บริหาร พาร์ตเนอร์ของเราได้อ่านหนังสือ ‘Why We Buy ศาสตร์แห่งการชอปปิง’ เล่มนี้ พวกเขาจะสามารถเข้าใจในแบบที่ผมเข้าใจด้วยเช่นกัน” หมอเสสรุป

ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อหนังสือ ‘Why We Buy ศาสตร์แห่งการชอปปิง’ ฉบับพิมพ์ครั้งล่าสุดได้ที่ ตัวแทนจำหน่าย บริษัท เคล็ดไทย จำกัด โทร. 0-2225-9536-9 หรือ www.kledthai.com และมีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

‘รองนายกฯ ไทย’ ยก ‘แผน BRI’ เป็นสุดยอดวิสัยทัศน์ระดับโลก เชื่อมต่อความเจริญ หนุนการค้า-ลงทุน เสริมแกร่ง ศก. ‘ไทย-จีน’

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, กรุงเทพฯ รายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซินหัวว่า ‘แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’ (BRI) ถือเป็นวิสัยทัศน์ระดับโลกอันชาญฉลาดที่ส่งเสริมการเชื่อมต่อและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงนำพาความเจริญมายังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

นายปานปรีย์ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ‘หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ’ (BRF) ครั้งที่ 3 ว่าแผนริเริ่มฯ เป็นโครงการที่มีความชาญฉลาดมาก มีการมองไปข้างหน้าเพื่อการพัฒนาภูมิภาค และเพื่อให้โลกมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น พัฒนาการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะทำให้ประเทศด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนาได้ประโยชน์จากโครงการนี้สูงมาก

แผนริเริ่มฯ ได้ยกระดับการเชื่อมต่อระดับภูมิภาคผ่านโครงการต่างๆ อย่าง ‘ทางรถไฟ’ ซึ่งเชื่อมต่อเมืองสำคัญอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เกิดการขนส่งสินค้าอย่างราบรื่นตลอดแนวเส้นทาง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการสร้างทางรถไฟจีน-ไทย ซึ่งจะเชื่อมต่อกับทางรถไฟจีน-ลาว และจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งจีน ลาว และไทย

“เราหวังจะเสริมสร้างการเชื่อมต่อกับมาเลเซียและสิงคโปร์เพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศเหล่านี้ในด้านการค้า การลงทุน และสำคัญที่สุดคือ ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน” นายปานปรีย์กล่าว พร้อมชี้ว่า จีนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกที่เผชิญความไม่แน่นอนมากมายในสถานการณ์ปัจจุบัน

สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจจีน นายปานปรีย์กล่าวว่า ประเทศจีนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เวลานี้เศรษฐกิจจีนจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นกลับมาได้ในสภาพที่ปกติ เพื่อนบ้านหรือภูมิภาคที่อยู่ใกล้จีน ก็สามารถค้าขายกับจีนได้อย่างเป็นปกติเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การค้าในภูมิภาคของเอเชียมีความแข็งแรงทั้งหมด

“ในมุมมองผม ก็ยังมองเศรษฐกิจของจีนในด้านดีและด้านบวก” นายปานปรีย์กล่าว

สำหรับความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างไทยและจีนนั้นหยั่งรากลึก โดยนอกจากการค้าและการลงทุนแล้ว ความร่วมมือทวิภาคียังครอบคลุมด้านอื่นๆ เช่น ความมั่นคง สังคม และวัฒนธรรม ขณะการทำงานร่วมกันมุ่งเน้นเศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว โดยเฉพาะการเกื้อหนุนห่วงโซ่อุปทานเพื่อความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

อนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่า การค้าทวิภาคีระหว่างจีนและไทยในปี 2022 อยู่ที่ 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปีก่อนหน้า โดยจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย

นายปานปรีย์ กล่าวว่า จีนเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเมื่อไม่นานนี้ ไทยได้ดำเนินนโยบายฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเยือนไทย และกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

สำหรับการพัฒนาระดับภูมิภาค นายปานปรีย์กล่าวว่า ความสัมพันธ์จีน-อาเซียนที่แข็งแรงจะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาค รวมถึงไทย ในหลากหลายด้าน เช่น การค้า การลงทุน และความมั่นคงของภูมิภาค

“ความสัมพันธ์นี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งอาเซียนและจีน” นายปานปรีย์กล่าว

'พวงเพ็ชร' นำสื่อรัฐพบ CMG สื่อยักษ์จีน ผสานความ ‘สัมพันธ์-ร่วมมือ’ สื่อ 2 ประเทศ

(19 ต.ค.66) นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายวราวุธ ยันต์เจริญ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นางสุดฤทัย เลิศเกษม รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และคณะ เข้าเยี่ยมชมสถานีโทรทัศน์ระหว่างประเทศของจีน (China Global Television Network: CGTN) ซึ่งเป็นหน่วยสื่อภายใต้กลุ่มสื่อแห่งชาติจีน (China Media Group: CMG) โดยมี นายอาน เซี่ยวหยู (An Xiaoyu) รองผู้อำนวยการเครือข่ายโทรทัศน์ภาคบริการโลกแห่งประเทศจีน และผู้อำนวยการศูนย์เอเชีย-แอฟริกา กลุ่มสื่อแห่งชาติจีน (CMG) ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ นางพวงเพ็ชร และคณะ ได้เยี่ยมชมการทำงานของสื่อจีนที่มีเทคโนโลยีการผลิตและออกอากาศที่ก้าวหน้าทันสมัย ซึ่งเป็นสื่อโทรทัศน์ที่มีกลุ่มเป้าหมายต่างชาติกว่า 180 ประเทศ เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังกว่า 600 ล้านคนทั่วโลก ใช้ภาษาออกอากาศ 68 ภาษา มีศูนย์ผลิตรายการ สำนักงานใหญ่ที่กรุงปักกิ่ง และอีกใน 3 แห่ง ได้แก่ กรุงวอชิงตัน ลอนดอน และนาโรบี (ไนจีเรีย) โดยครั้งนี้ได้เยี่ยมชม เทคโนโลยี 4 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ศูนย์ปฏิบัติการมอนิเตอร์ข่าว 2.ศูนย์มัลติมีเดีย สื่อออนไลน์ 3.สตูดิโอรายการภาคภาษาอังกฤษ 4.ห้องควบคุมการออกอากาศ รวมทั้งได้ทดลองใช้อุปกรณ์การออกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง การนำ Application มาประยุกต์ใช้ในวงการสื่อของจีน ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว มีความทันสมัย และน่าสนใจ

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองในการดำเนินความร่วมมือด้านสื่อระหว่างประเทศ ซึ่งฝ่ายไทยได้เสนอแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการฝึกอบรมที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดย นายอาน เซี่ยวหยู ได้เน้นย้ำถึงบทบาทและความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีส่วนช่วยในการยกระดับมาตรฐานการรายงานข่าวและขยายการเข้าถึงติดตามข่าวสารได้ทั่วโลก

นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ปัจจุบันรูปแบบของการสื่อสารมีการปรับตัวอยู่เสมอ และประชาชนนิยมรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย และสามารถเชื่อมโยงครอบคลุมได้ทั่วโลก การสื่อสารระหว่างประเทศถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างการรับรู้ ส่งเสริมภาพลักษณ์ และสร้างความเข้าใจทางวัฒนธรรมระหว่างกัน การเยี่ยมชมครั้งนี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างสื่อของไทยและจีน และย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนในอนาคต อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีที่ได้นำคณะสื่อภาครัฐอย่างกรมประชาสัมพันธ์มาเยี่ยมชมแนวทางการสื่อสารผ่านสื่อยุคใหม่ที่มีความทันสมัย และก้าวทันโลก สามารถนำไปปรับใช้กับการสื่อสารของไทยได้ในอนาคต 

‘เบิร์ด ธงไชย’ แชร์เทคนิคดูแลสุขภาพในวัยใกล้ 70 ชี้ ‘นอนให้เยอะ-กินเท่าที่ไหว’ ไม่ฝืนตัวเองเกินไป

(19 ต.ค.66) ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาล ‘เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์’ เปิดห้องซ้อมตึกแกรมมี่ ชั้น 26 โชว์สเตปแดนซ์เกินร้อย กับคอนเสิร์ต ‘แบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 12 (BABB BIRD BIRD SHOW #12/2023) ตอน MULTIBIRD จักรวาลธงไชย’ ต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก โดยนำเพลงเด็ด ‘เรามา SING’ หนึ่งในเพลงไฮไลต์ พร้อมทีมแดนเซอร์หลายสิบชีวิต มาโชว์ความสนุกเรียกน้ำย่อยก่อนถึงวันจริง ซึ่งนับถอยหลังเหลืออีกเพียง 30 วัน บนเวที อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในเดือนพฤศจิกายนนี้

หลังจากนั้น ‘พี่เบิร์ด’ ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงความพร้อมในการขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้ จัดเต็มความอลังการ ซ้อมวันละ 6 ชม. จนแดนเซอร์เหนื่อย พร้อมแชร์เทคนิคดูแลตัวเองในวัยใกล้ 70 ไม่เคยกินหมูกระทะ ชาบู หม่าล่า หมูสามชั้น และเผยถึงความรู้สึกหลังได้รับเกียรติยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2565 สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง)

แบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ MULTIBIRD ครั้งนี้เป็นอย่างไร? “ซ้อมเมื่อกี้แค่เสี้ยวเดียวเอง 1 เพลง ทั้งหมดมี 36 ยูนิตครับ นี่เพียง 1 ยูนิตเท่านั้นเอง ทุกวันนี้พี่ซ้อมอย่างน้อยที่ตึกแกรมมี่วันละ 6 ชั่วโมง ตั้งแต่บ่ายโมงเป็นต้นไป ทีนี้ก็ต้องเห็นใจแดนเซอร์ซึ่งตอนนี้งานเยอะมาก มีคอนเสิร์ตเกือบทุกอาทิตย์เลยเพราะฉะนั้นก็ต้องแบ่งๆ กันไปครับ ส่วนพี่เบิร์ดก็ได้แค่วันละ 6 ชั่วโมงเท่านั้นเอง แต่ไปซ้อมต่อที่บ้านอีกครับ”

พาร์ตไหนที่ต้องโชว์ยาวสุด? “สบายมากครับ เล่นพรุ่งนี้ก็ได้ครับ (ยิ้ม)”

แดนเซอร์มีบ่นเหนื่อยบ้างมั้ย? “มีครับ พี่สงสัยว่าเขาเหนื่อยทำไม เราไม่มีเวลาเหนื่อยแล้วน้อง พี่เบิร์ดไม่เหนื่อยเหรอคะ ไม่ค่ะ ไม่เหนื่อย เสร็จงานแล้วค่อยว่ากัน (หัวเราะ)”

พอพูดถึงคอนเสิร์ต MULTIBIRD ต้องมีหลายพาร์ตมารวมกัน? “ใช่ครับ ตั้งแต่การทำงานเลยนะ มัน multi เหมือนเป็นจิ๊กซอว์ อย่างที่บอกงานเราเยอะช่วงนี้ คนไทยผ่านอะไรมากมายแล้ว ผ่านเรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด พอถึงวันเวลาที่เขาจะมีความสุข เราต้องอัดให้เต็มที่ พอมันมีหลายส่วนมารวมกัน เราถึงต้องแยกเป็นจิ๊กซอว์กัน พี่ก็จะไปปรากฏตามที่ต่างๆ ในคอนเสิร์ตครับ อุ้ย ไม่เอา ไม่พูดครับ (หัวเราะ)”

แบบเบิร์ดเบิร์ดครั้งนี้มีหลายจักรวาลด้วย? “ใช่ครับ หลายจักรวาล ที่เห็นง่ายๆ คือจักรวาลของโกโบริ โกโบริยังไม่ตายครับ ยังอยู่กับพวกเราครับ เขาจะพาอังศุมาลินมาด้วยนะ แต่ว่าเขาต้องเลือกก่อน”

หลายคนรอลุ้นแขกรับเชิญ หลายๆ ท่านอยากจะมาเป็นแขกรับเชิญให้พี่เบิร์ด? “ใช่ครับ ให้พี่เบิร์ดเลือกไม่ได้นะครับ พี่เบิร์ดเอาหมดเลยครับ (หัวเราะ) ให้พี่เล็กเป็นคนเลือก”

แล้วพาร์ตของเพลงเลือกยังไงบ้าง มีเพลงฮิตเยอะมาก? “คือเรื่องเพลงมันแล้วแต่ แต่เรื่องใจคนเนี่ยหนักกว่าเรื่องเพลง ทำไมถึงไม่มีแบบเบิร์ดเบิร์ดต่ออีกอ่ะ ผ่าน 37 ปีแล้วทำไมยังเชื่อถือผู้ชายคนนี้อยู่ อายุก็เยอะแล้วนะ ยังเต้น ไม่มีใครสงสารเวทนาพี่เบิร์ดเลย จะ 70 แล้ว บอกคนดู ฟ้องหมดทุกคนเลยครับ”

มีแต่แฟนๆ เรียกร้องอยู่ตลอด? “ใช่ครับ เพราะฉะนั้นเพลงเราเฉลี่ยๆ กัน พี่เบิร์ดเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเป็นนักร้อง 80 90 เพราะฉะนั้นก็เลยดึงเอา 80 90 มา แล้วก็ดึงเยอะแยะไปหมดเลยครับ”

รู้สึกอย่างไรที่แบบเบิร์ดเบิร์ดอยู่มาทุกยุคทุกสมัย แล้วตั้งเป้ามั้ยว่าจะยืดไปถึงแค่ไหน? “พี่เบิร์ดไม่เคยตั้งเป้าเลย จะบอกกับทุกคนเลยว่า แบบเบิร์ดเบิร์ดเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อไปเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย ไม่รู้ว่าจะได้เกิดหรือเปล่าเลย แต่เนี่ยมันดำเนินมาได้ 37 ปีแล้วครับ หลายๆ คอนเสิร์ตแล้ว พี่เบิร์ดขอบคุณตรงนี้มากๆ ครับที่อนุญาตและไว้ใจพวกเราชาวแบบเบิร์ดเบิร์ดนะครับ ขอบคุณมากๆ พี่เบิร์ดคิดว่าคราวนี้จะทำให้ถึงที่สุดเลยครับ”

มีส่วนไหนที่หนักใจที่สุดในคอนเสิร์ตครั้งนี้? “หนักใจที่สุด ไม่มี ถ้าเขาบอกว่า พี่เบิร์ดพร้อมมั้ย ได้เลยครับ ผมเล่นเลย ก็ไปอิมแพ็คเลย”

เปลี่ยนกี่ชุด? “หลายชุดเหลือเกิน แต่ละชุดของพี่เบิร์ดนะครับ อื้อหืม น้องเอ้ย รับรองว่าจะลืมไม่ลงแล้วแดนเซอร์นะครับ โอ้โห เริ่ดครับ”

เลือกเพลงเองด้วยมั้ย ว่าเพลงนี้ต้องมี? “เบิร์ดไม่เลือกเลยครับ เพราะว่าบทเพลงของเบิร์ดเนี่ย เบิร์ดร้องในห้องอัด เบิร์ดรักทุกเพลง ฉะนั้นแล้วแต่ทีมงาน ทุกอย่างแล้วแต่ทีมงานหมดเลย เพราะทีมงานเป็นคนรีเสิร์ชเขาคงไม่หาอะไรที่ไม่ดีมาให้เบิร์ดให้คนดูของเบิร์ดแน่นอน”

มีเพลง รักเอ๋ย ด้วยมั้ย เพลงประกอบละคร พนมนาคา กระแสกำลังมาแรง? “เดี๋ยวพญานาคมานะ พี่มีแต่พญานาคตัวน้อยๆ (หัวเราะ) อุบไว้ก่อน พี่เบิร์ดก็เห็นกระแสเพลงนี้ครับ ประมาณ 6 ล้านวิวแล้วใช่มั้ยครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณแทนนักแสดงทุกๆ คน ขอบคุณแทนคนทำงานทุกคนของละครด้วยนะครับ มันดีนะ ไปยุ่งกับใครเขาแล้วเขาเจริญ แล้วพี่เบิร์ดก็ไม่ได้มีเพลงประกอบละครมานานแล้ว พี่เบิร์ดก็อ้าปากรอครับว่าเมื่อไหร่จะได้ร้องเพลง เมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก”

ตอนโชว์เพลง เรามา SING คอนเซปต์เป็นยังไง เพราะดูอลังการ? “ใช่ครับ คอนเซปต์ของเพลงนี้คือรวมทั้งเอเชียเลย มีทั้งจีน ลาว ไทย แขก มีหมดเลยครับ มีทั้งเอเชียของเรารวมอยู่ในเพลงนี้ มันนำมาให้พวกเราได้เห็นกันครับ”

มีเทคนิคการดูแลสุขภาพอย่างไร? “ฟังตัวเองครับ ว่าเขาต้องการอะไร ไม่ใช่ว่าอิ่มจะแย่แล้วต้องกิน เราต้องไม่กิน เราต้องฝืนตัวเอง (หัวเราะ) ที่สำคัญนอนให้เยอะๆ ครับ กินกับนอน อึด้วย”

เมนูโปรดที่ชอบ? “ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กินครับ เขาไม่ให้กินอะไรเท่าไหร่ เขาให้กินแต่พวกผลไม้ เป็นลิงเป็นค่างหมดแล้วครับ ถามว่ามีเมนูไหนที่ไม่กินเลยมั้ย ไม่มีนะครับ กินหมดแต่กินน้อย ถ้าอันไหนที่เราคิดว่ามันไม่ดี เราก็กินน้อย ไม่เคยกินหมูกระทะ ชาบูก็ไม่เคยกิน หมูสามชั้นก็ไม่กิน หม่าล่าก็ไม่เคยกินครับ หม่าล่ามีด้วยเหรอ เออ เห็นช้างบอกเหมือนกันว่าจะพาไปกินหมาล่า และอยากให้ไปกินกุ้งถัง”

แสดงความยินดีกับการเป็นศิลปินแห่งชาติ? “พี่เบิร์ดกับความเป็นศิลปินแห่งชาติ พี่เบิร์ดว่าให้ไปเยอะแล้ว ให้หมดทั้งชีวิตแล้วสำหรับอาชีพ และสำหรับความเป็นไทย พี่เบิร์ดให้แล้วพี่เบิร์ดได้รับ สิ่งที่พี่เบิร์ดทำไปก็ยังอยู่สายตาของทุกคน พี่เบิร์ดชอบและมีความสุข ขอบคุณครับ”

วินาทีแรกที่ได้ทราบว่าได้เป็นศิลปินแห่งชาติ มีความรู้สึกอย่างไร? ”คนข้างๆ พี่เบิร์ดน่ะ มีอาการมากกว่าพี่เบิร์ดนะ พี่น้อง พี่น้อย แล้วก็พี่เล็ก กรี๊ดกันสุดฤทธิ์เลยครับ เพราะว่าเขาถ่ายทอดสดด้วยไง พี่เบิร์ดก็ซ้อมอยู่ พี่เบิร์ดก็แบบ อะไรวะๆ เพิ่งรู้ ก็ดีใจครับ”

คำว่าศิลปินแห่งชาติยิ่งใหญ่ยังไง? “ยิ่งใหญ่มากสำหรับพี่เบิร์ด ความเป็นศิลปินแห่งชาติเขายิ่งใหญ่ของเขาอยู่แล้ว เขายิ่งใหญ่ด้วยการตัดสิน เขายิ่งใหญ่ด้วยคนที่ได้ไป เขายิ่งใหญ่ด้วยกรรมการ เขาคัดกรองแต่ละครั้งไม่เหมือนกันเลย แล้วมีช่วงที่เผ็ด เร้าใจมากมายกว่าจะได้ตัวศิลปินแห่งชาติมา พี่เบิร์ดไม่รู้จะทำได้หรือเปล่าเพราะว่าศิลปินแห่งชาติเขาเรียบร้อยกันทั้งนั้นเลย พี่เบิร์ดเป็นลิงอยู่คนเดียว”

พอมีคำนี้มาต่อท้ายชื่อเราแล้วต้องมีการปรับอะไรมั้ย? “เห็นปั๊บ พี่ไอหยาก่อนเลย ตายแล้วจะเสียเขามั้ยเนี่ย พี่เล็กบอกให้ท่องเอาไว้ว่าเป็นศิลปินแห่งชาติ ท่องไว้ อย่าคึกมากนะเบิร์ด”

เราก็สร้างบรรทัดฐานศิลปินแห่งชาติอีกรูปแบบหนึ่ง? “ครับ อย่างหนึ่งที่ทำก็คือ ทุกครั้งที่มีโชว์พี่จะมีความเป็นไทยใส่เข้าไป ครั้งนี้ก็เหมือนกันครับ”

ย้อนกลับไปตลอดเส้นทางนี้เคยคิดไหมว่าจะมีวันนี้ได้เป็นศิลปินแห่งชาติในวันนี้? “ไม่เคยคิดเลยครับ เพราะว่าเขายิ่งใหญ่มากเลยศิลปินแห่งชาติ ครูที่ได้กับครูตัดสินให้ได้ศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะครับ อย่างพี่หง่าวยุทธนา มุกดาสนิท ศิลปินแห่งชาติ พี่จะทำให้ดีที่สุดนะครับ ไม่ให้เสียชื่อทุกคนครับ”

คอนเสิร์ตครั้งนี้อยากบอกอะไรกับคนดู? “คนดูเนี่ย พี่เบิร์ดขอเลยนะครับ อย่าใส่ส้นสูงมา ให้ใส่รองเท้าผ้าใบมา ถ้าเกิดใส่ส้นสูงมาแล้วห่วงสวยเนี่ย จะไม่มันส์นะ นานๆ จะมีสักทีหนึ่ง แบบเบิร์ดเบิร์ด คราวนี้จะได้เห็นหมดเลยว่าพี่เบิร์ดไปตรงไหน หมั่นเขี้ยวอยากบอกครับ (เวทีนี้ออกแบบให้ไปทุกจุดของอิมแพ็ค) ถนนตัดผ่านหน้าบ้านใคร พี่ไปทุกจุดเลยครับ ครั้งนี้ไม่สลิง เพราะพี่ทำมาก่อนแล้วเว้ย เตรียมตัวมาสนุกกันได้เลย สำหรับคอนเสิร์ต แบบเบิร์ดเบิร์ด 18-19 / 25-26 พฤศจิกายน ส่วน 17 เต็มแล้ว นอกนั้นเตรียมตัวแล้วเจอกันครับ”

‘นายกฯ เศรษฐา’ โชว์ซี้!! ได้เบอร์สายตรง ‘นายกฯ จีน’ พอใจเจรจานักลงทุนลุยไทย เชื่อเพิ่มมูลค่านับล้านล้าน

(19 ต.ค. 66) ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือทวิภาคีกับ นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า ได้มีการลงรายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง เรื่องการขนถ่ายสินค้าจากไทยไปจีนผ่านลาวที่พบว่ายังมีอุปสรรค คือ สะพานข้ามแม่น้ำโขงจากหนองคายไปลาว  ซึ่งตนได้บอกนายกฯ จีนว่า ควรจะมีการผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้การขนถ่ายสินค้าเป็นไปด้วยดี 

ซึ่งหากมีการสร้างสะพานดังกล่าวในช่วงจังหวัดหนองคาย ก็จะมีการสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าด้วย พร้อมยืนยันว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติรถไฟรางคู่จากขอนแก่นไปหนองคาย เพื่อบรรเทาความแออัด ในการขนถ่ายสินค้า ระหว่างการสร้างรถไฟความเร็วสูง อีกทั้งยังได้แจ้งว่ารัฐบาลได้มีการอนุมัติการทำการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ทำให้ประเทศไทยในอนาคตจะไม่ใช่แค่เส้นทางผ่านการขนถ่ายสินค้าอย่างเดียว แต่จะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของโลก เพราะหากโครงการนี้เกิดขึ้นจะเป็นโครงการเมกกะโปรเจกต์ที่ตอบโจทย์ปัญหาความแออัดของการขนถ่ายสินค้าทั่วโลกได้ โดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ซึ่งจะลดระยะทางและลดความแออัดลงได้ 

ดังนั้นการมีแลนด์บริดจ์เชื่อมต่อระหว่างอันดามัน-อ่าวไทย จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งจะไม่ใช่การขนถ่ายสินค้าระหว่างจีนผ่านไปอินเดีย ไปตะวันออกกลางและแอฟริกาอย่างเดียว แต่จะสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนจีนว่า การสร้างโรงงานที่ประเทศไทย จะทำให้การขนถ่ายสินค้า ขนส่งกระจายไปทั่วโลกอย่างสบาย ซึ่งนายกฯ จีนได้ให้ความสนใจอย่างมาก เพราะแลนด์บริดจ์จะเป็นโครงการที่มาเสริมให้บีอาร์ไอมีศักยภาพและเชื่อมโยงกับทั่วโลกได้ สอดคล้องกับเจตนาของประเทศจีน

นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าการมาจีนครั้งนี้ รัฐบาลประสบความสำเร็จ และมั่นใจว่าหากเกิดแลนด์บริดจ์ รวมทั้งการลงทุนด้านรถไฟฟ้าอีวี ซึ่งขณะนี้มีเข้ามาแล้ว 4 เจ้า และจะได้เจรจาอีก 2 เจ้า จะสามารถสร้างเม็ดเงินกว่าล้านล้านบาท ซึ่งนับตัวเลขไม่ได้ เพราะประเทศจีนพัฒนาเยอะมาก และเป็นความโชคดีที่ไทยตั้งอยู่จุดยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญ เรามีความเป็นกลาง มีความเป็นมิตร

"เมื่อวานนี้ผมรู้สึกว่ามีความผูกพันที่ดีมาก ๆ กับนายกฯ จีน ซึ่งท่านได้ให้เบอร์มือถือไว้ หากมีอะไรก็สามารถโทรพูดคุยได้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี โดยสองประเทศต้องพึ่งพากัน โดยเราต้องพึ่งจีนในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ ซึ่งในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ในการแสดงดนตรีร้องเพลงไทย คือ เพลงลอยกระทง ซึ่งมีการฝึกกันนานมาก แสดงให้เห็นว่าจีนให้ความสำคัญกับเรา ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดีมาก" นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยกันถึงการนำเข้า-ส่งออกสินค้าการเกษตร ซึ่งจีนพร้อมสนับสนุนทุกมิติ โดยตนได้ขอให้การนำเข้าวัวของจีน เป็นนโยบายหลักของที่ไทยจะส่งออกวัวให้กับจีนที่เป็นตลาดใหญ่ แต่เนื่องจากปัจจุบันการส่งออกวัวจะต้องผ่านการตรวจสอบที่ประเทศลาว รัฐบาลไทยจึงขอให้มีการศูนย์ตรวจสอบที่ประเทศไทย ซึ่งจะทำตามกฎของประเทศจีนทุกอย่าง อาทิ การตรวจโรค การฉีดวัคซีน ซึ่งมีความสำคัญมาก จะทำให้การพัฒนาส่งออกวัวได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางราง หรือทางเรือ ไม่ต้องไปพึ่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนายกฯ จีนยืนยันให้ความสำคัญและจะพิจารณาข้อเสนอของไทย ขณะเดียวกัน ยังได้หารือเรื่องวีซ่าฟรี ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้อนุมัติให้คนจีนเข้าไทยได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ถึง 29 ก.พ.67 แต่รัฐบาลมีความประสงค์จะขยายให้เป็นแบบระยะยาว ซึ่งทางจีนรับไปพิจารณา แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าน่าจะได้รับการตอบสนองที่ดี

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงการหารือกับนายกฯ จีน ถึงการแก้ปัญหาการจัดซื้อเรือดำน้ำ ที่ยังติดปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ว่า ทั้งสองฝ่ายจะมีการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ซึ่งนายกฯ จีนรับปากว่าจะไปช่วยดูให้ ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้พูดคุยกับกองทัพจีนด้วย โดยที่ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ตนจะได้พบกับ นายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน ก็จะได้มีการพูดคุยต่อเนื่อง ส่วนรายละเอียดขอให้ทาง รมว.กลาโหมได้ชี้แจง เพราะเป็นผลงานของนายสุทิน

‘รัฐ’ ดีเดย์ 15 ม.ค.67 แจกโฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม คุณสมบัติ ‘ถือ ส.ป.ก.4-01-ทำประโยชน์ไม่น้อยกว่า 5 ปี’

(19 ต.ค.66) นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล โฆษกคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ที่ประชุม กมธ.ที่ดินฯ วานนี้ (18 ต.ค.) มีวาระการพิจารณาเรื่อง ‘นโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนการปรับปรุงหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) ให้เป็นโฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม’ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ติดตามการผลักดันนโยบายของรัฐบาล โดยคณะกรรมาธิการได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมให้ข้อมูลได้แก่ ตัวแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวแทนจากคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และตัวแทนจากกรมที่ดิน ร่วมให้ข้อมูล 

ประเด็นสำคัญในหลักการการดำเนินนโยบาย อาทิ เร่งรัดปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง และมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ คปก. ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดรับกับการขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 การจัดทำร่างระเบียบเพื่อกำหนดรูปแบบและนิยามโฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พร้อมทั้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเปลี่ยนเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กำหนดคุณสมบัติผู้ได้รับการจัดที่ดินซึ่งเป็นเกษตรกรที่ถือครอง ส.ป.ก.4-01 และได้ทำประโยชน์ในที่ดินมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี กำหนดวิธีการจัดที่ดินโดยจะเป็นการจัดที่ดิน เพื่อประกอบเกษตรกรรมตามการจำแนกพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ที่ดิน กำหนดหลักเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงผู้ทำประโยชน์ โดยให้สามารถเปลี่ยนมือได้ระหว่างเกษตรกรที่มีคุณสมบัติด้วยกันตามที่กฎหมายกำหนด และจำนวนเนื้อที่การถือครองยังคงเป็นไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนด คือ เกษตรกรรมไม่เกิน 50 ไร่ และการเลี้ยงสัตว์ใหญ่ไม่เกิน 100 ไร่

รวมถึงการดำเนินการออกโฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฉบับแรก จะสามารถแจกให้เป็นจังหวัดต้นแบบได้ภายในวันที่ 15 มกราคม 2567 เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องเกษตรกร และ ส.ป.ก. จะดำเนินการในการออกเอกสารสิทธิในรูปแบบโฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในทุกจังหวัดภายใน 1 ปี และจะดำเนินการปรับปรุงเอกสารสิทธิให้กับเกษตรกรที่มีคุณสมบัติครบภายใน 5 ปี

นายฐิติกันต์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการ มีข้อสังเกตว่า โฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม คือ ที่ดินที่ยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเกษตรฯ มีความต่างกับโฉนดที่ดินของกรมที่ดิน เรื่องหลักกรรมสิทธิ์ ส่วนโฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่เป็นนโยบายรัฐบาลนั้น เป็นเพียงแค่สิทธิ์ แต่พยายามทำให้มีการเคลื่อนไหวแห่งสิทธิ์เหมือนกันกับโฉนดที่ดิน และมีการจํากัดว่าคนที่จะมาถือสิทธิ์ต้องครอบครอง ส.ป.ก.4-01 และได้ทำประโยชน์ในที่ดินมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี การยกระดับสิทธิ์และพัฒนาสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. เพิ่มจากเดิมที่ให้เพียงสิทธิการเข้าทำประโยชน์ ไม่สามารถซื้อ ขาย เปลี่ยนมือ โอนไปยังบุคคลอื่นได้

กรรมาธิการฯ ยังกังวลถึงเรื่องข้อพิพาทจากการประกาศแนวเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่ชัดเจนและทับซ้อนกับแนวเขตที่ดินประเภทอื่น อาทิ แนวเขตป่าไม้ ที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่ดินราชพัสดุ เพราะฉะนั้นก่อนจะมีนโยบายเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เนื่องจากหากดำเนินการไปแล้วอาจทำให้ปัญหาพื้นฐานที่มีอยู่ซับซ้อนขึ้นไปอีก ซึ่งทางกรรมาธิการยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน

อีกทั้งกังวลเรื่องวิธีการตรวจสอบคุณสมบัติและวิธีการดำเนินการกับนายทุนผู้ที่ครอบครองพื้นที่เกินกว่านโยบายและ จะทวงคืนอย่างไร รวมถึงมีแนวทางติดตามและตรวจสอบการเปลี่ยนมือที่ดินหลังจากการดำเนินนโยบายอย่างไร ซึ่งทางคณะกรรมาธิการจะติดตามข้อมูลเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง 

‘อนุทิน’ ชู!! ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ สู่เมืองคาร์บอนต่ำ ปั้นอุตฯ ไร้มลพิษ ปูทางเมือง ศก.เทียบชั้น ‘บุรีรัมย์’

‘มท.1’ ประชุมหารือร่วมสมาคมอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ไทย-ผู้ว่าฯ สระบุรี ขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการจังหวัดต้นแบบ ‘PPP - สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำ’ ย้ำ!! สิ่งแวดล้อมเป็นวาระสำคัญระดับชาติ พร้อมสนับสนุนสระบุรีเป็นจังหวัดอุตสาหกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

(19 ต.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการประชุมเกี่ยวกับการขับเคลื่อนโครงการที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอน และก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ที่ทุกคนให้ความสำคัญ ผ่านการขับเคลื่อนโครงการจังหวัดต้นแบบ ‘PPP - สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำ’ 

นายอนุทิน เผยว่า “ทุกฝ่ายต่างรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมพบปะหารือร่วมกันกับสมาคมอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ไทย ในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมตามที่ได้ประกาศในเวทีสหประชาชาติ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ในปัจจุบันนับว่าเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนให้ความสำคัญ และตระหนัก พร้อมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่” 

นายอนุทิน กล่าวอีกด้วยว่า การขับเคลื่อนโครงการจังหวัดต้นแบบ ‘PPP - สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำ’ จะทำให้จังหวัดสระบุรี มีการพัฒนา และยกระดับก้าวไปสู่จังหวัดเศรษฐกิจอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ในลักษณะเดียวกับจังหวัดบุรีรัมย์ ที่จากเคยเป็นเมืองที่ไม่มีอะไร (Hopeless) จนกลายมาเป็นเมืองแห่งเศรษฐกิจ และเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย และภูมิภาคแห่งนี้

“การเริ่มโครงการจังหวัดต้นแบบที่จังหวัดสระบุรี สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จะต้องร่วมทำด้วยกัน ไม่ใช่การทำเพียงเจ้าใดเจ้าหนึ่ง เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมเกิดมาจากอุตสาหกรรมในภาพรวม จึงเป็นสิ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ต้องขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นได้ โดยต้องหาแนวทางอำนวยความสะดวกต่างๆ และลดความซ้ำซ้อนอุปสรรค (Red tape) ให้กับผู้ประกอบการ รวมทั้งต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ตลอดจนต้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจให้ชาวบ้าน ให้ทุกคนในพื้นที่รับรู้รับทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากพัฒนาเมืองให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นบ้านเมืองที่เป็น Smart City ด้วยแนวคิด ‘ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที’” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าว

ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวเน้นย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ โดยมีนโยบายสำคัญคือ การจัดการขยะที่ยั่งยืน การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การจัดการสิ่งปฏิกูลในแม่น้ำลำคลอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐของทุกจังหวัดนำปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ (Hydraulic Cement) ตามมาตรฐาน และคุณลักษณะ ใช้ในโครงสร้างอาคาร ที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โดยการดำเนินการขับเคลื่อนในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมในจังหวัดนำร่องนั้น ทุกจังหวัดสามารถดำเนินการได้ทันทีตามกรอบแนวทางของแต่ละจังหวัดที่ได้กำหนดไว้แล้ว เพียงแต่อาจมีชื่อโครงการไม่เหมือนกัน เพราะในความเป็นจริงทุกจังหวัดต่างให้ความสำคัญ และขับเคลื่อนภารกิจโดยมีเป้าประสงค์เดียวกันคือ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายใต้แนวทางการเป็นหมู่บ้านยั่งยืน และจังหวัด/อำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ร่วมกับทุกภาคีเครือข่ายในพื้นที่ 

ดังนั้น เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การติดตามความคืบหน้าการดำเนินการ รวมถึงการร่วมส่งเสริมการใช้ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ (Hydraulic Cement) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ควบคู่กับการเก็บข้อมูล เพื่อเปรียบเทียบคำนวณเป็นคาร์บอนเครดิต รวมถึงการส่งเสริมการบริหารจัดการขยะ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว นอกจากนี้การมีระบบบำบัดน้ำเสียในอาคารบ้านเรือนที่สร้างใหม่ทุกหลังเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน เพื่อช่วยลดโลกร้อน ตลอดจนถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ Eco Tour เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

ทัวร์ลง ‘เจนนี่ ปาหนัน’ หลังยอมรับ เคยฮั้วของแจกในรายการ ชาวเน็ตสับยับ!! ทำแบบนี้ไม่ต่างกับ ‘ฉ้อโกง-เอาเปรียบคนดู’

(19 ต.ค. 66) กลายเป็นดรามาร้อนแรง หลังจากที่ ‘เจนนี่ ปาหนัน’ พิธีกรชื่อดัง ไปร่วมรายการ ‘กินแกล้มเล่า’ ดำเนินรายการโดยเพื่อนสนิทอย่าง ‘ฝน ทัตชญา’ และ ‘ฟรอยด์ ณัฏฐพงษ์’ พร้อมเล่าเรื่องราวสมัยที่ทำงานอยู่ทีวีช่องดัง

โดยเจนนี่ ปาหนัน เผยว่า ในอดีตมักมีของต่างๆ มาแจกผู้ชมรายการ ซึ่งส่วนมากเป็นของดีๆ อาทิ น้ำหอม นาฬิกา และโทรศัพท์มือถือ โดยมีกติกาคือใครส่ง SMS ที่โดนใจ จะแจกของรางวัลก็จะได้รับรางวัลไป ขณะที่รายการตัวเองไม่ค่อยมีของดีๆ งานนี้ฝนพิธีกรได้เผยว่า “ได้ข่าวว่าเจนนี่ก็เลยไปฮั้วกับรายการอื่น?”

ซึ่งเจนนี่ก็ยอมรับและเผยบทสนทนาที่ได้คุยกับทีมงานรายการอื่น ว่าเดี๋ยวจะส่งข้อความไป แล้วเลือกข้อความของเจนนี่นะ เป็นการจองเอาไว้ คือเราเห็นรุ่นพี่เขาทำกันมา ทำมาตั้งแต่ฝน (พิธีกรหญิง) เขาทำมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทำไมรุ่นพี่เขาได้ของ แล้วเราก็เลยแบบต้องได้

งานนี้มีชาวเน็ตตัดคลิปช่วงดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อใน X (ทวิตเตอร์) พร้อมเขียนข้อความวิพากษ์วิจารณ์ว่า “ทีมงานในรายการฮั้วกัน เอาของรางวัลที่บอกว่าแจกคนดู”

ทำให้มีคนกดไปดูกว่า 5 ล้านครั้ง แชร์ต่อเป็นหมื่น วิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น ว่าเท่ากับฉ้อโกงหรือไม่? เพราะคนดูทางบ้านเสียเงินส่ง SMS แต่ต้องมาเจอแบบนี้ เรื่องนี้ไม่ตลก นอกจากนี้มีการออกมาฉะว่าโกงผู้ชมว่าแย่แล้ว แต่เอามาเล่าได้แบบปกติไม่รู้สึกผิด นี่หนักกว่า ซึ่งล่าสุดเทปดังกล่าวก็ระงับการเผยแพร่ ไม่สามารถเข้าชมได้แล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top