Wednesday, 30 April 2025
TheStatesTimes

ส่อง 4 มติงานรัฐสภาโปร่งใส!! ที่ 'รองอ๋อง' หมายมั่นให้สภาฯ ไฟเขียว!!

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเผยถึงความคืบหน้างานของ คณะกรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาโปร่งใสและสมรรถนะสูง โดยมีเนื้อหาดังนี้ ล่าสุดที่ประชุมมีมติให้เสนอต่อประธานรัฐสภาทั้งหมด 4 เรื่อง ดังนี้...

1.การปรับใช้ตัวเลขอารบิกแทนเลขไทยในหนังสือของหน่วยงานราชการ โดยเริ่มจากวงงานรัฐสภาเพื่อเป็นการยกระดับประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลและการบริการของภาครัฐ

2.การปรับเพิ่มอุณหภูมิแอร์ขึ้น 2 องศา (จากเดิม 25 เป็น 27 องศา) โดยเริ่มจากทุกวันศุกร์ และอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รวมถึงผู้ปฏิบัติงานในรัฐสภาสามารถถอดสูทและแต่งตัวตามฐานานุรูปในการทำงานวันศุกร์ได้ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย Green Parliament

3.การยกเลิกเอกสารเชิญประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทางไปรษณีย์ และเปลี่ยนเป็นการส่งไฟล์ PDF แทน

4.จัดทำจดหมายเชิญถ่ายทอดสดกรรมาธิการไปยังประธานกรรมาธิการแต่ละคณะ เผื่อถ่ายทอดให้ประชาชนได้ติดตามการประชุมตามความสนใจ

หลังจากได้มติทั้ง 4 เรื่องแล้ว ทางที่ประชุมได้เชิญหน่วยงาน Traffy Fondue มาให้ข้อมูล โดยคณะกรรมการสนใจที่จะนำแพลตฟอร์มมาใช้ในอาคารรัฐสภา เพื่อแจ้งปัญหาที่พบภายในอาคารรัฐสภา เช่น พบจุดที่หลอดไฟขาด มีน้ำรั่วซึม เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้พูดถึงการนำแพลตฟอร์ม ‘อยู่ไหน UNAI’ มาทดลองใช้เพื่อบอกทางไปห้องต่างๆ ภายในอาคารแห่งนี้

ภายหลัง นายปดิพัทธ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ในส่วนของการถ่ายทอดสดกรรมาธิการอีกด้วยว่า “ไลฟ์สดการประชุมกรรมาธิการ ไม่ราบรื่นอย่างที่คิดครับ แรงต้านมาทุกระดับ อ้างกฎหมาย ระเบียบ วัฒนธรรมต่าง ๆ แต่ไม่มีใครต้านความต้องการของประชาชนที่ต้องการ สภาโปร่งใส ได้หรอกครับ ผมดำเนินการต่อแน่นอน”

ผบ.ตร.ต้อนรับทูตตำรวจจีนประจำประเทศไทย เข้าพบเพื่อแสดงความยินดี พร้อมหารือความร่วมมือ ยกระดับมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ คอลเซ็นเตอร์ คดีออนไลน์ และการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทุกมิติตามนโยบายรัฐบาล

วันนี้ (19 ต.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้การต้อนรับ พล.ต.ต.เวิน หย่งกัง ที่ปรึกษาและผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมคณะฯ ที่ขอเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีในโอกาสได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหารือมาตรการความร่วมมือป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การดูแลอำนวยความสะดวกความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนตามนโยบายรัฐบาล โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ส. , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./โฆษก ตร. ,  พ.ต.อ.เดโช โสสุวรรณากุล รอง ผบก.ศฝร.บช.น. , พ.ต.อ. สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.ตท. ให้การต้อนรับ ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.

ผบ.ตร.ได้ขอบคุณ พล.ต.ต.เวิน หย่งกัง ที่ปรึกษาและผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และคณะฯ ที่ได้เข้าพบแสดงความยินดีในโอกาสได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้หารือกับผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจของจีน ในการแสวงหาความร่วมมือ บูรณาการในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมออนไลน์ ยาเสพติด ในการร่วมกันป้องกันปราบปรามทุกมิติ นอกจากนี้ ยังมีการหารือยกระดับมาตรการด้านท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวจีนตามนโยบายรัฐบาล ทั้งมิติการช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก การดูแลความปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

ทั้งนี้ การหารือความร่วมมือดังกล่าว เป็นไปตามนโยบาย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว รวมทั้งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่นายกรัฐมนตรี เพิ่งได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านสื่อสารมวลชนและสารสนเทศระหว่างกรมประชาสัมพันธ์กับกลุ่มสื่อแห่งชาติจีน (CMG)ไปเมื่อวานนี้”

‘โนเกีย’ เตรียมปลดพนง.ล็อตใหญ่ 14,000 ตำแหน่ง หวังลดค่าใช้จ่ายในองค์กร หลังผลประกอบการดิ่งฮวบ

(19 ต.ค.66) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า บิ๊กเทคโนโลยีสารสนเทศ ‘โนเกีย’ (Nokia) เตรียมลดพนักงานครั้งใหญ่สูงสุด 14,000 ตำแหน่ง คิดเป็น 16% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ให้บริการในสหรัฐและยุโรปลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5G ลดลง ส่งผลกระทบต่อการสร้างรายได้ของบริษัท

ซึ่งการลดพนักงานครั้งนี้อาจช่วยให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรได้ 10-15% และคาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายในปี 2567 ได้ถึง 400 ล้านยูโร (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท) และประหยัดเพิ่มอีก 300 ล้านยูโร (ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท) ในปี 2568

รายงานข่าวระบุว่า กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 ของ Nokia อยู่ที่ 424 ล้านยูโร (ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าการประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 545.2 ล้านยูโร (ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท)

นายเพ็กก้า ลุนด์มาร์ก (Pekka Lundmark) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nokia กล่าวในแถลงการณ์ของบริษัทว่า ยอดขายสุทธิในกลุ่มธุรกิจเครือข่ายมือถือลดลง 19% เนื่องจากในอินเดียมีการใช้โครงข่าย 5G ในระดับปานกลาง หมายความว่าการเติบโตทางธุรกิจไม่สามารถชดเชยการชะลอตัวในอเมริกาเหนือได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ Nokia ต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างรายได้จากการที่ผู้ให้บริการในสหรัฐและยุโรปพยายามลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและการปรับสินค้าคงคลัง ซึ่งคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Ericsson AB ก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าความอ่อนแอของตลาดจะยังอยู่ในไตรมาส 4/2566 และช่วงต่อ ๆ ไป

‘ตรีชฏา’ ชี้!! มีขาประจำปล่อยเฟกนิวส์โจมตี ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ซัด!! ออกตัวขวางสุดลิ่ม ไม่สนว่าเป็นนโยบายเพื่อประชาชน

(19 ต.ค. 66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า การออกมาแสดงความเห็นของกลุ่มที่คัดค้านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ถือเป็นเรื่องปกติของการกำหนดนโยบายสาธารณะใหม่ ๆ ที่ย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะรับฟังทุกฝ่าย แต่สำหรับกลุ่มขาประจำในทางการเมืองที่อยู่ในวุฒิสภาและอดีตนักการเมืองไม่กี่คน จะออกมาเป็นระยะ ๆ เพื่อขวางไม่ให้นโยบายนี้เดินหน้าได้สำเร็จ โดยหลงลืมไปว่านโยบายนี้ กกต.ได้รับรองแล้วว่าเป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงได้และไม่เป็นการสัญญาว่าจะให้ เพราะเป็นการใช้เงินจากงบประมาณแผ่นดิน

น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้ชี้แจงยืนยันหลายครั้งแล้วว่านโยบายนี้จะเดินหน้าต่อและจะไม่มีวันยุติอย่างแน่นอน อีกทั้งยังไม่ใช่นโยบายแจกเงิน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพใหญ่ของประเทศ โดยรัฐบาลพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นประชาชนเพื่อนำมาปรับปรุงบางอย่างให้ตอบโจทย์การปลุกเศรษฐกิจให้คืนชีพ และมีแรงที่เข้มแข็งทางด้านเงินหมุนเวียน ซึ่งภาครัฐในฐานะผู้กำหนดนโยบายกำลังเร่งประชุมคณะอนุกรรมการและคณะกรรมการ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญและเกี่ยวข้องเพื่อให้ทุกอย่างมีแนวทางที่ชัดเจน ซึ่งจะสามารถตอบคำถามต่าง ๆ เช่น แหล่งที่มาของเงิน เงื่อนไขผู้ได้รับเงินดิจิทัล กระบวนการแจกเงินซึ่งรายละเอียดที่มาของเงิน วิธีการใช้ ความคุ้มค่าและประโยชน์การดำเนินการ ซึ่งอีกไม่กี่วันผู้เกี่ยวข้องจะออกมาอธิบายต่อสาธารณะโดยละเอียด

น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีผู้กล่าวหาว่าจะเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องเรื่องการจัดทำแอปพลิเคชัน นายกฯ ได้ชี้แจงแล้วว่าไม่มีการจ้างบริษัทเอกชนใด ๆ มาจัดทำโดยมีค่าใช้จ่าย 12,000 ล้านบาทอย่างที่มีการกล่าวหากัน และเป็น Fake News จึงขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจเพราะการดำเนินการใด ๆ ล้วนอยู่ในสายตาของสื่อและสังคม ขอให้ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อ Fake News ที่หลอกลวงทำให้เข้าใจผิด แปลงเจตนาดีเป็นเจตนาร้าย ยืนยันว่ารัฐบาลเพื่อไทยดำเนินนโยบายทุกอย่างตามที่ได้หาเสียงไว้ มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ 

ขณะนี้มีความพยายามปล่อยข่าวว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะคนเลือกพรรคเพื่อไทยมีแค่ 10 ล้านคน อีก 60 ล้านคนไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ตรรกะและเหตุผล เพราะตามระบอบประชาธิปไตยมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกำลังมุ่งแก้ปัญหาให้ประเทศ ทำให้คนส่วนใหญ่มีเงินใช้จ่ายภายใต้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนเป็นแสนล้านบาท ประการสำคัญคือการช่วยคนจนให้มีเงินทองใช้จ่ายซื้อข้าวของมาใช้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ร้านค้าร้านขายมีรายได้ ภาครัฐก็จะได้เป็นภาษีตามระบบ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลตั้งใจมาแก้วิกฤตประเทศ และต้องการช่วยเหลือประชาชนที่เป็นฐานรากสำคัญของประเทศเหล่านี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับ Ambassdor Cindy Dyer เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในโอกาสเข้าร่วมประชุมหารือการปราบปรามการค้ามนุษย์ในประเทศไทย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับ Ambassdor Cindy Dyer เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในโอกาสร่วมประชุมหารือการปราบปรามการค้ามนุษย์ในประเทศไทย 

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2566 เวลา 15.00 น.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร., พล.ต.ท.อาชยน  ไกรทอง ผบช.ประจำฯ/ผู้ช่วย ผอ.ศพดส.ตร.,พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำฯ/ผู้ช่วย ผอ.ศพดส.ตร., พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ที่ปรึกษา ศพดส.ตร., พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์  สุริยฉาย ผบก.สอท.4, พล.ต.ต.ศารุต แขวงโสภา ผบก.ปคม, นายเชษฐพันธ์ มาสัมพันธ์  อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้, นางจตุพร แสงหิรัญ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด ,เรือเอก สาโรจน์ คมคาย ที่ปรึกษากฎหมาย กระทรวงแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ,น.ส.ซาราห์  บินเย๊าะ ที่ปรึกษาวิชาการพัฒนาสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ,นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ,นายอาริชย์  ทัศน์พันธุ์ รองผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ,นายประเทศ  ซอรักษ์  ผู้ตรวจราชการกรมประมง และ ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ รองอธิบดีกรม การปกครอง ให้การต้อนรับ Ambassdor Cindy Dyer United States Ambasssador-at-Large to Monitor and Combat Trafficking in Persons, Ms.Jamie Sutter staff assistant to Ambassador Dyer และ Ms.Alexandria Boling staff assistant to Ambassador Dyer 

ในโอกาสร่วมประชุมหารือการปราบปรามการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ณ ห้องรับรองพรหมนอก อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในโอกาสนี้ทาง Ambassdor Cindy Dyer เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์  ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ในประเทศไทย มีการวางแนวทางและดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังมีผลปฏิบัติเป็นรูปธรรมในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เชิญ  Ambassdor Cindy Dyer เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และคณะ ร่วมประชุมกับคณะทำงานต่อต้านการค้ามนุษย์ประเทศไทย เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาค้ามนุษย์ในประเทศไทย ณ ห้องประชุมศรียานนท์ อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า จากการประชุมหารือกับ Ambassdor Cindy Dyer เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และคณะ นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความพร้อมและมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย อย่างจริงจัง มีการวางแนวทางการปฏิบัติ และมีผลการปฏิบัติที่เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางการดำเนินการที่ต้องการความร่วมมือจากทางสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยขับเคลื่อนแนวทางการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย เกี่ยวกับประเด็นการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย ทาง Ambassdor Cindy Dyer เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา รับทราบผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ได้กล่าวชื่มชม และแสดงความพึงพอใจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความจริงจังกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ซึ่งทางสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งรับทราบข้อเสนอแนะที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ และสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในระดับภูมิภาคได้ ในอนาคตต่อไป

‘ดีเจศร’ แห่ง NAVY TIME ปล่อยซิงเกิ้ลแรก ‘กินข้าวบ้านเธอ’ แฟนรายการชอบใจ ชมเปาะ!! ‘เพลงเพราะ-ฟังง่าย-ติดหู’

(19 ต.ค. 66) พันจ่าเอก อดิศร จันทรวัฒน์ หรือ ดีเจศร ประจำรายการ 'NAVY TIME’ เรื่องดีดีประเทศไทยยามเช้า ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เวลา 7-8 โมงเช้าทุกวัน จันทร์ ถึง อาทิตย์ และมีการ Live สดผ่านเพจ เสียงจากทหารเรือ และ เพจ THE STATES TIMES

พันจ่าเอก อดิศร จันทรวัฒน์ (ดีเจศร) ระหว่างที่จัดรายการ เป็นดีเจอารมณ์ดีและชอบร้องเพลงระหว่างจัดรายการ มีการจัดรายการที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองจนทำให้แฟนคลับรายการถูกใจเป็นอย่างมาก ทั้งจัดรายการข่าวที่มีความสนุกสนาน และ ยังมีการร้องเพลงออกอากาศ ให้แฟนคลับฟังอยู่บ่อย ๆ รวมถึงการทำ ชาเลนจ์ติ๊กต็อกออกรายการอยู่บ่อยครั้ง อาทิ เช่น เทพสามตา นกกรงหัวจุก ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นการจัดรายการวิทยุรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

ล่าสุด พันจ่าเอก อดิศร จันทรวัฒน์ ได้ออกซิงเกิ้ลแรก 'กินข้าวบ้านเธอ' โดยเหล่าแฟนคลับ ที่รับฟังรายการ NEVY TIME ต่างพากันเข้าไปฟัง เพลง 'กินข้าวบ้านเธอ' ของดีเจศร โดยต่างมีคอมเมนต์ เป็นเสียงเดียวกันว่า "เพลงเพราะ และติดหูง่ายมาก" ใครยังไม่ได้รับฟัง ไปฟังกันได้ที่: https://youtu.be/YqNaq3wprw4 

ส่วนใครอยากออกลูกคอตามดีเจศร ก็สามารถร้องตายเนื้อร้องนี้ได้เลย

ทำงานมาหนักก็อยากจะพัก จะผ่อน
อาบเหงื่อต่างน้ำมาร้อนๆ ขอนั่งพักก่อนจะได้ไหม 
ท้องร้องเสียงดัง มันหิวข้าวจัง จนตาลาย 
กินข้าวสักจาน ก่อนได้หรือไม่ ให้มีแรงกายอยู่ได้ทั้งวัน 

พอมีบ้านใดแบ่งปันกับข้าวสักจาน 
ขอให้เป็นบ้านน้องนาง พี่รับประทานอาหารง่ายๆ 
อยากกินฝีมือของน้องสักมื้อจะเป็นไรไป 
กับข้าวไม่ต้องมากมาย แค่น้องมีใจเชื้อเชิญพี่มา 

*จะผัดจะยำ ทำแกงพี่ไม่เคยเกี่ยง 
ฝากท้องน้องตอนมื้อเที่ยง มื้อเย็นก็ได้ไม่มีปัญหา 
แกงน้องหม้อเล็ก หรือจะหม้อใหญ่ พี่ก็จะมา 
เผ็ด หวาน เปรี้ยว เค็ม ไม่ว่า 
อยากมาเจอหน้าทุกมื้อ ทุกวัน 

**ให้เป็นลูกมือ หรือกินเสร็จจะช่วยเช็ดล้าง 
จะช่วยน้องทำทุกอย่าง ไม่มีข้ออ้างเพราะพี่ขยัน 
ขอเพียงยินดี ให้พี่นั้นมาที่บ้านทุกวัน 
พี่จะมาผูกมาสานสัมพันธ์ จะมากินข้าวบ้านเธอ

Solo

*จะผัดจะยำ ทำแกงพี่ไม่เคยเกี่ยง 
ฝากท้องน้องตอนมื้อเที่ยง มื้อเย็นก็ได้ไม่มีปัญหา 
แกงน้องหม้อเล็ก หรือจะหม้อใหญ่ พี่ก็จะมา 
เผ็ด หวาน เปรี้ยว เค็ม ไม่ว่า 
อยากมาเจอหน้าทุกมื้อ ทุกวัน 

**ให้เป็นลูกมือ หรือกินเสร็จจะช่วยเช็ดล้าง 
จะช่วยน้องทำทุกอย่าง ไม่มีข้ออ้างเพราะพี่ขยัน 
ขอเพียงยินดี ให้พี่นั้นมาที่บ้านทุกวัน 
พี่จะมาผูกมาสานสัมพันธ์ 
จะมากินข้าวบ้านเธอ......

20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ‘จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์’ ก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจจาก ‘จอมพลถนอม กิตติขจร’

วันนี้ เมื่อ 65 ปีก่อน เกิดการรัฐประหารในประเทศไทยอีกครั้ง โดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหารยึดอำนาจ จอมพลถนอม กิตติขจร อ้างเหตุแห่งความแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาลและภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหารยึดอำนาจ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี (ซึ่งพร้อมใจลาออก) รัฐประหารครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากรัฐประหารครั้งก่อน ซึ่งจอมพลสฤษดิ์ยึดอำนาจรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 โดยอาศัยเหตุจากการเดินขบวนประท้วง การประท้วงการเลือกตั้งสกปรก และการแย่งอำนาจกันเองในหมู่ทหาร

จากนั้นจอมพลสฤษดิ์ได้แต่งตั้งนายพจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมนตรีและจัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งพลโทถนอม กิตติขจร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่สามารถบริหารราชการไปอย่างราบรื่น ในที่สุดจอมพลสฤษดิ์ ในนาม ‘คณะปฏิวัติ’ ก็ได้ทำการรัฐประหารอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 โดยอาศัยทั้งเหตุความแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาลและที่สำคัญคือ ภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์

ภายหลังยึดอำนาจ จอมพลสฤษดิ์ ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อม ๆ กับการใช้อำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จหรือ ม.17 ให้อำนาจนายกฯ อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด สามารถสั่งจับกุมคุมขังหรือประหารชีวิตใครก็ได้ที่เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ส่งผลให้เกิดการปราบปรามผู้มีแนวคิดสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง

'พีระพันธุ์' ถก 'รัสเซีย' ซื้อ 'น้ำมัน-ก๊าซ-ถ่านหิน' ราคาถูก ด้าน ‘รัสเซีย’ ยืนยัน!! พร้อมสนับสนุนแบบครบวงจร

(19 ต.ค.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้หารือแบบทวิภาคีกับรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพลังงานของสหพันธรัฐรัสเซีย (นายเซอร์เก โมคานิคอฟ) และ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย (นายเยฟกินี โทมิคิน) หลังเป็นประธานในการประชุม The 3rd APEF วันนี้ (19 ต.ค. 66) ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ เพื่อหาทางในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านพลังงานระหว่างกันและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ 

การหารือครั้งนี้เป็นไปในทิศทางที่ดี โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซีย แจ้งว่าพร้อมสนับสนุนไทยด้านพลังงานแบบครบวงจร ทั้งในส่วนของทรัพยากรพื้นฐาน อาทิ ถ่านหิน น้ำมัน และ อื่น ๆ รวมทั้งด้านวิชาการ การลงทุนในการสร้างระบบผลิตพลังงานรูปแบบต่าง ๆ และการร่วมเป็นหุ้นส่วนทางการลงทุน โดยเสนอให้มีการจับคู่ธุรกิจด้านพลังงานระหว่างภาคเอกชนในประเทศไทยและสหพันธรัฐรัสเซีย และคาดหวังให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงเสนอให้ผู้แทนจากประเทศไทยเข้าสังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมพลังงาน รัฐบาลรัสเซียพร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกนักธุรกิจชาวไทยในการเดินทางเข้าไปประกอบธุรกิจด้านพลังงานร่วมกับรัสเซีย และเชิญรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไปเยือนรัสเซีย เพื่อหารือเพิ่มเติมต่อไปด้วย 

จากนั้น นายพีระพันธุ์ ได้พบกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไฟฟ้า พลังงาน และทรัพยากรธรณีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ และร่วมหารือในประเด็นความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างไทยและบังกลาเทศ โดยหวังว่าจะมีความร่วมมือในประเด็นต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมพลังงานต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ ในช่วงเช้า นายพีระพันธุ์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เป็นประธานในการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านพลังงานแห่งเอเชียและแปซิฟิกครั้งที่ 3 (The Third Asian and Pacific Energy Forum: The 3rd APEF) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในฐานะ ‘ประธานฯ The 3rd APEF’

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำระหว่างเปิดการประชุมว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญและส่งเสริมการดำเนินการเพื่อผลักดันนโยบายพลังงานสะอาดร่วมกับประเทศสมาชิก โดยให้ความสำคัญกับการเข้าถึงแหล่งพลังงาน และการสร้างมาตรฐานราคาพลังงานที่เป็นธรรม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของการประชุม The 3rd APEF ที่จัดขึ้นเพื่อทบทวน รายงาน รวมถึงติดตามความคืบหน้า ในการพัฒนาการการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 7 (SDG7) ประเด็นเรื่องการสร้างหลักประกันการเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่อย่างยั่งยืนและเชื่อถือได้ ในราคาที่ซื้อหาได้ 

‘พิมพ์ภัทรา’ เตรียมประกาศมาตรฐาน ‘เครื่องวัดปริมาณแอลฯ จากลมหายใจ’ รับนโยบายรัฐ ‘ขจัดเมาแล้วขับ’ คาด!! ประกาศใช้จริงภายใน 2 เดือน

(19 ต.ค. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตนได้เตรียมประกาศมาตรฐาน ‘เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ’ เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้านการเมาแล้วขับ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ตลอดจนส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้อ้างอิงในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ซึ่งจะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชน โดยเฉพาะนักดื่มสายแข็งที่เมาแล้วขับ และมักจะร้องเรียนกล่าวหาการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ บอร์ด สมอ. ได้มีมติเห็นชอบมาตรฐานดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา 

นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด สมอ. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาว่า นอกจากบอร์ดจะเห็นชอบมาตรฐาน ‘เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ’ แล้ว ยังเห็นชอบแผนการจัดทำมาตรฐานของ สมอ. ประจำปีงบประมาณ 2567 ที่เสนอทั้งหมด 600 มาตรฐาน แบ่งเป็นมาตรฐานกำหนดใหม่ 443 มาตรฐาน และมาตรฐานเดิมที่ต้องทบทวนให้ทันสมัยอีก 157 มาตรฐาน ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve 105 มาตรฐาน เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ฯลฯ กลุ่ม New S-curve 120 มาตรฐาน เช่น หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม การบินและโลจิสติกส์  เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์ครบวงจร ฯลฯ กลุ่มมาตรฐานตามนโยบาย 32 มาตรฐาน เช่น นวัตกรรม สมุนไพร ฯลฯ กลุ่มส่งเสริมผู้ประกอบการ 163 มาตรฐาน และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ 23 มาตรฐาน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ฯลฯ

ด้าน นายวันชัย พนมชัย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรฐาน ‘เครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ’ มีข้อกำหนดที่สำคัญ เช่น วัดความเที่ยงตรงแม่นยำของเครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ โดยการฉีดก๊าซเข้าเครื่องวัดแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องซ้ำ ๆ 20 ครั้ง เพื่อจำลองลมหายใจของผู้ขับขี่ ต้องได้ค่าความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่อ่านได้จากเครื่องวัดที่มีค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ในเกณฑ์การยอมรับของเครื่องมือ คือ ไม่เกิน 4 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โดยกำหนดปริมาณลมที่หายใจออก ต้องไม่น้อยกว่า 1.2 ลิตร และเวลาที่หายใจออกต้องไม่น้อยกว่า 5 วินาที เครื่องวัดแอลกอฮอล์ต้องจัดเก็บข้อมูลผลการวัดสำหรับการใช้งาน และสามารถเรียกดูได้แต่ไม่สามารถปรับแก้ไขข้อมูลได้ และแสดงผลเป็นตัวเลขที่ถูกต้องชัดเจน เป็นต้น คาดว่าจะประกาศใช้มาตรฐานนี้ได้ภายใน 2 เดือน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้” นายวันชัยฯ กล่าว

‘สุรพงษ์’ สานต่อรัฐฯ จัดรถไฟส่ง ‘แรงงานไทยจากอิสราเอล’ กลับบ้านฟรี พร้อมเปิด ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’ เป็นศูนย์ประสานงาน-ช่วยเหลือ

(19 ต.ค.66) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้สนับสนุนภารกิจต้อนรับแรงงานไทย 136 คน ที่เดินทางจากอิสราเอลกลับถึงไทย โดยสายการบิน Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY 083 พร้อมจัดรถไฟรับส่งแรงงานไทยเดินทางกลับภูมิลำเนา และเปิดพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ของการรถไฟฯ เป็นศูนย์ประสานงาน สำหรับหน่วยงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอล ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ตามนโยบายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งระดมความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยสงครามจากอิสราเอลโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ในส่วนกระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ ได้ร่วมกันสนับสนุนภารกิจรัฐบาล โดยจัดรถไฟให้กับ แรงงานไทยและครอบครัวที่กลับจากอิสราเอลสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างสะดวก ปลอดภัยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมทั้งได้เปิดพื้นที่ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บริเวณประตู 2 จัดตั้งเป็นศูนย์ประสานงานสำหรับหน่วยงานช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากประเทศอิสราเอล เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานและเครือญาติ ใช้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เป็นศูนย์กลางในการติดต่อ พบปะระหว่างกันได้อย่างสะดวก ตลอดจนใช้เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางกับทุกระบบขนส่งสาธารณะ ให้สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้อย่างสวัสดิภาพ

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ยังร่วมส่งมอบความห่วงใย โดยให้มีการ จัดซุ้มอาหารว่าง และน้ำดื่ม ดูแลแรงงานไทยและครอบครัวที่มารอรับ และเตรียมความพร้อมสิ่งอำนวย ความสะดวกต่างๆ ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่ ช่วยกันดูแลอำนวยความสะดวกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้บริการได้อย่างเพียงพอ โดยไม่กระทบต่อการให้บริการเดินทางแก่ผู้โดยสารประชาชนทั่วไป พร้อมทั้งกำชับ

นายสุรพงษ์ฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ ได้ร่วมสนับสนุนภารกิจรัฐบาลในการเปิดพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และจัดสรรขบวนรถ เพื่อดูแลคนไทยก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ สำหรับเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นเวลา 477 วัน การเปิดขบวนรถไฟโดยสารรับ-ส่งผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 กลับสู่ภูมิลำเนาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์พักคอย ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสรรค์สร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม นอกเหนือจากภารกิจหลักในการอำนวยความสะดวกการขนส่งเดินทาง เพื่อยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องคนไทยทุกคนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top