Tuesday, 29 April 2025
TheStatesTimes

‘เฮียฮ้อ’ ส่ง ‘RS LiveWell’ ลงทุนในแบรนด์ ‘Erb’ กว่า 60% ปูทางรุกธุรกิจ ‘Wellness & Spa’ รับเทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

(17 ต.ค. 66) สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจาก อาร์เอส กรุ๊ป ทรานส์ฟอร์มองค์กรจากการดำเนินธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์มาสู่ธุรกิจคอมเมิร์ซ ภายใต้โมเดล Entertainmerce ได้มุ่งมั่นการขยาย Ecosystem ธุรกิจคอมเมิร์ซเพื่อรักษาอัตราการเติบโตและหาโอกาสในการขยายฐานการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้บริษัท RS LiveWell ซึ่งเป็น Product Company ที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงามภายใต้แบรนด์ของตัวเอง รวมถึงการเข้าลงทุนในแบรนด์สุขภาพ-ความงามที่มีชื่อเสียงและมีศักยภาพ ล่าสุดได้เข้าลงทุนในบริษัท เอิบเอเชีย จำกัด หรือ Erb ในสัดส่วน 60%

“Erb เป็นแบรนด์เครื่องหอมและสกินแคร์ที่มีฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 25 ปี ผู้บริหารและพนักงานมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในธุรกิจ รวมไปถึงมีคอนเนกชันและพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหารและทีมงานของ อาร์เอส ผสานกับ Ecosystem และความเชี่ยวชาญของทุกธุรกิจในเครือ จะสนับสนุนให้ Erb เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกด้าน ทั้งการพัฒนาสินค้า การตลาด การประชาสัมพันธ์ ช่องทางการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ และการจัดจำหน่าย ส่งผลให้ธุรกิจของ Erb มีสินค้าและบริการที่ครบวงจรและเติบโตอย่างชัดเจน”

พัชทรี ภักดีบุตร ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Erb กล่าวว่า Erb ใช้ความโดดเด่นในเรื่องของภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งขยายธุรกิจไปในตลาดที่มีโอกาสและสอดคล้องกับ Core business ของบริษัท อาทิ Wellness and Spa โดยใช้จุดแข็งของตัวแบรนด์ นำไปสู่การเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ตามแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่หันมาสนใจและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลสะท้อนเชิงบวกแก่แบรนด์ในการออกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เพื่อตอบสนองตลาด จึงมองหาพาร์ตเนอร์ โดยเงินลงทุนที่ได้ครั้งนี้จะนำไปสร้างทีมเพื่อดูแลรับผิดชอบธุรกิจใหม่ รวมถึงขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และ Collaboration projects ต่างๆ

“ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Erb มีการจำหน่ายแล้วในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งเอเชีย อเมริกา และยุโรป การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ อาร์เอส จะทำให้ Erb แข็งแรงขึ้นจากการใช้ประโยชน์ร่วมกันทั้งด้านทรัพยากรและจุดแข็งของแต่ละบริษัท เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน” พัชทรี กล่าวและว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์และบริการของ Erb แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์สกินแคร์, ผลิตภัณฑ์สปาภายในบ้าน, ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมภายในบ้าน, Amenity kit และเซ็ตของขวัญ, ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและอนามัย และธุรกิจสปา

สุรชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากผลิตภัณฑ์และบริการของ Erb ที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะธุรกิจสปา จะทำให้ อาร์เอส มีโอกาสรุกและขยายธุรกิจ Wellness and Spa มากขึ้น รองรับการเติบโตตามเทรนด์สุขภาพในปัจจุบัน อาทิ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ภาครัฐสนับสนุนการเดินหน้าสู่ Medical Hub ของไทย รวมถึงเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอของ RS LiveWell ด้วย ซึ่งหลังจากนี้ Erb จะเดินหน้าเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น สร้างฐานลูกค้าใหม่ ๆ อาทิ การทำสินค้า Corporate brand การขยายธุรกิจ Spa ไปยังโรงแรมและสถานที่ Prime location ต่าง ๆ รวมถึงความร่วมมือใหม่ ๆ กับพาร์ตเนอร์อื่น ๆ ที่มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน 

จีนอยู่ตรงไหน? ในความขัดแย้ง 'อิสราเอล-ปาเลสไตน์'

ปัจจุบัน 'จีน' ถือหนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาทสูงในเวทีโลกทั้งในมิติเศรษฐกิจและในมิติความมั่นคง เชื่อว่า จีนไม่ได้เลือกข้างที่จะสนับสนุนด้านใด ไม่ว่าจะเป็น อิสราเอล ปาเลสไตน์ และ/หรือ ฮามาส แต่จีนเลือกข้างการสนับสนุนการสร้างสันติภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะ ‘จีน’ ดำเนินนโยบายเช่นนี้มาแล้วอย่างต่อเนื่องยาวนาน อย่างน้อยก็ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

โดยจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงก็เริ่มสร้างสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีกับโลกมุสลิมผ่านประเด็นที่เปราะบางที่สุดในโลกมุสลิม ซึ่งก็คือ ประเด็นปาเลสไตน์ โดยเชิญทั้ง มาห์มูด อับบาส (Mahmoud Abbas) ประธานาธิบดีแห่งรัฐปาเลสไตน์ และ เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีอิสราเอลให้เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาเดียวกัน แม้จะเป็นคนละพื้นที่ก็ตาม (จีนเชิญ เนทันยาฮูไปยังมหานครเซี่ยงไฮ้ และเชิญอับบาสไปยังกรุงปักกิ่ง) 

จีนยังใช้ความเป็นเจ้าภาพในการนำเสนอแผนการสร้างสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ใน ค.ศ.2013 (Four-Point Peace Proposal) ซึ่งมีข้อเสนอคือ...

1) เรียกร้องให้มีการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่มีอิสระเสรีภาพทุกประการอยู่ร่วมควบคู่ไปกับรัฐอิสราเอล โดยยึดแผนที่และเขตแดนตามที่ตกลงกันไว้ใน ค.ศ. 1967 (ซึ่งปัจจุบันฝ่ายอิสราเอลเข้าไปครอบครองดินแดนเกือบทั้งหมดของปาเลสไตน์) โดยให้เมืองหลวงของปาเลสไตน์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็ม 

2) อิสราเอลยังมีสิทธิในการรักษาความมั่นคงของตนเอง แต่ต้องเริ่มต้นกระบวนการเจรจาสันติภาพเพื่อสันติสุขที่ยั่งยืนโดยมีประชาชนของทั้งสองรัฐเป็นที่ตั้ง 

3) เรียกร้องให้ฝ่ายอิสราเอลยุติการเข้าไปตั้งถิ่นฐาน การปิดล้อมและยึดครองพื้นที่ฉนวนกาซา และทั้ง 2 ฝ่ายต้องยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน รวมทั้งต้องแสวงหาทางออกสำหรับนักโทษชาวปาเลสไตน์ร่วมกัน โดยเชื่อว่านี่คือเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นการเจรจาสันติภาพ และ 

4) เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนเพื่อให้การเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายเกิดขึ้นได้อีกครั้ง รวมทั้งเรียกร้องให้นานาชาติให้ความช่วยเหลือแก่ชาวปาเลสไตน์เพิ่มขึ้น 

สิ่งนี้คือการแสดงความพยายามครั้งแรกของจีนที่จะเข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ยเพื่อกระบวนการสร้างความสมานฉันท์ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง และนั่นทำให้คะแนนนิยมและความชื่นชมจีนในกลุ่มประชาคมความร่วมมือสันนิบาตอาหรับ (Arab League) อันประกอบไปด้วยสมาชิก 22 ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ได้แก่ แอลจีเรีย, บาห์เรน, คอโมโรส, จิบูตี, อียิปต์, อิรัก, จอร์แดน, คูเวต, เลบานอน, ลิเบีย, มอริเตเนีย, โมร็อกโก, โอมาน, ปาเลสไตน์, กาตาร์, ซาอุดิอาระเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน, ซีเรีย, ตูนิเซีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเยเมน มีความนิยมต่อจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

อีกทั้งจีนเองก็ยังดำเนินการผลักดันข้อเสนอสันติภาพนี้อย่างต่อเนื่อง 

โดยล่าสุดใน ค.ศ.2021 (ก่อนที่จะมีการปะทะกันครั้งล่าสุดในวันที่ 7 ตุลาคม 2023) หวัง อี้ (王毅 Wáng yì) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้นก็ยังคงเดินหน้าผลักดันข้อเสนอเพื่อสันติภาพ 4 ประการข้างต้น โดยจีนเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดปฏิบัติการทางทหารและหยุดการเป็นศัตรูกันโดยทันที และกล่าวว่า “อิสราเอลต้องใช้ความยับยั้งชั่งใจเป็นพิเศษ” รวมถึงเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการดำเนินการแผนการสร้างสันติภาพ ค.ศ. 2013

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าการออกมาเรียกร้องของจีนใน ค.ศ. 2021 นี้ก็เป็นการตอบโต้แนวทางการขับเคลื่อนปัญหาตะวันออกกลางของสหรัฐฯ อย่างตรงไปตรงมา เพราะก่อนหน้านั้นสหรัฐฯ เพิ่งจะขัดขวางมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงในพื้นที่ขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ รวมทั้งสหรัฐฯ ยังอนุมัติการขายอาวุธมูลค่า 735 ล้านดอลลาร์แก่อิสราเอล ท่ามกลางการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลต่อ ศูนย์พักพิงพลเรือนในฉนวนกาซา 

การแสดงความจริงใจ และการผลักดันสันติภาพในดินแดนปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่องของจีนถือเป็นการซื้อใจประชาคมโลกมุสลิมซึ่งรู้สึกเจ็บแค้นและชิงชังในท่าทีรุกรานของอิสราเอล รวมถึงแนวทางของโลกตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ที่มักจะใช้การสร้างความแตกแยกระหว่างรัฐต่าง ๆ ในโลกมุสลิมเพื่อเข้าไปครอบงำ และ/หรือครอบครองการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

และนี่คือข้อความบางส่วนจาก บทที่ 19 พันธมิตรซุนกวน-เล่าปี่ แห่งศตวรรษที่ 21: พันธมิตรจีน โลกมุสลิม และเศรษฐกิจเกิดใหม่ จากหนังสือ Amidst the Geo-Political Conflicts #สมรภูมิพลิกอำนาจโลก โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม และ รองศาสตราจารย์ ดร.จักรี ไชยพินิจ เผยแพร่โดย สำนักพิมพ์มติชน 

‘กลุ่มรวมพลคนเอาเงินหมื่น’ บุกหนุน ‘เพื่อไทย’ แจกเงินดิจิทัล ฟาก ‘จุลพันธ์’ ยัน!! พร้อมผลักดันโครงการให้เกิดขึ้นจริง

(17 ต.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) กลุ่มรวมพลคนเอาเงินหมื่น นำโดย นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ อดีตผู้สมัครสส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ได้มอบเสื้อที่มีข้อความว่า “ประชาชน สนับสนุน 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต” และสติกเกอร์ ให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง พร้อมร้องเพลง “คนจนมีสิทธิ์มั้ยคะ คนจนมีสิทธิ์มั้ยคะ เงินหมื่นจะได้สักที เพราะมีหนี้นะคะ” เพื่อสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

โดยนายจุลพันธ์ กล่าวว่า จริง ๆ ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือคัดค้านเราก็พร้อมรับฟัง ส่วนตัวไม่แปลกใจที่มีเสียงคัดค้าน เพราะทุกนโยบายรัฐบาลที่ทำมาก็มีทั้งค้านและสนับสนุน ที่นายกฯ บอกให้ประชาชนสะท้อนเสียงมานั้น ไม่ได้ต้องการให้เกิดความแตกแยก แต่เพื่อต้องการรับฟังเสียงของประชาชนให้รอบด้าน เพราะเรามาจากประชาชนเห็นความลำบากของประชาชน เมื่อเราเข้ามาจึงต้องการประชาชนอยู่ดีกินดี และต้องการให้เศรษฐกิจของประเทศไทยโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% เป็นอย่างน้อย ตนฟังเสียงทุกเสียง ทั้งความเป็นห่วงเม็ดเงินไปลงที่คนรวยแล้วจะใช้หรือไม่ วันนี้เราคิดว่าจะมาจะตัดในส่วนของคนรวยออกหรือไม่ เราคิดจริง ๆ ถ้าไม่ได้รับฟังเสียงของประชาชนดีไม่ดีจะตัดไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อฟังเสียงวันนี้ชัดเจนทุกคนยังรออยู่ ฉะนั้นในฐานะที่เป็นรัฐบาลและได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการเรื่องนี้ ยืนยันว่าเราสู้และจะสนับสนุนนโยบายนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้

‘นร.ม.6’ คิดสั้น หลังเครียด ถูกหลอกซื้อ ‘ไอโฟน 13’ แบบผ่อนดาวน์ ด้าน ‘แม่เด็ก’ ใจสลาย เผย สิ้นเดือนนี้กำลังจะซื้อไอโฟนให้ลูกอยู่แล้ว

(17 ต.ค. 66) เกิดเหตุนักเรียนสาวชั้น ม.6 ตัดสินใจ ผูกคอตายในครั้งนี้ เนื่องจากเกิดอาการเครียด เพราะถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวง ให้โอนเงินค่าซื้อโทรศัพท์ไอโฟน เป็นเงินเกือบ 2 หมื่นบาท แต่สุดท้ายไม่ได้โทรศัพท์ จึงตัดสินฆ่าตัวตาย โดยเหตุการณ์เศร้าสลดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเกาะทวด ได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 66 ที่ผ่านมาว่า มีนักเรียนหญิงผูกคอตาย ภายในบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ตำบลเกาะทวด อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ และแพทย์เวร

ที่เกิดเหตุ พบร่างของ นางสาวอาทิยา ช่วยคง หรือ ‘น้องพลอย’ อายุ 19 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ใช้เชือกไนลอนส์ สำหรับเรียนวิชาลูกเสือเนตรนารี ผูกคอตายกับขื่อห้องนอนในบ้านพัก จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า สาเหตุที่ น.ส.อาทิยา หรือ ‘น้องพลอย’ ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองในครั้งนี้ เนื่องจากเกิดจากความเครียด เพราะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้ผ่อนโทรศัพท์มือถือ ‘ไอโฟน13’ ทางระบบออนไลน์

โดยตำรวจ สภ.เกาะทวด ได้ทำการสอบปากคำพยาน 3 ปาก ที่เป็นเพื่อนสนิท และน้าสาวของผู้ตาย ซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน พบว่า น.ส.อาทิยา หรือ ‘น้องพลอย’ ผู้ตายได้ติดต่อผ่อนซื้อโทรศัพท์ยี่ไอโฟน 13 ทางเฟซบุ๊กกับร้าน ‘hannah shop mobile’ ซึ่งตั้งอยู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยถูกทางร้านดังกล่าวหลอกให้ นส.อาทิยา โอนเงินดาวน์ค่าผ่อนโทรศัพท์ไอโฟนให้  โดยให้โอนเข้าบัญชีชื่อ น.ส.ดอกแก้ว แก้วเจิม ธนาคาร CIMB บัญชี 7013721050 ซึ่งเป็นบัญชีม้า จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 18,500 บาท  ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ฯ พบหลักฐานเป็นแชตข้อความหลายข้อความ และสลิปการโอนเงินดาวน์ไปให้กับร้านขายโทรศัพท์ดังกล่าว ในโทรศัพท์มือถือของ น.ส.อาทิยา หลายข้อความด้วยกัน

ปรากฏว่า หลังจากที่ น.ส.อาทิยา หรือ ‘น้องพลอย’ โอนเงินดาวน์เพื่อผ่อนซื้อโทรศัพท์ไปให้แล้ว กลับไม่ได้สินค้า ทำให้ น.ส.อาทิยา พยายามทวงถามสินค้าอยู่หลายครั้ง โดยมีหลักฐานเป็นแชตข้อความในโทรศัพท์มือถือของ น.ส.อาทิยา หลายข้อความด้วยกัน ซึ่งเป็นการโต้ตอบกับทางร้าน แต่เมื่อเห็นนานผิดปกติ น.ส.อาทิยา จึงแชททวงถาม และขอเงินดาวน์คืน แต่กลับถูกทางร้านดังกล่าวแชตข้อความกลับมา พร้อมกับให้โอนเงินค่าประกันเพิ่มอีก 2,000 บาท

กระทั่ง น.ส.อาทิยา หลงเชื่อ จึงได้โอนไปให้อีก 2,000 บาท แต่ทางร้านกลับเงียบหายไป และไม่โอนเงินคืนกลับมา ทำให้ น.ส.อาทิยา รู้ตัวว่าถูกหลอก จึงพยายามแชททวงเงินคืนหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ น.ส.อาทิยา เกิดความเครียดอย่างหนัก เพราะเงินส่วนหนึ่งที่โอนไป เป็นเงินที่หยิบยืมจากเพื่อนสนิท 2 คน และที่สำคัญกลัวถูกแม่ตำหนิ

จนกระทั่งเวลา 15.10 น. ของวันที่ 15 ต.ค. 66 น.ส.อาทิยา ได้แชตสุดท้ายกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ซึ่งได้ระบุว่า ตนเองถูกร้านขายโทรศัพท์มือถือหลอก และถูกโกงเงินไปแล้ว ประกอบกับกลัวแม่จะตำหนิ จากนั้น น.ส.อาทิยา ก็เงียบหายไป ก่อนที่เพื่อนสนิทเห็นท่าไม่ดี จึงรีบโทรศัพท์แจ้งญาติเข้าไปดูในห้องนอน แต่ประตูถูกล็อกจากด้านในอย่างหนาแน่น จนทางญาติต้องพังประตูเข้าไป และพบ น.ส.อาทิยา หรือน้องพลอย ผูกคอเสียชีวิตไปแล้ว ท่ามกลางความเสียใจของพ่อแม่ และบรรดาญาติๆ และเพื่อนๆ ที่เกิดเหตุการณ์เศร้าในครั้งนี้ 

หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สวัสดิ์ นิยมเดช สว.สภ.เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ทำการสืบสวนสอบสวน ทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย และเรียกพยานเพื่อนสนิทของผู้ตาย และญาติสนิทมาสอบปากคำเบื้องต้น พบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้หลอกให้เหยื่อ โอนเงินค่าดาวน์โทรศัพท์ไอโฟน 13 แต่ถูกโกงทำให้ น.ส.อาทิยา เกิดความเครียด และกลัวแม่ตำหนิเลยตัดสินใจผูกคอตายดังกล่าว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังได้มีการสอบสวนขยายผล พร้อมกับแจ้งอายัดบัญชีม้าดังกล่าวอีกด้วย

พร้อมทั้ง ตรวจสอบร้านขายโทรศัพท์ดังกล่าว ที่ระบุว่าอยู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เบื้องต้นพบว่า ร้านขายโทรศัพท์ดังกล่าว ไม่มีอยู่จริง เป็นการสร้างโปรไฟล์ขึ้นมา เพื่อหลอกลวงลูกค้า ซึ่งตำรวจ สภ.เกาะทวด ได้ประสานตำรวจไซเบอร์ เพื่อดำเนินการตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ และประวัติอาชญากรรมของ น.ส.ดอกแก้ว เจ้าของบัญชีม้า พร้อมทั้งประสานตำรวจไซเบอร์ ให้ช่วยเหลือในการทำคดี เพื่อติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายออนไลน์แก๊งนี้ต่อไปแล้ว

ล่าสุดเช้าวันนี้ (17 ต.ค. 66) ทีมข่าวได้เดินทางไปยัง ต.เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุ และใช้เป็นสถานที่จัดงานศพของ น.ส.อาทิยาหรือน้องพลอย บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติและเพื่อนบ้าน มาช่วยจัดงานศพกันอย่างเนืองแน่น

ทั้งนี้ จากการสอบถาม นางบุญเยือน อ่อนแก้ว หรือ ‘แม่แป๋ว’ อายุ 47 ปี มารดาของ น.ส.อาทิยา หรือ ‘น้องพลอย’ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ไม่คาดคิดว่าครอบครัวของตนเองจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูก ที่ผ่านเคยดูแต่ข่าวว่า มีเด็กนักเรียนฆ่าตัวตาย เพราะความเครียดที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน แต่ไม่คาดคิดว่า เหตุการณ์แบบนี้จะมาเกิดขึ้นซ้ำกับลูกสาวของตนเอง จึงอยากเตือนใจให้พ่อแม่ผู้ปกครองทุกคน ได้เฝ้าดูแลลูกๆ ในเรื่องนี้ให้ดี

สำหรับมูลเหตุเริ่มจาก น้องพลอย ลูกสาว เคยบ่นว่า อยากได้โทรศัพท์ไอโฟน 13 เพื่อนำไปใช้เรียนในชั้นมหาวิทยาลัยต่อในปีหน้า แต่มีปัญหาคือโทรศัพท์มีราคาแพงมาก ซึ่งตนก็ปลอบใจลูกสาว ว่าเดี๋ยวรอให้ถึงสิ้นเดือน แม่จะซื้อไอโฟน 13 ให้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า ลูกสาวได้แอบไปสั่งซื้อ และผ่อนโทรศัพท์ไอโฟน 13 ทางออนไลน์เสียก่อน โดยพบหลักฐานข้อความแชตจำนวนมากที่ติดต่อกับทางร้านขายโทรศัพท์ปลายทาง และยังมีการหยิบยืมเงินจากเพื่อนสนิท เพื่อนำมาเป็นค่าเงินดาวน์ ในการซื้อโทรศัพท์ จนเมื่อลูกสาวรู้ว่าตัวเองถูกโกง จึงทำให้เกิดอาการเครียด และก่อเหตุผูกคอตายดังกล่าว

“หากลูกสาวแม่ มาบอกแม่ก่อน ว่าไปแอบผ่อนโทรศัพท์แล้วถูกโกง ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อย่างแน่นอน และแม่ขอยืนยันว่า จะไม่ตำหนิลูกสาวอย่างแน่นอน เพราะรักลูกสาวคนนี้มาก และสิ้นเดือนนี้แม่ก็จะซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 13 ให้ลูกสาว ซึ่งเพื่อนสนิทของลูกได้บอกกับแม่ว่า ลูกสาวเคยมาพูดเป็นลางสังหรณ์ให้เพื่อนสนิทฟังว่า หากถูกโกงซื้อไอโฟน 13 แล้ว จะฆ่าตัวตาย แม่จะเสียใจหรือไม่ เพื่อนสนิทได้พูดห้ามและปลอบใจ พร้อมกับแนะนำให้ไปแจ้งความกับตำรวจ” บุญเยือน กล่าว

นางบุญเยือน กล่าวอีกว่า อยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการจับกุม และปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะหน่วยงานที่ดูแลในเรื่องระบบออนไลน์ ที่จะต้องทำงานให้มากกว่านี้ สาเหตุที่ลูกสาวตัดสินใจฆ่าตัวตายในครั้งนี้ ตนนึกไม่ถึงเลย ว่าลูกจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย หากตนรู้เรื่องก่อนหน้านี้ จะไม่ตำหนิลูกสาวเลย เพราะเข้าใจในตัวลูกสาวดีว่า ลูกสาวต้องการโทรศัพท์ไอโฟน 13 ไปใช้เรียนหนังสือในมหาลัยต่อไป ตนและญาติเศร้า และเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว และไม่อยากให้เป็นเยี่ยงอย่างไปทำกับคนอื่นอีกต่อไป

18 ตุลาคม พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ประกาศต่อประชาราษฎร์เรื่องจะทรงผนวช

วันนี้เมื่อ 63 ปีก่อน ตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงแถลงพระราชดำริในการที่จะทรงผนวช จึงได้ประกาศให้ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท ได้รับทราบ ความว่า “ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ท่านทั้งปวงมาร่วมประชุมกัน ณ ที่นี้ ขอถือโอกาสแจ้งดำริที่จะบรรพชาอุปสมบทให้บรรดาอาณาประชาราษฎร์ทราบทั่วกัน”

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่มีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นที่ยิ่ง

เมื่อ พ.ศ. 2499 มีพระราชประสงค์ที่จะทรงผนวชในพระบวรพุทธศาสนาตามโบราณราชประเพณี จอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอรับพระราชภาระสนองพระเดชพระคุณในการทรงผนวชในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย

และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร์

โดยหลังจากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เชิญเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และคณะทูตานุทูต เข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เพื่อทรงแถลงพระราชดำริในการที่จะเสด็จออกทรงพระผนวช ในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2499 แล้ว 

จากนั้นวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2499 เวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลังจากทรงเจริญพระเกศา โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงจรดพระกรรไกรบิดเปลื้องพระเกศาเป็นปฐมฤกษ์แล้ว

ทรงเครื่องเศวตพัสตรีทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี และพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย

ทรงรับผ้าไตรจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีแล้วทรงเข้าบรรพชาอุปสมบทในท่ามกลางสังฆสมาคม ซึ่งมีสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน เมื่อเสร็จพิธีแล้วพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงได้รับสมญานามจากพระราชอุปัชฌาจารย์ ว่า ‘ภูมิพโล’

ในระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศ ทรงรับประเคนผ้าไตรจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และทรงรับไทยธรรมจากสมเด็จพระบรมราชชนนี ตามลำดับ

จากนั้น พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทำทัฬหิกรรม ณ พระพุทธรัตนสถาน ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระศาสนโศภน (จวน อุฏฺฐายี) เป็นพระกรรมวาจาจารย์

จากนั้นทรงประกอบพิธีตามขัตติยราชประเพณี แล้วเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

ระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติพระราชกิจ เช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายอย่างเคร่งครัด เช่น เสด็จลงพระอุโบสถทรงทำวัตรเช้า-เย็น ตลอดจนทรงสดับพระธรรมและพระวินัยนอกจากนี้ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจพิเศษอื่นๆ เช่น

วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2499 เสด็จฯ ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงร่วมสังฆกรรมในพิธีผนวชและอุปสมบทนาคหลวงในพระบรมราชินูปถัมภ์

วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2499 เสด็จฯ ไปทรงรับบิณฑบาต จากพระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2499 เสด็จฯ ไปทรงรับบิณฑบาต ณ วังสระปทุม

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 ได้เสด็จฯ ไปทรงนมัสการพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม

วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 เสด็จฯ ไปทรงรับบิณฑบาตจากประชาชนทั้งในบริเวณถนนพระสุเมรุ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสี่แยกราชเทวี ถนนเพชรบุรี อีกด้วย

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงลาผนวช ณ วัดบวรนิเวศวิหาร รวมเวลาทรงผนวชทั้งสิ้น 15 วัน

‘หอการค้า’ ชื่นชม!! รัฐบาลทำงานเร็ว 30 วัน ‘ลดค่าไฟ-รถไฟฟ้า-ฟรีวีซ่า’

(17 ต.ค. 66) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการทำงานของรัฐบาลครบรอบ 1 เดือน หลายประเด็นรัฐบาลเดินหน้ารวดเร็ว โดยเฉพาะการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการ 

หอการค้าไทยต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งมีหลายมาตรการที่ออกมา เช่น มติ ครม.วันนี้ (16 ต.ค.) ที่อนุมัติให้ลดค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นำร่อง ‘สายสีม่วง-สีแดง’ ขณะที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลยังได้ประกาศลดค่าไฟฟ้าลง 11 สตางค์ เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย และเริ่มทันทีในรอบบิล ก.ย.ที่ผ่านมา 

ซึ่งภาพรวมต้องชมเชยว่ารัฐบาลเร่งเครื่องรวดเร็ว เพื่อช่วยให้ประชาชนลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตในภาวะที่เศรษฐกิจยังมีทิศทางการฟื้นตัวไม่เต็มที่ ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มเติมขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 

ขณะเดียวกัน มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งที่ได้ประกาศ Free Visa นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ที่มีผลตั้งแต่ 25 ก.ย. 66 – 29 ก.พ. 67 รวมระยะเวลา 5 เดือน และ ครม.ยังได้มีมติขยายระยะเวลา Free Visa ให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย จาก 30 วันเป็น 90 วัน ซึ่งถือเป็นชาติที่ 3 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในไทย ซึ่งจะทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมปีนี้ไปถึงเป้าหมายที่ 25 – 30 ล้านคน

‘Subaru’ บทเพลงชโลมใจจากศิลปินอาวุโส ‘ทานิมุระ ชินจิ’ แม้ชีวิตอับจนหนทาง แต่ยังมีแสงกลุ่มดาวลูกไก่ช่วยคลายทุกข์

เพลงไร้ซึ่งเวลา (อกาลิโก) ตลอดกาลของผมคือ...

'Subaru' (スバル / ซูบารุ / 1990) ประพันธ์และขับร้องโดยผู้อาวุโส 'ทานิมุระ ชินจิ - Tanimura Shinji' (ต่อแต่นี้จงระมัดระวังเรื่องชื่อชาวญี่ปุ่น เพราะกระทรวงต่างประเทศเขาประกาศธรรมเนียมเรียกขานว่าต้องเอ่ยนามสกุลก่อนชื่อ - ผู้เขียน) บทเพลงพรรณนาถึงความมืดมนอับจนหนทาง มีเพียงแสงจาง ๆ จากดาวกลางฟ้าราตรีกระจุกหนึ่ง คือ กลุ่มดาวลูกไก่ (スバル) เป็นเสมือนเพื่อนส่องใจคลายทุกข์ทุรน

คนญี่ปุ่นเชื่อว่า 'ดาวลูกไก่' มีอายุขัย มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และมีวันแตกดับ แต่ถึงกระนั้นดาวทั้งหกก็ยังพยายามส่องแสงเรื่อเรืองเพียงเพื่อนำทางใครสักคนจวบจนวาระสุดท้ายจะหมายมาถึง

นิทานดาวลูกไก่ทั้งหก (บ้างว่าเจ็ด บ้างว่าเก้า) นั้นปรากฏแทบทุกมุมโลก กรีก ยุโรป เอเชีย (ไทยเราด้วย) ล้วนแล้วแต่ดำเนินทิศทางเดียวกันคือ 'ความเศร้า' เพลงซูบารุซึ่งหนีไม่พ้นโศกนาฏกรรมนั่นเช่นกัน ตั้งแต่อินโทรจนถึงกลางเพลง ล้วนเปลี่ยวเปล่าเศร้าสร้อย จนค่อย ๆ มีเสียงเครื่องสายจากวงออร์เคสตร้าเข้าเสริมประสาน คล้ายบอกถึงแสงดาวอันเริ่มสุกสกาวขึ้นเรื่อย ๆ

พีกยิ่งกว่าพีกตรงที่คุณน้าทานิมุระ ท่านได้รับเชื้อเชิญขึ้นโชว์เสียงนุ่มนวลครวญเพลงนี้บนเวทีหลักงาน 'World EXPO 2010' ที่จีนเป็นเจ้าภาพ!!

รู้กันอยู่ว่าพี่น้องญี่ปุ่นกับจีน (และเกาหลี) กินแต่ 'เกาเหลา' มาตั้งแต่ครั้งดึกดำบรรพ์ (ทั้ง ๆ มีบรรพบุรุษร่วมกัน) เรียกว่าใครผงาดใหญ่ขึ้นมาเมื่อใด สองประเทศที่เหลือต้องสะบัดร้อนสะบัดหนาวทุกครั้ง เพราะฉะนั้นการดึงนักร้องญี่ปุ่นมาแสดงบนเวทีกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ต่อหน้าผู้ชมพันล้าน จึงเป็นเรื่องแสดงออกทางสปิริตซึ่งไม่มีใครลืมเลือนน้ำจิตน้ำใจเจ้าภาพครั้งนั้นลงได้

ไม่กี่ปีต่อมา 'เติ้งลี่จวิน' ก็ยืนถือไมค์ร้องเพลงเดียวกันนี้บนแผ่นดินญี่ปุ่น

ช่างไร้ซึ่งกาลเวลา และก้าวพ้นเส้นพรมแดนทั้งปวงอย่างแท้จริง

ซูบารุ - スバル

คารวาลัย #Shinji #RIP

สดับรับฟังซูบารุอีกครั้ง >>> https://youtu.be/Klm427Z_v98?si=N-bf-UuP_Lh9XfKT 

(คัดลอกบางส่วนจากคอลัมน์ย้อนเกร็ด / นิตยสาร BLAST / ฉบับ 50 August 2020)

โดย: พรชัย นวการพิศุทธิ์

‘กรมราชทัณฑ์’ ปล่อยตัว ‘เจ้าสัวเปรมชัย’ ออกจากเรือนจำทองผาภูมิแล้ว หลังต้องโทษคดีเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวร พบคนสนิทจอดรถตู้รับหน้าเรือนจำ

(17 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีข่าวลือกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ปล่อยตัวนายเปรมชัย กรรณสูต คดีเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวรว่า หลังจากมีรถตู้และรถฟอร์จูนเนอร์ สีขาว 2 คัน ขับเข้าไปจอดที่บริเวณหน้าเรือนจำทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

โดยมีเจ้าหน้าที่จากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และคนสนิทของนายเปรมชัย กรรณสูต ร่วมเดินทางมาด้วยนั้น ล่าสุดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.รถยนต์ตู้และรถฟอร์จูนเนอร์ได้พานายเปรมชัย กรรณสูต เดินทางออกไปจากเรือนจำทองผาภูมิแล้ว

(สุรินทร์) กอ.รมน.จังหวัดสุรินทร์ กระทำพิธีรับ–ส่งหน้าที่ และมอบการบังคับบัญชา รอง  ผอ.รมน. จังหวัดสุรินทร์ (ท.)

วันที่ 16 ตุลาคม 2566 ที่ห้องประชุม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ ศาลากลางใหม่ ชั้น4 จังหวัดสุรินทร์  กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ กระทำพิธีรับส่งหน้าที่ และมอบการบังคับบัญชา รอง  ผอ.รมน. จังหวัดสุรินทร์ (ท.) ระหว่าง พ.อ.กิตติพงษ์ พุทธิมณี  ส่งมอบการบังคับบัญชาให้แก่ พ.อ.จิตรกร จันทร์สว่าง ณ สำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ กระทำพิธีรับ–ส่งหน้าที่ และมอบการบังคับบัญชา รอง  ผอ.รมน. จังหวัดสุรินทร์ (ท.)  จังหวัด สุรินทร์

โดยกระทำพิธีลงนามเอกสารรับ – ส่งหน้าที่ ทั้งนี้ พ.อ.กิตติพงษ์ พุทธิมณี   ได้กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ได้ร่วมมือ ร่วมใจในทำงานร่มกันเป็นอย่างดี มาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี มีความรักความผูกพันธ์กับกำลังพล และหน่วย ได้เห็นถึงความจริงใจ มุ่งมั่น ทุ่มเทในการปฏิบัติงาน ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้จะดำรงอยู่ในจิตใจตลอดไป อย่างไรก็ตาม ขอให้กำลังพลทุกนายมุ่งมั่น ทุ่มเท เสียสละ ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ เช่นนี้ตลอดไป สำหรับ รอง ผอ.รมน.จังหวัดสุรินทร์.(ท.) ท่านใหม่ ได้แก่ พ.อ.จิตรกร  จันทร์สว่าง หลังเสร็จพิธีรับ - ส่งหน้าที่ ได้ประชุมกำลังพลสังกัด กอ.รมน.จังหวัด สุรินทร์ เพื่อมอบนโยบายในการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ 2567 โดยผลการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า ข่าว/ภาพ

(สุรินทร์) กอ.รมน.จ.สุรินทร์ บูรณาการเข้ม!!! บูรณาการตรวจห้องเย็น

วันที่ 17 ตุลาคม 2566 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดสุรินทร์ โดย พันเอก จิตรกร  จันทร์สว่าง รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดสุรินทร์(ท) ได้มอบหมายให้ ร้อยเอกถนัด เกิดโชค ร่วมบูรณาการตรวจห้องเย็น โดยมีนายสัตวแพทย์ อภิชัย นาคีสังข์ ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานการประชุมแนวทางการปฏิบัติงานและลงพื้นที่บูรณาการการตรวจห้องเย็นในจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ ด่านกักกันสัตว์สุรินทร์ ด่านประมงสุรินทร์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดสุรินทร์ ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เทศบาลเมืองสุรินทร์ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ตามนโยบายรัฐบาลในการ ป้องกันและปราบปรามการลักลอบสินค้าเกษตร ประมง ปศุสัตว์ โดยดำเนินการเข้าตรวจสอบห้องเย็นให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

ซึ่งวันนี้ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) สุรินทร์ ห้องเย็นมหาชัยวาริน และบีเคห้องเย็น โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี 

#ครอบครัวปศุสัตว์ทำด้วยใจทำให้ไวทำได้จริง
ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top