Tuesday, 29 April 2025
TheStatesTimes

BYD ฟันยอดขายเดือน 8 พาผงาดอันดับ 4 ของโลก  เหตุ 'กระแสรถไฟฟ้าบูม-ส่งรถใหม่' สู่ตลาดต่อเนื่อง

(17 ต.ค.66) เว็บไซต์ CarNewChina.com ได้เปิดเผยว่า จากการรวบรวมยอดขายรถยนต์ใน 37 ตลาดใหญ่ของโลกในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่ามีความน่าสนใจอย่างมาก โดยนอกจากตลาดจะมียอดขายอยู่ที่ 5.55 ล้านคันแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อแยกตามแบรนด์แล้ว จะพบว่า BYD ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของจีน สามารถทำยอดขายแซงหน้า Ford และ Hyundai ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลกสำหรับยอดขายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการเปิดเผยยอดขายในเชิงตัวเลขออกมา แต่ระบุว่าเป็นการวัดจากส่วนแบ่งยอดขายที่เกิดขึ้นในเดือนนั้นๆ โดย BYD ทำตัวเลขของส่วนแบ่งทางตลาดอยู่ที่ 4.8% เหนือจากเจ้าของเดิมอย่าง Hyundai และ Ford อยู่ที่ 0.5 และ 0.6% ตามลำดับ และเบียดกับอันดับ 3 คือ Honda ด้วยตัวเลขที่ห่างกันเพียง 0.1% เท่านั้น

สำหรับเหตุผลที่ทำให้ BYD สามารถทำยอดขายในเดือนสิงหาคมได้นั้น เป็นผลมาจากความต้องการรถยนต์พลังไฟฟ้าในตลาดต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ BYD เองเริ่มส่งผลผลิตใหม่ๆ ของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมถึงการขยายตลาดออกสู่ประเทศต่างๆ ซึ่งช่วยทำให้ยอดขายในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมถึง 5% สวนทางตลาดรถยนต์ในจีนที่กำลังประสบปัญหาในเรื่องยอดขายที่ไม่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลความต้องการที่ลดลง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อ BYD

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนก็ยังเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่ง และทาง BYD พยายามที่รุกตลาดอยู่แล้วด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีความคุ้มค่าออกสู่ตลาด เมื่อความต้องการ 2 ส่วนมาสอดคล้องกันก็เลยทำให้เกิดตัวเลขยอดขายที่ดีขึ้น และยังต้องดูและติดตามถึงความคงที่ในเรื่องของการสร้างยอดขายของแบรนด์กันต่อไปว่า BYD จะยังรักษาตัวเลขของการเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน

ขณะเดียวกัน หากมองในเรื่องของ The Most Valuable Car Company หรือบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดนั้น BYD กลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ได้รับการประเมินและมีตัวเลขในส่วนนี้ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดสามารถแซง Volkswagen ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของโลก ต่อจาก Tesla และ Toyota ที่อยู่ในอันดับ 1 และ 2 โดยเป็นบริษัทรถยนต์จีนเพียงรายเดียวในท็อปเท็นลิสต์

สำหรับ BYD ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 ในฐานะผู้ผลิตแบตเตอรี่และเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในปี 2003 ซึ่งตอนนั้นพวกเขามีรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นทางเลือกที่มีอยู่ในตลาด ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ซึ่งในปัจจุบันพวกเขาเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายสูงสุดในจีน

ปัจจุบัน BYD เป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนเพียงรายเดียวที่ติดอันดับ 10 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกตามมูลค่าตลาด ผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่รายอื่นๆ ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้แก่ Li Auto, Nio และ Xpeng แต่พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้เพิ่มพวกเขาเข้าไปในรายการ 'การเพิกถอนก่อนจดทะเบียน' พร้อมด้วยอีกกว่า 80 รายจากบริษัทจีน สิ่งนี้ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ใช้มาตรการตอบโต้ เช่น Nio เปลี่ยนไปจดทะเบียนในสิงคโปร์แทน

ตำรวจไซเบอร์จับ 2 บัญชีม้าขบวนการอ้างพัสดุผิดกฎหมาย แต่งชุดตำรวจวิดีโอคอลหลอกโอนเงิน สูญกว่า 2.6 ล้าน

สืบเนื่องจาก เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 66 ที่ผ่านมา ได้มีมิจฉาชีพโทรหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นพนักงานส่งพัสดุของแบรนด์ดัง แจ้งว่ามีพัสดุส่งจาก จ.ตาก ไป จ.อุบลราชธานี โดยมีชื่อผู้ส่งเป็นชื่อผู้เสียหาย โดยหลอกว่าในกล่องพัสดุมีสมุดบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย จำนวน 3 เล่ม และมีหนังสือเดินทางของชาวจีนอีกจำนวน 15 เล่ม  ต่อมา ผู้เสียหายหลงเชื่อ มิจฉาชีพจึงโอนสายให้ คุยกับตำรวจปลอม อ้างสังกัด สภ.เมืองตาก แล้วขอภาพถ่ายบัตรประชาชนจากผู้เสียหายไป นอกจากนี้ มิจฉาชีพยังได้ขอแอดไลน์และวิดีโอพูดคุยในชุดเครื่องแบบตำรวจติดยศระดับพันตำรวจเอกอ้างว่าเป็นผู้กำกับ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ และพูดจาข่มขู่ให้ผู้เสียหายรู้สึกกลัว แล้วหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินไปให้ทำการตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินไปทั้งสิ้น จำนวน 9 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,661,529.45 บาท สุดท้าย เมื่อรู้ตัวว่าโดนหลอก จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ บก.สอท.3 เร่งสืบสวนหาตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้หลายราย

กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3  ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า มีผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารให้ขบวนการดังกล่าวใช้เป็นเครื่องมือ กบดานอยู่ในพื้นที่ จ. เพชรบุรี จำนวน 2 ราย จึงได้ร่วมกันลงพื้นที่และวางแผนเข้าจับกุม

ต่อมา วันที่ 16 ต.ค.2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ โดยสามารถจับกุม นายธีรนพ อายุ 21 ปี และ นายไพบูลย์ อายุ 24 ปี ชาวเพชรบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”  โดยสามารถควบคุมตัวได้ในพื้นที่ ต.ช่องสะแก และ ต.ท่าราบ อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี จึงนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.3 ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะข่าวฯ บก.สอท.3 ได้ดำเนินการสั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์, พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ, พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ และ ชุดสืบสวน ร่วมกันดำเนินการจับกุม

‘อ.เจษฎา’ ตัดมุมความเชื่อ เปิดมุมวิทยาศาสตร์  ทำไม ‘รถเทสลา’ ถึงตรวจเห็น ‘ผี’ ในสุสานได้

(17 ต.ค. 66) ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มุมมองทางวิทยาศาสตร์ ถึงไวรัลในโลกออนไลน์ ผ่านทางเพจ ‘อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์’ ความว่า “ทำไมรถเทสลา ถึงตรวจเห็น ‘ผี’ ในสุสานได้?”

มีรายงานข่าวถึงคลิปติ๊กต๊อกที่กำลังเป็นไวรัล จากการที่มีคนไปขับรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อ Tesla วิ่งวนรอบเมรุเผาศพ แล้วเซ็นเซอร์ของรถตรวจเจอ ‘วัตถุบางอย่าง’ ลักษณะคล้ายคน ปรากฏอยู่ข้างๆ ตัวรถ !?… มันเป็นผี หรือเป็นความผิดปรกติของรถกันแน่ครับ?

โดยผู้ใช้ติ๊กต็อก ชื่อว่า @aunnyc โพสต์คลิป ‘Tesล่าท้าผี’ โดยเธอขับเก๋งไฟฟ้าเทสล่า เข้าไปวนรอบเมรุ ณ วัดแห่งหนึ่ง จากคลิปจะเห็นว่า ระบบ Tesla Vision เทคโนโลยีเฉพาะรถยนต์เทสล่า ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุรอบคันรถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ขึ้นโชว์ว่ามี ‘วัตถุบางอย่าง’ ลักษณะคล้ายคน ปรากฏอยู่ข้างๆ ตัวรถ ซึ่งเธอยืนยันว่า ไม่มีคนอยู่บริเวณนั้น และไม่มีการจัดฉากใดๆ ทั้งสิ้น

เรื่อง “‘รถเทสลา’ ตรวจจับวัตถุคล้ายคนได้ ทั้งที่ไม่ได้มีคนยืนอยู่ตรงนั้น” แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีรายงานข่าวและคลิปวิดีโอทำนองนี้ในต่างประเทศมาหลายครั้งแล้ว และหลายปีแล้วด้วยตั้งแต่ที่รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อเทสลากลายเป็นที่นิยมใช้กันมาก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา และก็มีคนเอาไปลองวิ่งตามสุสาน ตามสถานที่แปลกๆ เผื่อจะตรวจจับ ‘วัตถุลึกลับคล้ายคน’ กันได้

ที่เป็นเช่นนี้ได้นั้น ถ้าตัดความเชื่อเรื่องที่ ‘มีผีวิญญาณเฝ้าสุสาน แล้วรถเทสลามีตาทิพย์มองเห็นได้’ ออกไปแล้วนั้น ก็อาจเป็นไปได้ว่ารถคันนั้นมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับระบบ Tesla Vision ของรถ ซึ่งประกอบด้วยกล้อง 8 ตัวและเซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว

อาจมีอะไรเสียแล้วทำงานผิดพลาด หรือถ้าเซนเซอร์ปกติดี อาจเกิดจากตัวของโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ใช้ประกอบนั้น เกิดความผิดพลาดในการตรวจจับขึ้นได้

และคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้มาก ก็คือ ปัญหา ‘ผลบวกปลอม’ หรือ ‘ฟอลส์โพสิทีพ’ (False Positive) ซึ่งหมายถึงการที่รถตรวจเจอสิ่งกีดขวางอันตรายทั้งที่มันไม่ได้มีอยู่ รถอาจจะตรวจจับวัตถุอะไรแถวนั้นที่กล้องมองเห็น เช่น ดอกไม้ พุ่มไม้ ป้ายหลุมศพ ฯลฯ แล้วตีความว่าเป็นสิ่งกีดขวางอันตราย

ระบบป้องกันการชนของรถเทสลานั้น ทำงานด้วยการใช้ทั้งเซนเซอร์และกล้องร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์ว่ามีอะไรอยู่รอบรถบ้าง ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปยังจอภาพในห้องโดยสาร ซึ่งจะแสดงเป็นภาพกราฟิกขึ้นมา แต่ไม่ใช้ภาพวิดีโอของสิ่งที่กล้องเห็นจริง

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่เกิดความผิดพลาดขึ้นในการแสดงผล เช่น แสดงหลุมศพ ด้วยภาพกราฟิกของ ‘คนเดินถนน’

ในคู่มือผู้ใช้ของรถเทสลาเอง ก็มีการแนะนำไว้เกี่ยวกับระบบป้องกันการชนของรถว่า “มีหลายปัจจัยที่สามารถลดประสิทธิภาพของระบบหรือทำให้ระบบผิดพลาดได้ และนำไปสู่การเตือนการชน ทั้งแบบที่ไม่จำเป็น เตือนผิด หรือไม่แม่นยำ”

ซึ่งในแง่ของ ‘ความปลอดภัย’ แล้ว การที่รถที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ (Auto pilot) อย่าง เทสลา นั้น แสดงผลการตรวจจับผิดปรกติแบบ ‘ผลบวกปลอม’ ย่อมดีกว่าการที่มันแสดงผลแบบ ‘ผลลบปลอม’ (หมายถึง รถตรวจไม่เจอสิ่งกีดขวางอันตราย ทั้งที่มันมีอยู่จริง)

ตัวอย่างเช่น มันย่อมจะดีกว่า ที่จะเตือนผิดว่ามีเด็กวิ่งลงมาที่ถนน (ทั้งที่ไม่มี) ดีกว่าที่จะตรวจไม่เจอว่าจริงๆ แล้วมีเด็กอยู่บนถนน

ดังนั้น ‘อัลกอริทึม’ (algorithm) ของซอฟต์แวร์ที่ใช้ในรถ จึงมีแนวโน้มที่จะทำการตรวจจับแบบเซนซิทีฟให้มากไว้ก่อน ยอมที่จะตรวจผิดแบบเจอผลบวกปลอม ดีกว่าจะผิดแบบผลลบปลอม

แต่การที่รถมีผลบวกปลอม ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะมันจะเกิดปัญหาอันตรายตามมา กับรถที่สามารถ ‘เบรกเองได้’ อย่างไม่คาดคิดและทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันได้ อย่างที่บริษัทเทสลาเอง โดนฟ้องร้องต่อศาล ที่รัฐอิลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จากข้อหาที่ว่ารถมีความผิดปรกติ จนทำให้เกิดการเตือนการชนด้านหน้า ‘แบบผลบวกปลอม’ ขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะนำไปสู่อันตรายได้ และก็ทำให้เทสลาเคยเรียกรถบางคันคืนไปแก้ อันเนื่องจากมันเซนซิทีฟเกินไปจนเกิดปัญหา ‘เบรกเอง จากผลบวกปลอม’ ขึ้น

ถ้าผู้ใช้รถเทสลาท่านใด เจออาการผิดปกติแบบ ‘ตรวจเจอผี’ เช่นนี้ ควรเอารถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบการทำงานของรถของท่านว่ามีอะไรผิดปกติกับระบบเซ็นเซอร์ของรถหรือไม่ หรืออาจใช้วิธี ‘การรีบูต’ (Reboot) ซอฟต์แวร์ระบบออโต้ไพล็อตของรถ เผื่อสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ (รถเทสลาบางรุ่น เช่น Model X และ Model S จะใช้วิธีกดปุ่ม Scroll wheel ทั้งสองอันบนพวงมาลัย ค้างไว้ เพื่อรีบูต ซึ่งจะทำให้จอทัชสกรีนของรถดับลง แล้วสตาร์ตใหม่ในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น)

สรุปก็คือ ในทางวิทยาศาสตร์นั้น การที่รถสมัยใหม่ที่มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางอันตราย อย่างเทสลา แจ้งเตือน ‘ผี’ ได้ เป็นผลจากความผิดปกติของระบบเซ็นเซอร์และซอฟต์แวร์ที่มีแนวโน้มจะเซนซิทีฟและให้ ‘ผลบวกปลอม’ ได้ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่บริเวณ… แต่ต้องระวังปัญหาอื่นที่อาจเกิดขึ้นตามมา เช่น การเบรกเองอัตโนมัติเนื่องจากตรวจจับผิดพลาด

ตำรวจ ปส. สกัดแก๊งค้ายาบ้า ขณะขนยาบ้าล็อตใหญ่ 3.2 ล้านเม็ด ส่งแก๊งค้ายาบ้าภาคกลาง

ตามนโยบายการมุ่งเน้นแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ในการปราบปรามผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติด โดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน หรือใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่าน และใช้มาตรการยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ตามนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ภายใต้การอำนวยการโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยงพล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์  สอนกล้า ผบก.ปส.2 ตำรวจ ปส. สามารถจับกุมแก๊งค้ายาบ้า ขณะขนยาบ้าล็อตใหญ่ 3,200,000 เม็ด ส่งแก๊งค้ายาบ้าใน จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยเมื่อวันที่ 15 ต.ค.66 เวลาประมาณ 22.10 น. ตำรวจ ปส.2 ได้สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ทางภาคอีสาน จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นายทศพล  หรือ อ๊อฟ อายุ 36 ปี(คนขับรถขนยาเสพติด) และนายสุริยา อายุ 38 ปี (นั่งข้างคนขับ) พร้อมของกลาง ยาบ้า 8 กระสอบ ประมาณ 3,200,000 เม็ด โดยขณะที่นายทศพล ขับขี่รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน xx 2235 ร้อยเอ็ด ไปถึงบริเวณสี่แยกไฟแดง ถ.สุขเกษม ต.ดงมะไฟ อำเภอเมือง จ.สกลนคร ตำรวจ ปส.2 ได้แสดงตนเข้าตรวจค้น พบยาบ้า 3,200,000 ล้านเม็ดในรถคันดังกล่าว จึงยึดเป็นของกลางและแจ้งข้อกล่าวหาจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ปส.2 ดำเนินคดีและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการและยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การ รับสารภาพว่า รับจ้างขนยาเสพติดเข้ามาจากจังหวัดติดแนวชายแดนทางภาคอีสาน เพื่อนำไปส่งลูกค้าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อไป

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 9 - 13 ต.ค. 66  จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้แนวโน้ม 16 - 20 ต.ค. 66

ตลาดน้ำมันดิบ เฉลี่ยสัปดาห์สิ้นสุด 13 ต.ค. 66 ผันผวน โดยราคา ICE Brent เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 0.48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบ Dubai และ NYMEX WTI ลดลง 1.21 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ 0.18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ

สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ ดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 โดย Al Jazeera รายงานผู้เสียชีวิตในอิสราเอล 1,400 คน ในปาเลสไตน์ 2,670 คน อาคารบ้านเรือนเสียหาย 64,283 หลัง และมัสยิดเสียหาย 18 แห่ง ขณะที่กองทัพอิสราเอลรายงานตัวประกัน 155 คน ถูกจับ และได้ปิดล้อม ฉนวนกาซากั้นการลำเลียงอาหาร เชื้อเพลิงและไฟฟ้า รวมถึงแจ้งให้ชาวปาเลสไตน์อพยพจากตอนเหนือลงสู่ตอนใต้ ใกล้ชายแดนอียิปต์

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงสนับสนุนอิสราเอล และเร่งรัดให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายงบประมาณทางทหารเพื่อช่วยเหลืออิสราเอลโดยด่วน ขณะที่รัฐบาลอิหร่านเตือนอิสราเอลหยุดการกระทำรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์ มิเช่นนั้นจะเผชิญการต่อต้านครั้งใหญ่ ตลาดวิตกสงครามอาจลุกลามกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 6 ต.ค. 66 เพิ่มขึ้น 10.1 MMB WoW อยู่ที่ 424.2 MMB สูงสุดในรอบ 1 เดือน

บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย Saudi Aramco แจ้งผู้ซื้อในเอเชียเหนืออย่างน้อย 4 รายว่าจะส่งมอบน้ำมันดิบในเดือน พ.ย. 66 ปริมาณเต็มตามสัญญา (ระยะยาว: Term) โดยโรงกลั่นน้ำมันในจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดของซาอุฯ แจ้งปริมาณส่งมอบรวมอยู่ที่ 47 ล้านบาร์เรล ใกล้เคียงกับในเดือน ต.ค. 66 ที่ระดับ 50 ล้านบาร์เรล

คาดการณ์ราคา ICE Brent สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยมี War Risk Premium ประมาณ 5-10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จับตาการก่อการร้ายทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อาทิ วันที่ 15 ต.ค. 66 รัฐบาลฝรั่งเศสสั่งปิดทำการพิพิธภัณฑ์ Musée du Louvre และอพยพนักท่องเที่ยวจากพระราชวัง Château de Versailles เนื่องจากถูกขู่วางระเบิด รวมถึงสถานีรถไฟ Gare de Lyon เนื่องจากพบพัสดุต้องสงสัย

‘ครม.’ ตั้ง ‘อรัญ พันธุมจินดา’ ขรก.การเมือง สำนักเลขาฯ นายกฯ ฟาก ‘วัชรพล โตมรศักดิ์’ นั่งตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี

(17 ต.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘พรรคชาติพัฒนากล้า’ ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับ ‘อรัญ พันธุมจินดา’ ผู้อำนวยการพรรคชาติพัฒนากล้า ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการการเมือง ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ‘วัชรพล โตมรศักดิ์’ อดีต สส.โคราช 3 สมัยได้รับแต่งตั้ง เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี

ทั้ง 2 คนที่ได้รับตำแหน่ง มีประวัติการทำงานในด้านการเมืองที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดย ‘อรัญ พันธุมจินดา’ จบการศึกษา ปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชานิติศาสตร์ ปริญญาโท นิติศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชากฎหมายมหาชน และปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ 

เริ่มเข้าสู่การเมือง ในปี พ.ศ. 2548 ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร, ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ, ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...., ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร, ผู้ชำนาญการประจำสมาชิกวุฒิสภา ผู้ชำนาญการประจำสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายเทวัญ ลิปตพัลลภ

ส่วน ‘วัชรพล โตมรศักดิ์’ เป็นลูกโคราชโดยแท้ เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2505 ที่ จ.นครราชสีมา จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตร์ สถาบันราชภัฏนครราชสีมา, ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (การปกครองท้องถิ่น) มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมืองในปี 2533 จากการเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาติดต่อกัน 6 สมัย เคยดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และประธานสภาองค์การบริหารการบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา

นายวัชรพล สวมเสื้อพรรคชาติพัฒนาลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับการเลือกตั้งสมัยแรกในปี 2550 สมัยที่สองในปี 2554 และสมัยที่สามในปี 2562 จากนั้นได้รับความไว้วางใจ ให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา ในปี 2563 และรักษาการหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าในปี 2566

ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญอีกมากมาย โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการที่ดินและสิ่งก่อสร้างคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565, เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร, เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า, เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแก้ไขคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ

เคยดำรงตำแหน่ง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ, เป็นรองประธานคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำป่าสัก, เป็นคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล), เป็นอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายของวิปรัฐบาล, เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 และเป็นโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัยพิจารณาปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและศึกษาแนวทางช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญทางด้านกีฬา เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ หลายตำแหน่ง ตั้งแต่รองประธานกรรมาธิการการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้จัดการทีมของสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า (สวาทแคท) เป็นประธานสโมสรวอลเลย์บอลนครราชสีมา วีซี และเป็นประธานสโมสรกีฬาลีลาศจังหวัดนครราชสีมา จากความรู้และประสบการณ์ที่มีเชื่อว่าจะสามารถทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดจัดพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ ตร. เพื่อเสริมสร้างสิริมงคล เนื่องในโอกาส “วันตำรวจ” ประจำปี 2566

วันที่ 17 ต.ค.66 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดจัดงานวันตำรวจ ประจำปี 2566 เนื่องในโอกาสวันครบรอบวันสถาปนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคุณ นิภาพรรณ  สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และ
คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมประกอบพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพิธีสงฆ์ เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีรายละเอียดการจัดงาน  ดังนี้

• เวลา 07.00 น. พิธีบูชาพระภูมิ พระพุทธโสธร พระนิรันตราย และพระนารายณ์ ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
• เวลา 08.00 น. พิธีสักการะรูปจำลอง พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ณ ชั้น 3 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
• เวลา 08.20 น. พิธีสักการะพระบรมรูปหล่อ รัชกาลที่ 9 ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 
• เวลา 08.35 น. พิธีวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ 
รัชกาลที่ 4 ณ ด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
• เวลา 09.00 น. พิธีสงฆ์ (บำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานและเจริญพระพุทธมนต์ ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
• เวลา 10.15 น. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะสมาคมแม่บ้าน คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 149 ราย ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดได้แบ่งประเภทของผู้ที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ดังนี้

1. ผู้บริจาคเงินและสิ่งของ จำนวน 9 ราย
2. พลเมืองดีที่ช่วยเหลืองานตำรวจ จำนวน 9 ราย
3. หน่วยงานและข้าราชการตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดีเยี่ยมตามประมวลจริยธรรม 
และจรรยาบรรณของตำรวจ จำนวน 6 ราย
4. ศูนยรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ดีเด่น จำนวน 11 ราย
5. โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล (Strong Together) จำนวน 6 ราย
6. การแข่งขันการประชาสัมพันธ์คลิปวิดีโอผ่านทางโซเซียล TikTok ในหัวข้อ 
“รู้ทัน 18 กลโกง อาชญากรรมทางเทคโนโลยี” จำนวน 10 ราย

7. สถานีตำรวจที่มีชุดปฏิบัติการ RTP Cyber Village ดีเด่น จำนวน 10 ราย
8. สถานีตำรวจที่ชนะเลิศการฝึก จำนวน 12 ราย
9. ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่พนักงานสอบสวนดีเด่น จำนวน 15 ราย
10. ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่จราจรดีเด่น จำนวน 9 ราย
11. ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่ป้องกันยาเสพติดดีเด่น จำนวน 14 ราย
12. ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดดีเด่น จำนวน 13 ราย
13. ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในสายป้องกันปราบปรามดีเด่น จำนวน 11 ราย
14. ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในสายงานสืบสวนดีเด่น จำนวน 14 ราย

หลังจาก เมื่อเสร็จสิ้นพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะเดินทางเพื่อไปตรวจเยี่ยมและมอบขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ณ หอผู้ป่วยข้าราชการตำรวจ ชั้น 11 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 4 ราย 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดจัดพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ ตร.  เพื่อเสริมสร้างสิริมงคล เนื่องในโอกาส “วันตำรวจ” ประจำปี 2566

วันที่ 17 ต.ค.66 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดจัดงานวันตำรวจ ประจำปี 2566 เนื่องในโอกาสวันครบรอบวันสถาปนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคุณ นิภาพรรณ  สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และ
คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมประกอบพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพิธีสงฆ์ เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการตำรวจ ซึ่งมีรายละเอียดการจัดงาน  ดังนี้

• เวลา 07.00 น. พิธีบูชาพระภูมิ พระพุทธโสธร พระนิรันตราย และพระนารายณ์ ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
• เวลา 08.00 น. พิธีสักการะรูปจำลอง พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ณ ชั้น 3 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
• เวลา 08.20 น. พิธีสักการะพระบรมรูปหล่อ รัชกาลที่ 9 ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 
• เวลา 08.35 น. พิธีวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ 
รัชกาลที่ 4 ณ ด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
• เวลา 09.00 น. พิธีสงฆ์ (บำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานและเจริญพระพุทธมนต์ ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
• เวลา 10.15 น. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะสมาคมแม่บ้าน คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 149 ราย ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดได้แบ่งประเภทของผู้ที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ดังนี้
1. ผู้บริจาคเงินและสิ่งของ จำนวน 9 ราย
2. พลเมืองดีที่ช่วยเหลืองานตำรวจ จำนวน 9 ราย
3. หน่วยงานและข้าราชการตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดีเยี่ยมตามประมวลจริยธรรม 
และจรรยาบรรณของตำรวจ จำนวน 6 ราย
4. ศูนยรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ดีเด่น จำนวน 11 ราย
5. โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล (Strong Together) จำนวน 6 ราย
6. การแข่งขันการประชาสัมพันธ์คลิปวิดีโอผ่านทางโซเซียล TikTok ในหัวข้อ 
“รู้ทัน 18 กลโกง อาชญากรรมทางเทคโนโลยี” จำนวน 10 ราย
7. สถานีตำรวจที่มีชุดปฏิบัติการ RTP Cyber Village ดีเด่น จำนวน 10 ราย
8. สถานีตำรวจที่ชนะเลิศการฝึก จำนวน 12 ราย
9. ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่พนักงานสอบสวนดีเด่น จำนวน 15 ราย
10. ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่จราจรดีเด่น จำนวน 9 ราย
11. ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่ป้องกันยาเสพติดดีเด่น จำนวน 14 ราย
12. ข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดดีเด่น จำนวน 13 ราย
13. ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในสายป้องกันปราบปรามดีเด่น จำนวน 11 ราย
14. ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในสายงานสืบสวนดีเด่น จำนวน 14 ราย

หลังจาก เมื่อเสร็จสิ้นพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะเดินทางเพื่อไปตรวจเยี่ยมและมอบขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ณ หอผู้ป่วยข้าราชการตำรวจ ชั้น 11 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 4 ราย

‘สุริยะ’ ปลื้ม!! วันแรกรถไฟฟ้า 20 บาท ตอบรับดี ยัน!! เดินหน้าต่อเนื่อง ไม่สิ้นสุดแค่ 30 พ.ย. 67

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 66 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์-ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนนั้น

และได้มีการประกาศใช้มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ในอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสายนั้น รฟท. และ รฟม.ได้รายงานถึงผลการสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ พบว่า ผู้โดยสารส่วนใหญ่ให้ผลตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง รวมถึงดึงดูดให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะระบบรางมากขึ้น

ยันมาตรการต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ 1 ปี
นายสุริยะกล่าวว่า การที่ ครม.อนุมัติมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายสูงสุด 20 บาทตลอดสาย โดยระบุจนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2567 นั้น ยืนยันว่า เมื่อครบกำหนดในช่วงวันดังกล่าวจะยังไม่ได้มีการยกเลิกมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย และจะใช้มาตรการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือและลดค่าครองชีพให้แก่พี่น้องประชาชน ตามนโยบาย ‘Transport Future for All : คมนาคมแห่งอนาคต เพื่อประชาชนทุกคน’

ส่วนการกำหนดระยะเวลาในวันที่ 30 พ.ย. 2567 ตามที่เสนอเรื่องต่อ ครม.นั้น ดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ที่กระทรวงคมนาคมจะต้องประเมินผลการดำเนินมาตรการเป็นรายปี โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปริมาณผู้โดยสาร และรายได้ ซึ่งจะส่งผลต่อภาระการชดเชยจากภาครัฐ และคำนึงถึงความสะดวกสบายในการเดินทางและการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน เป็นต้น เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการดำเนินมาตรการดังกล่าวในปีถัดไป

คาดผู้โดยสารเพิ่มปี 68 ใช้งบชดเชยลดลง
อย่างไรก็ตาม การเสนอต่ออายุมาตรการ 20 บาทตลอดสายในปีหน้า รัฐจะชดเชยเงินรายได้ในจำนวนที่ลดลง เนื่องจากจะมีปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น จึงต้องประเมินผลมาตรการเป็นรายปี ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการสาธารณะ ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้แก่ประชาชน ลดภาวะมลพิษ และการใช้พลังงานภายในประเทศ สนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค จากการเพิ่มการเดินทางของประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เท่าเทียมในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะด้วย

ทั้งนี้ ตามมติ ครม.ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินมาตรการเป็นรายปี โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปริมาณผู้โดยสารและรายได้ ซึ่งจะส่งผลต่อภาระการชดเชยจากภาครัฐและคำนึงถึงความสะดวกสบายในการเดินทางและการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินมาตรการดังกล่าวในปีถัดไป

ส่วนขอรับชดเชยส่วนต่างของ รฟท.ซึ่งกำกับดูแลรถไฟฟ้าสายสีแดง เมื่อสิ้นสุดมาตรการแล้วให้เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามส่วนต่างรายได้ที่เกิดขึ้น ซึ่ง รฟท.เสนอขอรับเงินชดเชยประมาณ 6.43 ล้านบาทต่อเดือนหรือ 77.15 ล้านบาทต่อปี ส่วนกรณี รฟม.ซึ่งกำกับดูแลรถไฟฟ้าสายสีม่วง ไม่ขอรับเงินชดเชยรายได้ของภาครัฐโดยตรง แต่จะนำเงินส่วนแบ่งรายได้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่มีกำไรมาชดเชย

‘เยียนไถ’ รุกคืบปลูกสมุนไพรใต้แผงโซลาร์เซลล์ หนุนพลังงานสะอาด เดินเครื่องสถานีไฟฟ้าผสานเกษตรฯ สร้างมูลค่า ศก.กว่า 5 แสนหยวน

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า เมื่อไม่นานนี้ จางเจียจวง ศูนย์กลางการขนส่งในเขตฝูซาน เมืองเยียนไถ มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน เริ่มดำเนินงานโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (PV) ระยะที่ 1 โดยผสมผสานการผลิตไฟฟ้ากับการเกษตร

แผงเซลล์แสงอาทิตย์ของสถานีผลิตไฟฟ้าแห่งนี้จะรับแสงแดดได้เต็มที่ ซึ่งจะถูกแปลงเป็นพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมส่งเข้าไปที่บริษัทสเตต กริด เยียนไถ พาวเวอร์ ซัพพลาย คอมพานี (State Grid Yantai Power Supply Company) ก่อนจะจ่ายไปยังบ้านเรือนของประชาชน

โครงการดังกล่าวเป็นโครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ดำเนินการสอดประสานกับลักษณะเกษตรกรรมของท้องถิ่น มีจุดมุ่งหมายเพื่อการ ‘ผลิตไฟฟ้าบนแผงเซลล์ ปลูกพืชใต้แผงเซลล์’ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมการบรรเทาความยากจนที่ผสมผสานการเกษตร และการผลิตไฟฟ้าผ่านการปลูกผักอินทรีย์ ผลไม้คุณภาพสูง หรือสมุนไพรจีน ในพื้นที่โครงการผลิตไฟฟ้า

สถานีไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้มีกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ และผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยปีละราว 70.22 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง สร้างรายได้สุทธิทางเศรษฐกิจแก่หมู่บ้านกว่า 500,000 หยวน (ราว 2.52 ล้านล้านบาท) และสร้างประโยชน์แก่ผู้คนกว่า 700 คน ขณะเดียวกันลดการใช้ถ่านหินมาตรฐานได้ 21,417.67 ตันในแต่ละปี และลดก๊าซอันตรายและการปล่อยไอเสียได้

ขณะนี้ กำลังการผลิตติดตั้งของการผลิตพลังงานสะอาดในเยียนไถอยู่ที่ 11.74 ล้านกิโลวัตต์ เป็นอันดับหนึ่งในมณฑลซานตง โดยคิดเป็นร้อยละ 54.49 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งหมดในซานตง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top