Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

'นายกฯ' จ่อพบทูตจีนสร้างความมั่นใจ เชื่อ!! นักท่องเที่ยวเข้าใจ เป็นเหตุสุดวิสัย

(4 ต.ค.66) ที่ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิด ‘SCBX NEXT TECH’ เทคคอมมูนิตี้แห่งโลกอนาคต ว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งทางพารากอนได้ทำสุดความสามารถ และมีมาตรการป้องกันดูแลในที่เกิดเหตุได้อย่างดี ดังนั้นงานในวันนี้ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะพื้นที่เล็กๆ นี้ 4,000 ตารางเมตร ที่สยามพารากอนจัดงาน เชื่อว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการใช้พื้นที่เอกชน ที่เห็นความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยในทุกๆ มิติเพื่อให้ก้าวยืนบนเวทีโลก เสริมสร้างการแข่งขันให้กับเยาวชนไทย ต้องขอชื่นชมหวังว่าฟันเฟืองเล็กๆ ตรงนี้จะเป็นตัวอย่างให้บริษัทเอกชนหลายๆ บริษัทร่วมกันพัฒนาให้มีพื้นที่เยาวชนได้แสดงออกอย่างเหมาะสมและถูกต้องอย่างบูรณาการ

นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค.66 หลังจากได้มาพูดคุยกับผู้บริหารสยามพารากอน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับรายงานอย่างละเอียด จากนั้นเดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อเยี่ยมผู้ป่วย และได้พูดคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ พร้อมสั่งการให้ดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงมีพระบรมราชานุเคราะห์ ให้ผู้ป่วยอยู่ในความดูแล ซึ่งทุกคนปลื้มปิติ และระหว่างนั้นยังได้มีการต่อสายพูดคุยกับเอกอัครราชทูตจีน เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลไทยทำทุกอย่าง และดูแลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด และยังได้มีการตามญาติผู้ป่วย พร้อมประสานงานผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดยประมาณเวลา 22.00 น. ก็เจอญาติ เป็นการพูดคุยซึ่งทางทูตจีนได้สบายใจ และอีก 1-2 วันนี้ ตนจะเข้าไปพบเอกอัครราชทูตจีน

เมื่อถามว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกระทบการท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ไทยเปิดฟรีวีซ่า ตรงนี้จะเรียกขวัญกำลังใจกับนักท่องเที่ยวที่ยังท่องเที่ยวอยู่ในไทยอย่างไรหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนเชื่อว่านักท่องเที่ยวเข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์ที่สุดความสามารถจริงๆ และรัฐบาลไทย รวมถึงเอกชนไทยได้ประสานความร่วมมือดูแลเพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจ

เมื่อถามว่า ในเรื่องระบบการป้องกันและเตือนภัย มีเสียงสะท้อนว่าให้เข้มงวดมากขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ได้คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรียบร้อย เพราะไม่ใช่แค่ระบบเตือนภัยอย่างเดียว แต่เป็นระบบเตือนภัยทั้งหมดรวมถึงการกระจายข่าวเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ทราบว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีคำถามว่าทำไมอาวุธปืนถึงหาซื้อได้ง่ายโดยเฉพาะในเด็กเยาวชนที่ท่องในโลกโซเชียลก็สามารถหาซื้อได้แล้ว นายกฯ กล่าวว่า อันนี้เป็นปัญหาหนึ่งซึ่งได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในกรณีที่มีการซื้อทางออนไลน์จะต้องมีการรัดกุมให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการที่เยาวชนสามารถเข้าถึงการซื้ออาวุธ ตรงนี้น้อมรับ ถือเป็นนโยบายที่จะต้องไปดำเนินการให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นในการให้เข้าถึงการซื้ออาวุธปืนให้ได้ยากมากขึ้น

ผบ.ตร.ขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรี ยกระดับการปฏิบัติ

ผบ.ตร.ขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรี ยกระดับการปฏิบัติ  สั่งเข้มทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาวุธปืนเด็ดขาดและต่อเนื่อง จับมือมหาดไทย ศุลกากร บูรณาการแก้ไขปัญหาการถือครองอาวุธปืน การนำเข้า Blank Gun และเสนอปรับแก้กฎหมายให้รัดกุม พร้อมย้ำลุยต่อยอดฝึกอบรม ประชาสัมพันธ์ ป้องกันเหตุ ตามกลยุทธ หนี-ซ่อน-สู้ ฝากขอความร่วมมือผู้ปกครองสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลาน

วันนี้ (4 ต.ค. 66) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กำหนดมาตรการในการป้องกันเหตุกราดยิง หลังเกิดเหตุคนร้ายกราดยิงที่ห้างพารากอนเมื่อวานนี้ ผบ.ตร.ได้ขานรับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี และสั่งการทันที กำชับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ในมาตรการป้องกันการก่อเหตุในทุกพื้นที่ โดยให้ดำเนินการฯ ดังนี้

1) ให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน อาวุธสงคราม และเครื่องกระสุนอย่างจริงจัง เด็ดขาด และต่อเนื่อง โดยให้รายงานผลการปฏิบัติทุกๆ 15 วัน ในกรณีที่มีการจับกุมให้สืบสวนขยายผล ดำเนินการผู้เกี่ยวข้อง

2) ประสานความร่วมมือ บูรณาการกับกระทรวงมหาดไทย กรมศุลกากร และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบและควบคุมการนำเข้า จำหน่าย รวมทั้งการออกใบอนุญาตอาวุธปืน ที่ยังพบว่ามีสถิติการถือครองอาวุธปืนและใบอนุญาตโดยง่าย  โดยเฉพาะประเด็นแบลงค์กัน (Blank Gun) ซึ่งสามารถนำเข้าได้ พบสถิตินำเข้ากว่าหมื่นกระบอก จะได้ร่วมกับกรมศุลกากรชะลอ หรืองดการนำเข้า เพื่อไม่ให้คนร้าย หรือกลุ่มมิจฉาชีพนำมาดัดแปลงเป็นอาวุธปืนผิดกฎหมาย นอกจากนี้ หากพบว่ากฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง เกี่ยวกับอาวุธปืน ที่ยังล้าสมัย ไม่ทันต่อสถานการณ์ ให้ร่วมกันพิจารณาปรับปรุง แก้ไข เพื่อควบคุมการใช้อาวุธปืนในการกระทำผิดทุกรูปแบบ ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

3) ให้ฝ่ายสืบสวนทุกหน่วยทั่วประเทศ จัดทำและตรวจสอบข้อมูลการจำหน่ายอาวุธปืนในพื้นที่ และให้ บช.สอท. เป็นหน่วยรับผิดชอบในการตัดวงจรการจำหน่ายและการสืบสวนขยายผล การนำซื้อขายอาวุธออนไลน์ การนำแบลงค์กัน (Blank Gun) ไปดัดแปลงเป็นอาวุธ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ เพื่อตัดองค์ประกอบในการกระทำความผิด

4) จัดชุดวิทยากรฯ ต่อยอดการฝึกอบรมการสร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจ ฝึกปฏิบัติในการรับมือกับสถานการณ์ฯ ในพื้นที่โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลและพื้นที่ต่างๆ (Soft Target)

5) ขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยสอดส่องดูแลพฤติกรรมเด็ก เยาวชน บุตรหลาน เกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนหรือความรุนแรงต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบ หรือเหตุความรุนแรงต่างๆในสังคม 

โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ผบ.ตร. ได้ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว มีความห่วงใยต่อสถานการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะอยู่นี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามข้อห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ทุกประเด็น ทุกมิติ ทั้งนี้ ตร. ขอความร่วมมือในการงดแชร์ งดเผยแพร่ภาพ คลิป หรือข้อมูล ในกรณีดังกล่าว เพื่อป้องกันพฤติกรรมลอกเลียนแบบ อีกทั้งกระทบต่อจิตใจครอบครัวผู้สูญเสีย และสังคมวงกว้าง 

พร้อมขอประชาสัมพันธ์  คลิปการรับมือเหตุกราดยิง หนี-ซ่อน-สู้  3 กลยุทธ์สากล การเอาชีวิตรอดจากกรณีมือปืนกราดยิง ที่ได้จัดทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ มีพื้นฐานแนวทางในการเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ สามารถลดจำนวนทั้งผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บตามรายละเอียดที่แนบมาด้วยนี้ 

‘การค้น’ เครื่องมือสำคัญสำหรับจับโจร อำนาจ จนท.ตามหลักปฏิญญาสากล

ก่อน พ.ศ. 2540 การค้นเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการสืบสวน จับกุม ผู้กระทำผิด

เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้กำหนดหลักเกณฑ์สำคัญเกี่ยวกับการค้นว่า... 

การค้นสถานที่ส่วนบุคคล หรือที่เรียกว่า ที่รโหฐาน จะกระทำไม่ได้ถ้าไม่มีคำสั่งหรือหมายค้นที่ออกโดยศาล

ทั้งนี้เพื่อเป็นการประกันสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ตามหลักที่ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพในเคหสถาน 

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ก็ได้มีการระบุหลักเกณฑ์สำคัญดังกล่าวไว้เช่นกัน โดยการค้นตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์หลักๆ อยู่ 2 ประการ…

ประการที่ 1 ค้นเพื่อหาคน ทั้งคนร้ายและผู้ที่อาจถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้
ประการที่ 2 ค้นเพื่อหาสิ่งของ ได้แก่สิ่งของที่ผิดกฎหมายเพื่อพบและยึดสิ่งของนั้นๆ

>> ผู้มีอำนาจค้น 1.ตำรวจ (ร้อยตำรวจตรีขึ้นไป) 2.พนักงานฝ่ายปกครอง (ระดับสามขึ้นไป)

>> วิธีการค้น ตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครอง สั่งให้เข้าของหรือคนอยู่ในนั้น ยินยอมให้เข้าไปค้นได้ ถ้าไม่ยินยอม มีอำนาจใช้กำลังเพื่อเข้าไปได้ ในกรณีจำเป็นจะเปิดหรือทำลาย ประตูหรือช่องทางต่างๆ หรือสิ่งกีดขวางได้ ต้องพยายามมิให้เกิดความเสียหายหรือกระจัดกระจายเท่าที่จะทำได้

>> ช่วงเวลาที่ค้นได้ ต้องทำการค้นในเวลากลางวัน ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก ยกเว้น ค้นตั้งแต่เวลากลางวันแล้วยังไม่แล้วเสร็จ หรือในกรณีฉุกเฉินหรือมีกฎหมายอื่นให้ค้นได้ หรือการค้นเพื่อจับผู้ร้ายสำคัญแต่ต้องได้รับอนุญาตจากศาล

ประชาชนทั่วไปหากมีเหตุการณ์ถูกค้นบ้าน ให้ตั้งสติและดำเนินการดังนี้…

1.ตรวจสอบหมายค้น เช่น ศาลที่ออกหมาย ฐานความผิด รายละเอียดต่างๆ ในเอกสาร
2.สอบถามรายละเอียดของเจ้าหน้าที่ผู้ถือหมายว่ามาจากหน่วยงานใด 
3.หากอยู่ตามลำพังควรขอให้เจ้าหน้าที่รอให้มีผู้ที่เราไว้วางใจเดินทางมาถึงที่ตรวจค้นก่อนจึงอนุญาตให้ค้น ทั้งนี้ต้องไม่เป็นการประวิงเวลาเพื่อการอื่น 
4.ควรอนุญาตให้ตรวจค้นทีละห้อง ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพขณะเจ้าหน้าที่ตรวจค้น 
5.เมื่อการตรวจค้นแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่จะทำรายละเอียดการตรวจค้น ควรให้เจ้าหน้าที่ลงชื่อไว้เป็นหลักฐานและเก็บเอกสารดังกล่าวไว้

อย่างไรก็ตาม หากการค้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าของบ้านสามารถอ้างสิทธิป้องกันตามกฎหมายได้ 

ทั้งนี้ ในส่วนของข้อยกเว้นหมายค้นนั้น หากเจ้าบ้านยินยอม อาจไม่ต้องมีหมายค้น ก็สามารถทำการตรวจค้นได้ แต่ผู้ยินยอมต้องเป็นเจ้าของบ้านหรือคู่สมรส

สำหรับการค้นบ้านพักบิ๊กตำรวจที่เป็นกระแสในระหว่างนี้ ในหมายค้นไม่จำเป็นต้องระบุชื่อบิ๊กคนดังกล่าว หมายค้นก็ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากในหมายค้นไม่จำเป็นต้องระบุชื่อเจ้าบ้านแต่อย่างใด อีกทั้งในขั้นตอนการออกหมายค้น จะต้องมีหลักฐานพอสมควร ที่ทำให้ศาลเชื่อว่ามีบุคคลที่กระทำความผิด หรือมีสิ่งของที่เป็นความผิดหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาล ไม่ว่าบ้านพักดังกล่าวจะเป็นของใคร

เป็นไปตามหลักปฏิญญาสากล ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่ว่า ทุกคนเสมอภาคกันตามกฎหมายและมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองของกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติใด

‘สิ่งที่ควรทำ - ไม่ควรทำ’ เมื่อเกิดเหตุระทึกขวัญ ช่วยหยุดการเลียนแบบ - ลดผลกระทบทางจิตใจเหยื่อ

เมื่อเกิดเหตุระทึกขวัญ หรือเหตุการณ์น่าสะเทือนใจในสังคม สิ่งที่ตามมาคือการกระจายข่าวออกไปในวงกว้างทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ ข้อดีคือทำให้คนหมู่มากรับรู้และระวังตัวยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียก็คือบางครั้งอาจจะเป็นการกระจายข้อมูลที่มากเกินขอบเขต และส่งผลเสีย มากกว่าผลดี

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวม ‘สิ่งที่ควรทำ - ไม่ควรทำ’ เมื่อเกิดเหตุระทึกขวัญ เพื่อจะช่วยหยุดพฤติกรรมเลียนแบบ และลดผลกระทบทางจิตใจของเหยื่อ จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน!!

'สันติธาร เสถียรไทย' ผงาดนั่ง 'บอร์ด กนง.' อายุน้อยที่สุด ดีกรีนักพยากรณ์เศรษฐกิจยอดเยี่ยมระดับโลก 3 ปีซ้อน

(4 ต.ค. 66)​​​​​​ นางสาวดวงพร รอดเพ็งสังคหะ เลขานุการคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ที่ประชุมได้คัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ โดยกรรมการใหม่จะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ดังนี้

1.นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน
2.นายรพี สุจริตกุล
3.นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส
4.นายสันติธาร เสถียรไทย

สำหรับนายสันติธาร เสถียรไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาบริษัท Sea Group ซึ่งเป็นเจ้าของ Garena, Shopee และ AirPay และเป็นบริษัทเทคโนโลยี “ยูนิคอร์น”ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

นายสันติธารเคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของทีมเศรษฐกิจเอเชียที่ธนาคาร Credit Suiss มีหน้าที่วิเคราะห์พยากรณ์เศรษฐกิจและให้คำแนะนำการลงทุนใน10 เศรษฐกิจในเอเชีย เป็นนักเศรษฐศาสตร์ผู้เดียวในเอเชียที่ชนะรางวัลพยากรณ์เศรษฐกิจยอดเยี่ยมระดับโลกของ Consensus Economics ติดกันสามปีซ้อน

เคยได้รับการโหวตเป็นนักเศรษฐศาสตร์มหภาคอันดับ 1 ของประเทศไทยโดย Asia Money และเป็นคนเดียวจากอาเซียนที่ได้เชิญจาก World Economic Forum ให้เป็นสมาชิกกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำที่มาช่วยคิดออกแบบอนาคตเศรษฐกิจโลกหลังโควิด-19 (Global Chief Economist Community) รวมทั้งยังเคยทำงานที่กระทรวงการคลังในประเทศไทย และ Government of Singapore Investment Corporation

นายสันติธาร จบปริญญาเอกด้านนโยบายเศรษฐกิจจาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ด้วยทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัย จบปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์ด้านการพัฒนาระหว่างประเทศจากที่เดียวกันพร้อมรางวัลวิทยานิพนธ์ยอดเยี่ยม และจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์และโทจากมหาวิทยาลัย London School of Economics and Political Sciences (LSE)

เพจดังเปิดหลักฐาน 'บุ้ง ทะลุวัง' เอาเงินทุนสนับสนุน เข้าบัญชีตัวเอง ด้าน 'โบว์ ณัฏฐา' เสริม!! เรื่องเน่าๆ ที่คนนอกมองเข้ามา แล้วมักไม่รู้

(4 ต.ค.66) เพจ 'CSI LA' ได้โพสต์ข้อความและภาพโดยอ้างว่าเป็นหลักฐานที่ 'บุ้ง ทะลุวัง' นำเงินที่รับเงินจากทุนช่วยเหลือนักกิจกรรมเข้าบัญชีตัวเอง ระบุว่า...

น้องๆ อดีตกลุ่มทะลุวัง ฝากข้อความมาครับ  น้องเขาเป็นคนที่ถูกบุ้งบังคับให้เขียนเอกสารขอทุน

ใบเบิกเงินเป็นหลักฐานโต้แย้งจากที่บุ้งกล่าวอ้างว่าใช้เงินของตัวเองในการสนับสนุนเด็กคนอื่นๆ ที่สำคัญทุนนี้ มาจากผลงานการเคลื่อนไหวของเด็กๆที่บุ้งดูแลกว่าสิบคนในสัมภาษณ์ประชาไทของบุ้ง หลักฐานการรับเงินจากทุนช่วยเหลือนักกิจกรรม ชื่อทุน Relocation Assistance ของ Forum Asia ในวันที่ 25 ตุลาคม ปีพ.ศ. 2564 (ช่วงเวลาก่อนเคลื่อนไหวกับทะลุวัง)

Forum Asia เป็นเครือข่ายต่างชาติร่วมกับอีก 23 ประเทศ ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย ช่วยเหลือและสนับสนุนการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในแต่ละประเทศ

ด้านคุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ก็ได้โพสต์ข้อความถึงข้อมูลข้างต้นด้วย โดยระบุว่า...

"บางทีมองจากนอกประเทศเข้ามาก็ไม่รู้หรอกว่ามันเน่าขนาดไหน นึกว่าเป็นขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยใสๆ คลีนๆ จากการได้เห็นอะไรต่ออะไรในประเทศตัวเองตลอดสามปีที่ผ่านมา ก็ทำให้รู้สึกว่าต้อง “ฟังหูไว้หู” มากขึ้นเวลาอ่านข่าวทำนองเดียวกันที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เพราะเราจะรู้ก็เฉพาะสิ่งที่เขาเขียนให้รับรู้เท่านั้น และบางครั้งมันก็เป็นนิยาย"

‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ชี้ ไทยควรมีแจ้งเหตุร้ายผ่านมือถือ หลังเผชิญเหตุกราดยิง แต่ไร้ระบบเตือนภัย - แนะวิธีปฏิบัติตัว

(4 ต.ค. 66) นางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ อดีตคณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ดีกรีนักกฎหมายจาก King's College London และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 โดยระบุว่า ในฐานะผู้ประสบภัย จากเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า บ้านเราควรจะมี SOS Alert ผ่านมือถือแล้วหรือยัง

ณ เวลาที่มีเสียงปืนดังขึ้น ตอนนั้นดิฉัน สามี และลูกสาวอยู่ใน Sea Life Ocean World ที่ชั้น B1 เจ้าหน้าที่ของ Sea Life รีบทำการปิดประตูรั้วเหล็กลง และไม่ให้ลูกค้าเดินออกไป ในตอนนั้นไม่มีใครรู้เหตุผลเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ให้เราออกไปข้างนอก ครอบครัวเราก็เช่นกันเนื่องจากตอนที่อยู่ด้านล่าง จะไม่ได้ยินเสียงปืนด้านบนเลย รู้แต่เพียงว่าให้รวมตัวกันไว้ และรออยู่ด้านใน ในตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะพอสมควร ทุกคนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่ของ Sea Life เพียงแต่บอกว่ามี Emergency Case ที่ด้านบน ในประเด็นนี้ก็เข้าใจว่าพยายามไม่ให้นักท่องเที่ยวตื่นตกใจ ซึ่งก็ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีเยี่ยม

ในตอนนั้นสิ่งเดียวที่เราทำได้ คือหาข่าวจากสื่อ Social Media ต่างๆ และโทรเช็คข่าวกับที่บ้านว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อจะได้เตรียมรับมือได้ถูกต้อง ในทางกลับกันสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ติดอยู่ด้วยกัน ไม่สามารถอัปเดตข่าวสารจากข้างนอกได้เลยได้เพียงแต่อดทนรอแบบไม่รู้สาเหตุ กลายเป็นคนที่ต้องประสบเหตุเผชิญสถานการณ์กลับรู้เรื่องน้อยกว่าบุคคลภายนอกเสียอีก จุดนี้เองส่วนตัวแล้วมองว่า การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเหมาะสมเป็นเรื่องจำเป็นในเหตุเฉพาะหน้าเช่นนี้ ทำให้คิดต่อไปว่า ถ้าบ้านเรามีระบบแจ้งเตือน ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง SMS หรือช่องทางใดๆก็ตาม เพื่อแจ้งเตือนให้บุคคลที่อยู่บริเวณที่ประสบเหตุทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมบอกวิธีการปฏิบัติตัวก็คงจะเป็นเรื่องดี อย่างน้อยทำให้คลายความกดดัน ทำให้ทุกคนรู้ว่าจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและเป็นระเบียบ

5 ตุลาคม ‘วันนวัตกรรมแห่งชาติ’ รำลึกพระอัจฉริยภาพ ในหลวง ร. 9 ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย

วันที่ 5 ตุลาคม ของทุกปี กำหนดให้เป็นวันนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รำลึกถึงพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านนวัตกรรม

เมื่อวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนินโครงการของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ และทรงได้มีพระราชดำรัสแสดงถึงความเป็นนวัตกรรมของ ‘โครงการแกล้งดิน’ ที่ไม่มีใครทำมาก่อนและทั้งนี้ได้ทรงพระราชทานพระราชดำริให้ทำเป็นตำรา คือ ‘คู่มือปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดเพื่อการเกษตร’ สำหรับที่จะใช้พัฒนาพื้นที่ดินเปรี้ยวอื่น ๆ ต่อไป

ด้วยพระปรีชาสามารถทางด้านนวัตกรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และความตั้งพระราชหฤทัยที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยนั้น เป็นที่ประจักษ์และเป็นที่สรรเสริญพระเกียรติคุณกันทั่วทิศานุทิศ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเทิดพระเกียรติพระองค์เป็น ‘พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย’ จากการใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาสภาพดินเปรี้ยว ให้สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พุทธศักราช 2549 ให้ดำเนินโครงการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้

1. เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็น 'พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย'
2. ให้วันที่ 5 ตุลาคมของทุกปี เป็น 'วันนวัตกรรมแห่งชาติ'

‘บิ๊กต่อ’ เผย ‘นายกฯ’ กำชับขจัดช่องว่าง-ยกระดับกฎหมายอาวุธปืน พร้อมขอบคุณสื่อ ช่วยนำเสนอวิธีเอาชีวิตรอดยามเกิดเหตุฉุกเฉิน

(4 ต.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุยิงในห้างพารากอนหลังจากนี้ว่า คนทำความผิดเป็นเด็ก จึงขอว่าอย่าไปแตะตรงนั้น ตอนนี้ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ เนื่องจากผู้ต้องหา ไม่อยู่ในสภาพที่จะให้ปากคำได้ จึงมีส่วนที่จะต้องไปดำเนินการต่อ

ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับ คือ ให้ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน ซึ่งที่จริงเราทำกันมาแล้ว สถิติอาชญากรรมทางอาวุธปืน ในช่วงก่อนหน้านี้ 2 เดือน ตำรวจก็ได้มีการปิดล้อมตรวจค้นหลายร้อยที่หมาย จับผู้ต้องหาได้ 2,000 กว่าคดี ได้ปืน 900 กว่ากระบอก ซึ่งในช่วงที่ตนดูแลงานปราบปราม ยืนยันมีการดำเนินการจับอย่างจริงจัง ไม่ใช่การเมคขึ้นมา แต่ดูจากสถิติที่มีการส่งขึ้นมา ปืนที่เป็นปืนจริงแทบจะไม่ได้ถูกนำมาก่อเหตุ แต่สถิติที่เห็นว่าปืนที่นักเรียนมักจะนำมาใช้ในการทะเลาะวิวาทกัน เป็นปืนชนิดแบลงค์กัน

โดยทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ส่งรายละเอียดมาให้ แต่การใช้ปืนแบลงค์กันไม่มีกฎหมายที่จะไปบังคับการนำเข้า ผ่านพิธีทางศุลกากร คนขายแค่ขออนุญาตแต่คนซื้อไม่มีใบอนุญาต นี่คือช่องว่างทางกฎหมาย แล้วก็นำไปดัดแปลง ซึ่งปืนที่ใช้ก่อเหตุเมื่อวานเป็นปืนแบลงค์กัน และนำไปดัดแปลงตาม youtube โดยในขั้นแรกตนได้สั่งการไปที่ สอท. ให้เจาะเว็บไซต์ของกลุ่มพวกนี้ให้ได้ ตั้งเป็นทีมจับกุมเว็บที่ขายปืนเถื่อนทางออนไลน์โดยเฉพาะ โดยมีการสั่งตั้งทันที

ขณะที่ประเด็นทางข้อกฎหมาย ตนได้ประสานทางกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ทำให้ปืนแบลงค์กันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อขายกันได้ ให้ตีว่าเป็นอาวุธยกระดับข้อกฎหมายขึ้นไปเลย เพราะการนำเข้ามาแบบสิ่งเทียมอาวุธปืน ทำให้สิ่งของเหล่านี้หลุดมาในตลาด เราจะไม่ใช่แค่ดำเนินการจับกุมแต่จะเป็นการยกระดับให้มีข้อกฎหมาย ห้ามนำเข้าเลยให้ถือว่าเป็นปืนจริง ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงกับนายกรัฐมนตรีแล้วว่าจะทำตรงนั้น

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  ยังขอร้องสื่อมวลชนอย่าให้มีการนำเสนอถึงพฤติกรรมการก่อเหตุ เพราะจะเป็นการสร้างจุดสนใจ เป็นเป้าและถูกมองว่าเป็นฮีโร่ ทำให้อาจจะเกิดเป็นพฤติกรรมการเลียนแบบขึ้น เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา และเหตุการณ์ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ตนก็ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ไม่นำเสนอข่าวในจุดนี้ เป็นสิ่งที่ดีมาก และตนก็ฝากเผยแพร่คลิป ‘วิ่ง-ซ่อน-สู้’ เพื่อนำไปกระจายให้กับประชาชน เป็นแนวทางวิธีปฏิบัติขณะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หลังจากนี้จะมีการมอบโล่รางวัลให้กับนายตำรวจที่เข้าไปดำเนินการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเป็นขวัญกำลังใจ ซึ่งถือว่าตำรวจนครบาลทำได้อย่างดี

หลีกการกระทำ 'กดขี่-แบะท่าทีความเป็นใหญ่' ของผู้นำครอบครัว ก่อนสร้างรั้วอันตราย ให้คนรอบข้างเข้าสู่กรอบแห่งความซึมเศร้า

(4 ต.ค.66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'ฝายวารี ประภาสะวัต' ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งที่ตนเคยสอน ไว้ดังนี้...

เด็กคนหนึ่งที่ครูฝายเคยสอน มีคุณพ่อเป็น ผศ. อยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง 

(บทความนี้ยาว แต่รับรองว่าควรค่าแก่การอ่านให้จบค่ะ)

น้องมักมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจอยู่เสมอ มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ครูฝายสอนอยู่ น้องลงไปนอนราบกับพื้น เตือนครั้งนึงก็ลุกขึ้นมา จนถึงคำถามที่ครูฝายถามเด็ก ๆ ทุกคนในกลุ่มนั้นด้วยความภูมิใจที่เด็ก ๆ ทำผลงานสำเร็จว่า "โอ้โหหห หนูทำได้ยังไง เล่าให้ครูฟังหน่อยสิคะ" เด็กคนนั้นตอบว่า...

ก็ ค ว ย ง่ะ

ครูฝายหันหน้าไปมอง แล้วถามต่อว่า หมายความว่ายังไงคะ

น้องบอกว่า ก็ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ไง 

ฝายเลยมองหน้า เพื่อให้เขารู้ว่าเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม และไม่ควรทำอีก ยังไม่ทันจะเอ่ยปากสอนอะไร 

เด็กคนนั้น ลงไปนอนดิ้นกับพื้น โวยวาย อาละวาดและร้องไห้ ครูฝายงงมาก จนต้องให้ครูผู้ช่วยพาออกไปสงบสติข้างนอก

ครูผู้ช่วย เอาคลิปมาให้ครูฝายดูหลังเลิกคลาส พบว่า เด็กคนนั้นร้องไปพูดไป ประโยคที่เค้าบอกคือ...

"ครูฝายเห็นผมเป็นกิ้งกือ ไส้เดือน เป็นขยะที่อยู่ในถังขยะ"

วินาทีที่ได้ยินนั้นตกใจมาก เพราะสิ่งที่เค้าพูดมา ไม่ใช่สิ่งที่ครูฝายมอง แต่เป็นสิ่งที่เค้า ‘มองตัวเอง’

และนี่คือสัญญาณของเด็กที่ low self-esteem และอาจนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้า และฆ่าตัวตายได้ เมื่อโตขึ้น

อะไรทำให้น้องคิดกับตัวเองได้แย่ขนาดนี้นะ!! 

ครูฝายหาข้อมูลต่อ เย็นวันนั้นเลยโทรถามคุณแม่ เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้คุณแม่ฟัง คุณแม่สะอื้นเล็กน้อย พร้อมเล่าว่า คุณพ่อ เป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ดูถูกและกดทุกคนในบ้านว่าโง่ และไม่เก่ง น้องถูกว่าแทบทุกการกระทำ รวมถึงแม่ด้วย

ครูฝายจึงเข้าใจของเหตุการณ์ทั้งหมด อย่างที่เคยบอกไป คำพูดพ่อแม่ สร้าง ‘self concept’ หรือ ตัวตนของลูก

เคสนี้ น้องไม่ได้เรียนกับครูฝายต่อ เพราะคุณพ่อเป็นคนจ่ายค่าเรียนทั้งหมด เลยฝากคุณแม่ (ที่ก็ low self-esteem เช่นกัน) บอกรักน้อง กอด หอม บอกว่าแม่ภูมิใจในตัวเค้าแค่ไหน และเรื่องอะไรบ้าง❤️❤️

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าพ่อมียศ ตำแหน่งอะไร ทำงานที่ไหน รวยหรือจน ไม่เกี่ยวอะไรเลย อย่างเดียวที่เกี่ยวคือ mindset ของพ่อ ที่มีต่อตัวเอง ต่อครอบครัว จนความคิดนั้นแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมและคำพูด แถมด้วยความเป็นใหญ่ของบ้าน พ่อจึงมีอิทธิพลมากกว่าแม่

คนที่ดูถูกคนอื่น คือคนที่รู้สึกว่าตัวเองต่ำ ไม่เก่ง ไม่มีดีอยู่ตลอดเวลา จึงต้องดูถูกผู้อื่น เพื่อให้ตัวเองสบายใจว่าตัวเองสูงขึ้นแล้ว

ดังนั้นหากเจอคนที่ดูถูกเรา ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร พี่น้อง สามีภรรยา หรือเพื่อนก็แล้วแต่ ขอให้เมตตาและสงสาร ช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความทุกข์นั้น หากช่วยไม่ได้ ออกมาให้ไกล เพราะผลที่ตามมาเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะรุนแรงแค่ไหน

แค่ลูกฆ่าตัวตาย หรือจะลามไปถึงฆ่าคนอื่น...เราไม่มีทางรู้เลย

ปล. มีการปรับเนื้อหาตัวละครเล็กน้อย เพื่อความเป็นส่วนตัวนะคะ แต่สาระสำคัญเป็นไปตามเหตุการณ์จริงค่ะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top