Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

‘เพจดัง’ ฉะ!! ‘นโยบายปลอด 0 ร มส’ กัดกินการศึกษาไทย มองผิวเผินดีเลิศ แท้จริงทำเด็กขาดวินัย-ไร้ความรับผิดชอบ

(5 ต.ค. 66) เพจวันนั้นเมื่อฉันสอน ซึ่งเป็นเพจของครูหนุ่มในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีผู้ติดตามกว่า 1.6 แสนคน ได้เขียนบทความเรื่อง ‘นโยบายปลอด 0 ร มส กำลังผลิตเด็กที่ขาดความรับผิดชอบ’ ระบุว่า ดาบสองคมของนโยบายที่แสนดี พูดความจริงได้มั้ยกับการศึกษาไทย ถ้าพูดไม่ได้ทุกอย่างมันก็ดีเลิศประเสิฐศรีมณีเด้ง แต่ถ้าพูดได้คุณจะได้รับฟังความจริงอีกด้าน

นโยบายปลอด 0 ร มส แนวคิดอันแสนดีของระบบการศึกษาที่จะนำพาประเทศเราไปสู่ฝั่งฝัน เพราะเด็กทุกคนตั้งใจเรียนครูเอาใจใส่ช่วยเหลือเด็กให้จบการศึกษาได้ทุกคน

แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้นเพราะเด็กเกิดความรู้สึกว่า ‘เรียนยังไงก็ผ่าน’ ‘ไม่ส่งงานก็ผ่าน’ ‘ทำยังไงก็ผ่านวันสุดท้ายค่อยไปแก้’

สิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดเด็กที่ไม่มีความรับผิดชอบอีกมากมายสู่สังคม คนตั้งใจเรียนก็ท้อใจเพราะคนที่ไม่ตั้งใจก็ผ่านเหมือนกันจนไม่รู้ว่าจะทำดีไปทำไมเพราะไม่เรียนก็ผ่านเหมือนกัน ครูเองก็ถูกบีบให้ตัดสินด้วยผลการเรียนปลอม ๆ ออกมา

ผมเคยคุยกับ ผอ.ของผมท่านหนึ่งเรื่องการรายงานผลอ่านเขียนว่าจะให้รายงานตามความจริงไหม ? ทำไมต้องถามอย่างงั้นล่ะเพราะสถานศึกษาบางแห่งเมกคะแนนสอบจนเป็นเรื่องปกติ ผลการสอบเลิศหรูแต่เด็กก็อ่านไม่ออกก็มี มีการโกงข้อสอบเอาเฉลยมาให้บอก และที่มันเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งเพราะนโยบายที่บีบลงมาต้องได้ 90 เต็มร้อย จึงจะมีหน้าตาอยู่ได้

ระบบที่ครูพูดความจริงไม่ได้ ระบบที่ครูตัดสินตามความจริงไม่ได้กำลังกัดกินการศึกษาไทย ในชั้นเรียนระดับมัธยมเราจะเจอทั้งเด็กที่อ่านไม่ออกท่องสูตรคูณไม่ได้เป็นเรื่องปกติ ‘เพราะอ่านไม่ออกก็ได้เลื่อนชั้นอยู่ดี’

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องตั้งคำถามว่า สิ่งที่เป็นอยู่มันดีแล้วจริง ๆ ใช่ไหมกับการทำให้เด็กเกิดความคิดว่า ‘เรียนอย่างไรก็ได้ ทำยังไงก็ผ่าน’

ถ้ามันดีจริงก็คงไว้ แต่ถ้ามันไม่ได้ดีอย่างที่คิดก็ควรเกิดการเปลี่ยนแปลงปัญหาการศึกษาเป็นปัญหาของทุกคนเพราะถ้าเด็กคนหนึ่งได้รับการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพวันหนึ่งเขาอาจจะเป็นภัยของสังคม ลูกคุณเรียนเก่งแล้วเรียนดีแล้ว คุณให้การอบรมสั่งสอนที่ดี แต่วันหนึ่งเขาอาจจะถูกทำร้ายจากเด็กคนอื่นที่ขาดการศึกษาที่ดีของสังคมก็ได้

จงอย่ารอให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น

‘กกพ.’ ประกาศ ครม.มีมติ ‘ลดค่าไฟ’ เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย มีผลตั้งแต่ ก.ย.66 ชี้ หากจ่ายไปแล้วจะหักในรอบบิลถัดไปแทน

(5 ต.ค.66) นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า บอร์ด กกพ.มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเรียกเก็บในงวดเดือนกันยายน - ธันวาคม 2566 ตามที่ผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเสนอมาในอัตรา 20.48 สตางค์ต่อหน่วย 

ทั้งนี้ จะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 กันยายน 2566 ซึ่งมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือนกันยายน - ธันวาคม 2566 ในอัตรา 4.45 บาทต่อหน่วย ลงเหลือในอัตรา 3.99 บาทต่อหน่วย 

โดยให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติ ครม. ที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดี สำนักงาน กกพ. อยู่ระหว่างดำเนินการส่งหนังสือแจ้งการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (กฟผ. กฟน. และ กฟภ.) เพื่อประกาศค่าเอฟทีค่าใหม่ในรอบเดือนกันยายน - ธันวาคม 2566 

สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่จ่ายค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน 2566 ไปแล้ว จะได้รับการหักส่วนลดค่าไฟฟ้าดังกล่าวในรอบบิลเดือนตุลาคมนี้ต่อไป

"การดำเนินการดังกล่าวอาศัยอำนาจตามมาตรา 64 ประกอบกับมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 และข้อ 11 ตามประกาศ กกพ. เรื่อง กระบวนการขั้นตอนการใช้สูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ พ.ศ. 2565" 

ศาลฯ พิพากษา ‘ลุงทศพล’ มือตบ ‘ศรีสุวรรณ’ จำคุก 6 เดือน ปรับเงิน 2 คดีกว่า 7 หมื่นบาท

(5 ต.ค. 66) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า จากกรณีที่ นายทศพล ธนานนท์โสภณกุล อาจารย์เกษียณราชการ อายุ 67 ปี ก่อเหตุบุกเข้าไปทำร้ายร่างกาย นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เมื่อวันที่ 11 พ.ค.66 ณ หน้าสำนักงาน กกต.ศูนย์ราชการฯ อาคาร B ภายหลังจากที่ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเด็นการร้องเรียนให้ตรวจสอบนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยนั้น

เรื่องดังกล่าวตนได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายทศพลไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง หลังจากเกิดเหตุในวันดังกล่าวด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวมาให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง โดยได้แจ้งข้อหากับนายทศพลใน 2 ข้อกล่าวหา คือ ทำร้ายร่างกายและหมิ่นประมาท ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 รายงานว่า นายทศพล ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อให้ปากคำแล้วจึงนำตัวส่งอัยการฟ้องต่อศาลแขวงดอนเมือง ให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 91, 295 และ 393

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ต.ค.66 ที่ผ่านมาศาลแขวงดอนเมืองได้มีคำพิพากษาว่า นายทศพล มีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 295, 393 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตาม ปอ.มาตรา 91 ฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย จำคุก 6 เดือน ปรับเงินเข้าหลวงรวม 2 หมื่นบาท แต่นายทศพลให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เพราะนายทศพลรู้สำนึกในการกระทำความผิด การที่ถูกจับกุมย่อมทำให้เข็ดหลาบและไม่กล้ากระทำความผิดซ้ำอีก เห็นควรให้โอกาสในการกลับตัวเป็นพลเมืองดีโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อาญา มาตรา 29, 30

นอกจากนั้น ศาลยังมีคำพิพากษาในส่วนแพ่งให้นายทศพล ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายศรีสุวรรณ เป็นเงิน 50,420 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีอีก โดยให้นับแต่วันทำละเมิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จด้วย

"คำพิพากษาดังกล่าว แม้ศาลจะสั่งให้นายทศพลชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนของตนเป็นเงิน 50,420 บาทก็ตาม ซึ่งต้องเคารพในคำพิพากษาของศาล แต่ก็เป็นบทเรียนให้กับผู้ที่ชอบใช้กฎหมู่ อยู่เหนือกฎหมาย เพราะในการต่อสู้คดีของคนจำพวกนี้นั้น ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมีแนวร่วมกองเชียร์ที่เก่งแต่อยู่หน้าคอมฯ หรือนักการเมืองที่นายทศพลไปถ่ายรูปคู่ด้วยหรือไปร่วมเชียร์ในเวทีปราศรัย มาให้กำลังใจเลยแม้แต่คนเดียว หากแต่ต้องยืนโดดเดี่ยวสู้คดีอยู่คนเดียวในชั้นศาล ฉะนั้น ฝากเตือนพวกคอนด้อมฯ สีส้มสีแดงทุก ๆ คนด้วยว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมายครับ" นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

‘ชัยธวัช’ หนุน ‘นายกฯ’ ดันนโยบายเปิดผับบาร์ถึงตี 1 แนะ!! ควรจัดโซนนิ่งให้ชัดเจน สกัดการจ่ายส่วย

(5 ต.ค.66) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ระบุจะเปิดผับบาร์และสถานบันเทิงถึงตีหนึ่ง จากเดิมให้เปิดแค่เที่ยงคืนว่า เรื่องนี้พรรคก้าวไกลเห็นด้วย เป็นข้อเสนอของพรรคอยู่แล้ว แต่มีความเห็นว่า ควรจัดโซนนิ่งได้ ไม่ควรจะเปิดแบบทั่วไป

“หลายพื้นที่ สถานบันเทิงเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจสำคัญ ดังนั้น ควรทำให้ถูกกฎหมายและถูกควบคุมกำกับภายใต้กรอบที่ควรจะเป็นให้ได้ ไม่ใช่ในทางปฏิบัติบอกว่ากฎหมายห้าม แต่เปิดถึงเช้าในหลายที่ โดยใช้กระบวนการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และไม่สามารถควบคุมกำกับตามที่เหมาะที่ควร ผมคิดว่าเรื่องนี้เห็นด้วย แต่ไม่ควรจะเปิดเป็นการทั่วไป” นายชัยธวัช กล่าว 

สุดช็อก!! เหตุกลั่นแกล้งในโรงเรียนที่ ‘ญี่ปุ่น’ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เผย ปี 2022 พบเด็กขาดเรียน-ถูกแกล้ง-ใช้ความรุนแรงกว่า 6 แสนเคส

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, โตเกียว รายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่น รายงานว่ากรณีกลั่นแกล้งอันเป็นที่รับรู้ในโรงเรียนของญี่ปุ่น พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 680,000 กรณีในปีการศึกษา 2022

ผลสำรวจจากกระทรวงฯ พบว่ากรณีกลั่นแกล้งอันเป็นที่รับรู้ในโรงเรียนประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายของญี่ปุ่นในปีการศึกษา 2022 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมีนาคม รวมอยู่ที่ 681,948 กรณี เพิ่มขึ้นจากปีการศึกษาก่อนหน้ามากกว่า 60,000 กรณี และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 10

กรณีกลั่นแกล้งอันเป็นที่รับรู้ในโรงเรียนของญี่ปุ่นในปีการศึกษา 2022 แบ่งเป็นโรงเรียนประถม 551,944 กรณี โรงเรียนมัธยมต้น 111,404 กรณี โรงเรียนมัธยมปลาย 15,568 กรณี และโรงเรียนการศึกษาพิเศษ 3,032 กรณี

ทั้งนี้ มีกรณีกลั่นแกล้งอันเป็นที่รับรู้ในโรงเรียนของญี่ปุ่นที่ถูกพิจารณาเป็นกรณี ‘ร้ายแรง’ เนื่องด้วยเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งฆ่าตัวตายหรือไม่มาเรียนทั้งหมด 923 กรณี

ผลสำรวจยังพบโรงเรียนในญี่ปุ่น 29,842 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 82.1 เผยว่ามีการรับรู้ถึงกรณีกลั่นแกล้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีการศึกษาก่อนหน้า ขณะจำนวนพฤติกรรมใช้ความรุนแรงและการไม่เข้าเรียนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ด้วย

สำหรับปีการศึกษา 2022 ญี่ปุ่นมีเด็กขาดเรียนเป็นเวลา 30 วันขึ้นไป เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 10 อยู่ที่ 299,048 คน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นกว่า 54,000 คน หรือร้อยละ 22 จากปีการศึกษาก่อนหน้า

‘ชัชชาติ’ ชี้ สังคมปัจจุบันแข่งขันสูง ทำคนเครียดสะสม แนะ!! ควรแก้ที่ต้นเหตุ จ่อเพิ่มนักจิตวิทยาให้บริการปชช.

(5 ต.ค.66) ที่ห้องประชุมชั้น 8 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 10/2566

นายชัชชาติเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้น ในฐานะที่เกิดในพื้นที่กรุงเทพฯ ผอ.เขตในพื้นที่เกิดเหตุจะต้องเป็นผู้อำนวยการเหตุ แม้ว่าเรื่องที่เกิดจะไม่เกี่ยวข้องกับ กทม.โดยตรง จะต้องรับทราบเรื่อง ประสานงานกับ สน.ในท้องที่ และรายงานให้ผู้บริหาร กทม.รับทราบด้วย

นายชัชชาติกล่าวว่า ต่อมาระบบเตือนภัยที่อยู่ในอำนาจของ กทม.ผ่านระบบ Line Alert ให้เพิ่มฟีเจอร์นอกจากการเตือนภัยธรรมชาติ เช่น ฝุ่น PM2.5 ซึ่งจะพูดคุยให้มีการเพิ่มการแจ้งเตือนน้ำท่วม หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ จะนำแพลตฟอร์มทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue) สื่อสารข้อมูลให้มากขึ้น โดยให้ผู้พัฒนาทำระบบแจ้งเหตุต่างๆ กับผู้ใช้งาน ต่อมาคือระบบเตือนภัยใหญ่ ต้องมีการประสานงานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งจะมีการส่ง SMS แจ้งเตือนกับคนที่อยู่ใกล้กับพื้นที่เกิดเหตุ

“การแจ้งเหตุก็มีความละเอียดอ่อน ในแง่ของความถูกต้องของข้อมูลที่ต้องสื่อสารไปอาจมีผลต่อการควบคุมการเกิดเหตุด้วย ผู้ควบคุมสถานการณ์จะให้มีการแจ้งเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่ต้องหารือกันให้ดี” นายชัชชาติกล่าว

ด้าน น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ปภ.มีการทำงบประมาณระบบการแจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell Broadcast) ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนภัยธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นการเตือนภัยอื่นๆ ต้องประสานกับหน่วยงานความมั่นคง เช่น ตำรวจ หรือหน่วยงานที่มีพื้นที่สำคัญ ให้เข้าร่วมตรงนี้ด้วย ส่วน กสทช.มีการพูดคุยว่าถ้าเกิดเหตุในพื้นที่อื่นให้มีการแจ้งมายังระบบของ กทม.ด้วย ซึ่งมีการนัดคุยในสัปดาห์หน้า

ขณะที่นายชัชชาติกล่าวอีกว่า สุขภาพจิตของเด็กและประชาชนมีปัญหาค่อนข้างมาก เป็นต้นเหตุของปัญหา กทม.คงต้องมีการปรับในการดูแลสุขภาพจิต ปัจจุบันมีทรัพยากรอย่างจำกัด มีอัตราจิตแพทย์ค่อนข้างน้อย ขณะเดียวกันผู้ป่วยก็ไม่อยากเข้ามาที่โรงพยาบาล ดังนั้น การให้คำแนะนำต่างๆ อาจต้องกระจายลงไปยังศูนย์บริการสาธารณสุข หรือให้ความรู้แก่อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ให้มากขึ้น รวมทั้งให้ความรู้ความเข้าใจแก่โรงเรียนด้วย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่รอให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น

“การนำประชาสังคมมาร่วม การใช้แอพพ์ที่คุ้นเคย หรือสิ่งที่เราทำอยู่ อย่างสวน 15 นาที ดนตรีในสวน เปิดพื้นที่ให้คนแสดงออกก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดความเครียด ต้องเน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่เน้นเรื่องแจ้งเหตุ

“สังคมปัจจุบันมีการแข่งขันสูง ในแง่ความคาดหวังจากพ่อแม่ การแข่งขันสภาพเศรษฐกิจ สุดท้ายก็มาลงที่เด็ก พ่อแม่เครียดจากการทำงาน ถ้ามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย เด็กก็ต้องรับไป คงเป็นเรื่องที่รุนแรงมากขึ้น การหาคำแนะนำที่ถูกต้องไม่ได้หาได้ง่าย จิตแพทย์ สำนักการแพทย์มีแค่ 23 คน สำนักอนามัยมีเพียง 1 คน แผนระยะยาวต้องปรับอัตราให้เหมาะสม รวมถึงเพิ่มนักจิตวิทยา หรือคนที่ให้คำแนะนำต่างๆ ในโรงเรียนด้วย” นายชัชชาติกล่าว

ด้าน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ปัญหาเรื่องสุขภาพจิตก็เป็นปัญหาที่คนรุ่นใหม่เผชิญอยู่ สำนักการศึกษาเคยนำแอปพลิเคชันตัวหนึ่งเข้าไปที่โรงเรียน กทม.พบว่าพอเป็นการส่งข้อมูลจากคุณครูจะไม่มีความเชื่อมั่น เชื่อใจ แต่จะเชื่อเพื่อนและเชื่อเครือข่ายมากกว่า เราจะต้องเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งหมด โดยวันอาทิตย์นี้จะมีการจัดเสวนา มีเครือข่ายด้านสุขภาพจิตมาร่วมด้วยพูดคุย หลังจากนี้คงต้องดูว่าภาครัฐจะช่วยเสริมภาคประชาสังคมที่เข้ามาช่วยได้อย่างไรเพื่อจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างยั่งยืน

นายศานนท์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการประเมินผลการเรียนของนักเรียนนั้นคาดว่าจะมีการปรับรูปแบบในการประเมินด้วย ไม่ใช่แค่วัดเกี่ยวกับผลการเรียนดีอย่างเดียว อาจมีการประเมินเรื่องทักษะอื่นเสริมเข้าไปด้วยก็จะทำให้เด็กรู้สึกมีชัยชนะเป็นของตัวเองและไม่มีการเปรียบเทียบด้วย

ทั้งนี้ ในวันที่ 8 ตุลาคม กทม.ร่วมกับ Sati APP และ Thailand Institute for Mental Health Sustainability (TIMS) จัดงาน Better Mind Better Bangkok 2023 ขึ้น ณ สามย่าน มิตรทาวน์ โดยมีวิทยากรผู้เปี่ยมประสบการณ์และเป็นแรงบันดาลใจในแวดวงสุขภาพจิตมาร่วมพูดคุย อาทิ น.ส.ทวิดา, นายศานนท์, เขื่อน ภัทรดนัย, อแมนด้า ออบดัม, รัศมีแข

‘ร้านแดง ซีฟู้ด คลองโคน’ ร้านอาหารทะเลพื้นบ้านบรรยากาศดี การันตี ‘ความสด-สะอาด-อร่อย’ 10 ปี ปรุง-เสิร์ฟแบบจานต่อจาน

‘ร้านแดง ซีฟู้ด คลองโคน’ จังหวัดสมุทรสงคราม ร้านอาหารทะเลพื้นบ้าน สด สะอาด บรรยากาศดี การันตีความอร่อยมายาวนาน ขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบสด ๆ จากทะเล ปรุงอาหารเลิศรสแบบ ‘จานต่อจาน’

คุณศิริวรรณ จือเหลือง หรือ เจ๊แดง เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า เปิดร้านมากว่า 10 ปี ซึ่งตนเป็นคนในพื้นที่คลองโคนอยู่แล้ว ครอบครัวมีอาชีพทำประมงชายฝั่ง ตนเป็นแม่บ้าน ชอบทำกับข้าว โดยเฉพาะการนำวัตถุดิบจากทะเลที่พ่อบ้านหามาได้มาทำเป็นอาหารกินในครอบครัว จนกระทั่งมีความคิดว่า น่าจะช่วยทางบ้านหารายได้เสริม จึงเปิดร้านขายอาหารทะเล วัตถุดิบจากทะเลบางอย่างก็เป็นของพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ต้องเสียค่าขนส่ง ทำให้อาหารของทางร้านราคาไม่แพง

เมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาด ‘ปูทะเลไข่นึ่ง’ ที่นำปูไข่สด ๆ จัดใส่ในจาน มีแต่ไข่เน้น ๆ เนื้อแน่น ๆ ตัวใหญ่ ๆ นำไปนึ่งประมาณ 10-15 นาที ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ดของร้าน อาหารอร่อยถูกปากเข้ากันสุด ๆ

‘หมึกผัดกะปิ’ ที่นำกะปิมาคั่วผัดกับปลาหมึกจนหอม ‘แกงคั่วกุ้งชะคราม’ กุ้งสด ตัวใหญ่ ในน้ำแกงกะทิคั่วเข้มข้น รสชาติจัดจ้านถึงใจ 

นอกจากนี้ยังมี ‘ปลาทูผัดพริกขี้หนู’ อาหารพื้นเมือง ปลาทูแม่กลอง อาหารทุกจานรับรองเลยว่าคัดแค่คุณภาพเน้น ๆ อร่อยเต็มคำ และไม่แน่ว่าคุณอาจจะต้องกลับมาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่

หนึ่งในร้านอาหารชื่อดังของคลองโคน ใครที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกอาจจะต้องตกใจกับจำนวนคนเยอะมาก แต่ไม่ต้องหงุดหงิดไป ลองได้สั่งแล้วก็รอไม่นาน สั่งปุ๊บอึดใจไม่นานก็ได้ปั๊บ

ใครสนใจลิ้มลองอาหารรสเลิศ สามารถแวะมาได้ที่ ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม (ใกล้กับวัดคลองโคน) หรือแผนที่ https://maps.app.goo.gl/WwzD4gqkskzVyVPF6 

ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. 
โทรศัพท์: 093-6659651

‘นพ.วรรณรัตน์’ แนะ!! รัฐบาลจัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม-แล้งระยะยาว ช่วยเกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี

(5 ต.ค. 66) นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมอภิปรายในญัตติการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยระบุว่า ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อโลกยิ่งร้อนขึ้น การเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิอากาศ ก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย และส่งผลกระทบไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น การเกิดคลื่นความร้อนที่รุนแรง ฝนตกหนักจนน้ำท่วม พายุหมุนที่รุนแรง ภาวะความแห้งแล้ง เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ ก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายอย่างมหาศาล ต่อมวลมนุษยชาติ อย่างที่ชาวโลกกำลังประสบอยู่ในเวลานี้

ผู้จัดการธนาคารโลก ประจำประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความเสี่ยงด้านอุทกภัยสูง เป็นอันดับที่ 9 ของโลก รองจาก เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา ซึ่งการเกิดอุทกภัยในปี 2554 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของไทย นอกจากจะทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 680 ราย และส่งผลกระทบต่อประชากรเกือบ 13 ล้านคนแล้ว ยังสร้างความเสียหาย และเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศคิดเป็นมูลค่าสูงถึงประมาณ 1.4 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 12.6% ของ GDP หรือประมาณ 40% งบประมาณแผ่นดิน ดังนั้นต้องมีกรอบการทำงานที่เข้มแข็งกว่าเดิม เพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ

เราจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องจัดทำแผนแม่บท เพื่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ทั้งการวางแผนระยะสั้นและระยะยาว ในทุกลุ่มน้ำที่สำคัญของประเทศ ทั้ง 25 ลุ่มน้ำ นับตั้งแต่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นต้นไป 

"ไม่ว่าจะต้องใช้เงินงบประมาณ มากน้อยเพียงใด เราก็จำเป็นต้องทำเพราะหากเรามัวแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าในระยะสั้นเพียงอย่างเดียวแล้ว เราก็จะไม่มีวันที่จะแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่านี้ได้อย่างถาวร"

เมื่อเปรียบเทียบการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศของภาคอุตสาหกรรมด้านการค้าการลงทุน ที่มีการก่อสร้างทั้งถนนมอเตอร์เวย์, ระบบรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง ซึ่งต้องใช้งบประมาณแผ่นดินหลายล้านล้านบาท เราก็ยังกล้าลงทุน แต่เรายังไม่เคยลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตรกรรมกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของน้ำ

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาอุทกภัยและปัญหาภัยแล้ง นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดจากน้ำท่วมขังแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องสร้างระบบเก็บกักน้ำหรือแก้มลิง และระบบชลประทานเพื่อการเกษตร ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบพร้อมกันไปด้วย เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากปัญหาอุทกภัย มีน้ำใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคตลอดทั้งปี และมีน้ำเพื่อการเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมอย่างพอเพียงและยั่งยืน

“ถ้าเรามีน้ำเพื่อการเกษตรกรรมอย่างพอเพียงแล้ว เกษตรกรก็สามารถที่จะทำนาทำไร่ และประกอบอาชีพเกษตรกรรมอื่น ๆ ได้ตามปกติ สามารถสร้างผลิตผลทางการเกษตรออกมาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และถ้าสามารถนำไปขายได้ในราคาที่เป็นธรรมแล้ว เชื่อมั่นว่าปัญหาหนี้สิน และปัญหาความยากจนของเกษตรกรก็จะหมดสิ้นไป หรือพูดง่าย ๆ ว่าถ้าเราแก้ปัญหาเรื่องน้ำได้ เราก็จะสามารถแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรได้ จึงขอฝากรัฐบาลพิจารณาดำเนินการ จัดทำแผนแม่บท เพื่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ที่เกิดขึ้นซ้ำซากให้หมดไป รวมทั้งการพัฒนาระบบชลประทาน และแหล่งเก็บกักน้ำให้พอเพียงกับความต้องการทางด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม และเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนทั่วทั้งประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป”

6 ตุลาคม พ.ศ. 2502 กัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลโลก เรียกร้องกรรมสิทธิ์เหนือเขาพระวิหาร

วันนี้ เมื่อ 64 ปีก่อน กัมพูชา ยื่นฟ้องต่อศาลโลก เรียกร้องกรรมสิทธิ์เหนือเขาพระวิหาร ในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษของไทย

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2502 รัฐบาลกัมพูชา นำโดย เจ้านโรดม สีหนุ ได้ยื่นฟ้องต่อ ศาลโลก หรือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เรียกร้องกรรมสิทธิ์เหนือ เขาพระวิหาร ในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษของไทย โดยอ้างว่าประเทศไทยละเมิดอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารซึ่งเป็นของกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2497 เป็นต้นมา และขอเรียกร้องให้คืนอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารคืนแก่กัมพูชา 

การไต่สวนพิจารณาคดียาวนานถึง 3 ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด 73 ครั้ง จนในที่สุด เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 เสียง ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อของกัมพูชา 

หลังจากแพ้คดี จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ยินยอมให้นักศึกษาเดินขบวนประท้วงคำตัดสิน และปิดทางขึ้นปราสาทซึ่งอยู่ในเขตประเทศไทย เป็นการตอบโต้กัมพูชา เหลือเพียงทางขึ้นเป็นช่องเขาแคบ ๆ สูงชันและอันตราย ในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของกัมพูชา เขาพระวิหารก็ถูกปิด ๆ เปิด ๆ ให้เข้าชมอยู่หลายครั้งตามสถานการณ์ภายในประเทศ ก่อนจะเกิดความร่วมมือกันอีกครั้งระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจนถึงปัจจุบันนี้ เขาพระวิหารนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จ. ศรีสะเกษ

‘BEC Studio’ ส่ง 2 ซีรีส์คุณภาพเข้า ‘Prime Video’ ผลงานจากนักแสดงมากฝีมือ เตรียมฉาย พ.ย. - ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา คุณบอย อภิชาติ์ หงษ์หิรัญเรือง กรรมการผู้อำนวยการสายธุรกิจ BEC Studio นำทีมผู้กำกับและนักแสดงร่วมงาน ‘แกะกล่องไทยบันเทิง’ โดย Prime Video ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งระดับโลก เป็นแหล่งรวบรวมภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ และคอนเสิร์ตสุดประทับใจ พร้อมส่งตรงความบันเทิงแบบครบทุกอารมณ์ 

โดยทาง BEC Studio ได้ผลิตผลงานคุณภาพมาเสริมทัพความบันเทิง และพร้อมนำเสนอซีรีส์เรื่องใหม่สู่สายตาแฟน ๆ ทั่วโลกผ่าน Prime Video 2 เรื่อง ได้แก่

1.เรื่อง ‘ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ’ นำแสดงโดย มิ้นต์ ชาลิดา, นนกุล ชานน เริ่มฉาย 23 พฤศจิกายน 2566 เป็นเรื่องราวของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศที่พยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในแต่ละวัน โดยใช้สารพัดเล่ห์เหลี่ยมเพื่อพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จ ‘อลิศ’ (ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง) นักขายปากแจ๋วที่แบกโลกทั้งใบภายใต้คำว่าความอยู่รอดของครอบครัว เมื่ออาชีพเซลล์ขายรถไปต่อไม่ได้ ครอบครัวกำลังจะไม่มีที่อยู่ เธอจึงต้องนำพาชีวิตให้รอด ไม่ต่างกับ ‘เมษ’ (ชานน สันตินธรกุล) วิศวกรหนุ่มชีวิตพัง เพราะตึกที่เขาออกแบบดันถล่มลงมา เขาทั้งคู่จึงเดินเข้าสู่โลกใหม่ที่ท้าทายด้วยการมาเป็นพนักงานขายกองทุนให้กับธนาคารไทยธนา ที่เป็นดั่งสมรภูมิรบและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลโกงเพื่อแย่งชิงยอดขาย ไม่มีคำว่าเพื่อนหรือพี่น้อง แต่แล้วเมื่ออลิศและเมษพบว่า ทั้งหมดเป็นเพียงหลุมพรางของนักฉ้อฉลทางการเงินที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากากนักบริหารที่ประสบความสำเร็จ และเมื่อเป้าหมายเดียวในชีวิตคือความอยู่รอดของครอบครัวมันไม่มีค่าอีกแล้ว เมษจึงช่วยอลิศกระชากหน้ากากเปิดโปงจอมบงการที่ทำลายชีวิตของเธอ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมกลับมา

2.เรื่อง ‘มือปราบกระทะรั่ว’ นำแสดงโดย เต้ย จรินทร์พร, เต๋อ ฉันทวิชช์ เริ่มฉาย 21 ธันวาคม 2566 เป็นเรื่องราวของ ‘มาวิน’ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) มือปราบหัวร้อน ถูกพักงานเพราะความบุ่มบ่าม ทำให้เอเย่นต์ค้ายาหลุดรอดไปได้ มาวินยังมุ่งมั่นตามล่าเอเย่นต์คู่ปรับ จนมาพบว่าแหล่งผลิตยาเสพติดซ่อนอยู่ในชุมชนสันติสุข โดยมี ‘เฮียหมา’ เป็นหัวหน้าแก๊งขาใหญ่ พวกมันมักมารวมตัวกันที่ร้านเภาโภชนา มาวินจึงวางแผนแฝงตัวเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านเพื่อจับเฮียหมาเข้าคุก แต่มันไม่ง่ายเพราะ ‘ขิง’ (จรินทร์พร จุนเกียรติ) ยูทูบเบอร์สาว หลาน ‘ป้าเภา’ เจ้าของร้าน ไม่ชอบขี้หน้ามาวิน ขิงคอยแกล้งไม่ให้มาวินทำภารกิจสำเร็จเพราะตัวเองต้องการให้ป้าเภาปิดร้านและออกจากชุมชนที่เต็มไปด้วยอาชญากร แต่ป้าเภาซึ่งผูกพันกับคนในชุมชนมาทั้งชีวิตไม่อยากทิ้งชุมชนไป มาวินจำต้องพิสูจน์ให้ขิงเห็นว่าการหนีไม่ใช่ทางออกของปัญหา ขิงจึงตัดสินใจร่วมมือกับมาวินเปลี่ยนย่านอาชญากรรมให้กลายเป็นย่าน Street Food เพื่อให้ชุมชนน่าอยู่อีกครั้ง มาวินจากมือปราบหัวร้อนจำต้องกลายเป็นมือปราบกระทะรั่ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top