Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

‘จตุพร’ เผยสาเหตุ ‘เฉลิม’ ประกาศตัดขาด ‘ทักษิณ’ เกิดจากการดูถูก - เหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นคน

(6 ต.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 5 ต.ค.66 ระบุถึงปัญหาระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เกิดจากการดูถูก หยามเหยียดความเป็นมนุษย์ พร้อมตอบชัดเจนทักษิณพูด หมอ รพ.ตำรวจบอกมา

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ถามได้ยินนายทักษิณ มีปัญหากับ ร.ต.อ.เฉลิม ได้อย่างไร ว่า คนที่ไปเล่าให้ ร.ต.อ.เฉลิมฟังเป็นหมอที่ รพ.ตำรวจ โดยระบุคำพูดนายทักษิณดูถูก ร.ต.อ.เฉลิม ว่า “กวนตีนกวนโอ๊ยกันทั้งพ่อทั้งลูก”

นอกจากนี้นายภูมิธรรม ได้เปรียบเทียบและโยงว่าจะไม่มีปัญหาซ้ำรอยเหมือนกรณีของนายจตุพรด้วย อย่างไรก็ตาม นายจตุพร ไม่ต้องการแสดงความเห็นในปัญหาของทั้ง 2 ฝ่าย โดยอ้างเป็นคนนอก หากทั้งนายทักษิณกับ ร.ต.อ.เฉลิม ดีกันแล้ว ก็จะกลายเป็นพวกหมาหัวเน่าทันที จึงให้เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยไปเคลียร์ปัญหากันเอง

อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม ได้แสดงความไม่เห็นด้วยในทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ตั้งแต่การตั้งรัฐบาลข้ามขั้วของพรรคเพื่อไทย จึงไม่ไปโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งแสดงถึงจุดยืนชัดเจน แม้แต่นักประชาธิปไตยหลายคนในพรรคเพื่อไทยยังไม่มีความกล้าเท่ากับ ร.ต.อ.เฉลิม อีกด้วย

“เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ไปโหวตนายกฯ แล้ว หลังจากนั้นจึงเป็นที่มาของคำพูดทักษิณว่า “จะกวนโอ๊ยกวนตีนทั้งพ่อและลูก” ซึ่งภาษาเช่นนี้ ถ้าพูดต่อหน้าอาจไม่เป็นอะไร แต่เมื่อได้ยินการพูดลับหลัง ร.ต.อ.เฉลิม จึงเกิดความรู้สึกจะหันหลังให้พรรคเพื่อไทยและไม่ขอร่วมทางการเมืองกันตลอดชีวิต” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวถึงตัวเองมีปัญหากับนายทักษิณ ว่า แม้ร่วมต่อสู้กันมานาน 29 ปี แต่เมื่อถูกดูถูกกันครั้งเดียวความสัมพันธ์ต้องขาดสะบั้นทันที และจบกันไปเลย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดของมนุษย์อยู่ที่คุณค่าและการให้เกียรติกัน เมื่อแต่ละคนได้ต่อสู้ เอาชีวิตถวายหัว ร่วมเป็นร่วมตายกลับไม่เห็นคุณค่า หนำซ้ำยังมาดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กัน จนเกิดปัญหาฉิบหายกันถึงทุกวันนี้ ส่วนความจริงของปัญหาที่เกิดกับ ร.ต.อ.เฉลิม นั้น ก็เป็นเรื่องลักษณะเดียวกันกับตน ไม่มีอะไรแตกต่างกัน และเป็นบทเรียนซ้ำไปซ้ำมา

“ผมขอบอกนายภูมิธรรมที่ถามว่าได้ยินมาจากไหน ผมก็บอกว่าจากหมอใน รพ.ตำรวจ ซึ่งผมได้ยินมาแบบนี้ ความเป็นจริงจะเป็นอย่างไรนายทักษิณกับ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องสื่อความกันเอง ส่วนผมตอบตามความสงสัยของนายภูมิธรรมว่า ได้ยินมาจากหมอ รพ.ตำรวจ” นายจตุพร กล่าว

‘ญี่ปุ่น’ สร้าง ‘Giraffenap’ ตู้งีบหลับแบบยืนคล้ายยีราฟ ตอบโจทย์วัยทำงาน ‘พักสายตา-ร่างกาย’ จากความเหนื่อยล้า

ออฟฟิศสมัยใหม่ในหลาย ๆ ประเทศเริ่มออกแบบให้มีโซนพักผ่อนสำหรับพนักงาน ไว้ใช้แอบงีบหลับพักสายตาสั้น ๆ บริษัทหัวใสแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นจึงได้เอาไอเดียนี้มาทำเป็น ‘Sleeping Pod’ หรือตู้สำหรับนอนงีบหลับที่ไม่ธรรมดา เพราะว่าออกแบบมาให้ผู้ใช้งานต้อง ‘ยืนหลับ’ คล้ายกับวิธีการยืนหลับของยีราฟ โดยให้ชื่อผลงานนี้ว่า ยีราฟแน็ป (Giraffenap)

สำหรับ Giraffenap เป็นตู้แนวตั้ง ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนอนหลับในท่ายืนได้ ตัวตู้นี้มีขนาดพอ ๆ กับตู้โทรศัพท์สาธารณะขนาดเล็ก โดยความสูงของตู้อยู่ที่ 2.5 เมตร และกว้าง 1.2 เมตร พร้อมกับออกแบบให้ตู้นี้สามารถป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ รวมถึงยังติดตั้งตัวดับเพลิง พัดลมภายใน ไฟแอลอีดี และตะขอที่แขวนเสื้อมาให้ในตู้ด้วย

ถ้ามองจากภายนอก ตู้นอนหลับแบบยืนนี้ อาจจะดูเหมือนตู้เก็บของ ห้องน้ำหรือแม้กระทั่งห้องสำหรับใช้โทรศัพท์ แต่เมื่อเปิดออกมาจะพบว่าภายในได้ออกแบบตัวที่นั่งอย่างประณีต ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทิ้งตัวนอนในท่ายืน แบบไม่ต้องเกร็งร่างกายเพื่อรับน้ำหนักตัวเองแต่อย่างใด โดยภายในตู้ประกอบด้วยแพลตฟอร์มรองรับน้ำหนักส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งโต๊ะรองแขน เก้าอี้รองก้น แท่นรองเข่า รวมถึงพนักเล็ก ๆ ด้านใต้ตู้ สำหรับรองฝ่าเท้า ทำให้เวลานอน เราจะต้องฟุบหน้าไปกับแขนที่วางอยู่บนโต๊ะ ส่วนขาก็จะอยู่ในลักษณะงอเข่า และเอียงตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย

โดยบริษัท Koyoju Plywood Corporation จากจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ผู้ผลิตตู้นอนยีราฟนี้ กล่าวว่าบริษัทกำลังมุ่งที่จะสร้างสังคมที่ทุกคนสามารถมีที่สำหรับงีบหลับได้อย่างง่ายดาย และมองว่าผลงานนี้ จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยพัฒนาทั้งในแง่ของธุรกิจของบริษัทและสุขภาพของคนทำงานไปพร้อมกัน เนื่องจากบริษัทมองว่าถ้าคนเราได้งีบหลับ ก็จะเหมือนกับได้ฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า ไม่ต้องทนกับอาการง่วงนอนในเวลาทำงาน และตื่นมามีแรงเพื่อที่จะลุยงานต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งกับบริษัทและตัวพนักงานเอง

แต่สำหรับใครที่อยากจะใช้ตู้นี้ มีข้อจำกัดนิดคือจะต้องสูงไม่เกิน 198 เซนติเมตร หรือมีน้ำหนักไม่เกิน 100 กิโลกรัม เพราะถ้าสูงเกินหรือน้ำหนักตัวมากไป ก็อาจจะไม่พอดีกับตู้ได้ ส่วนราคาวางจำหน่ายตู้นอนแบบยืนนี้ อยู่ที่ตู้ละประมาณ 3,000,000 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยที่ 740,000 บาท

‘รมว.ยุติธรรม’ เผย นำตัวมือกราดยิงส่ง ‘สถาบันกัลยาณ์ฯ’ หลังจิตแพทย์ลงความเห็นต้องประเมิน-รักษาอาการทางจิต

(6 ต.ค.66) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการรับตัว ด.ช.วัย 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงที่ห้างสยามพารากอน ซึ่งขณะนี้อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน ว่า สถานพินิจฯ ได้มีกระบวนการรับตัว มีแพทย์ที่ตรวจและประเมินสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็ก ซึ่งรับทราบว่าเด็กชายไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ระหว่างนี้จึงคงยังอยู่ในการดูแลของสถานพินิจฯ

“ผมได้รับแจ้งว่าเมื่อมีการตรวจประเมินสุขภาพจิตของเด็กชาย ทางทีมจิตแพทย์ที่ตรวจสอบเบื้องต้นมีความเห็นว่า เห็นควรส่งตัวเด็กชายไปเข้ารับการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ แต่ผมไม่ได้เห็นรายละเอียดชัดเจน ว่า เด็กชายมีอาการทางจิตอย่างไร เป็นเพียงสรุปรายงานที่ได้รับทราบเท่านั้น” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า แม้เด็กชายจะถูกส่งตัวไปรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ฯ ก็ตาม แต่ในทางกฎหมายไม่สามารถเปิดเผยเรื่องอาการสุขภาพของเด็กได้ ขอให้เป็นไปตามความเห็นของแพทย์ อีกทั้งทางกรมพินิจฯ ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่สำหรับเข้าร่วมดูแลเด็ก ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย นอกจากนี้ตนไม่ได้เน้นย้ำกำชับในเรื่องใดเป็นพิเศษแก่กรมพินิจฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะมีขั้นตอนการดำเนินการและรายงานให้ตนรับทราบต่อเนื่อง อีกทั้งเรื่องสำคัญอีกประการคือการที่เจ้าหน้าที่ของกรมพินิจฯ จะต้องลงพื้นที่สืบเสาะ สืบสวนค้นหาสาเหตุที่ทำให้เด็กชายก่อเหตุดังกล่าว เพื่อที่เราจะได้ร่วมกันออกแบบกลไกป้องกันไม่ให้มีเด็กหรือเยาวชนก่อเหตุในลักษณะนี้ซ้ำขึ้นอีก

“หากเด็กชายเข้ารับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางเสร็จสิ้นกระบวนการเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อถึงวันนั้น แพทย์พิจารณาส่งกลับมายังสถานพินิจฯ ทางกรมพินิจฯ จะมีโปรแกรมบำบัดฟื้นฟู เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยซึ่งจะเป็นในส่วนที่เด็ก ๆ ภายในการดูแลของสถานพินิจฯ ทุกคนจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมการศึกษา การพัฒนาวิชาชีพต่าง ๆ เป็นต้น” รมว.ยุติธรรม กล่าว

‘หนิง ไอลีน’ ขอโทษ หลังทัวร์ลง ปมโพสต์ถึงเหตุกราดยิง ล่าสุดโดนต้นสังกัดลงดาบ สั่งระงับงานทั้งหมดแล้ว

(6 ต.ค. 66) กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าเลยทีเดียว หลังจากที่ศิลปินอินดี้ร้อยล้านวิว ‘หนิง ไอลีน’ ออกมาแสดงความคิดเห็นกรณีเด็ก 14 กราดยิงที่สยามพารากอน ซึ่งทำให้มีคนเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 5 ราย โดยเจ้าตัวได้ทวิตข้อความว่า…

“โลกนี้โสมม ประชากรล้นโลก สมควรแล้ว” และ “เป็นเราจะไม่ยิงแค่นี้หรอก #กราดยิงพารากอน”

ล่าสุดต้นสังกัดอย่าง ‘ไทดอล มิวสิค’ ก็ประกาศระงับงานหนิง ไอลีนทั้งหมดทันที พร้อมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าไม่สนับสนุนพฤติกรรมและการกระทำดังกล่าวของศิลปิน ซึ่งล่าสุด หนิง ไอลีน ก็ได้ออกมาโพสต์ขอโทษแล้ว

“หนิงต้องขอโทษทุกคนกับสิ่งที่หนิงได้ทำลงไป ทั้งหมดเกิดจากความผิดของหนิงเอง หนิงขอโทษทางค่าย และแฟนคลับหนิงเอง ทุกๆ คนที่เห็นโพสต์ของหนิง หนิงขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง และได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ หนิงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความผิดทั้งหมดหนิงขอรับไว้คนเดียวค่ะ”

นอกจากนี้ ‘หนิง ไอลีน’ ยังเคยตกเป็นกระแสดรามา หลังจากที่ ‘ชาล็อต ออสติน’ มาเล่นเอ็มวีให้ แต่กลับให้สัมภาษณ์เรื่องฉากจูบกับชาล็อต ที่ระบุว่า “ตอนถ่ายจริงๆ เต็มปาก” ทำให้ถูกมองว่าฉวยโอกาส และไม่ให้เกียรติชาล็อต จนเกิดแฮชแท็ก #แบนหนิงไอลีน และเจ้าตัวก็ออกมายกมือไหว้ขอโทษ บอกจะนำมาเป็นบทเรียน ไม่ทำแบบนี้อีก

‘ปตท.’ คว้ารางวัล ‘ประชาบดี’ ประจำปี 2566 เชิดชูเกียรติช่วยเหลือสังคมด้วยใจอาสา

เมื่อไม่นานมานี้ นายนิสิต พงษ์วุฒิประพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่เลขานุการบริษัทและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เป็นผู้แทน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เข้ารับโล่และเข็มรางวัลประชาบดี ประเภทบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ ประจำปี 2566 จากนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประธานในพิธีมอบรางวัล ‘ประชาบดี’ ประจำปี 2565 และประจำปี 2566 ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ผู้ทำประโยชน์ดีเด่นที่มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในสภาวะยากลำบากและทำงานด้านสังคมด้วยใจจิตอาสา ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

‘บิ๊กต่อ’ ผุด ‘Quick Win’ มุ่งสร้าง ‘Police’s Home เราดูแลคุณ’ หนุนพัฒนางานตำรวจทุกมิติ ส่งเสริมตำรวจไทยใส่ใจดูแลประชาชน

(6 ต.ค. 66) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมมอบแนวทางการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ผ่านระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพให้กับทุกหน่วยทั่วประเทศ โดยได้กำหนดวิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมาย ในระดับมาตรฐานสากล ที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” พร้อมกับกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนการบริหารงานให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล 10 ข้อ และแนวทางเน้นหนัก 4 เรื่อง ที่ต้องทำทันที ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหายาเสพติด การดูแลนักท่องเที่ยว การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการดูแลสวัสดิการและขวัญกำลังใจข้าราชการตำรวจ

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดแผนปฏิบัติการเร่งรัด หรือ ‘Quick Win 5 ด้าน’ ทำสิ่งที่สามารถทำได้รวดเร็ว สร้างผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ให้เห็นผลชัดเจนมากที่สุด ภายใต้แนวคิด Police’s Home ประกอบด้วย ด้านบุคลากร ระบบ สวัสดิการ ความสามัคคีความเป็นธรรมและช่องทางการสื่อสารในองค์กร และการสร้างภาพลักษณ์ตำรวจที่ดีให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา อาทิ

‘การคืนเวลาให้ตำรวจ’ แก้ไขคำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 เพื่อลดภาระของพนักงานสอบสวน และลดเอกสารแบบฟอร์มที่ไม่มีความจำเป็น ให้สำเร็จภายใน 1 เดือน, ลดเวลาการประชุมให้ตำรวจมีเวลาไปดูแลประชาชน, การลดความซ้ำซ้อนของการรายงานเหตุกว่า 20 หน่วย ให้เหลือการรายงานเพียงครั้งเดียว

‘คืนตำรวจให้ประชาชน’ ยกเลิกการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการและให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่เดิม ให้ความสำคัญกับสถานีตำรวจ การสั่งช่วยราชการต้องมีความจำเป็นและเกิดประโยชน์ต่อทางราชการ

‘สวัสดิการตำรวจ’ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับข้าราชการตำรวจจบใหม่และข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย ให้ผู้กำกับการหรือหัวหน้าสถานีตำรวจ ตรวจสอบผู้หมดสิทธิพักอาศัยในอาคารบ้านพักอิสระ และยังไม่ย้ายออก และให้รายงานภายใน 30 วัน พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าการติดตามเร่งรัดให้ย้ายออก รายงานความคืบหน้าต่อเนื่องทุกเดือน

‘ความเป็นธรรม ความสามัคคี และสร้างช่องทางการสื่อสารในองค์กร’ สร้างระบบการสื่อสาร 2 Ways Communication ทั้งแบบ Online และ Offline ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งอาจได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียน แจ้งเบาะแส ข้อคิดเห็น ผ่านแอพพลิเคชันแทนใจ โดยจะมีทีมงานของ ผบ.ตร. รับเรื่องตรวจสอบดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง โดยเป็นความลับ นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้ส่งข้อมูลทาง ตู้ ปณ.191 รองเมือง 10330 สำหรับผู้ที่ไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตน

‘การสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นศรัทธาแก่ประชาชน’ สานต่อโครงการ ‘ทำดี มีรางวัล’ ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีต ผบ.ตร. สร้าง Police Hero ต้นกล้าแห่งความดี ให้กับองค์กร

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้สามารถดำเนินการได้ทันที เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยตลอดปีงบประมาณ พ.ศ.2567 นี้ จะมี Quick Win ลักษณะนี้เป็นระยะ แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่จะเป็นหนึ่งในการเดินทางอันยิ่งใหญ่สู่เป้าหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“ท้ายที่สุด ผมขอให้ความเชื่อมั่นว่า จะบริหารราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นที่ตั้ง จะมุ่งมั่นตั้งใจ ทุ่มเทในการดำเนินนโยบาย เพื่อให้สามารถดูแลความสงบเรียบร้อย บังคับใช้กฎหมาย อำนวยความยุติธรรม และช่วยเหลือการพัฒนาประเทศ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและสังคม”

‘อ.พงษ์ภาณุ’ ห่วง!! ธนาคารกลางกับวัฏจักรธุรกิจการเมือง ความขัดแย้งกระทบนโยบายการคลังรัฐ สะเทือนเศรษฐกิจ

จากรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ในหัวข้อ ธนาคารกลางกับวัฏจักรธุรกิจการเมือง (Political Business Cycle) เมื่อวันที่ 8 ต.ค.66 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...
ธนาคารกลางกับวัฏจักรธุรกิจการเมือง (Political Business Cycle)

วัฏจักรธุรกิจเกิดขึ้นเป็นปกติในทุกประเทศ กล่าวคือเศรษฐกิจมีขาขึ้นและขาลง (Boom and Bust) ช่วงขาขึ้นเศรษฐกิจขยายตัวสูงและเงินเฟ้อก็สูงด้วย แต่ช่วงขาลงเศรษฐกิจตกต่ำและเงินเฟ้อก็ต่ำหรือบางทีก็เกิดเงินฝืด 

วัฏจักรธุรกิจสัมพันธ์กับนโยบายการเงินและดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด ธนาคารกลางมีหน้าที่รักษาเสถียรภาพทางการเงินและมีกรอบอัตราเงินเฟ้อเป็นเป้าหมายของการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นและลง (Inflation Targeting) แต่วัฏจักรธุรกิจการเมืองอาจไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่ก็เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย 

เมื่อรัฐบาลใกล้ครบวาระและจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป มักจะขอหรือสั่งการธนาคารกลางให้ลดหรือไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้ง ๆ ที่มีความจำเป็นต้องสกัดภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดของตนเองและเพื่อให้รัฐบาลที่กำลังจะครบวาระชนะการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นและจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ค่อยกลับมาขึ้นดอกเบี้ยในภายหลัง แม้ว่าจะสายเกินไปและอาจทำให้ตลาดเงินตลาดทุนเกิดความผันผวนอย่างยิ่งจนสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจในวงกว้างก็ตาม

ประเทศไทยในช่วง 1 ปีกว่าที่ผ่านมามีลักษณะเหมือนวัฏจักรธุรกิจการเมืองดังกล่าว ปี 2565 เกิดภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก จนธนาคารกลางเกือบทุกประเทศ นำโดย Federal Reserve ของสหรัฐอเมริกา (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) ต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแรงและเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ขึ้นจาก 0 มาเป็น 5% ในช่วงปลายปี แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยกลับรักษาดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่เพียง 1% จนทำให้ไทยมีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ที่อัตรา 6.1% ซึ่งสูงกว่ากรอบอัตราเงินเฟ้อที่รัฐบาลเห็นชอบกว่า 2 เท่าตัว 

ต่อเมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นและมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงมาเหลือเพียง 0.3% และประเทศอื่นเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย แต่ ธปท. กลับมาเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จนก่อให้เกิดความสับสนและขัดแย้งกับนโยบายการคลังของรัฐบาล และเกิดความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนอย่างรุนแรงในขณะนี้ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

วัฏจักรธุรกิจการเมืองนี้ ถือเป็นวงจรอุบาทว์ และจำเป็นต้องขจัดให้หมดสิ้นเพื่อให้นโยบายการเงินเป็นอิสระจากการเมืองอย่างแท้จริง

‘ห้างสรรพสินค้า’ เตรียมสินค้าที่จำเป็นให้เพียงพอ รับมือฝนตก-น้ำท่วม พร้อมป้องกันการกักตุน-ขึ้นราคาสินค้า ขานรับนโยบาย ‘กระทรวงพาณิชย์’

(6 ต.ค. 66) ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลางตอนบน ให้มีสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นอย่างเพียงพอ และไม่มีการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร หรือกักตุนสินค้า ซึ่งกรมฯ ได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์ และซักซ้อมแนวทางเตรียมความพร้อมกับห้างค้าส่งค้าปลีก ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคแล้ว

โดยเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 66 รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ ณ ห้างดูโฮม สาขารังสิต จ.ปทุมธานี พบว่าห้างฯ ได้จัดเตรียมสต็อกสินค้าจำเป็นไว้อย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ซักล้างทำความสะอาด เครื่องสูบน้ำ สายยาง กระสอบทราย หรืออุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน เช่น แผ่นกระเบื้อง สีทาภายใน ปูนซีเมนต์ และยาแนวกันซึม เป็นต้น เมื่อประชาชนมาซื้อสินค้าหน้าร้าน สั่งออนไลน์ หรือสั่งทางโทรศัพท์ ก็จะสามารถรับสินค้าตามที่ต้องการได้โดยทันที ไม่มีปัญหาในการกระจายสินค้า รวมทั้งมีบริการช่างสำรวจหน้างานและซ่อมแซมด้วย

นอกจากนี้ ห้างดูโฮมเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้ประกาศร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ว่าจะลดราคาสินค้าจนถึงปลายปี อาทิ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น กระเบื้องปูพื้นและปูผนัง สุขภัณฑ์ ประตู หน้าต่าง เครื่องปั๊มน้ำ ลดสูงสุด 35% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และเตาไฟฟ้า ลดสูงสุด 55% กลุ่มของตกแต่งบ้านและอุปกรณ์ช่าง เช่น โคมไฟ สายไฟ แผงโซลาร์เซลล์ ลดสูงสุด 80% ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้บริหารห้างฯ คาดว่าประชาชนจะออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นในช่วงปลายปี เนื่องจากผู้รับเหมาก่อสร้างจะกลับมาดำเนินการกันมากขึ้นหลังสิ้นสุดฤดูฝน และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ กรมฯ จะติดตามสถานการณ์ปริมาณและราคาสินค้าจำเป็นอย่างใกล้ชิดต่อไป และขอเน้นย้ำถึงผู้ประกอบการว่าห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร และต้องปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน กรณีการจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควรหรือกักตุนสินค้า มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า สามารถร้องเรียนมาที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือทางแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT

‘ทล.’ เล็งเปิดใช้ ‘มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช’ 80 กม. ปลาย ธ.ค. คลุมไป-กลับ ตลอด 24 ชม. รองรับการเดินทางเทศกาลปีใหม่ 67

(6 ต.ค. 66) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวง ได้กำกับ ติดตาม และลงพื้นที่ตรวจความพร้อมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน - นครราชสีมา ตั้งแต่ช่วงปากช่องถึงถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา (ทล.204) ประกอบด้วย โครงการฯ ตอน 34, ตอน 39, ตอน 40, ด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางสีคิ้ว, ด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางข้ามทะเลสอ และโครงการทางแยกต่างระดับเชื่อมทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน - นครราชสีมา กับทางหลวงชนบทหมายเลข นม.1120 (ถนนสุรนารี 2) เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างและพิจารณาความพร้อมทุกด้านในการเพิ่มระยะทางของเส้นทางอีก 16 กิโลเมตร

ที่ผ่านมากรมทางหลวงได้เปิดให้ใช้เส้นทางชั่วคราวสำหรับเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์บริเวณช่วงปากช่อง - สีคิ้ว - ขามทะเลสอ ระยะทาง 64 กิโลเมตร โดยกรมทางหลวง คาดว่าจะเปิดให้บริการบางส่วนบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ช่วงปากช่อง - สีคิ้ว - ขามทะเลสอ - ถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา (ทล.204) รวมระยะทาง 80 กิโลเมตร ทั้ง 2 ทิศทาง (ขาไปและขากลับ) ตลอด 24 ชั่วโมง ในปลายเดือนธันวาคม 2566 เพื่อรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 และอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย

สำหรับภาพรวมโครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน - นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร งานโยธาแบ่งการก่อสร้างเป็น 40 ตอน ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 28 ตอน และอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 12 ตอน โดยโครงการมีความคืบหน้า 92 % (สรุป ณ เดือนกันยายน 2566) งานโยธาจะดำเนินการแล้วเสร็จในปีนี้อีก 2 ตอน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จตลอดสายทางในเดือนมิถุนายน 2568

อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะช่วยเติมเต็มโครงข่ายการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ เปิดประตูการค้าในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทาง พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น

‘หมอระวี’ ชำแหละแผนนิรโทษ ‘ก้าวไกล’ ชง!! 112 แต่ไม่พ่วง 113 เชื่อ!! โดนตีตก

(6 ต.ค. 66) นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ซึ่งเคยยื่นเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม เข้าสภาฯ สมัยที่ผ่านมา เรียกว่า ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. …. โดยมีหลักการคือ ให้มีการนิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน แต่ไม่ทันได้พิจารณาเพราะยุบสภา กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากการเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ของพรรคก้าวไกล ครอบคลุมถึงให้นิรโทษกรรมผู้กระทำผิดมาตรา 112 ด้วย แต่สิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดก็คือ เนื้อหาในร่างดังกล่าว ไม่นิรโทษกรรมคนที่ถูกดำเนินคดี ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 เช่นคนที่โดนดำเนินคดีข้อหากบฏ อย่างกลุ่มแกนนำ กปปส. ที่โดนฟ้องข้อหา 113 ด้วย

สำหรับการเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลครั้งนี้ มองว่าจะเป็นกดดันทางการเมืองกับพรรคฝ่ายรัฐบาลว่าจะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ประกบเข้าสภาฯ หรือไม่ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลคงต้องคุยกันว่าจะเอาอย่างไร แต่ก่อนหน้านี้ ตนได้เคยไปยื่นร่างนิรโทษกรรมฯ ที่เป็นร่างเดิมที่เคยยื่นตอนสภาฯ สมัยที่ผ่านมา ไปให้วิปรัฐบาลพิจารณาเมื่อ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหานิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งหรืออาญา ยกเว้นคดีทุจริต คดีความผิดอาญาที่รุนแรง และคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112

หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า คาดว่าอาจจะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของฝ่ายปีกรัฐบาล ยื่นไปประกบกับร่างของพรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้คือ หากฝ่ายค้านเสนอร่าง พ.ร.บ. อะไรที่สำคัญ และจะมีผลใดๆ ตามมา ฝ่ายรัฐบาลจะเสนอร่าง พ.ร.บ. ประกบไปด้วย แต่จะมีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคการเมืองอื่นๆ เสนอไปประกบด้วยหรือไม่ ต้องรอดู เพราะตามหลักฝ่ายรัฐบาลคงไม่เอาด้วยกับการให้นิรโทษกรรมไปถึงคดี 112 จะทำให้ฝ่ายรัฐบาลต้องเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมประกบเข้าไป เพื่อไม่ให้ไปถึงนิรโทษกรรมคดี 112 ซึ่งหากจะให้ดี ควรเสนอเข้าสภาฯให้เป็นร่างของรัฐบาล จะดีกว่าที่จะเสนอโดยพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล โดยฝ่ายรัฐบาลต้องไปคิดกันว่าจะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ที่มีเนื้อหาแบบใด จะร่างขึ้นมาใหม่เลย หรือจะใช้ร่างเดิมของตนที่เสนอต่อสภาฯ ซึ่งมีการรับฟังความคิดเห็นมาแล้วก็สามารถทำได้ โดยอาจไปแก้ไขรายละเอียดเล็กน้อย แต่หลักการของพรรคฝ่ายรัฐบาลน่าจะใกล้เคียงกับร่างที่ตนยื่นไป ซึ่งไม่ให้นิรโทษกรรมคดี 112

นพ.ระวี กล่าวว่า เนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคก้าวไกล ครอบคลุมถึงการนิรโทษกรรมทั้งคดีแพ่งและอาญา ทำให้ก่อนจะบรรจุเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ จะต้องมีการไปรับฟังความคิดเห็นหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องประมาณร่วมสิบหน่วยงาน จะใช้เวลาอีกประมาณ 2 - 3 เดือน จากนั้นเมื่อมีการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมฯ ทางฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศเป็นรัฐบาลปรองดอง คงจะยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประกบกับร่างของพรรคก้าวไกล เข้าไปอีกหนึ่งร่าง

“เมื่อพรรคก้าวไกลเปิดเกม ด้วยการไม่นิรโทษกรรมคดี 113 ก็คาดว่าพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่ไม่ให้ครอบคลุมถึงคดี 112 ส่วนความผิดมาตรา 113 ก็ให้นิรโทษกรรมตามปกติ สรุปก็คือ จะมีความแตกต่างกันในเรื่อง 112 กับ 113 คือของก้าวไกล ให้นิรโทษกรรม 112 แต่ไม่นิรโทษกรรม 113 แต่ร่างของฝ่ายปีกรัฐบาล คาดว่าจะไม่ให้นิรโทษกรรม 112 แต่คนที่โดนคดี 113 จะได้นิรโทษกรรมด้วย” หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ระบุ

อย่างไรก็ตาม หากสุดท้าย ถ้ามีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เข้าสภาฯ แค่สองร่าง คือร่างของก้าวไกลกับร่างของฝ่ายรัฐบาล โดยไม่มีพรรคการเมืองอื่น ๆ เสนอมาด้วย จะทำให้สภาฯ พิจารณากันแค่สองร่าง ทำให้สองร่างดังกล่าวก็ต้องสู้กันตอนพิจารณาของสภาฯ วาระแรก ต้องรอดูว่าสภาฯ จะโหวตรับหลักการวาระแรก แค่ร่างใดร่างหนึ่งหรือจะให้ผ่านทั้งสองฉบับ คือร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล ก็ผ่านด้วย ถ้าแบบนี้ ตอนพิจารณาในชั้นกรรมาธิการฯ ก็ต้องไปดีเบตกันว่า จะให้นิรโทษกรรมคดี 112 อย่างไร ไม่ให้นิรโทษกรรม 113 อย่างไร เพราะตามหลักกฎหมาย ถ้าร่างฯ ผ่านสภาวาระแรก ก็ต้องพิจารณาภายใต้หลักการที่ผ่านวาระแรกมา

“แต่หากให้ผมประเมิน ก็คิดว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของก้าวไกล จะโดนตีตกในวาระแรก โดยสภาฯ จะรับหลักการแค่ร่างของฝ่ายรัฐบาล อันนี้เป็นการคาดการณ์ แล้วสภาฯ ก็พิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของฝ่ายรัฐบาลต่อไปในชั้นกรรมาธิการและวาระสามต่อไป และส่วนตัวมองว่า การที่ก้าวไกล ไม่ให้นิรโทษกรรม 113 คนที่โดนไปเต็ม ๆ ก็คือ แกนนำ กปปส. ที่โดนฟ้องเป็นจำเลยในคดี 113 ข้อหากบฏ”นพ.ระวี กล่าวเชิงวิเคราะห์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top