Saturday, 10 May 2025
TheStatesTimes

‘พีระพันธุ์’ เผยข่าวดี ไทยชนะ ‘คดีโฮปเวลล์’ สิ้นสุดมหากาพย์ เอกชนเรียกค่าเสียหายหลายหมื่นล้าน

(18 ก.ย. 66) พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก แจ้งข่าวว่า ไทยชนะคดี ‘โฮปเวลล์’ แล้ว

เมื่อเวลาประมาณ 14.20 น. ที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก แจ้งข่าวว่า ‘ไทยชนะคดีโฮปเวลล์’ ซึ่งเป็นมหากาพย์อภิมหาโครงการด้านคมนาคมขนาดใหญ่ ที่ถูกเอกชนฟ้องเรียกค่าเสียหาย

โดยนายพีระพันธุ์โพสต์เฟซบุ๊กสั้น ๆ มีเนื้อหาว่า “ไทยชนะคดีโฮปเวลล์ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญาจากกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นค่าใช้จ่ายจากการเข้ามาลงทุนเป็นเงิน 56,000 ล้านบาท”

สำหรับกรณีการฟ้องร้อง โครงการโฮปเวลล์ มาจาก บริษัทโฮปเวลล์ เห็นว่าการที่ รฟท. เข้ามาใช้ประโยชน์จากโครงการก่อสร้างเดิม ถือเป็นการยึดหรือเวนคืนระบบหรือพื้นที่สัมปทาน จึงเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ เรียกค่าเสียหายจากการยกเลิกสัญญาจาก กระทรวงคมนาคม และ รฟท. เป็นเงิน 59,000 ล้านบาท

‘Caviar’ ยกระดับความหรูหราของ 'iPhone 15' ด้วยการฝังเพชร 570 เม็ด ราคา 20 ล้านบาท

(18 ก.ย.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Caviar แบรนด์หรูระดับโลก เปิดตัวผลงานมาสเตอร์พีชชิ้นล่าสุดที่ยกระดับความหรูหราของ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max โดยรังสรรค์ผลงานสุดหรูหราภายใต้ชื่อ Diamond Snowflake Edition (เกล็ดหิมะเพชร) 

โดยการออกแบบกรอบด้านนอกใหม่ของ iPhone 15 Diamond Snowflake Edition จะใช้กรอบสีเงินที่ทำขึ้นจากทองคำขาว 18K รอบตัวเครื่องประดับด้วยเพชร 570 เม็ด ที่แกะออกมาจากสร้อยเพชรของ Graff ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องเพชรระดับโลก กรอบของ iPhone 15 ได้รับการออกแบบให้มีลายโค้งของเพชรล้อมรอบ 'เกล็ดหิมะ' ที่ประกอบด้วยเพชรแพลทินัมและทองคำขาว 

ทางด้าน Caviar ได้อธิบายผลงานนี้ว่า "ความเจิดจรัสของฤดูหนาวยะเยือกทั้งหมด ถูกขับเน้นออกมาในไอโฟนที่แพงที่สุดในโลก" โดยข้อมูลของเว็บไซด์ caviar.global เปิดเผยราคา iPhone 15 ประดับเพชร 570 เม็ดรวมถึงทองคำขาว 18K นี้จะอยู่ที่ราคา 563,410 ดอลลาร์ หรือราคาประมาณ 20 ล้านบาท

‘ผอ.องค์การทหารผ่านศึก’ รับมอบผักมูลนิธิโครงการหลวง ใช้ทำอาหารให้ผู้ป่วย-บุคลากรแพทย์ ใน รพ.ทหารผ่านศึก

(18 ก.ค. 66) ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก พล.อ.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) เป็นประธาน รับมอบพืชผักที่ปลูกบนที่สูง ง่ายต่อการนำไปประกอบอาหาร ของมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อเป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร ให้ทางผู้ป่วยของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และเจ้าหน้าที่ บุคลากร ทางการแพทย์ของทางโรงพยาบาล 

โดยมีผักจำนวนหลายชนิด อาทิ ผักกวางตุ้งอินทรีย์ ถั่วฝักยาวอินทรีย์ เบบี้ฮ่องเต้อินทรีย์ กะหล่ำปลี และซาโยเต้ หรือยอดฟักแม้ว รวมน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม 

ทั้งนี้ทางพล.อ.สัณทัศน์ ได้ส่งมอบให้กับทาง นพ.สง่า พินิจพิชิตกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนางสาวศศิรินทร์ ชวพรธนานนท์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ฝ่ายการพยาบาล)รักษาการผู้อำนวยการกองพยาบาล เพื่อนำไปมอบให้กับฝ่ายโภชนาการของทางโรงพยาบาลนำไปประกอบอาหารเลี้ยงต่อไป 

สำหรับผักโครงการหลวง เป็นโครงการส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวแก่ชาวเขาทดแทนการปลูกฝิ่น ซึ่งผักผลไม้ส่วนใหญ่เป็นพืชเมืองหนาวจึงให้ผลผลิตได้ดี อีกทั้งยังเป็นผักปลอดสารพิษและหาซื้อได้ง่ายสินค้าโครงการหลวง สามารถสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ว่ามีประโยชน์ มีคุณภาพ วัตถุดิบคัดสรรมาอย่างดี 

ผักโครงการหลวง แต่ละชนิดมีประโยชน์และสรรพคุณดี เช่น ซาโยเต้ หรือยอดฟักแม้วผลคล้ายฝรั่งหรือว่าลูกแพร์ผิวขรุขระ เนื้อคล้ายฟักและแตง เนื้อกรอบฉ่ำน้ำ สามารถรับประทานเป็นผักสดได้หรือนำมาปรุงอาหาร ผัด ทำแกงจืด และลวกจิ้มน้ำพริกได้

เบ้บี้ฮ่องเต้ออร์แกนิค มีสรรพคุณเป็นผักที่มีวิตามินสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินเอ วิตามินซี นอกจากนั้นยังมีธาตุอาหารพวกแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง นิยมนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ ผัดน้ำมันหอย หรือต้มเป็นแกงจืด รสชาติหวานและกรอบ

นอกจากพืชผักแล้วยังมีผลิตภัณฑ์จากนม ทั้งนมกล่อง นมถุง นมอัดเม็ด โยเกิร์ต เนย คุกกี้ หรือจะเป็นแนวผลไม้ เช่นน้ำผลไม้ ไอศกรีมโฮมเมด เยลลี่ผลไม้ ผลไม้แปรรูป หรือจะเป็นสินค้าหัตถกรรมที่มีความละเอียดในการผลิต มีให้เลือกมากมาย

สามารถซื้อหาซื้อได้ ตามจุดจำหน่ายทั่วกรุงเทพ เช่น ร้านโครงการหลวง สาขา อ.ต.ก., ร้านโครงการหลวง สาขา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ร้านโครงการหลวง สาขา ดิโอลด์สยามพลาซ่า, ร้านโครงการหลวงสาขา ท่าอากาศยานดอนเมือง, ร้านโครงการหลวงสาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, ร้านโครงการหลวงสาขา บองมาร์เช่, ร้านโครงการหลวงสาขา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ร้านโครงการหลวงหัตถกรรม สาขา เซ็นทรัลเวิลด์, ร้านโครงการหลวง สาขา โรงพยาบาลรามาธิบดี, ร้านโครงการหลวง สาขา มูลนิธิพระดาบส และร้านโครงการหลวง สาขา เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช เป็นต้น

'หนูนา' รับ!! ไม่เห็นด้วยไทยจะขอ 'แพนด้า' มาอีก ชี้!! เมืองไทยขาดสภาพธรรมชาติ หนุนช้างไทยกันดีกว่า

(18 ก.ย.66) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ในฐานะแฟนคลับแพนด้าตัวยง และ ผู้สนับสนุนการอนุรักษ์สรรพสัตว์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

ได้ข่าวว่าจะมีการขอแพนด้ามาอีก…ขอบอกว่า อย่าเลย…เขาอยู่ที่จีนน่ะดีแล้ว

ดิฉันรักแพนด้า รักสัตว์ทุกอย่าง และหลินปิงคือแรงบันดาลใจแรก ๆ ของดิฉันในเรื่องสัตว์ต่าง ๆ เมื่อเรารักอะไร เราต้องรักแบบเห็นความสุขเขาเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ความสุขของเรา…

ที่ผ่านมา ทีมแพนด้าของเราทุกคน เลี้ยง ช่วงช่วง หลินฮุ่ย หลินปิงได้ดีมาก แต่สภาพที่อยู่ ส่วนจัดแสดงเราจำกัด เขาอยู่จีน ที่โน่นมีสวนให้ออกมาเดินตามธรรมชาติได้ทุกตัว ของเราไม่มี อยู่แต่ห้องแอร์ ช่วงอากาศหนาว ซึ่งสั้นมาก อาจออกมาได้วันละ 1-2 ชั่วโมงแต่ก็เพียงไม่กี่วัน…และเป็นสวนเล็ก ๆ

งบในการเช่าหมีแพนด้าก็สูงมาก และกระแสแพนด้าก็ไม่แรงแล้ว …กระแสช้างไทยต่างหากที่มาแรง…

ขอบอกเลยนะคะ เอางบมาช่วยเรื่องทำแหล่งอาหารสัตว์ดีกว่า โดยเฉพาะสัตว์ป่า ที่ปีหน้าจะแล้งหนัก… ก็ไม่ทราบจะมีใครฟังเราไหม...ถ้าท่านใดเห็นด้วย กรุณาช่วยดิฉันให้เสียงนี้ดัง ๆ นะคะ…

‘เต่า เชิญยิ้ม’ เปิดอาชีพใหม่ เดินสายตัดผมหัวละร้อย พร้อมพูดถึงความภาคภูมิใจที่ปลดหนี้ได้-ส่งลูกเรียนจบ

(18 ก.ย.66) หายหน้าไปนาน ตำนานตลกวลีฮา ‘ฮานาก้า’ หลายคนคงคิดถึงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ‘เต่า เชิญยิ้ม’ ที่เจอดรามาข่าวเม้าท์เป็นตลกตกอับ ไร้งานไร้บ้าน

ล่าสุดเดินทางมานั่งโต๊ะเคลียร์ อัปเดตชีวิตความเป็นอยู่ กับพิธีกรคนเก่ง ‘หนูแหม่ม สุริวิภา’ เผยงานใหม่ที่กำลังเลือกเดิน รับจ้างตัดผมหัวละร้อยบาท พร้อมพูดถึงเรื่องความภาคภูมิใจปลดหนี้ ส่งลูกชายถึงฝั่งฝันเรียบร้อยแล้ว

>>เห็นว่ามีอาชีพใหม่กลายเป็นช่างตัดผมเดลิเวอร์รี่ไปแล้ว? 

"ผมมาทำจริงจังช่วงโควิด ตอนนั้นร้านทำผมปิด บ้านนั้นบ้านนี้ก็เรียกผมไปตัด เราก็คิดว่าก็ดีนะ ตัดแป๊ปๆ ก็ได้เงินคิดหัวละร้อย แต่บางคนไปตัดถึงบ้าน 500 เขาก็บอกว่าไม่ต้องทอน ผมเคยคิดจะไปเรียนจริงๆ เพื่อเปิดร้าน แต่ช่างที่สอนบอกว่าถ้าตัดตัวเองได้ ก็ไม่ต้องเรียนแล้ว ผมแปลกตรงที่ว่าไม่ชอบทำงานอยู่กับที่ ผมชอบเดินทาง ถ้าขายของอยู่กับที่มันก็เบื่อ ตอนแรกเมียก็จะเปิดร้านให้ แต่ผมรู้สึกว่าแก่แล้ว ไม่ใช่ความจำไม่ดีนะ ไม่ได้เสื่อมนะ (หัวเราะ) เอาจริงเคยวางแผนเหมือนกัน อยากเปิดเป็นร้านแล้วจ้างลูกน้อง แต่ตอนนี้คิดว่ายัง เพราะลงทุนหลายแสนนะ"

>> เป็นอีกหนึ่งคนที่เจอดรามา ตลกตกอับบ่อยมาก ผ่านเรื่องเหล่านี้มาได้ยังไง?

"ข่าวที่ออกมา มันเคยมีข่าวในเฟซบุ๊กเอาไปลง พาดหัวจั่วหัวให้คนดู ถ้าพาดหัวเต่าเป็นช่างตัดผม คนขายรถ คนก็อาจจะไม่ดู ถ้าแบบนี้มันก็ธรรมดา เราก็เลยโดนเขียนว่าตลกตกอับ เต่า เชิญยิ้ม คนก็เข้าไปดูกัน แต่จริงๆ แล้วมันไม่เห็นมีอะไรเลย มันก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป เป็นอาชีพเรา ตอนนี้เราก็ทำงานปกติ ขายรถ เล่นตลก มีรับตัดผมในหมู่บ้านชีวิตปกติ"

>> เห็นว่ามีอิสระทางการเงิน ไม่เป็นหนี้ใครแล้ว?

"ใช่ครับ ไม่เป็นหนี้ใครแล้ว คือลูกเต้าเราก็ทำมาหากิน ทำงานกันหมดแล้ว ตอนนี้ผมเหมือนฝรั่งที่บอกว่า 50 ให้พักผ่อนแล้ว เกษียนตัวเอง ผมก็เหมือนพักผ่อนละ ได้ตื่นออกกำลังกายทุกเช้า ทุกวันนี้ตื่นตี 5 ออกกำลังกายประมาณ 50 กิโลฯ ได้นะที่ผมปั่น สบายใจที่ลูกจบหมดแล้ว ทำงานเกี่ยวกับการบินคนนึง อีกคนนึงทำโปรแกรมเมอร์ มีทั้งหมดลูกชายสองคน เมียไม่ต้องถาม มีแค่คนเดียว (หัวเราะ) นอกจากออกกำลังกายแล้ว ก็สวดมนต์ มันดีนะเป็นการปลง ปล่อยวาง มองบวกไว้อย่ามองลบ คือแล้วมันจะไม่เครียดอ่ะ"

CPN ปั้น ‘GO Hotel’ ยึดหัวหาด Premium Budget Hotel ผุด 4 ทำเลปัง เจาะกลุ่มคลั่ง ‘Bleisure’ 990 บาทต่อคืน

(18 ก.ย.66) นางสาวสุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ Head of Hotel Development บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า จากความเชี่ยวชาญของเซ็นทรัลพัฒนา และการมี Ecosystem ที่ดีเชื่อมต่อกันอย่างลงตัวภายในเครือทำให้เรามีความมั่นใจในการขยายธุรกิจโรงแรมไปยังทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ติดหรือใกล้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลหรือโรบินสัน รวมถึงการบุกเบิกพอร์ต Premium Budget Hotel ในชื่อ GO! Hotel โดยเรามุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์การพักผ่อน สะท้อนได้จากการดีไซน์และการบริการที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพรองรับแนวโน้มความต้องการพักอาศัยใน Budget Hotel ที่เริ่มได้รับความนิยม

“เราได้เปิดบริการ GO! Hotel แห่งแรกที่บ่อวิน และขณะนี้ได้ขยายเพิ่มอีก 3 แห่งคือ GO! Hotel ชลบุรี, ศรีราชา ทั้งหมดอยู่ในจังหวัดชลบุรี และ GO! Hotel บ้านฉางในจังหวัดระยอง โดยทั้ง 4 โลเคชันเป็นการขยายแบบ Cluster Region ครอบคลุมภาคตะวันออก เจาะเขตเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อสร้างโรงแรม GO! Hotel ให้เป็น Strategic Hotel บน Strategic Location” นางสาวสุรางค์ กล่าว 

นายภูมิ จิราธิวัฒน์ Head of Hotel Investments and Operations บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เราตั้งใจปั้นให้ GO! Hotel เป็นโรงแรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบ ‘Bleisure’ เป็น Top of Mind ของการเดินทางทั้ง Business และ Leisure สำหรับนักเดินทางทั่วประเทศ GO! Hotel เปิดตัวที่แรกที่บ่อวิน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มี Occupancy Rate มากกว่า 80% ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญและการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจ Premium Budget Hotel และพร้อมตอบรับการเติบโตของธุรกิจและขยายโรงแรมไปทั่วประเทศ”

“GO! Hotel เป็นโรงแรมที่เหมาะสำหรับคนทุกรุ่น ทุกวัย และทุกจุดประสงค์ของการเดินทาง ด้วยการดีไซน์ห้องพักให้ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อน Relax และสะดวกสบายด้วยโลเคชั่นใกล้ศูนย์การค้า หรือนักเดินทางกลุ่ม Business ก็สามารถใช้โรงแรมของเราเป็นที่ทำงาน เพราะมีพื้นที่โต๊ะทำงานและปลั๊กพร้อมใช้งานได้ทั่วทุกมุมห้อง และยังมีจุดแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนร่วมงานบริเวณล็อบบี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถรองรับ กลุ่มนักท่องเที่ยวตาม Music Festival รวมถึงกลุ่ม Corporate หรือหน่วยงานราชการ ต่างๆ ที่เข้ามาในพื้นที่อีกด้วย” นายภูมิ กล่าว 

สำหรับ 5 จุดเด่นของ GO! Hotel ที่มากกว่าการพักผ่อน ประกอบไปด้วย…

1. สัมผัสประสบการณ์นอนดี ด้วยเตียงนุ่ม ขนาดใหญ่พิเศษ พร้อมเครื่องนอนระดับพรีเมียม รวมถึงม่านหน้าต่างแบบมืดสนิทไม่รบกวนการพักผ่อน และ ประสบการณ์ผ่อนคลายระดับสปา ด้วยผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำจากแบรนด์ Let’s Relax Lifestyle (LRL), ผ้าขนหนูผ้าฝ้าย 100%, พร้อมไดร์เป่าผมทุกห้อง

2. งานดีไซน์ทันสมัย สไตล์โก! ตัวอาคารมีเอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็น GO! Hotel ได้อย่างชัดเจน ผสานแนวคิดการออกแบบภายใน ด้วยการเลือกชุดสี ที่ให้ความรู้สึกสดใส มีพลัง และสนุกสนาน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์เข้ากันอย่างลงตัว

3. เป็นธุรกิจในเครือ Central Pattana ที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถืออันดับต้นของเมืองไทย และเป็นที่รู้จักในระดับสากล โลเคชันติดศูนย์การค้า และเป็นย่านธุรกิจ จะไปพักผ่อนหรือทำงานก็สะดวกสบาย ครบวงจร

4. Premium Budget ของ GO! ที่ไม่ใช่แค่โรงแรมราคาประหยัดทั่วไป ด้วยความใส่ใจทุกรายละเอียด เลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยม เพื่อให้คุณพักสบาย ในราคาสุดคุ้มค่า รวมถึงโปรโมชั่นสุดพิเศษมากมาย เพื่อให้คุณได้พักผ่อนแล้วรู้สึกพร้อม GO! ไปยังจุดหมายหรือกิจกรรมต่อไปด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม

5. ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนชอบเที่ยว ไปพักผ่อนทั้งแบบส่วนตัวหรือแบบกลุ่ม มี Co-Working Space และ ชุดโต๊ะทำงานภายในห้องพัก พร้อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และจุดบริการอาหารและเครื่องดื่ม 24 ชั่วโมง (Grab & GO) ตอบโจทย์คนทำงาน รวมถึง คอนเซปต์ Pet Friendly ตอบโจทย์ คนมีสัตว์เลี้ยง ให้คุณพาเพื่อนรัก 4 ขา มาเช็อินด้วยกัน 

LEDVANCE  ผู้นำด้านนวัตกรรม LED เน้นคุณภาพสู่คนไทย

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 ณ โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพ สุขุมวิท บริษัทอิเล็คโทรนิกไลท์ติ้ง ร่วมกับบริษัทฯในเครือ ได้จัดงาน Grand Opening LEDVANCE OSRAM   เป็นการขอบคุณลูกค้า โดยภายในงานมีกิจกรรม มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ กิจกรรมส่งเสริมการขาย จับรางวัล และคอนเสิร์ต ซึ่งมี คุณชูศักดิ์ สุทธิยุทธ์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิเล็คโทรนิกไลท์ติ้ง จำกัด ร่วมด้วย Mr.Patrick ตำแหน่ง Managing Director ตัวแทน LEDVANCE จากต่างประเทศ

ร่วมเป็นสักขีพยานในงานครั้งนี้ นายชูศักดิ์ สุทธิยุทธ์ ได้กล่าวว่า บริษัท อิเล็กโทรนิกไลท์ติ้ง จำกัด เป็นผู้แทนนำเข้าและจัดจำหน่าย โคม LEDVANCE เเละหลอดไฟ OSRAM แบรนด์นี้มีมาไม่ต่ำกว่า 50 ปี ในยุคนี้ ได้นำนวัตกรรม LED มาใช้ เป็นสินค้าคุณภาพ เป็นผู้นำเข้า จำหน่ายมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวในประเทศไทย ในนาม  LEDVANCE นี้ ถือว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำของโลก มีผลิตภัณฑ์มีครบทุก Segment ที่ใช้ในบ้านไม่ว่าจะเป็น โรงงาน โคมถนน ในสวน การ์เด้น เป็นต้น

บริษัทฯ ได้ดำเนินงานเต็มรูปแบบ โดยมีตัวแทน 8 บริษัท เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และออกแบบดีไซน์ โรงงาน โรงแรม มีทีมงานที่พร้อมจะให้บริการสำหรับลูกค้าทุกระดับ ซึ่งเน้นในเรื่อง คุณภาพ ราคา ผู้บริโภคมีความคุ้มทุน และคุ้มค่า คำนึงถึงให้ผู้บริโภคให้ได้สินค้าที่ราคาเหมาะสม คุ้มค่า และจับต้องได้  หัวใจของบริษัทฯ จึงไม่ได้มุ่งเน้นที่แบรนด์ หัวใจของบริษัทฯ คือร้านค้า นำสิ่งดีดี ส่งต่อให้ร้านค้าได้ส่งต่อสู่ผู้บริโภค การดำเนินงานของบริษัทฯ ใส่ใจในทุกๆ ด้าน ได้มีการทดสอบก่อนจะนำมาจำหน่าย เพราะในแต่ละประเทศ มีความแตกต่างกันในเรื่องรูปแบบการใช้งาน บริษัทฯจึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาดบ้านเรา

นอกจากนี้ นายเฉลิม บัวสาร ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดได้กล่าวเสริมว่า ทิศทางตลาดในปัจจุบัน อุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง จะค่อยๆปรับเปลี่ยนเป็น LED  ทั้งหมด ทางบริษัทฯ มีเทคโนโลยี มาทดแทนแบบอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบเก่า ตามกระแสโลกคือ นั่นคือ ช่วยกันประหยัดพลังงาน  อยากฝากแบรนด์ OSRAM เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง กลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งบริษัทฯ มีการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน โดยเฉพาะฝ่ายการตลาด จับมือร่วมกัน กับลูกค้า SUPPLYER OSRAM ให้เกิดงานในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือเพื่อพัฒนาในส่วนของเทคโนโลยี และด้านราคา เพื่อตอบโจทย์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มี คุณภาพที่ยอดเยี่ยม ซึ่งหลอด OSRAM มีชื่อเสียงมายาวนาน มีคุณภาพ ราคาจับต้องได้ สามารถเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย อยากให้คนไทยได้ใช้ของที่มีคุณภาพ และคืนกำไรให้สังคม มีการ Cover ทุกภาคส่วน มีการวางแผนงานที่ดี ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น สินค้าพรีเมียม หรือสินค้านวัตกรรม ลูกค้าสามารถแจ้งความต้องการก่อนล่วงหน้าได้ ซึ่งข้อดีคือ เมื่อไม่ได้มีการสต๊อกสินค้า  ราคาของสินค้าก็จะถูกลง เพราะบริษัทฯ ไม่ได้ต้องการให้ราคาสินค้าสูงมากเกินความจำเป็น สำหรับ

​​สำหรับกิจกรรมของงาน Grand Opening LEDVANCE OSRAM ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีแขกเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก และมีการจับของรางวัลมากมาย นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ตของ ศิลปิน โอ๊ต ปราโมทย์ ที่มาสร้างความสนุกสนานให้กับแขกภายในงาน ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นของ ครอบครัว LEDVANCE OSRAM  ติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท อิเล็คโทรนิก ไลท์ติ้ง จำกัด 155/1 ซอยรามอินทรา 5 แยก 18 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
โทร 02-521-6091-5 และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

‘ทีมเปตองชายไทย’ ปิดจ็อบ!! คว้าแชมป์โลกสมัยแรก หลังผงาดเอาชนะสเปน รองแชมป์โลกปี 2021 ไปได้

(18 ก.ย.66) การแข่งขันเปตองชิงแชมป์โลก 2023 ที่เมืองโกโตนู ประเทศเบนิน เป็นการแข่งขันวันสุดท้าย ในประเภททีมชาย และหญิง โดยทีมชายไทย ที่ประกอบไปด้วย พ.อ.อ.ศราวุฒิ ศรีบุญเพ็ง, จ.ส.ท.สุพรรณ ทองภู, ธนวันต์ ทูซิวฮะ และ รัชตะ คำดี รอบรองชนะเลิศเอาชนะ แชมป์ 2 สมัยล่าสุดอย่างฝรั่งเศส มาได้แบบระทึก 13-11 คะแนน ผ่านเข้าชิงชนะเลิศกับ สเปน รองแชมป์โลกปี 2021

โดยเกมรอบชิงชนะเลิศ ใน 4 เกมแรก ทีมชาติไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ขึ้นนำไป 9-0 คะแนน แต่หลังจากนั้นเป็น สเปน ที่กลับมาเล่นได้ดีขึ้น ทั้งตี ทั้งวาง จนทำให้ไทย กดดัน ก่อนที่ สเปน จะไล่มาเป็น 10-11 

อย่างไรก็ตาม ในการโยนเที่ยวที่ 12 ไทยพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายคุมเกมได้ และเป็นสเปนที่กดดันตัวเอง ตีลูกแก่นออกไปจากวง เข้าทางทีมไทย ก่อนจะเป็น ธนวันต์ ทูซิวฮะ จะออกมาโยนปิดเกม ช่วยไทยปิดจ็อบเอาชนะไปอย่างสุดมัน 13-10 คว้าแชมป์โลกประเภททีมชายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังก่อนหน้านี้ 3 ครั้งที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ มาในปี 1991 ,2008 และ 2012 ได้รองแชมป์ทั้งหมด

สรุปผลงานของทีมเปตองไทย ในศึกชิงแชมป์โลก 2023 ส่งแข่งขัน 7 ประเภท คว้ามาได้ 3 เหรียญทอง จากทีมชาย (ศราวุฒิ ศรีบุญเพ็ง, สุพรรณ ทองภู, ธนวันต์ ทูซิวฮะ, รัชตะ คำดี), หญิงคู่ (นันทวัน เฟื่องสนิท, สุนิตรา พ่วงอยู่) และชายเดี่ยว รัชตะ คำดี, 1 เหรียญเงิน จากชู้ตติ้งชาย (รัชตะ คำดี) และ 1 เหรียญทองแดง คู่ผสม (นันทวัน เฟื่องสนิท, ศราวุฒิ ศรีบุญเพ็ง) พร้อมกับผงาดคว้าเจ้าเหรียญทองมาครองได้อีกด้วย

เชียงใหม่-นายกรัฐมนตรี และคณะเยี่ยมชมต้นแบบการพัฒนาพื้นที่ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

เมื่อวันเสาร์ ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 11.15 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย คณะรัฐมนตรี เดินทางเยี่ยมชมต้นแบบการพัฒนาพื้นที่ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายไพรัตน์  ทับประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ คณะทำงาน เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ และกลุ่มสตรีอำเภอดอยสะเก็ด ให้การต้อนรับ มอบดอกไม้และพวงมาลัย อย่างอบอุ่น

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อตั้งขึ้นจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2525 บริเวณลุ่มน้ำห้วยฮ่องไคร้ ซึ่งอยู่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนแม่กวง บนพื้นที่ 8,500 ไร่ เพื่อพลิกฟื้นจากสภาพป่าเต็งรังที่เสื่อมโทรมให้เป็นพื้นที่ต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นศูนย์กลางในการศึกษา ทดลอง วิจัย หารูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภาคเหนือ และเผยแพร่แก่ราษฎรให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยมีหลักการคือ “ต้นทางเป็นป่าไม้ ปลายทางเป็นประมง ระหว่างทางเป็นเกษตรกรรม” ดังพระราชดำริที่พระราชทานให้แก่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทำหน้าที่เสมือน “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต”

จากนั้นนายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปยังหอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2559   เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร      ที่ทรงครองราชย์ ครบ 70 ปี รับฟังการบรรยายประวัติศาสตร์การก่อตั้งศูนย์ฯ เยี่ยมชมภาพเสด็จพระราชดำเนินทรงงาน จำนวน 8 ครั้ง ในช่วงปี พ.ศ.2527 - พ.ศ.2536 บันทึกแนวพระราชดำริ และภาพพื้นที่จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่จัดแสดงไว้ในลักษณะสื่อผสมที่ทันสมัยและสวยงาม
ต่อมา นั่งรถรางชมวิวไปยังบริเวณเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ แนวป้องกันไฟป่าเปียก (Wet Fire Break) รับฟังบรรยายระหว่างทาง โดย ผู้อำนวยการศูนย์ฯ เกี่ยวกับการขยายผลสำเร็จในการศึกษา ทดลอง วิจัย ของศูนย์ แก่ราษฎรผู้ที่สนใจ เกษตรกร รวมทั้งศูนย์เรียนรู้เครือข่าย และฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการพัฒนาป่าตามแนวพระราชดำริ อาทิ การปลูกป่า 3 อย่าง เพื่อประโยชน์ 4 ประการ การทำฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) พร้อมทั้งเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์จากป่า ตลอดจนผลการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงด้านป่าไม้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเจ้าหน้าที่งานป่าไม้ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมทั้งร่วมทำกิจกรรมสร้างฝายต้นน้ำลำธาร ปลูกต้นยางนา ปล่อยไก่ป่า จำนวน 4 ตัว และไก่ฟ้าหลังขาว จำนวน 5 ตัว    คืนสู่ธรรมชาติ

ผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานที่ผ่านมาของศูนย์ฯ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ มาศึกษา ทดลอง ปฏิบัติเพื่อการพัฒนา และฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ในพื้นที่ โดยการปลูกป่า 3 อย่าง เพื่อประโยชน์ 4 ประการ ในการผสมผสานการอนุรักษ์ ดิน น้ำ และการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ควบคู่กับความต้องการด้านเศรษฐกิจ คือ 1.ปลูกไม้กินได้ 2.ปลูกไม้ใช้สอย 3.ปลูกไม้เศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์อย่างที่ 4 คือการอนุรักษ์ดินและน้ำ
การทำแนวป้องกันไฟป่าเปียก (Wet Fire Break) ในห้วยฮ่องไคร้ฯ คือ การทำระบบป้องกันไฟไหม้ป่า โดยใช้แนวคลองส่งน้ำและแนวพืชชนิดต่างๆ ปลูกตามแนวคลอง โดยอาศัยน้ำชลประทานและน้ำฝน และปลูกต้นไม้โตเร็วคลุมแนวร่องน้ำ เพื่อให้ความชุ่มชื้นค่อยๆ ทวีขึ้นและแผ่ขยายออกไปทั้งสองร่องน้ำ 

ซึ่งจะทำให้ต้นไม้งอกงามและมีส่วนช่วยป้องกันไฟป่าเพราะไฟป่าจะเกิดขึ้นง่ายหากป่าขาดความชุ่มชื้น รวมทั้งการสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้นหรือที่เรียกว่า Check Dam เพื่อปิดกั้นร่องน้ำหรือลำธารขนาดเล็กเป็นระยะๆ เพื่อใช้เก็บกักน้ำและตะกอนดินไว้บางส่วน โดยน้ำที่เก็บไว้จะซึมเข้าไปสะสมในดิน ทำให้ความชุ่มชื้นแผ่ขยายเข้าไปทั้งสองด้านกลายเป็นป่าเปียก ด้วยเหตุนี้แนวพระราชดำริป่าเปียก จึงนับเป็นทฤษฎีการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้โดยใช้ความชุ่มชื้นเป็นหลักสำคัญที่จะช่วยให้ป่าเขียวขจีอยู่ตลอดเวลา ไฟป่าจึงเกิดได้ยาก เป็นการพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ที่สามารถทำได้ง่ายและได้ผลดี

ด้านอุตุนิยมวิทยา อุณหภูมิเฉลี่ยมีแนวโน้มลดลงแต่ปริมาณความชื้นสัมพันธ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราการระเหยน้ำมีแนวโน้มลดลง ด้านอุทกวิทยา ฝายต้นน้ำสามารถลดปริมาณการไหลหลากของน้ำท่าและยืดระยะเวลาการไหลของน้ำท่าในห้วยที่มีการสร้างฝายชะลอน้ำ ด้านความหลากหลายของชนิดพรรณไม้ พบว่า โครงสร้างป่าเต็งรังเดิม มีพรรณไม้ 35 ชนิด และป่าเบญจพรรณ มีจำนวน 46 ชนิด ปัจจุบันพบว่าชนิดพรรณไม้ในป่าเต็งรังเพิ่มขึ้นเป็น 46 ชนิด ในขณะที่ป่าเบญจพรรณเพิ่มขึ้นเป็น 65 ชนิด ด้านโครงสร้างเรือนยอดไม้    ในป่าเต็งรัง แบ่งได้เป็น 4 ระดับ คือไม้เรือนยอดบนมีความสูง 15 เมตร เรือนยอดรอง มีความสูง 10 - 15 เมตร   ชั้นไม้พุ่มสูง 5 - 10 เมตร ชั้นลูกไม้ต่ำกว่า 5 เมตร ส่วนป่าเบญจพรรณแบ่งได้ 3 ระดับ คือ ไม้เรือนยอดบน   มีความสูงมากกว่า 20 เมตร เรือนยอดรอง สูง 10 – 20 เมตร และ ไม้ชั้นล่าง ต่ำกว่า 10 เมตร ในขณะที่     ป่าผสมเต็งรัง - เบญจพรรณ มีชั้นเรือนยอดเพียง 2 ระดับเท่านั้น คือไม้ชั้นเรือนยอดบนมีความสูง 15 - 25 เมตร ไม้ชั้นเรือนยอดรองสูง 10 - 15 เมตร

หลังจากที่ดิน น้ำ ป่ามีความอุดมสมบูรณ์แล้ว จึงได้ทำการศึกษาและพัฒนาในเรื่องของการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และการส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้เป็นศูนย์ที่สมบูรณ์แบบ มีระบบบริการเบ็ดเสร็จที่จุดเดียว (One Stop Service) ให้ราษฎรได้รับความสะดวก ตลอดจนสร้างสิ่งที่ดีและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อราษฎร   ซึ่งทางศูนย์ได้ทำงานในรูปแบบบูรณาการกับหน่วยงานที่ร่วมสนองแนวพระราชดำริ จำนวน 13 หน่วยงาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า การบริหารจัดการน้ำของภาคเหนือ ยังคงน่าเป็นห่วงแต่เชื่อว่าจะมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภค ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่นั้น หลังจากการประกาศยกเว้นวีซาให้กับนักท่องเที่ยวจีน พบว่ามีการบุ๊กกิ้งการเดินทางเพิ่มมากขึ้น และยังมีแผนเพิ่มจำนวนประเทศอื่นๆ ที่ยกเว้นวีซ่าเพิ่มเติมอีกด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับไปยังตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กวดขันด้านความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกัน ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ทางรัฐบาลได้มีแผนจะเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเรื่องการเผาป่าเพื่อแก้ปัญหาแล้ว คาดว่าจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติม ถึงการปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแต่ยืนยันว่าจะหาแนวทางการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด

กรมทรัพยากรน้ำ วสท. และสภาวิศวกร ร่วมลงพื้นที่โครงการเพื่อให้ความรู้ด้านความมั่นคงปลอดภัย อาคารและสิ่งปลูกสร้างด้านแหล่งน้ำแก่วิศวกรโยธาในสังกัดกรมทรัพยากรน้ำ

วันที่ 16-17 กันยายน 2566 กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และสภาวิศวกร ภายใต้คณะทำงานในการตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัย อาคารและสิ่งปลูกสร้างด้านแหล่งน้ำ ร่วมลงพื้นที่ โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำพรุชบาพร้อมระบบกระจายน้ำ บ้านพรุชบา ตำบลทุ่งตำเสา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูพรุบางกล่ำ ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของอาคารและสิ่งปลูกสร้างด้านแหล่งน้ำเพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและบำรุงรักษาให้มีใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านวิศวกรรม เพิ่มขีดความสามารถให้วิศวกรรุ่นใหม่ ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานต่อไป  

โครงการอ่างเก็บน้ำพรุชบาเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2534 ซึ่งได้รับการถ่ายโอนจากกรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) จากการลงพื้นที่โครงการในครั้งนี้ มีการสำรวจตรวจสอบสภาพความแข็งแรงและร่วมหาแนวทางในการปรับปรุงแหล่งน้ำให้มีประสิทธิภาพในการเก็บกักน้ำและสนับสนุนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร รวมทั้งปรับปรุงระบบส่งน้ำให้มีประสิทธิภาพในการกระจายน้ำให้ทั่วถึง ในพื้นที่หมู่ที่ 3,4,6,7 มีประชาชนได้รับประโยชน์จำนวน 900 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 1,600 ไร่ 

โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูพรุบางกล่ำ ตำบลบางกล่ำ อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา มีสภาพตื้นเขิน ในฤดูน้ำหลาก น้ำในพื้นที่ไหลลงคลองบางกล่ำไม่สะดวกทำให้น้ำท่วมขัง เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพแห้งขอด ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดไฟไหม้ป่าพรุบ่อยครั้ง เนื่องจากสภาพพื้นที่ป่าพรุไม่มีน้ำ ทำให้ระบบนิเวศป่าพรุเสื่อมโทรม จึงจำเป็นต้องปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ เพื่อป้องกันการไฟไหม้ ป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำ อีกทั้งยังเป็นแก้มลิงรองรับน้ำ สามารถเก็บกักน้ำ 1 ล้านลบ.ม และเป็นแหล่งต้นทุนสำหรับหล่อเลี้ยงระบบนิเวศป่าพรุและน้ำเพื่อการเกษตร

นายสุทัศน์ นุ้ยเล็ก ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 8 เปิดเผยว่า “โครงการอ่างเก็บน้ำพรุชบาเป็นโครงการที่ก่อสร้างมายาวนาน ทำให้โครงสร้างประเภทคอนกรีตมีความเสียหายไปบ้างตามกาลเวลา แต่จากการสำรวจแล้วยังสามารถใช้งานได้ ซึ่งในอนาคตต้องมาวิเคราะห์และวางแผนการปรับปรุงและบำรุงรักษาอ่างเก็บน้ำให้มั่นคงแข็งแรง ชาวบ้านสามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ เพราะในพื้นที่โครงการมีชาวบ้านใช้น้ำเพื่อการอุปโภคและทำการเกษตร อาทิ ทุเรียน ลองกอง เงาะ มังคุด นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ อนุรักษ์ ฟื้นฟู แหล่งน้ำได้อย่างยั่งยืน และสำหรับโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูพรุบางกล่ำเป็นโครงการนำร่องในการแก้ปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ และปัญหาการเกิดไฟไหม้ป่าพรุ ตลอดจนเป็นการรักษาระบบนิเวศของพื้นที่อีกด้วย”

รศ. สิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรม วสท. เสริมว่า “จากการร่วมลงพื้นที่ในการตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัย อาคารและสิ่งปลูกสร้างในวันนี้ มีเห็นว่า ชื่นชมวิศวกรที่ได้วิเคราะห์ข้อมูลโครงสร้างของโครงการ และเห็นด้วยว่าโครงการอ่างเก็บน้ำพรุชบายังอยู่ในสภาพการใช้งานได้ แต่ด้วยที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว 30 กว่าปี ควรมีการบำรุงรักษาและปรับปรุงโครงสร้างประเภทคอนกรีตและปรับปรุงระบบท่อส่งน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ หากมีการปรับปรุงซ่อมแซมแล้วเป็นโครงการที่ช่วยรักษาระบบนิเวศได้อย่างดี และสำหรับโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูพรุบางกล่ำเป็นโครงการที่แก้ปัญหาในพื้นที่ได้ดีมากๆ และปัจจุบันลักษณะโครงการยังสมบูรณ์แข็งแรง ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สุดท้ายนี้ขอให้วิศวกรนำความรู้ที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการปฏิบัติงานให้เต็มที่ และพัฒนาความรู้ความสามารถอยู่เสมอ”

นายนิทัศน์ พรมพันธ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำ 2 กล่าวว่า “การลงพื้นที่ร่วมกัน ระหว่าง วสท. สภาวิศวกร และกรมทรัพยากรน้ำ เป็นการเพิ่มความรู้ให้กับวิศวกรและผู้เกี่ยวข้องในการวางโครงการ สำรวจ ออกแบบ ควบคุมก่อสร้าง โครงการต่างๆ ตลอดจนได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สนับสนุนวิชาการและวิชาชีพด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวกับงานพัฒนาบุคลากรทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ครอบคลุมงานก่อสร้าง งานโยธา งานทรัพยากรน้ำ งานสิ่งแวดล้อม งานความปลอดภัย และงานด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างมาตรฐานวิชาชีพในการทำงานของบุคลากรด้านวิศวกรรม นำไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน”

ผู้ร่วมลงพื้นที่ประกอบด้วย รศ. สิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรม วสท. นายจีระศักดิ์ ปราชญ์โกสินทร์ กรรมการบริการวิชาการ วสท. รศ.ดร. สราวุธ จริตงาม อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ. มนัส อนุศิริ อดีตคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อาจารย์อิทธิพล พสิษฐ์โยธิน คณะอนุกรรมการกำกับดูแลวิศวกรอาสา สภาวิศวกร ผศ. ดร. จุฑามาศ ลักษณะกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย นายประยุทธ์ ไกรปราบ ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำ 1 นายนิทัศน์ พรมพันธุ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำ 2 นายสันต์ เข็มประสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านระบบการอนุรักษ์ พัฒนาและฟื้นฟูแหล่งน้ำ นายมงคล หลักเมือง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ นายสรศักดิ์ ใจประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านระบบการอนุรักษ์แหล่งน้ำ นายกิตติ จันทร์ส่อง เลขานุการกรม นายสุทัศน์ นุ้ยเล็ก ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 8 เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 8 เจ้าหน้าที่กองพัฒนาแหล่งน้ำ 1 และกองพัฒนาแหล่งน้ำ 2

นายโสภณัฐ บุษบงก์ไพฑูรย์ และนางสาววริศรา ปานหัตถา  ตำแหน่ง วิศวกรโยธาปฏิบัติการ กล่าวว่า “การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่สำรวจโครงการจริง ทำให้ได้เห็นสภาพลักษณะของโครงสร้าง ทำให้เห็นขั้นตอนการตรวจสอบปัญหาโครงการ แนวทางการแก้ไขปัญหาจาก วสท.  สภาวิศวกร และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ จากกรมทรัพยากรน้ำ  ซึ่งเป็นประโยชน์เป็นอย่างยิ่งในการนำไปปรับใช้กับการทำงาน การออกแบบ และขอให้ให้หน่วยงานมีการจัดอบรมเพิ่มทักษะความรู้ในงานด้านวิศวกรรมในปีงบประมาณต่อไป เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์ให้แก่วิศวกรต่อไป”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top