Saturday, 10 May 2025
TheStatesTimes

สมุทรปราการ-ฉลองครบ 60 ปี “ไทยยาซากิ” จัดงานวันครบรอบ  ภายใต้วิสัยทัศน์ “บริษัทจะก้าวเดินไปพร้อมกับโลก และเราจะเป็นในสิ่งที่สังคมต้องการ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้บริหาร บริษัทไทยแอโรว์ จำกัด ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดย  Mr. KONDO กรรมการผู้อำนวยการบริษัทไทยแอโรว์ จำกัด พร้อมด้วย นายรังสรรค์ หมัดโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการและผู้จัดการโรงงาน บริษัทไทยแอโรว์ จำกัด ตลอดจนกลุ่มบริษัทเครือไทยยาซากิ จัดกิจกรรมฉลองเนื่องในโอกาสวันครบรอบ 60 ปี “ไทยยาซากิ ภายใต้แนวคิด บริษัทแห่งความมุ่งมั่น เคียงข้างไปกับชุมชนและสังคม

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายพัฒนชาต ชุมทอง สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นายวัฒนา เจริญจิตร นายอำเภอบางพลี นายชนินทร์ รื่นเริง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางปลา ตลอดจนผู้นำชุมชน และประชาชนในเขตพื้นที่โดยรอบบริษัทไทยแอโรว์ จำกัด เข้าร่วมภายในงานเป็นจำนวนมาก ภายในงานได้มีการกล่าวคำอวยพรพร้อมทั้งแสดงความยินดีกับทางคณะผู้บริหาร เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 60 ปี และเป็นวันก่อตั้งกลุ่มเครือไทยยาซากิ อีกด้วย

ทั้งนี้ นายรังสรรค์ หมัดโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการและผู้จัดการโรงงาน บริษัทไทยแอโรว์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงานครบรอบ 60 ปี ในครั้งนี้  เป็นการจัดขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณทุกภาคส่วนอย่างจริงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชุมชนต่างๆที่อยู่รอบบริษัทไทยแอโรว์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการดำเนินกิจการในประเทศไทย จนประสบผลสำเร็จ  ซึ่งกว่าที่ ไทยยาซากิ ของเราจะเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงและดำเนินธุรกิจมาจนถึง 60 ปี ได้นั้น

ต้องฝ่าฟันอุปสรรครวมถึงปัญหาต่างๆ มาอย่างมากมาย แต่เราก็สามารถที่จะฝ่าฟันและผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ทุกครั้ง ก็เพราะความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และความพยายามที่ไม่ย่อท้อของพนักงานไทยยาซากิทุกคน ภายใต้วิสัยทัศน์ “บริษัทจะก้าวเดินไปพร้อมกับโลก และเราจะเป็นในสิ่งที่สังคมต้องการ " ซึ่งกิจกรรมในปีนี้จัดขึ้นโดยใช้ชื่องาน ไทยยาซากิ 60 ปี แห่งความมุ่งมั่น เคียงข้างไปกับชุมชน และสังคม ซึ่งบริษัทได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติ จากทุกภาคส่วน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก โดยทางบริษัทได้มีการจัดบอร์ดนิทรรศการ ประวัติเส้นทางความเป็นมาของไทยยาซากิ และตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของทางบริษัท ที่ได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ แสดงเป็นนิทรรศการให้แก่ผู้มาร่วมงานได้รับชม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า THAI YAZAKI ของเรา จะได้รับความสนับสนุน จากทุกๆ ท่านเพื่อเป็นกำลังใจในการพัฒนาบริษัทไทยยาซากิต่อไปในอนาคต

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘มาดามแป้ง’ นั่งแท่นทูตยูนิเซฟ ประเทศไทย คนที่สองของไทยต่อจาก ‘อานันท์ ปันยารชุน’

ยูนิเซฟประกาศแต่งตั้งนางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือ มาดามแป้ง เป็นทูตองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย โดยมาดามแป้งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยยูนิเซฟรณรงค์สร้างความตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบความเป็นอยู่ของเด็ก พร้อมทั้งระดมการสนับสนุนจากหลากหลายภาคส่วนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก ๆ ในประเทศไทยและทั่วโลกโดยเฉพาะเด็กกลุ่มเปราะบางที่สุด

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย และขอขอบคุณสำหรับความไว้วางใจที่ได้มอบหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับเด็กทุกคนในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นงานที่สำคัญมาก 

“เพราะแป้งเชื่อจากใจจริงว่าเด็กทุกคนคืออนาคตของชาติ ที่จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแล เอาใจใส่ เพื่อให้เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงและมีคุณภาพ เฉกเช่นเดียวกับต้นไม้ที่จะเติบโตผลิดอกออกผลได้ดีก็ต่อเมื่อถูกปลูกในผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ ได้รับการรดน้ำ พรวนดินจากสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และด้วยความตั้งใจจริงกับศรัทธาที่แป้งมี แป้งจะพยายามทำทุกอย่าง โดยอาศัยความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และความถนัดที่แป้งมีเพื่อร่วมสร้างสังคมและสภาพแวดล้อมที่เด็ก ๆ สามารถจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างมีคุณภาพ และมีความสุขที่ยั่งยืนค่ะ”

การแต่งตั้งมีขึ้นในวันนี้ที่องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย โดยมีนางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดีกับมาดามแป้งในโอกาสการเข้ารับตำแหน่งทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับมาดามแป้งในฐานะทูตองค์การยูนิเซฟคนใหม่ของประเทศไทย คุณสมบัติที่เพียบพร้อมของมาดามแป้ง ตลอดจนความสำเร็จจากบทบาทอันหลากหลายและแรงบันดาลใจที่มาดามแป้งได้ส่งต่อให้กับสังคม จะมีส่วนช่วยให้ยูนิเซฟบรรลุภารกิจเพื่อเด็กทั้งในด้านการเป็นกระบอกเสียงให้กับเด็กและเยาวชน และการทำให้สังคมได้รับรู้และเข้าใจถึงความต้องการของเด็ก ๆ มากขึ้น  นอกจากนี้ มาดามแป้งจะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับชีวิตของเด็ก ๆ ในประเทศไทยและทั่วโลกอีกด้วย” นางคยองซอน กล่าว

ในฐานะทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย มาดามแป้งจะร่วมสนับสนุนงานของยูนิเซฟในหลากหลายด้าน  โดยจะเน้นไปที่การพัฒนาเด็กปฐมวัย การศึกษา การกีฬาเพื่อการพัฒนา การคุ้มครองเด็กจากภัยออฟไลน์และออนไลน์ และการขับเคลื่อนนโยบายคุ้มครองทางสังคมสำหรับเด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบาง ควบคู่ไปกับการรณรงค์ด้านต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้ความเป็นอยู่ของเด็กดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน

อนึ่ง มาดามแป้งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เป็นคนที่สองต่อจาก นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำรงตำแหน่งทูตสันถวไมตรีขององค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2539 โดยก่อนหน้านี้ มาดามแป้งได้ร่วมงานกับยูนิเซฟในฐานะที่ปรึกษาขององค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และได้ลงพื้นที่กับยูนิเซฟเยี่ยมเด็กข้ามชาติและเด็กไร้สัญชาติในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อเน้นย้ำเรื่องสิทธิการศึกษาของเด็ก โดยเด็กทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมในการเข้าถึงการศึกษาไม่ว่าพวกเขาจะมีสถานะหรือสัญชาติใดหรือไร้สัญชาติก็ตาม

'พงศ์พล' สวน!! 'รองอ๋อง' อย่าอ้างระเบียบทำให้จองตั๋วโลว์คอสไม่ได้ ชี้!! ‘การบินไทย’ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจแล้ว ระเบียบดังกล่าวไม่เข้าข่าย

(18 ก.ย.66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษก พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณี 'หมออ๋อง' บินหรูทัวร์สิงคโปร์ ว่า...

อย่าอ้างการบินไทย..ท่านรองจองตั๋วโลว์คอสได้ ทำไมไม่ทำ? ✈️

จากประเด็นรองประธานสภา และคณะสส. เตรียมใช้เงินรัฐ ดูงานหรู ณ ประเทศสิงคโปร์.. จัดตั๋วเครื่องบินราคา 51,250บาท, ค่าโรงแรมคืนละ 1.25หมื่น และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดูงานครั้งนี้ ที่แพงหูฉี่เกินมาตรฐาน มูลค่าล้านกว่าบาท

รองประธานฯดังกล่าว ให้เหตุผลกับสังคม ใจจริงต้องการเดินทางด้วยตั๋วสายการบินLow Cost ราคาถูก แต่จองไม่ได้ เพราะติดระเบียบ ต้องเดินทางด้วยสายการบินแห่งชาติ เท่านั้น

เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง

หลังศึกษาระเบียบวาระสภา และปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐวิสาหกิจมาดีแล้ว

⬛ วันนี้ ‘การบินไทย’ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจแล้ว หลังเข้าการฟื้นฟูกิจการ เมื่อไม่ใช่รัฐวิสาหกิจแล้ว ดังนั้นข้อผูกพันตามระเบียบของรัฐแล้วก็จะหยุดไปไม่เกิดขึ้น จึงหลุดสถานะ 'สายการบินแห่งชาติ' โดยนิตินัย 

ระเบียบดังกล่าวนี้ จึงไม่สามารถบังคับให้บุคลากรซื้อเฉพาะตั๋วการบินไทยได้..

⬛ คอนเฟิร์มว่า คณะรองประธานฯ สามารถจองเที่ยวบิน low cost ราคาถูก เดินทางได้อย่างแน่นอน ..คำถามคือทำไม่ไม่ทำ?

ส่วนคนมองว่า ‘การบินไทย’ ยังคงเป็นสายการบินแห่งชาติ นั้นเป็นเพียง Perception ภาพจำของคนไทย ในเชิงพฤตินัยเท่านั้นเอง

เปิดตัวเลขรัฐสูญรายได้ 136 ล้านบาทต่อปี หากหนุน 'แดง-ม่วง' 20 บาท แต่ช่วยดึงคนใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นปีละ 10% รายได้หวนคืนใน 2.8 ปี

(18 ก.ย.66) รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับการประชุมร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัทรถไฟฟ้ารฟท. จำกัด และกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงาน การแบ่งค่าโดยสารกรณีเดินทางข้ามสายสีแดงกับสายสีม่วง รวมถึงมาตรการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารและการประชาสัมพันธ์ ฯลฯ

เบื้องต้นในที่ประชุมได้มีการหารือถึงข้อกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ..., พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ฯลฯ เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการดำเนินการ 

ขณะเดียวกันที่ประชุมได้มีข้อสั่งการให้รฟท.เตรียมเสนอการแบ่งค่าโดยสารกรณีเดินทางข้ามรถไฟสายสีแดง ช่วงรังสิต-ตลิ่งชันและรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ ต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. ภายในวันที่ 21 ก.ย.66 ขณะที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะนำเสนอเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. ภายในวันที่ 28 ก.ย.66 หลังจากนั้นจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคมภายในเดือน ก.ย.นี้ คาดว่าจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบได้ภายในเดือน ต.ค.66 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ปี 67 

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อว่า ส่วนการแบ่งค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายของรถไฟสายสีแดง ช่วงรังสิต-ตลิ่งชันและรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ มีเงื่อนไขว่า ระหว่างการเดินทาง หากประชาชนขึ้นรถไฟฟ้าสายใดเป็นสายแรก ผู้เป็นเจ้าของโครงการจะเป็นผู้เก็บค่าแรกเข้าค่าโดยสาร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนสถานีของผู้โดยสารที่ใช้บริการด้วย โดยจะเก็บค่าโดยสารสูงสุดอยู่ที่ 20 บาทตลอดสาย เช่น กรณีที่ประชาชนเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่สถานีเตาปูนเพื่อไปรถไฟสายสีแดงที่สถานีบางซื่อ จะถูกเก็บค่าแรกเข้าเพียง 16 บาท ซึ่งมีส่วนต่างอยู่ที่ 4 บาท ต่ำกว่าราคาค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ทำให้ประชาชนสามารถประหยัดค่าโดยสารจากการเดินทางได้ 

ทั้งนี้จากผลศึกษานโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พบว่าจะสูญเสียรายได้ และรัฐต้องสนับสนุนรวม 136 ล้านบาทต่อปี แบ่งเป็น รถไฟฟ้าสายสีแดง 80 ล้านบาทต่อปี และรถไฟฟ้าสายสีม่วง 56 ล้านบาทต่อปี แต่การลดค่าโดยสารจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นและทำให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นปีละ 10% คาดการณ์ว่าเมื่อดำเนินนโยบายถึง 2.8 ปี จะทำให้รถไฟฟ้าทั้ง 2 สายมีรายได้กลับมาเท่าเดิม โดยรัฐไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย   

นอกจากนี้การชดเชยรายได้ให้แก่รฟท.และรฟม.จากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรถไฟสายสีแดง ช่วงรังสิต-ตลิ่งชันและรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-คลองบางไผ่ นั้น พบว่า ปัจจุบันรฟท.มีหนี้ประมาณ 12,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งรฟท.จะต้องขอเงินอุดหนุนจากภาครัฐ (PSO) จำนวน 80 ล้านบาทต่อปี ขณะที่รฟม.จะนำส่วนแบ่งรายได้จากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมาชดเชยเงินที่ขาดหายจากนโยบายดังกล่าว จำนวน 56 ล้านบาทต่อปี 

‘สส.ปทุม ก้าวไกล’ ค้านโครงการรถไฟความเร็วสูงผ่าอยุธยา อ้าง!! จะถูกถอด ‘มรดกโลก’ เจอชาวเน็ตแห่ถล่มยับ!!

(18 ก.ย. 66) เฟซบุ๊ก ‘เชตวัน เตือประโคน - Chetawan Thuaprakhon’ ของนายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า "ประชาชนคนไทยต่างลุ้นกันกรณี “ศรีเทพ” จะได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่ “อยุธยา” ที่เป็นอยู่แล้ว กำลังจะถูก “ถอด” เพราะรถไฟความเร็วสูงผ่ากลางเมือง #ก้าวไกล #มรดกโลก #อโยธยา"

ปรากฏว่าทัวร์ลงมายัง สส.คนดังกล่าว โดยมีความคิดเห็น เช่น

- คนอยุธยาอยากได้ความเจริญมากกว่าค่ะ
- ถ่วงความเจริญครับ
- ความรู้สั้น ความมั่นสูง
- คนอยุธยามีสิทธิ์ไหมคะ
- ก่อนแสดงความเห็นควรหาความจริงและควรมีความรู้
- อยุธยาได้เป็นมรดกโลก และมีการคมนาคมที่ทันสมัยควบคู่กันไป คนไทยและชาวต่างชาติก็จะยิ่งมาเที่ยวอยุธยามากขึ้นค่ะ

- ว่างงานและมาถ่วงความเจริญหรือครับ
- อย่างนี้เกียวโตโดนถอดไปนานแล้วปะครับ

สำหรับประเด็นดังกล่าว สืบเนื่องมาจากการรถไฟแห่งประเทศไทยกำลังดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา โดยหนึ่งในนั้นคือสถานีอยุธยา แต่กรมศิลปากรออกมาคัดค้านเพราะเกรงว่าจะกระทบต่อโบราณสถาน และมรดกโลก และขอให้การรถไฟฯ ทำการศึกษาผลกระทบต่อมรดกโลกทางวัฒนธรรม หรือ Heritage Impact Assessment (HIA) ทำให้โครงการในสัญญา 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กิโลเมตร หยุดชะงัก การรถไฟฯ ได้จ้างที่ปรึกษามาทำการศึกษาผลกระทบ เพื่อหารูปแบบ และป้องกันผลกระทบในทุกด้านกับการก่อสร้าง ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ

อีกด้านหนึ่ง นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.อยุธยา เขต 1 พรรคก้าวไกล ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการดังกล่าว อ้างว่าที่ตั้งสถานีผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรมต่อแหล่งมรดกโลกเมืองเก่าอโยธยา พร้อมเตรียมยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ขอเสนอญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรมต่อแหล่งมรดกโลกเมืองเก่าอโยธยาจากโครงการรถไฟความเร็วสูง สถานีอยุธยา ขณะเดียวกัน นายทวีวงศ์ยังมีการขอพบ นายสุจิตต์ วงษ์เทศ นักเขียนเรื่องราวประวัติศาสตร์ในเครือมติชน เพื่อหารืออีกทางหนึ่งด้วย

ขณะเดียวกัน ได้มีการก่อตั้งกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘SAVE อโยธยา’ นำโดย นายภาณุพงศ์ ชลสวัสดิ์ นักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อรณรงค์ปกป้องเมืองอโยธยา และได้จัดเสวนาหัวข้อ ‘รื้อ-ทำลายความทรงจำมรดกวัฒนธรรมอโยธยา’ โดยมีนายธรรดร กุลเกลี้ยง นักศึกษาปริญญาโท คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มราษฎร โดยวิจารณ์โครงการสถานีรถไฟอยุธยา อ้างถึงโรงภาพยนตร์สกาลา และศาลเจ้าแม่ทับทิม รวมทั้งยังโยงแง่มุมของทุนนิยมกับการอนุรักษ์ และ น.ส.ภัสราวดีเห็นว่าสร้างอ้อมออกไปใช้งบประมาณ 18,000 ล้านบาท ยังน้อยกว่างบประมาณของกองทัพที่มีกว่า 200,000 ล้านบาทอีกด้วย

'พี่ดี้' โพสต์แรง "จะกวนตีนประเทศก็ได้" "แต่อย่าใช้เงินทองของชาวบ้านแบบนี้"

(19 ก.ย. 66) ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Nitipong Honark’ ระบุว่า…

ท่านประธานที่เคารพ…

(หรือหมายถึงรองประธานที่ทำหน้าที่ประธานก็ได้)
ด้วยความเคารพนะครับ…

(วลี ‘ด้วยความเคารพนะครับ’..คือโปรดเตรียมรับความเคารพหนัก ๆ )
ไม่มีอะไรที่เข้าใจได้เลยว่า ทำไมจะต้องไปดูงานอะไรแบบนี้…ที่สิงคโปร์…
คือน้องจะกวนตีนประเทศก็ได้…แต่อย่าใช้เงินทองของชาวบ้านแบบนี้…
ไม่ชอบนักการเมืองรุ่นเก่าที่ทำแบบนี้…ไม่ชอบข้าราชการสติเก่าที่ทำแบบนี้….

พี่ก็ไม่ชอบว่ะ….
ไม่อยากให้ราคาน้องเลย…แต่น้องเสือกมามีตำแหน่งบ้าบอนี่…
เอาเหอะ…พูดไปก็เท่านั้น….ด้วยความเคารพ…

'สุชัชวีร์' ห่วงความปลอดภัย การซ่อมสะพานลาดกระบัง  ชี้!! ไม่ได้มาตรฐาน บทเรียนราคาแพงก่อนหน้าไม่ช่วยอะไร

(19 ก.ย. 66) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตนายกสภาวิศวกรและอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เปิดเผยทางเฟซบุ๊ก เอ้ สุชัชวีร์ ระบุว่า

“สะพานลาดกระบัง ยังน่ากลัวเหมือนเดิม”

การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอาจเกิดขึ้นอีก หรือนี่คือ มาตรฐานกทม.

คนหัวตะเข้-ลาดกระบัง ตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ต้องลอดผ่านสะพานที่กำลังก่อสร้างนี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทุกวัน ทั้งที่รู้ว่าชีวิตอยู่กับอันตราย น่าเห็นใจที่สุด

จากรูป สะพานเดิมที่กำลังจะทุบ หรือจะปรับปรุง อยู่ในสภาพที่อันตรายมาก เพราะ

1.การก่อสร้างหรือรื้อถอนโครงสร้างสะพาน โดยไม่มีการค้ำยันที่เพียงพอ อันตรายมาก สังเกตจากรูป ไม่มีการค้ำยัน ทั้งที่มีการสัญจรของคนและรถ จำนวนมากทุกวัน หากคานแอ่น พังลงมา ไม่กล้าคิดว่าจะเกิดความสูญเสียมากเพียงใด

2.คานเริ่มมีรอยร้าว เพราะคานถูกสกัดอย่างหยาบ โดยไม่ระมัดระวัง เห็นสภาพแล้วแย่มาก หากของหล่นใส่คนเดินผ่าน หรือรถจักรยานยนต์ รถยนต์ ไม่เจ็บก็ตายได้

3.การป้องกันผลกระทบจากการก่อสร้าง ถือว่ามาตรฐานต่ำมาก ไม่ปิดกั้นบริเวณก่อสร้างให้ดี เปิดถ่างไว้ รถผ่านไปมา เสี่ยงที่สุด อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ยิ่งมองเข้ามาข้างใน ยิ่งสลด เพราะการจัดการก่อสร้างแย่มาก ไม่เป็นระเบียบ งานลักษณะนี้สะท้อนถึงความใส่ใจของผู้รับเหมา และผู้ควบคุมงานได้ จริงไหมครับ

โครงการนี้ ผมเคยเตือนมาแล้ว สุดท้ายก็เกิดเหตุ ถล่มลงมา คนตาย ผมเคยคิดว่า กทม. เจ้าของโครงการได้บทเรียนราคาแพงไปแล้ว จะใส่ใจมากกว่านี้ แต่ที่เห็น ก็แทบไม่ต่างจากเดิม เสียใจและห่วงใยจริง ๆ ผมเองก็ต้องไปส่งลูกไปโรงเรียน ต้องผ่านทางนี้ เลี่ยงไม่ได้เช่นกัน จึงขอพูดในทั้งฐานะวิศวกรอาชีพ และชาวบ้านลาดกระบังคนหนึ่ง

ทำให้ดีเถอะครับ ท่านต้องคิดว่า ชาวบ้านเปรียบเสมือนครอบครัวของเรา คงไม่มีใครอยากให้ครอบครัวเราเดือดร้อน ใช่ไหมครับ

'หยก' โต้ปมจัดฉาก แค่ถ่ายรูปสะท้อนเชิงสัญลักษณ์ ยัน!! ขอมาอยู่กับบุ้งเอง ไม่เคยถูก 'ชี้นำ-บีบบังคับ'

(19 ก.ย. 66) เฟซบุ๊ก Thanalop Phalanchai ของ ‘หยก-ธนลภย์’ สมาชิกกลุ่มทะลุวัง โพสต์ข้อความ ระบุว่า วันนี้หนูนั่งที่เดิมตรงที่เคยมีนักสิทธิมนุษยชนไปโพสต์ว่าหนูจัดฉาก แล้วคุณสรยุทธเอาวิดีโอตัวสั้นตัดมาไม่นานมาลง มีเสียงพี่บุ้งบอกให้หนูเขียนข้อความ

ข้อความที่พี่บุ้งบอกหนูคิดมาแล้วว่าจะเขียนถ้าครูปฏิเสธ แต่ถ้าใครดูตัวเต็มวิดีโอ จะเห็นเหตุการณ์ที่แตกต่าง มันเริ่มจากหนูเขียนกระดาษเสียไปหลายใบเพราะลายมือไม่สวยซะที จนพี่บุ้งบอกหนูว่าหนูต้องเขียนข้อความสี่คำนี้แบบไหน เว้นวรรคยังไงถึงจะชัด โดยหนูบอกว่าลายมือไม่สวย ๆ พี่บุ้งก็มาช่วย

ที่จริงถ้ากล้องหน้าโรงเรียนมีครบน่าจะมีให้ดูตอนที่พี่บุ้งบอกให้กลับบ้านด้วย แต่หนูตอบว่าไม่ แต่หลาย ๆ ครั้งกล้องไม่ลงตัวเต็มหนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้องของใครและตัดมาทำไมเท่านี้
เรื่องที่มีนักสิทธิมนุษยชนมาโพสต์ให้สังคมเข้าใจว่าหนูจัดฉากก็เหมือนกัน จริง ๆ แล้วหนูก็นั่งจริง ๆ นั่นแหละ แต่นั่งในห้องประชาสัมพันธ์ แล้ววันนั้นพอจะถ่ายรูปหนูก็เลยออกมาถ่ายเป็นเชิงสัญลักษณ์เนื่องจากไม่สามารถถ่ายภายในห้องนั้นได้ เพราะคุณครูไม่อนุญาตให้พี่ ๆ นักข่าวถ่ายรูปในห้องประชาสัมพันธ์ แต่การนั่งเพื่อประท้วงโดยสันติแต่ถูกเมินเฉยของหนูยังคงมีต่อไปเรื่อย ๆ ตอนนี้คิดว่าจะไม่นั่งข้างในห้องประชาสัมพันธ์แล้ว ถึงพี่บุ้งจะยังเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ

เรื่องของหนู หนูเข้าใจว่าหลายคนไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเพราะไม่ชอบพี่บุ้ง หรือเพราะอะไร แต่หนูเป็นคนที่ขอมาอยู่กับพี่เขาสมัครใจที่อยู่กับพี่เขาและที่สำคัญเค้าไม่ได้บังคับหนู แต่ทุกคนไม่เคยมีใครมาถามหนูสัมภาษณ์หนูเหมือนกันว่าเรื่องจริงคืออะไร แต่มีแต่เอาคลิปวิดีโอไม่กี่วินาทีมาลง

หนูไม่แน่ใจว่าที่โรงเรียนพวกคุณ สังคมทำกับที่หนูทำ อันไหนรุนแรงดูหยาบคายกว่ากัน

'สุริยะ' เร่งเคลียร์ถนนแม่ฮ่องสอน หลังดินสไลด์ปิดกั้นทางสัญจร สั่ง!! 'กรมทางหลวงชนบท' จัดการด่วน ล่าสุดลุล่วงภารกิจ

กรมทางหลวงชนบท รับมืออุทกภัยเร่งด่วน นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักรเข้าพื้นที่จัดการบริเวณที่มีดินสไลด์บนถนนสาย มส.3004 แยก ทล. 105 - บ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรผ่านได้โดยเร็วตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปัจจุบันสัญจรผ่านได้เรียบร้อยแล้ว

(19 ก.ย. 66) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) โดยแขวงทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน หมวดบำรุงทางหลวงชนบทแม่สะเรียง จัดเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือเครื่องจักรเข้าพื้นที่ดำเนินการจัดการดินที่สไลด์ลงมากีดขวางทางจราจรบนถนนทางหลวงชนบทสาย มส.3004 แยก ทล.105 - บ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ช่วง กม.ที่ 48 +000 เนื่องจากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ทำให้เกิดดินสไลด์บริเวณสายทางดังกล่าว

ปัจจุบันได้ดำเนินการเปิดเส้นทางโดยจัดการสิ่งกีดขวาง เพื่อให้ประชาชนสัญจรผ่านได้อย่างสะดวกปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว ตลอดจนได้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ตามข้อสั่งการของ 'นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม'

ทั้งนี้ ทช. จะติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างต่อเนื่อง และจะให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุอุทกภัยได้ที่แขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่หรือสายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146

‘เศรษฐา’ เผย ‘ลุงตู่’ เคยเตือนเรื่องการนอนที่สภาฯ ระวังคนมองว่า ‘สร้างภาพ’

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้ให้สัมภาษณ์ในงาน Thairath Forum 2023 | Future Perfect โดยให้ความเห็นเมื่อถูกถามเกี่ยวกับกรณีจะไปนอนทำเนียบรัฐบาลจริงหรือไม่? ว่า...

เป็นความจริง เพราะบ้านที่นายกฯ อยู่มีพื้นที่ 197 ตารางวา ซึ่งจะเล็กมากทันที หากต้องมีตำรวจเข้าออกเพื่อดูแล จึงคิดว่าเพื่อนบ้านจะเดือดร้อนแน่ ๆ อีกทั้งต้องเดินทางเยอะด้วย ดังนั้นตนจึงไม่อยากเป็นภาระกับตำรวจกับหน่วยรักษาความปลอดภัยด้วย แต่คงต้องเป็นภาระให้กับฝ่ายเลขาฯ 

"หากตื่นมาแล้ว ถ้ากิน Breakfast (อาหารเช้า) ตอน 06.30 น. ก็ต้องมีคนมาสั่งงานได้แล้ว 06.30 น. แล้วก็ไปอาบน้ำต่อ ขอเป็นภาระกับเลขา 4-5 คน และถ้าหากมีภารกิจตอนค่ำ ก็สามารถสั่งงานใคร ก่อนนอนได้อีกหนหนึ่ง"

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนยืนยันว่าจะพยายามเต็มที่ เพราะเทหมดหน้าตัก ต้องทำงานกันหนักจริงๆ แต่ก็เข้าใจว่าแต่ละคนมีขีดที่รับงานได้ต่างกันไป คนไหนรับได้ก็รับ คนไหนรับไม่ได้ก็เวียนกันมาทำงานกัน เพราะเข้าใจว่าบางคนบ้านอยู่ฝั่งธนฯ บ้านอยู่สุขุมวิท เดินทางต่างกันไป ไม่มีปัญหา บอกกันได้ ว่าไหวไม่ไหว แต่พยายามเต็มที่

เมื่อถามว่าไปนอนจริงจังหรือไม่? นายกฯ กล่าวว่า "ก็คง 3-4 วันต่ออาทิตย์"

นายกฯ กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า “ผมได้บอกท่านนายกฯ ประยุทธ์ไปในวันที่พบท่าน ท่านก็บอกว่า ระวังนะคนหาว่าสร้างภาพ ผมก็พยักหน้า รับทราบ ก็เข้าใจครับ ก็เข้าใจในความหวังดี ในการเตือน มันโดนแน่นอน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top