Monday, 12 May 2025
TheStatesTimes

เช็กโผ!! ‘ครม.’ ทยอยตั้ง ‘ที่ปรึกษารมต.-เลขานุการฯ’ ด้าน ‘ภูมิธรรม’ รักษาการฯ ‘นายกฯ-ต่างประเทศ’

(13 ก.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 13 กันยายน 2566 มีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในกรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดังนี้…
1. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 
2. นายธนรัช จงสุทธนามณี ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  
3. นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 
(ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป) 

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ‘นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 2 ราย ดังนี้…
1. นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
2. นายวัลลภ รุจิรากร ดำรงตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
(ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป) 

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 4 ราย ดังนี้…
1. นายกองตรี พิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  
2. นายปัญญา ชวนบุญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทร ศรีสรรพางค์)
3. นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
4. นายกฤษฏ์ เพ็ญสุภา ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายนภินทร ศรีสรรพางค์)]   
(ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป) 

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดังนี้...
1. นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 
2. นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 
(ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป)

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการแต่งตั้ง นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป)

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดังนี้…
1. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 
2. นาวาอากาศตรี พลเทพ สุนทโร ดำรงตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
(ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป) 

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง จำนวน 4 ราย ดังนี้…
1. นายสมคิด เชื้อคง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
2. นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
3. นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
4. นายชัย วัชรงค์ ตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป)

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 3 ราย ดังนี้…
1. นายมานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
2. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ดำรงตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
3. นายณัฏฐ์พัฒน์ รัฐผไท ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
(ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป)

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง คือ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป)

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอแต่งตั้ง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง  

ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอเลื่อน นายลวรณ แสงสนิท อธิบดี (นักบริหารสูง) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง 

ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอแต่งตั้ง นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดี (ตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวง (ตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง 

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง นางสาวเพชรดาว โต๊ะมีนา ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป)

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอการแต่งตั้ง พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป)

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 2 ราย ดังนี้…
1. นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
2. นายกิตติ เชาวน์ดี ดำรงตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
(ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป)

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 4 ราย ดังนี้…
1. นายเชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์  ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
2. นายวิศรุต ปู่เพ็ง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 
3. นายนพ ชีวานันท์ ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
4. นายพิษณุ พลธี ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นต้นไป)

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้…
1. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ดังนี้...
1.1 นายภูมิธรรม เวชยชัย
1.2 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 
1.3 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร 
1.4 นายอนุทิน ชาญวีรกูล  
1.5 พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ 
1.6 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

2. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน

‘เศรษฐา’ พา ครม. ผ่านศึกแถลงนโยบายลื่นไหล คลอดนโยบาย ‘ลดราคาพลังงาน-พักหนี้’ ตามนัด

และแล้วรัฐบาลสูงยาวเข่าดี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ก็ได้ประเดิม ครม.นัดแรก วันที่ 13 ก.ย. เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว หลังจากที่ผ่านศึกแถลงนโยบาย 2 วันมาได้

ดังที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เคยเกริ่น ๆ มาบ้างแล้วว่า พรรคเพื่อไทยนั้นเป็นมวยเรื้อเวทีมา 9 ปีเต็ม ดังนั้นการกลับมาตึกไทยคู่ฟ้าอีกรอบในวันนี้จึงออกอาการเก้ ๆ กัง ๆ ไปบ้าง บวกกับนโยบายที่ต้องลดโทนมาผสมผสานกันหลายพรรค กลายเป็นนโยบายไม่ตรงปก สองวันที่แถลงแทนที่จะเป็นฝ่ายขยี้ประเด็นนโยบายให้ได้ใจประชาชน สุดท้ายกลายเป็นเวทีที่เด็ก ๆ พรรคก้าวไกลเอาไปแจ้งเกิดแจ้งตายบนเวทีสภากันสลอน...

ดีที่เศรษฐาเป็นนายกฯ ชี้แจงพอจะรู้เรื่อง เป็นนายกฯ ที่อ่อนน้อมและไหว้สวย ช่วยทำให้ทุกอย่างมันพอลื่นไหลไปได้...

ไม่เท่านั้น ครม.นัดแรกมติต่าง ๆ ก็มาตามนัด ตั้งแต่เรื่องพักหนี้เกษตรกร ธุรกิจขนาดเล็ก 3 ปี ลดค่าไฟ-น้ำมัน พลังงาน และตั้งคณะกรรมการศึกษาประชามติตามรัฐธรรมนูญ โดยมอบให้ ‘บิ๊กอ้วน’ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ก็พอจะเป็นโมเมนต์ที่ดี ๆ อยู่พอประมาณ

ในส่วนของทีมงาน รัฐบาลเศรษฐาทยอยเปิดตัว โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม เลขานุการรัฐมนตรี เป็นไปตามโผที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เคยขานชื่อไว้คือ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สายตรงลุงตู่ พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ ‘บิ๊กเล็ก’ เตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 20 รุ่นเดียวกับบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ส่วนที่ปรึกษารัฐมนตรีคือ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ‘บิ๊กอั๋น’ เตรียมทหารรุ่น 19 ก็เป็นอดีตเลขาธิการสมช. เหมือนกัน

งานนี้ต้องบอกว่า ท่านสุทิน คลังแสง สมุหกลาโหมโดนขนาบข้างด้วยอดีตเลขาธิการสมช. รับประกันซ่อมฟรีว่า งานการด้านความมั่นคงจะกล้าแกร่งอย่างแน่นอน ที่ลือ ๆ กันว่าจะให้นั่งขดังตาทัพแค่ 8-9 เดือนหรือไม่เกินปี ‘เล็ก เลียบด่วน’ ดูท่าว่าไม่น่าจะจริง น่าจะยาวโลดกว่านั้นแน่นอน

อ้อ ต้องขอกระซิบบอกท่าน ‘บิ๊กทิน’ ว่าดีแล้ว เป็นข่าวดีที่ ฯพณฯ ยืนยันว่า..สองพ่อลูกชินวัตรคือคุณพายัพ และนายพอพงษ์ ชินวัตร ไม่มีชื่ออยู่ในทีมที่ปรึกษา เพราะเมื่อ 3-4 วันก่อน มีชื่อหราอยู่ในคำสั่งไม่เป็นทางการว่า คุณพ่อจะเป็นประธานที่ปรึกษา คุณลูกจะเป็นเลขานุการประจำตัว ใครต่อใครออกมาต้านกันเจี๊ยวจ๊าว!!

ส่วนที่ท่านถือฤกษ์ 13.13.13 เข้าทำงานที่กระทรวง คือวันที่ 13 เวลา 13 นาฬิกา 13 นาที และเตรียมรายชื่อทีมที่ปรึกษาเบื้องต้นไว้ 13 คนนั้นก็ว่ากันไป คนไทยไม่ถือฝรั่งไม่เกี่ยว ขออย่างเดียว เราต้องเอี่ยวทั้งสหรัฐฯ และจีนให้เป็น และพัฒนากองทัพให้ทันสมัย ไม่ต้องไปติดกับดักคำว่าปฏิรูปของน้อง ๆ ก้าวไกลบางคนที่งัดตำราขึ้นมาท่องแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้…

อ้อ ปิดท้ายวันนี้ ถึงแม้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวคิดที่ท่านชูรักแร้เชียร์สุดลิ่มทิ่มประตูว่าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ดีเลิศประเสริฐศรีก็ตาม แต่บรรทัดนี้ขอแสดงความยินดีกับ สัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ หรือ ‘หมอชัย’ ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 91 ของพรรคเพื่อไทยมา ณ ที่นี้ด้วย

‘หมอชัย’ ใช่ใครอื่น คือนักธุรกิจขายอาหารสัตว์ เป็นนายกสมาคมอนุรักษ์และพัฒนาไก่พื้นเมืองไทย    ทั่วไปจะรู้จักในนาม ‘หมอชัย ไก่ชน’ แห่งสมาคมส่งเสริมไก่ชนไทย ที่มีทั้งแอ๊ด คาราบาว และเจ้าสัวซีพี  สิงสถิตอยู่นั่นแล…สวัสดี!!

ก.แรงงาน คว้ารางวัลสุดยอดหน่วยงานภาครัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ รางวัล “สำเภา – นาวาทอง” ปี 2566 

วันที่ 13 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน รับมอบรางวัลสุดยอดหน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง ด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ  รางวัล “สำเภา – นาวาทอง”ประจำปี 2566 พร้อมด้วยนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ร่วมรับมอบรางวัลสุดยอดหน่วยงานภาครัฐระดับกรม โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิชัยพัฒนา เป็นประธานการมอบรางวัล ณ หอประชุม ชั้น 7 อาคาร 23 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดี เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

สำหรับการมอบรางวัลสุดยอดหน่วยงานภาครัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ รางวัล “สำเภา – นาวาทอง”ประจำปี 2566 ในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อคัดเลือกส่วนราชการที่ปรับปรุงกระบวนงานและลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจอย่างเห็นผลเพื่อรับรางวัล เชิดชูเกียรติและประชาสัมพันธ์หน่วยงานที่ได้รับรางวัล และสร้างความร่วมมือและกระบวนการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยโล่รางวัลแบ่งเป็นรางวัลหน่วยงานระดับกระทรวง รางวัลหน่วยงานระดับกรม รางวัลหน่วยงานเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนงาน(สำนัก/กอง) และรางวัลระดับภูมิภาค

ทั้งนี้กระทรวงแรงงานมีหน่วยงานในสังกัด 2 หน่วยงาน ร่วมรับมอบรางวัลสุดยอดหน่วยงานภาครัฐระดับภูมิภาคได้แก่ กรมการจัดหางาน และสำนักงานประกันสังคม รายชื่อผู้รับมอบดังนี้ นางธนพร สุวรรณโณ จัดหางานจังหวัดนครนายก และนางสาวนฤมล บุญมี ประกันสังคมจังหวัดนครปฐม ร่วมรับมอบ

ในส่วนของกระทรวงแรงงานคณะกรรมการตัดสินรางวัลฯ มีมติมอบรางวัลหน่วยงานระดับกระทรวงให้กระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ได้ดำเนินการปลดล็อคกฎหมาย ระเบียบ ช่วยลดปัญหาอุปสรรคและอำนวยความสะดวกการดำเนินภาคธุรกิจจนเห็นผลเป็นรูปธรรม ซึ่งรางวัลดังกล่าวถือเป็นการให้กำลังใจและเชิดชูหน่วยงานภาครัฐที่ช่วยลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

ธนชาตประกันภัย คว้ารางวัลบริหารงานดีเด่น พร้อมโชว์ฐานะเงินกองทุนสุดปึ๊กสูงถึง 553%

ธนชาตประกันภัย ปลื้ม!! คว้ารางวัล ‘บริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น’ 10 ปีซ้อน 
โชว์ผลงานครึ่งปีแรกได้เบี้ยรับรวมเติบโต 14% มั่นใจดันเบี้ยรับทั้งปี 12,000 ล้านบาท 

เมื่อไม่นานมานี้ นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนชาตประกันภัย เปิดเผยว่า ‘บริษัทฯ ได้รับรางวัล ’บริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ในงานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister’s Insurance Awards) ประจำปี 2566 เป็นรางวัลที่ตอกย้ำความสำเร็จด้านการบริหารงานที่ดี มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในระดับที่ดีมาก ทั้งความมั่นคงทางการเงิน มีหลักธรรมาภิบาลเป็นเลิศ การนำเทคโนโลยีพัฒนาคุณภาพงานผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมให้เป็นแบบอย่างที่ดี’  

ปัจจัยที่ทำให้ธนชาตประกันภัยได้รับรางวัลและผลประกอบการที่ดีขึ้นในทุกปี มาจากการที่บริษัทที่เป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจน ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงรอบด้านอย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นคงทางการเงิน โดยปัจจุบันมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน 553% สะท้อนถึงสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก การเดินหน้าพัฒนางานด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทันสมัยมาสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อดูแลความเสี่ยงให้กับลูกค้าได้ครอบคลุมและตรงกับความต้องการ มีความเหมาะสมกับรูปแบบการดำเนินชีวิต ส่วนด้านงานบริการเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นในทุกจุดที่ลูกค้าใช้บริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น ตลอดจนมีประสบการณ์ที่ประทับใจอย่างต่อเนื่อง

นายพีระพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ‘รางวัลที่ได้รับจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเดินหน้าพัฒนางานบริการด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ และสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อไปอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านประกันภัยที่ดีที่สุด โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้คุ้มครองดูแลแล้วกว่า 1 ล้านราย ได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าที่มีต่อบริการของธนชาตประกันภัยผ่านระบบ NPS (Net Promoter Score) ที่ระดับ 68% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าค่ามาตรฐานของธุรกิจประกันภัยระดับโลก ทำให้แบรนด์ ‘ธนชาตประกันภัย’ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับ โดยอยู่ในอันดับท็อป 3 ประกันวินาศภัยที่อยู่ในใจลูกค้า ขณะที่ผลประกอบการช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 5,500 ล้านบาท เติบโต 14% สูงกว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยที่ 5% มีเบี้ยประกันภัยรถยนต์อยู่อันดับ 5 จากทั้งหมด 50 บริษัท และคาดว่าทั้งปี 2566 จะสร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ 12,000 ล้านบาทแน่นอน’

‘หมอประชา’ ยกเคสหญิงโสดวัย 57 ‘พูดจาสับสน-สมองตายหลายจุด’ ตรวจพบมะเร็งรังไข่-ลิ่มเลือดอุดตัน เหตุ ‘ไม่มีลูก-ไม่มีเซ็กซ์’

(13 ก.ย. 66) ผนพ.ประชา กัญญาประสิทธิ์ ประสาทศัลยแพทย์ แพทย์ชำนาญเฉพาะทางศัลยกรรมโรคหลอดเลือดสมอง รพ.เชียงใหม่ ได้โพสต์คลิป เตือนภัยสาวโสดผ่าน Tiktok @doctor.pracha_neuro_surg โดยระบุว่า “สาวโสดโปรดระวัง โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ได้ใช้รังไข่”

โดย นพ.ประชา ได้ยกกรณีศึกษาเป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 57 ปี อยู่ในอาการพูดจาสับสน คนไข้อยู่คนเดียว มีสถานะเป็นโสด สแกน MRI พบว่ามีสมองตายหลายจุด ในบางตำแหน่งทำให้ตามัว เนื่องจากสมองซีกซ้ายนั้นควบคุมภาษา ทำให้คนไข้พูดจาเปลี่ยนไป ผลเลือดมีโซเดียมต่ำ ไตเริ่มเสื่อมเพราะกินน้ำน้อย เม็ดเลือดแดงต่ำเพราะเริ่มซีดนิดหน่อย มีแคลเซียมในเลือดสูงมา

เคสนี้บินมาเพราะญาติร้อนใจหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมสมองตายมากขนาดนี้ อัลตราซาวนด์พบว่าผู้ป่วยมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในอุ้งเชิงกราน อายุ 57 ปีคงไม่ใช่ตั้งท้อง ผลการตรวจชิ้นเนื้อพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดไปอุดตันอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย แคลเซียมก็สูงมากและอุดตันที่ขาทั้งสองข้างทำให้ขาบวม รวมถึงที่สมอง

คุณหมอได้ทิ้งท้ายไว้ว่า โรคมะเร็งรังไข่มักเป็นในผู้หญิงที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ดังนั้นหญิงไม่มีบุตรและสาวโสดมีความเสี่ยง จึงต้องพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ”

ครม.เห็นชอบตั้งคณะกรรมการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ‘เศรษฐา’ นั่งประธาน ‘อุ๊งอิ๊ง’ รองฯ ‘หมอมิ้ง’ ประสาน

(13 ก.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ประกาศเมื่อตอนหาเสียงไว้ว่า ซอฟต์พาวเวอร์นั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยได้เล็งดำเนินการโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเราได้ปูเรื่องรายได้ว่ารายได้ขั้นต่ำของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นจำนวนเงิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน และการสร้างตำแหน่งงานของแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่งไว้

“นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นรองประธาน, นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษา และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ โดยผู้ที่จะดำเนินการประสานงาน คือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” นายสัตวแพทย์ชัย กล่าว 

เมื่อถามถึงการตั้ง น.ส.แพทองธาร มาเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ จะให้ทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ นายสัตวแพทย์ชัย กล่าวว่า คณะกรรมการนี้ น.ส.แพทองธาร จะเป็นรองประธาน ที่มีนายกฯ เป็นประธาน โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีบทบาทกำหนดแนวทาง รูปแบบ กติกา ว่าจะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อดึงคนที่มีศักยภาพ และมีพรสวรรค์จากแต่ละครอบครัว ภายใต้วิธีการว่าจะเฟ้นหาอย่างไรต่อไป 

'ทร.' แจง 'ก้าวไกล' เหตุยกเลิก 'จ้างกู้-ลำเลียง' รล.สุโขทัย เพราะไม่มีรายใด ยื่นเอกสารครบถ้วนถูกต้องตามเงื่อนไข

(13 ก.ย.66) พล.ร.อ. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่าตามที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาล ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหล่าทัพ โดยช่วงหนึ่งของการอภิปราย กล่าวถึงการกู้เรือหลวงสุโขทัย ว่า...

"กองทัพเรือได้เปิดประมูลกู้ เรือหลวงสุโขทัย ภายหลังได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 200 ล้านบาท โดยมีผู้ยื่นซองประมูลจำนวน 16 ราย ซึ่งได้มีการนัดยื่นซอง ประกวดราคาเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 66  แต่ต่อมา ในวันที่ 8 ก.ย. 66 มีประกาศจากกองเรือยุทธการ ยกเลิกประมูล โดยไม่แจ้งเหตุผล ไม่ทำ TOR ไม่เปิดเชิญชวนใหม่ แต่ให้คนเคยยื่นซองยื่นไปใหม่ราคาเดิม ทำให้เกิดข้อสงสัย ว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส"

พล.ร.อ.ปกครอง กล่าวว่า การกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัยนั้น กองทัพเรือ ได้อนุมัติหลักการและงบประมาณในการจ้างกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัย โดยให้กองเรือยุทธการ เป็นหน่วยถืองบประมาณ 

ในการนี้กองเรือยุทธการได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางคณะกรรมการกำหนดร่างขอบเขตของงานหรือ TOR และกำหนดคุณลักษณะรวมถึงรายละเอียดการจ้างกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัย เพื่อดำเนินการจัดทำราคากลางและ TOR งานจ้างกู้และลำเลียง ซึ่งคณะกรรมการจ้างโดยวิธีคัดเลือกได้มีหนังสือเชิญชวนเสนอราคาถึงผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดจำนวน 14 ราย โดยได้กำหนดยื่นวิจารณ์ขอบเขตของงานภายในวันที่ 15 ส.ค.66 รับฟังคำชี้แจงจากการวิจารณ์ขอบเขตของงานในวันที่ 18 ส.ค.66 และยื่นข้อเสนอในวันที่ 25 ส.ค. 66 โดยเมื่อถึงกำหนดวันเวลายื่นซองข้อเสนอปรากฏว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอจำนวน 6 ราย 

จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานการยื่นข้อเสนอของทั้ง 6 ราย พบว่าไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอรายใดยื่นเอกสารครบถ้วนถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด จึงไม่มีการพิจารณาข้อเสนอทางด้านเทคนิคและข้อเสนอทางด้านราคา คณะกรรมการฯ จึงได้ยกเลิกการจ้างและลำเลียงเรือหลวงสุโขทัยในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และจะมีการประกาศเพื่อคัดเลือกใหม่ในโอกาสต่อไป โดยทางคณะกรรมการจัดจ้าง จะให้ทุกบริษัทที่สนใจ ยื่นซองใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยไม่มีการปิดกั้นบริษัทใดๆ ทั้งสิ้น

"การกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัยรวมถึงการจัดหายุทโธปกรณ์ต่างๆ นั้น กองทัพเรือมีนโยบายในการจัดหาด้วยความโปร่งใส มีเอกสารหลักฐานการดำเนินงานอย่างชัดเจน มีขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในส่วนของการ จ้าง กู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัย หากมีความคืบหน้าจะได้มีการชี้แจงให้สื่อมวลชนได้ทราบในโอกาสต่อไป" พล.ร.อ.ปกครอง กล่าว

5 สกุลเงินไหน? ‘มูลค่าต่ำที่สุดในโลก’

ไม่เพียงแค่ ลาว เท่านั้น ที่กำลังเผชิญวิกฤติค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก หากแต่ยังมีสกุลเงินอื่น ๆ ตามข้อมูลเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2566 ที่อ่อนค่าต่ำที่สุดคล้ายกัน และส่วนใหญ่อยู่ในประเทศแถบภูมิภาคอาเซียน ใกล้ประเทศไทยทั้งสิ้น ส่วนจะมีประเทศไหน และแต่ละประเทศมีภูมิหลังของความอ่อนค่าอย่างไร เชิญรับชม... 

1. เรียล ของอิหร่าน (IRR) (1 ดอลลาร์เท่ากับ 42,265 เรียล)
อิหร่านในอดีตเคยเป็นแหล่งอารยธรรมเปอร์เซียอันรุ่งเรือง แต่ในปัจจุบัน อิหร่านถูกคว่ำบาตรจากเหล่าชาติตะวันตก ซึ่งนำโดยสหรัฐ จากการที่อิหร่านพยายามดำเนินโครงการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ การถูกคว่ำบาตรนี้ทำให้อิหร่านขาดรายได้ทางการค้าจากตลาดตะวันตก และชาวต่างชาติทยอยถอนการลงทุนออก

นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว อิหร่านยังเผชิญกระแสประท้วงใหญ่ของประชาชนในประเทศ จากเหตุเสียชีวิตของ มาห์ซา อามินี (Mahsa Amini) หญิงชาวเคิร์ดในอิหร่าน วัยเพียง 22 ปี หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยศีลธรรมจับกุม เพราะเธอไม่ได้สวมฮิญาบปกคลุมศีรษะ

2. ด่อง ของเวียดนาม (VND) (1 ดอลลาร์เท่ากับ 24,057 ด่อง)
เวียดนามเป็นประเทศที่ปกครองแบบสังคมนิยม อำนาจรวมศูนย์อยู่ที่รัฐบาลกลาง และเป็นประเทศโตเร็วที่ดึงดูดบรรดาต่างชาติเข้ามาลงทุน

อย่างไรก็ตาม เวียดนามเผชิญวิกฤติสภาพคล่องด้านอสังหาริมทรัพย์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้างหลายรายผิดนัดชำระหุ้นกู้ บางส่วนเลื่อนการชำระหนี้ออกไป โดยเฉพาะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของเวียดนาม ‘No Va Land’ ไม่สามารถชำระหุ้นกู้ที่ครบอายุไถ่ถอนเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา

อีกทั้งเวียดนามยังเผชิญปัญหาหนี้เสียตามมา ที่การผิดนัดชำระหนี้กลุ่มหนึ่ง ได้ทำให้เกิดการผิดนัดต่อเนื่องในกลุ่มอื่น ๆ ตามมา

3. ลีโอน ของเซียร์ราลีโอน (SLL) (1 ดอลลาร์เท่ากับ 19,750 ลีโอน)
เซียร์ราลีโอน ประเทศแถบทวีปแอฟริกาตะวันตก เคยเผชิญสงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มกบฏและรัฐบาลนานกว่า 10 ปีตั้งแต่ปี 2534 มีสตรีหลายพันชีวิตถูกข่มขืนและผู้คนเสียชีวิตเป็นหลักหมื่น อีกทั้งยังเผชิญโรคระบาดอีโบลา ที่คร่าชีวิตผู้คนไปราว 4,000 คนในช่วงปี 2557 ถึง 2558

ปัจจุบัน ค่าเงินของเซียร์ราลีโอนยังไม่ฟื้น เนื่องจากประเทศเผชิญเงินเฟ้อสูงมาตลอด โดยเงินเฟ้อล่าสุดเดือน ส.ค. 2566 สูงถึง 43% กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันค่าเงิน

4. กีบ ของลาว (LAK) (1 ดอลลาร์เท่ากับ 19,725 กีบ)
‘ลาว’ ประเทศบ้านพี่เมืองน้องไทย เกิดวิกฤติเงินกีบอ่อนค่า โดยวันที่ 9 ก.ย. 2566 อยู่ที่ระดับ 1 ดอลลาร์แลกได้ 19,725 กีบ นับเป็นการอ่อนค่าลงราว 25% ในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้นในช่วงแรกของสงครามรัสเซียกับยูเครน ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ขาขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลาวนำเข้าสูงขึ้นตาม การที่ต้องใช้เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นในการซื้อพลังงาน ทำให้ลาวไม่มีดอลลาร์เพียงพอในการชำระหนี้ต่างประเทศ จนประสบปัญหาขาดดุลทางการค้าในเดือน ก.ค. 2566 สูงถึง 166 ล้านดอลลาร์ สวนทางกับยอดส่งออกที่ค่อนข้างเท่าเดิมหรือลดลง และนั่นก็ทำให้จำนวนหนี้สาธารณะและหนี้ต่างประเทศของลาวพุ่งสูงขึ้น

5. รูเปียห์ ของอินโดนีเซีย (IDR) (1 ดอลลาร์เท่ากับ 15,381 รูเปียห์)
อินโดนีเซีย กำลังเผชิญทุนสำรองระหว่างประเทศที่ลดลง จากเดือน ก.ค. อยู่ที่ 137,700 ล้านดอลลาร์ ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 137,100 ล้านดอลลาร์ในเดือน ส.ค. เพื่อใช้หนี้ต่างประเทศและรักษาเสถียรภาพค่าเงิน

นอกจากนั้น อินโดนีเซียยังมีภาระทางการคลังเพิ่มขึ้นจากโครงการใหญ่อย่าง รถไฟความเร็วสูงมูลค่า 7,300 ล้านดอลลาร์ ความยาว 142 กิโลเมตรระหว่างกรุงจาการ์ตากับเมืองบันดุง วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในเดือน ต.ค. นี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง หรือ Belt and Road Initiative ของจีน ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศจีนและงบประมาณของรัฐบาลอินโดนีเซีย

ครม.มอบ ‘หมอชลน่าน’ ตั้ง กก.ยกระดับบัตรทอง-ระบบสาธารณสุข ไฟเขียว ให้ผู้ป่วยเลือก รพ.ได้เอง ย้ำ ยึดผู้ใช้บริการเป็นศูนย์กลาง

13 ก.ย. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก ว่า ภารกิจทางด้านสาธารณสุขนั้น ได้มอบหมายให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปแต่งตั้งคณะทำงานยกระดับมาตรฐานการบริการโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เช่น ในการไปรับบริการที่โรงพยาบาล จากเดิมที่ต้องรอคอยนานเป็นวันเพื่อพบแพทย์เพียง 2 นาที จากนี้จะเป็นระบบการนัดหมายเข้ารับบริการ เพื่อจะได้ไม่ต้องรอคอยที่โรงพยาบาลทั้งวัน หรือในบางกรณีที่เป็นเพียงการนัดหมาย เพื่อติดตามอาการ หรือรับยาเท่านั้น อาจไม่จำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่สามารถให้ญาติ ประสานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อขอรับยาที่ร้านขายยาใกล้บ้านได้

นายชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ในเรื่องของการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า ซึ่งจากเดิมจะต้องมีการขอใบส่งตัวจากโรงพยาบาลต้นทาง ที่มีความยุ่งยาก และใช้เวลานาน ต่อจากนี้ไม่ต้องไปขอใบส่งตัวแล้ว เพราะข้อมูลผู้ป่วยมีอยู่ในฐานระบบที่เชื่อมโยงกันอยู่

นายชัย กล่าวว่า ที่สำคัญจากนี้ไม่ต้องมีโรงพยาบาลประจำแล้ว จากนี้หากผู้ป่วยอยู่ใกล้โรงพยาบาลไหน หรือชอบใจ มั่นใจโรงพยาบาลไหน ก็สามารถไปได้เลย เหมือนประกันเอกชนคอยดูแลสามารถเลือกไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ นี่คือเวอร์ชันใหม่ เป็นเวอร์ชันที่เอาผู้ใช้บริการเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนมีความสะดวก ไม่ใช่ให้ผู้ให้บริการมีความสะดวก นี่เป็นเรื่องใหม่มากๆ เป็นการยกระดับอย่างเห็นได้ชัด

‘กรมพัฒนาธุรกิจฯ’ ดัน ‘สมุนไพรไทย’ สู่ซอฟต์พาวเวอร์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รับเทรนด์รักสุขภาพของคนยุคใหม่

(13 ก.ย. 66) นางรวีพรรณ ช้างเย็นฉ่ำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมมีแผนที่จะส่งเสริมการตลาดสินค้า ‘สมุนไพรไทย’ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน มีคณะกรรมการนโยบายและสมุนไพรแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดสมุนไพร มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน มีกรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นฝ่ายเลขานุการ ทำหน้าที่ส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งในและต่างประเทศ และกำหนดช่องทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อผลักดันสมุนไพรไทยให้เป็น Soft Power ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกรายการหนึ่ง

สำหรับการขับเคลื่อนสมุนไพรไทย ได้มีการกำหนดมาตรการผลักดันสมุนไพรเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ประเทศด้านอาหารและวัฒนธรรมไทย โดยบูรณาการประเด็นสมุนไพรร่วมกับอาหาร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ผลักดันคุณค่าของสมุนไพรไทยร่วมกับอาหารไทย ตอบรับกระแสนิยมด้านรักสุขภาพ นำเสนอเมนูอาหารที่มีส่วนประกอบของสมุนไพรไทย ชูสรรพคุณที่มีคุณประโยชน์เจาะกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะด้าน เช่น เพิ่มภูมิคุ้มกัน Plant-based และผู้สูงอายุ

ส่วนด้านการตลาด จะมีการศึกษาความต้องการของตลาด กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมการใช้การตลาดออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ สร้างเรื่องเล่าดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค เน้นขยายตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรกลุ่มเวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชนกลุ่มสมุนไพร รวมทั้งสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์สมุนไพร

นอกจากนี้ จะเร่งการพัฒนาตราสัญลักษณ์คุณภาพสมุนไพรที่เป็นที่ยอมรับ โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการสมุนไพรเพื่อมอบรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ ซึ่งสัญลักษณ์ของรางวัลมีแนวคิดการออกแบบมาจากรูปแบบของไผ่ที่สานเป็นรูปดวงดาวของเหลว และกราฟิกรูปหัวใจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพร

ทั้งนี้ ในส่วนของกรม จะเดินหน้ายกระดับศักยภาพด้านการตลาดของผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร สร้างภาพลักษณ์ที่ดี สะท้อนคุณค่า และความน่าเชื่อถือผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมทั้งขยายโอกาสทางการค้าให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ในการกำหนดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการเป็นตลาดสมุนไพรของอาเซียน

ทางด้านผลการทำงาน ในปี 2565 ที่ผ่านมา ได้สร้างภาพลักษณ์และการรับรู้คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย โดยสร้างเรื่องเล่าให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร 22 ผลิตภัณฑ์ เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบมาจาก Herbal Champion ได้แก่ ขมิ้นชัน กระชายดำ และบัวบก พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ผ่านออนไลน์และเครือข่ายพันธมิตร และนำผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีศักยภาพขยายตลาดเชิงรุกเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคโดยตรง ผ่านงานแสดงสินค้าต่าง ๆ และการเจรจาจับคู่ธุรกิจกับผู้จัดจำหน่าย สามารถสร้างมูลค่าการค้าได้มากกว่า 15 ล้านบาท โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ยาดม น้ำมันหอมระเหย และเครื่องสำอาง สมุนไพรจากน้ำนมข้าว และในปี 2566 ได้นำผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 เมื่อเดือน พ.ค. 2566 จำนวน 42 ราย สามารถสร้างมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 203.31 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้รับความนิยม 5 อันดับ ได้แก่ ขมิ้นชันผง น้ำมะขามป้อม ขนมจากขิง เครื่องดื่มจากจมูกข้าว และเครื่องแกง ตามลำดับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top