Sunday, 11 May 2025
TheStatesTimes

‘นายกฯ’ เตรียมหารือกฤษฎีกา ยกเลิกคำสั่ง คสช. รีเซตกฎหมายที่ไม่จำเป็น ชี้ ฉบับไหนโละไม่ได้ เอาเข้าครม.พิจารณาใหม่ ย้ำ ต้องไม่ขัดกับหลักนิติธรรม

(14 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความ…

"รัฐบาลนี้มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำงานในรูปแบบ ‘รัฐสนับสนุน’ ในการยกเลิกคำสั่ง คสช. นั้น คงต้องปรึกษากฤษฎีกาด้วย หากกฎหมายบางข้อไม่ได้ใช้แล้ว และเป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตอยู่ของประชาชน หรือการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการก็ต้องยกเลิกไป แต่ถ้ายังยกเลิกไม่ได้ก็ควรนำกลับมาเข้ามาที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาใหม่เท่านั้นเอง อะไรที่กฎหมายไม่ได้ห้าม บอกว่าทำไม่ได้ เราก็อยากให้มีโอกาสได้ทำ ได้คิดสร้างสรรค์ แต่ต้องไม่ขัดกับหลักนิติธรรมทั้งหมดโดยรวมของการบริหารจัดการประเทศ รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจของประชาชนด้วย"

‘เศรษฐา’ เข้ากระทรวงการคลัง ทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง รมว.คลัง อย่างเป็นทางการ

(14 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้เดินทางมาถึงกระทรวงการคลัง หลัง นายเศรษฐา ลงจากรถได้มีการยื่นเอกสารให้กับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จากนั้นกล่าวทักทายกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง

ก่อนที่นายเศรษฐา จะเดินมุ่งหน้าไปทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง อย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ นายเศรษฐา เริ่มสักการะศาลพระพรหม ศาลพระภูมิชัยมงคล จากนั้นสักการะพระคลังมหาสมบัติ และสักการะองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (เสด็จพ่อ ร.5)

และเดินมาทำพิธีไหว้ ตลอดจนคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองที่ช้างคู่ประจำกระทรวง ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าอาคารสำนักปลัดกระทรวงการคลัง ได้อย่างราบรื่น โดยพวงมาลัยไม่ขาด ด้วยมีความเชื่อว่าหากขาดจะเป็นฤกษ์ไม่ดี ก่อนจะขึ้นตึกร่วมประชุมมอบนโยบายให้กับผู้บริหาร ข้าราชการ กระทรวงการคลัง ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 ใช้เวลาสั้นๆ เพียง 20 นาที โดยเสร็จจากการประชุมก็มุ่งหน้าต่อที่ห้องทำงาน ก่อนที่จะมาพบปะสื่อมวลชน

ไขข้อสงสัย!! เหตุใด ‘ผู้ชาย’ ส่วนใหญ่ถึงไม่อยากให้ ‘ผู้หญิง’ เก่งกว่า เพราะจุดหนึ่งของความสําเร็จ อาจทำให้เธอไม่เห็นหัวคุณผู้ชายอีกเลย

เมื่อไม่นานนี้ นายอดินันท์ หรือ ‘โค้ชอดินันท์’ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านติ๊กต็อก ‘Coachadinan’ ในหัวข้อ ‘จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชาย’ โดยในคลิปโค้ชอดินันท์ได้ระบุว่า…

เวลาที่ ‘ผู้หญิง’ ทำอะไรเก่งกว่า ‘ผู้ชาย’ เช่น หาเงินเก่งกว่า หรือทํางานเก่งกว่า ในระยะยาวอาจจะมีปัญหาตามมาได้ เหตุเพราะว่า เวลาที่ผู้ชายมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังแพ้ผู้หญิง อาจทำให้เกิดความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ จนร่างกายของผู้ชายเกิดการเสียสมดุลของสารที่เรียกว่า ‘เซโรโทนิน’ (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งในร่างกาย ที่มีคุณสมบัติเป็นทั้งสารสื่อประสาทและเป็นฮอร์โมน มีหน้าที่ควบคุมความรู้สึกเจ็บปวด ความหิว ความอิ่ม ความอยากอาหาร การนอนหลับ อารมณ์ทางเพศ และความรู้สึกสุขสงบ ช่วยระงับความโกรธและความก้าวร้าว

ดังนั้น หากร่างกายของผู้ชายเกิดการเสียสมดุลของเซโรโทนินไป อาจทำให้ผู้ชายเกิดอาการซึมเศร้า เกิดความเครียด วิตกกังวล อยู่ไม่สุข โกรธง่าย หงุดหงิด หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงได้

อีกทั้ง ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เป็นเพศที่ไม่สามารถรับได้ หากต้องเจอกับผู้ชายที่มีคุณสมบัติที่ด้อยกว่าตนเอง

นอกจากนี้ หากลองสังเกตพฤติกรรมของสัตว์โลก เช่น แมงมุม ผึ้ง หรือตั๊กแตนตำข้าว เป็นกลุ่มสัตว์จำพวกที่มีตัวเมียเป็นใหญ่ ตัวเมียมักจะทํารังเก่ง ในขณะที่ตัวผู้จะมีหน้าที่ผสมพันธุ์ เมื่อตัวผู้ทำหน้าที่เสร็จ ตัวเมียจะทำการกินตัวผู้เป็นอาหาร เพื่อเอาสารอาหารเหล่านั้นมาเลี้ยงตัวอ่อน

เพราะฉะนั้น จึงเห็นว่าผู้หญิงที่เก่งๆ บางคนประสบความสําเร็จมากกว่าสามีของตนเอง และเมื่อถึงจุดนึง ผู้หญิงอาจทิ้งสามี

อีกกรณีคือ ในครอบครัวที่มีลูกชาย คุณแม่ก็อาจจะพร้อมตำหนิทันที หากลูกชายทําอะไรผิดพลาด หรือหนักที่สุดอาจถึงขั้นไล่ออกจากบ้านเลยก็เป็นได้ ดังนั้น จึงมีความจําเป็นอย่างยิ่ง และอาจคล้ายกับ ‘การบีบบังคับ’ ไปกลายๆ ว่าผู้ชายจะต้องเป็นคนที่มีความกล้าหาญ เป็นคนเก่งอยู่เสมอ

แต่ในขณะเดียวกัน ปัญหาในยุคสมัยนี้ คือการที่ครอบครัวไม่สามารถเลี้ยงดูลูกชายให้เป็นปกติได้ เหตุเพราะเด็กผู้ชายจะมีความเลี้ยงยากกว่าเด็กผู้หญิง เนื่องจากเด็กผู้ชายมีความเปราะบางทางอารมณ์อยู่ลึกๆ และค่อนข้างมีความรู้สึกขาดความอบอุ่นได้ง่ายกว่าเด็กผู้หญิง เพราะเด็กผู้หญิงค่อนข้างมีความยืดหยุ่นสูงในการเลี้ยงดู

อีกทั้งเด็กผู้หญิงยังมีความสามารถในการเติมเต็มอารมณ์ ความรู้สึกกับตัวเองได้ดีกว่า ทำให้เห็นคุณค่าในตัวเองได้ง่ายและดีมากกว่าเด็กผู้ชาย นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำเด็กผู้ชายหลายๆ คน เกิดความรู้สึกด้อยค่า ไม่พึงพอใจในตัวเอง มีพฤติกรรมก้าวร้าว บางรายอาจติดเกม มีเรื่องทะเลาะวิวาท หรือหนักที่สุดก็อาจจะหันไปพึ่งพายาเสพติดได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากความต้องการส่วนลึกในจิตใจของเด็กผู้ชาย ที่อยากเป็นที่ยอมรับในครอบครัวและสังคม

อย่างไรก็ตาม หากทางครอบครัวมีหลักการหรือแนวทางในการเลี้ยงลูกชายได้ดี ย่อมส่งผลดีกับครอบครัว ชุมชน ตลอดจนสังคมส่วนรวม เราจึงมักเห็นว่า คนจีนจะมีวัฒนธรรมที่จะให้ความสําคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว เพราะเขาเล็งเห็นถึงผลลัพธ์ในวงกว้างและระยะยาว แต่หากเลี้ยงลูกผิดวิธี ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาวตามมาได้อีกเช่นกัน

รู้จัก ‘พลโทณรงค์ สาลีรัฐวิภาค’ ผู้บุกเบิกกิจการด้านพลังงานของไทย บิดาของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รมว.กระทรวงพลังงาน คนปัจจุบัน

ชื่อ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ที่ปรากฏในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของ ครม. ชุดใหม่อาจเป็นเซอร์ไพรส์ทางการเมืองที่หลายคนคาดไม่ถึง แต่สำหรับผู้ที่ติดตามแนวคิดและแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติมาตลอดย่อมทราบดีว่า ‘พีระพันธุ์’ เคยนำเสนอหลักคิดและนโยบายด้านพลังงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้กลไกด้านกฎหมายที่เขาเชี่ยวชาญมาปรับปรุงโครงสร้างด้านพลังงานของประเทศให้มีประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ประชาชน เช่น นโยบายการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรีเพื่อลดราคาน้ำมัน เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น ‘พีระพันธุ์’ ยังมีพื้นฐานชีวิตที่เกี่ยวข้องกับผู้บุกเบิกกิจการพลังงานในอดีต ซึ่งมีส่วนปลูกฝังตัวตนของเขาในปัจจุบัน

ในอดีต คุณพ่อของเขา ‘พลโทณรงค์ สาลีรัฐวิภาค’ ถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกกิจการด้านพลังงานของไทย โดยดำรงตำแหน่งเจ้ากรมการพลังงานทหาร และผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิง สังกัดกระทรวงกลาโหม ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเร่งรัดพัฒนาประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเป็นผู้บุกเบิกก่อสร้าง ‘โรงกลั่นน้ำมัน’ แห่งแรกของประเทศไทย ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2502 

และเป็นผู้ก่อตั้งปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ เพื่อจำหน่ายน้ำมันที่ขุดและกลั่นได้เองจากโรงกลั่นน้ำมันที่อำเภอฝางให้ประชาชนใช้ในราคาถูก และเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเลียมสมัยใหม่ในประเทศในเวลาต่อมา โดยรัฐบาลสมัยพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้แปรสภาพองค์การเชื้อเพลิงและปั๊มน้ำมันสามทหารให้กลายมาเป็น ‘การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย’ ซึ่งกลายมาเป็น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน

พลโทณรงค์ฯ เข้าดำรงตำแหน่งเจ้ากรมการพลังงานทหารและรักษาราชการผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิงในปี พ.ศ. 2497 ก่อนดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิงเต็มตัวในปีถัดมา ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังเตรียมเจรจายกเลิกข้อผูกพันหลังสงครามที่ทำไว้กับบริษัทต่างชาติอย่างเสียเปรียบ โดยในข้อผูกพันดังกล่าวนั้นได้กำหนดเงื่อนไขให้บริษัทน้ำมันต่างชาติซึ่งเป็นบริษัทในเครือของประเทศผู้ชนะสงคราม สามารถเข้ามาทำการค้าขายน้ำมันในประเทศไทยได้อย่างเสรี และผูกขาดการขายน้ำมันให้แก่รัฐบาลไทย ขณะที่รัฐบาลไทยไม่สามารถทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันและไม่สามารถจำหน่ายน้ำมันให้แก่หน่วยงานราชการและประชาชน ยกเว้นในกิจการทหาร

ต่อมารัฐบาลไทยสามารถเจรจาต่อรองปรับแก้สัญญาให้คนไทยสามารถเปิดดำเนินกิจการน้ำมันได้เองเช่นเดียวกับบริษัทต่างชาติ โดยมีพลโทณรงค์ สาลีรัฐวิภาค บิดาของ ‘พีระพันธุ์’ เป็นทั้งบุคลากรหลักในการเจรจาและเป็นทั้งผู้การวางรากฐานให้องค์การเชื้อเพลิงเป็นผู้ดำเนินการจัดหาและกลั่นน้ำมัน รวมทั้งดำเนินธุรกิจบริการน้ำมันเชื้อเพลิงให้ประชาชนในราคาถูกภายใต้ชื่อว่า ‘ปั๊มสามทหาร’ โดยต่อมา ‘องค์การเชื้อเพลิง’ และ ‘ปั๊มสามทหาร’ ก็ได้แปรสภาพมาเป็น การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และกลายมาเป็น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ส่วน ‘ปั๊มสามทหาร’ ทั้งหมด ก็กลายมาเป็น ‘ปั๊ม ปตท.’ ในปัจจุบัน

รัฐบาลไทยในขณะนั้นยังได้เชิญภาคเอกชนมาร่วมทำการสำรวจหาแหล่งปิโตรเลียม และกลั่นน้ำมันในประเทศไทยอย่างกว้างขวาง ซึ่งถือเป็นยุคบุกเบิกอุตสาหกรรมปิโตรเลียมสมัยใหม่ในประเทศ

เมื่อรัฐบาลไทยในช่วงเวลาดังกล่าวได้เข้ามาดำเนินธุรกิจปิโตรเลียมอย่างจริงจัง พลโทณรงค์ฯ จึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในนามของกรมการพลังงานทหารและองค์การเชื้อเพลิงในกิจการพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะการขุดเจาะน้ำมันที่เริ่มต้นเป็นครั้งแรกของประเทศที่ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันดิบแห่งแรกที่พบในประเทศไทย 

โดย พลโทณรงค์ฯ เป็นผู้ลงมือคุมการดำเนินการและการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของประเทศที่อำเภอฝางด้วยตนเอง จนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม นำความภาคภูมิใจมาให้คนไทยและกองทัพไทยอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ผลักดันให้เกิดการตื่นตัวเรื่องจัดหาและพึ่งพาทรัพยากรพลังงานในประเทศ จนพัฒนาไปสู่การสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทยในปัจจุบัน

ในระหว่างการบุกเบิกการขุดเจาะน้ำมันที่อำเภอฝาง พลโทณรงค์ฯ ยังได้ถวายการต้อนรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จทอดพระเนตรกิจการของหน่วยสำรวจน้ำมันอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และทรงประทับแรม ณ พระตำหนัก ในบริเวณโรงกลั่นน้ำมันฝาง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2501 ด้วย

ด้านชีวิตส่วนตัว พลโทณรงค์ สาลีรัฐวิภาค เกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2452 เป็นบุตรชายของ พระยาสาลีรัฐวิภาค และ คุณหญิงขนิฐา สาลีรัฐวิภาค จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และได้เข้าศึกษาต่อที่คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนสำเร็จเตรียมแพทย์รุ่นเดียวกับ ศาสตราจารย์ นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว โดยเขาเลือกที่จะไม่ศึกษาต่อด้านการแพทย์ แต่สอบทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาต่อ ณ ประเทศฟิลิปปินส์ จนได้รับปริญญาตรีด้านการประมงและด้านสัตววิทยา

หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ พลโทณรงค์ฯ ได้เข้ารับราชการในกองการประมง กระทรวงเกษตราธิการ ก่อนขอโอนย้ายไปเป็นข้าราชการทหาร และได้ใช้ความสามารถช่วยเหลือราชการในการเจรจาการค้ากับต่างประเทศในยุคที่ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะปัญหาการค้าข้าวและน้ำมัน จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รักษาการผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ รักษาการปลัดกระทรวงเศรษฐการ และต่อมามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเศรษฐการ (ปัจจุบันคือกระทรวงพาณิชย์) ก่อนโอนมาดำรงตำแหน่งเจ้ากรมการพลังงานทหาร และ ผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิงที่ดูแลเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ ตั้งแต่ยุคสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม จนถึงยุค จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ 

จากนั้นจึงย้ายไปช่วยปฏิบัติราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเมื่อ พ.ศ. 2509 จนเกษียณอายุราชการ ภายหลังเกษียณอายุ พลโทณรงค์ฯ ยังรับเป็นอาจารย์พิเศษในภาควิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยไม่รับเงินเดือนด้วย

ด้านชีวิตครอบครัว พลโทณรงค์ฯ สมรสกับ นางโสภาพรรณ (สกุลเดิม สุมาวงศ์) บุตรีพระมนูเวทย์วิมลนาถ และคุณหญิงแฉล้ม มนูเวทย์วิมลนาถ มีบุตรธิดา 5 คน โดย ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ เป็นบุตรคนที่ 4

‘พีระพันธุ์’ เคยเล่าถึงแนวคิดและทัศนคติของคุณพ่อของเขาว่า “คุณย่าเคยเล่าเรื่องคุณพ่อสมัยหนุ่ม ๆ บางวันคุณพ่อกลับบ้านมาเท้าเปล่า คุณย่าก็ถามถึงรองเท้าเพราะนึกว่าคุณพ่อไปลืมไว้ คุณพ่อตอบว่า ไม่ได้ลืมที่ไหน แต่ตอนขับรถกลับบ้าน เห็นคนแก่เดินข้างถนน ไม่มีรองเท้าใส่ ก็เลยถอดให้เค้าไป...คุณพ่อคอยปลูกฝังผมกับลูก ๆ ทุกคนมาตลอดว่า เรามีความรู้ เรามีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น เราต้องเอาความรู้ เอาโอกาสของเราไปช่วยเหลือคนอื่น ถ้าหากว่าเราเอาแต่ตัวเราคนเดียว สุดท้ายเราอยู่คนเดียวไม่ได้ เราต้องแบ่งปันช่วยเหลือคนอื่นด้วย คุณพ่อจะสอนเราแบบนี้และเป็นแนวทางที่คุณพ่อรับมาจากคำสอนของคุณปู่อีกที...คุณพ่อเป็นคนที่ทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศจริง ๆ ผมไม่เคยเห็นวันไหนที่คุณพ่อไม่ทำงาน ผมเคยถามว่า พ่อไม่นอนเหรอ? คุณพ่อบอกว่า พ่อยังทำงานไม่เสร็จ ผมถามว่า พ่อทำอะไร? คุณพ่อตอบว่า ทำงานให้บ้านเมือง”

นอกจากการปฏิบัติหน้าที่และสร้างผลงานอันเป็นคุณูปการต่อแผ่นดินไทยไว้มากมายแล้ว พลโทณรงค์ฯ ยังได้ถ่ายทอดสปิริตของการทำงานเพื่อบ้านเมืองและการช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสไว้ให้ทายาทรุ่นหลังอย่าง ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ได้ทำหน้าที่สานต่อสืบไปด้วย

เจ้ากระทรวงพลังงานคนใหม่นี้จึงน่าจับตาอย่างยิ่ง! 

‘MASTER’ ผนึกกำลัง ‘KIN Corp.’ เดินเกมรุกธุรกิจสื่อโฆษณา ขยายช่องทางการตลาด-เพิ่มขีดความสามารถ-รองรับการแข่งขัน

‘MASTER’ เดินเกมรุกเน้นโตแบบ Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์ ‘Merger and Partnership’ (M&P) ล่าสุดผนึกกำลัง ‘KIN Corp.’ ผู้นำธุรกิจสื่อโฆษณาออฟไลน์และออนไลน์ ปูพรมขยายช่องทางการตลาด เพิ่มขีดความสามารถธุรกิจรองรับการแข่งขัน พร้อมส่องภาพรวมธุรกิจสื่อโฆษณา หลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ชูสื่อนอกบ้าน-สื่อการเดินทาง รอบ 7 เดือนปี 66 เม็ดเงินโฆษณาโต 23% อยู่ที่ 9,032 ล้านบาท เชื่อธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก  

นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘MASTER’ โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรชั้นนำของไทย ภายใต้ชื่อ ‘โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช : Masterpiece Hospital’ เปิดเผยถึงแนวทางการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER เน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) มาประยุกต์ใช้ โดยวางหลักเกณฑ์ 3 เรื่องในการเข้าพิจารณาลงทุนกับพาร์ตเนอร์ ได้แก่

1.) ซื้อกิจการหรือธุรกิจที่มีเจ้าของเดิมยังบริหารต่อและต้องการเติบโตไปด้วยกัน
2.) เป็นกิจการหรือธุรกิจท้องถิ่น มีชื่อเสียง และความสัมพันธ์ที่ดีต่อพื้นที่นั้นๆ
3.) มีการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระหว่างธุรกิจกับโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช

โดยล่าสุด บริษัทลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท คิน คอร์ปอเรชัน จำกัด (KIN Corp.) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด โดยได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 400,000 หุ้น หรือ 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 400 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 160 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้เงินเพื่อไปใช้ในการขยายกิจการ และคาดว่าจะดำเนินการเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2567 

สำหรับการร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญของ MASTER เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงทีมผู้บริหาร นำโดย นายภาคิน วณิชภิรมย์ มีแผนธุรกิจอย่างชัดเจน แต่เดิมเน้นทำการตลาดกลุ่มลูกค้า Real Estate เป็นหลัก จึงมองเห็นโอกาสในการขยายเข้าสู่ตลาดกลุ่ม Health Care ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากที่สุด  

“การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER ทำให้สามารถเพิ่มรายได้และยังสร้างประโยชน์ทางธุรกิจให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต พร้อมเปิดโอกาสการเติบโตในตลาดวงการศัลยกรรม ด้วยศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ จากการที่ KIN Corp. มีเครือข่ายและทำเลที่ตั้งโฆษณาครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ไปจนถึงต่างจังหวัดทั่วไทย ถือเป็นแต้มต่อทางธุรกิจที่สำคัญ ซึ่ง KIN Corp. มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ มีความต้องการด้านสื่อโฆษณาสูง ทำให้มีโอกาสขยายฐานลูกค้า พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยงานบริการด้านต่างๆ กับกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท” นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าถือหุ้น KIN Corp. เสร็จสมบูรณ์ บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ พร้อมให้การสนับสนุน KIN Corp. ในทุกๆ ด้าน โดยคาดว่า KIN Corp. เริ่มสร้างผลกำไรให้ MASTER ได้ในไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป และจะรับรู้กำไรเข้าเต็มปี 2567 เป็นปีแรก

นายภาคิน วณิชภิรมย์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิน คอร์ปอเรชัน จำกัด (KIN Corp.) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ MASTER เห็นโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน จนเกิดข้อตกลงร่วมทุนดังกล่าว  

“นอกจากสิ่งที่สัมผัสได้จากการแลกเปลี่ยนมุมมองในการทำธุรกิจแล้ว ผมมองว่า MASTER มีจุดแข็งเรื่องการพัฒนาคนในองค์กร ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับ KIN Corp. เพราะแนวทางการดึงศักยภาพของคนในองค์กร นำมาใช้ในเรื่องการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงความเข้าใจในเรื่องการพัฒนาคนในองค์กร เป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้เพิ่มจากทีม MASTER” นายภาคิน กล่าว 

ด้านภาพรวมธุรกิจสื่อโฆษณา หลังสถานการณ์ Covid -19 คลี่คลาย ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยอ้างอิงจากรายงาน ‘นีลเส็น’ (Nielsen) ระบุว่าเม็ดเงินโฆษณา (Media Spending) ช่วง 7 เดือนแรก ปี 2566 มีมูลค่าเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าอยู่ที่ 65,093 ล้านบาท แบ่งเป็น สื่อทีวี ยังคงเป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุด อยู่ที่ 57% คิดเป็นมูลค่า 34,483 ล้านบาท

รองลงมาเป็นสื่อดิจิทัล เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้น 6% มูลค่าอยู่ที่ 16,031 ล้านบาท และตามมาด้วยสื่อนอกบ้าน และสื่อการเดินทาง เม็ดเงินโฆษณาโต 23% มูลค่าอยู่ที่ 9,032 ล้านบาท ดังนั้น KIN เชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา เพราะด้วยโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน ลูกค้าต่างมองหาวิธีที่จะทำให้แบรนด์ของตนเองโดดเด่นและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เช่น การลงทุนในการโฆษณา การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ หรือการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เป้าหมายสูงสุด คือ การเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้น 

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ไป บริษัทวางแผนขยายตลาดในกลุ่ม Medical และกลุ่ม Health Care ที่ต้องการบริษัทผลิตสื่อที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือกลุ่ม Out of Home Media ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่ KIN Corp. สนใจ จากเดิมที่ KIN Corp. มีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม Real Estate ซึ่งบริหารโครงการอยู่ประมาณ 250 โครงการ แบ่งเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม 

ส่วนช่วงที่เหลือของปี 2566 ของ MASTER มีโอกาสร่วมทุนกับพันธมิตรรายใหม่อย่างน้อยอีก 3 ราย โดยเชื่อมั่นว่าทุกดีลที่เกิดขึ้นจะสนับสนุนให้ MASTER เติบโตอย่างยั่งยืนแน่นอน นับตั้งแต่ต้นปี 2566 บริษัทเข้าไปลงทุนกิจการคลินิกเสริมความงาม ภายใต้ชื่อ ‘WIND Clinic’ ด้วยการเข้าลงทุน 40% รวมถึงลงทุนใน ‘Rattinan Medical Center’ ถือหุ้นสัดส่วนไม่เกิน 36% และบริษัท ด็อกเตอร์เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล จำกัด เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 40%

‘เมย์ รัชนก’ ขอถอนตัวสู้ศึกแบดมินตัน ‘ฮ่องกง โอเพ่น 2023’ พร้อมสัญญาจะกลับมาแข็งแกร่งและสนุกในคอร์ตอีกครั้ง

(14 ก.ย.66) การแข่งขันแบดมินตันวิคเตอร์ ฮ่องกง โอเพ่น 2023 รายการเวิลด์ทัวร์ ระดับซูเปอร์ 500 ชิงเงินรางวัลรวม 420,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 14,700,000 บาท ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบสอง

‘เมย์ รัชนก อินทนนท์’ มือ 7 ของโลกชาวไทย ที่เอาชนะ เมียร์ บลิทเฟลดท์ มืออันดับ 13 ของโลกจากเดนมาร์ก มาได้ 2-0 เกม ในรอบแรกลงสนามพบกับ โก๊ะ จิน เหว่ย มือ 34 ของโลกชาวมาเลเซีย ปรากฏว่า เมย์ รัชนก ขอถอนตัวจากการแข่งขัน ซึ่งคาดว่าเจ้าตัวน่าจะมีอาการบาดเจ็บ

โดย ‘เมย์ รัชนก’ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลส่วนตัวระบุว่า “สำหรับฉันมันคือช่วงเวลาที่ยากลำบากจริงๆ แต่จะทำอย่างไรได้ ฉันจะกลับมาแข็งแกร่งและสนุกในคอร์ตอีกครั้งโดยเร็วที่สุด”

ด้าน ‘หมิว พรปวีณ์’ ช่อชูวงศ์ มือ 12 ของโลก พบกับ หวัง ซี่ยี่ มือวางอันดับ 8 ของรายการ มืออันดับ 11 ของโลกจากจีน ปรากฏว่า พรปวีณ์ ขอถอนตัวจากการแข่งขันอีกคนหลังจากแพ้เกมแรกไปก่อน 18-21 และตามหลัง 4-11 ในเกมที่สอง

ส่วนประเภทหญิงคู่ ‘กิ๊ฟ จงกลพรรณ กิติธรากุล’ กับ ‘วิว รวินดา ประจงใจ’ มือ 9 ของโลก เอาชนะ ริน อิวานากะ กับ คิเอะ นาคานิชิ มือ 17 ของโลกจากญี่ปุ่น 2-1 เกม 21-14, 14-21, 23-21 ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปเจอ เพิร์ลีย์ ตัน กับ ธินาห์ มูราลิธารัน คู่มือ 6 ของรายการจากมาเลเซีย

‘น้องต้นไม้’ นักเรียนนิวตัน Year 11 คว้า 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน ในการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก 2023 ที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน

ขอแสดงความยินดีกับ ‘น้องต้นไม้’ นักเรียนนิวตันจาก Year 11 ที่สามารถคว้ารางวัลจากการแข่งขัน The Robot Challenge 2023 Global Robotic Competition ที่เมืองปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาได้ถึง 4 รางวัลด้วยกัน 👏🏻🏆

A hearty CONGRATULATIONS to N'Tonmai, Kittipat Srilekarat, from Year 11! He has truly showcased his robotic prowess by securing an impressive array of awards at the Robotchallenge 2023 Global Robotic Competition in Beijing, China! 🇨🇳🤖

N'Tonmai's achievements include :
🥈Silver Award in both the Line Follower Senior and Line Follower Adult categories
🥇First Prize in the Line Follower Enhanced Senior category
🥈Second Prize in the Line Follower Enhanced Adult category! 🌟🏆

Let's celebrate N'Tonmai's exceptional talent and his incredible success on the global robotics stage. These achievements are a testament to his dedication and the innovative spirit fostered at Newton Sixth Form! 🚀👏🌟

#CharacterMatters #TheNewtonSixthForm #Newtonians 
--------------
THE NEWTON SIXTH FORM
การแบ่งระดับชั้นเรียน⁣
NEWTON Junior : ป.1-ป.6
เทียบเท่า Year 2-7 หรือ GRADE 1-6

NEWTON Senior : IGCSE, A-LEVEL :⁣ ม.1-ม.6 ⁣
เทียบเท่า Year 8-13 หรือ GRADE 7-12⁣

‘สภาเม็กซิโก’ โชว์ร่างมัมมี่อายุพันปี หน้าตาคล้าย ‘มนุษย์ต่างดาว’ ด้านผู้ค้นพบ กร้าว!! “พวกเรากำลังเจอกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์

(14 ก.ย. 66) สำนักข่าวเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ รวมถึงสื่อต่างชาติอีกหลายสำนัก ต่างรายงานข่าวน่าตื่นเต้น ซึ่งเกิดขึ้นกลางที่ประชุมสภาของเม็กซิโก เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากมีการนำร่างที่ถูกระบุว่า “ไม่ใช่ร่างของมนุษย์” จำนวน 2 ร่าง มาแสดงระหว่างการไต่สวนสาธารณะเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิตนอกโลกของสภาเม็กซิโก ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในการนำเรื่องของมนุษย์ต่างดาวมาพูดในสภาเม็กซิโก

โดยนายเจมี เมาส์ซัน นักข่าวและนักวิจัยชาวเม็กซิกัน ซึ่งเป็นผู้ค้นพบซากฟอสซิลดังกล่าว ที่ประเทศเปรู เมื่อปี ค.ศ.2017 เป็นผู้นำซากฟอสซิลทั้งสองมาที่ประชุมสภาเม็กซิโก ซึ่งเป็นร่างสีเทา โครงหน้ามีความเหมือนกับมนุษย์ และมีนิ้วข้างละ 3 นิ้ว โดยมีกะโหลกศีรษะที่นูนออกมามากกว่ามนุษย์ทั่วไป

นายเมาส์ซัน กล่าวว่า ซากมัมมี่นี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่ไม่อยากเรียกว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว เนื่องจากยังไม่รู้ความจริง พร้อมอ้างอิงข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์คาร์บอน โดยมหาวิทยาลัยออโตโนมัสแห่งชาติ เม็กซิโก ที่ระบุว่า “ซากมัมมี่นี้ มีอายุมากถึงราว 1,000 ปี”

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์รายงานว่า เคยมีการค้นพบซากฟอสซิลในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว และถูกพิสูจน์ได้ในเวลาต่อมาว่า เป็นซากของ “มัมมี่เด็ก”

ขณะที่นายเมาส์ซัน ซึ่งได้ยกมือสาบานต่อสภาฯ ว่าจะพูดความสัตย์จริงต่อสภาฯ ระบุว่า สิ่งที่ปรากฏนี้เป็นที่แน่ชัดว่า เรากำลังเจอกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวโยงกับสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใดๆ บนโลกนี้ และอาจจะต้องมีการเปิดให้สถาบันวิทยาศาสตร์ใดๆ ทำการสอบสวนเรื่องดังกล่าว ก่อนจะบอกว่า “เราไม่ได้อยู่ลำพัง”

การนำร่างมัมมี่ดังกล่าว ที่ดูเหมือนกับมนุษย์ต่างดาวมาแสดงในที่ประชุมสภา ทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายบนโลกออนไลน์ ทั้งการแปลกใจ ความไม่เชื่อ และบางคนก็เยาะเย้ยการกระทำดังกล่าว เนื่องจากไม่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง

‘เศรษฐา’ ยัน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ไม่มีการกู้เงิน ขอเวลาไม่เกิน 1 เดือน เพื่อสรุปแหล่งที่มา

(14 ก.ย.66) ที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย และประชาชนกำลังเดือดร้อน ดังนั้น กระทรวงคลังก็มีหน้าที่ช่วยซัพพอร์ตในทุกๆ เรื่อง แต่ว่าเหนือสิ่งอื่นใดได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวง 2 เรื่องคือ 1.การทำนโยบายต้องใช้งบประมาณเยอะ เพราะฉะนั้นเรื่องวินัยการเงินการคลังสำคัญ ต้องตอบสังคมได้ว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง และในระยะยาวจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) หนี้สาธารณะ ควรมีสัดส่วนอย่างไรที่เหมาะสม

นายเศรษฐากล่าวว่า 2 เรื่อง วิธีการทำงานและเรื่องความเป็นธรรม เป็นเรื่องที่สำคัญที่รัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารจัดการระบบเส้นสาย ระบบการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม และระบบการปูนบำเหน็จ เป็นเรื่องที่เราเห็นใจข้าราชการ ไม่ใช่เฉพาะกระทรวงการคลัง

“แต่ในวันนี้ผมมาพูดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะกระทรวงนี้เป็นกระทรวงที่มีข้าราชการที่มีความสามารถเยอะ ทุ่มเทกายและใจตลอด หลายๆ คนก็ใฝ่ฝันตำแหน่งใหญ่ๆ ดังนั้น ใครที่มีผลงานที่ดีก็ควรจะได้รับการปูนบำเหน็จที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการกระทรวงที่สามารถออกไปภาคเอกชนที่ให้ผลตอบแทนสูงได้ แต่เลือกเสียสละเพื่อประเทศชาติ

“การที่ผู้มีอิทธิพลเข้ามามีเส้นสาย หรืออำนาจ ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็จะเป็นเกราะกำบังให้ ทำให้ข้าราชการทำงานได้อย่างสบาย” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้หารือเรื่องเศรษฐกิจโดยทั่วไป และเรื่องนโยบายรัฐที่ออกมาแล้วต้องเจออุปสรรคบ้างก็จะหาทางแก้ไขและปรับวิธีการทำงานต่อไป

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยืนยันว่าไม่มีการกู้เงิน ขณะเดียวกัน การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็น ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ จีดีพีเพิ่ม สัดส่วนหนี้สาธารณะก็อาจจะไม่เพิ่มหรือคงที่ รัฐบาลนั้นมีความตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว

“ยืนยันว่า 10,000 บาท ทำได้แน่นอน มีแหล่งเงินแน่นอน แต่ในรายละเอียดขอเวลาพิจารณานิดนึง แล้วจะมาชี้แจงให้ทราบภายในไม่เกิน 1 เดือนนี้ โดยจะใช้ข้อมูลจากแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ เป็นดาต้าเบสในการเขียนบล็อกเชนแอปใหม่

“สำหรับมาตรการดิจิทัลวอลเล็ตตอนนี้ยังไม่อยากพูดไป เพราะเดี๋ยวไม่มีความชัดเจนแล้วหาว่าผมเป็นคนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ใจเย็นๆ นิดนึง ตอนนี้มีหลายออปชัน จึงจะไปดูให้ว่าออปชันไหนที่เหมาะสมสุดและมีผลกระทบในวงการน้อยที่สุด และยืนยันว่าไม่มีการกู้เงินแน่นอน” นายเศรษฐาระบุ

นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนนโยบายพักหนี้เกษตรกรที่ทำมา 13 ครั้งใน 9 ปีก็ยังต้องทำต่อไป รัฐบาลตระหนักดีว่าถ้าทำการพักหนี้ แต่ไม่ควบคู่ไปกับการเพิ่มรายได้ก็จะไม่เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวตามที่ควร ดังนั้น รัฐบาลจึงอยากเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร เพราะถือเป็นภาคส่วนที่ใหญ่มาก มาตรการนี้ถือเป็นมาตรการแรกที่ออกมาช่วยเกษตรกร ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังทั้ง 2 คน ก็พยายามช่วยดู และหวังว่าจะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเรื่องหนี้ต่อไป

“ขณะที่ปัญหาภาคส่วนอื่นๆ นั้นเดี๋ยวจะมีการคุยกันต่อแน่นอน แต่ตอนนี้ถ้าทำอะไรได้ก็จะทำการก่อน ผมไม่อยากคอยให้เสร็จทุกภาคส่วนแล้วค่อยประกาศก่อน บางส่วนจะได้สบายใจ ส่วนนี้หนี้อื่นๆ เดี๋ยวจะไปดูและจะมานำเสนอต่อๆ ไป ผมตระหนักดีถึงปัญหาทุกภาคส่วน” นายเศรษฐาระบุ 

‘นนกุล’ ยิ้มรับกระแสจิ้น ‘แอฟ ทักษอร’ ลั่น!! เป็นพี่สาวที่สนิทที่สุด ส่วนโอกาสพัฒนาเป็นเรื่องอนาคต ถ้าเป็นคู่จริงเมื่อไหร่จะมาอัปเดต

(14 ก.ย.66) หลังจากที่ถูกจับตามองเรื่องความสัมพันธ์มาพักใหญ่ สำหรับ ‘นนกุล ชานน’ กับนางเอกสาวรุ่นพี่ ‘แอฟ ทักษอร’ ว่าเป็นเพียงคู่จิ้นหรือคู่จริงที่กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กันอยู่ จะใช่หนึ่งเดียวในใจที่สาวแอฟเคยได้ให้สัมภาษณ์ถึงอยู่บ่อยครั้งแต่ยังไม่มีการเปิดตัวหรือไม่ ล่าสุด ‘นนกุล’ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า 

>> แฟนๆ รอดูซีรีส์เรากับพี่แอฟ?
“ผมยังไม่รู้ออนแอร์เมื่อไหร่ คิดว่าพฤศจิกายน–ธันวาคมนี้ น่าจะได้ดูกันครับ แฟนๆ ก็ถามถึงเยอะ เป็นกระแสใหญ่ๆ มาสองรอบแล้ว เหมือนได้ยินมาว่าทางประเทศจีนอยากออนพร้อมกับประเทศไทย ก็เลยน่าจะเป็นการทำงานประสานงานกันทั้งสองฝ่ายด้วยครับ ผมก็อยากดูเหมือนกันครับ”

>> คิดว่าทำไมแฟนๆ ถึงอยากดูซีรีส์ของเรากับพี่แอฟ?
“เพราะว่ากระแสที่มันเกิดขึ้น แล้วก็เนื้อเรื่องที่มันน่าสนใจ ประกอบกับรีเมกจากซีรีส์ที่โด่งดังมากๆ ในประเทศจีน ก็เลยคิดว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนติดตามกัน ก็ถ่ายมาเกินปีนึงแล้ว ถ่ายเสร็จประมาณสิงหาคมปีที่แล้ว”

>> ถ้าละครออนแอร์กระแสความจิ้นจะเพิ่มไหม?
“ก็เป็นไปได้ครับ (ยิ้ม) (ในเรื่องมีความกุ๊กกิ๊ก?) มีอยู่แล้วครับ เนื่องจากเป็นซีรีส์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ จะมีความน่ารักไม่เครียดมาก”

>> ถามถึงคอมเมนต์ ‘อื้อหือ’ ที่เข้าไปคอมเมนต์ไอจีพี่แอฟ?
“ก็ชมพี่เขาครับ เขาสวยมากๆ”

>> พิมพ์สั้นๆ แค่นั้น?
“(หัวเราะ) ก็อยากพิมพ์ต่อครับ แต่ว่าเราเคยชมพี่เขาไปแล้ว นี่ก็เปลี่ยนคำไปเรื่อยๆ เปลี่ยนวิธีชมไปเรื่อยๆ ครับ (พี่แอฟเข้ามาคอมเมนต์ตอบ?) ก็ได้ เดี๋ยวคราวหน้าผมคอมเมนต์ตรงๆ เลย สวย สวยมากเลยครับ”

>> แฟนๆ จิ้นรู้สึกยังไง?
“ดีใจอยู่แล้วครับ ผมมองว่ายิ่งเราจะมีซีรีส์ด้วยกันด้วย ก็ยิ่งเป็นผลดีกับการที่มีแฟนๆ รอติดตามกระแสจิ้น”

>> คนเชียร์ให้คู่จิ้นเป็นคู่จริง?
“ถ้าในอนาคตมันพัฒนายังไง เดี๋ยวเป็นเรื่องของอนาคตครับ คำตอบดารามาก แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แหละ”

>> ตอนนี้พัฒนาไหม?
“ก็เป็นพี่ที่สนิทมากๆ คนนึงครับ (ที่สุดครับ?) ที่สุดครับ”

>> โอกาสพัฒนามีเยอะ?
“อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ครับ”

>> อยากพัฒนาไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาส?
“มันไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว ถ้าเกิดในอนาคตมันเกิดอะไรขึ้นก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถกำหนดได้อยู่แล้วครับ”

>> เห็นไหมกระแสเชียร์แรง?
“ใช่ครับ หวังว่าทุกคนจะรอติดตามนะครับ”

>> คนเชียร์เป็นคู่จริง?
“อ๋อ (หัวเราะ) (ดูเขิน?) เขินๆ ครับ พี่เขาเป็นคนสวย น่ารักอยู่แล้ว การที่มีคนจับคู่เรากับพี่เขามันก็เป็นสิ่งที่ดีครับ”

>> มีคุยกระแสจิ้นกับพี่แอฟไหม?
“มีครับ มีคุยกับพี่แอฟอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้วครับ พี่เขาก็แฮปปี้ครับ สุดท้ายมันเป็นไปในเชิงบวกก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วครับ”

>> กระแสบวกเยอะ?
“จริงๆ มีทั้งลบทั้งบวก แต่ว่าเราพร้อมรับฟังทุกคอมเมนต์”

>> เป็นไปได้ไหม คู่จริง?
“ก็ถ้าเป็นคู่จริงเมื่อไหร่ เดี๋ยวเรามาอัปเดตกันก็ได้ครับ (ยิ้ม)”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top