Sunday, 11 May 2025
TheStatesTimes

‘ประเสริฐ’ เผย ‘ดีอีเอส’ เดินหน้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมกำราบพวกหมิ่นสถาบันฯ ลั่น!! ปราบเข้มทุกเรื่อง

(13 ก.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นปัญหา ว่า ในวันที่ 15 ก.ย. นี้ เรามีการประชุมแนวทางการทำงาน ไม่ใช่เป็นการรื้อระบบใหม่ เพราะของเก่าก็ทำดีอยู่แล้ว แต่ดูว่าเราจะทำอะไรเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ เพราะมีขั้นตอนในการดำเนินการอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าจะมีการประสานความร่วมมือกับทางประเทศเพื่อนบ้าน หรือตำรวจไซเบอร์หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เดิมก็มีการประสานอยู่แล้ว แต่จะดูว่ามีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ หรือไม่ ที่สามารถเข้าไปตัดวงจร ปิดเว็บไซต์อะไรต่างๆ ที่สามารถทำได้ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บัญชีม้า เส้นทางการเงิน เฟคนิวส์ ถือเป็นภารกิจแรกที่เราจะเริ่มดำเนินการ

นายประเสริฐ กล่าวว่า ครั้งนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ส่วนประเด็นการหมิ่นสถาบันฯ เป็นเรื่องที่เราต้องทำอยู่แล้ว ทำเข้มทุกเรื่องปราบให้หมด ส่วนการแต่งตั้งบุคลากรในกระทรวงฯ นั้นได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษา รมว.ดีอีเอส และเลขานุการ รมว.ดีอีเอส ถึงบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขแล้วเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของกระทรวงอื่นนั้นยังไม่ครบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุคลากรที่จะดำรงตำแหน่งในส่วนของกระทรวงดีอีเอส ได้แก่ นายวัลลภ รุจิรากร เป็นเลขานุการ รมว.ดีอีเอส นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษา รมว.ดีอีเอส

‘สว.มะกัน’ เล่นเกมแรง ยื่นญัตติถอดถอน ‘โจ ไบเดน’ ขยี้ปมคอร์รัปชันผ่านลูกชาย แม้ไร้ผล แต่เชื่อแต้มหด

พอใกล้เข้าสู่บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เกมการเมืองยิ่งเพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดวันนี้ ‘เควิน แมคคาร์ธีย์’ วุฒิสมาชิกจากพรรคฝ่ายค้าน รีพับลิกัน ได้ยื่นประเด็นกล่าวหา ‘โจ ไบเดน’ ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครต ว่าพัวพันการทุจริต คอร์รัปชัน รับสินบนจากบริษัทข้ามชาติ เพื่อนำไปสู่การพิจารณาถอดถอน โจ ไบเดน พ้นจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

โดยวุฒิสมาชิก แมคคาร์ธีย์ อ้างว่าต้องการเปิดโปงรูปแบบ ‘วัฒนธรรมการคอร์รัปชัน’ ของครอบครัวไบเดน ที่มีมานานตั้งแต่เมื่อโจ ไบเดน ยังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสมัย ‘บารัค โอบามา’ ซึ่งข้อกล่าวหาส่วนใหญ่ที่หยิบยกมาล้วนเกี่ยวพันกับธุรกิจครอบครัวไบเดน โดยเฉพาะ ‘ฮันเตอร์ ไบเดน’ บุตรชายของ โจ ไบเดน ที่ใช้ชื่อเสียงของพ่อเป็นใบเบิกทางสู่ผลประโยชน์ด้านธุรกิจของตนเองหลายล้านเหรียญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

สื่อต่างชาติได้รวบรวมประเด็นที่ฝ่ายรีพับลิกันหยิบยกขึ้นมากล่าวหาโจ ไบเดน และครอบครัวไว้ดังนี้ 

1.) โจ ไบเดน ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อผลประโยชน์ให้ลูกชาย - ฮันเตอร์ ไบเดน ตั้งแต่สมัยเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ประเด็นนี้ ‘เจมส์ โคเมอร์’ สมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐเคนทัคกี เคยตั้งข้อสงสัยเรื่องการพบปะสังสรรค์ของโจ ไบเดน กับกลุ่มทุนผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในยุโรปตะวันออกจำนวนมากในช่วงที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อกรุยทางให้ลูกชายและ หนึ่งในบริษัทที่ถูกตั้งข้อสงสัยคือ Burisma บริษัทกลุ่มทุนพลังงานยักษ์ใหญ่ของยูเครนที่ ฮันเตอร์ ไบเดน ได้เข้าไปนั่งในตำแหน่งบอร์ดผู้บริหาร และได้รับค่าตอบแทนสูงว่า 10 ล้านเหรียญต่อปี และนำไปสู่ข้อกล่าวหาต่อมาคือ

2.) โจ ไบเดน และ บุตรชาย รับเงินสินบนจากกลุ่มทุนต่างชาติ 

โดยพรรคฝ่ายค้านเคยยื่นหลักฐานว่า ‘มิโคลา สโลเชฟสกี’ อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Burisma เคยจ่ายเงินให้กับทั้ง โจ และ ฮันเตอร์ ไบเดน กว่า 5 ล้านเหรียญ แต่ต่อมาเขากลับคำให้การว่าไม่รู้ ไม่เห็นการจ่ายเงินดังกล่าว และนอกเหนือจาก Burisma แล้ว ยังมีข้อกล่าวหาอีกด้วยว่าครอบครัวไบเดนเคยรับเงินจากแหล่งทุนอิทธิพลต่างชาติ ทั้งจีน รัสเซีย คาซัคสถาน และโรมาเนีย กว่า 20 ล้านเหรียญมาแล้ว แต่โจ ไบเดน ได้ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 

3.) โจ ไบเดน จงใจปกปิดธุรกิจของลูกชาย ที่อาจพัวพันกับการรับเงินสินบน และฟอกเงินไปต่างประเทศ 

ซึ่งพบหลักฐานการโอนเงินราว 1.4 แสนเหรียญ จากนายทุนชาวคาซัคสถานไปเข้าบัญชีบริษัทเปลือกหอย (บริษัทที่จดทะเบียนแต่ในนาม ในต่างประเทศที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี) ของ ฮันเตอร์ ไบเดน ที่ถูกนำไปซื้อรถหรูส่วนตัวในเวลาต่อมา รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจของครอบครัวไบเดน กับกลุ่มนายทุนใหญ่รัสเซีย และยูเครน 

4.) ครอบครัวไบเดนได้รับ ‘การดูแลเป็นพิเศษ’ เหนือนักการเมืองคนอื่นจากเจ้าหน้าที่รัฐ

โดยพรรครีพับลิกัน ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อกล่าวหาครอบครัวไบเดนไปพัวพัน มักไม่ค่อยถูกยกขึ้นมาเป็นคดี หรือถ้าถึงขั้นเป็นคดีความขึ้นศาล ก็มักถูกตัดจบลงอย่างง่ายดายเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ที่อาจบ่งชี้ว่า โจ ไบเดน ใช้อำนาจในตำแหน่งกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐได้เหมือนกัน

เมื่อรวบรวมประเด็นได้ตามนี้ ฝ่ายรีพับลิกันจึงเล่นเกมแรง ยื่นประเด็นถอดถอน โจ ไบเดน จากตำแหน่งด้วยข้อหาคอร์รัปชัน ใช้อำนาจ หน้าที่ เอื้อผลประโยชน์ให้ธุรกิจครอบครัว และรับสินบน แม้ข้อกล่าวหาส่วนใหญ่จะเคยถูกพิจารณา และตีตกไปแล้วเพราะ ‘หลักฐานไม่เพียงพอ’

แต่ทั้งนี้ ฝ่ายรีพับลิกันเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าการเสนอญัตติในการถอดถอนโจ ไบเดน ว่าจะสามารถทำให้ไบเดน หลุดจากตำแหน่งได้ แต่ทำเพื่อหวังผลในการสร้างกระแสการรับรู้ต่อสาธารณชน คนอเมริกันทั่วไป จากการอภิปรายรายละเอียดข้อกล่าวหาจากทีมรีพับลิกัน และการนำเสนอหลักฐานผ่านสื่ออย่างต่อเนื่อง

เนื่องจาก โจ ไบเดน ประกาศลงชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ต่ออีกสมัยในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2024 ซึ่งการจิกไม่ปล่อย และทำให้คดีอยู่ในกระแสเรื่อยๆ ย่อมมีผลต่อคะแนนความนิยมของไบเดนได้เช่นกัน

ดังเช่น โพลสำรวจความเห็นชาวอเมริกันล่าสุด พบว่า 42% ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าโจ ไบเดน มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของลูกชายจริง และเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายด้วย 18% คิดว่า โจ ไบเดน ทำผิดจริยธรรมทางการเมือง ในขณะที่ 38% ยังมั่นใจในความบริสุทธิ์ของโจ ไบเดน

เชื่อว่าหลังจากนี้ การขุดหลักฐานโจมตีผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐจากทั้ง 2 พรรค จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง โจ ไบเดน นอกจากจะมีชนักติดหลังเรื่องข่าวอื้อฉาวของลูกชาย ฮันเตอร์ ไบเดน แล้ว ยังมีประเด็นเรื่องสุขภาพ ที่มักโดนโจมตีเสมอว่า เขายังจะฟิตในตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ต่อในสมัยที่ 2 อีกหรือไม่ แม้เขาจะยืนยันหนักแน่นว่ายังไหวในวัย 80 ปีก็ตาม

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

เทียบมุมมอง 'หมอชลน่าน - ปกรณ์วุฒิ' กรณีอนาคตประชากรไทย ภายใต้สังคมผู้สูงอายุพุ่ง อัตราการเกิดต่ำ สั่นคลอนความสมดุล

(13 ก.ย.66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'ถือแถน ประสพโชค' ได้โพสต์คำพูดความคิดเห็นของ 2 คนจาก 2 พรรค (นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข และ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล) ที่สะท้อนถึงการมองปัญหาของสังคมและปัญหาของประเทศที่แตกต่าง ไว้ว่า...

สภาพสังคมผู้สูงอายุ อัตราการเกิดต่ำ คนวัยทำงานมีน้อยลง ภาระพึ่งพิงมากขึ้น เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ

สภาวะทางเศรษฐกิจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนวัยเจริญพันธุ์ไม่อยากมีลูก จนกลายมาเป็นฐานคิดว่าลูกมากจะยากจนอย่างที่หมอชลน่านพูด

ซึ่งมันเป็นปัญหาที่รัฐจะทำอย่างไร จึงจะสามารถแก้ปัญหาไม่ให้เกิดภาวะการมีลูกแล้วกลายเป็นภาระ โดยรัฐจะต้องมีมาตรการออกมาช่วยเหลือ มาช่วยให้โครงสร้างประชากรเป็นโครงสร้างที่สมดุล ซึ่งจะส่งผลต่อประเทศในอนาคต

แต่อีกคนจากอีกพรรคไปมองว่า การแต่งงานการมีลูกจะไปบังคับกันไม่ได้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นไปเลย

เพราะการสร้างครอบครัว การจะเป็นครอบครัวขยาย ไม่มีรัฐที่ไหนจะไปบังคับให้ใครมีลูก

รัฐทำได้เพียงทำมาตรการส่งเสริม สร้างสวัสดิการที่ดีไว้สำหรับเด็กที่เกิดขึ้นมา สร้างการศึกษาที่ดี สร้างการเรียนฟรีที่ฟรีจริงๆ สร้างสภาวะสังคมที่ดีปลอดภัยสำหรับเด็ก เพื่อให้คู่ชีวิตวัยหนุ่มสาวอยากมีครอบครัวอยากมีลูก และมีลูกมากก็ยังไม่ยากจน

สังคมบ้านเราปัจจุบันเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แล้ว และอัตราการเกิดต่ำมีเด็กน้อย โรงเรียนร้างไม่มีเด็กๆ มีอยู่ทั่วไปเต็มไปหมด แถวบ้านผม โรงเรียนประถมตามบ้านนอก เด็กที่เรียนอยู่เกินครึ่งเป็นลูกหลานของแรงงานต่างชาติ ส่วนโรงเรียนเอกชนนานาชาติในเมืองเกินครึ่งเป็นลูกหลานคนจีนที่มาเรียนในไทย

ถ้าเราปล่อยให้โครงสร้างประชากรในประเทศอยู่ในสภาพนี้ อนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร

พรรคที่หาเสียงจะแก้โครงสร้าง แต่ดูทัศนะแล้วเหมือนยังไม่เข้าใจโครงสร้างเลย จะเอาแต่สิทธิ์แต่เหมือนไม่รู้หน้าที่

‘ญี่ปุ่น’ สั่งปิดเส้นทางขึ้น ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ ชั่วคราว หลังพบปัญหา ‘นักท่องเที่ยวล้น - ขยะเกลื่อน’

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 ทางการท้องถิ่นจังหวัดยามานาชิของญี่ปุ่น ประกาศปิดเส้นทางขึ้นสู่ ภูเขาไฟฟูจิ เป็นการชั่วคราวไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อหวังควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยวที่แห่เดินทางที่นี่แน่นขนัด จนกลายเป็นปัญหาสภาพแวดล้อม จุดที่เป็นปัญหามากที่สุดจนต้องถูกสั่งปิด คือสถานีที่ 5 ของเส้นทางสายฟูจิซูบารุ ที่แล่นตรงจากโตเกียวสู่ภูเขาฟูจิ มีชื่อเล่นว่า ‘โกโกเมะ’ อยู่กึ่งกลางของเส้นทางจากพื้นเบื้องล่างสู่จุดสูงสุดของภูเขาฟูจิ สถานีที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 2,300 เมตร เป็นจุดที่ต้องรับนักท่องเที่ยวมากที่สุด ราวร้อยละ 90% ของนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมภูเขาแห่งนี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดยามานาชิบอกว่า ปัญหาที่ส่งผลกระทบมากที่สุด คือการทำความสะอาดห้องสุขาและการเก็บขยะที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาด จากการมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมากจนเจ้าหน้าที่รับมือไม่ไหว ทำให้การรักษาสภาพแวดล้อมและให้ความสะดวกนักท่องเที่ยวพร้อม ๆ กัน เป็นไปด้วยความยากลำบาก

นอกจากสั่งปิดเส้นทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิส่วนนี้เป็นการชั่วคราวแล้ว ทางการจังหวัดยามานาชิยังเสนอมาตรการอื่นๆ รวมทั้งการสั่งห้ามรถบัสและรถยนต์ที่มีผู้โดยสารขึ้นเขา โดยให้เปลี่ยนไปใช้บริการรถไฟรางเบาเพื่อขึ้นเขาแทน อีกทั้งเก็บค่าโดยสารแบบไป-กลับในราคา 10,000 เยน (ราว 2,422 บาท) เพื่อคัดกรองให้มีแต่นักท่องเที่ยวระดับคุณภาพ

พร้อมกับระบุว่า ปัญหานักท่องเที่ยวและขยะล้น รวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากยวดยานจำนวนมาก สร้างความกังวลแก่ทางการท้องถิ่นว่า สิ่งเหล่านี้จะทำลายเสน่ห์ของภูเขาฟูจิ ให้กลายเป็นสถานที่ที่ไม่น่ามาเที่ยวอีกต่อไป

'มือเศรษฐกิจจุลภาค' ชี้!! จ่ายเงินสองรอบ ผลดีผู้กู้ ช่วยให้ลดเงินต้นและดอกเบี้ยได้อย่างรวดเร็ว

(14 ก.ย. 66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' ระบุว่า...

ความเห็นของคุณ ศิริกัญญา แสดงให้เห็นว่าท่านไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจการเงินจริง ๆ

การจ่ายเงินเดือน สองรอบในหนึ่งเดือน ถ้าหากทำได้จะเพิ่มสภาพคล่องให้ ผู้รับเงินเดือน และหากผู้มีเงินกู้ ให้ตัดส่งยอดเพิ่มในกลางเดือน โดยหารสองจากที่เคยส่งเดือนละครั้งเป็นเดือนละสองครั้ง จะส่งผลให้ลดเงินต้นและดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว

ขอให้กระทรวงการคลังทำให้ครบวงจร จะช่วยลดภาระได้มากครับ

‘พิธา’ ติดอันดับ ‘TIME100 Next 2023’ ด้านผู้นำที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลง

เมื่อวานนี้ (13 ก.ย. 66) นิตยสาร Time สื่อดังในสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการจัดอันดับ ‘TIME100 Next 2023’ ว่าด้วยผู้นำหน้าใหม่จากทั่วโลกที่กำลังกำหนดอนาคตและกำหนดความเป็นผู้นำรุ่นต่อไป ซึ่งพบว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (Pita Limjaroenrat) หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นคนไทยคนเดียวที่อยู่ในรายชื่อ 100 บุคคลสำคัญในการจัดอันดับดังกล่าว

โดย Time บรรยายว่า สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของเขา ซึ่งพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงร้อยละ 38 ของผู้ออกเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 คือชายผู้นี้ที่จบการศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พยายามทำให้วาระที่ถูกมองว่ารุนแรง (Radical) ของพรรคนั้นบรรลุเป้าหมาย นั่นคือการปฏิรูปกองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์

นโยบายของพรรคก้าวไกล เช่น การยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร นั่นทำให้เส้นทางของ พิธา ถูกสกัดขัดขวางทั้งจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ตลอดจนความท้าทายมากมายจากข้อกกฎหมาย พิธา เล่าว่า ตนเริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่ถูกทางบ้านส่งไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งปัจจุบัน แม้พิธาจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ขบวนการปฏิรูปที่เขาเป็นผู้นำสัญญาว่าจะสร้างแรงผลักดันต่อไป โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนไทย

“ผมภูมิใจกับความสำเร็จของเรา และเราสามารถทำอะไรได้อีกมากมายเพื่อตรวจสอบและถ่วงดุลในรัฐสภาและพูดในนามของประชาชน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว

‘ซีเรีย’ ร้อง!! UN จัดการ ‘สหรัฐฯ’ ให้จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย หลังใช้สงครามบังหน้า ก่อนเข้ายึดครองดินแดน-ขโมยน้ำมัน

(14 ก.ย. 66) ‘ซีเรีย’ เรียกร้องสหประชาชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดกับสหรัฐฯ ต่อกรณียึดครองดินแดนบางส่วนของซีเรีย เช่นเดียวกับลอบสกัดทรัพยากรทางธรรมชาติในพื้นที่เหล่านั้นอย่างผิดกฎหมาย ตามรายงานของสำนักข่าวซานา สื่อมวลชนแห่งรัฐเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้แล้ว ดามัสกัส ยังเรียกร้องขอเงินชดเชยจากวอชิงตัน สำหรับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า เป็นการปล้นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของประเทศ

ในรายงานชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) สำนักข่าวซานา อ้างอิงหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศของซีเรีย ที่ส่งถึง ‘อันโตนิโอ กูเตอร์เรส’ เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เช่นเดียวกับ แอลเบเนีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประจำเดือนกันยายน

โดยในหนังสือดังกล่าว เรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้หยุดสหรัฐฯ จากการละเมิดกฎหมายสากลและกฎบัตรสหประชาชาติ ด้วยการประจำการทหารอย่างผิดกฎหมาย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศของซีเรีย อ้างอีกว่า นอกจากนี้แล้ว วอชิงตันและกลุ่มติดอาวุธพันธมิตร ยังกระทำผิดด้วยการฉกชิงทรัพยากรทางยุทธศาสตร์ และความมั่งคั่งของประเทศอีกด้วย

ในหนังสือดังกล่าวได้ประเมินความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่เกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและเหมืองที่มั่งคั่งของซีเรีย จากฝีมือของกองทัพสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2011 จนถึง 2023 อยู่ที่ประมาณ 115,200 ล้านดอลลาร์

โดยในหนังสือได้ปิดท้าย เรียกร้องให้ลงโทษพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สำหรับการขโมยและบอกว่ารัฐบาลอเมริกาจำเป็นต้องจ่ายชดเชยแทนคนเหล่านี้ นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังเรียกร้องให้ถอนบุคลากรทางทหารของอเมริกาทุกรายออกจากซีเรีย พร้อมกับคืนบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้งหมด กลับคืนสู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลซีเรีย

เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว พลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมแห่งกองทัพสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ทหารอเมริกาจะยังคงประจำการในประเทศแห่งนี้ต่อไปอีกในอนาคตอันใกล้ โดยเน้นว่า วอชิงตันจะไม่มีวันเดินหนีออกจากตะวันออกกลาง อ้างถึงอันตรายจากพวนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในภูมิภาค นอกจากนี้ เขายังยอมรับว่าน้ำมันเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่อเมริกาจะไม่ถอนตัวจากภูมิภาคนี้

‘ซีเรีย’ ดำดิ่งสู่ความขัดแย้งในปี 2011 เมื่อกลุ่มฝ่านค้านลุกฮือต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด จากนั้นในปี 2015 อัสซาดเผชิญกองทัพรัสเซียเข้าช่วยเหลือกองกำลังของพวกเขาในการสู้รบกับกลุ่มไอเอส ในขณะที่สหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการทางทหารของตนเองหนึ่งปีก่อนหน้านั้น ทว่าไม่ได้เป็นการเชิญจาก อัสซาด แต่อย่างใด

ตร.จราจรโครงการพระราชดำริ พา ‘คุณหมอ’ ฝ่าสายฝนข้ามจังหวัด นำส่ง ‘หัวใจ’ ให้คนไข้ผ่าตัด ท่ามกลางการจราจรติดขัด-เวลาจำกัด

เมื่อไม่นานนี้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) เปิดเผยว่า ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร อำนวยความสะดวกการจราจรเร่งนำส่งอวัยวะหัวใจส่ง รพ.ศิริราช ได้ทันเวลา

โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 66 เวลาประมาณ 17.35 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้รับการประสานงานจากศูนย์บริจาคอวัยวะ รพ.สมุทรสาคร ผ่านศูนย์วิทยุจราจรโครงการพระราชดำริ แจ้งว่าขอสนับสนุนนำอวัยวะหัวใจจาก รพ.สมุทรสาคร ส่งยัง รพ.ศิริราช หลังจากรับแจ้ง ตำรวจโครงการพระราชดำริได้นำกำลังตำรวจไปรอรับที่ รพ.สมุทรสาคร เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งอวัยวะหัวใจไปยัง รพ.ศิริราช แต่การนำส่งหัวใจในครั้งนี้เหลือเวลาที่จำกัด และเป็นเวลาช่วงเย็นที่มีฝนตก สภาพการจราจรค่อนข้างหนาแน่น คุณหมอจึงตัดสินใจนำอวัยวะหัวใจขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ

โดยมี ร.ต.ต.ศักดิ์ชาย กระแสร์ญาณ เป็นผู้ขับขี่มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลเป้าหมายทันที ระหว่างทางมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ทั้งหมอ และตำรวจทุกนายก็มีความมุ่งมั่นที่จะนำพาหัวใจดวงนี้ไปยัง รพ.ที่หมาย รวมถึงได้รับความร่วมมือจากตำรวจจราจร สน.ท้องที่ ในเส้นทางทุกพื้นที่ และผู้ใช้เส้นทางที่ช่วยเปิดทางให้จนภารกิจชีวิตในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

พล.ต.ท.นิธิธรกล่าวว่า ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้เปิดเส้นทางนำส่งอวัยวะหัวใจ ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งปลูกถ่ายให้ผู้รับ มีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น (อวัยวะหัวใจหากทำการผ่าตัดออกมาจากร่างกายของผู้บริจาคแล้วจะอยู่ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง นับจากเวลาที่ปิดทางเดินเลือดในการผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งเปิดให้เลือดผ่านหัวใจใหม่ในร่างกายของผู้รับการปลูกถ่าย) จึงเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา

กรณีนำส่งอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ นับเป็นรายที่ 73 แล้ว ที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำรินำส่งอวัยวะลุล่วงจนแพทย์สามารถปลูกถ่ายหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศจร.ตร. ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง ‘สุภาพบุรุษจราจร’ ที่ ศจร.ตร.กำลังขับเคลื่อนสร้างมาตรฐานตำรวจจราจรทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริการประชาชน สร้างความเชื่อถือศรัทธา และนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในที่สุด

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธรกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังมีผู้รอรับการบริจาคอวัยวะอยู่มากกว่า 6,000 คนทั่วประเทศ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วย เพราะการบริจาคอวัยวะแก่เพื่อนมนุษย์ คือที่สุดแห่งการให้ โดยตำรวจจราจรพร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และเติมเต็มความหวังของผู้รับบริจาค เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชีวิตใหม่ อำนวยความสะดวกนำทางส่งต่ออวัยวะสำคัญ

‘ไต้หวัน’ โวย!! พบเครื่องบิน 28 ลำของกองทัพจีน บินเข้ามาในเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน

(14 ก.ย. 66) กระทรวงกลาโหมไต้หวัน แถลงว่า พบเครื่องบิน 28 ลำของกองทัพอากาศจีน อยู่ในเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวันเมื่อเช้าวันที่ (13 กันยายน) ซึ่งเครื่องบินเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการจีน เพื่อก่อกวนไต้หวัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไต้หวันออกมาระบุว่า จีนยกระดับการทำกิจกรรมทางทหารใกล้เกาะไต้หวันเพิ่มมากขึ้น และจีนแสวงหาการอ้างอธิปไตยเหนือไต้หวันมาตลอด แม้ไต้หวันปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่จีนมองว่า ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่

กระทรวงกลาโหมไต้หวัน ระบุต่อไปว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.00 ตามเวลาท้องถิ่น เครื่องบินรบจีนหลายสิบลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ เจ-10 ได้บินเข้ามาทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินรบบางลำของจีน บินข้ามช่องแคบบาชิ เพื่อปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกับเรือบรรทุกเครื่องบินซานตงในมหาสมุทรแปซิฟิก

อย่างไรก็ตาม กองกำลังไต้หวัน เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงส่งเครื่องบินขับไล่ปกป้องน่านฟ้า ซึ่งไต้หวันมักใช้วิธีส่งเครื่องบินขับไล่พิทักษ์น่านฟ้า เพื่อตอบโต้ที่เครื่องบินรบจีนรุกล้ำน่านฟ้า 
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันจันทร์ (11 กันยายน) กระทรวงกลาโหมไต้หวัน เปิดเผยว่า กองเรือรบจีนนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินซานตง ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อซ้อมรบ

แฉพฤติกรรมติ่งพรรคส้ม สร้างเงื่อนไขกีดกัน ‘สมบัติ ทองย้อย’ ไม่ให้ใช้เงินกองทุนประกันตัว เพราะเห็นต่าง ‘ม.112 - เชียร์เพื่อไทย’

(14 ก.ย. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘ปีใหม่ ปีใหม่’ คนเสื้อแดงกองเชียร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลดโทษ 2 กรรม จำคุกรวม 6 ปี เหลือ 4 ปี อยู่ระหว่างรอฟังคำสั่งศาลฎีกาหลังจากยื่นขอประกันตัว

โดยปีใหม่ระบุว่า อาจเพราะเขาเคยเป็นการ์ดเสื้อแดง อาจเพราะเขาเคยเป็นการ์ด 3 นิ้ว ช่วงที่ไล่ประยุทธ์ และเรียกร้องแก้ รธน. ประกอบกับเขาไว้หนวดเครารุงรัง จึงถูกหมายหัวมากกว่าคนอื่น ว่าเป็นพวกฮาร์ดคอร์

ทั้งที่คุณหนุ่มเป็นผู้ชายธรรมดา หาเช้ากินค่ำ มีความอ่อนโยนเหมือนคนเป็นพ่อที่มีลูกสาวทั่วไป เขามีความรักศรัทธาในพี่โทนี และ พรรคเพื่อไทย ไปม็อบก็เพราะอยากได้เลือกตั้ง อยากได้ความยุติธรรมคืนพี่โทนีและนายกปู แกทุ่มเทอยู่ทุกลมหายใจ ตั้งแต่ไทยรักไทยถูกยุบ ก็เพื่อการนี้

เนื้อแท้แล้ว คุณหนุ่มมีความจงรักภักดีต่อสถาบันมาก แกไม่สนับสนุนให้ยกเลิก 112 แม้ว่าแกจะโดนโทษ 112 หนักขนาดนี้ "ผมว่า 112 ไม่ได้มีปัญหา ปัญหาคือการบังคับใช้ สถาบันยังจำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษคุ้มครอง"

คุณหนุ่มเล่าให้ปีใหม่ฟังใน Clubhouse หลังวันที่แกได้ประกันตัวออกมารอบแรก ยืนยันหนักแน่นไม่เคยเห็นด้วยกับการยกเลิก 112 ซึ่งนี่เองเป็นเหตุให้คุณหนุ่มถูกทวงบุญคุณ ถูกผลักไสไล่ส่งไม่ให้ใช้เงินกองทุนประกันตัว

คุณหนุ่มติดคุกมาแล้วประมาณ 10 เดือน จึงได้ประกันตัวออกมาสู้คดีหลังเพียรพยายามยื่นขอศาลครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อศาลอนุญาตเขาก็ใช้ชีวิตอยู่นอกคุกมาเกือบปี รับจ้างติดเครื่องกรองน้ำหาเลี้ยงปากท้อง เวลาว่างก็ไปช่วยคุณเคทำกิจกรรมหลอมรวมแดงเหลือง

เมื่อวานเขาไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เขาสารภาพว่าโพสต์เองจริง ศาลจึงลดโทษให้เหลือ 4 ปี

ศาลเรียกเงินประกันตัว 6 แสน เพื่อออกมาฎีกาต่อ แต่ปัญหาคือ ‘แกไม่มีเงิน’ ที่ผ่านมาใช้เงินกองทุนประกันตัวของกลุ่มนักกิจกรรมกลุ่มนั้น ซึ่งหลังประกันตัวออกมารอบแรก คุณหนุ่มเชียร์พรรคเพื่อไทย ไม่เชียร์พรรคเขา ประกอบกับท่าทีจงรักภักดีต่อสถาบัน ไม่สนับสนุนการยกเลิก 112 ทำให้ติ่งกดดันไม่อยากให้คุณหนุ่มใช้เงินประกันของกองทุน

"ให้พรรคเพื่อไทยช่วยมึงสิ"
"ไม่อยากให้ใช้กองทุนประกันตัว"
"อยากเห็นมึงติดคุก"
นี่คือคำพูดของติ่งที่เราเห็นตามโพสต์ทั่วไป เป็นคำที่คุณหนุ่มเจ็บช้ำที่สุด

พวกเขาเปิดรับบริจาคโดยบอกผู้มีจิตเมตตาว่า เพื่อเป็นกองทุนประกันตัวผู้ต้องหาคดี 112 และนักกิจกรรมทางการเมือง ไม่ได้ระบุว่าคนนั้นจะต้องเลือกพรรคก้าวไกล ห้ามเลือกเพื่อไทย แต่วันนี้กลับมีเงื่อนไขกดดันแบบนั้นงอกออกมา

แปลว่าเขาทำเพื่อพรรคการเมือง ‘ก้าวไกล’ ไม่ใช่เพื่อมนุษยธรรม ใครถูก 112 กระทำถ้าไม่ใช่พวกเขา ความคุ้มครองช่วยเหลือก็จะไม่เจือจานไปถึง

คำกล่าวอ้างต้องแก้ 112 เพื่อไม่ให้ทำลายผู้บริสุทธิ์จึงเป็นเพียง ‘เทคนิคหาเสียง’ เท่านั้น

คืนนี้คุณหนุ่มยังอยู่ในคุก...กระบวนการขอประกันตัวยังไม่สำเร็จ พรุ่งนี้ก็ได้แต่หวังว่าคุณหนุ่มจะได้อิสรภาพออกมา เป็นสารถีขับพาคุณ เค สามถุยส์ ออกไปทำภารกิจ ‘สมานฉันท์’ เพื่อชาติ ภารกิจเพื่อพรรคเพื่อไทย เพื่อพี่โทนีเหมือนที่เคยปฏิบัติไม่ว่างเว้น

แต่ใครจะรู้ว่า อิสรภาพของเขาจะได้กลับคืนพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรือเมื่อไหร่ เขาไม่มีใคร เขาไม่มีเส้นสาย เขาไม่มีเงินประกันตัว…

เขามีแต่หัวใจที่จงรักภักดีต่อสถาบัน หัวใจที่ผูกพันต่อพรรคเพื่อไทย หัวใจที่ศรัทธาต่อพี่โทนี เขามีแต่สิ่งเหล่านี้ แม้จะแลกกับอิสรภาพให้เขาไม่ได้ แต่ปีใหม่ก็เชื่อเหลือเกินว่า เขาไม่มีวันเสื่อมคลายจากศรัทธานั้น

สงสารสุดหัวใจ แต่ทำได้แค่รอ...รอฟังข่าวดีวันพรุ่งนี้…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top