Monday, 12 May 2025
TheStatesTimes

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 2 คืนรถที่ยึดได้จากแก๊งรับจำนำรถเถื่อน คืนความสุขให้กับประชาชน

ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) เป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายทั่วประเทศ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเงินกู้นอกระบบหลายรูปแบบ เช่น แอพพลิเคชั่นเงินกู้ผิดกฎหมาย, แก๊งหมวกกันน็อค, การรับจำนำรถโดยผิดกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งได้มีการปราบปรามการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวเรื่อยมา

จากกรณีเมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ภ.2 ได้ทำการจับกุม นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ จำนวน 37 คัน และรถยนต์ จำนวน 69 คัน ซึ่งเป็นรถของกลางที่ได้มาจากการรับจำนำรถโดยผิดกฎหมาย ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. , พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2/ผอ. ศปน.ภ.2 , พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2/รอง ผอ.ศปน.ภ.2 ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลาง ศปน.ตร. และ ศปน.ภ.2 เร่งรัดปราบปรามกลุ่มเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ โดยให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำความผิดดังกล่าว

จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า นายณัฐพงษ์ หรือโจ้ ซึ่งถูกจับกุมไปแล้วนั้น เป็นหนึ่งในเครือข่ายเงินกู้ผิดกฎหมายซึ่งมี นายฐณะวัฒน์ หรือไอซ์ บางละมุง เป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าว จึงได้ตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินและรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถขออนุมัติหมายจับบุคคลเกี่ยวข้อง และขยายผลเข้าตรวจค้น จำนวน 14 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี, ระยอง, พิษณุโลก และ กาญจนบุรี จนสามารถจับกุมนายฐณะวัฒน์ หรือไอซ์ หัวหน้าขบวนการ พร้อมเครือข่ายที่เกี่ยวข้องได้เพิ่มเติมอีก 8 ราย โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต” และสามารถตรวจยึดของกลางเพิ่มเติม เป็นรถยนต์ จำนวน 23 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 43 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมด 40,700,000 บาท

ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการทลายเครือข่ายของ นายฐณะวัฒน์ หรือไอซ์ บางละมุง ซึ่งดำเนินการปล่อยเงินกู้อยู่ในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องรวมทั้งนายทุนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มดังกล่าวได้ทั้งหมด รวมผู้ต้องหาในขบวนการทั้งหมด 9 ราย ตรวจยึดรถยนต์ได้ 92 คัน รถจักรยานยนต์ 80 คัน ซึ่งก็เป็นปัญหาหนี้นอกระบบในอีกรูปแบบหนึ่งที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องแบกรับภาระจ่ายดอกเบี้ยที่สูงมากและบางครั้งไม่สามารถติดตามรถคืนได้

ในวันนี้ (13 ก.ย.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อิทธิพล   อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2/ผอ. ศปน.ภ.2 , พล.ต.ต.ชัยต์พจน์ สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2/รอง ผอ.ศปน.ภ.2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศปน.ตร. และ ศปน.ภ.2 ดำเนินการคืนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางให้กับผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของรถที่แท้จริง ซึ่งได้มีการทยอยส่งมอบคืนไปแล้วบางส่วน เป็นรถยนต์ 67 คัน และรถจักรยานยนต์ 39 คัน ในวันนี้มีการส่งคืนรถของกลางที่เหลือทั้งหมด เป็นรถยนต์จำนวน 25 คัน และรถจักรยานยนต์จำนวน 41 คัน เพื่อเป็นการคืนความสุขให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้หนี้นอก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การดำเนินการคืนรถของกลางซึ่งตรวจยึดจากแก๊งค์เงินกู้ในวันนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งในการปราบปรามแก๊งค์เงินกู้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ตร. และ ศปน.ภ.2 ได้ขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาของทั้งขบวนการได้ครบทั้ง 9 คน ตรวจยึดรถยนต์ได้ 92 คัน รถจักรยานยนต์ 80 คัน ซึ่งแก๊งค์นี้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่หลายจังหวัด วันนี้จึงได้นำรถของกลางทั้งหมดส่งมอบคืนให้กับผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งค์เงินกู้ดังกล่าวทั้งหมด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

สุดท้ายนี้ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และหากพี่น้องประชาชนท่านใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งค์เงินกู้ผิดกฎหมายหรือมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งไว้ที่ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละพื้นที่ได้ทันที

‘ฝรั่งเศส’ สั่ง ระงับขาย ‘iPhone 12’ หลังพบแผ่รังสีเกินมาตรฐาน ยัน หาก Apple ไม่รีบแก้ไข จะสั่งเรียกคืนสินค้าที่ขายออกไปทั้งหมด

(13 ก.ย. 66) นายฌ็อง-โนเอล บาร์โร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลของฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เลอปารีเซียง ซึ่งมีการเผยแพร่ต่อสาธารณชน เมื่อวันอังคาร (12 ก.ย.) ว่า แอปเปิลต้องยุติการจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่น ‘iPhone 12’ ในฝรั่งเศส เนื่องจากมีการแผ่รังสีสูงเกินมาตรฐาน

นายบาร์โรระบุว่า ANFR ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านรังสีของฝรั่งเศส ได้แจ้งการตัดสินใจเรื่องระงับการจำหน่าย ‘iPhone 12’ ในฝรั่งเศสกับแอปเปิลแล้ว หลังผลการทดสอบระบุว่า อัตราการดูดกลืนพลังงานจำเพาะ (SAR) ของ iPhone 12 สูงเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดเอาไว้เล็กน้อย

นายบาร์โรระบุว่า การปรับปรุงซอฟต์แวร์เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องรังสีดังกล่าว โดยแอปเปิลวางจำหน่าย iPhone 12 ตั้งแต่ปี 2563

“แอปเปิลน่าจะตอบสนองภายใน 2 สัปดาห์ แต่หากแอปเปิลไม่ทำเช่นนั้น ผมจะสั่งให้เรียกคืนโทรศัพท์เคลื่อนที่ iPhone 12 ทั้งหมด ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเท่าเทียมกัน รวมถึง บริษัทดิจิทัลรายใหญ่” นายบาร์โร กล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหภาพยุโรป (อียู) กำหนดเกณฑ์มาตรฐานสำหรับ SAR ของโทรศัพท์เคลื่อนที่เอาไว้ ซึ่งการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นระบุว่า รังสีดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงในการก่อให้เกิดมะเร็ง

นายบาร์โรกล่าวด้วยว่า ANFR จะส่งผลการทดสอบรังสีให้หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบประเทศอื่น ๆ ในอียูและว่า “การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลกระทบแบบทวีคูณ”

อย่างไรก็ตาม แอปเปิลยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว

‘ประธานไมเนอร์’ มั่นใจ ท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มดี อานิสงส์ ‘ไทย-ซาอุฯ’ ฟื้น และ นทท.จีนเริ่มกลับมา

(13 ก.ย. 66) นายวิลเลียม ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดีอาระเบียและนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา

“เราเห็นการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียในไทย โดยปัจจุบันมีเที่ยวบินจากไทยมาไทยวันละ 2 เที่ยว” นายไฮเน็คกล่าวนอกรอบงานสัมมนา Forbes Global CEO Conference ณ ประเทศสิงคโปร์

“นักท่องเที่ยวจะมาเพิ่มอีกและจะมีอุปสงค์มหาศาล… ไทยกลายเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับคนจำนวนมากทั่วโลก ดังนั้นเราจึงมีมุมมองเชิงบวกอย่างมาก” นายไฮเน็คกล่าว พร้อมระบุเสริมว่ามีคนจากยุโรปตะวันออก รัสเซีย และยูเครนเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเพิ่มมากขึ้น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีไทยและเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียได้ลงนามฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียในเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว หลังมีปัญหากันนานถึง 30 ปี

กระทรวงการท่องเที่ยวไทยระบุว่า ยอดนักท่องเที่ยวจากรัสเซียทะลุ 800,000 รายในเดือน ม.ค. – ก.ค.ปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าจาก 77,935 รายในช่วงเดียวกันของปี 2565

เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจากยูเครนที่เพิ่มขึ้นแตะ 20,507 รายในเดือนม.ค. – ก.ค.ปีนี้ เทียบกับ 7,967 รายในช่วงเดียวกันของปี 2565

รู้จัก ‘ศิวพันธุ์ มานิตย์กุล’ มือพิฆาตหมิ่น 112 ยืนหยัดซัดสายหมิ่นด้วยกติกาที่เรียกว่า ‘กฎหมาย’

จากรายการ ‘ถลกข่าว ถลกปัญหา’ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 66 โดยสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, MAYA Channel ช่อง 44, NAVY AM RADIO AM 720 kHz และวิทยุ KCS RADIO ดำเนินรายการโดย คุณสถาพร บุญนาจเสวี ได้เชิญ คุณบูม ศิวพันธุ์ มานิตย์กุล นักออกแบบ ผลิต และนำเข้าเสื้อผ้า ผู้จงรักภักดีต่อสถาบัน มาร่วมพูดคุย ในฐานะผู้สร้างสถิติการฟ้องร้องคดีผู้หมิ่นมาตรา 112 มากที่สุด ด้วยจำนวนถึง 9 คดี หากนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

โดยคุณบูม ถือเป็นมือฉมังในการแจ้งความคดี 112 ต่อผู้ที่ละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ในพื้นที่ของ สภ.บางแก้ว-ศาลสมุทรปราการ ซึ่งมักจะอดทนไม่ได้กับผู้ที่ละเมิด 112 จาบจ้วงสถาบันฯ ทั้งในที่สาธารณะ และในโลกโซเชียลมีเดีย

“โดยนิสัยส่วนตัว ผมค่อนข้างจะเป็นบู๊ๆ อยู่แล้ว (ดูได้จากหน้าตา) เวลาเราพบเห็นการกระทำที่ไม่บังควรต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในลักษณะใด เราจะรู้สึกถึงความ ‘มากเกินไป’ และยิ่งมากขึ้นๆ จนลุกลาม มันบีบคั้นหัวใจเรานะ บีบคั้นหัวใจคนไทยที่ยึดมั่นในสถาบันฯ ฉะนั้นหากมีช่องทางด้านกฎหมาย ที่สามารถทำให้ชะลอหรือยุติปัญหาได้ เราก็ต้องใช้ช่องทางกฎหมาย”

คุณบูม เล่าว่า การใช้ช่องทางกฎหมายเพื่อจัดการผู้ละเมิดใน 112 นั้น ตัวเขาจะพยายามเก็บข้อมูลต่างๆ เอกสาร รูปภาพ ข้อความ หรือแม้แต่ในโซเชียล ก็มีโปรไฟล์และ URL ให้ตามเก็บเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งแรกๆ ก็งงๆ แต่พอทำไปสัก 2-3 ครั้งก็จะเริ่มเข้าใจวิธีการ ซึ่งง่ายต่อการที่เจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการต่อได้ดียิ่งขึ้น 

“ผมเป็นคนธรรมดานะ ไม่ใช่กลุ่มองค์กรใดๆ การกระทำของเรา ก็มาจากความอัดอั้น ภายใต้กติกาที่ถูกต้อง ซึ่งผมมองว่าคนไทยที่รักมั่นในสถาบันฯ ก็ย่อมคิดไม่ต่างกัน เปรียบเหมือนกับความศรัทธาในพุทธศาสนาแหละครับ หากมีใครมาหมิ่นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เหมือนมาหยามตัวผมเหมือนกัน เป็นต้น ฉะนั้นผมก็ต้องแสดงออกตามกติกา โดยที่ผ่านมา ก็รับทราบได้พอสมควรว่ามีผู้ที่ต้องโทษและหนีคดีไปมากมาย”

เมื่อถามว่าหลายคนที่โดนคดีจากที่ คุณบูมฟ้อง รู้สึกอย่างไร? คุณบูม ตอบว่า “บางรายซึ่งเป็นญาติที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของผู้หมิ่น แต่ต้องมาเจอหมายศาลวางไว้หน้าบ้าน ก็หดหู่นะ เพราะสิ่งที่เราเห็น คือ หลังจากนั้นคุณแม่ของผู้กระทำผิด เดินร้องไห้มาหา พนมมือ ขอโทษผม ซึ่งผมก็ตกใจและถามผมบอกคุณแม่เป็นอะไร? คุณแม่เขาก็บอกว่าเป็นแม่ของจําเลย ซึ่งผมก็ต้องอธิบายไปตามความจริงว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัวระหว่างผู้ทำผิดกับผม แต่เป็นปัญหาของลูกคุณแม่กับกฎหมายของรัฐ พอท่านฟังท่านเข้าใจ แล้วก็เรียกน้องจำเลยมาฟังความจริง ซึ่งส่วนใหญ่ ก็เข้าใจและยอมรับสารภาพ โดยไม่หวนกลับไปเชื่อทนายสิทธิที่มีแต่จะยื้อเพื่อให้ผู้ที่ทำผิดโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อยู่ในสภาพที่ไม่รอดคุก ส่วนจำเลยคนไหนที่แสบๆ และยังเถียงหัวชนฝา ผมบอกได้เลยว่า พออยู่หน้าศาล เรียบร้อยทุกคนครับ”

แน่นอนว่า หลังจากผันตัวมาเป็นประชาชนผู้ไม่ยอมต่อการหมิ่นประมาทสถาบันฯ ก็ทำให้ คุณบูม เริ่มสัมผัสประสบการณ์ทัวร์ลงเป็นระยะๆ  มีทั้งโพสต์ด่ามาทางโซเชียล / อินบ็อกซ์ / อีเมลล์ธุรกิจบ้าง ซึ่งคุณบูมมองว่า นี่คือการทำร้ายตัวเองล้วนๆ เพราะจากการเป็นผู้ฝักใฝ่ละเมิด 112 แล้ว ยังกลายเป็นผู้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลแถมเข้าไปอีกคดี ซึ่งเรื่องคุณบูมเตือนว่า จะทำอะไรคงต้องคิดให้ดี เอาเวลาที่มีไปทำมาหากินเลี้ยงดูตนเองและพ่อแม่ดีกว่า

เมื่อถามว่า ทำไมถึงต้องมาทำอะไรเช่นนี้เอง? คุณบูมตอบว่า “สิ่งที่ผมทำ ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นฮีโร่นะ แต่เพราะนี่คือประเทศของเรา ประเทศที่ถ้าไม่มีสถาบันฯ ความมั่นคงของประเทศจะอยู่ตรงไหน แล้วลูกหลานเราจะอยู่ยังไง ขณะที่ตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นทหาร สิ่งที่ทำได้ ปกป้องชาติได้ จึงมีแค่วิธีนี้เท่านั้น”

คุณบูม กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ผู้ชมที่ติดตามสัมภาษณ์นี้อยู่ ก็คงมีทั้งคนรัก คนชัง และคนที่เฉยๆ ซึ่งผมเข้าใจดีว่าในช่วงของการเปลี่ยนรัชสมัย มันต้องใช้เวลาที่จะเปิดใจ และระหว่างทางเราจะพบเจอกับข่าวลือเยอะมาก อย่างคนรุ่นผมเองจะเข้าใจดี เพียงแต่สมัยนี้ข่าวลือ ข่าวปั่น ข่าวปล่อย และข่าวปลอม มันเยอะมาก คนที่จะเข้าใจความจริงได้ ต้องมีภูมิคุ้มกันสูง ต้องคิด วิเคราะห์ และมีความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย แล้วมองให้ออกว่าอะไรคือความเป็นจริง

“นั่นหมายความว่า เราต้องค้นหาความจริงให้เจอ ซึ่งทุกวันนี้เราค้นหาข้อมูลได้มากมาย เราสามารถพบเห็นภาพถ่ายของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในถิ่นทุรกันดารต่างๆ เพื่อไปช่วยเหลือชาวบ้าน เราพบเห็นผลงานมากมายของท่าน และล่วงมาถึงในสมัยรัชกาลที่ 10 ที่พระองค์ทรงติดตามรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่เยาว์วัย เรานี้มีหลักฐานประจักษ์ 

“แน่นอนว่า สังคมทุกวันนี้ เราปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับเรื่องนินทา และเรื่องที่อยุติธรรมมากมาย ซึ่งจะเลือกเชื่อกันอย่างไรก็ตามแต่ละบุคคล แต่ผมมักพูดทุกครั้งว่า ไม่รักไม่ว่าแต่อย่าละเมิดกัน คุณก็มีสิทธิ์ของคุณ ผมก็มีสิทธิ์ของผม คุณไม่รัก ก็อย่ามาละเมิดสิทธิ์ความเชื่อและความรักของผม”

“ผมเชื่อมั่นว่าสถาบันกษัตริย์จะยังอยู่กับเมืองไทยไปอีกยาวนานแน่นอนครับ” คุณบูม ทิ้งท้าย

รับชมคลิปเต็มได้ที่ >> https://www.youtube.com/watch?v=LsLj5RYY5YM 

‘ช่อง 8’ ผุดโปรเจกต์รายการเรียลลิตี้ ‘นางร้าย Thailand’ ปั้นนางร้ายหน้าใหม่สู่วงการบันเทิง ชิงเงินรางวัล 5 แสนบาท

(13 ก.ย. 66) เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับโปรเจกต์ ‘นางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand)’ รายการเรียลลิตี้แรกในประเทศไทยที่มีการประกวดนางร้าย พร้อมค้นหาสุดยอดนางร้ายคนแรกของประเทศ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 5 แสนบาท ภายใต้แนวคิดของผู้บริหารหญิงแกร่ง คุณนงลักษณ์ งามโรจน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พร้อมดึงตัวพ่อพิธีกรมากความสามารถ อั๋น ภูวนาท คุนผลิน กับ เหล่า 3 Queen Master ตัวแม่นางร้าย เบนซ์ ปุณยาพร พูลพิพัฒน์, โม อมีนา พินิจ และ แก้มบุ๋ม ปรียาดา สิทธาไชย เสริมความเข้มข้นขึ้นด้วยนักแสดงมากฝีมือ พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ และผู้กำกับคนดัง มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล มาเป็นคณะกรรมการรอบตัดสิน ร่วมพิสูจน์ว่าใครจะสามารถสร้างพลังอินเนอร์ของนางร้าย เพื่อประดับวงการบันเทิงของไทย ต่อยอดเล่นละคร ซีรีส์สู่ระดับสายตาในอีกหลายประเทศ

คุณนงลักษณ์ งามโรจน์ กล่าวว่า “ช่อง 8 ภายใต้บริษัท RS Group ได้ต่อยอดแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ Unlock Value โดยปรับแผนตามความแข็งแรงของคอนเทนต์ทางการเติบโตของโซเชียลมีเดีย และความชำนาญของบุคลากร อาทิ ละคร, ซีรีส์, รายการมวย, รายการบันเทิงและวาไรตี้ โดยมีเป้าหมายรายได้ที่คาดหวังรวม 1,600 ล้านในปีนี้ และต่อยอดเป็น Annual Content และ Event ในปีต่อๆ ไป โดยนางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand) เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ทางช่อง 8 มุ่งหวังจะสร้างรายได้ให้เติบโต ปีนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการพัฒนาโปรเจกต์ การที่จะปั้นนางร้าย ไม่เคยมีที่ไหนทำมาก่อน ถือเป็นการเปิดโอกาสให้นางร้ายได้มีจุดโดดเด่นกว่าที่เคยเป็นมา สังเกตได้ว่าการรับชมละครหรือภาพยนตร์ จะขาดนางร้ายไม่ได้เลย ซึ่งนางร้ายก็มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่านางเอก เพียงแต่ไม่มีใครกล้าจัดการประกวดและเปิดโอกาสให้นางร้ายเท่านั้นเอง”

“ในส่วนของรายการ น่าจะถูกใจผู้ชมทางด้านโซเชียลที่ชื่นชอบความเรียล และเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเหล่านางร้ายอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีกรอบจำกัด ทั้งทักษะการแสดง การสื่ออารมณ์ การใช้ภาษากาย และการโชว์ความเซ็กซี่ของนางร้ายผ่านมิชชั่นที่เข้มข้น และท้ายที่สุดเราจะปั้นให้เกิดนางร้ายไทยแลนด์คนใหม่ของวงการบันเทิง และอีกหนึ่งความพิเศษทางช่อง 8 ได้เปิดโอกาสให้กับทุกคนที่มีความหลากหลายทางเพศได้ยื่นใบสมัคร เรามั่นใจว่าผู้ชมจะให้การตอบรับแน่นอน เพราะประเทศไทย ถือว่าเป็นประเทศที่เปิดรับความหลากหลายทางเพศในทุกระดับต้นๆ ของโลก จึงไม่แปลกที่ช่อง 8 จะสนับสนุนเรื่องความเท่าเทียม”

Queen Master เบนซ์ ปุณยาพร กล่าวว่า “ในความเป็นมืออาชีพจากประสบการณ์ 20 กว่าปี ที่เคยเป็นทั้งนางเอก และนางร้าย ถือเป็นประสบการณ์ที่เบนซ์สะสมมานานและนานกว่าคนอื่นๆ ทำให้เบนซ์เชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพมากพอที่เป็นตัวท็อป Queen Master ที่ทีมอื่นจะสู้ไม่ได้ อย่าลืมว่าเบนซ์มีประสบการณ์ทั้ง 2 ด้าน แสดงว่าประสบการณ์การเป็นควีนเหนือคนอื่น 2 เท่า ที่จะมาสอนแก่นแท้การแสดงให้น้องๆ เบนซ์สามารถนำเทคนิคอินเนอร์ของนางเอก และเทคนิคที่นางร้ายจะต้องมี มาเป็นซูเปอร์นางร้ายไทยแลนด์ให้เข้มข้นกว่า Queen master อีก 2 คน เพื่อศักดิ์ศรี และน้องในทีม เบนซ์จะต้องเป็นผู้ชนะในรายการนี้เท่านั้น หากมาสอนแค่ผิวเผิน ถ้าไม่เด่นจริงก็ต้องออกจากรายการนี้ไป”

Queen Master โม อมีนา กล่าวว่า “ตอนแรกไม่มั่นใจ แต่ก็มานั่งคิดว่า เล่นละครมา 21 ปี ได้รับบทร้ายมาตลอด นี่แหละเข้ากับเราที่สุด คือโอกาสสำคัญที่เราจะได้ปั้นคนจากประสบการณ์ตรงของเรา ความเข้มข้นของรายการจะอยู่ที่การฟาดฟัน งัดกลยุทธ์ ปกปิดกลเม็ดออกมาแข่งกัน ทุกอย่างคือเกมที่เราจะต้องแข่งขันกัน รายการนี้เรียลมากๆ ไม่มีรู้เขารู้เรานะ เราก็ไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามจะเล่น และพลิกเกมอะไร เพราะฉะนั้นแต่ละทีมก็จะมีเกณฑ์มาตรฐานของตัวเอง สิ่งที่เราเน้นและโดดเด่นก็คือ ทีมโมร้ายตั้งแต่อินเนอร์ ส่งพลังจากดวงตา อยากเล่นร้ายแต่ตาเป็นนางเอกก็ไม่ได้ เราเน้นร้ายแบบธรรมชาติ อย่าร้ายแบบประดิษฐ์ เพราะเมื่อไหร่ที่เราร้ายแบบประดิษฐ์ไปเล่นละครเวทีได้เลย”

Queen Master แก้มบุ๋ม ปรียาดา กล่าวว่า “สำหรับการมาเป็น Queen Master เราจริงจังมาก ทุ่มเทมากไปเรียนการแสดงเพิ่มเอง เพราะประสบการณ์เรา ถ้าเราหยิบเอาตรงนั้นมาสอน บางคนอาจจะไม่เข้าใจ ประสบการณ์กับการบอกเล่ามันต่างกัน อย่างเราเองมองว่า เป็นนางร้ายที่มีคาแรคเตอร์ คนสามารถจดจำในตัวของเราได้ การเลือกเด็กเข้ามาในทีม เราจะมองหาคนที่มีความพยายามหรือเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้ว สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ การเป็นตัวเองสำคัญที่สุด เพราะจะสร้างการจดจำได้ดีที่สุด และไม่เหมือนใคร เพราะหากเราไปเหมือนคนอื่นมาก เราจะดูไม่น่าจดจำ ถือว่าเวทีนี้ได้เปิดโอกาสแบบไม่จำกัดจะต้องเป็นหญิงแท้เท่านั้น เพราะ LGBTQ+ ก็สามารถประกวดได้ ดีใจที่รายการเปิดโอกาสให้กับคนมากมาย ได้มาทำตามความฝัน”

คุณนงลักษณ์ งามโรจน์ กล่าวปิดท้าย “การแข่งขันพร้อมความสนุกในรายการ นางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand) จะเริ่มต้นคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันจากใบสมัคร 500 กว่าคน ผ่านการคัดเลือก 150 คนให้เหลือ 30 คน เพื่อที่จะไปคัดเลือกในรอบ 20 คน จากนั้น Queen Master ทั้ง 3 เป็นผู้คัดเลือกเด็กเข้าทีมละ 4 คน โดย Queen Master เบนซ์ จะยกหน้ากากสีแดง Queen Master โม จะยกหน้ากากสีดำ และ Queen Master แก้มบุ๋ม จะยกหน้ากากสีทอง ซึ่งแต่ละคนจะมีโอกาสเลือกผู้เข้าแข่งขันเข้าสู่ทีมตัวเองได้ทีมละ 4 คนเท่านั้น หากว่าควีนมาสเตอร์ ยกหน้ากากมากกว่า 1 ท่าน สิทธิ์ในการเลือกจะไปอยู่ที่ผู้เข้าแข่งขันทันที”

“และผู้เข้าแข่งขันจะเดินไปหยิบหน้ากากสีประจำตัวของควีนมาสเตอร์ที่ตัวเองอยากอยู่ด้วย แต่เพื่อให้การคัดเลือกเข้มข้นขึ้นไปอีก ควีนทั้ง 3 ท่านของเราจะได้สิทธิ์ในการขอเปลี่ยนลูกทีมได้ 1 ครั้ง โดยตัดใจนําลูกทีมที่เลือกไว้แล้ว มาแลกกันได้ และหลังจากนั้นจะเข้าสู่การแข่งขันแบบเต็มรูปแบบ จากการผ่านภารกิจสุดเข้มข้น และผู้ชนะในรายการ นางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand) จะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พร้อมทั้งเป็นนักแสดงในสังกัดของทางช่องทันที”

รายการนางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand) มีจำนวนทั้งหมด 12 อีพี เริ่มออกอากาศตอนแรกวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2566 เวลา 22.15 น. เป็นต้นไป และจะออกอากาศทุกวันศุกร์ โดยรอบ Final ถ่ายทอดสดจะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 สุดท้ายใครจะได้เป็น 1 เดียว นางร้ายไทยแลนด์ คนแรกของประเทศไทย พร้อมชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 5 แสนบาท ติดตามได้ทางช่อง 8 กดเลข 27 และสามารถรับชมผ่านเพจเฟซบุ๊ก นางร้ายไทยแลนด์ https://www.facebook.com/devilangelthailand และทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของช่อง 8

14 กันยายน พ.ศ. 2485 ยืนตรงเคารพธงชาติพร้อมกันเป็นวันแรก แสดงถึงความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

วันนี้เมื่อ 81 ปีก่อน 14 กันยายน พ.ศ. 2485 ประชาชนชาวไทยยืนตรงเคารพธงชาติไทยครั้งแรก ในเวลา 08.00 น. และ เวลา 18.00 น. หลังก่อนหน้านี้มีการกำหนดเป็นกฎหมาย แต่ไม่ได้รับความนิยม

ปีพ.ศ. 2477 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยมีเพลงชาติเป็นครั้งแรก แต่ยังคงใช้ชื่อว่า ‘เพลงชาติสยาม’ (เปลี่ยนชื่อเป็น เพลงชาติไทย ปี พ.ศ. 2482) และในปีต่อมา คือ พ.ศ. 2478 ทางราชการก็ได้ประกาศกฎหมายให้ประชาชนยืนเคารพธงชาติในเวลา 08.00 น. และเวลา 18.00 น. แต่ในสมัยนั้นกฎหมายดังกล่าวไม่ได้รับความนิยมและไม่มีการปฏิบัติอย่างแพร่หลายเท่าที่ควร

จนในที่สุดก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อรายการวิทยุนายมั่น นายคง ซึ่งเป็นรายการที่จัดทำขึ้นมาเพื่อโฆษณาแนวคิดรัฐนิยมของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้มีการนัดหมายประชาชนให้ยืนตรงเคารพธงชาติพร้อมกัน ในวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2485 เป็นวันแรก โดยภายหลัง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ได้กล่าวผ่านทางวิทยุกระจายเสียงในทำนองว่า ตนเองรู้สึกสบายใจ และพบความเป็นไทยมากขึ้น รวมทั้งประณามคนที่ไม่เคารพธงชาติไทยว่า เป็นผู้คิดทรยศต่อชาติ เท่ากับการด่าพ่อแม่ ครูอาจารย์ และพระพุทธเจ้า เนื่องจากสีของธงชาติไทยมีสีแทนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวก็มีการทำตามมาจนถึงปัจจุบัน

ครม.ไฟเขียว เปลี่ยนระบบจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ออกเดือนละ 2 รอบ ลดพฤติกรรมกู้หนี้ยืมสิน

(13 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า “เรื่องที่ 7 เป็นเรื่องที่เราไม่เคยพูดคุยกัน ผมไม่ได้มีการแย้มถึงเรื่องนี้เลย แต่ผมตระหนักดีว่าเรื่องกระแสเงินสดของทุกคนในกระเป๋าเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงดำริให้เปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบเป็นเดือนละ 2 รอบ”

“โดยรายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกทีหนึ่ง และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งต้องมีการแก้ไขระบบอะไรหลายๆ อย่าง จึงทำเลยไม่ได้ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยได้เยอะพอสมควร ถ้ามีการจ่ายเงิน 2 รอบจะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ไม่ต้องคอยให้ถึงสิ้นเดือนก็จะมีเงินแบ่งจ่ายออกมา” นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้าย

‘พีระพันธุ์’ แจ้งข่าวดี ครม.เห็นชอบลดภาระปชช. เคาะดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ลดค่าไฟลง 30 สต.

‘พีระพันธุ์’ โพสต์แจ้งข่าวดี ครม.เห็นชอบกำหนดราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ส่วนเบนซินจะคุมค่าการตลาดไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร เตรียมปรับลดเบนซินให้กลุ่มเปราะบางใช้ประกอบอาชีพ พร้อมปรับลดค่าไฟลง 30 สต. ตรึงราคาก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กก.เหลือ 423 บาท

(13 ก.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการลดราคาพลังงานว่า…

วันนี้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตนได้เสนอเรื่องปรับลดราคาพลังงานต่อที่ประชุม ครม. ทันทีหลังเสร็จการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวาน โดย ครม.รับทราบและเห็นชอบกับแนวทางของกระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลังที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลราคาไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท เบนซินเบื้องต้นจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบควบคุมค่าการตลาดไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการบริหารพลังงานอย่างจริงจัง ก็จะทำให้ราคาเบนซินลดลงได้ในระดับหนึ่ง และจะร่วมกับกระทรวงการคลังพิจารณาปรับลดราคาเบนซินให้กลุ่มที่จำเป็นต้องใช้เบนซิน เพื่อการประกอบอาชีพที่เรียกว่ากลุ่มเปราะบาง เช่น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และแท็กซี่ โดยเร่งด่วนต่อไป

ส่วนไฟฟ้าปรับลดจากราคาหน่วยละ 4.45 บาทเหลือ 4.10 บาท โดยจะดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไปอีก เพื่อหาทางปรับลดราคาค่าไฟฟ้าให้เหลือไม่เกินหน่วยละ 4 บาท ส่วนก๊าซหุงต้มตามแนวโน้มตลาดโลกจะขึ้นทุกปลายปี เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวจะทำให้ราคาก๊าซหุงต้มในประเทศไทยสูงตามไปด้วย แต่เราจะตรึงราคาไว้ที่ 423 บาทสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม ราคาเดิมต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าทั้งหมดนี้ไม่เพียงเป็นนโยบายของพรรค รทสช. เท่านั้น แต่บังเอิญตรงกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย จึงสามารถดำเนินการให้เป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีและ ครม.ทุกท่านด้วย

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า แม้เรื่องนี้ในเบื้องต้นจะเป็นมาตรการระยะสั้น แต่เราก็ลงมือทำทันที ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่า ตน และกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหาแนวทางและมาตรการอื่น ๆ ต่อไปเพื่อทำให้ราคาพลังงานอยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมกับประชาชน และเพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนให้ได้

'ไทย' หวัง!! รัฐบาลใหม่ ฟื้น FTA 'ไทย-อียู' อีกฟันเฟืองกอบกู้เศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่พูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็น รัฐบาลใหม่ กับการฟื้นสัมพันธ์ FTA ไทย-อียู เมื่อวันที่ 17 ก.ย.66 โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

สหภาพยุโรป (European Community) เป็นการรวมตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ทั้งในด้านความกว้างและความลึก กล่าวคือ มีประเทศสมาชิก 27 ประเทศ GDP รวมกันเป็นประมาณ 15 % และคิดเป็นอันดับ 3 ของโลก ในเชิงลึก ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปยอมสูญเสียอธิปไตยทางการเงิน โดยใช้เงินสกุลเดียว คือ ยูโร และมี European Central Bank เป็นธนาคารกลาง

แม้ว่าจะเป็นการรวมตัวทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ในทางปฏิบัติได้ก่อเกิดวิกฤตและผลกระทบทางเศรษฐกิจมากมาย...วิกฤตหนี้ยูโร เช่นปี 2015 และ Brexit ในปี 2016 ยังอยู่ในความทรงจำของผู้ติดตามเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมของยุโรปอ่อนแอลงกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะหลังปี 2000 เป็นต้นมา เมื่อจีนเปิดเสรีและประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศ ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ทำให้ภาคธุรกิจของยุโรปกลับถูกทิ้งห่างในอุตสาหกรรมใหม่ แม้จะยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเก่าบางสาขา

เดิมทีไทยกับยุโรปมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจมายาวนาน ยุโรปเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย (รองจากจีนและสหรัฐฯ) ยุโรปเป็นนักลงทุนอันดับ 3 ในไทย (รองจากญี่ปุ่นและจีน) แต่ไทยยังไม่สามารถทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรปได้สำเร็จ โดยการเจรจา EU-Thailand FTA ซึ่งเริ่มต้นกว่า 10 ปีมาแล้ว ถูก EU สั่งระงับไปเนื่องจากมีการปฏิวัติรัฐประหารในประเทศไทย ขณะที่ เวียดนามได้บรรลุความตกลง FTA กับ EU สำเร็จแล้ว เมื่อ 2020  ทำให้อุตสาหกรรมเวียดนามสามารถส่งออกไปยัง EU แบบปลอดภาษี และได้เปรียบในเชิงการแข่งขันเหนืออุตสาหกรรมไทย

ถึงกระนั้น ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไทยและ EU กำลังเริ่มกลับมานั่งโต๊ะเจรจา FTA ใหม่ น่าจะถือเป็นผลงานสำคัญชิ้นแรกของรัฐบาลใหม่ที่จะผลักดันให้ FTA กับ EU เกิดผลสำเร็จโดยเร็ว

‘บิ๊กเด่น’ สั่งลุย!! เร่งสืบค้นเครือข่าย ‘กำนันนก’ จ่อเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างเด็ดขาด

(13 ก.ย. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร เปิดเผยถึงกรณีที่ช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจภูธรภาค 7 ได้สนธิกำลังตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่เป็นเครือข่ายของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ จำนวน 15 จุด ในจังหวัดนครปฐมกว่า 10 จุด ว่าได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากคดีนี้เป็นที่จับตามองและสนใจของสังคม ซึ่งในการทำคดีจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การขยายผลตรวจค้นเครือข่ายของผู้มีอิทธิพล และอีกส่วนคือ คดียิงสารวัตรศิวกร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับกำนันนก และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนให้ได้

รวมถึงความเกี่ยวเนื่องที่มีตำรวจเข้าไปพัวพันกับผู้มีอิทธิพล ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการกู้ข้อมูลเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดจากบ้านกำนันนก พร้อมกันนี้ ยังได้มอบหมายให้ พล.ต.อสุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร รับผิดชอบดูแลและติดตามความคืบหน้าในคดีอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องการเยียวยา พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 การสองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงนั้น เบื้องต้นทางต้นสังกัด คือกองบังคับการตำรวจทางหลวง และเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจก็ได้รวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือครอบแล้ว รวมถึงกรณีของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง นั้นผู้บังคับบัญชาก็ได้รวบรวมเงินเพื่อให้การช่วยเหลือแล้วเช่นกัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหลักเกณฑ์ในการเยียวยาสำหรับผู้ที่เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ แม้กรณีของพันตำรวจตรีศิวกรจะไม่เข้าข่าย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีสวัสดิการด้านอื่นๆ ในการช่วยเหลือดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่ และยังได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว จับตาดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำรอยกรณี พ.ต.อ วชิรา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่าในความคิดเห็นส่วนบุคคลนั้น เชื่อว่าตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้นเป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนใหญ่ยังเป็นตำรวจที่ดีและไม่อิงกับผู้มีอิทธิพล อยากขอความเป็นธรรมให้กับตำรวจส่วนใหญ่ด้วย แม้แต่ตำรวจที่ไปร่วมงานเลี้ยงก็ใช่ว่าจะมีความผิดทุกคน ขอให้รอผลการสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top