Thursday, 26 June 2025
NewsFeed

‘เวียดนาม’ เร่งปิดดีลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หวังบรรลุข้อตกลงกับ ‘รัสเซีย’ ภายใน ส.ค. นี้

(26 มิ.ย. 68) รัฐบาลเวียดนามสั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งสรุปการเจรจากับรัสเซียภายในเดือนกรกฎาคม เพื่อเตรียมลงนามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความร่วมมือก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นิญถ่วน 1 ในเดือนสิงหาคม โดยโครงการนี้มีเป้าหมายแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2030 หรืออย่างช้าที่สุดในปี 2031

บุ่ย แทงห์ เซิน รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การเจรจากับรัสเซียล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งอาจส่งผลต่อกระบวนการอนุมัติและดำเนินโครงการ กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จึงถูกกำชับให้จัดตั้งคณะเจรจาโดยด่วน และต้องระบุความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายในข้อตกลงอย่างชัดเจน

ควบคู่กันนั้น ทางการเวียดนามยังรื้อฟื้นความร่วมมือกับญี่ปุ่นในโครงการนิญถ่วน 2 โดยมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งหารือและรายงานผลภายในเดือนกรกฎาคม ด้านโครงการนิญถ่วน 1 และ 2 ซึ่งอยู่ในจังหวัดนิญถ่วน จะมี การไฟฟ้าแห่งประเทศเวียดนาม (EVN) และ บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเวียดนาม (PVN) เป็นเจ้าของโครงการตามลำดับ

รัฐบาลเวียดนามเน้นย้ำว่า การฟื้นโครงการพลังงานนิวเคลียร์มีเป้าหมายเพื่อรองรับความต้องการพลังงานที่เติบโตต่อเนื่อง และสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนการลงทุนและข้อกำหนดด้านความปลอดภัย รวมถึงการจัดสรรงบประมาณและแผนโยกย้ายชุมชนให้เสร็จสิ้นตามกรอบเวลาที่กำหนด

บอร์ด กฟผ. เสนอชื่อ ‘นรินทร์ เผ่าวณิช’ เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 17

บอร์ด กฟผ. มีมติเสนอชื่อ นายนรินทร์ เผ่าวณิช เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 17 เตรียมเสนอกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย. 68) คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บอร์ด กฟผ.) ในการประชุมฯ ครั้งที่ 8/2568 มีมติเห็นชอบให้ นายนรินทร์ เผ่าวณิช ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. ตามที่คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการเสนอ สืบแทนนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 โดยขั้นตอนจากนี้ กฟผ. จะนำเสนอกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

สำหรับประวัตินายนรินทร์ ปัจจุบัน อายุ 51 ปี ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้ว่าการเชื้อเพลิง เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 พร้อมกับรองอีก 4 คน คือ น.ส.พนา สุภาวกุล เป็นรองผู้ว่าการบริหาร นายธวัชชัย สำราญวานิช เป็นรองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ นายณัฐวุฒิ ผลประเสริฐ เป็นรองผู้ว่าการระบบส่ง นายเมธาวัจน์ พงศ์รดาภิรมย์ เป็นรองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

ประวัติการทำงานใน กฟผ. ที่สำคัญ
1 พ.ค. 2567 : รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง
1 ต.ค. 2565 : ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเชื้อเพลิง
1 ต.ค. 2564 : ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรม และก่อสร้างโรงไฟฟ้า

คุณวุฒิการศึกษา
Ph.D. Georgia Institute of Technology, U.S.A.
M.S.C.E.Georgia Institute of Technology, U.S.A.
ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ นำคณะเยี่ยมชม บ.ฟูเรียร์ฯ เซี่ยงไฮ้ ร่วมศึกษาแนวทางพัฒนาหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์

ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและคณะ ศึกษาดูงานด้านการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์กับการจัดการภาครัฐ ณ บริษัท ฟูเรียร์ อินเทลิเจนซ์ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน 

(26 มิ.ย. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่ นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร นายณรงเดช อุฬารกุล นายศุภโชติ ไชยสัจ นายกิตติภณ ปานพรหมมาศ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ นายวรภพ วิริยะโรจน์ น.ส.กมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล และ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ศึกษาดูงานด้านการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์กับการจัดการภาครัฐ โดยบริษัท ฟูเรียร์ อินเทลิเจนซ์ เป็นบริษัทสำคัญในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์อเนกประสงค์ ที่พัฒนาแบบครบวงจร โดยบริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาหุ่นยนต์ใน 2 ประเภทหลัก คือ หุ่นยนต์ที่ช่วยในการฟื้นฟูสมรรถภาพการเคลื่อนไหว และหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ การวิจัย และการใช้งานภายในบ้าน

ในการนี้ ผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎร และคณะ ได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ โดนศึกษาแนวคิดและวิธีการออกแบบ โครงสร้าง และกลไกการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ที่สอดคล้องกับการทำงานของมนุษย์ และการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ ที่สามารถตอบโต้กับมนุษย์ได้ และศึกษาเรียนรู้การทำงานของอุปกรณ์และหุ่นยนต์แบบต่าง ๆ ที่ช่วยในการฟื้นฟูศักยภาพการเคลื่อนไหว รวมถึงร่วมทดสอบอุปกรณ์และหุ่นยนต์ดังกล่าว

นอกจากนั้น คณะได้หารือในประเด็น ต่าง ๆ ได้แก่ การสนับสนุนจากภาครัฐ การสรรหาและพัฒนาบุคลากร ปัญหาด้านกฎหมายที่ไม่สอดคล้องต่อการพัฒนาหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ การตอบสนองต่อความต้องการในอุตสาหกรรมการแพทย์และอุตสาหกรรมอื่น ความสามารถในการผลิตและการจัดจำหน่าย ความร่วมมือในเรื่องการวิจัยและพัฒนากับต่างชาติ และประโยชน์ของการใช้หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในการด้านการแพทย์และการช่วยดูแลผู้ป่วย ทั้งนี้ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะ เห็นว่าการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ภายในประเทศ พร้อมทั้งยังสามารถพัฒนาการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ที่ต้องการที่พึ่งพิงในประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยต่อไป

‘ทรัมป์’ เสียงอ่อย รับยุติสงคราม ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ไม่ง่าย โบ้ยศึกซับซ้อน ‘ปูติน-เซเลนสกี’ เจรจาด้วยยาก

(26 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันพุธว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยุติ แม้เจ้าตัวจะเคยประกาศในเวทีหาเสียงว่าจะสามารถ “ยุติสงครามใน 24 ชั่วโมง” หากได้กลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้งก็ตาม โดยยอมรับว่า ทั้งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ต่างก็สร้างความยุ่งยากในเวทีเจรจา

เมื่อถูกถามว่าเหตุใดจึงยังไม่สามารถยุติสงครามได้ ทรัมป์ตอบว่า “เพราะมันยากกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการ” พร้อมเผยว่าเคยมีปัญหากับเซเลนสกีในบางช่วง แต่การพบกันล่าสุดนั้นเป็นไปด้วยดี และไม่ได้มีการหารือเรื่องหยุดยิงโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ระบุว่า เซเลนสกีต้องการยุติสงคราม และตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า เขากำลังพิจารณาส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ "แพทริออต" (Patriot) ให้ยูเครน แม้จะยอมรับว่าอาวุธเหล่านี้หายาก เพราะสหรัฐฯ เองก็ต้องการใช้ และบางส่วนได้ส่งให้กับอิสราเอลแล้ว

เมื่อถูกถามว่าสหรัฐฯ จะร่วมจ่ายเงินช่วยเหลือยูเครนในวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ ที่พันธมิตร NATO เสนอหรือไม่ ทรัมป์ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “เดี๋ยวค่อยว่ากัน” ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่ารัฐบาลวอชิงตันจะสนับสนุนความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเพิ่มเติมหรือไม่

‘อิหร่าน’ ในวันที่สูญเสียจาก ‘อิสราเอล’ โจมตี แม้ประเทศเสียหายแต่หัวใจคนอิหร่านกลมเกลียว

หนึ่งประเทศ หนึ่งใจ (One Nation, One Heart) การรุกรานของอิสราเอลทำให้ชาวอิหร่านสามัคคีกันมากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร?

มุมมองของ Soheila Zarfam จาก Tehran Times

'One Nation, One Heart' เป็นคำขวัญที่ใช้กันในอิหร่าน ซึ่งเน้นย้ำถึงความเป็นเอกภาพและความรักชาติของชาวอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งหรือความตึงเครียดกับอิสราเอล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวอิหร่านที่เกิดขึ้นจากการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ภายนอก

เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย. 68) เป็นวันพุธที่น่าประหลาดใจในเตหะราน หนึ่งวันหลังจากการสู้รบระหว่างอิหร่านและอิสราเอลยุติลง ผู้คนออกมาทำงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อน ๆ และทางตอนใต้ ณ สุสานเบเฮชท์-เอ-ซาฮรา ก็มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดในรอบหลายปี

มีการจัดงานศพหลายงานที่นั่น มีทั้งศพของคนหนุ่มสาว คนชรา ชาย และหญิง ห่อด้วยผ้าขาวที่ชาวมุสลิมใช้ฝังศพ บรรยากาศน่าขนลุก มีผู้คนจำนวนมากร้องไห้ แต่ก็มีบางคนที่ดูหนักแน่นละมั่นคง แม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะแสดงออกถึงความเศร้าโศกก็ตาม

ผู้เขียนพูดคุยกับผู้ร่วมไว้อาลัยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงที่กำลังฝังศพพี่ชายของเธอ เธอสวมชุดคลุมสีดำแบบอิหร่าน ข้าง ๆ เธอมีผู้คนที่แต่งตัวไม่เหมือนเธอเลย พวกเขาสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ และสวมฮิญาบ "ฉันสูญเสียพี่ชายไประหว่างการโจมตีของอิสราเอล เขาเป็นทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพ" ผู้หญิงคนดังกล่าวอธิบาย 'ซาห์รา' ซึ่งเป็นชื่อที่เธอใช้เอง บอกว่าเธอมาจากครอบครัวที่เสียสละสมาชิกจำนวนมากเพื่อประเทศ "ลุงของฉันสองคนเสียชีวิตในสงครามอิหร่าน-อิรัก พ่อของฉันก็เป็นทหารในสงครามนั้นด้วย เราคุ้นเคยกับการได้ยินและพูดคุยเกี่ยวกับผู้พลีชีพ แต่เราไม่เคยคิดว่าเราจะพูดถึงพี่ชายวัย 23 ปีของฉันในลักษณะเดียวกันอีก"

ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างซาห์ราไม่ใช่ญาติกับเธอ พวกเธอมาเมื่อพวกเธอรู้ว่า มีผู้พลีชีพถูกฝัง คนแปลกหน้าอีกหลายสิบคนก็มารวมตัวกันรอบหลุมศพที่เพิ่งขุดใหม่เพื่อแสดงความเสียใจและสวดมนต์ ผู้เขียนถามผู้หญิงคนหนึ่งจากสองคนที่สะดุดตาผู้เขียนเกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อที่เราได้ยินจากสื่อเปอร์เซียที่ตั้งอยู่ในตะวันตกว่า สงครามครั้งนี้เป็นสงครามของสาธารณรัฐอิสลาม และคนไม่เคร่งศาสนาควรแยกตัวจากกองทัพ "เราอยู่ที่นี่เพื่อประเทศของเรา ไม่สำคัญว่าเราจะนับถือศาสนาหรือการเมืองแบบใด เมื่อเป็นเรื่องของอิหร่าน เราพร้อมเสมอที่จะต่อสู้เพื่อมันและยอมสละชีวิต" เธอกล่าวขณะที่ใช้มือบังตาจากแสงแดด

การสร้างความแตกแยกและการแบ่งแยกเป็นวาระสำคัญของศัตรูในช่วงสงคราม 12 วันที่พวกเขาทำกับอิหร่าน ชาวอเมริกันและชาวอิสราเอลได้ขอให้ลูกชายของชาห์ผู้ถูกปลดออกจากอำนาจออกมาประกาศว่า เขาพร้อมที่จะเข้ารับตำแหน่ง อดีตมกุฏราชกุมารผู้ตกงานและหลงผิดคนนี้ถูกเรียกในอิหร่านว่า "เด็กโข่ง" ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่นักวิชาการชาวอิหร่านที่มีชื่อเสียงมอบให้กับเขาหลังจากที่เขาสนับสนุนสงครามของอิสราเอลต่อประเทศของเขา

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างชาวอิหร่านกลับแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ทรัมป์กล่าวว่าประชาชนควร "อพยพออกจากเตหะราน" ผู้คนนับล้านทั่วประเทศก็ใช้โซเชียลมีเดียประกาศว่าพวกเขาพร้อมที่จะต้อนรับชาวอิหร่านในบ้านของตนเองแล้ว บนท้องถนน ประชาชนออกมาแจกเครื่องดื่มและอาหารแก่กองกำลังรักษาความปลอดภัยที่กำลังตามหาสายลับมอสสาด ส่วนในร้านขายของชำและปั๊มน้ำมัน ผู้คนระมัดระวังไม่ซื้อของมากเกินความจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนสินค้าและเชื้อเพลิง

ในวันอังคารและวันพุธ เจ้าหน้าที่ทหารและการเมืองต่างยกย่องความสามัคคีและความรักชาติว่า เป็นหัวใจสำคัญของชัยชนะของอิหร่านเหนืออิสราเอล ซึ่งเริ่มสงครามกับอิหร่านโดยคิดว่า จะสามารถล้มรัฐบาล โดยการทำลายเสถียรภาพของประเทศ และทำลายกองทัพตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานให้สิ้นซาก

เมื่อผู้เขียนกลับมาถึงบ้านพักในเตหะรานตะวันออก เพื่อนบ้านคนหนึ่งนำ "นาซรี" มาให้ผู้เขียน ซึ่งเป็นอาหารที่ชาวอิหร่านทำและแจกจ่ายให้ผู้อื่นหลังจากที่พวกเขาอธิษฐานขอสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากพระเจ้า "ผู้เขียนขอให้เราสามัคคีกันและเอาชนะศัตรู" เพื่อนบ้านของผู้เขียนกล่าว เธอเป็นผู้หญิงที่ใกล้จะอายุ 70 ปีแล้ว เธอเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าความสามัคคีและความสอดคล้องกันที่เธอเห็นในช่วงวันสุดท้ายทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงสงครามอิหร่าน-อิรัก "ผู้เขียนคิดว่าตราบใดที่ชาวอิหร่านยังมีชีวิตอยู่ การปกป้องประเทศจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา ไม่มีใครสามารถพรากสิ่งนี้ไปจากเราได้"

‘ทหารผ่านศึกยูเครน’ เดินหน้าประท้วงรัฐ ‘เมินสวัสดิการ’ ไล่พวกคอร์รัปชัน มีแต่คนรวยเพิ่ม ทำทหารเกณฑ์หาย

(26 มิ.ย. 68) เกิดการประท้วงเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงในยูเครน แม้เป็นภาพที่เห็นแทบทุกสัปดาห์ แต่ครั้งนี้กลับไม่ธรรมดา เพราะมีผู้ร่วมประท้วงเกือบพันคน และส่วนใหญ่เป็นทหารอาสาสมัครและอดีตผู้ร่วมรบจากสงครามกับรัสเซีย นี่จึงเป็นปรากฏการณ์ใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ

ผู้ประท้วงยกประเด็นคอร์รัปชันที่รุนแรงและแทรกซึมในระบบระหว่างช่วงสงคราม พวกเขามองว่า เงินงบประมาณถูกใช้ผิดจุด จนเกิดการขาดสวัสดิการและความโปร่งใส โดยเฉพาะในหน่วยทหารที่บาดเจ็บ และขาดการดูแลที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ครอบครัวของทหารที่ถูกบังคับเกณฑ์ ทั้งที่เสียสละชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ยังออกมาเรียกร้องให้ทางการเร่งเจรจาขอแลกเชลยกับรัสเซีย และจัดตั้งระบบดูแลทหารที่ชัดเจน พวกเขาต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่แก้ไขแบบผิวเผิน

ข้อมูลจากสื่อยูเครนยังระบุว่า ช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา บรรดามหาเศรษฐีในประเทศเพิ่มจำนวนอย่างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งได้มาจากการจ่ายสินบนเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร หรือจ่ายเพื่อหลีกหนีออกนอกประเทศ นี่จึงสะท้อนให้เห็นภาพของ “สงครามคอร์รัปชัน” ที่เกิดขึ้นควบคู่กับสมรภูมิรบจริง ๆ

สมุทรปราการ-ครบรอบ 32 ปี รพ.ไทยนครินทร์ จัดงานฉลองลงนาม MOU 

(26 ม.ค. 68) โรงพยาบาลไทยนครินทร์ฉลองวาระครบรอบ 32 ปีของการให้บริการทางการแพทย์ ด้วยบทพิสูจน์แห่งการเติบโตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง พร้อมตอกย้ำบทบาทใหม่ในฐานะ ‘Trustable Health Partner’ ที่มากกว่าการเป็นโรงพยาบาล ด้วยแนวคิดที่เน้นการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนและใส่ใจในทุกมิติของประชาชนทุกคน
นพ.เจริญ มีนสุข ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของความมั่นใจว่า “โรงพยาบาลไทยนครินทร์เปิดให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2536 

ด้วยปณิธานในการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบางนา โดยเริ่มต้นจาก 6 แผนกหลัก ได้แก่ อายุรกรรม ศัลยกรรม สูติ-นรีเวช ตา-หู-คอ-จมูก ทันตกรรม และกุมารเวชกรรม และด้วยแรงสนับสนุนจากความไว้วางใจของผู้รับบริการ โรงพยาบาลฯ จึงเติบโตและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา โดยขยายบริการดูแลรักษาเฉพาะทางอย่างต่อเนื่อง อาทิ แผนกสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization) และศูนย์ไตเทียม เพื่อรองรับผู้ป่วยโรคหัวใจและไตอย่างมีประสิทธิภาพ 

ต่อเนื่องด้วยการเปิดศูนย์มะเร็งโฮลิสติค เพื่อดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวมทั้งร่างกายและจิตใจ ศูนย์โรคทางเดินอาหาร และศูนย์โรคเต้านม เพื่อรองรับโรคเฉพาะทางอย่างครอบคลุม รวมไปถึงศูนย์สมองและระบบประสาท ยกระดับการดูแลผู้ป่วยด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากการดูแลรักษาด้วยความใส่ใจ ความเข้าใจในความต้องการของผู้รับบริการ รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้บริการทางการแพทย์มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด จากจุดเริ่มต้นที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวบางนา 

ต่อมาเราได้ขยายการบริการไปสู่ประชาชนในเขตกรุงเทพตะวันออก และภาคตะวันออกของประเทศไทย และวันนี้เราพร้อมที่จะก้าวสู่การให้บริการระดับสู่สากล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยต่างชาติอย่างเต็มศักยภาพ” 
ด้านคุณฐิติ สิหนาทกถากุล ประธานบริหาร ได้พูดถึงการปรับตัวเพื่อความยั่งยืน พร้อมเดินหน้าสู่อนาคต “นอกจากการดูแลรักษาโรคแล้ว โรงพยาบาลไทยนครินทร์ยังมุ่งสู่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และการแพทย์แม่นยำที่ตอบโจทย์การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลไทยนครินทร์ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด 

เพื่อตอบรับกับแนวโน้มการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและการแพทย์สมัยใหม่ที่เน้นการป้องกันและความแม่นยำเฉพาะบุคคล โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเราได้เปิดตัว Thainakarin Wellness Center ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพองค์รวม ที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการส่งเสริมสุขภาวะในทุกมิติของชีวิต หลังจากนั้นเราก็เปิดให้บริการ Linac Center ศูนย์รังสีรักษามะเร็งด้วยเทคโนโลยี Vital Beam ที่ทันสมัย สามารถควบคุมการกระจายของรังสีได้อย่างแม่นยำ ลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อปกติ และเพื่อรองรับแนวโน้มกลุ่มโรคอ้วนและกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ด้วยแนวทางการดูแลรักษาแบบองค์รวมทั้งร่างกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิต (Life Style) มีการเปิดศูนย์ Healthy Weight Center 

และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลไทยนครินทร์ได้ยกระดับการดูแลผู้ป่วยมะเร็งไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Thainakarin Precision Oncology Center (TPOC) ศูนย์มะเร็งมุ่งเป้าเฉพาะบุคคล ที่นำเทคโนโลยีการรักษาและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาปรับใช้กับการรักษาเฉพาะผู้ป่วยแต่ละรายอย่างแม่นยำและตรงจุด”
ล่าสุด โรงพยาบาลไทยนครินทร์ยังได้ขยายความร่วมมือในระดับนานาชาติ ด้วยการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท อาซานดา จำกัด (AASANDHA Co., Ltd.) จากประเทศมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐด้านสุขภาพที่สำคัญของประเทศ ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่การดูแลผู้ป่วยต่างชาติด้วยมาตรฐานทางการแพทย์ระดับสากล ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนการรักษา การเดินทาง การพักฟื้น ตลอดจนบริการเฉพาะทางที่ครอบคลุมทุกมิติของสุขภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนพันธกิจ “Growing with Trust” อย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของความเชื่อมั่นที่ขยายข้ามพรมแดน และความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรสุขภาพที่เชื่อถือได้ในระดับภูมิภาค 

นอกจากนี้ยังได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสุขภาพโดยการขยายเครือข่ายพื้นที่ให้บริการเพื่อเข้าถึงชุมชนมากยิ่งขึ้น โดยเปิดให้บริการ ไทยนครินทร์คลินิกเวชกรรม ตลาดทิพย์เกสร, โรงพยาบาลเฉพาะทางเต้านมและนรีเวชไทยนครินทร์ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงการร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคมเพื่อดูแลผู้ประกันตนด้านโรคหัวใจทั่วประเทศใน 4 หัตถการสำคัญเพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงการรักษาที่รวดเร็วขึ้น  ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงเป้าหมายของไทยนครินทร์ในการเป็น “ระบบสุขภาพที่ครบทุกมิติ” โดยไม่ยึดติดเพียงบทบาทของโรงพยาบาลเท่านั้น “เพราะเราเป็นมากกว่าโรงพยาบาล” เปรียบเสมือนผู้ที่เดินทางเคียงข้างกัน พร้อมดูแลกันในทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิต โรงพยาบาลไทยนครินทร์เราไม่ได้เติบโตจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว หากแต่เติบโตจากความไว้วางใจที่ผู้ป่วยและครอบครัวมอบให้ โดยสะท้อนผ่านการออกแบบบริการที่เข้าใจทุกมิติของมนุษย์ ล่าสุดได้เปิดศูนย์สุขภาพเพศไทยนครินทร์ (Thainakarin Safe Space Center) เพื่อเป็นพื้นที่แห่งสุขภาพดีและปลอดภัยสำหรับทุกความแตกต่างหลากหลายทางเพศและอัตลักษณ์ รวมถึงการเปิด Bone and Body Wellness Center ที่พร้อมให้การดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ให้การรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Medicine) ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางและสหสาขาวิชาชีพ (Multidisciplinary Team: MDT)

เพื่อเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้ดีขึ้น
โรงพยาบาลไทยนครินทร์ในวันนี้เติบโตด้วยความไว้วางใจ (Growing with Trust) ก้าวสู่ปีที่ 32 อย่างสง่างาม ในบทบาทที่ชัดเจนยิ่งกว่าการเป็นสถานพยาบาล นั่นคือ “Trustable Health Partner” ที่พร้อมเดินเคียงข้างทุกคนในทุกช่วงของชีวิต ด้วยหัวใจที่เชื่อมั่นในศักยภาพและพลังของสุขภาพที่ดี “เพราะสุขภาพไม่ใช่แค่การรักษา แต่คือการได้รับความไว้วางใจให้เราดูแล” 

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘วินทร์ เลียววาริณ’ ชี้!! อเมริกามีแต่ฮีโร่ในหนัง ส่วนในโลกจริง มีแต่นักการเมืองคิดแค่จะรบ

(26 มิ.ย. 68) วินทร์ เลียววาริณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 และเป็นนักเขียนที่ได้รับ รางวัลซีไรต์ ถึง 2 ครั้ง โพสต์เฟซบุ๊กว่า หลายวันนี้ผมเขียนบทบาทด้านลบของการเมืองสหรัฐอเมริกาหลายตอน ขอบอกว่าผมไม่ได้เขียนเพราะเกลียดอเมริกัน ว่ากันตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ล้วนๆ และก็ไม่ได้สรุปว่าสหรัฐฯเลวทั้งประเทศ

แค่บอกว่านักการเมืองของเขาเลวใช้การได้เลย

ผมเคยไปเรียนและทำงานที่สหรัฐฯ เรียนรู้มากมายจากประเทศนี้ ยุคที่ผมไปอยู่ที่นั่น ยังไม่มีกระแส Asiaphobic ผลักชาวเอเชียตกรางรถไฟ อเมริกันที่ผมรู้จักก็เป็นคนที่ฉลาด นิสัยดี คบหาได้

สหรัฐฯมีนักคิด นักวิทยาศาสตร์ คนทำงานสร้างสรรค์นับไม่ถ้วน สร้างประโยชน์ให้ชาวโลกมหาศาล อเมริกามีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก มหาวิทยาลัย Top 10 เป็นของสหรัฐฯเสียกว่าครึ่ง อเมริกาเป็นประเทศที่ได้รับรางวัลโนเบลมากที่สุดในโลก อเมริกันคิดค้นอะไรใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา เพราะสังคมแบบ American Dream เอื้อให้คนคิดสร้างสรรค์เต็มที่ เพราะรู้ว่ามีสิทธิ์รวยได้

นี่คือจุดแข็งของอเมริกา

แต่จุดอ่อนคือนักการเมือง ในมุมมองที่ผมเห็น การเมืองสหรัฐฯดูเหมือนไปทิศทางเดียวมาตลอด สกปรกโสมมสม่ำเสมอ

ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะเมื่อเทียบกับประเทศจีนที่ล้าหลังกว่าหลายปีแสง จีนใช้เวลา 40 ปีสร้างประเทศจากศูนย์ ดึงคนพ้นความยากจนหลายร้อยล้านคน สร้างทางรถไฟ สร้างโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ เปลี่ยนทะเลทรายเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ฯลฯ แต่ 40 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯยังไม่มีรถไฟความเร็วสูง (bullet trains) สักสายเดียว ยาเสพติดระบาด ปืนเกลื่อนเมือง ฆ่าหมู่เป็นประจำ ความเหลื่อมล้ำในสหรัฐฯสูงมาก (อาจเพราะเหตุนี้หรือไม่ที่ประเทศนี้เต็มไปด้วยซูเปอร์ฮีโร่?)

ในเมื่อสหรัฐฯเต็มไปด้วยคนเก่ง วิทยาการสูงส่ง ทำไมบ้านเมืองจึงเป็นอย่างที่เป็น?

ในคหสต. คำตอบก็น่าจะคือนักการเมือง เพราะแทนที่จะเอาสมองชั้นยอดไปพัฒนาประเทศ กลับไปพัฒนาอาวุธ ก่อสงครามทุกมุมโลก นักการเมืองกระเหี้ยนกระหือรืออยากทำสงคราม ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าทำไปทำไม เหมือนได้รับใบสั่งมา

สหรัฐฯมีฐานทัพนอกประเทศอย่างน้อย 128 แห่งทั่วโลก สหรัฐฯวีโต้คว่ำทุกมติของนานาชาติ (โดยเฉพาะมติที่ไม่เป็นผลดีต่ออิสราเอล) ส่งอาวุธไปร่วมโรงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา ถอนตัวจากการแก้ปัญหาโลกร้อน ไม่แยแสกฎระเบียบนานาชาติ ไม่สนใจความชอบธรรม ความยุติธรรม มนุษยธรรม

นี่ไม่ได้พูดเพราะอารมณ์พาไป นี่ว่าตามหลักฐานที่ปรากฏ นี่ก็คือภาพที่ชาวโลกเห็น

เมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นไม่ว่าที่มุมไหนในโลก โฆษกทำเนียบขาวก็มักจะโผล่หน้ามาเอ่ย "เราเป็นห่วงสถานการณ์ที่ประเทศยูจังเลย"

แต่กลับไม่ห่วงประเทศตัวเอง ไม่ได้ห่วงว่าทำไมชาวอเมริกันจ่ายภาษีไปเป็นค่าอาวุธไปให้ชาติอื่นเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

จะรู้ว่ามันเริ่มต้นมาได้อย่างไร ก็ต้องศึกษาประวัติศาสตร์

สงครามโลกครั้งที่สองน่าจะเป็นจุดเปิด Pandora's box เมื่อประเทศในยุโรปพังพินาศ ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกล้มระเนระนาด แต่อเมริกาปลอดภัย ด้วยแสนยานุภาพทางทหาร ทันใดนั้นอเมริกาก็มองเห็นโอกาสที่จะเป็นเจ้าโลก

สหรัฐฯต่อสู้กับโซเวียตในช่วงสงครามเย็นยาวนาน สมัยผมเป็นเด็ก สำนักข่าวสารอเมริกันพิมพ์นิตยสารแจกคนไทย มีทั้งความรู้และโฆษณาชวนเชื่อผสมกัน โดยเฉพาะเรื่องภัยคอมมิวนิสต์ ตอนนั้นเด็กไทยกลัวคอมมิวนิสต์ คิดว่าเป็นผีชนิดหนึ่ง จับเด็กไปฆ่า

เด็กไทยก็โตมาแบบนี้ มีภาพว่าอเมริกาคือมหามิตร

จนเมื่อโซเวียตล้ม (เพราะตัวมันเอง ไม่ใช่เพราะสหรัฐฯ) สหรัฐฯก็กลายเป็น Unipolar power ใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในโลกา แต่ไม่สบายใจเมื่อจีนมาหายใจรดต้นคอ ซึ่งเป็นภาคบังคับ เพราะเศรษฐกิจจีนจะใหญ่กว่าสหรัฐฯในไม่กี่ปีข้างหน้า

นี่ก็คือเหตุผลที่ผู้นำสหรัฐฯต้องตีประเทศจีนสามเวลาหลังอาหาร เสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการเพิ่มรอบเช้า 10.00 น.

และนี่ส่งผลย้อนกลับ (backfire) เช่น การสกัดจีนเรื่องชิปยิ่งทำให้จีนรีบพัฒนาชิปเร็วขึ้นกว่าเดิม

อเมริกาเป็นประเทศที่รวมทั้งคนดีและคนไม่ดี มีบริษัทยาที่ค้ากำไรเกินควร แต่ก็มีคนอย่าง โจนาส ซอล์ค (Jonas Salk) ที่คิดค้นวัคซีนโรคโปลิโอสำเร็จ แล้วมอบให้ชาวโลกโดยไม่รับสิทธิบัตร มีคนอย่าง จอร์จ โซรอส ที่คนไทยจดจำได้ดีจากเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง แต่ก็มีคนใจบุญอย่าง ชัค ฟีนีย์ (Chuck Feeney) ที่สร้างมหาวิทยาลัยไปทั่วโลก

ความสัมพันธ์ของชาวโลกกับสหรัฐฯจึงเป็น love-hate relationship เรายอมรับความเก่งของเขา แต่เราก็กลัวความบ้าของเขา ไม่มีชาติใดในโลกอยากรบกับอเมริกัน ไม่มีใครอยากสู้กับหมาบ้า

ลีกวนยูเคยบอกว่า "ถามว่าผมอยากเหมือนอเมริกาไหม ใช่ ในด้านความสามารถประดิษฐ์คิดค้น ในด้านความคิดสร้างสรรค์... แต่อเมริกาที่ไร้ความสามารถควบคุมปัญหายาเสพติด - ไม่อยาก! หรือปัญหาปืน ไม่อยาก!"

ในปี 1961 สิงคโปร์จับซีไอเอสามคนข้อหาล้วงความลับ อเมริกาเสนอให้เงินสินบนหนึ่งล้านแก่พรรค PAP ของลีกวนยูเพื่อให้ปล่อยตัวคนของตน ลีกวนยูบอกว่า “อเมริกาซื้อผู้นำเวียดนามและประเทศอื่น ๆ มากจนคิดว่าผู้นำทุกคนในโลกซื้อได้หมด”

ลีกวนยูบอกว่าปัญหาของพวกตะวันตกคือ "hubris" (กร่าง โอหัง) hubris นี่จะทำลายตัวเอง

คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ไม่ต่างจากไทยหรือประเทศอื่นๆ จะพัฒนาการเมืองอเมริกาได้ ก็ต้องพัฒนาคนก่อน

ในคหสต. ปัญหาของคนอเมริกันคือความรู้รอบตัวต่ำมาก เมื่อได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน นักการเมืองพันธุ์กระหายเลือดก็ยังคงอยู่ได้ต่อไป และทำให้โลกป่วน สหรัฐฯสามารถยุติสงครามใหญ่ๆ ในวันนี้ได้ในอึดใจเดียว แต่เลือกไม่ทำ

โลกเรากว้างใหญ่พอที่ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ แต่ไม่ใหญ่พอสำหรับพวกที่มีอีโก้สูงกว่าภูเขาเอเวอเรสต์ และความโลภลึกกว่า Mariana Trench

ไม่ว่าจักรวรรดิอเมริกาจะยิ่งใหญ่แค่ไหน วันหนึ่งมันก็เสื่อมและล้ม (บางคนว่ามันอยู่ในช่วงสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว) นี่ไม่ได้แช่ง แต่มันเป็นสัจธรรมโลก ประวัติศาสตร์หลายพันปีนี้สอนเราว่า ทุกจักรวรรดิล่มสลายเสมอ จำนวนมากล่มเพราะตัวเอง จักรวรรดิโรมัน จักรวรรดิอังกฤษ ("อาทิตย์ไม่เคยตกดิน") ล้วนล่มสลายไปเรียบร้อยแล้ว

มันเป็นสัจธรรมเช่นนั้นเอง

วินทร์ เลียววาริณ
25-6-25

สำนักงานตำรวจแห่งชาติผนึกกำลังทุกภาคส่วนเปิดแคมเปญ “รีบโอนโจรยิ้ม” ชวนคนไทย "Strike Back” โต้กลับภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์  

(26 มิ.ย. 68) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการ “Thai Cyber Ranger” แคมเปญ “รีบโอนโจรยิ้ม” ชวนคนไทย "Strike Back” โต้กลับภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) , พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตร์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. และ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผบก.อก.บช.สอท. ร่วมกับ คุณตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป, รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี /ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต, คุณสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด และ คุณสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจต่างประเทศและบริการดิจิทัล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น , อินฟลูเอนเซอร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ในนามกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ได้ร่วมกับ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) , บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน), มูลนิธิพระราหู, บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และภาคเอกชนต่างๆ ได้ร่วมกันเปิดโครงการรณรงค์ ภายใต้ชื่อแคมเปญ “รีบโอนโจรยิ้ม” จุดประสงค์เพื่อชวนคนไทย "Strike Back” โต้กลับภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยโครงการดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป 

แคมเปญ “รีบโอนโจรยิ้ม” อยู่ภายใต้โครงการ “Thai Cyber Ranger” ที่ได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้แนวคิดอันสะท้อนภาพของภัยใกล้ตัวในยุคดิจิทัลอย่างชัดเจน เปรียบเสมือนการเตือนสติประชาชนให้รู้เท่าทันเล่ห์กลของมิจฉาชีพในโลกไซเบอร์ เพื่อมุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล ให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตบนโลกออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย รู้เท่าทันกลลวงอันซับซ้อนที่ซ่อนอยู่หลังหน้าจอ โดยมีเป้าหมายสำคัญที่สุดคือ ประชาชนปลอดภัย ไม่โอนเงินให้มิจฉาชีพ โดยวัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ให้ประชาชนระวังตัวก่อน “คลิก” ทุกครั้ง , กล้าตั้งคำถามก่อน “เชื่อ” ทุกข้อความ , ใช้วิจารณญาณก่อน “โอน” ทุกบาท โดยการกระตุ้นให้ตระหนักถึงภัยคุกคามทางเทคโนโลยีที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้งานโซเชียลมีเดีย หรือการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ 

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังปลูกฝังจิตสำนึกแห่งความระมัดระวังให้ประชาชน ด้วยการรู้จักตั้งข้อสงสัยเมื่อได้รับข้อความ โทรศัพท์ หรือการติดต่อจากบุคคลที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานทางกฎหมาย หรือสถาบันทางการเงิน ซึ่งในหลายกรณีมักใช้เทคนิคการโน้มน้าวทางจิตวิทยา การใช้เทคโนโลยีปลอมแปลงขั้นสูง เช่น Deepfake และการส่งลิงก์ปลอมหลอกให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว โดยโครงการนี้ตั้งเป้าหมายเข้าถึงประชาชนไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนในช่วง 2 เดือนแรก และคาดว่าสามารถช่วยลดจำนวนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีมูลค่าความเสียหายไม่เกิน 1 ล้านบาท (ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นกว่า 90% ของคดีทั้งหมด) ได้ไม่น้อยกว่า 10% ภายในสิ้นปีนี้

โครงการ “Thai Cyber Ranger” มีกิจกรรมรณรงค์ด้วย 2 ช่องทางหลัก ได้แก่
1. ช่องทางออนไลน์ (Online Campaign) โดยผู้ร่วมแคมเปญร่วมกันเผยแพร่คลิปวิดีโอเตือนภัย, อินโฟกราฟิก, และกิจกรรมออนไลน์ในรูปแบบ Challenge ผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น Facebook, TikTok, Instagram, YouTube และ Threads โดยใช้ Influencer จากหลายสาขา เป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหาเตือนภัยในรูปแบบสร้างสรรค์ พร้อมด้วยการติดแฮชแท็ก #รีบโอนโจรยิ้ม และสโลแกนเตือนสติ “รีบโอน = โจรยิ้ม” 

2. ช่องทางออฟไลน์ (On-Ground Campaign) โดยผู้ร่วมแคมเปญร่วมกันจัดแสดงสื่อประชาสัมพันธ์ตามจุดยุทธศาสตร์ เช่น จอ LED บนรถไฟฟ้า BTS/MRT และสื่อภายในร้าน 7-Eleven กว่า 15,000 สาขาทั่วประเทศ พร้อมกิจกรรมภาคสนามในพื้นที่ชุมชน เช่น การจัดนิทรรศการ บรรยายความรู้ การแจกสื่อเตือนภัยไซเบอร์ เป็นต้น 

นอกจากนี้ ภายในงานเปิดตัว ยังมีการจัดเสวนา “รู้ทันภัยไซเบอร์” นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., คุณตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป, รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี /ประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต, คุณสถาพร คิ้วสุวรรณสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด และคุณสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ หัวหน้าสายงานธุรกิจต่างประเทศและบริการดิจิทัล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยมี ประวีณมัย บ่ายคล้อย ผู้ประกาศข่าวชื่อดังเป็น ผู้ดำเนินรายการ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงจากผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อ และยังมีการจัด Workshop จำลองสถานการณ์หลอกลวงแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถสังเกต "Red Flag" หรือ สัญญาณอันตรายได้อย่างแม่นยำ

‘ฮุนเซน’ โต้ข่าวปลด ผบ.ทบ. เสียบตำแหน่งแทน ลั่นไม่จำเป็น เพราะตนเป็นรองแค่กษัตริย์เท่านั้น

'ฮุนเซน' โพสต์โวยสื่อไทยตีข่าวปลด ผบ.ทบ.แล้วตั้งตัวเองเป็นแทน ลั่น ไม่จำเป็น เพราะในกัมพูชาตนเป็นรองกษัตริย์เท่านั้น 

(26 มิ.ย. 68) เมื่อเวลา 16.11 น. ในเฟซบุ๊ก Somdech Hun Sen of Cambodia ของนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการโพสต์ข้อความว่า

“ข้าพเจ้าไปเยี่ยมทหาร เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่พลัดถิ่นในจังหวัดอุดรมีชัยและพระวิหาร

“ข้าพเจ้าไม่ได้ไปออกคำสั่งในนามของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้บัญชาการทหารบก แต่ไปเยี่ยมให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือกองทัพที่กำลังปกป้องประเทศและดินแดน

“ผู้บัญชาการทหารบกเรียกข้าพเจ้าว่า เจ้าหน้าที่สนับสนุนอาวุโส ข้าพเจ้ายินดีช่วยสนับสนุนด้านการสนับสนุน นอกเหนือจากการสนับสนุนของรัฐบาล

“ตำแหน่งนี้ไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งเพราะเป็นเรื่องตลก หนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งรายงานว่า ข้าพเจ้าปลดผู้บัญชาการทหารบกและแต่งตั้งตนเองเป็นผู้บัญชาการทหารบกเพื่อเตรียมการโจมตีประเทศไทย

“ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่าถ้าคุณจะบ้าคุณก็บ้าไปเถอะ ข้าพเจ้าเป็นคนที่สองรองจากกษัตริย์ ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นผู้บัญชาการทหารบก แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ข้าพเจ้าก็จะไม่ทำเช่นนั้นอีกต่อไป หยุดเถอะ และอย่ามารุกรานหน้า Facebook ของข้าพเจ้าอีกเลย” นายฮุนเซนระบุ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top