‘อิหร่าน’ ในวันที่สูญเสียจาก ‘อิสราเอล’ โจมตี แม้ประเทศเสียหายแต่หัวใจคนอิหร่านกลมเกลียว

หนึ่งประเทศ หนึ่งใจ (One Nation, One Heart) การรุกรานของอิสราเอลทำให้ชาวอิหร่านสามัคคีกันมากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร?

มุมมองของ Soheila Zarfam จาก Tehran Times

'One Nation, One Heart' เป็นคำขวัญที่ใช้กันในอิหร่าน ซึ่งเน้นย้ำถึงความเป็นเอกภาพและความรักชาติของชาวอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งหรือความตึงเครียดกับอิสราเอล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาวอิหร่านที่เกิดขึ้นจากการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ภายนอก

เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย. 68) เป็นวันพุธที่น่าประหลาดใจในเตหะราน หนึ่งวันหลังจากการสู้รบระหว่างอิหร่านและอิสราเอลยุติลง ผู้คนออกมาทำงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อน ๆ และทางตอนใต้ ณ สุสานเบเฮชท์-เอ-ซาฮรา ก็มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดในรอบหลายปี

มีการจัดงานศพหลายงานที่นั่น มีทั้งศพของคนหนุ่มสาว คนชรา ชาย และหญิง ห่อด้วยผ้าขาวที่ชาวมุสลิมใช้ฝังศพ บรรยากาศน่าขนลุก มีผู้คนจำนวนมากร้องไห้ แต่ก็มีบางคนที่ดูหนักแน่นละมั่นคง แม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะแสดงออกถึงความเศร้าโศกก็ตาม

ผู้เขียนพูดคุยกับผู้ร่วมไว้อาลัยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงที่กำลังฝังศพพี่ชายของเธอ เธอสวมชุดคลุมสีดำแบบอิหร่าน ข้าง ๆ เธอมีผู้คนที่แต่งตัวไม่เหมือนเธอเลย พวกเขาสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ และสวมฮิญาบ "ฉันสูญเสียพี่ชายไประหว่างการโจมตีของอิสราเอล เขาเป็นทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพ" ผู้หญิงคนดังกล่าวอธิบาย 'ซาห์รา' ซึ่งเป็นชื่อที่เธอใช้เอง บอกว่าเธอมาจากครอบครัวที่เสียสละสมาชิกจำนวนมากเพื่อประเทศ "ลุงของฉันสองคนเสียชีวิตในสงครามอิหร่าน-อิรัก พ่อของฉันก็เป็นทหารในสงครามนั้นด้วย เราคุ้นเคยกับการได้ยินและพูดคุยเกี่ยวกับผู้พลีชีพ แต่เราไม่เคยคิดว่าเราจะพูดถึงพี่ชายวัย 23 ปีของฉันในลักษณะเดียวกันอีก"

ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างซาห์ราไม่ใช่ญาติกับเธอ พวกเธอมาเมื่อพวกเธอรู้ว่า มีผู้พลีชีพถูกฝัง คนแปลกหน้าอีกหลายสิบคนก็มารวมตัวกันรอบหลุมศพที่เพิ่งขุดใหม่เพื่อแสดงความเสียใจและสวดมนต์ ผู้เขียนถามผู้หญิงคนหนึ่งจากสองคนที่สะดุดตาผู้เขียนเกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อที่เราได้ยินจากสื่อเปอร์เซียที่ตั้งอยู่ในตะวันตกว่า สงครามครั้งนี้เป็นสงครามของสาธารณรัฐอิสลาม และคนไม่เคร่งศาสนาควรแยกตัวจากกองทัพ "เราอยู่ที่นี่เพื่อประเทศของเรา ไม่สำคัญว่าเราจะนับถือศาสนาหรือการเมืองแบบใด เมื่อเป็นเรื่องของอิหร่าน เราพร้อมเสมอที่จะต่อสู้เพื่อมันและยอมสละชีวิต" เธอกล่าวขณะที่ใช้มือบังตาจากแสงแดด

การสร้างความแตกแยกและการแบ่งแยกเป็นวาระสำคัญของศัตรูในช่วงสงคราม 12 วันที่พวกเขาทำกับอิหร่าน ชาวอเมริกันและชาวอิสราเอลได้ขอให้ลูกชายของชาห์ผู้ถูกปลดออกจากอำนาจออกมาประกาศว่า เขาพร้อมที่จะเข้ารับตำแหน่ง อดีตมกุฏราชกุมารผู้ตกงานและหลงผิดคนนี้ถูกเรียกในอิหร่านว่า "เด็กโข่ง" ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่นักวิชาการชาวอิหร่านที่มีชื่อเสียงมอบให้กับเขาหลังจากที่เขาสนับสนุนสงครามของอิสราเอลต่อประเทศของเขา

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างชาวอิหร่านกลับแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ทรัมป์กล่าวว่าประชาชนควร "อพยพออกจากเตหะราน" ผู้คนนับล้านทั่วประเทศก็ใช้โซเชียลมีเดียประกาศว่าพวกเขาพร้อมที่จะต้อนรับชาวอิหร่านในบ้านของตนเองแล้ว บนท้องถนน ประชาชนออกมาแจกเครื่องดื่มและอาหารแก่กองกำลังรักษาความปลอดภัยที่กำลังตามหาสายลับมอสสาด ส่วนในร้านขายของชำและปั๊มน้ำมัน ผู้คนระมัดระวังไม่ซื้อของมากเกินความจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนสินค้าและเชื้อเพลิง

ในวันอังคารและวันพุธ เจ้าหน้าที่ทหารและการเมืองต่างยกย่องความสามัคคีและความรักชาติว่า เป็นหัวใจสำคัญของชัยชนะของอิหร่านเหนืออิสราเอล ซึ่งเริ่มสงครามกับอิหร่านโดยคิดว่า จะสามารถล้มรัฐบาล โดยการทำลายเสถียรภาพของประเทศ และทำลายกองทัพตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานให้สิ้นซาก

เมื่อผู้เขียนกลับมาถึงบ้านพักในเตหะรานตะวันออก เพื่อนบ้านคนหนึ่งนำ "นาซรี" มาให้ผู้เขียน ซึ่งเป็นอาหารที่ชาวอิหร่านทำและแจกจ่ายให้ผู้อื่นหลังจากที่พวกเขาอธิษฐานขอสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากพระเจ้า "ผู้เขียนขอให้เราสามัคคีกันและเอาชนะศัตรู" เพื่อนบ้านของผู้เขียนกล่าว เธอเป็นผู้หญิงที่ใกล้จะอายุ 70 ปีแล้ว เธอเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าความสามัคคีและความสอดคล้องกันที่เธอเห็นในช่วงวันสุดท้ายทำให้เธอหวนนึกถึงช่วงสงครามอิหร่าน-อิรัก "ผู้เขียนคิดว่าตราบใดที่ชาวอิหร่านยังมีชีวิตอยู่ การปกป้องประเทศจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา ไม่มีใครสามารถพรากสิ่งนี้ไปจากเราได้"