Tuesday, 20 May 2025
NewsFeed

รู้เรื่อง...ค่าไฟฟ้า (7) : ‘ไฟฟ้าสำรอง’ ปริมาณ เหตุผล และความจำเป็น

จากตอนที่แล้ว “รู้เรื่อง...ค่าไฟฟ้า (6) : ‘ไฟฟ้าสำรอง’ จำเป็นหรือไม่...ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าอย่างไร???” ได้เล่าถึง ‘การสำรองไฟฟ้า’ ในประเทศต่าง ๆ เพื่อให้การใช้ไฟฟ้ามีความเสถียร และเป็นการลดความเสี่ยงเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า สำหรับประเทศไทย ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2567 กระทรวงพลังงาน โดยนายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ปฏิบัติหน้าที่โฆษกกระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศไทยที่สูงถึง 50% นั้น ขอเรียนชี้แจงว่า กำลังการผลิตไฟฟ้าของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 25.5% เท่านั้น ซึ่งการคำนวณกำลังการผลิตไฟฟ้าจะต้องคำนวณจากการผลิตไฟฟ้าที่สามารถผลิตได้จริง ซึ่งไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานทดแทน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวล กลุ่มนี้ไม่สามารถพึ่งพาได้ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากปัจจัยช่วงเวลา ฤดูกาล จึงไม่สามารถนำมาคำนวณเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองที่แท้จริงได้ 

ทั้งนี้ กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา อาจจะสูงซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด จึงทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่การสร้างโรงไฟฟ้าต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าอาจจะไม่มีความสอดคล้องในช่วงระยะเวลาดังกล่าว แต่ในปัจจุบันหลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ความต้องการใช้ไฟฟ้ากลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองจึงไม่ได้สูงถึง 50% ตามที่มีการเผยแพร่ ด้าน  Peak Demand หรือความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของระบบทั้ง 3 การไฟฟ้า (กฟผ. กฟน. และ กฟภ.) ในปี พ.ศ. 2567 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 22.24 น. อยู่ที่ 36,792 เมกะวัตต์ ในระยะหลังการเกิด Peak จะเป็นช่วงกลางคืนซึ่งต่างจากในอดีต แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของประชาชนเปลี่ยนไป ทั้งนี้ การใช้ไฟฟ้าในช่วงดังกล่าว กำลังการผลิตไฟฟ้าที่พึ่งพาประมาณ 46,191 เมกะวัตต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองที่แท้จริงนั้นเพียง 25.5% เท่านั้น

เหตุผลหนึ่งที่ต้องมี ‘การสำรองไฟฟ้า’ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนต่างไม่ได้คาดคิดหรือนึกถึงมาก่อน และไม่มีการหยิบยกมาพูดเล่า บอกกล่าว อธิบายเลย นั่นก็คือ การผลิตไฟฟ้าจาก “พลังงานทดแทน (Alternative Energy) หรือ พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy)” ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan : AEDP2015) ที่ใช้ระหว่างปี พ.ศ. 2558-2579 โดยบูรณาการร่วมกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ซึ่งในแผน PDP ฉบับล่าสุด กำหนดว่า จะต้องมีการส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ในสัดส่วน 20% ในปี พ.ศ. 2579 แต่หากคิดรวมในภาพรวมทั้งที่ใช้ผลิตเป็นไฟฟ้า ความร้อน และเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง การส่งเสริมพลังงานทดแทนตามแผน AEDP2015 จะมีสัดส่วน 30% ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายในปี พ.ศ. 2579

โดยที่การผลิตไฟฟ้าจาก “พลังงานทดแทน หรือ พลังงานหมุนเวียน” ไม่ว่าจะเป็นจาก ‘พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy)’ หรือ ‘พลังงานลม (Wind Energy)’ แต่พลังงานทั้งสองแบบนี้ไม่สามารถควบคุมความสม่ำเสมอของการผลิตไฟฟ้า กรณีพลังงานแสงอาทิตย์ มาจากสภาพอากาศและดวงอาทิตย์ไม่ได้ส่องแสงตลอดเวลา แม้ว่า บ้านเราจะอยู่ในเขตภูมิอากาศร้อน แต่ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทำได้เพียง 6-8 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ถ้าไม่มีแบตเตอรี่เพื่อเก็บกักให้เพียงพอต่อการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ต้องมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอต่อ 16-18 ชั่วโมงที่ไม่มีพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย และหากความเข้มของพลังงานแสงอาทิตย์นั้นอาจไม่สูง และมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าในปริมาณมาก จึงจำเป็นต้องใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์และพื้นที่ติดตั้งที่มากตามไปด้วย ในกรณีของพลังงานลมก็เช่นกัน ลมในประเทศไทยมีความเร็วค่อนข้างต่ำ อีกทั้งความแรงของลมขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ ในบางฤดูอาจไม่มีลมเลยก็เป็นไปได้ จึงยากที่จะควบคุมความสม่ำเสมอได้

ดังนั้นเพื่อคง ‘ความสม่ำเสมอของพลังงานไฟฟ้า (Uniformity of Electric Energy)’ รัฐจึงต้องจัดให้มีกระแสไฟฟ้าสำรองไว้เป็นจำนวนมากเพื่อให้พลังงานไฟฟ้าเพียงพอต่อการใช้ไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศ ด้วยประสบการณ์การเกิด Blackout (เหตุการณ์ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง) ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับกินพื้นที่ 14 จังหวัดของภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร, ระนอง, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, พัทลุง, พังงา, กระบี่, ภูเก็ต, ตรัง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส มาแล้ว โดยภาคอุตสาหกรรมได้ประเมินความเสียหายในครั้งนั้นว่า ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมห้องเย็น แปรรูปประมง แปรรูปยางพารา ที่ได้รับความเสียหายจากการที่เครื่องจักรหยุดทำงานกะทันหัน ซึ่งอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยาง-ถุงยางอนามัย ได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นการผลิต 24 ชั่วโมง เรื่องนี้จึงทำให้แนวคิดของการสำรองกระแสไฟฟ้าแบบ ‘เหลือดีกว่าขาด’ จึงถูกนำมาใช้ในบ้านเราจนทุกวันนี้ และอีกหนึ่งประเด็นสำคัญอีกคือ การถูกคัดค้านการสร้างเขื่อนโดย NGO ก็เป็นส่วนหนึ่งซึ่งทำให้ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติม/ทดแทนจากพลังงานน้ำ (Water Energy) ได้ โดยการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานน้ำมีความสม่ำเสมอของพลังงานไฟฟ้ามากกว่าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม

พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ในยุคนี้แล้ว เพราะนอกจากฤดูร้อนที่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศนานกว่าปกติแล้ว ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลก็ต้องประสบภัยจากฝุ่น PM2.5 ทำให้ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศนานทั้งวัน และยังต้องใช้เครื่องฟอกอากาศอีกด้วย กว่าปกติแล้ว ดังนั้น ความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าของประเทศจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมผลิตไฟฟ้าสำรองในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งต้องมี ‘ค่าพร้อมจ่าย (Availability Payment หรือ ค่า AP)’ เป็นค่าความพร้อมเดินเครื่องเพื่อจ่ายไฟฟ้า เพื่อให้พลังงานไฟฟ้ามีความเสถียร สม่ำเสมอ แน่นอน เช่นทุกวันนี้ 

‘วิทยา’ ติดตามโครงการพัฒนา รพ.มหาราชเมืองคอน หลังช่วยประสานงานจนได้งบจาก สนง.สลากฯ 723 ล้าน

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายนนทิวรรธน์ นนทภักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายวิทยา แก้วภราดัย และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามโครงการพัฒนาโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถทางด้านอาคาร และอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการติดตามรักษาโรคมะเร็ง และโรคที่มีความขาดแคลนเครื่องมือ ซึ่งได้รับการอุดหนุนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในวงเงิน 723 ล้านบาท 

โดยงบประมาณอุดหนุนโครงการดังกล่าวนั้น นายวิทยา แก้วภราดัย ได้ดำเนินการประสานงานกับหลายหน่วยงานเพื่อให้มีการอุดหนุนดังกล่าว ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ในการดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง ต่อไป

สำหรับ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ของ จ.นครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง ทั้งยังเป็นโรงพยาบาลศูนย์แม่ข่ายรับการรักษาส่งต่อจากโรงพยาบาลประจำอำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ที่ต้องการเทคโนโลยีการรักษา และการหัตถการชั้นสูง มีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนหลายพันคนต่อวัน ซึ่งการได้งบประมาณในการพัฒนาโรงพยาบาลล่าสุด จะช่วยเพิ่มศักยภาพการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

(สุรินทร์) กองกำลังสุรนารี ขานรับนโยบายรัฐบาล ประชุมวางมาตรการปราบปรามสกัดกั้น “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” 

(5 ก.พ. 68) ที่ ศูนย์ประสานงานพื้นที่ชายแดน ด่านช่องจอม อำเภอกาบลเชิง จังหวัดสุรินทร์ พันเอกบุ ญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เป็นประธานประชุมร่วมกับหน่วยงานฝ่ายมั่นคงต่างๆ โดยมี นายสุทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง พ.ต.อ. คำพล โนนุช ผกก.สภ.กาบเชิง พ.อ.หญิง โชติมา  มุลมาลินน์ หัวหน้ากลุ่มงานนโยบาย แผน และการข่าว กอ.รมน.จังหวัดสุรินทร์  โทรคมนาคม หรือ กสทช. การไฟฟ้าภูมิภาคอำเภอปราสาท ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ ด่านศุลกากร องค์การบริหารส่วนตำบลกาบเชิง และหน่วยงานที่เกี่ยว เข้าร่วมวางมาตรการในครั้งนี้ เนื่องด้วยปัจจุบัน ปัญหาการหลอกลวงประชาชนให้ไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการส่งแรงงานไปยังประเทศที่ 3 รวมถึงปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ที่มีการหลอกลวงคนไทยหรือชาวต่างชาติไปทำงาน โดยผ่านช่องทางตรวจคนเข้าเมือง หรือช่องทางธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เสียหายเป็นวงกว้าง กองกำลังสุรนารีจึงได้ประชุมร่วมกันแก้ไขปัญหา เพื่อป้องกันและยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น อย่างเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น โดยได้กำชับกำลังพลในการลาดตระเวนตรวจสอบเส้นทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการหลบหนีของกลุ่มมิจฉาชีพ และได้มีการการตัดและปรับเสาสัญญาณโทรมนาคม และอินเตอร์เน็ต โดยร่วมกับสำนักงาน กสทช. เขต 22, เขต 23 และ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทำการบรับทิศทางเสาสัญญาณ เพื่อควบคุมไม่ให้นำไปใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อาศัย หรือหลบซ่อนอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนในเขตประเทศเพื่อนบ้านได้ อีกทั้งในส่วนเรื่องการใช้ไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น ทางหน่วยจะได้นำข้อมูลส่งต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อพิจารณาเห็นสมควรในการตัดไฟหรือไม่ ทั้งนี้การเคลื่อนไหว ในพื้นที่ชายแดนด้านกัมพูชา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ผ่านมากองกำลังสุรนารี ได้ให้ความช่วยเหลือคนไทย และชาวต่างชาติที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ช่องจอม จากฝั่งประเทศกัมพูชา จำนวน 13 ครั้ง สามารถช่วยเหลือได้ 37 ราย เป็นชาวไทย 35 ราย และ ชาวเวียดนาม 2 ราย 

ปุรุศักดิ์ แสนกล้า  ข่าว/ภาพ

เมียนมาลุยสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 11 แห่ง อัดกำลังผลิตทะลุ 1,026 เมกะวัตต์

(5 ก.พ.68) สื่อท้องถิ่นเมียนมารายงานว่าปัจจุบันเมียนมามีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาทั้งหมด 11 โครงการ ซึ่งคิดเป็นกำลังการผลิตรวม 1,026 เมกะวัตต์ โดยรัฐบาลเมียนมากำลังเร่งรัดโครงการพลังงานหมุนเวียนเพื่อกระตุ้นการผลิตไฟฟ้าอันจะตอบสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

คณะกรรมาธิการพัฒนาไฟฟ้าและพลังงานของเมียนมาระบุว่า 4 โครงการอยู่ในเนปิดอว์ 3 โครงการอยู่ในภูมิภาคมัณฑะเลย์ 1 โครงการอยู่ในภูมิภาคพะโค และ 1 โครงการอยู่ในรัฐฉาน คิดเป็นกำลังการผลิต 530 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าไฮบริด (เครื่องยนต์ก๊าซและพลังงานแสงอาทิตย์) ในภูมิภาคมัณฑะเลย์และภูมิภาคมาเกว มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 496 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ตั้งเป้าหมายให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและพลังงาน เพื่อสนับสนุนการดำรงชีวิตประจำวันและการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากการลงทุนของท้องถิ่นและต่างประเทศ

รายงานเสริมว่าเมียนมาเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 28 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน 27 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 8 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 6,371 เมกะวัตต์

ระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุดในโลก ปี 2023

(5 ก.พ. 68) ระบบสาธารณสุขเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่ออายุขัย คุณภาพชีวิต และผลิตภาพทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในปี 2023 ที่ผ่านมา Legatum Institute จึงได้จัดทำ  Legatum Prosperity Index 2023 ขึ้น โดยประเทศสิงคโปร์ได้รับการจัดอันดับให้มีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุดในโลกจากทั้งหมด 167 ประเทศ โดยวิเคราะห์ผ่านข้อมูลสุขภาพโดยรวมของประชากรและการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เพื่อให้เห็นว่าประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณสุข ค่าใช้จ่าย และประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขอย่างไร

และเป็นที่น่าประทับใจที่ห้าอันดับแรกของการจัดอันดับในปีนี้ถูกครอบครองโดย ประเทศในเอเชีย ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาด้านสาธารณสุขที่ก้าวหน้าอย่างมาก โดยสิงคโปร์ ครองอันดับที่ 1 และขึ้นชื่อในเรื่องระบบสาธารณสุขที่เป็นแบบผสมระหว่างภาครัฐและเอกชน ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงได้ในราคาที่เหมาะสม ตามมาด้วยญี่ปุ่น (อันดับที่ 2) และ เกาหลีใต้ (อันดับที่ 3) เป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ทันสมัยและมีมาตรการดูแลสุขภาพประชากรสูงวัยที่มีประสิทธิภาพ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอายุขัยเฉลี่ยสูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ในขณะที่เกาหลีใต้มีระบบ National Health Insurance System ที่ครอบคลุมประชาชนทุกคน

ไต้หวันและ จีนก็เป็นอีกสองประเทศที่โดดเด่นที่ตามมาในอันดับที่ 4 และ 5 โดยเฉพาะระบบ single-payer healthcare ของไต้หวันที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในระบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก ส่วนจีนมีการพัฒนาระบบสาธารณสุขของตนเองอย่างรวดเร็ว โดยขยายเครือข่ายโรงพยาบาลและพัฒนาการให้บริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าประเทศในเอเชียจะครองอันดับต้นๆ ของรายการ แต่ ยุโรป ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพ หลายประเทศติดอันดับ Top 20 เช่นกัน นอร์เวย์ (อันดับที่ 7) และไอซ์แลนด์ (อันดับที่ 8) โดดเด่นในเรื่องระบบสาธารณสุขแบบถ้วนหน้า ที่ให้บริการฟรีหรือในราคาต่ำแก่ประชาชน ส่วน สวีเดน (อันดับที่ 9) และสวิตเซอร์แลนด์ (อันดับที่ 10) มีระบบการเงินด้านสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน 

การจัดอันดับนี้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของนโยบายรัฐบาล การเงินด้านสาธารณสุข และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยเน้นความสำคัญของ การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ประสิทธิภาพ และนวัตกรรม ในการให้บริการทางสาธารณสุขค่ะ  

โดย Top 20 อันดับของโลกประกอบไปด้วยประเทศเหล่านี้ และอย่างบ้านเราที่ก็ขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีทางการแพทย์และยังมีแผนที่จะก้าวไปสู่การเป็น Medical Hub อยู่ในลำดับที่ 31 ค่ะ

ชาวเมียนมา แห่เติมน้ำมันล้นทะลักล้นปั๊ม หลัง รบ.ไทย ตัดไฟฟ้า - ห้ามส่งออกน้ำมัน

(5 ก.พ.68) จากกรณีรัฐบาลดำเนินมาตรการตัดไฟเมียนมา 5 จุด เนื่องจาก สมช.ได้รวบรวมข้อมูลทุกฝ่ายทุกส่วนแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ มีประชาชนทั้งหมด 557,500 กว่าคดี รวมเงิน 86,000 กว่าล้านบาท แต่ละวันมีความเสียหาย 80 ล้านบาท ถือเป็นการสรุปชัดเจนจากหน่วยงานด้านข่าวที่เกี่ยวข้องว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน และทั่วโลก จึงมีมติให้ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น.ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า ประชาชนชาวเมียนมาต่างนำรถออกมาเติมน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รถติดยาวเป็นกิโล โดยทาง เพจ Know Shan State ได้โพสต์ภาพประชาชนชาวเมียนมาออกมาเติมน้ำมันรถกันล้นปั๊มน้ำมันในเมืองท่าขี้เหล็ก โดยระบุข้อความว่า “ประชาชนในเมืองท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามแม่สายของไทย มาต่อแถวรอเติมน้ำมันกันตั้งแต่เช้า หลังไทยงดจำหน่ายให้ โดยเช้านี้ไทย ได้ตัดไฟ ตัดเน็ต งดจำหน่ายน้ำมันให้กับประเทศพม่าอย่างเป็นทางการ”... 

ทั้งนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัวโดยน้ำมันเบนซินจากเดิมที่ราคาประมาณ 45 บาท/ลิตร ราคาพุ่งสูงไปถึงประมาณ 70 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซลเดิมราคา 35 บาท เพิ่มเป็น 60 บาท และคาดว่าปริมาณน้ำมันที่มีอยู่จะหมดภายใน 2-3 วัน

‘สรรเพชญ’ จี้ รบ.เร่งโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมช่วย ปชช. พร้อมเตรียมยื่นสารพัดปัญหาในสงขลาเข้า ครม. สัญจร

‘สรรเพชญ’ เรียกร้องรัฐบาลเร่งโอนเงินเยียวยาน้ำท่วม พร้อมเตรียมยื่นปัญหาในสงขลาเข้าที่ประชุม ครม. สัญจรเพื่อดันเมืองเก่าสงขลาสู่เมืองมรดกโลก

(5 ก.พ. 68) นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย หลังพบว่าประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือตามที่รัฐบาลประกาศไว้

นายสรรเพชญระบุว่า ตั้งแต่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของภาคใต้ รวมถึงสงขลา ประชาชนได้รับผลกระทบหนัก ทั้งบ้านเรือนเสียหาย รายได้ลดลง และภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศมาตรการเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท แต่กระบวนการจ่ายเงินล่าช้า ส่งผลให้ประชาชนยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ

“รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการโอนเงินเยียวยาโดยเร็วที่สุด เพราะขณะนี้ประชาชนยังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และหากล่าช้าออกไป อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ขณะนี้ หน่วยงานในพื้นที่แจ้งว่าต้องรอการพิจารณาอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่ธนาคารออมสินจะสามารถโอนเงินได้ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามการประชุม ครม. ล่าสุด ยังไม่มีการนำเรื่องนี้เข้าพิจารณา ทำให้ประชาชนต้องรอการช่วยเหลือต่อไปโดยไม่มีกำหนด" นายสรรเพชญกล่าว

นอกจากนี้ นายสรรเพชญ ได้เตรียมนำเสนอปัญหาในพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา ในการประชุม ครม. สัญจร วันที่ 18 กุมภาพันธ์ นี้ โดยประเด็นสำคัญ ได้แก่ ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก บริเวณห้าแยกน้ำกระจาย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเฉพาะ โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณแยกน้ำกระจาย จังหวัดสงขลา ทางหลวงหมายเลข 407 ตอน ควนหิน - เขารูปช้าง ระหว่าง กม.21+300 - กม.21+800 ระยะทาง 0.500 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่ตนได้ผลักดันในสภาผู้แทนราษฎรมาโดยตลอด ทั้งการปรึกษาหารือต่อประธานสภาฯ การตั้งกระทู้ถามกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงร่วมลงพื้นที่กับหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นโครงการที่จะช่วยบรรเทาปัญหาของประชาชนได้และสามารถเห็นผลได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเก่าสงขลา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมให้เมืองเก่าสงขลาได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในอนาคต

นายสรรเพชญเน้นย้ำว่า เมืองเก่าสงขลาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของจังหวัด เช่น หาดสมิหลา ซึ่งมีน้ำทะเลคุณภาพดีที่สุด ดังนั้น การส่งเสริมการท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างรายได้ให้ประชาชนมากขึ้น

ทั้งนี้ นายสรรเพชญยืนยันว่าจะใช้กลไกของรัฐสภาและผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและเป็นรูปธรรมต่อไป

สภาลมหายใจกรุงเทพฯ หนุนใช้แอป ‘เตะฝุ่น’ ส่องดัชนีฝุ่นแบบเรียลไทม์รับมือวิกฤตฝุ่น PM 2.5

(5 ก.พ. 68) สภาลมหายใจกรุงเทพฯ ขอนำเสนอแอปพลิเคชัน "เตะฝุ่น"  ที่สามารถแสดงอัตราการระบายอากาศทั่วไทย แบบเรียลไทม์ ช่วยให้เราทราบว่าดัชนีระบายอากาศของจุดที่เราอยู่นั้น ลมแรงลมเบาแค่ไหน พัดจากไหนไปไหน และฝุ่นที่มาที่เรามีต้นทางมาจากไหน และผ่านย่านไหนมาบ้าง

ทั้งนี้ บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาแพลตฟอร์ม Location Intelligence จับมือร่วมกับสภาลมหายใจกรุงเทพฯ (Breathe Bangkok) เปิดตัวแอปพลิเคชัน “เตะฝุ่น” นวัตกรรมอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี GIS ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพอากาศทั่วประเทศ นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศมาประยุกต์ใช้อย่างตรงจุด ในการวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูลฝุ่น PM2.5 โดยตรง พร้อมติดตามสถานะการระบายฝุ่น และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น จุดความร้อน (Hotspot) และดัชนีการระบายอากาศแบบเรียลไทม์ รวมถึงคาดการณ์ค่าการระบายอากาศและจุดเผาไหม้ล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน โดยนำเสนอในรูปแบบแผนที่ดิจิทัลผ่านเว็บไซต์ www.taefoon.com ซึ่งช่วยให้ประชาชนทั่วไปและหน่วยงานต่าง ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ช่วยยกระดับการติดตามและจัดการปัญหาฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตอบโจทย์การบริหารจัดการอย่างยั่งยืน

แอปพลิเคชัน “เตะฝุ่น” เป็นผลจากการบูรณาการข้อมูลสภาพอากาศและฝุ่น PM2.5 โดยใช้เทคโนโลยี GIS เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถแสดงข้อมูล เช่น ความเข้มข้นของฝุ่น อัตราระบายอากาศ (Ventilation Rate) และจุดความร้อนในรูปแบบแผนที่ดิจิทัล (Map Visualization) ที่ทั้งแม่นยำและเข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ สามารถวางแผนรับมือกับมลพิษทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยกระดับการกำกับดูแลใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่

1. ด้านสิ่งแวดล้อม: ลดการกระจุกตัวของการเผาไหม้ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้นและลดความเสี่ยงจากมลพิษที่สูงเกินมาตรฐาน

2. ด้านสังคม: ส่งเสริมการวางแผนการเผาไหม้อย่างเหมาะสม ลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และช่วยให้ชุมชนสามารถติดตามและเตรียมตัวรับมือกับปัญหาฝุ่นได้ดีขึ้น

3. ด้านการบริหารจัดการ: ข้อมูลที่เข้าถึงได้อย่างโปร่งใสส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทำให้การจัดการคุณภาพอากาศเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ

(สุรินทร์) ตำรวจทางหลวงเข้ม!! จับกุมผู้ใช้รถใช้เอกสารราชการปลอมและไม่ชำระภาษี

 

เมื่อวันที่ (3 ก.พ.68) ส.ทล.3 กก.6 บก.ทล. สุรินทร์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล.,พ.ต.อ.ณัฐพงศ์ ปิตะบุตร รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.พิชญ์รุจ กุลวิมลประทีป รอง ผบก.ทล. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิทธิใหญ่  ผกก.6 บก.ทล.  พ.ต.ท.จิระพันธุ์ รุจิระกุล รอง ผกก.6 บก.ทล. พ.ต.ท.วิษณุ คำโนนม่วง รอง ผกก.6 บก.ทล. สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.3 กก.6 บก.ทล. นำโดย พ.ต.ท.รักพงศ์ รักอยู่ สว.ส.ทล.3 กก.6 บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงสุรินทร์ จับกุมใช้รถใช้เอกสารราชการปลอม เมื่อวันที่ 3  กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568  เวลาประมาณ  16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ออกตรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรม บนทางหลวง ขณะ ออกตรวจถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ทล.24 กม.208-209 ตำบลกันตวจระมวล อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ พบ รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง  ยี่ห้อ Toyota Yaris สีขาว หมายเลขทะเบียน ก- 8168 กรุงเทพฯ (ป้ายแดง) ขับรถด้วยความเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ส่งสัญญาณ เปิดไฟวับวาบให้ ให้รถคันดังกล่าวหยุด 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอดูใบอนุญาตขับขี่ ชื่อ น.ส.เพ็ญศรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี เลข อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านไทร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ผู้ขับขี่ ให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า ตนได้เช่ารถคันดังกล่าวมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ ค่าเช่าวันละ 1,200 บาทต่อวัน เช่ารถจากชายไทยไม่ทราบชื่อ บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ผลการตรวจสอบพบว่าแผ่นป้ายทะเบียนรถคันดังกล่าวข้างต้นนั้นไม่มีลายน้ำมาตุลีเทพบุตรขับรถเทียมม้า ไม่มีสมุดคู่มือประจำรถใช้กับเครื่องหมายพิเศษ(ป้ายแดง) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเชื่อว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอมที่มิได้ออกโดยกรมการขนส่งทางบก 

จึงได้เชิญตัวนางสาวเพ็ญศรีฯมาที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงปราสาท เพื่อขอตรวจสอบเอกสารรายการจดทะเบียนการใช้รถจากการตรวจสอบจากระบบคราม online ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คนยี่ห้อ Toyota รุ่น Yaris สีขาวทะเบียนสิ้นสุดภาษี วันที่ 18 กันยายน 2567 เลขตัวรถ mr2k 33 F 320123-0449 เลขเครื่อง 3NR 526 9875 ชื่อผู้ครอบครอง นายมารุพงค์ (ขอสงวนนามสกุล) อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 4 ตำบลเกิ้ง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ผู้ถือกรรมสิทธิ์ บริษัทโตโยต้าลิส ซิ่ง(ประเทศไทย)จำกัด เจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำบันทึกจับกุมพร้อมแจ้งสิทธิ์ ตามกฎหมาย ให้ นางสาวเพ็ญศรีฯ พร้อมแจ้งข้อกล่าว 1.เอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม 2.ใช้รถไม่ชำระภาษีประจำปี นางสาวเพ็ญศรีฯรับทราบข้อกล่าวหา และให้การรับสภาพ เจ้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ควบคุมส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปราสาท เพื่อดำเนินคดีต่อไป  

#ห่วงใยทุกชีวิต เป็นมิตรทุกเส้นทาง ทำทุกอย่างด้วยสำนึก เพราะเราคือ “ตำรวจทางหลวงสุรินทร์”

สตม.รวบลุงมะกันหื่น Overstay พบประวัติเป็นที่ต้องการตัวของ FBI โดยการปล่อยภาพอนาจารเด็ก

กก.4.บก.สส.สตม. จับกุม นายเนกรี หรือ MR.NEGRI (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี สัญชาติอเมริกัน ข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมริมถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีม จว.นครราชสีมา  

กก.4 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีคนต่างด้าวน่าสงสัยว่าจะอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) โดยพบเห็นคนต่างด้าวดังกล่าวพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา จึงได้ไปสืบสวนจนกระทั่งพบคนต่างด้าวลักษณะตรงตามที่สายลับแจ้งมาปรากฏตัวบริเวณริมถนน เลี่ยงเมืองนครราชสีมา หมู่ 8 ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง ในเบื้องต้นคนต่างด้าวดังกล่าวไม่มีหนังสือเดินทางแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยแจ้งว่าได้ส่ง หนังสือเดินทางไปยัง สอท.สหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อขอออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จึงได้เชิญตัวมายัง ตม.จว.นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบลายนิ้วมือในระบบ Biometric พบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ นายเนกรี หรือ MR.NEGRI (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี สัญชาติอเมริกัน ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้ว จึงได้แจ้ง ข้อกล่าวหาและจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว หลังจากคดีสิ้นสุด กก.3 บก.สส.สตม. จะได้ดำเนินการผลักดันนายเนกรี หรือ MR.NEGRI ให้เดินทางกลับไปยังสหรัฐอเมริกาต่อไป

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลกับสำนักงานสอบสวนกลาง สถานเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำประเทศไทย พบว่า นายเนกรี หรือ MR.NEGRI เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของมลรัฐจอร์เจีย และหน่วยงาน FBI ในคดีแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กและเผยแพร่ภาพอนาจารเด็กลงสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมลรัฐจอร์เจีย และ FBI ต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top