Thursday, 8 May 2025
NewsFeed

‘ลุงตู่’ มอบเงินรางวัลแก่ทัพนักกีฬาซีเกมส์-อาเซียนพาราเกมส์ หลังคว้าชัยชนะให้ไทย หนุนทูตกีฬาเชื่อมสัมพันธ์กับนานาประเทศ

‘บิ๊กตู่’ มอบเงินรางวัลแก่ทัพนักกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ฉลองชัยความสำเร็จทีมชาติไทย ชื่นชมทุกคนทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทย นำทัพนักกีฬาคว้าชัยชนะกลับมาสู่ประเทศชาติได้สำเร็จ เป็นอันดับที่ 2 จาก 11 ประเทศ ย้ำ!! เป็นทูตกีฬาเชื่อมสัมพันธ์กับนานาประเทศ ชี้ การแข่งขันต้องมานะ บากบั่น สู้สุดใจ แม้มีทะเลาะบ้างสุดท้ายคือเพื่อนกัน ขอทุกคนสร้างความรักสามัคคี ฝากดูแลบ้านเมือง

(6 ก.ค. 66) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานมอบเงินรางวัลและแสดงความยินดีให้กับผู้เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยและเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ นางสาวสุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) คณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมอบเงินรางวัลและของที่ระลึกให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัล และเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ดังนี้ 1.มอบของที่ระลึกให้แก่ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 2.มอบของที่ระลึกแก่ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย 3.มอบเงินรางวัลและของที่ระลึกแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัลและเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 จำนวน 39 สมาคมกีฬา รวมเงินทั้งสิ้น 239,190,000 บาท 4.มอบเงินรางวัลและของที่ระลึกแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนและสมาคมที่ได้รับเหรียญรางวัลและเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 จำนวน 4 สมาคมกีฬา รวมเงินทั้งสิ้น 99,365,000 บาท ทั้งนี้ มีนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬา ได้รับเงินรางวัลรวม 43 สมาคมกีฬา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 338,555,000 บาท

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในนามรัฐบาลและประชาชนชาวไทยขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทยที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่นักกีฬาไทยได้แสดงความสามารถทางกีฬาให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ และเป็นโอกาสดีที่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการแข่งขัน เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพของตนเองต่อไป

ทั้งนี้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นที่ทุกคนได้รับมานั้นล้วนเกิดจากความ ‘มานะ บากบั่น และสู้สุดใจ’ ของของทุกคน จึงทำให้ทุกคนมาอยู่ตรงจุดนี้ ขอให้ทุกคนประทับไว้ในหัวใจและนำไปเป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลสำเร็จในด้านกีฬาและด้านอื่น ๆ ของชีวิตต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอชื่นชมสมาคมกีฬา ผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประเทศไทยในการนำทัพนักกีฬาไปคว้าชัยชนะกลับมาสู่ประเทศชาติได้สำเร็จ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และมีวินัยในการฝึกซ้อมอย่างดีของทุกคน จนสามารถแสดงความสามารถและศักยภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และรางวัลเกียรติยศที่ได้รับในครั้งนี้ ถือเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทุกคน และเป็นเกียรติประวัติแก่ประเทศชาติ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ชาวไทยทุกคนรวมทั้งตนเองและครอบครัว โดยขอให้ทุกคนพัฒนาความสามารถของตนเองให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย โดยรัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกด้าน เพื่อทำให้การกีฬาไทยมีศักยภาพสูงและสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างทัดเทียม

“กีฬาก็คือกีฬา เป็นการสร้างความสัมพันธ์ให้กับประเทศเหมือนเดิมแข่งกันแล้วก็ไม่มีการทะเลาะกันอีก ระหว่างแข่งก็อาจมีปัญหากันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เห็นมีการทะเลาะกันทุกครั้ง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องการชัยชนะ แต่สุดท้ายแล้วก็คือเป็นเพื่อนกัน นักกีฬาทีมชาติเป็นทูตวัฒนธรรมและเป็นทูตกีฬาถือเป็นการสร้างความรักความสามัคคีในชาติ และระหว่างประเทศ  หวังว่าจะทำให้นักกีฬาทุกคนประสบผลสำเร็จในการแข่งขันทุกประเภท นับจากนี้ ยินดีที่พร้อมจะมอบเงินรางวัลสนับสนุน เพราะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ยืนยันตนเองได้ติดตามการกีฬาทุกประเภท ในช่วงเวลาว่างจากการทำงาน ขอให้เน้นในเรื่องกีฬาอย่างเดียว อย่าคิดถึงเรื่องอื่น เพราะกีฬาทำให้มีความสุขคลายเครียด แต่นายกหลั่งสารนี้เลย เพราะว่าทำงานแล้วมีความเครียดพร้อมฝากทุกคนช่วยดูแลบ้านเมืองให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ทุกคนทำหน้าที่ตัวแทนของคนไทยและประเทศไทยอย่างดีที่สุดแล้ว และขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาที่ไม่ได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขัน ขอให้ตั้งใจพัฒนาทักษะและหมั่นฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ และนำเอาประสบการณ์จากการแข่งขันในครั้งนี้ไปพัฒนาตนเอง ซึ่งจะทำให้นักกีฬาทุกคนประสบความสำเร็จในการแข่งขันในโอกาสครั้งต่อ ๆ ไปได้อย่างแน่นอน พร้อมขอขอบคุณบุคคลและหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนพัฒนาการกีฬาของชาติให้ก้าวหน้าตลอดมา สร้างชื่อเสียงเกียรติภูมิมาสู่ประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง และขอให้ระลึกไว้ว่า ผลงานด้านกีฬาที่ได้สร้างไว้นั้น จะถูกจารึกไว้ในหัวใจของประชาชนคนไทยทั้งประเทศตลอดไป

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ส่งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬาการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 5 – 17 พ.ค. 2566 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 3 – 9 มิ.ย. 2566 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยผลงานของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 สามารถคว้ารวมมาได้ 108 เหรียญทอง 95 เหรียญเงิน 108 เหรียญทองแดง ในอันดับที่ 2 ในตารางรวมเหรียญรางวัล จาก 11 ประเทศ ขณะที่ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ทำผลงานในกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้ 126 เหรียญทอง 109 เหรียญเงิน และ 94 เหรียญทองแดง จบอันดับที่ 2 จาก 11 ประเทศ ในตารางรวมเหรียญรางวัลเช่นกัน

‘โทนี่ จา’ ลงยันต์เปิดรับโชค ‘หลวงพ่อแป๊ะ’ วัดสว่างอารมณ์  เสี่ยงโชคล้วง ‘เลขปิงปอง’ จับได้เลข 4 - 2 - 9

เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮากันเลยทีเดียว สำหรับการเดินทางกลับมายังประเทศไทยอย่างเงียบ ๆ ของนักแสดงหนุ่มชาวไทยที่โด่งดังระดับฮอลลีวูด อย่าง ‘จา พนม ยีรัมย์’ หรือ ‘โทนี่ จา’

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา จา พนม ได้เดินทางไปยังวัดสว่างอารมณ์ (แคแถว) ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อกราบขอพร และถวายอาหารเพล พระครูยุติธรรมานุยุต หรือ หลวงพ่อแป๊ะ เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะให้หลวงพ่อแป๊ะลงยันต์ให้ตั้งแต่ข้อศอกไปจนถึงปลายนิ้ว เพื่อเปิดโชคลาภให้ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง

และเมื่อเสร็จสิ้นพิธีลงยันต์ ‘จา พนม’ ได้เข้ากราบสักการะ องค์ท้าวมหาพรหมศักดิ์สิทธิ์ องค์ใหญ่ 4 หน้า 8 กร สูง 5 เมตร สามารถบันดาลสิ่งที่พึงปรารถนาได้ 108 ประการ ก่อนจะเสี่ยงโชคขอเลขเด็ดด้วยการล้วงไหจับเลขปิงปอง โดยหยิบได้ 3 ลูก ปรากฎเป็นเลข 4 - 2 - 9 ด้านแฟนคลับและนักวิเคราะห์ตัวเลขทั้งหลายต่างก็นำเอาเลข 3 ตัวดังกล่าว มันจับโยงเพื่อเป็นแนวทางในการซื้อลอตเตอรี่งวด 16 กรกฏาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงในอีก 10 วันข้างหน้านี้ด้วย

เลขปิงปอง : 4 - 2 - 9
เลขสองตัว : 42 - 49 - 29
เลขสามตัว : 429 - 924 - 942 - 249 - 294 - 492

‘TRINITY’ บินลัดฟ้า ลุยเสิร์ฟความสนุกถึงประเทศญี่ปุ่น พร้อมขึ้นโชว์เพลงใหม่ครั้งแรก เรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่มฮอลล์!!

(6 ก.ค. 66) บุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง สำหรับ 3 หนุ่ม ‘TRINITY (ทรินิตี้)’ อย่าง ‘เติร์ด – ลภัส งามเชวง, ปอร์เช่ – ศิวกร อดุลสุทธิกุล และ แจ๊คกี้ – จักริน กังวานเกียรติชัย’ ศิลปินภายใต้สังกัด 4NOLOGUE ล่าสุด!! ได้มีโอกาสบินลัดฟ้าไปร่วมแสดงในงาน BALLISTIK BOYZ LIVE TOUR 2023 ‘N.E.X.T.’ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 รอบสุดท้ายที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ของศิลปินบอยกรุ๊ปชื่อดังอย่าง BALLISTIK BOYZ หลังมีโอกาสออกซิงเกิลพิเศษ DROP DEAD ร่วมกันเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และถือเป็นการประเดิมโปรเจกต์ในการร่วมมือกันระหว่าง 4NOLOGUE และ LDH บริษัทต้นสังกัด หลังจากได้มีการจัดงานแถลงข่าวเซ็นสัญญาร่วมมือกันขึ้นที่ประเทศไทย เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เรียกว่างานนี้ทั้ง 3 หนุ่มตั้งใจมาเสิร์ฟความสนุกให้กับแฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะมีโอกาสได้มาโชว์เพลง DROP DEAD ที่ฟีทเจอริ่งร่วมกันกับทาง BALLISTIK BOYZ แล้ว 3 หนุ่ม TRINITY ยังได้นำเพลงใหม่ใน EP.02 DESIRE ที่เพิ่งปล่อยไป อย่างเพลง Thank You All มาเพอร์ฟอร์มเป็นครั้งแรกให้ได้ดูก่อนใครอีกด้วย แถมปิดท้ายด้วยเพลง Champagne Poppin ที่ร่วมกันสาดความความมันสุดเหวี่ยงในงานนี้ ทำเอาแฟน ๆ กว่า 5,000 คนใน Tokyo Garden Theatre ต่างลุกขึ้นมาเต้นและเชียร์อัพกันอย่างเต็มที่

เท่านั้นยังไม่พอ ทั้ง 3 หนุ่ม TRINITY ยังเตรียมพร้อมภาษาญี่ปุ่นไว้สื่อสารกับแฟน ๆ เป็นอย่างดี โดยมีคุณครูเจ้าของภาษาอย่าง หนุ่ม ๆ BALLISTIK BOYZ คอยเทรนด์ให้ งานนี้ทำเอาแฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นต่างส่งเสียงชื่นชมในความตั้งใจของทั้ง 3 หนุ่ม เรียกว่าต่างฝ่ายต่างประทับใจกันสุด ๆ ไปเลยทีเดียว

และนอกจากรุ่นพี่ในค่ายอย่าง TRINITY โปรเจกต์ตะลุยต่างแดนครั้งนี้ ยังมี 6 หนุ่มบอยกรุ๊ปรุ่นน้องอย่าง DVI (ดีวาย) ก็มีโอกาสเดินทางมาร่วมแสดงโชว์ในงาน PSYCHIC FEVER LIVE TOUR 2023 ‘P.C.F’ กับหนุ่ม ๆ PSYCHIC FEVER เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 ที่ Zepp Haneda โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเช่นกัน โดยทั้ง 6 หนุ่ม เผยความรู้สึกว่า “พวกเราดีวายทั้ง 6 คนตื่นเต้นและรู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ถือเป็นครั้งแรกของพวกเราที่ได้มีโอกาสมาแสดงโชว์ต่อหน้าแฟน ๆ ที่ต่างประเทศ ขอบคุณแฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นที่ส่งเสียงและคอยเชียร์ และหวังว่าจะมีโอกาสได้กลับมาเจอกับแฟนๆ ที่นี่อีกนะครับ”

‘พ่อทิม พิธา’ โพสต์คลิปวิดีโอลูกสาวบังคับออกกำลังกาย ด้าน ‘แม่ต่าย ชุติมา’ คอมเมนต์แซว “ให้พิพิมมาบังคับแม่บ้างค่ะ”

กีฬาพ่อก็ไม่เบา!! พ่อลูกใครสนุกกว่ากัน ‘ต่าย ชุติมา’ ก็เข้ามาคอมเมนต์ ทิม พิธา โพสต์ลูกสาวบังคับพ่อไปออกกำลังกายบ้างคลิปสนุกสนานทั้งพ่อลูก

ค่อยมีเวลาผ่อนคลายหน่อย ทิม พิธา หลังได้ประธานสภาฯ เป็นที่เรียบร้อย ก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ เลยมีเวลา นอกจากพา น้องพิพิม ลูกสาวไปเดตรับประทานอาหารมื้ออบอุ่น ก็ยังเผยโมเมนต์ความน่ารักของลูกสาว พาพ่อไปออกกำลังกาย

โดยพ่อทิมโพสต์ภาพและคลิปความน่ารักน้องพิพิมขณะสนุกสนานกับกิจกรรมการไปออกกำลังกายกับแดดดี๊ พร้อมแคปชั่นว่า “พิพิมห่วงสุขภาพพ่อ บังคับออกกำลังบ้าง พ่อไม่ค่อยอยากไปเลยครับ”

ด้าน แม่ต่ายของน้องพิพิม ต่าย ชุติมา ก็เข้ามาคอมเมนต์ด้วยว่า “ให้พิพิมมาบังคับแม่บ้างค่ะ” โดยแฟนๆเข้ามากดไลก์คอมเมนต์แม่หลายพันไลก์ เชียร์แม่ไปร่วมออกกำลังกายด้วย

ส่วนแฟนๆก็เข้ามาคอมเมนต์แซวพ่อ อาทิ น้องพิพิมคือที่ชาร์จแบตพลังใจของคุณทิม ในโหมดความเป็นคุณพ่อก็เต็มที่มาก เป็นกำลังใจให้นะคะ , อดทนนะลูก เดี๋ยวพ่อก็โตแล้วนะพิพิม , เก่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชู้ตบาสกลับหลัง ยังรอดห่วง , ไม่ค่อยอยาก = ดูสนุกกว่าพิพิมอีกนะคะคุณพ่อ เป็นต้น

‘แจม-ฟิล์ม’ เตรียมแจกความฟิน-กระตุ้นต่อมจิ้น ในผลงานเรื่องใหม่ ‘Laws of Attraction กฎแห่งรักดึงดูด’

(6 ก.ค. 66) ช่องวัน 31 เตรียมพาแฟน ๆ มาร่วมเปิดแฟ้มคดีใหญ่แห่งปี กับเรื่องราวระหว่าง ‘ครูใจสลายผู้สูญเสียหลานสาว’ และ ‘ทนายใจหินผู้ผดุงความ(อ)ยุติธรรม’ ในผลงานเรื่อง ‘Laws of Attraction กฎแห่งรักดึงดูด’ ซึ่งจะเริ่มออกอากาศตอนแรกในวันเสาร์ที่ 15 ก.ค.นี้ เวลา 20.15 น. 

ทันที่หลังจากปล่อยตัวอย่างออกมาเรียกน้ำจิ้ม ก็ทำเอาแฟน ๆ กรี๊ดลั่นจนข้างห้องต้องสะดุ้ง เมื่อเห็น 2 พระนาย ‘แจม รชตะ หัมพานนท์’ และ ‘ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ’ ออกมาขับเคี่ยวอารมณ์ เชือดเฉือนบทบาทผ่านเกมกฎหมาย

นอกจากได้ 2 นักแสดงฝีมือเยี่ยมมาเป็นตัวหลักในเรื่อง แถมเคมียังเข้ากันสุด ๆ แล้ว พล็อตเรื่องซีรีส์วายแนวใหม่ที่ฉีกไปจากซีรีส์วายที่เห็นได้ทั่วไป มุมกล้อง ภาพ และฉากที่สวยงาม ก็ทำเอาแฟน ๆ อดใจรอไม่ไหว อยากให้วันเสาร์ที่จะถึงนี้เป็นวันเสาร์ที่ 15 ซะเหลือเกิน

จนตกแฟน ๆ เขินจนเสียอาการ อยากวาร์ปไปวันที่ซีรีส์ออกอากาศให้รู้แล้วรู้รอด แถมยังเสริมทัพด้วยนักแสดงอีกคับคั่ง อาทิ ดวงดาว จารุจินดา, น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์, ซี-ปรัตถกร คัยนันทน์, เพิร์ล-ศัจกร ฉลาด ฯลฯ ที่จะมาร่วมตีแผ่ความจริงในสังคมให้กับผู้ชมได้รับรู้ ใน “Laws of Attraction กฎแห่งรักดึงดูด” ทุกวันเสาร์  เวลา 20.15 น. เริ่มตอนแรกเสาร์ที่ 15 กรกฎาคมนี้  ทางช่องวัน31

นครพนม จัดงานบวงสรวง ‘พญาศรีสัตตนาคราช’ วันที่ 7-13 ก.ค. 66 7 วัน 7 คืน น้องไผ่หลิว มิสแกรนด์ นำทีมนางรำ กว่า 500 ชีวิต

จังหวัดนครพนม เตรียมจัดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ปี 2566 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2566 ณ บริเวณลานพระยาศรีสัตตนาคราช ถนนสุนทรวิจิตร ต.ในเมือง โดยมีกิจกรรมรำบวงสรวง 7 วัน พร้อมถือเป็นวันรวมชนเผ่าไทยนคร 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ

สำหรับพิธีเปิดงานจะจัดขึ้นวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 โดยมีนางรำแขกรับเชิญพิเศษประจำปี คือ นางสาวกมลวลัย ประจักษ์รัตนกุล (ไผ่หลิว) รองอันดับ 5 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2023 และมิสแกรนด์นครพนม 2023 ร่วมรำบวงสรวงพร้อมกับนางรำจำนวน 500 คน จากทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนม

ภายในงานพบกับขบวนรำและขบวนแห่พร้อมเครื่องบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช การแสดงโขนในพิธีเปิด และการแสดงศิลปวัฒนธรรมการแสดงบินโดรนแปลอักษร วันที่ 7-8 กรกฎาคม 2566 นอกจากนี้ยังมีการออกร้านผลิตภัณฑ์ชุมชนสินค้า OTOP สินค้าของดี 4 ภาค ณ ถนนคนเดินหอนาฬิกา เปิดทุกเย็นตลอดช่วงจัดงาน

พญาศรีสัตตนาคราช ถือเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดนครพนม ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เทศบาลเมืองนครพนม ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมและความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคของชาวไทยและชาวลาว ที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลปกปักรักษาแถบลุ่มน้ำโขง อีกทั้งก็ยังเป็นการยกระดับแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ ซึ่งที่แห่งนี้มีความโดดเด่น ตลอดจนมีศิลปะวัฒนธรรม ปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งควรค่าแก่การเผยแพร่ให้ชาวโลกได้เห็น

‘ม้า อรนภา’ ฉุน!! เจอคอมเมนต์ด่าทอ ‘คุณแม่’ ถาม “จะด่าแม่ฉันทำไม” ด้านชาวเน็ตแนะให้ฟ้อง

‘ม้า อรนภา’ อีกหนึ่งคนดังในวงการบันเทิงไทยที่มักถูกชาวเน็ตสาดคำด่า เสียดสี ในโลกออนไลน์อยู่บ่อยครั้ง จากทัศนคติและความคิดของตนเองที่มีต่อเด็กนักเรียนจนต้องห่างหายจากวงการบันเทิงไป 

ล่าสุด ‘ม้า อรนภา’ ก็ออกอาการโมโหขั้นสุด เมื่อมีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ด่าใต้โพสต์ภาพของคุณแม่ จึงได้แคปรูปมาประจานพร้อมตั้งคำถามว่า “จะด่าแม่ฉันทำไม”

หลังจากโพสต์ไปแล้ว ก็มีแฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์แนะนำให้ ‘ม้า อรนภา’ จัดการพวกคอมเมนต์หยาบคายให้สิ้น โดยแนะนำให้ฟ้อง เช่น 

- ฟ้องเลยค่ะ คือทำเรา เราทนได้ แต่มาแตะพ่อแม่กันแบบนี้ มันเกินไปค่ะ ถ้าอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน ก็ไม่ควรล้ำเส้นกันขนาดนี้ค่ะ
- ฟ้องเลยครับ เอาให้ก้มกราบให้เข็ด
- คนเราพิมพ์อะไรส่อถึงการเลี่ยงดูอบรมสั่งสอนค่ะ อย่าใส่ใจนะคะ เพราะคนดีๆ เขาจะไม่พิมพ์ว่าให้คนอื่นแบบนี้

-คุณม้าจัดการค่ะ เอาเป็นกรณีตัวอย่างค่ะ คำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้นค่ะ 
-เป็นกำลังใจให้คุณม้านะครับ ขอให้จัดการเด็ดขาดครับ
-ฟ้องค่ะ คุณแม่ท่านไม่ได้ข้องเกี่ยวะไร ท่านทำมาหากินสุจริต ไม่สมควรเอาท่านมาเกี่ยวข้อง

‘จีน’ ไม่แคร์เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ‘หวัง อี้’  หลังเตือนเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น ‘อย่าลืมรากเหง้า’ 

โฆษกรัฐบาลจีนออกมาปฏิเสธกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณี หวัง อี้ นักการทูตระดับสูงออกมากล่าวเตือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นว่าอย่าลืมรากเหง้าความเป็นเอเชีย แถมยังบอกด้วยว่าชาวตะวันตกนั้นแยกแยะไม่ออกระหว่างคนจีน คนเกาหลีใต้ และคนญี่ปุ่น

“ชาวอเมริกันมองนักท่องเที่ยวจากจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นว่าเป็นคนเอเชียเหมือนกันหมด พวกเขาแยกแยะความแตกต่างไม่ได้ ยุโรปก็เหมือนกัน” หวัง อี้ สมาชิกกรมการเมืองและผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวบนเวทีเสวนาซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานเลขาธิการความร่วมมือไตรภาคี (Trilateral Cooperation Secretariat) ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือระหว่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่เมืองชิงเต่าของจีน เมื่อวันจันทร์ (3 ก.ค.)

“ต่อให้คุณย้อมผมให้เป็นสีทอง ทำจมูกให้โด่ง คุณก็ไม่มีทางกลายเป็นคนยุโรปหรือคนอเมริกันไปได้ คุณไม่มีทางกลายเป็นชาวตะวันตกได้หรอก”

“คนเราควรรู้จักรากเหง้าของตัวเอง... จีน ญี่ปุ่น เกาหลี หากเราสามารถจับมือและร่วมมือกันได้ ไม่เพียงจะเป็นประโยชน์ต่อเราทั้ง 3 ชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความปรารถนาของประชาชน และเราสามารถที่จะเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน ฟื้นฟูเอเชียตะวันออก และทำให้ทั่วทั้งโลกร่ำรวยขึ้น”

คำพูดของ หวัง อี้ เรียกเสียงวิจารณ์อย่างดุเดือดทันที โดยเฉพาะจากพวกนักวิชาการออนไลน์

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับเสียงวิจารณ์เหล่านี้ในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (5 ก.ค.) โดยระบุว่า “เราไม่เห็นด้วยเลย (กับพวกที่ตำหนิ หวัง อี้)”

ระหว่างการประชุม หวัง อี้ ยังเน้นย้ำเรื่องความร่วมมือระหว่างทั้ง 3 ชาติ และบอกว่า “มหาอำนาจภายนอกบางประเทศจงใจกระพือเรื่องค่านิยมที่แตกต่าง จัดตั้งกลุ่มย่อยเป็นการเฉพาะขึ้นมา และพยายามเอาการเผชิญหน้าและการแบ่งแยกมาแทนที่ความร่วมมือและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว”

“ภูมิภาคที่มีความเป็นปึกแผ่นและพึ่งพาตนเองได้เท่านั้นจึงจะสามารถขจัดการแทรกแซงจากภายนอก และประสบความสำเร็จในการพัฒนาที่ยั่งยืน”

บอนนี เกลเซอร์ ผู้อำนวยการกองทุนจอร์จมาร์แชลล์แห่งสหรัฐฯ (George Marshall Fund of the United States) ประจำภูมิภาคเอเชีย ได้ทวีตข้อความตอบโต้ หวัง ว่า “สารนี้จะไม่ถูกตอบรับด้วยดีจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หวัง อี้ เชื่อจริงๆ หรือว่าผลประโยชน์ของชาติมีความสำคัญน้อยกว่ารูปลักษณ์ภายนอก?”

“หวัง อี้ บอกกับชาวญี่ปุ่นและชาวเกาหลีว่า ‘พวกเขาไม่สามารถเป็นอเมริกันได้’ แต่ในความเป็นจริงมีคนญี่ปุ่นและคนเกาหลีมากมายที่แปลงสัญชาติเป็นอเมริกันทุกวัน” เจฟฟ์ เอ็ม. สมิธ ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียศึกษาของสถาบันคลังสมอง The Heritage Foundation ระบุ

“พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอเมริกา และสิ่งที่พวกเขาเป็นไม่ได้ก็คือคนจีน”

นักวิจารณ์บางคนยังชี้ว่า คำพูดของ หวัง ฟังดูคล้ายๆ กับคำขวัญ “วงไพบูลย์ร่วมแห่งมหาเอเชียบูรพา” (Greater East Asia Co-Prosperity Sphere) ซึ่งเป็นความพยายามของญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่จะรวบรวมและสร้างแนวป้องกันแห่งชาติเอเชียเพื่อหลุดพ้นจากอิทธิพลของชาติตะวันตก

‘BYD Dolphin’ เคาะราคาแล้ว 6.9 แสนบาท ล็อตแรกพร้อมส่งมอบให้ผู้จอง 17 ก.ค. นี้

เมื่อวานนี้ (6 ก.ค. 66) บริษัท Rêver Automotive จำกัด  เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอีวี รุ่นที่ 2 เป็นรุ่นที่ถัดมาจากรุ่น ATTO 3 ซึ่งขายดีตีตลาดอย่างถล่มทลาย ด้วยยอดขายกว่าหมื่นคันภายในระยะเวลาอันสั้นไม่กี่เดือน ‘BYD Dolphin’ รถไฟฟ้าสไตล์ Hatchback ขนาดเล็ก ได้เปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยได้เปิดตัวมาพร้อมกันทั้งสิ้น 2 รุ่น เริ่มต้นกันที่รุ่น BYD Dolphin Standard Range ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดย่อมเยา 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 44.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้รถไฟฟ้าใหม่คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดที่ 410 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จไฟระบบ DC ได้สูงสุด 60 กิโลวัตต์ ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 12 วินาที

ส่วนรุ่นท็อปสุด BYD Dolphin Extended Range รถใหม่ 2023 เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังแรงระดับ 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 60.48 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้รถไฟฟ้าใหม่คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดที่ 490 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จไฟระบบ DC ได้สูงสุด 80 กิโลวัตต์ ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 7 วินาที

การดีไซน์นั้นถือได้ว่ามีความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรูปร่างของ โลมา ที่มีทั้ง ตา ปาก และ รูปทรง ของตัวรถ และเมื่อตอนขับด้วยความที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีความเงียบ ดังนั้นก็จะมีเสียงของโลมา “อุ๋ง อุ๋ง” เพื่อบอกเตือนผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนร่วมกัน และก็ยังมีเสียงเตือนหากลืมคาดเข็มขัดนิรภัยที่เป็นเสียงราวกับอยู่ในท้องทะเลอีกด้วย

สำหรับ BYD Dolphin เปิดราคาไว้กับทั้ง 2 รุ่นดังนี้...
•BYD Dolphin Standard Range ราคา 699,999 บาท
•BYD Dolphin Extended Range ราคา 859,999 บาท

ทั้งนี้ รถไฟฟ้า BYD Dolphin เปิดรับจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ตัวแทนจำหน่ายทุกแห่ง และจะเริ่มส่งมอบคันแรกให้แก่ผู้จองได้ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

TOP 5 มหาเศรษฐี ปี 2023 !! รวยทุกปี ติดทุกรอบ

‘ฟอร์บส ไทยแลนด์’ เปิด 50 อันดับมหาเศรษฐีไทย ความมั่งคั่งรวมเพิ่มขึ้น 173,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รับอานิสงส์นักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวไทยคึกคัก หนุนพี่น้องเจียรวนนท์ รั้งเบอร์ 1 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.18 ล้านล้านบาท 

นิตยสาร ฟอร์บส ไทยแลนด์ เปิดเผยผลการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2566 พบว่า ความมั่งคั่งรวมของ 50 มหาเศรษฐีไทยก็เพิ่มขึ้นเกือบ 15% คิดเป็น 173,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจประเทศไทยฟื้นตัวจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประมาณการเติบโต ปี 2566 อยู่ที่ 3.6% 

โดย 10 มหาเศรษฐีไทย มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ได้แก่ 

อันดับ 1 พี่น้องเจียรวนนท์ กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 1.18 ล้านล้านบาท 

อันดับ 2 นายเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง และกลุ่มธุรกิจ TCP มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 33,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 1.16 ล้านล้านบาท 

อันดับ 3 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 473,000 ล้านบาท

อันดับ 4 ตระกูลจิราธิวัฒน์ กลุ่มธุรกิจเซ็นทรัล กรุ๊ป มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 12,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 432,000 ล้านบาท 

อันดับ 5 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) บริษัทพลังงานขนาดใหญ่ของประเทศ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 11,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  คิดเป็น 394,000 ล้านบาท 

อันดับ 6 นายวานิช ไชยวรรณ ประธานกิตติคุณ บมจ.ไทยประกันชีวิต (TLI) และมีแผนเตรียมนำธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย (CREDIT) เข้าตลาดหุ้นในช่วงปลายปี 2566 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 136,000 ล้านบาท

อันดับ 7 นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้ง-เจ้าของอาณาจักร BDMS ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่สุดในไทยถึง 47 แห่ง และยังเป็นเจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 132,000 ล้านบาท 

อันดับ 8 นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว สัญญาณการกลับของธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ สร้างการรับรู้ถึงกลุ่มธุรกิจ King Power กลุ่มบริษัทสินค้าปลอดภาษี และเจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ มูลค่าทรัพย์สิน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 121,000 ล้านบาท 

อันดับ 9 นายสมโภชน์ อาหุนัย และครอบครัว ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานสะอาดแบบครบวงจร มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 104,000 ล้านบาท 

และอันดับ 10 ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ เจ้าของธุรกิจ บมจ.โอสถสภา (OSP) มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 87,000 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมแล้ว มีมหาเศรษฐีไทย 21 คนที่ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา มหาเศรษฐี 2 รายที่มีเปอร์เซ็นต์ความร่ำรวยเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการกลับมาของนักชอปต่างชาติ ได้แก่ นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว ทวงคืนตำแหน่งใน 10 อันดับแรกมหาเศรษฐีไทยมาได้ ส่วนคนที่ 2 รับทรัพย์มหาศาล คือ นางศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ธุรกิจค้าปลีก  The Mall Group ซึ่งเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมายรวมถึง Siam Paragon และ EmQuartier ที่มีความมั่งคั่ง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มจากเดิมถึง 2 เท่า  

ทั้งนี้ การกลับมาของกำลังซื้อของธุรกิจค้าปลีกยังได้พา 2 มหาเศรษฐีหน้าใหม่เข้าสู่ทำเนียบ ได้แก่  นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ครอบครัวของเขาถือหุ้นใน The Mall Group และธุรกิจอื่นๆ ทำให้เขาได้เปิดตัวที่อันดับ 24 ด้วยทรัพย์สิน 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนอีกราย คือ นายอนันท์ รักอริยะพงศ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Sappe อยู่ที่อันดับ 50 กับมูลค่าทรัพย์สิน 590 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ   

ขณะที่ มหาเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งลดลง คือ นายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิตกลงมากที่สุดเกือบ 30% เมื่อเทียบกับผู้ติดอันดับในทำเนียบ เนื่องมาจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบริษัทผู้ผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ลของบมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ที่ลูกชายถือหุ้นอยู่ พังยับเยินและถูกสั่งพักการซื้อขายหลังทางบริษัทไม่สามารถส่งงบการเงินให้กับทางตลาดหลักทรัพย์ได้ในเวลาที่กำหนดดังที่ปรากฏ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top