Thursday, 8 May 2025
NewsFeed

'หม่อมปลื้ม' ยกกรณีปรากฏการณ์ชังชาติในอเมริกา ความเพ้อเจ้อของซ้ายที่โทษทุกเรื่องแม้อยู่ยูโทเปีย

(6 ก.ค. 66) ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ 'หม่อมปลื้ม' พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมแนบลิงก์ยูทูประบุว่า...

เลิกกิน Ice Cream ยี่ห้อ Ben & Jerry's เพราะมันคือพวกโว้คชังชาติในสหรัฐฯ รวมทั้งความเป็นจริงที่ว่าราคาของ Ice Cream เเบรนด์นี้ก็เเพงจนเว่อร์ ไม่มีใครเขาซื้อไหว รสชาติก็งั้นๆ

ปรากฏการณ์ปฏิเสธวันชาติของตนเองเพียงเพราะเชื่อผิดๆ ว่าเป็นสัญลักษณ์เเห่งการกดขี่ เป็นสิ่งที่มีในสหรัฐฯ เช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย ฝ่ายซ้ายใหม่ในหลายประเทศชูลัทธิรังเกียจชาติตนเองซึ่งเเสวงหาความชอบธรรมด้วยการใช้วาทกรรมกดขี่

ถ้าเป็นสหรัฐฯ ก็จะปั่นวาทกรรมผู้ชายผิวขาวที่รักเพศตรงข้าม (Hetero-normative Caucasian Male) นั้นเป็นผู้กดขี่ ถ้าในฝรั่งเศสรอบล่าสุดก็จะเป็นการปั่นว่าตำรวจผู้ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องเเบบเป็นผู้เหยียดเเละกดขี่ผู้อพยพ

โดยเเนวคิดตาม Dialectic นี้จะมีผู้ซึ่งทำหน้าที่กดขี่เสมอเเล้วก็มีเหยื่อตลอดเวลา (Perpetual Victimhood Status) ถ้าเป็นเมืองไทยก็จะเป็นวาทกรรมซึ่งเรามักจะคุ้นเคยกันอยู่เเล้วผมคงไม่ต้องอธิบาย นั่นคือการกล่าวโทษทุกอย่างไปที่ทุนเเละก็กล่าวโทษทุกอย่างไปที่ศักดินา

ฝ่ายซ้ายไม่เคยมีที่สิ้นสุดในการเคลื่อนไหว พอโค่นสิ่งหนึ่งได้ก็จะกล่าวหาสิ่งอื่นต่อไปในสังคม ไม่เคยคิดที่จะนำความกตัญญูกตเวทิตาคุณเป็นคุณธรรมหลักในการขับเคลื่อนสังคมเเละชีวิตส่วนตัวบ้าง ทั้งชีวิตก็ไม่มีความสุขไม่ว่าอยู่ที่ไหนหรือได้เกิดใน Utopia เเห่งใด เพราะในใจเพ้อเจ้อถึงความเท่าเทียมทัดเทียมในรูปเเบบที่มัวเเต่คิดว่าไม่มีเเต่จริงๆ มีอยู่เเล้วเเต่ดันไม่เคยหัดที่จะมองให้เห็น...ฟังเบ็น ชาปิโร่ ซัด Ben & Jerry's ครับ สมควรโดนเบ็นด่า

‘รศ.ดร.วินัย’ แชร์คำกล่าวนักกวี 3 สิ่งที่ทำลายอารยธรรมของประชาชาติ คือทำลาย ‘ครอบครัว-การศึกษา-บุคคลต้นแบบ’ 

(6 ก.ค. 66) รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Dr.Winai Dahlan’ ระบุว่า…

🏮เมื่อชาวจีนโบราณต้องการอยู่อย่างปลอดภัย พวกเขาได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา โดยเชื่อว่าจะไม่มีมนุษย์หน้าไหนสามารถปีนมันได้เพราะสูงมาก แต่ทว่า..! 🫢

🔘ภายใน 💯 ปีแรก หลังการสร้างกำแพงนั้น เมืองจีนกลับถูกรุกรานถึง 3 ครั้ง!
🔘ในแต่ละครั้ง กองทัพของศัตรูไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะลวงกำแพงหรือปีนมันเลยแม้แต่น้อย..!
🔘ในทุกครั้ง พวกเขาใช้วิธี💰ติดสินบนยามเฝ้าประตู แล้วเข้าทางประตูนั่นแหละ

แน่นอนว่าชาวจีนมัวแต่ห่วงเรื่องสร้างกำแพง
📍จนลืมสร้างคนเฝ้ากำแพง..
📍เพราะ ‘การสร้างคน’
📍ต้องมาก่อนการสร้างทุกสิ่ง
🟢และนี่คือสิ่งที่ ‘คนหนุ่มสาว’ ของพวกเราทุกวันนี้ ต้องตระหนักให้มาก

🟣นักบูรพาคดีคนหนึ่ง
กล่าวไว้ว่า: ถ้าท่านต้องการทำลายอารยธรรมของประชาชาติหนึ่งประชาชาติใด
⏩️มีขั้นตอนอยู่ 3 อย่างคือ:

1.ทำลายครอบครัว
2.ทำลายการศึกษา
3.ล้มบุคคลต้นแบบ และตัวอย่างที่ดีงามของพวกเขา

🟤เมื่อแม่ที่ฉลาด
🟤ครูที่จริงใจ และ
🟤ต้นแบบที่ดีหายไป
🟡ใครเล่าจะเลี้ยงดูต้นกล้าเยาวชนให้มีคุณธรรม??

ชอบมากเลยบทความนี้เลยขอส่งให้ ทุกๆ ท่าน ด้วยความรำลึกถึง 💗

ขอบคุณเจ้าของบทความซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร

แฟนคลับเล่าสาเหตุ ‘แม่หมู’ อันฟอล ‘นาย-ใบเฟิร์น’ ชี้ อาจน้อยใจด้วยวัย แถมมีปัญหาด้านสุขภาพส่วนตัว

(6 ก.ค. 66) ยังเป็นประเด็นที่ทำให้สงสัยว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลังจาก แม่หมู พิมพ์ผกา อันฟอลโลว์อินสตาแกรมของลูกชาย นายณภัทร และใบเฟิร์น พิมพ์ชนก แฟนสาวหวานใจ ยิ่ง แม่หมู ออกมาบอกว่าสงสัยน่าจะเป็นจากระบบ แม่ก็งงๆ กับระบบ ยืนยันไม่ได้มีปัญหา แม่ก็ทำหน้าที่ได้แค่อยู่เฉยๆ นิ่งๆ ไม่สามารถพูดอะไรได้

ล่าสุดในโลกโซเชียลมีการแชร์ทวีตจากแฟนคลับออกมาเล่าสาเหตุอัลฟอลโลว์ด้วยว่า…

“จากที่เราติดตามนายมานะ แม่หมูเป็นคนที่ขี้งอนอยู่แล้ว ส่วนตอนนี้ต้องเข้าใจนะว่าแกไม่มีคู่ชีวิต ไม่มีญาติ ไม่มีกลุ่มเพื่อน มีแต่ลูกชาย และลูกชายพอโตแล้วก็ใช่ว่าจะคุยกันได้ทุกเรื่อง

ตอนออกไปทำงานแกยังได้พบเจอผู้คน มีสังคมบ้าง แกก็แฮปปี้มีเพื่อนคุย ตอนนี้สุขภาพไม่ดีและอายุที่มากขึ้น ทำให้ไม่ได้ออกไปทำงานกับลูกแล้ว ให้คนอื่นมาดูแลงานนายแทน แกก็อยู่บ้านเลี้ยงแคคตัสเป็นหลัก ช่วงที่หยุดทำงานแรกๆ เคยไลฟ์บ่นเหงา และบอกว่าตัวเองป่วยเป็นซึมเศร้า และแกก็ไม่ค่อยมั่นใจรูปร่างตัวเอง ไม่อยากออกกล้อง เข้าวัยทองแล้วด้วย

มีคนแนะนำให้เลี้ยงสัตว์แก้เหงาก็ไม่อยากเลี้ยง กลัวตายแล้วเสียใจ วันดีคืนดีก็น้อยใจลูก น้อยใจแฟนลูก น้อยใจ ผจก.ลูก น้อยใจ ผจก.แฟนลูก น้อยใจสไตล์ลิสต์ด้วย ใครที่แกค่อนข้างสนิทคือโดนยกแก๊งค์ เหมือนแกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

ตอนนี้ทุกคนกำลังช่วยกันรักษา ใบเฟิร์นก็ดูรับมือได้ เป็นคนมองอะไรในแง่บวกและมีวุฒิภาวะ คอยให้กำลังใจนาย นายก็คงเครียดแหละ แม่ป่วยก็ต้องรักษา แต่มันไปกระทบแฟนกับทีมงานด้วย ต้องมารองรับอารมณ์สวิงของแม่ ก็ต้องจับมือกันผ่านไป”

ท่ามกลางหลายมุมมองก็เห็นแตกต่างกันไป ว่าถ้าเรื่องจริงก็เห็นใจมากๆ บ้างก็มองไปอีกมุม อาทิ ลูกก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองนะคะ น้องนายก็โตมากแล้ว ปล่อยเค้าบ้างเถอะ, งง มาก คำตอบหลายคนมาก วิเคราะห์เป็นฉากๆ เหมือนไปนั่งใต้เตียงเขาเลย ทำไมรู้ละเอียดจัง คือเรื่องบางเรื่องแค่ฟังก็พอมั้ง มันเซนซิทีฟเกินจะเอามาวิจารณ์ ทั้งที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง เรื่องโรคซึมเศร้าเหมือนกันพูดเป็นฉากๆ ยังพาเขาไปหาหมอเอง งงใจ ถ้าเขาเป็นจริง ยิ่งต้องเงียบ และหยุดวิจารณ์ปะ เป็นต้น

พนง.สนามบินชุมพร ยืนโบกมือลาขณะเครื่องบินขึ้น  สร้างรอยยิ้ม - ความสุขจนผู้โดยสารหุบยิ้มไม่ได้

(6 ก.ค. 66) หุบยิ้มไม่ได้เลย หลังจากผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง โพสต์คลิป พร้อมข้อความระบุว่า “ไทยแลนด์ Only😆💓 ขอบคุณนะคะ หุบยิ้มไม่ได้เลยยยยย”

เป็นคลิปขณะเครื่องบินกำลังบินขึ้น ออกจากสนามบินชุมพร โดยมีพี่ ๆ พนักงานภาคพื้นโบกมือลา ยิ้มส่งพร้อมทำท่าหัวใจหมุนจนเป็นลูกข่าง ส่งให้คนในเครื่องบิน

หลังจากชมคลิปนี้แล้ว มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น 

“ชุมพร ไม่ค่อยมีเครื่องไปค่ะ พี่ๆ เค้าดีใจได้ทำงาน” 
“พี่เค้าดีใจนาน ๆ มีเครื่องลงทีครับสนามบินชุมพร” 

“ซื้อตั๋วไปดูพี่ ๆ เขาบ๊ายบายดีกว่า น่ารักกกก” 
“ขนาดภาคพื้นสุดมัน ถ้ากัปตันน่าจะเต้นรำจนแลนด์ดิ้ง” 
“อยากไปเที่ยวชุมพร เพราะพี่คนที่ซารางเฮโยแล้วหมุนตัวเลย”

“แต่ก่อนมีนกแอร์แบบใบพัดหน้าเสียงดังมาก ต่อมาเป็นรุ่น Q400 และมีแอร์เอเชียมาด้วย เจ้าหน้าที่เลยดีใจ และแสดงการขอบคุณ จากคนที่อยู่ชุมพรเกือบ10 ปี” 

“เจอเหมือนกันเลย สนามบินชุมพร น่ารักมาก” 
“คนดูคลิปก็ยิ้มตามไม่หุบเลยค่าาา น่ารักมากเลย”

‘ไพศาล’ ชี้!! ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นเรื่องเพ้อฝัน ฝั่งรัฐบาลเก่ามี ส.ส. 105 เสียง - ส.ว. 150 เสียง เท่านั้น

(6 ก.ค. 66) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า รัฐบาลตามสูตรที่ 3 หรือรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นความเพ้อฝันไปแล้ว!!!

1 ที่ปั่นกระแสกันว่าขั้วรัฐบาลเก่ามี ส.ส. ถึง 198 เสียง แท้จริงมีแค่ 105 เสียง

- ที่อ้างว่ามี ส.ว. จะโหวตให้ 250 เสียงนั้นก็แค่นึกเอาเองเหมือนการปั่นกระแสก่อนเลือกตั้งที่ผ่านมา

ขณะนี้ ส.ว.มีถึง 5 กลุ่ม ที่อยู่ในสายลุง ก็ราว 150 คนอย่างมากที่สุด

รวมทั้ง ส.ส. และ ส.ว. แล้วมีแค่ 255 เสียง ไม่พอที่จะได้รับความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี เพราะยังขาดอีก 121 เสียง

ยิ่งแกนนำบางคนแถลงว่า ถ้า ส.ว. โหวตให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้ว ถ้าหากยังหา ส.ส. งูเห่าไม่ได้ ก็จะยังไม่ตั้งรัฐบาล แต่จะรักษาการไปเรื่อย ๆ 

นักธุรกิจ ได้ฟังแล้วร้องโอ้กตาม ๆ กัน

พูดแบบนี้เหมือนไม่ได้เข้าร่วมรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาหรือไร

2 ที่ส.ว. บางคน ขอให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวออกจาก 8 พรรคพันธมิตรแลกกับการโหวตเสียงให้แคนดิเดตนายกของเพื่อไทยเป็นนายกนั้น ฟันธงไว้ล่วงหน้าว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีวันถอนตัวออกจากพันธมิตร 8 พรรค 

เพราะการจัดตั้งรัฐบาลสูตรที่ 1 พรรคเพื่อไทยถือดุล เรื่องอะไร จะต้องไปพึ่งขั้วอำนาจเดิม ให้คนอื่นขี่คอตามสูตรที่ 2 หรือกลายเป็นคนแบกเสลี่ยงตามสูตรที่ 3 !!!

3 การที่นายวันนอร์ได้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า กก+พท.จะร่วมกับพันธมิตร 8 พรรคเป็นรัฐบาลสูตรที่ 1

การเลือกรองประธานสภา โดยวิธีการลงคะแนนลับ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า พันธมิตร 8 พรรคเป็นเอกภาพ 

ดังนั้นในการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยเปิดเผย ด้วยวิธีการขานชื่อ จึงยิ่งเป็นเอกภาพ 312 เสียง และก่อสภาพที่ทำให้ พรรคการเมืองอื่นที่เคารพฉันทามติของประชาชนอาจต้องโหวตให้ด้วย!!!

'ฝ่ายค้านศรีลังกา' ลั่น!! หากมารับช้าง 2 เชือกกลับไทย มีฟ้อง!! ชี้!! การขอของขวัญที่มอบให้คืนนั้น 'ผิดจรรยาบรรณ'

รายงานจากสำนักข่าวท้องถิ่นศรีลังกา เมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 ระบุว่า นาย เนรัญชรา ไวเยรัตเน นักการเมือง ผู้นำฝ่ายค้าน อดีตผู้นำผู้ปกครองสำนักงานของหัวหน้าฝ่ายอุปัฏฐาก Sri Dalada Maligawa วัดพระเขี้ยวแก้ว หัวหน้าฝ่ายฆราวาส มีอำนาจหลายอย่างจัดการส่งเสริมเกี่ยวกับวัดในเมืองแคนดี้  

เนรัญชรา ไวเยรัตเน ให้ข้อมูลผ่านสื่อศรีลังกาว่าช้างไทยราชา ได้รับมอบเป็นของขวัญแก่ วัดศรีดาลดา มาลิกาวา (วัดพระเขี้ยวแก้ว) จากพระมหากษัตริย์ไทยเมื่อ 37 ปีที่แล้ว และมีสุขภาพแข็งแรงดี

NGO องค์กรเกี่ยวกับสัตว์ บางรายในศรีลังกากำลังส่งข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไปยังรัฐบาลไทยเกี่ยวกับช้าง

หากมีการพยายามนำช้างที่ได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ไทยกลับไปยังประเทศไทยนั้น จะมีการฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยสำหรับค่าใช้จ่ายในการบำรุง ดูแล รักษาช้างจนถึงปัจจุบัน

ช้างได้รับการดูแลอย่างดีจากรุ่นพี่ที่จบทางด้านสัตวแพทย์ศาสตร์ ตั้งแต่รับช้างมาเมื่อ 37 ปีก่อนใช้เงินจำนวนมหาศาลในการดูแล

นอกจากนี้เขายังชี้ให้เห็นว่าการขอของขวัญที่มอบให้คืนนั้นผิดจรรยาบรรณ

(สำหรับการแห่พระบรมสารีริกธาตุศักสิทธิ์ แห่พระเขี้ยวแก้ว เปรียบเสมือนการถวายของแก่พระพุทธเจ้า มีคุณค่าทางวัฒนธรรม ที่อาจละเลยไม่ได้)

ด้าน NGO องค์กรเกี่ยวกับสัตว์ ที่พึ่งพาเงินจากต่างประเทศกำลังทำงานเพื่อส่งช้าง 2 เชือกกลับประเทศไทย ตามคำกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของไทย ได้กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า หากคนไทยเรียกร้อง พวกเขาพร้อมที่จะนำช้างที่เหลืออีก 2 เชือกกลับไทย 

เนรัญชรา ไวเยรัตเน กล่าวอีกว่า "ข้าพเจ้าทูลขอต่อพระเจ้าภูมิพลมหาราชาแห่งประเทศไทย ขอให้ถวายลูกช้างแก่ วังดาลดา (วัดพระเขี้ยวแก้ว) คำขอนั้นได้รับมอบช้างในปี 2529...ลูกช้างตัวนี้ถูกนำมาโดยเครื่องบินรบเครื่องบินขนส่งของอเมริกา และได้รับอนุมัติพิเศษจาก เจอาร์ เจวาร์ดีน ผู้นำศรีลังกาในสมัยนั้น"

ช้างตัวแรก มุทุราชา (พลายศักดิ์สุรินทร์) นั้นได้ส่งกลับถึงประเทศไทยแล้ว องค์กรเกี่ยวกับสัตว์กำลังพยายามจะนำช้างอีก 2 เชือกกลับในปัจจุบัน

✍️ อื่นๆ
*ศรีลังกา มีการแห่พระเขี้ยวแก้ว  พระบรมสารีริกธาตุ...แห่อื่นๆ จำนวนมาก หลายวัด ใช้ช้างมากถึง 150 เชือก+

ในการแห่ มีหลายแบบ ช้างทรงเครื่องตกแต่ง แห่ 20.00-02.00 + น. บางกรณีช้างเดินหลายกิโลเมตร 

*ช้างเอเชียในศรีลังกานั้นตัวใหญ่แต่ไม่เข้าตำรา เนื่องจากงาสั้น งายาวสุด 20 ซม. ช้างพม่า อินเดีย ไทย เข้าเกณฑ์ งายาว สวยงามตามตำรา จึงถูกขอจากศรีลังกาในโอกาสต่างๆ และถูกส่งมอบให้  ไทย อินเดีย พม่า ศรีลังกา มีความเชื่อมโยงทางศาสนา ประเพณี 

*การแห่พระเขี้ยวแก้ว มีมามากกว่า 270 ปี  
*หลายวัดของศรีลังกา เลี้ยงดูช้าง ที่เข้าตำราสง่า ไว้ร่วมกิจกรรมแห่ต่างๆ การแห่ขบวนด้วยช้างจำนวนมาก ได้รับความสนใจจากคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว

'เสธ.โหน่ง' ลั่น!! หาก 'พิธา' ไม่ได้เป็นนายกฯ ประชาชนจะนัดหยุดงานลงถนนแบบยุโรป

เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.66) พล.ท.พงศกร รอดชมภู หรือ 'เสธ.โหน่ง' อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นทางการเมืองว่า ยังเชื่อตามนี้อยู่นะครับ ถ้าฝืนเสียงประชาชนคุณภาพ (ยืมคำพูดสมัยก่อนหน่อย ลองย้อนศรดู จะได้หมดข้ออ้าง) คือคนกรุงเทพฯ ปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงทั้งหมด รวมเมืองใหญ่สำคัญแบบเชียงใหม่ ภูเก็ต จังหวัดเขตอุตสาหกรรมแบบระยอง

ไม่ต้องทำอะไรมาก ผู้ปกครองที่คนไม่ยอมให้ปกครองก็อยู่ยาก อาจเริ่มจากไม่มีใจทำงานให้ เฉื่อยงานไปจนถึงอาจนัดหยุดงานทั่วไปแบบในยุโรป รอบละ สองสัปดาห์บ้าง 1 เดือนบ้างสลับกันไป

เกิดอะไรขึ้น ขนส่งสาธารณะและเอกชนหยุดหมด ร้านค้าปิดตัวพร้อมกัน ยอมเสียรายได้วันนี้เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนี่จะหนักมากเพราะการจองต้องทำล่วงหน้า มีปัญหาหากว่าจะฟื้นตัวอย่างน้อย 6 เดือน มีติดต่อกัน 2 ถึง 3 รอบปิดงานยาวไป

ม๊อบอาจมีบ้างแต่ไม่ใช่สาระเพราะอาจถูกนำไปผิดทางหรือถูกซื้อได้ง่าย ๆ เจอการต่อสู้แบบสันติวิธีน่ากลัวกว่ามาก หาแกนนำที่ไหนก็ไม่เจอเพราะอยู่ในโรงงาน ห้างร้าน บริษัทและเอกชนอื่น ๆ ไม่ใช่บนถนน

เจ้าของบริษัทเอกชนนั่นเองจะออกปากให้รัฐบาลที่ประชาชนไม่สนับสนุนลาออก

จะใช้โฆษณาชวนเชื่อมากล่าวหาว่าคนไทยไม่รักชาติเท่าไรคนก็ไม่ฟัง

พิธา เป็นเด็กเมื่อวานซืนไม่ใช่หรือ จะกลัวอะไร 

แต่ถ้าดูถูกประชาชน แล้วเกิดประชาชนฮึดสู้แบบสันติขึ้นมา อุตสาหกรรมทั้งหลายหยุดชะงักหมด รัฐบาลที่คนสาปแช่งนั้นเองจะอยู่ยาก 

มาลองดูกันว่าระบบราชการหรือผู้มีอำนาจอย่าง ส.ว.และข้างหลังคือ คสช. จะทนทานได้สักเท่าไร

ประชาชนต่างหากเป็นผู้ทรงอำนาจแท้จริง แล้วอย่าไปมองหาแกนนำแบบสมัยสงครามสี นี่เป็นชนชั้นกลางคล้ายม็อบมือถือสมัย 35 แต่ไปไกลกว่า มากกว่าและลึกซึ้งกว่ามาก ครับ

'ชวน' ให้กำลังใจ 'บิ๊กป้อม' ทำหน้าที่ ส.ส.ไม่หลุด  ชี้!! ปมก้มหน้า แค่เรื่องเล็กน้อยไม่ใช่ประเด็น

(6 ก.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานรัฐสภา กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขณะเข้าร่วมประชุมสภาฯ นัดแรก เพื่อโหวตเลือกผู้ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯ ก้มหน้าในห้องประชุมคล้ายนั่งหลับ ว่า ตนขอให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร ที่มาร่วมประชุมและได้เข้าแสดงตนเพื่อเป็นองค์ประชุม

"ผมมองเห็นว่าท่านนั่งอยู่ตลอดไม่ได้ไปไหนเลย ส่วนท่านจะก้มหน้าหรือเงยหน้า หรือจะทำอะไรก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย"

นายชวน ระบุว่า ขออย่าวิพากษ์วิจารณ์หรือเอามาเป็นประเด็น เพราะท่านสามารถเลือกที่จะไม่นั่งในที่ประชุมก็ได้ แต่นี่นั่งอยู่เป็นองค์ประชุมตลอด ในการโหวต ถือเป็นการทำหน้าที่ของ ส.ส. และรักษาองค์ประชุมของสภา ตรงนี้ต่างหากที่เป็นประเด็นที่ต้องให้กำลังใจกัน ซึ่งทำให้ครบองค์ประชุมและสามารถเดินต่อหน้าต่อไปได้ ตนจึงขอเป็นกำลังใจให้ในการทำหน้าที่ต่อไป

รู้จัก SCO ‘กลุ่มพันธมิตรองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้’ เวทีที่ทำให้ ‘ปูติน’ ไม่ถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลก

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา วลาดิมีร์ ปูติน ได้เข้าร่วมงานประชุมออนไลน์ ของกลุ่มพันธมิตร องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organisation: SCO) ซึ่งนับเป็นการปรากฏตัวออกงานในระดับนานาชาติครั้งแรก ตั้งแต่เกิดเหตุความไม่สงบภายในจากการลุกฮือของกองกำลังวากเนอร์ 

การประชุมในครั้งนี้ อินเดีย นำโดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ เป็นเจ้าภาพ และมีผู้นำชาติพันธมิตรเข้าร่วมประชุมกันพร้อมหน้า รวมถึง สี จิ้นผิง ผู้นำจีนด้วย 

สำหรับการประชุม SCO ในครั้งนี้มีความพิเศษมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ เนื่องจาก อิหร่าน ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกหลักอย่างเป็นทางการเป็นปีแรก ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่า และความแข็งแกร่งในด้านตลาดการค้า และ เศรษฐกิจในกลุ่มพันธมิตร SCO มากขึ้นไปอีก และในปีหน้าคาดว่าจะได้ เบลารุส เข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่อีกชาติด้วย 

ทั้งนี้ วลาดิมีร์ ปูติน ได้กล่าวขอบคุณ นเรนทรา โมดิ และ ผู้นำประเทศสมาชิกอื่นๆ ที่จับมือร่วมกันอย่างเป็นปึกแผ่น และยังอยู่เคียงข้างรัสเซีย อีกทั้งยังถือโอกาสนี้ฝากข้อความถึงฝ่ายตะวันตกว่า รัสเซียพร้อมจะตอบโต้การคว่ำบาตร, การกดดัน และการยั่วยุจากภายนอกอย่างเต็มกำลัง โดยที่ยังเดินหน้าพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

จากเวทีประชุมนี้ น่าจะทำให้ ปูติน มั่นใจในความแข็งแกร่งของชาติพันธมิตร SCO ซึ่งตราบใดที่องค์กร SCO ยังต้อนรับรัสเซีย ปูตินก็ไม่ต้องกังวลว่ารัสเซียจะถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกอีก

>> คำถาม คือ แล้วอะไรที่ทำให้ปูตินเชื่อมั่นเช่นนั้น?

องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือ SCO มีจุดเริ่มต้นจากกลุ่ม ‘เซี่ยงไฮ้ ไฟฟ์’ (Shanghai Five) ก่อตั้งในปี 1996 โดยสมาชิกหลักเพียง 5 ประเทศ คือ จีน, รัสเซีย, คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน, และทาจิกิสถาน ต่อมามีการขยายสมาชิกเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ จึงมีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้

ปัจจุบัน SCO มีชาติสมาชิก 8 ชาติ คือ จีน, รัสเซีย, อินเดีย, คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน, ทาจิกิสถาน, ปากีสถาน และ อุซเบกีซสถาน นับรวมอิหร่านเป็นชาติที่ 9 ในปีนี้ และ เบลารุสจะเป็นชาติที่ 10 ในปีหน้า และยังมีประเทศคู่ค้าที่สำคัญอย่าง ซาอุดีอาระเบีย, ตุรเคีย, กาตาร์, อียิปต์ และอื่นๆ ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจที่มีมูลค่าถึง 30% ของ GDP โลก และมีสัดส่วนประชากร 40% ของโลก 

กลุ่ม SCO ย้ำว่า นี่ไม่ใช่การร่วมมือในรูปแบบขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO อีกทั้งไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อต่อต้านองค์กร NATO ด้วย แต่เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลระดับภูมิภาค ให้ชาติพันธมิตรในยูเรเซีย มีพื้นที่ในการสร้างสมดุลระหว่างการรักษาผลประโยชน์ของชาติ กับการรับมือกับความตึงเครียดในด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่กดดันสูงขึ้นในโลก 

หรืออาจจะมองได้ว่า SCO เป็นเหมือนเวทีให้ จีน และ รัสเซีย สามารถกระชับไมตรีในเชิงเศรษฐกิจ การค้าร่วมกับชาติอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น แม้แต่กับชาติที่อยู่นอกองค์กร ก็สามารถเข้าร่วมเป็นคู่ค้าของกลุ่มได้อย่างสะดวกใจนั่นเอง 

นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในเซฟโซนของปูติน ผู้นำรัสเซียในช่วงเวลาที่ถูกกดดันอย่างหนักจากชาติพันธมิตรตะวันตกทั่วโลกจากสงครามในยูเครน เพราะที่ผ่านมากลุ่มชาติพันธมิตร SCO ไม่มีชาติใดออกมาประณามรัสเซียโดยตรงจากการรุกรานยูเครน อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย กับ จีน และ อินเดีย ยังแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จากข้อตกลงซื้อขายนัำมันกับรัสเซียในราคาพิเศษ
.
แต่ทั้งนี้ สิ่งที่ท้าทายความเป็นปึกแผ่น SCO คือความบาดหมางกันเองระหว่างชาติพันธมิตร ที่อาจมีแรงเสริมจากการแทรกแซงของชาติตะวันตกได้ อาทิ ข้อพิพาทระหว่าง จีน และ อินเดีย ในเส้นแบ่งเขตแดนในเทือกเขาหิมาลัย  ความบาดหมางระหว่างอินเดีย และ ปากีสถาน  การกดดันของสหรัฐอเมริกาผ่าน นโยบายการคว่ำบาตรของตนต่อทั้งรัสเซีย และ อิหร่าน เป็นต้น

การฝากความหวังของปูติน ไว้กับพันธมิตร SCO จึงเป็นเหมือนจุดวัดใจว่า องค์กรที่เริ่มต้นจากชาติพันธมิตรเพียงแค่ 5 ประเทศ เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว จะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเป็นหนึ่งในดุลย์อำนาจ ที่ปูตินสามารถพึ่งพาได้จนไฟสงครามสงบหรือไม่ 

‘ลุงวิทย์-ป้าเกียว’ คู่รักวัยเกษียณตัวอย่าง แสวงสุขด้วย ‘รถบ้าน’ กุมมือเที่ยวทั่วไทย

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 66 ผู้ใช้ TikTok ในชื่อ ‘tagplethtiktok’ หรือ ‘เอิร์ธสดชื่น’ ได้โพสต์คลิปแชร์เรื่องราวของ ‘ลุงวิทย์ และป้าเกียว’ คู่สามีภรรยาวัย 74 ปี ที่ใช้ชีวิตวัยเกษียณด้วยการใช้ ‘รถบ้าน’ เป็นที่พักอาศัย มาร่วม 11 ปี และขับพากันไปเที่ยวทั่วประเทศไทย ซึ่งภายในตัวรถบ้านคันนี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ไฟฟ้า ตู้เย็น แอร์ รวมถึงห้องน้ำ โดยใช้โซลาร์เซลล์เป็นตัวกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่งการกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ 1 ครั้ง ทำให้มีไฟฟ้าเพียงพอจนสามารถมีพลังงานสำรองไว้ใช้ได้ต่อเนื่องถึง 2 วัน ซึ่งทั้งหมดนี้ลุงวิทย์เป็นคนลงมือปรับแต่งรถบ้านคันนี้เองอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีมุมที่ใช้สำหรับจับยึดเพื่อทรงตัวลุกขึ้นนั่ง หลังตื่นนอนของคุณป้าเกียวที่ลุงวิทย์ได้ทำไว้ให้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ป้าเกียวร่างกายทรุด แขนขาไม่มีแรงจากการทำคีโม จนตอนนี้ร่างกายของป้าเกียวฟื้นฟูจนกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้สุขภาพของป้าเกียวกลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นผลมาจากการที่ลุงวิทย์ใช้รถบ้านคันนี้ขับพาป้าเกียวไปท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ ให้ป้าเกียวได้พักผ่อนหย่อนใจ และรับอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ถือเป็นการบำบัดสุขภาพกายและสุขภาพใจไปในตัว โดยแพลนการไปท่องเที่ยวในแต่ละครั้งลุงวิทย์จะเป็นคนค่อยวางแผน และจัดทริปเองทั้งหมด และมีป้าเกียวเป็นคนคอยดูแลในเรื่องอาหารการกิน

ลุงวิทย์และป้าเกียวยังได้บอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตคู่ที่อยู่กินกันมาถึง 46 ปี จากการแต่งงานโดยการถูกคลุมถุงชนผ่านแม่สื่อแบบชาวจีนสมัยก่อน ทั้งๆ ที่ลุงวิทย์และป้าเกียวไม่เคยรู้จักการมาก่อน หลังแต่งงานและอยู่กินด้วยกันมานานจึงทำให้เกิดเป็นรักและความผูกพัน จนทั้ง 2 ท่าน สามารถครองรักกันมาได้ยาวนานเกินครึ่งชีวิต

ทั้ง 2 ท่านนับเป็นตัวอย่างของคนที่ใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีคุณภาพและมีความสุข อีกทั้งยังมีความพร้อมในการวางแผน การเตรียมตัวในการทำสิ่งต่างๆ และยังมีความรัก ความห่วงใยต่อกัน ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตคู่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top