Thursday, 8 May 2025
NewsFeed

พ่อแม่ดิ้นรนเพื่อตนอย่างสุดใจ แล้วทำไม ลูกๆ จะปันสุขส่วนหนึ่งเพื่อท่านมิได้

(5 ก.ค. 66) 'ป้าจูรี นุ่มแก้ว' หรือ 'แม็กซ์ ตรัย นุ่มแก้ว' ดาว TikTok ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน ในช่อง 'แหลงเล่า' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ปัจจุบันมีแนวคิดหนึ่งของเด็กยุคใหม่ว่า ลูกไม่จำเป็นต้องส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่กะได้ การส่งเบี้ยให้พ่อแม่ ไม่เท่ากับ ความกตัญญู

...ฉันเคารพในความคิดของทุกคน เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ แต่ละคนอาจจะรู้สึกเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้

...แต่สำหรับฉัน ภาพที่ฉันจำตั้งแต่เอียดคือ พ่อแม่แกปล้ำดิ้นรนเพื่อฉัน หาให้ฉันกิน ส่งให้ฉันเรียน ปอกลูกม่วงให้ฉันกินเนื้อ แกยอมดูดเม็ดมัน พอฉันใหญ่ขึ้น พอรู้สา ฉันกะใช้ภาพในหัวให้พ่อแม่อยู่ในแรงจูงใจของชีวิตว่า ชีวิตต้องดีขึ้น เพื่อให้พ่อแม่สลับมาได้กินเนื้อลูกม่วงมั้ง เพราะชีวิตฉันถ้าไม่มีพ่อแม่เป็นแรงขับ กะอาจจะเสียคน ติดหรางหรือไม่รู้ไปถึงไหน

...ฉะนั้น เมื่อฉันเลี้ยงตัวได้แล้ว มันอิแปลกไอไหร ถ้าเราอิแบ่งส่วนหนึ่งที่หามาได้ไปเลี้ยงแรงขับที่พาชีวิตเรามากัน เมื่อฉันรู้สึกว่าจิตวิญญาณพ่อแม่อยู่ในตัวฉัน รู้สึกว่าฉันกับพ่อแม่เราคือคนเดียวกัน ถ้าฉันได้กิน พ่อแม่ฉันก็ต้องได้กิน ชีวิตฉันมีความสุข พ่อแม่ก็ต้องได้สุขตาม หรือแม้แต่ตายจากกันแล้ว ทุกบุญที่ฉันทำ พ่อแม่ฉันจะได้รับการนึกถึงตลอดไปจนสุดลมหายใจฉัน

‘บิ๊กตู่’ ชื่นชม วงดุริยางค์เครื่องลม ม.เกษตรศาสตร์ ตัวแทนประเทศโชว์ Soft Power ไทยสู่สายตาชาวโลก

(5 ก.ค. 66) ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล ดร.ดำรงค์ ศรีพระราม รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะผู้บริหาร นำวงดุริยางค์เครื่องลมแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแสดงคอนเสิร์ตในงาน Bandmasters Association Annual Convention/Clinic ณ สหรัฐอเมริกา เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วม

นายกฯ ชมการบรรเลงในบทเพลง Siamese Impossible Dream (2023) : Incidental Music from the Old Land, Two new Land บรรยายเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในซีกโลกตะวันออก ได้แก่ อโยธยา เมืองที่มีความสำคัญในดินแดนสุวรรณภูมิ และตะวันตก (Incidental Music) ได้แก่ อเมริกา เมืองแห่งเสรีภาพและหลากหลายชาติพันธุ์ โดยในตอนต้นของบทเพลงได้นำชุดเสียงแตร Fanfare และทำนองจาก Siamese Music และบทเพลง Air des Siamois เชื่อมทำนองหลักในเพลงศรีอโยธยา แล้วปิดด้วยอโยธยาคู่ฟ้า จากนั้นดนตรีนำเข้าสู่โลกตะวันตก ด้วยบทเพลง New World Symphony และบทเพลง Star Spangled Banner ตามด้วยบทเพลงพื้นถิ่นของ Texas ซึ่งตั้งใจนำเสนอว่า Kasetsart Winds จากประเทศไทย ปิดท้ายด้วยบทเพลง The Impossible Dream (ความฝันอันสูงสุด) บทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันเป็นบทกลอนที่สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานแม้จะต้องพบอุปสรรคก็พร้อมที่จะฟันฝ่าไป และเพลงสรรเสริญพระบารมีเพื่อน้อมรำลึกถึงกษัตริย์ที่อยู่ในใจของพสกนิกรตราบนิรันดร์

นายกฯ ชื่นชมนิสิตนักศึกษา คณาจารย์ นักดนตรี ชี้นับเป็นโอกาสที่ดีที่ทุกคนจะได้รับประสบการณ์ในการใช้ทักษะการแสดงเพื่อเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในการสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติ ทั่วโลกจะได้เห็นศักยภาพทางด้านดนตรีของประเทศไทย ในนามของรัฐบาลขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทุกฝ่าย เพลงที่บรรเลงมีความไพเราะ และเพลงความฝันอันสูงสุดก็เป็นบทเพลงบรรเลงที่มีความหมาย ความฝันนับเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมุ่งหวังทำให้ชีวิตมีความหวัง มีความฝันที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าในอนาคต พร้อมขอบคุณในความตั้งใจและความมุ่งมั่นของทุกคนที่จะนำชื่อเสียงของประเทศไทยและมหาวิทยาลัยไทย รวมทั้งดนตรีไทยไปแสดงสู่สากลที่มลรัฐเท็กซัสในเร็ว ๆ นี้

พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำถึงความสุขภายในประเทศ การอยู่บ้านเราซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนนับเป็นความสุขใจ การไปต่างประเทศในครั้งนี้ขอให้มีความสุขเหมือนกับอยู่บ้านของเรา ซึ่งเป็นสังคมที่อบอุ่น มีพ่อแม่ มีความรักให้กัน ขอให้รักษาสิ่งนี้ไว้ให้ได้ พร้อมชื่นชมในความพร้อมเพรียง ความตั้งใจ และความมุ่งมั่นรวมถึงการขับร้องและการแสดงดนตรีของวง เชื่อมั่นในศักยภาพและยินดีที่ได้รับเชิญไปในครั้งนี้ ซึ่งประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวที่ได้รับเชิญในทวีปเอเชีย เป็นครั้งแรกของประเทศไทยและคาดหวังให้มีครัั้งต่อไปในอนาคต พร้อมขอให้แสดงออกถึงวัฒนธรรมไทยอันเป็น Soft Power ที่มีคุณค่า โชว์ศักยภาพทางดนตรีให้ทั่วโลกร่วมชื่นชม 

คาดหวังให้ทุกคนได้รับสิ่งต่าง ๆ ที่ดีขึ้นตามความมุ่งมั่นและความพยายามที่ตั้งใจไว้ ด้วยความตั้งใจของตัวเอง ทุกอย่างเจริญก้าวหน้าไปได้ต้องเริ่มจากตัวเอง พ่อแม่เป็นคนดูแล จากนั้นหางานทำ หน่วยงานต่าง ๆ ก็ให้การสนับสนุนดูแล ขอให้เข้าใจว่าประเทศไทยกำลังเดินไปข้างหน้าต่อไปเพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยืนยันการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ต้องสร้างทัศนคติที่ดีให้เกิดขึ้นกับทุกคน ทั้งในวันนี้และในอนาคต เพราะวันนี้คือประวัติศาสตร์ของวันข้างหน้า ขอทุกคนร่วมกันเดินหน้าไปสู่อนาคตในทิศทางที่ควรจะเป็น ในฐานะที่ทุกคนเป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งต้องเดินไปพร้อม ๆ กันกับคนรุ่นกลางและคนรุ่นเก่า ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนโดยเฉพาะด้านการศึกษา ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมมือกันช่วยกัน รวมทั้งคณะครูอาจารย์และทุกภาคส่วน

ในตอนท้าย นายกฯ กล่าวให้กำลังใจทุกคน นักศึกษา คณะครูอาจารย์ นักดนตรีรวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ไม่ได้มาในวันนี้ ขอให้ประสบความสำเร็จ เดินทางปลอดภัย ทำให้เต็มที่ ลดความวิตกกังวล เล่นด้วยความสบายใจ ด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน ไม่เครียด ระมัดระวังรักษาและดูแลสุขภาพ คำนึงถึงความเป็นไทย สัญลักษณ์ความเป็นไทย ฝากชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความเป็นประเทศไทยของเรา

‘ตำรวจญี่ปุ่น’ บุกจับกุมเจ้าของ ‘ร้านอาบอบนวด’ พบ ‘สาวไทย-จีน’ ใช้วีซ่าระยะสั้นแอบทำงาน

(5 ก.ค. 66) ข่าวร้อนในญี่ปุ่น!! ล่าสุดตำรวจญี่ปุ่น บุกทลาย ‘ร้านอาบอบนวด’ เข้าจับกุมหญิงวัย 59 ปี ถูกจับในข้อหาให้นักเรียนต่างชาติทำงานอย่างผิดกฎหมายในร้าน

นาง อากิโกะ ซัตสึมะ วัย 59 ปี เจ้าของอาบอบนวด ‘Milk’ ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ให้นักศึกษาหญิงชาวไทยและจีน 5 คน เดินทางมาญี่ปุ่นด้วยวีซ่าระยะสั้นจนถึงเดือนมิถุนายนแอบมาทำงานที่ร้าน

ซึ่งตามรายงานของตำรวจ ภายในร้านอาบอบนวดจะมีห้องส่วนตัว โดยมีพนักงานให้บริการทางเพศเป็นคอร์สพิเศษ

ตำรวจไซเบอร์เผยกลโกงขบวนการซื้อขายบัญชีม้า-ซิมม้าในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เร่งตามจับกุมทั้งขบวนการ ล่าสุดจับกุมบัญชีม้าตัดวงจรหลอกลวงออนไลน์

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ทุกกองบังคับการ เร่งติดตามจับกุมคนร้ายคดีอาชญากรรมออนไลน์ทุกประเภท  ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าคดีออนไลน์ต่าง ๆ มักมีการใช้บัญชีม้า ซิมม้า ในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน ดังนั้น จึงได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์เร่งกวาดล้างจับกุมบัญชีม้า ซิมม้า เพื่อตัดวงจรการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 สั่งการจับกุมผู้ต้องหาบัญชีม้าในพื้นที่ จ.ขอนแก่น หลังสืบทราบว่ามีขบวนการซื้อขายบัญชีธนาคารผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ โดยพบว่าขบวนการดังกล่าวจะมีมิจฉาชีพใช้บัญชีทวิตเตอร์ ชื่อ “ขายบัญชี” จำหน่ายบัญชีธนาคาร พร้อมซิมโทรศัพท์มือถือแบบลงทะเบียนแล้ว หากมีผู้สนใจมิจฉาชีพก็จะให้แอดไลน์ ชื่อ “timeout” เพื่อแชทพูดคุยขายบัญชีธนาคาร พร้อมบัตรกดเงินสด (ATM) และซิมโทรศัพท์มือถือพร้อมใช้งาน ในราคา 5,000 บาท จากนั้นหากผู้สนใจตกลงซื้อ มิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะให้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการอีกคนใช้ชื่อว่า “นัท”ซึ่งเป็นคนประสานหาคนเปิดบัญชีม้า และซิมม้าพร้อมใช้ เพื่อนำมาจำหน่ายต่ออีกทอดเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.ท.ประภาส ถ้ำเหม รอง ผกก.1 บก.สอท.3 และร.ต.อ.วิชัย จำปา รอง สว.กก.1 บก.สอท.3 สืบสวนและวางแผนจับกุม โดยติดต่อซื้อบัญชีธนาคาร บัตรกด เงินสด และซิมโทรศัพท์มือถือพร้อมใช้งาน จากแก๊งดังกล่าว และมีการนัดหมายส่งมอบที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 2 ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พบ น.ส.ศิริรัตน์ ฯ นำสินค้ามาให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและจับกุม

จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.ศิริรัตน์ ฯ ให้การว่า ได้รับค่าจ้างเปิดบัญชีครั้งละ 700 บาท ส่วนซิม โทรศัพท์มือถือได้ไปซื้อจากร้านสะดวกซื้อและลงทะเบียนเป็นชื่อตนพร้อมใช้งาน ซึ่งทำมาแล้ว 5 ครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด” ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มาตรา 9 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ต.อ.อภิรักษ์ ฯ เปิดเผยว่า การจับกุมกวาดล้างซิมม้า บัญชีม้า ถือเป็นการตัดวงจรการหลอกลวงออนไลน์ เพราะเป็นฐานรากต้นตอของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ตำรวจไซเบอร์จะติดตามจับกุมทั้งขบวนการมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เตือนพี่น้องประชาชนหากบัญชีธนาคาร หรือซิมโทรศัพท์มือถือที่ท่านให้หรือขายให้บุคคลอื่น ถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด ท่านอาจจะถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด และหากรับจ้างเปิดบัญชีม้า หรือซิมม้าจำนวนมาก จะต้องรับโทษเพิ่มขึ้นตามจำนวนบัญชีธนาคารและซิมโทรศัพท์มือถือที่ได้ให้บุคคลอื่นนำไปใช้ในการกระทำความผิด

ทั้งนี้ หากประชาชนเคยหลงเชื่อขายซิมโทรศัพท์มือถือ หรือบัญชีธนาคาร ให้กับบุคคลอื่น ขอให้รีบไปติดต่อกับค่ายโทรศัพท์มือถือหรือธนาคารของตน เพื่อขอยกเลิกหมายเลขโทรศัพท์หรือปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวโดยเร็ว และหากพบเห็นการประกาศรับซื้อซิมโทรศัพท์มือถือหรือบัญชีธนาคาร แจ้งได้ที่สายด่วนตำรวจไซเบอร์1144 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามเพิ่มเติม : พ.ต.ท.ประภาส ถ้ำเหม รอง ผกก.1 บก.สอท.3 โทร. 08 1699 1119
*********************************************
ขอบคุณที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ผบ.ตร.ผนึกกำลัง 20 กระทรวง พร้อมรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน สื่อมวลชน กต.ตร.เปิดรณรงค์ “ร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” สร้างการรับรู้ร่วมกัน

วันที่  5 ก.ค.66 เวลา 09.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.   พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ  ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลเอก ธิติชัย  เทียนทอง   เสนาธิการทหาร พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้แทนกระทรวงและหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วย เครือข่ายภาคเอกชนทั้งบริษัทน้ำมัน  ห้างสรรพสินค้า และ สื่อมวลชน  และ กต.ตร. และสถานีตำรวจทั่วประเทศ ร่วมเปิดการรณรงค์ “ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.

สืบเนื่องจาก คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ “คดีออนไลน์” เป็นอาชญากรรมที่ส่งผลสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ และความเดือดร้อนของประชาชนเป็นอย่างมาก  แม้ว่า ตร.จะพัฒนาระบบแจ้งความออนไลน์ หรือร่วมผลักดัน พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566  มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.66 แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน เพียงแค่ทำให้คดีลดน้อยลง

ผบ.ตร.เห็นว่า การที่จะป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ได้ดีที่สุดนั้น คือการสร้างความรู้    การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อกลโกงของคนร้ายบนโลกออนไลน์  จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งคณะทำงานสร้างภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีกิจกรรมโครงการณรงค์ต่างๆ ซึ่งทำอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด รวมถึงโครงการรณรงค์ในวันนี้ 

“ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” มีส่วนราชการร่วมดำเนินการ หน่วยงานระดับกระทรวง จำนวน 20 กระทรวง  ประกอบด้วย   สำนักนายกรัฐมนตรี   กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม และ กระทรวงสาธารณสุข

หน่วยงานระดับกรม จำนวน 9 กรม  ประกอบด้วย กรมที่ดิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการ
ขนส่งทางบก กรมศุลกากร กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมการค้าภายใน กรมธุรกิจพลังงาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมสรรพากร

หน่วยงานอิสระ จำนวน 4 หน่วย  ประกอบด้วย สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ และสมาคมธนาคารไทย

กองทุนจำนวน 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนสื่อสร้างสรรค์และปลอดภัย และ สำนักงาน
กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ห้างสรรพสินค้า จำนวน 4 แห่ง  ประกอบด้วย ห้างเซ็นทรัลพลาซ่า ห้างสรรพสินค้าแมคโคร ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส  และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ค้าน้ำมัน จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัท เชลล์(แห่งประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสโซ่(แห่งประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 

นอกจากนี้ยังมี รัฐวิสาหกิจ จำนวน 4 แห่ง สื่อมวลชน จำนวน 11 แห่ง คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจระดับ กองบัญชาการ กองบังคับการ และสถานีตำรวจ ทั่วประเทศ ร่วมรณรงค์โครงการโดยมีมาตรการสำคัญดังนี้ 

1) ร่วมกับทุกภาคส่วนและ กต.ตร.ในการสร้างการรับรู้ ต้านภัยออนไลน์ โดยใช้ข้อความที่เป็นสาระเดียวกันทุกหน่วยงานเป็น“ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” เพื่อสื่อสารข้อความดังกล่าวไปยังบุคคลากรในหน่วยงาน ประชาชนที่มาติดต่อราชการ หรือลูกค้าที่มาใช้บริการหรือซื้อสินค้า 

2) ร่วมกับภาคการศึกษา อบรมให้ความรู้ภัยโกงทางไซเบอร์ พัฒนาหลักสูตรการเตือนภัยไซเบอร์ให้เหมาะสมกลุ่มเป้าหมายและอายุ พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนต้านภัยไซเบอร์สำหรับเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษาในสถานบันการศึกษา

3)ร่วมกับภาคสื่อมวลชน นำเสนอข่าวเกี่ยวกับภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะรายละเอียดขั้นตอนการโกง เพื่อเป็นแนวทางการป้องกัน รวมทั้งสนับสนุนการเผยแพร่ข้อความ ข่าว รูป ป้ายประชาสัมพันธ์ เนื้อหาเกี่ยวกับเตือนภัยออนไลน์ระหว่างออกอากาศของช่องสื่อ

4) ร่วมกับภาครัฐ ผลิตแอพไซเบอร์วัคซีน 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  ยังสั่งการให้ทุกกองบัญชาการระดมกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ทุกประเภท ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2566 โดยเฉพาะบัญชีม้า ซิมม้า ที่เป็นต้นตอสาเหตุ ฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเปิดบัญชีม้า ซิมม้า หากถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดจะมีโทษ 
ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา ซื้อหรือขายบัญชีจะมีจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,0000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนมีข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดบัญชีม้า ซิมม้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที 

นอกจากนั้น  เพื่อให้การขับเคลื่อนและกำหนดแนวทางการบังคับใช้ พ.ร.ก. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงได้มีการแต่งตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ซึ่ง ผบ.ตร. เป็นประธานอนุกรรมการ  ได้มีการประชุมหารือร่วมกับธนาคาร สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม เพื่อร่วมกำหนดมาตรการที่สำคัญ ได้แก่   กำหนดเหตุอันควรสงสัยว่ามีหรืออาจจะมีการกระทำความผิด ของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการโทรศัพท์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อระงับการทำธุรกรรม และส่งต่อข้อมูลกันเป็นระบบ ช่องทางติดต่อประสานงาน ทั้ง 21 ธนาคาร ผู้ให้บริการโทรศัพท์ และ ตร.

พร้อมสั่งย้ำทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ให้เกิดความยั่งยืน โดยเฉพาะการเพิ่ม ครูไซเบอร์ ให้เข้าถึงส่วนราชการ ภาคเอกชน สถานประกอบการ ร้านค้า ชุมชนต่าง เพื่อเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้ความรู้ประชาชน “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” พร้อมแนะนำให้ทำข้อสอบวัคซีน และบอกต่อคนอื่นๆ ให้ทำข้อสอบ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันต้านภัยโกง 

ผบ.ตร.กล่าวว่า  “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการรับแจ้งความออนไลน์ ผ่านศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com  หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 นับ

ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 – 30 มิถุนายน 2566 พบว่ามีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์ จำนวน  287,122 คดี เฉลี่ยวันละกว่า 800 คดี รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 40,000 ล้านบาท  มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่  อันดับ 1)  คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ   3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4) หลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และ 5) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (คอลเซ็นเตอร์) 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์  แถลงข่าวเพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบ  ในหลายวิธี  หลายช่องทาง  เพื่อให้ประชาชนได้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์  แต่ปรากฏว่ายังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของคนร้ายอยู่เป็นจำนวนมาก  จึงพิจารณาแล้วว่าภัยอาชญกรรมไซเบอร์เป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันดำเนินการ   จึงได้เชิญหน่วยงานต่างๆ  ทั้งภาครัฐ  เอกสาร สื่อมวลชน  และ คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ ทำพิธีเปิดการรณรงค์ “ผนึกกำลังร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” โดยให้ทุกภาคส่วนร่วมกันรณรงค์โดยใช้ข้อความที่เป็นสาระสำคัญ เดียวกันคือ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง”

และขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนได้ทำแบบทดสอบ  วัคซีนไซเบอร์ จำนวน 40 ข้อ   ซึ่งได้รวบรวมมาจากกลโกงของคนร้ายและสิ่งที่ประชาชนควรรู้  เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีความรู้ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันภัยออนไลน์อีกทางหนึ่ง และขอให้บอกต่อเพื่อทำแบบทดสอบเพื่อให้มีความรู้เป็นภูมิคุ้มกันภัยกันทุกคน และเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ เชื่อว่าไซเบอร์วัคซีนนี้  ถือเป็นวัคซีนที่ดี เมื่อได้รับภูมิแม้เพียงครั้งเดียว ก็จะสร้างภูมิคุ้มกันได้ต่อเนื่องตลอดไป  ถ้าคนไทยทุกคนได้รับวัคซีนนี้อย่างทั่วถึง  จะเป็นการป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ได้มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com  Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์  หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรสายด่วน 1441 “

“ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ” จัดอบรมดับเพลิงซ้อมแผนอพยพหนีไฟ ประจำปี 2566 

เมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติมาเป็นประธาน กล่าวเปิดงาน อบรมดับเพลิงและซ้อมแผนอพยพหนีไฟ ประจำปี 2566 ของศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ ณ บริเวณหน้าศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 

โดยมี นายจักรวาล อนุชิตพรชัย ผู้จัดการฝ่ายป้องกันการสูญเสีย ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตัวแทนอำเภอบางพลี อบต.ราชาเทวะ อบต.บางพลีใหญ่ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 1 ตัวแทนสำนักงาน ปภ.จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ราชาเทวะ สาธารณสุขอำเภอบางพลี ตลอดจน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง พนักงาน เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

โดยมีนายยรรยง เกษมวีรศานต์ ผู้จัดการทั่วไปสายบริหารศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ ร่วมให้การต้อนรับ สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 8 ที่ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ ได้จัดขึ้นตามกฎกระทรวงแรงงานกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวะอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. 2556 

ทั้งนี้ ทางศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน ของบุคลากร พนักงาน เจ้าของร้านค้า และประชาชนผู้มาใช้บริการ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด โดยในปีนี้ได้จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2566 การฝึกซ้อมดังกล่าว ได้มีการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง โดยให้พนักงานทำการซักซ้อม ข้อปฏิบัติหากเกินสถานการณ์ฉุกเฉิน ในการอพยพบุคลากร พนักงาน เจ้าของร้านค้า และประชาชนผู้มาใช้บริการออกจากตัวอาคารสู่พื้นที่ปลอดภัย โดยศูนย์การค้าฯ มุ่งหวังเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีทักษะด้านการวางแผนการดับเพลิง วิธีการดับเพลิง การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง การระงับเหตุอัคคีภัยในเบื้องต้น เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงทดสอบระบบการป้องกันอัคคีภัยภายในศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ อีกด้วย

โดยทางด้าน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวชื่นชมศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ ที่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินของบุคลากร พนักงาน เจ้าของร้านค้า และประชาชนผู้มาใช้บริการ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด ซึ่งการจัดงานนั้น ถือเป็นการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมให้บุคลากรมีความเข้าใจในการปฎิบัติตน เมื่อเกิดสถานการณ์จริง รวมถึงเจ้าหน้าที่ของศูนย์การค้าฯ ได้มีความพร้อมในการเข้าระงับเหตุ มีการทดสอบอุปกรณ์ดับเพลิงและเตรียมการด้านระบบสัญญาณแจ้งเหตุอัคคีภัย อีกทั้ง ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของภาครัฐเข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เมื่อเกิดสถานการณ์จริงสามารถเข้าร่วมระงับเหตุได้ด้วยความปลอดภัยและ ถูกต้องตามขั้นตอน สร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับบุคลากร พนักงาน เจ้าของร้านค้า และลูกค้าผู้มาใช้บริการ ภายในศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘หนุ่มญี่ปุ่น’ ใช้ชีวิตแบบประหยัดสุดๆ มาตลอด 20 ปีเต็ม กินแต่อาหารเรียบง่าย จนมีเงินเก็บเกือบ 23 ล้านบาท!!

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 กลายเป็นข่าวร้อนฮือฮาทั้งประเทศญี่ปุ่น เมื่อชายวัย 45 ปี กินแบบประหยัดสุดๆ เป็นเวลา 20 ปี จนเก็บเงินได้เกือบ 95 ล้านเยน (23 ล้านบาท)

หลังจากจบมหาวิทยาลัยเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี การจ้างงานต่ำ เขาได้ทำงานในบริษัทสีเทาแห่งหนึ่ง เก็บหอมรอมริบตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี โดยตั้งเป้าหมายจะเกษียณอายุก่อนกำหนด

เขาตั้งเป้าเก็บให้ครบ 100 ล้านเยนภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ (มี.ค.ปีหน้า) คำถามคือ เขาทำได้อย่างไร?

เขาบอกว่า “อาหารเย็นวันนี้เรียบๆ เหมือนเดิม แต่ไข่ก็จะแพงหน่อยนะ กว่า 20 ปีที่ใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ก็สบายดีนะ อร่อยดี”

อาหารที่เรียบง่าย บนเสื่อทาทามิ ไม่มีอะไรมากไปกว่าข้าวที่โรยด้วยสาหร่าย ไข่เจียว และบ๊วยดองชามเล็กๆ ไม่มีเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาใดๆ

ร่างกายก็แข็งแรงดี ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เขาบอกว่า “อาจเป็นเพราะอาหารธรรมดาๆ นี่แหละ แทนที่จะกินอาหารหรูหรา ผมอาจมีสุขภาพดีขึ้นด้วยอาหารง่ายๆ แบบนี้แหละ”

“สิ่งที่ผมกังวลคือ จะประหยัดเงินได้อย่างไร สิ่งที่กำลังทำอยู่คือ ลดค่าครองชีพ เรียกว่า การใช้ชีวิตแบบ 0 เยน/เดือน”

“ผมอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์เก่าๆ ค่าเช่าน้อยกว่า 30,000 เยน/เดือน แถมยังทำโอที และไปบิสเนสทริปบ่อยมาก ห้องก็เก่าๆ กับเสื่อทาทามิ ผนังโทรมๆ กำแพงเต็มไปด้วยรอยร้าว อาจพังทลายได้หากเกิดแผ่นดินไหวแรงๆ”

แม้ว่าจะมีเตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น แต่ก็ยังคงใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกรดต่ำสุด หม้อหุงข้าวก็เพิ่งพังเมื่อวันก่อน

ศาลเยอรมนีพิจารณาคดีฟ้อง 'ไบออนเทค'  หลังมีผู้ฉีด 'วัคซีนไฟเซอร์' แล้วสูญเสียดวงตา

(5 ก.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลเยอรมนีกำลังพิจารณาคดีเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ผู้รับวัคซีนป้องกันโควิดอ้างว่า ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนของบริษัทไบออนเทคนัดแรก 

โดย ดีทมาร์ เชเรอร์ ซึ่งเป็นโจทก์วัย 58 ปี ได้ยื่นฟ้องบริษัทไบโอเอ็นเทค อ้างว่า ได้สูญเสียการมองเห็นจากตาขวา หลังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด ที่พัฒนาโดยบริษัทไบออนเทค และฟ้องร้องเรียกเงินชดเชย 150,000 ยูโร หรือกว่า 5 ล้าน 7 แสนบาท สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่า กระบวนการพิจารณาของศาลจะใช้เวลานานแค่ไหน เพราะโฆษกของศาลระบุว่า “ขึ้นอยู่กับขอบเขตของเอกสารหลักฐาน ประกอบกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ”

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็อาจจะมีภาคต่อ หากโจทก์วัย 58 ปี อย่าง ดีทมาร์ เชเรอร์ ชนะคดี เพราะยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย หรือชดเชยค่าเสียหายที่ โจทก์ เรียกร้อง ได้ นั่นก็เพราะข้อตกลงการซื้อวัคซีนจำนวนมากของสหภาพยุโรปกับผู้ผลิตวัคซีนเจ้าต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง ‘ไบโอเอ็นเทค-ไฟเซอร์’ นั้น ได้รับการยกเว้นความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ทั้งหมด หรือบางส่วนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้อาจบังคับให้รัฐบาลสหภาพยุโรปต้องแบกรับค่าใช้จ่ายบางส่วนไป 

สำหรับกรณีวัคซีนกับผลกระทบต่อร่างกายนั้น ทางทนายความของโจทก์วัย 58 ปีรายนี้ ได้กล่าวไว้อีกด้วยว่า “ตอนนี้มีประมาณ 300 คดีที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายที่เกิดจากการฉีดวัคซีนดังกล่าวที่ต้องขึ้นศาล” 

‘2 มิสอินเตอร์ควีนฯ’ เปิดมุมมอง ‘ความเท่าเทียมทางเพศ’  เผยประทับใจ ‘คนไทย’ เพราะเปิดกว้าง-ยอมรับ LGBTQ+

(5 ก.ค. 66) ‘ความเท่าเทียม’ เป็นคำที่มักได้ยินบ่อยในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็น ความเท่าเทียมทางสังคม หรือ ความเท่าเทียมทางด้านการงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเท่าเทียมทาง ‘เพศ’ ที่มีผู้คนให้ความสนใจ และมีการออกมารณรงค์ถึงประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งมีหลากหลายพรรคการเมืองหยิบยกมาเป็นนโยบายหาเสียงในช่วงเลือกตั้ง

ประจวบเหมาะกับเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเดือนแห่ง ‘Pride Month’ ผู้คนนับแสนต่างพร้อมใจกันโบกสะบัดธงสีรุ้งซึ่งเป็นตัวแทนแห่งความหลากหลาย เพื่อเป็นการเรียกร้องให้สังคมโอบรับเรื่องเพศสภาพมากยิ่งขึ้น ราวกับเป็นภาพสะท้อนต่อกระแสของโลกในปัจจุบันต่อเรื่องการตระหนักถึงความหลากหลายทางเพศว่า…

เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ ‘ดีขึ้น’ แต่ไม่ใช่ ‘ดีแล้ว’

‘โซลานจ์ เดคเคอร์’ ผู้ครองมงกฏเวที มิสอินเตอร์เนชันแนล ควีน 2023 (Miss International Queen 2023) เวทีเฟ้นหาสาวประเภทสองระดับโลก เปิดเผยความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวภายหลังได้ตำแหน่งว่า ภาพความเท่าเทียมที่เธออยากเห็น คือ การเข้าถึงระบบสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม

“บางประเทศเกิดเป็นกฏหมายขึ้นมาแล้วว่า LGBTQ+ หรือทรานส์เจนเดอร์ไม่สามารถเข้ารับบริการจากสาธารณสุข หรือทางการแพทย์ กีดกันแม้กระทั่งการศึกษา เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากเห็นคือการที่ทุกคนเปิดกว้างในเรื่องนี้ เนื่องจากตอนนี้ทางประเทศฝั่งยุโรปยังคงมีการต่อต้าน และมีการแบ่งแยกกลุ่มคนเหล่านี้จากสังคม”

ที่สำคัญไปกว่าเรื่องนี้ คือ ความปลอดภัยด้านอื่นๆ ในการใช้ชีวิตประจำวันของเหล่า LGBTQ+ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เธอหวังให้เกิดขึ้น “เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์อันตราย ทรานส์เจนเดอร์ หรือ LGBTQ+ มักถูกมองว่าเป็นตัวการหลักของความไม่ปลอดภัยสำหรับเมืองนั้นๆ”

และยังบอกอีกว่า ในอนาคตอยากเห็นประเทศไทยมีกฏหมายสมรสเท่าเทียม

ด้าน ‘เมโลนี มอนโร’ รองชนะเลิศอันดับ 2 มิสอินเตอร์เนชันแนล ควีน 2023 เผยว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือสร้างการเรียนรู้ให้ผู้คนทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเท่าเทียมให้มากยิ่งขึ้น เข้าใจให้ลึกลงไปถึงระดับจิตวิญญาณ เพราะความเป็นจริงแล้วมนุษย์ทุกคน ‘เท่ากัน’

“มนุษย์คือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแตกต่างทางศาสนาก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็มีความเป็นมนุษย์เท่ากันอยู่ หากโลกของเราสามารถที่จะพูด หรือมีพื้นที่ที่จะพูด และได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้มากขึ้น ว่าสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพศสภาพอะไรก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกันกับเรา เพื่อในอนาคตจะลดความอันตราย ลดความเข้าใจผิดต่อมนุษย์ด้วยกันเองบนโลกของเรา หรือแม้กระทั่งลดความเข้าใจผิดในเรื่องที่ว่า LGBTQ+ จะมาสร้างความอันตรายกับโลกใบนี้ และเข้าใจกันมากขึ้น” เมโลนีกล่าว

“สุดท้ายแล้วทรานส์เจนเดอร์ หรือ LGBTQ+ ไม่ได้สร้างปัญหา หรืออันตรายให้แก่โลกใบนี้เลย หากในอนาคตถ้าเรามีเวทีที่จะถกกัน จะเข้าใจว่าเพศสภาพ เพศทางเลือกใดๆ ก็แล้วแต่ไม่ได้เกี่ยวกับความสันติสุขของโลกเรา มนุษย์ทุกคนเท่ากันหมด” จับใจทุกประโยค เป็นความในใจที่ผ่านการกลั่นกรองจากหัวใจของคนที่อยู่ในสถานะนี้ ลึกซึ้งแต่หนักแน่น

นอกเหนือจากนั้น เมโลนี ยังเปิดเผยสิ่งที่เธอประทับใจในประเทศไทยในตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์นี้ คือ เธอประทับใจ ‘คนไทย’

“เพราะคนไทยเป็นคนที่ใจกว้างมาก และใจดีกับทุกเพศ ทุกวัย คนไทยมองเห็นความเป็นมนุษย์ เคารพมนุษย์ด้วยกันเอง เปิดกว้างให้กับทรานส์เจนเดอร์เป็นอย่างมาก และให้ความอบอุ่นมาก วัฒนธรรมความเป็นคนไทยที่เปิดรับทุกคนคือสิ่งที่ประทับใจมากที่สุด” เมโลนีกล่าว

ท้ายที่สุดแล้ว จุดมุ่งหมายอันสูงสุดบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความหลากหลายนี้ คือการที่อยากเห็น ‘ทุกคน’ มีชีวิตตามที่ตัวเองปรารถนา ไม่ถูกตีตรา ไม่ถูกลดทอนคุณค่า เพียงเพราะคำว่า ‘แตกต่าง’ และเดินบนเส้นทางที่พวกเขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่ถูกสังคมตั้งคำถาม นั่นคือความหวังอันสูงสุด ที่อยากจะขอ

กรมศุลกากร ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เปิดตู้ของกลางซากสัตว์และสุกรเถื่อน 161 ตู้

วันที่ 5 ก.ค.65 เวลา 09.00 น. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร มอบหมายให้นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ รองอธิบดีกรมศุลกากร และนายสุรเดช ตรงศิริวิบูลย์ ผู้อํานวยการสํานักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง มอบหมายให้ นายวาริส วิสารทานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการตรวจสอบสินค้า นายฐิติพงศ์ คำผุย ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร 1 และนายศิริพงษ์ ศุภโกเศรษฐ์ ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร 2 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมคณะ ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมปศุสัตว์ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ตรวจสอบตู้ของตกค้างประเภทสุกรแช่แข็งที่ตกเป็นของแผ่นดิน จํานวน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเทียบเรือ D1 ท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อํ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่สํานักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรมศุลกากร ได้ตรวจยึดซากสุกรแช่แข็งตกค้าง ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จํานวน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ จากการตรวจสอบ พบซากสัตว์ที่ยึดได้ทั้งหมดมีแหล่งกําเนิดจากต่างประเทศ และไม่มีแหล่งที่มาอย่างชัดเจน ประกอบกับไม่มีเอกสารรับรองการฆ่าสัตว์หรือสุขศาสตร์ของสัตวแพทย์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดหรือพาหะของ โรคระบาดสัตว์ ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ อันจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศได้ 

ต่อมากรมศุลกากร ได้มีหนังสือถึงกองบัญชาการ ตํารวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ดําเนินคดีกับผู้กระทําความผิดรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งในฐานะนิติบุคคลและในฐานะส่วนตัว ในความผิดฐานนําเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ที่ 59/2566 กรณี ขบวนการนําเข้าสินค้าประเภท ซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ กรมศุลกากร ได้มีหนังสือส่งมอบตู้สินค้าประเภทสุกรแช่แข็งตกค้าง ให้แก่ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี กรมปศุสัตว์ เพื่อทําลายซึ่งภายหลังจากการตรวจสอบตู้สินค้าดังกล่าวเสร็จสิ้น ด่านกักกันสัตว์ชลบุรี กรมปศุสัตว์จะนําไปทําลาย ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ประกอบกับระเบียบ กรมปศุสัตว์ ว่าด้วยการทําลายหรือจัดการ โดยวิธีอื่น ซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ที่นําเข้าหรือนําผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 ต่อไปเพื่อให้การดําเนินการเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่ถูกต้อง โปร่งใส สอดคล้องกับพันธกิจ ของกรมศุลกากรด้านการปกป้องสังคมและส่งเสริมเศรษฐกิจของ ประเทศ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top