Friday, 9 May 2025
NewsFeed

'สมศักดิ์ เจียม' เผยเหตุ 'จตุพร' พลาด!! หลังฟันธงผิดเรื่อง 'สุชาติ' เป็นปธ.สภาฯ

(5 ก.ค. 66) นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ปัจจุบันลี้ภัยที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า

ทำไมคนจึงเชื่อว่าจตุพร ‘ผิด’ เรื่องสุชาติเป็นประธานรัฐสภา? ผมแปลกใจที่คนเชื่อว่าจตุพรทาย ‘ผิด’

ครับ ในแง่ที่คนที่ออกมากลายเป็นวันนอร์ ก็อาจจะเรียกว่า ‘ผิด’ แต่การ ‘ผิด’ นี้ เกิดจากการที่ทักษิณเปลี่ยนใจ ไม่เอาสุชาติในนาทีสุดท้าย และต้องโทรศัพท์ไปปลอบใจสุชาติ

นี่คือหลักฐานว่าสุชาติยอม ‘เปลี่ยนใจ’ นาทีสุดท้าย โพสต์ของลูกชาย https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7744705 และ https://www.youtube.com/watch?v=ty-1l-J1iS8

นี่เป็นข้อมูลที่ว่าทักษิณโทรศัพท์ติดต่อผู้คนให้ยอมเปลี่ยนแผน https://www.facebook.com/insidethailand/videos/6469081976464422/ 

"พูดกันตรงๆ พรรคประชาชาติเป็นสาขาของพรรคเพื่อไทยนั่นแหละ"

".....ในพรรคก้าวไกลรู้ว่า พิธาไม่ได้หรอกตำแหน่งนายกฯ..."

‘แพรรี่’ ฟาด!! คนต่อต้าน ‘พระเขื่อน’ ปมกล่าวหาเป็น ‘บัณเฑาะก์’ ลั่น!! เป็นการบวชที่มีพระวินัยรองรับ ย้ำ!! ไม่ใช่เรื่องของชาวเน็ต

(5 ก.ค. 66) ก่อนหน้านี้มีประเด็นดรามา ‘เขื่อน KOTIC’ หรือเขื่อน ภัทรดนัย บวชเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ หลายคนได้ตั้งคำถามว่า พระเขื่อนบวชได้หรือ โยงดรามาบัณเฑาะก์ ซึ่งคำว่า บัณเฑาะก์ หรือบุรุษลักเพศ หมายถึง คนเพศบกพร่อง ซึ่งคนเพศบกพร่อง ในที่นี้หมายถึง คนที่มีความเบี่ยงเบนโดยกำเนิด คือ เขามีใจเป็นหญิงจนไม่สามารถข่มความเป็นหญิงนั้นได้เลย หรือคนแปลงเพศ หรือมีหน้าอกเหมือนสตรีแล้วนั่นเอง เทียบกับขันทีในยุคก่อน หรือมีเพศสองอย่างในคนเดียว

เดือดร้อนไปถึงพระผู้ใหญ่ที่ต้องออกมาชี้แจง ประเด็นนี้ว่า “แต่ถ้าหากบุคคลที่ต้องการบวชนั้น เป็น บุรุษเพศสมบูรณ์ หรือ บ่งว่าเป็นบุรุษ ก็สามารถบวชได้ ไม่ได้เกิดปัญหาแต่อย่างใด”

ต่อมาเมื่อวานนี้ (4 ก.ค. 66) แพรรี่ หรือไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระที่ผ่านกระแสโซเชียลมามาก ได้ออกมาโพสต์ฟาดประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า

“มึงจะไปต่อต้านเขาทำไมคะ ในเมื่อเขาบวชภายใต้กฎเกณฑ์ที่พระวินัยให้การรับรอง เขาไม่ได้บวชภายใต้ความเห็นชอบจากชาวเน็ตอย่างมึงนะคะ

สงสัยอะไรก็ศึกษาเลยค่ะ ดิฉันเคยพูดไปหลายทีแล้วว่า เรื่องบัณเฑาะก์เนี่ย ท่านมีอธิบายไว้ชัดเลย ในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา (คัมภีร์อธิบายพระวินัย) 

ซึ่งในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา ระบุไว้ชัดว่า ในบัณเฑาะก์ 5 ประเภทนั้น บัณเฑาะก์ที่ห้ามการอุปสมบทอย่างเด็ดขาด มีแค่ 2 ประเภทเท่านั้น คือ 1.) บุคคลที่ถูกตอนอวัยวะเพศไปแล้ว (ปัจจุบันอาจหมายถึงคนที่แปลงเพศด้วย) กับ 2.) บุคคลผู้มีความบกพร่องทางอวัยวะเพศ (ระบุไม่ได้ว่าเป็นเพศไหน)

ถ้าถึงขั้นนี้ยังไม่กระจ่างก็ให้ไปดูในฎีกาวิมติวิโนทนี (คัมภีร์อธิบายความสมันตปาสาทิกาอีกชั้นหนึ่ง) ซึ่งพระฎีกาจารย์ท่านก็เขียนไว้ชัดเช่นกันว่า ที่บอกว่า 2 ประเภทนี้ ไม่ห้ามการบรรพชา นั่นก็คือหมายถึง อนุญาตการอุปสมบท

ศาสนาพุทธในเมืองไทยเป็นเถรวาทนะคะ ดังนั้นหากมีข้อสงสัยใดๆ ในพระธรรมวินัย ข้อสงสัยนั้นๆ ย่อมต้องตรวจสอบด้วยข้ออรรถข้อธรรม ซึ่งมีการอธิบายไว้ชัดในคัมภีร์ชั้นต่างๆ

ที่สำคัญเลย ดิฉันอยากจะบอกให้ทราบว่าการบวชจริงๆนั้น เป็นแต่เพียงขั้นตอนของการรับรองค่ะ มีพระอุปัชฌาย์เป็นผู้นำพาและรับผิดชอบในตัวกุลบุตรต่อหมู่สงฆ์ มีหมู่สงฆ์เป็นสักขีพยานในการรับรู้ถึงการมีอยู่ของภิกษุใหม่

การบวชไม่ใช่เรื่องของชาวเน็ตนะคะ พักก่อน ศาสนาให้พื้นที่กับผู้คนในการฝึกหัดขัดเกลาอุปนิสัยค่ะ บัณฑิตไม่ติเตียนใครอย่างปราศจากปัญญานะคะ

ภิกษุดีเลวไม่ได้วัดกันที่ว่าก่อนบวชมีพฤติกรรมอย่างไรค่ะ แต่วัดกันที่ว่าบวชแล้วครองตนอย่างไรต่างหาก

ปาราชิกข้อแรกมาจากพระผู้ชายนะคะ ไม่ได้มาจากพระบัณเฑาะก์ ฝากไว้ให้คิด แต่ถ้าจะไม่คิดก็แล้วแต่ จบ”

‘สมาคมฯ ฟุตบอล’ ได้รายชื่อ 24 มือดีจุดพลุแฟลร์ เร่งดำเนินคดี  หลังป่วนงาน AFF 2022 ทำให้เกิดเพลิงไหม้-ทรัพย์เสียหาย

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 ตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แจ้งความร้องทุกข์กรณี กลุ่มแฟนบอลบางส่วนทำผิดระเบียบการแข่งขันและผิดกฎหมายกรณีวางเพลิงเผาทรัพย์ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ ด้วยการจุดพลุแฟลร์ ในการแข่งขันฟุตบอลรายการ AFF MITSUBISHI ELECTRIC CUP 2022 ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติฟิลิปปินส์ ในวันที่ 26 ธันวาคม 2565 และ ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติมาเลเชีย วันที่ 10 มกราคม 2566 ณ ธรรมศาสตร์ สเตเดียม ตามประจำวันลำดับ ที่ 19 ลงวันที่ 13 มกราคม 2566 เวลา 12.44 น. นั้น

ล่าสุด สมาคมฯ ได้ติดตามความคืบหน้าคดีข้างต้นจากสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ได้ความว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ร่วมกันกระทำความผิด จำนวน 24 ราย อย่างเร่งด่วนต่อไป​ ประกอบด้วย 1.) แกนนำกลุ่ม นาย ป. นามสกุล ป. อายุ 44 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร

สมาชิกกลุ่ม ที่เคลื่อนไหวอีก 23 ราย ประกอบด้วย

1.) นาย ธ. นามสกุล ว. อายุ 25 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 2.) นาย ส. นามสกุล อ. อายุ 48 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนนทบุรี, 3.) นาย ฉ. นามสกุล จ. อายุ 40 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพิจิตร, 4.)นาย ว. นามสกุล จ. อายุ 36 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดปทุมธานี, 5.) นาย อ. นามสกุล พ. อายุ 39 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดระนอง, 6.) นาย ก. นามสกุล ก. อายุ 44 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 7.) นาย ธ. นามสกุล ส. อายุ 27 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนครนายก, 8.)นาย น. นามสกุล ช. อายุ 37 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 9.) นาย อ. นามสกุล ส. อายุ 48 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 10.) นาย ส. นามสกุล อ. อายุ 38 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดชลบุรี

11.) นาย ม. นามสกุล ศ. อายุ 42 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, 12.) นาย ศ.นามสกุล ถ. อายุ 42 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 13.) นาย ย.นามสกุล จ. อายุ 46 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนนทบุรี, 14.) นาย น. นามสกุล อ. อายุ 40 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 15.) นาย อ. นามสกุล ฤ. อายุ 42 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 16.) นาย ณ. นามสกุล ช อายุ 43 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดสระบุรี

17.) นาย ก.นามสกุล ส. อายุ 44 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 18.) นาย ณ.นามสกุล ว. อายุ 40 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด, 19.) นาย ก.นามสกุล จ. อายุ 41 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดสมุทรปราการ, 20.) นาย ก. นามสกุล ข. อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดตราด, 21.) นาย ช. นามสกุล ฟ. อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 22.) นาย ธ. นามสกุล ป. อายุ 53 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ กทม., 23.) นาย ช. นามสกุล บ. อายุ 32 ปี มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนนทบุรี

ทั้ง 24 ราย ปรากฏตามภาพถ่าย ซึ่งสมาคมฯ จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด นอกจากจะเป็นความผิดอาญาตามกฎหมายในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นความผิดตามระเบียบข้อบังคับของ เอเอฟซี และฟีฟ่า อีกด้วย และอาจถูกปรับทำให้เกิดความเสียหายต่อสมาคมฯ สมาคมจะใช้สิทธิ์ตามกฏหมายฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องเต็มจำนวน

ทั้งนี้ ในการแข่งขันฟุตบอลรายการระดับนานาชาติ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ได้เกิดเหตุการณ์แฟนบอลจุดพลุ ในสถานที่จัดการแข่งขันหลายครั้งจนเป็นเหตุให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ถูกลงโทษปรับเงิน คือ

วันที่ 6 กันยายน 2557 การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2014 รุ่นอายุไม่เกิน 16 ฤดูกาล รอบคัดเลือก คู่ระหว่างทีมชาติไทย 0 : 1 ทีมชาติมาเลเซีย ณ สนามเมืองทอง ถูกปรับเงิน 11,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 363,000 บาท)

วันที่ 17 ธันวาคม 2559 การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2016 คู่ระหว่าง ทีมชาติไทย 2 : 0 ทีมชาติอินโดนีเซีย ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถูกปรับเงิน 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,076,790 บาท)

วันที่ 26 ธันวาคม 2565 การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 คู่ระหว่าง ทีมชาติไทย 4 : 0 ทีมชาติฟิลิปปินส์ ณ ธรรมศาสตร์ สเตเดียม เมื่อแฟนบอลกลุ่มหนึ่งแสดงความดีใจด้วยการจุดพลุบริเวณอัฒจันทร์หลังประตูฝั่งทิศใต้ ถูกปรับเงิน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 687,770 บาท)

และล่าสุด เอเอฟซี มีคำสั่งปรับเงิน สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำนวน 70,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2.4 ล้านบาท จากการที่มีแฟนบอลกลุ่มหนึ่งทำผิดระเบียบ โดยการจุดพลุ ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลชายหาด ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 16-26 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

‘หนิง ปณิตา’ ไฟลุกกลางดึก!! เปิดโฉมหน้ามือที่สาม หลังเพจข่าวลงภาพหลานสาว หวั่นคนเข้าใจผิด

(5 ก.ค. 66) กำลังเป็นประเด็นดังเกี่ยวกับการหย่าร้างของ ‘หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ’ กับ ‘จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ’ เหตุเพราะมีมือที่ 3 จนต้องฟ้องร้องเรียกเงินฐานทำลายชีวิตครอบครัว ล่าสุดเพจข่าวหนึ่งได้ลงภาพ ‘จิน’ คู่กับหลานสาว จึงทำให้ ‘หนิง’ ต้องออกมาชี้แจงพร้อมชี้เป้าตัวจริงแบบหน้าชัดๆ โดยระบุว่า

“ตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเพื่อนส่งข่าวด้านล่างนี้มา ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ชี้แจงนะคะ รูปบนทางขวามือคือ ‘หลานสาว’ ที่สนิทที่สุดของหนิงค่ะ มีการนำรูปหลานสาวหนิงมาลง (จริงๆมีรูปอีกเยอะเลยที่สามารถนำมาลงได้นะคะ) หนิงเกรงว่าจะทำให้หลายๆคนเข้าใจผิดกันค่ะว่ารูปนี้คือคู่กรณีของหนิง หลานหนิงกำลังเป็นวัยรุ่นและอยู่ในวัยเรียนที่ต้องยอมรับว่าสังคมเราทุกวันนีักำลังเสพ Social อย่างหนักมาก หลานและครอบครัวหลานซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของหนิงไม่ควรจะต้องมาเกี่ยวและโดนกระทบในเรื่องนี้เลยค่ะ ขอโทษหลานสาวและครอบครัวด้วยค่ะที่ต้องเข้ามาพัวพันและอาจทำให้โดนเข้าใจผิด และเพื่อไม่ให้เป็นการเข้าใจผิด ที่ถูกต้องคือ ‘รูปล่างค่ะ’ ”

พร้อมกับข้อความเพิ่มเติมว่า “สมัยนี้สังคมบูลลี่ที่ รร คือเยอะมาก ไม่เป็นผลดีกับน้องและครอบครัวเลยที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และมานั่งตอบคำถาม รูปมีอีกเยอะเลยที่จะเลือกมาทำข่าว ครั้งนี้ใครจะว่าใจร้ายก็ขอน้อมรับค่ะ”

เรียกได้ว่าเดือดไม่พักไม่แผ่วหลังจากเพิ่งเดินทางไปขึ้นศาลกันเลยทีเดียว

‘ซอสศรีราชาตราไก่’ ในสหรัฐฯ ราคาพุ่งพรวด ขายขวดละ 2,000 บาท แพงขึ้นเกือบ 20 เท่า

ศรีราชาตราไก่ หรือซอสพริกศรีราชา ของบริษัท Huy Fong Foods คือแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้น โดยชาวเวียดนามอพยพ และเป็นซอสพริกที่เป็นที่นิยมมาก ๆ ในสหรัฐอเมริกา

ประเด็นคือตอนนี้ ซอสศรีราชาตราไก่ในสหรัฐอเมริกา ขายกันขวดละ 2,000 บาท จากปกติราคาประมาณ ขวดละ 140 บาท
แล้วมันกำลังเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนี้ ?

เพจ BrandCase ได้ทำสรุปว่า

Huy Fong Foods หรือซอสพริกศรีราชาตราไก่นี้ ก่อตั้งขึ้นโดยชาวเวียดนามที่อพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ชื่อว่า คุณ David Tran 

โดยในสมัยที่เขาอพยพไปนั้น ในสหรัฐอเมริกายังไม่ค่อยมีคนทำซอส ที่มีจุดเด่นคือรสเผ็ด จัดจ้าน เปรี้ยว หวาน ออกมาขาย 

เขาจึงตัดสินใจทำขายเอง โดยทำในปริมาณไม่มาก และเน้นขายคนเอเชียที่อยู่ในละแวกเดียวกันกับเขา 

ต่อมาซอสพริกศรีราชาของคุณ David ก็เริ่มกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถูกปากคนอเมริกัน รวมถึงชาวเม็กซิโกที่มาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ที่ชอบอาหารรสจัดเหมือนกัน

จนสามารถก่อตั้งบริษัท Huy Fong Foods ขึ้นในปี 1980

หลังจากประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา ซอสพริกศรีราชาตราไก่นั้นก็เริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก 

แม้แต่ในประเทศไทยเอง ก็ยังมีซอสพริกศรีราชาของแบรนด์นี้ วางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ..

แล้วมันเกิดอะไรขึ้น 

ทำไมตอนนี้ซอสพริกที่ว่านี้ ถึงกำลังขาดตลาด ? 

ต้องเล่าว่า ถึงแม้จะเป็นซอสพริกสไตล์แบบเอเชีย 

แต่สำหรับซอสพริกศรีราชาของ Huy Fong Foods นั้น จะเลือกใช้พริก Red Jalapeno ที่ปลูกทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก 

ซึ่งปัญหาในตอนนี้ก็คือ ประเทศเม็กซิโกกำลังเจอกับสภาพอากาศแห้งแล้ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

บวกกับปรากฏการณ์ลานีญาที่กำลังเกิดขึ้นในปีนี้ ทำให้พื้นที่แถบนั้นฝนตกน้อยลง ก็ยิ่งส่งผลให้การปลูกพริกเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก 

โดยทางบริษัทเริ่มเจอปัญหานี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และได้เริ่มหยุดรับออร์เดอร์ใหม่ ๆ มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2022 แล้ว 

ที่น่าสนใจคือ ในเวลานี้ ซอสพริกศรีราชาของ Huy Fong Foods ขาดตลาดจนถึงขั้นที่ว่า 

ในเว็บไซต์อย่าง Ebay ซอสพริกศรีราชาขวดเล็กขนาด 28 ออนซ์ ราคาพุ่งไปถึง 2,400 บาทต่อ 1 ขวด จากราคาเดิมที่ประมาณ ขวดละ 140 บาท 

หรือราคาขวดใหญ่ในเว็บไซต์ Amazon ก็พุ่งไปสูงถึงประมาณ 4,300 บาท ต่อแพ็ก (แพ็กละ 2 ขวด) 

พูดง่าย ๆ ว่าราคาเพิ่มขึ้นไปเป็นเกือบ 20 เท่า เลยทีเดียว

และมันถึงกับทำให้เกิดเหตุการณ์ ซอสศรีราชาตราไก่ถูกขโมยตามร้านอาหารต่าง ๆ ด้วย

ทั้งนี้ต้องบอกว่าเรื่องของวัตถุดิบขาดแคลนนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่บริษัท Huy Fong Foods เพียงบริษัทเดียว 

แต่กำลังเกิดขึ้นกับหลาย ๆ บริษัททั่วโลก อย่างเช่น General Mills เจ้าของแบรนด์ธัญพืชชื่อดังรายใหญ่ของโลก ก็กำลังเจอปัญหานี้อยู่ 

แล้วพอเป็นแบบนี้ จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างไรได้บ้าง ? 

ถ้าอ้างอิงจาก เว็บไซต์ Hivecpq สิ่งที่พอจะช่วยได้ เช่น 

1. บริหารสินค้าคงเหลือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 
2. ลดปริมาณวัตถุดิบเหลือทิ้งให้ได้มากที่สุด 
3. รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับ Supplier ต่าง ๆ ไว้

แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็คือ ที่ซอสพริกศรีราชาตราไก่ ขาดตลาด แถมราคาพุ่งสูงขึ้นไปขนาดนี้ ก็อาจจะสะท้อนว่า สินค้าชิ้นนี้ คือสินค้าที่ฮอตจริง ๆ 

เพราะแม้จะขายแพงกว่าเดิมหลายเท่า ก็ยังมีคนยอมจ่ายเงินซื้อ..

เปิดสถานการณ์ 'เศรษฐา-บิ๊กป้อม-เสี่ยหนู' เบียด 'นายกฯ'  ตอกย้ำ!! ชื่อนายกฯ จากรัฐบาลใหม่ที่ไม่มีก้าวไกลร่วมขบวน

สถานการณ์ทางการเมืองเดินทางมาถึงจุดสำคัญ...ได้เสีย...ไม่ถึงกับสลับซับซ้อนอะไรมากนัก  แต่เหตุการณ์รายละเอียดมีมาก   

วันนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' ถือเสียว่าท่านผู้อ่านท่านผู้ชมคือ ผู้บริหาร และต่อไปนี้คือ บทสรุปย่อสถานการณ์ 7 ประการสำหรับผู้บริหาร

ประการที่ 1 – หวยประธานสภาฯที่มาออกที่ 'วันมูหะหมัดนอร์ มะทา' หรือ 'อาจารย์วันนอร์' จากพรรคประชาชาติโดยไม่มีคู่แข่งนั้น คนที่เป็นข้อมูลใหม่หรือคนที่เคาะสุดท้ายจริงๆ ก็คือ 'คนแดนไกล'...ที่ฟังเสียงลูกสาวและคนรุ่นใหม่ในพรรค  ไม่หักดิบก้าวไกลแบบไร้เยื่อขาดไย...ทั้งๆที่คนแดนไกลรู้ดีว่าโดยคะแนน 151 กับ 141 เสียงนั้น...ในชีวิตจริงแล้วพรรคเพื่อไทยขาดก้าวไกลได้ แต่ก้าวไกลขาดเพื่อไทยไม่ได้...

ประการที่ 2 - ไม่เพียงแต่หนุนให้ 'หมออ๋อง' ปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้เป็นรองประธานสภา คนที่ 1 เท่านั้น  เพื่อไทยจะอุ้มพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ขึ้นเวทีรัฐสภาเพื่อลุ้นโหวตเก้าอี้นายกฯ จะรอบเดียวหรือสองรอบก็ว่ากันไป  แต่ถ้าไม่ผ่านก็ไม่อาจมาด่าว่าพรรคเพื่อไทยได้...ซึ่งเกมนี้เพื่อไทยรู้ตั้งแต่ปีมะโว้แล้วว่าจะจบลงตรงที่พิธาไปไม่ถึงดวงดาว!!  

ประการที่ 3 – พึงรู้ว่าอันที่จริงในพรรคก้าวไกลเองก็มีความแปลกแยกและแตกแยกในแนวคิดแนวทางกันมาก...พวกหนึ่งเห็นว่าเป็นตายร้ายดีต้องเข้าสู่อำนาจรัฐเป็นฝ่ายบริหารให้ได้ อีกพวกเห็นว่าต้องเล่นบทฝ่ายค้านอีกครั้ง เลือกตั้งเที่ยวหน้าต้องไต่เพดานให้ถึง 25 ล้านเสียง...ทั้งนี้ ส.ส.ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นหน้าใหม่มีความโน้มเอียงที่อยากจะเป็นฝ่ายรัฐบาล โดยเห็นว่าถ้าพิธาพลาดไม่ได้เป็นนายกฯ พรรคต้องเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ใต้ชายคารัฐบาลเพื่อไทยก็ไม่เป็นไร

ประการที่ 4 – พรรคที่เป็นตัวแปรสำคัญยิ่งในขณะนี้ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐของบิ๊กป้อม หากแต่เป็นพรรคภูมิใจไทย จากฉากทัศน์หลังพิธาจบภารกิจสำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์ 'รุกได้ ถอยเป็น' จนตกสวรรค์แล้ว พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลเองโดยจะสลัดพรรคก้าวไกล 151 เสียงทิ้ง แต่ก่อนสลัดพรรคก้าวไกลต้องเจรจากับภูมิใจไทย 71 เสียง และพลังประชารัฐ 40 เสียงให้เรียบร้อยเสียก่อน...ซึ่งการเจรจาก็ไม่ถึงกับง่ายนักโดยเฉพาะกับภูมิใจไทย แต่อยู่ในวิสัยของคนแดนไกลที่จะร้องขอ 'ครูใหญ่' แห่งบุรีรัมย์ได้

ประการที่ 5 - สำหรับ 'ลุงป้อม' แม้จะยังมีโอกาสที่จะผงาดขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอำนาจ แต่ดูจากปรากฏการณ์ที่ 'สมยศ  พุ่มพันธ์ม่วง' กล้าให้สัมภาษณ์สวนทางปืนเรื่องสมาคมฟุตบอลอยู่ในขณะนี้แล้วก็น่าคิด...เพราะใครๆ ก็รู้ว่า 'สมยศ' กับครูใหญ่บุรีรัมย์นั้นเขาผูกพันกันแน่นหนึบขนาดไหน ก็เลยน่าเป็นห่วงว่าท้ายที่สุดแล้วพรรคภูมิใจไทยที่ผูกเป็นแพ็กเกจเดียวกับพรรคลุงป้อมก่อนเลือกตั้งจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่

ประการที่ 6 - จุดยืนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว.ส่วนใหญ่ ในขณะนี้พอจะอนุมานได้ว่า...เป็นใครก็ได้ในบรรดาแคนดิเดตที่มี แต่ต้องไม่ใช่ 'พิธา'...และด้วยตรรกะนี้ ทำให้คนชื่อเศรษฐา ทวีสิน, บิ๊กป้อม และอนุทิน ชาญวีรกูล จึงมีโอกาสลุ้นเป็นนายกฯ สูงมากตามลำดับ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นนายกฯ ของรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย

ประการที่ 7 - สำหรับกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติที่เสนอ 'วิทยา แก้วภราดัย' รองหัวหน้าพรรค ลงชิงรองประธานสภาคนที่ 1 ทั้งๆ ที่รู้ว่าแทบไม่มีโอกาสชนะนั้น ก็ชัดเจนตามที่ 'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' และวิทยาให้สัมภาษณ์ว่า รวมไทยสร้างชาติคิดไม่เหมือนพรรคก้าวไกล อยู่คนละฝ่ายกับก้าวไกล ต้องแสดงออกให้สังคมแลเห็น...ทั้งนี้สายข่าวกระซิบ 'เล็ก เลียบด่วน' ว่า แกนนำพรรคเพิ่งตัดสินใจเรื่องนี้ก่อนประชุมแค่วันเดียวเท่านั้น

ส่วนคะแนนโหวตชิงรองประธานสภาคนที่ 1 หมออ๋อง ปดิพัทธ์ ได้ 312 วิทยาได้ 105 งดออกเสียง 77 บัตรเสีย 2 โดยคะแนนงดออกเสียงส่วนใหญ่เป็นพรรคภูมิใจไทย ที่แสดงออกถึงการคัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลนั่นเอง...ดังนั้นใครที่อยากเห็นคุณหนู อนุทิน จะเทคะแนน 71 เสียง ของพรรคเพื่อทำฝันของพิธาให้เป็นจริงนั้น ปิดสวิตช์ความหวังไปได้เลย  

‘ไวตามิน เอ’ ปลื้ม!! เพลงมองนานๆ กลับมาคืนชีพอีกครั้ง หลัง ‘FLI:P’ เอาไปคัฟเวอร์ใหม่ จนดังทั่วบ้านทั่วเมือง!!

(5 ก.ค. 66) มองนานๆ คนสวยต้องมองนานๆ กลับคืนชีพอีกครั้ง สำหรับเพลงมองนานๆ จังหวะสนุกๆ ชวนโยกตามของเจ้าพ่อขาแดนซ์ยุค 90 อย่าง ‘ไวตามิน เอ’ หรือ ‘อิทธิพลธนินทร์ เดชฤกษ์ปาน’ ที่ตอนนี้ถูกคัฟเวอร์ใหม่ ดังทั่วบ้านทั่วเมืองฮิตจนเกิดเป็นไวรัล

ล่าสุดมีโอกาสได้เจอกับ ‘ไวตามิน เอ’ เจ้าตัวได้เผยความรู้สึกกับทีมข่าวว่า "กับกระแสเพลงมองนานๆ กลับมาอีกครั้ง เพราะมีน้องๆวง FLI:P เอามาคัฟเวอร์จนเป็นไวรัล รู้สึกดีใจมาก เพลงมันนานไปแล้ว มีน้องๆเอาเพลงไปทำใหม่ให้กลับมาอีกครั้ง และดังในติ๊กต๊อกหลายประเทศมาก ที่เห็นผ่านตามีทั้ง แอฟริกา จีน เกาหลี แถบยุโรป อเมริกา ส่วนคนไทยก็ถล่มทลาย

ยังมีคนจำได้เวอร์ชั่นที่เป็นออริจินอล มีทักอยู่ แต่ก็มีหลายคนไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร ดีใจ ถือว่าดีใจในฐานะเบื้องหลังคนทำเพลง ไม่น้อยใจนะ เพราะมีหลายคนก็กลับเข้ามาฟังเพลงออริจินอลในยูทูป ดูจากยอดวิว แค่ยอดวิวเพิ่มขึ้นก็ดีใจแล้ว มีโอกาสได้เจอกับน้องวง FLI:P ตามรายการ น้องเขาก็มาขอบคุณ เราก็บอกว่าเอาเพลงไปทำให้ดี ดีใจด้วยที่น้องมีชื่อเสียงมากขึ้น

ตอนนี้มีแพลนทำเพลงใหม่ ทำให้เพลงทันสมัยขึ้น และทำโรงเรียนสอนดีเจได้ 12-13 ปีแล้ว ทำเพลงเบื้องหลัง ยังรับงานคอนเสิร์ตอยู่ แต่ปีนี้ไม่ได้มีแพลนคอนเสิร์ต แต่มีเพลงใหม่แน่นอน"

STARK ยังวุ่นไม่จบ ปลด ‘วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ’ แถม ‘ปกรณ์ สุชีวกุล’ ลาออกประธานบอร์ด อีกคน

‘ปกรณ์ สุชีวกุล’ ลาออกประธานบอร์ด ตั้ง ‘สมชัย สวัสดีผล’ เข้ารับตำแหน่งแทน มีผล 4 ก.ค. 2566 ปลด ‘วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ’ พ้นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพัน

วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 นายอภิชาติ ตั้งเอกจิต กรรมการ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันอังคารที่ 4 กรกฎาคม 2566 มีมติสำคัญดังนี้

1.รับทราบการลาออกของ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล จากการเป็นกรรมการ ประธานกรรมการและกรรมการอิสระของบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป

2.อนุมัติการแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่แทนกรรมการที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป ดังนี้

- นายสมชัย สวัสดีผล เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ แทน พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล โดยให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทได้เพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการบริษัทที่ตนเข้าดำรงตำแหน่งแทนที่ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท และกรรมการอิสระ

- นายมนตรี ศรีสกูล เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ แทน นายเสนธิป ศรีไพพรรณ ที่ได้ลาออกจากการดำรงตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 โดยให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทได้เพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการบริษัทที่ตนเข้าดำรงตำแหน่งแทนที่ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ

- นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการแทน นายสุวัฒน์ เชวงโชติ ที่ได้ลาออกจากการดำรงตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 โดยให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทได้เพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการบริษัทที่ตนเข้าดำรงตำแหน่งแทนที่

นอกจากนี้ได้อนุมัติเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ดังนี้

จากเดิม นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ และ นายอภิชาติ ตั้งเอกจิต ลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท

แก้ไขเป็น นายอภิชาติ ตั้งเอกจิต และ นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ลงลายมือชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของบริษัท

'บิ๊กป้อม' แจงภาพหลุด!! ไม่ได้หลับ แค่ก้มมองพื้น ยัน!! ทำหน้าที่ ส.ส.ตามวาระการประชุมปกติ

(5 ก.ค. 66) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธตอบว่าการเสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีจะมีชื่อตนหรือไม่ 

เมื่อถามถึงกระแสโซเชียลเผยแพร่ภาพพลเอกประวิตร ระหว่างการประชุมสภา พล.อ.ประวิตร ส่ายหน้า ก่อนระบุว่า “โถ ใครจะไปหลับเล่า ใครจะไปหลับ ผมก็นั่งของผมมาอย่างนั้นมาตลอด ไม่เคยหลับหรอก” ก่อนเดินขึ้นรถเดินทางกลับทันที

ด้าน พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก ประจำรองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธภาพที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั่งหลับในขณะประชุมสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวาน (4ก.ค.66) โดยกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ภาพขณะนั้นเป็นภาพที่ท่านกำลังก้มมองดูพื้นและเงยหน้าขึ้น พร้อมยืนยันว่า ท่านได้ทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามวาระการประชุม ด้วยดีเหมือนสมาชิกท่านอื่นๆ

Honda เปิดตัว City ใหม่ 5 รุ่นย่อย เคาะราคาเริ่มต้น 6 แสน ชู เทคโนโลยี e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดเป็น 10 ปี

(5 ก.ค. 66) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ (Honda City) ซึ่งได้ปรับโฉมใหม่ ด้วยดีไซน์ภายนอกที่เสริมความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น พร้อมทั้งภายในที่กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง

ขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุดที่ 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที

นอกจากนี้ ยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตรต่อลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 83 กรัมต่อกิโลเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E20

ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)

ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbo Charger มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที

ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E20

สำหรับราคาฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย ดังนี้...

>> ฮอนด้า ซิตี้ อี : เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่...
รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
รุ่น e:HEV SV ราคา 769,000 บาท

>> ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่...
รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
รุ่น V ราคา 629,000 บาท

นอกจากนี้ NEW Honda City 2023 ก็ยังมีของแต่งแบบจัดเต็ม ใส่มาให้จากโรงงานอีกหลายรายการ อาทิ...

- กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่
- กระจังหน้าโครเมียม
- ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- มือจับประตูด้านนอกโครเมียม (รุ่น SV และ e:HEV SV)
- กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
- เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ
- ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (รุ่น V) แบบทูโทน (รุ่น SV) และแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV)

สำหรับผู้ที่สนใจก็สามารถทดลองขับได้ที่ โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดยมีข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.09% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และเฉพาะรุ่น e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 5 ก.ค. 66 – 30 ก.ย. 66


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top