Thursday, 8 May 2025
NewsFeed

‘เอกนัฏ’ ปัด รทสช. ส่งชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งโหวตนายกฯ ย้ำ!! ไม่หนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดคนปล่อยข่าวเท็จ

‘เอกนัฏ’ ยืนยันพรรคไม่เสนอชื่อ ‘พีระพันธุ์’ แข่งนายกฯ กับ ‘พิธา’ ระบุ รทสช. มีเพียง 36 เสียงไม่เคยมีแนวคิดและสนับสนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อัดมีความพยายามสร้างข่าวเท็จให้เข้าใจผิด ย้ำจุดยืนไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112

(6 ก.ค. 66) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรค โดยระบุว่า…

“ขอยืนยันว่าการที่ #รทสช ส่งคุณวิทยาฯ สู้กับก้าวไกลในการโหวตรองปธ.สภา เป็นการสู้เพื่อแสดงจุดยืน ไม่นำมาสู่การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างแน่นอน

การโหวตประธานสภาและนายกรัฐมนตรีมีกลไกที่แตกต่างกันครับ

การโหวตประธานสภาฯ จะใช้ ‘เสียงส่วนมาก’ ในที่ประชุม ใครที่ถูกเสนอชื่อแล้วได้คะแนนมากสุดจะได้เป็น หรือหากไม่มีคู่แข่งก็ได้เป็นเลยโดยที่ไม่ต้องโหวตแข่ง

ต่างจากการโหวตนายกฯ ที่ต้องได้ ‘คะแนนเสียงไม่ตํ่ากว่ากึ่งหนึ่ง’ (หรือ 375) ของรัฐสภา หากเสนอชื่อมาคนเดียว ก็ไม่ได้เป็น จะได้เป็นก็ต่อเมื่อข้ามรั้ว 375 เสียงไปได้เท่านั้น

ดังนั้น ในการโหวตรองประธานสภาฯ หากเราไม่ส่งคุณวิทยาไปแข่ง ก็เท่ากับเราสนับสนุนให้แคนดิเดตของพรรคก้าวไกลเป็นรองประธานสภาโดยอัตโนมัติ เราจึงส่งแข่ง เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัด ถึงแม้ทราบดีอยู่แล้วว่าแทบจะไม่มีโอกาสชนะเลยก็ตาม

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีกระแสข่าวว่า รทสช.จะส่งคุณพีระพันธุ์แข่งกับคุณพิธานั้น ไม่เป็นความจริงครับ

ผมเองอยากเห็นคุณพีระพันธุ์เป็นนายกฯ และเชื่อว่าท่านจะเป็นนายกฯ ที่ดีเพราะท่านเป็นนักการเมืองนํ้าดี สุจริต เที่ยงธรรม แต่ต้องยอมรับว่าพรรคเรามีเพียง 36 เสียง ไม่พอที่จะไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

และคุณพีระพันธุ์กับผม ก็ไม่เคยมีความคิด และไม่สนับสนุนการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาฯ อย่างเด็ดขาด ถึงจะตั้งไปก็อยู่ไม่ได้ครับ

อย่างไรก็ตาม การแสดงจุดยืนว่า เราไม่รับนายกฯ หรือรัฐบาลที่จะแก้หรือยกเลิก ม.112 สามารถทำได้ด้วยวิธีไม่โหวต โหวตไม่รับ หรืองดออกเสียงครับ ไม่ต้องส่งแข่งก็สู้ได้ (ต่างจากรองประธานสภาฯ)

การไม่ส่ง ไม่โหวต หรืองดออกเสียง ด้วยกลไกการโหวตที่ไม่เหมือนกัน จึงมีผลไม่เหมือนกัน

มีคนพยายามกุข่าวลือ สร้างข่าวเพื่อให้การต่อสู้ของเรานั้นสูญเสียความชอบธรรม เข้าใจผิดคิดว่าเป็นขบวนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ผมขอปฏิเสธชัดๆไปเลย ว่า “เราไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย” หากจะต้องเป็นฝ่ายค้านก็เป็นครับ คุณพีระพันธุ์ ผม และเพื่อน ส.ส.ของ #พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ติดใจ

การจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่สำคัญไปกว่าการรักษาจุดยืนของเราครับ

เราจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ สร้างความมั่นคงให้ชาติ สร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ สร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ผดุงความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรม

แต่จะ #ไม่แก้112 #ไม่เปลี่ยนวันชาติ #ไม่แบ่งแยกดินแดน เราจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้วยการเสริมเติมต่อจากสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่แล้วในประเทศของเราครับ
#รวมไทยสร้างชาติ #เลขาขิง

‘ไฮโซกี้’ นักธุรกิจหมื่นล้าน เปิดตัวแฟนสาว ‘มินนี่ ภัณฑิรา’  กลางงานแข่งรถ Bangsaen Grand Prix 2023

เป็นจริงแล้วจ้า!! หลังจากมีข่าวลือมาสักพักใหญ่ว่า ดาราสาวสวยอย่าง ‘มินนี่ ภัณฑิรา’ กำลังคบหาดูใจอยู่กับ ‘กี้ สราวุธ’ นักธุรกิจหมื่นล้าน 

โดยล่าสุดกี้ สราวุธ ได้โพสต์ภาพและวิดีโอในอินสตาแกรม @gyseree คู่กับสาวมินนี่ ภัณฑิรา ถือเป็นการเปิดตัวและยืนยันแล้วว่าทั้งคู่กำลังคบกันจริงๆ

หลังจากโพสต์ไปได้ไม่นาน เพื่อนนักแข่งรถอย่าง มะปราง อลิสา ได้เข้ามาคอมเมนต์ว่า ‘หวานเจี๊ยบค่าอิอิ’ พร้อมชาวเน็ตคนอื่นๆ อีกเพียบ!!

ทั้งนี้ ทั้งสองคนอายุห่างกัน 15 ปี โดยในปัจจุบันมินนี่ ภัณฑิรา อายุ 23 ปี ส่วน กี้ สราวุธ อายุ 37 ปี

‘ไบเดน’ ใช้วันชาติประณามเหตุยิงในประเทศ แซะ!! ‘รีพับลิกัน’ หนุนผู้คนครอบครองปืน

เอเอฟพี/รอยเตอร์ส เผย ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ใช้วันประกาศอิสรภาพ (Independence Day) ที่ถือเป็นวันชาติของสหรัฐฯ เรียกร้องอีกครั้งให้เข้มงวดมาตรการควบคุมอาวุธปืน และประณามเหตุยิงที่เกิดขึ้นหลายครั้งในประเทศ รวมถึงเหตุยิงในวันชาติ 

โดยการเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐฯ ในวันที่ 4 กรกฎาคม เดิมปกติจะเป็นโอกาสให้ส่งเสริมความรักชาติ รำลึกถึงการเสียสละในการสร้างชาติ และเต็มไปด้วยงานรื่นเริงเพราะตรงกับการประกาศอิสรภาพ แต่ในสุนทรพจน์วันชาติปีนี้ที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เรียกร้องใช้มาตรการควบคุมอาวุธปืนอย่างเข้มงวด โดยชี้ว่าสหรัฐฯ ต้องทนทุกข์อยู่กับเหตุกราดยิงที่ไร้เหตุผลในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ เขาจึงขอให้ใช้โอกาสเฉลิมฉลองวันประกาศ ภาวนาให้มีวันที่ชุมชนในสหรัฐฯ จะปราศจากการใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธปืน 

ประธานาธิบดีไบเดนยังประณามเหตุยิงที่เกิดขึ้นหลายครั้งในประเทศในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งยังกล่าวถึงพรรครีพับลิกันที่มีนโยบายสนับสนุนสิทธิในการครอบครองอาวุธปืนโดยระบุว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันควรร่วมกันหารือเพื่อการปฏิรูปเรื่องนี้ ให้เป็นไปตามประชาชนชาวอเมริกันเรียกร้อง

ผู้นำสหรัฐฯ เรียกร้องดังกล่าวหลังจากที่เกิดเหตุยิงหลายครั้งในช่วงไม่กี่วัน เช่น เหตุยิงคนเสียชีวิต 5 คน บาดเจ็บ 4 คน ในเมืองฟิลาเดลเฟีย เมื่อคืนวันจันทร์ และเหตุยิงคนเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 11 คนในเมืองฟอร์ตเวิร์ธในคืนเดียวกันเหตุยิงหลายครั้งในวันประกาศอิสรภาพที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 5 คนในเมืองแลนซิง บาดเจ็บ 4 คนในเมืองชาร์ลอตต์ และบาดเจ็บ 4 คนในเมืองแอครอน

ข้อมูลของกัน ไวโอแลนซ์อาร์ไควฟ์ หรือจีวีเอ (Gun ViolenceArchive) ที่เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ เกิดเหตุกราดยิง (Mass Shooting) แล้ว 346 ครั้ง จีวีเอให้คำนิยามคำว่าเหตุกราดยิงว่าหมายถึงเหตุยิงที่มีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน ไม่รวมคนร้าย ส่วนปี 2021 สหรัฐฯ มีคนเสียชีวิตเพราะปืนไม่ต่ำกว่า 44,000 ราย โดยเป็นการจบชีวิตตัวเอง 24,000 ราย

‘วิชัย ทองแตง’ มุ่ง ‘แก้ฝุ่นพิษเชียงใหม่ - ปั้นสตาร์ตอัพ’ ประกาศชัดขอสลัดภาพ ‘พ่อมดตลาดหุ้น’ 

ในวัย 76 ปี ชื่อของ ‘วิชัย ทองแตง’ กำลังจะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง หลังประกาศถ่ายโอนทรัพย์สินและธุรกิจ ให้ทายาทตั้งแต่ 6 ปีก่อน ทำให้บทบาทในการบริหารธุรกิจลดน้อยลง

แต่มาวันนี้ อดีตเจ้าของฉายา ‘พ่อมดตลาดหุ้น’ ได้กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อเขาประกาศถึง ‘บทบาท’ และ ‘passion’ ใหม่ ที่จะหันมาปั้นคนรุ่นใหม่ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้ธุรกิจสตาร์ตอัพ โดยไม่เน้นสร้างเวลท์ (ความมั่งคั่ง) เหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว

คุณวิชัย ได้ให้สัมภาษณ์กับ ‘ประชาชาติธุรกิจ’ ตอนหนึ่งว่า ตอนนี้ได้สลัดภาพพ่อมดตลาดหุ้นออกไปแล้ว โดย new chapter ของเขานั้น อยากมีภาพเป็น ‘นักปั้นหุ้น’ มากกว่า พร้อมอธิบายว่า การปั้นหุ้น ก็คือ การปลุกปั้นบริษัทที่จะเข้าตลาดหุ้น โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ตอัพของเด็กรุ่นใหม่ ที่เดินทางมาถึงจุดหนึ่งแล้วไปต่อไม่ได้ โดยตนจะเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้เข้ามาคุยและวางแผนอนาคตร่วมกัน ซึ่งความตั้งใจของตนเองในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ จะต้องสร้างยูนิคอร์นตัวใหม่ให้ได้

“ตอนนี้เด็ก ๆ ให้ฉายาผมว่า ‘godfather of startup’ หรือแปลเล่น ๆ ว่า ‘พ่อทูนหัว’ ฉะนั้น new chapter ของผมต่อจากนี้ คือสร้างคนเป็นหลัก ไม่เน้นสร้างเวลท์เหมือนก่อนแล้ว”

ขณะที่ แนวทางการเลือกสตาร์ตอัพที่จะนำมาปั้นนั้น คุณวิชัย จะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 50 คน ที่อยู่ในเครือข่าย ทำหน้าที่วิเคราะห์ธุรกิจให้ เพราะทุกวันนี้สตาร์ตอัพเข้ามาหามาก เพราะ pain point ของสตาร์ตอัพ คือการเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งเด็กที่เข้ามาจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า what’s next ? คืออะไร มีแผนธุรกิจต่อไปอย่างไร มีแผน 5-10 ปีหรือไม่ ต้องการเพิ่มทุนอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้

และสูตรสำคัญของการเลือกสตาร์ตอัพ ของคุณวิชัย นั่นคือ ขอให้มี 2G ก่อน G แรกคือ growth ต้องมีการเติบโต รายได้มากน้อยไม่ว่ากัน และ G ที่สอง คือ gain ต้องมีกำไร เพราะนั่นแปลว่าเข้าใจวิธีการบริหารและต้นทุนธุรกิจดีถ้ามี 2G แล้ว จากนั้นก็จะหาช่องทางระดมทุน หรือแนะนำกลุ่มเวนเจอร์แคปปิตอล (VC) พร้อมทั้งช่วยวางแผนทางการเงินให้ด้วย

ส่วนประเภทธุรกิจที่ คุณวิชัย ได้เข้าไปปั้นให้นั้น แต่หลัก ๆ นั้น มุ่งไปที่ธุรกิจที่เป็น ‘เมกะเทรนด์’ ซึ่งเตรียมจะเปิดตัวแถลงข่าวใหญ่ ในเร็ว ๆ นี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นจะเริ่มทยอยเปิดเผยบางธุรกิจที่ได้ปลุกปั้นไว้ บางธุรกิจออกดอกออกผลแล้ว ยกตัวอย่าง ‘ธุรกิจคาร์บอนเครดิต’ โดยบริษัทนี้ จะมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบการเคลมคาร์บอนเครดิตได้สูงขึ้น และมีตลาดรองรับ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้เป็นอย่างดี

“จังหวัดเชียงใหม่มีป่า มีลำน้ำ มีแม่น้ำ มีน้ำตก มีความชุ่มชื้นที่พอเหมาะพอควร ผมอยากให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรกที่ทำเป็นสตอรี่เพื่อขายคาร์บอนเครดิตได้ บริษัทที่ผมช่วยปลุกปั้นขึ้นมา มี know how มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการครีเอตแนวทางในการเคลมคาร์บอนเครดิต และที่สำคัญมีตลาดที่จะไปขาย เท่ากับมีซัพพลายเชนครบทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ธุรกิจแบบนี้แหละที่ต้องสนับสนุน เพราะได้ทั้งแง่ธุรกิจและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเชียงใหม่ที่มีปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 อย่างมาก” คุณวิชัย กล่าวถึงหนึ่งในธุรกิจที่ได้เข้าไปช่วยปลุกปั้น

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ (bio economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (green economy) ที่รับซื้อพลาสติก ซึ่งจะดำเนินการเป็น 2 แบบ คือ 1.เม็ดพลาสติกรีไซเคิล และ 2.กลั่นออกมาเป็นน้ำมัน ซึ่งธุรกิจแบบนี้มีความจำเป็นกับประเทศไทยตอนนี้มาก

ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือขยะติดเชื้อ ซึ่งทุกวันนี้ยังมีคนทำน้อย โดยตนกำลังปั้นบริษัทแบบนี้ ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ที่เติบโตและยิ่งใหญ่ได้ ไม่เพียงแค่ในประเทศ แต่หากินในต่างประเทศได้ด้วย

ส่วนธุรกิจที่ใช้ AI ก็สนใจ ซึ่งก็มีสตาร์ตอัพรายหนึ่งที่น่าสนใจ สามารถบริหารโหลดสำหรับการชาร์จไฟฟ้าของรถอีวี เพราะรถอีวีเวลาชาร์จไฟครั้งหนึ่งเท่ากับติดแอร์พร้อมกัน 10 ตัว ทำให้โหลดกระชากมาก ดังนั้น ธุรกิจนี้จึงน่าสนใจ เพราะสอดรับกับกระแสอีวีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญโซลูชันนี้ประกวดระดับโลกได้ที่ 29 มาแล้ว 

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงบางส่วนของธุรกิจ ที่ ‘วิชัย ทองแตง’ เข้าไปมีส่วนร่วมช่วยปลุกปั้น และหากว่าบริษัทสตาร์ทอัพนั้น ๆ มีศักยภาพมากพอ ก็จะผลักดันเข้าตลาดหุ้นต่อไป ส่วนจะมีบริษัทหรือธุรกิจใดบ้างนั้น อีกไม่นานเกินรอคงได้รู้กัน

สำหรับ คุณวิชัย ทองแตง นั้น นับว่าเป็นบุคคลซึ่งเป็นแบบอย่างของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่สร้างความมั่งคั่งด้วยการลงทุนที่ชาญฉลาด

-ติดทำเนียบมหาเศรษฐีไทย อันดับที่ 17 จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes
-เป็นทนายความที่ฐานะร่ำรวยที่สุดในโลก (The Richest Lawyer)
-อดีตทนายความค่าตัวแพงที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย ในคดี ดร.ทักษิณ ชินวัตร
-ปัจจุบัน ประธานบริษัท Bitkub World Tech

ชาวเน็ตร่วมติด #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ แชร์ประสบการณ์สุดขมขื่นช่วงวัยเยาว์ในรั้วโรงเรียน

(6 ก.ค. 66) หลังเกิดข่าวคุณครูทักไลน์นักเรียนและสั่งการบ้านในเวลา 3 ทุ่มกว่า ตามที่เพจ ‘หมอแล็บแพนด้า’ ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า “ครูสั่งการบ้านตอน 21.24 น. เด็กกำลังจะนอน ต้องดีดตัวขึ้นมาทำ โอยยย แสดงว่าต้องคอยเช็กไลน์ตลอด ให้เด็กพักบ้างครับครู”

ทั้งนี้ในภาพที่โพสต์นั้นเป็นภาพข้อความที่ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น สั่งการบ้านนักเรียน ม.2 ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ในเวลา 3 ทุ่มกว่า ซึ่งถือว่าเป็นเวลาพักผ่อนของนักเรียน อีกทั้งทราบมาว่า ครูรายดังกล่าวไม่ได้กระทำแบบนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย

ต่อมากระแสในโซเชียลเริ่มร้อนแรง มีการขึ้นแท็ก #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ โดยมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในแฮชแท็กนี้มากกว่า 5 หมื่นครั้ง โดยส่วนใหญ่ได้เล่าเรื่องราว ประสบการณ์ที่ได้พบเจอในช่วงวัยเรียน 

ผู้ใช้งานทวิตเตอร์รายหนึ่งระบุว่า “โรงเรียนไทยขโมยความมั่นใจของนักเรียนไปหมด เคยถูกถามว่าทำไมโง่ขนาดนี้แค่เพราะไม่ชอบเรียนเลข ทั้ง ๆ ที่วิชาอื่นก็ทำได้ดีมาก หลังจากนั้นก็สะกดจิตตัวเองมาตลอดว่าโง่เลข โคตรฝังใจเป็นใครมีสิทธิมาชี้หน้าด่าคนอื่นว่าโง่ #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ”

ส่วนผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกรายได้แชร์ประสบการณ์ว่า “โรงเรียนสอนให้เรานอนครบ 8 ชม. แต่โรงเรียนให้การบ้านมาไม่หยุด ครูไม่มีคะแนนจะเก็บก็มาสั่งงานเพิ่ม สอนเลทปล่อยช้า ละวันนึงเรียนกี่วิชา ไหนจะต้องเรียนพิเศษเพราะโรงเรียนสอนไม่รู้เรื่อง ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบเพื่ออนาคตที่ดีอีก
#โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ : ขโมยเวลานอน”

นอกจากนี้ยังมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในแฮชแท้กเพิ่มอีกว่า “ในความคิดส่วนตัวตอนเรียนเหมือนถูกขโมยเวลาในการเรียนรู้ชีวิตภายนอกว่าเป็นยังไงไป เพราะได้แค่เรียนรู้จากในห้องสี่เหลี่ยมเท่านั้น ตอนเด็กคิดเสมอว่าจบออกมาจะมีงานทำมีชีวิตที่ดี แต่ความเป็นจริงแล้วโลกภายนอกคือการเอาตัวรอดและควรใช้ชีวิตอย่างมีสติตลอดเวลาเสมอ #โรงเรียนขโมยอะไรไปจากคุณ”

เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์แชร์ประสบการณ์ฝังใจเกี่ยวกับโรงเรียน โดยระบุว่า “จำฝังใจ วิชาแนะแนว เราบอกอยากเรียนต่อวิศวะคอม ครูพูดว่า เธอเป็นผญ. จะเรียนได้ไง โปรแกรมเมอร์มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น คือแบบ.. เอิ่ม…ครูคะ โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลกเป็นผญ.ค่า! แล้วเราก็เรียนจบ เป็นโปรแกรมเมอร์ได้สบาย ๆ ด้วย เงินเดือนเยอะกว่าครู 4 เท่าอ่ะ จบนะ อ้อลืมบอก ครูเป็นผู้หญิง แล้วสิ่งที่ขโมยไปก็คือความมั่นใจนี่แหละ แต่ก็ดีที่มีสติ ไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด”

ส่ง DSI ฟัน ‘วนรัชต์’ พร้อมพวกรวม 10 ราย  เอาผิดทางอาญา-กม.ฟอกเงิน ปมตกแต่งงบ ‘STARK’

ก.ล.ต. ส่ง DSI กล่าวโทษ "ชนินทร์ -วนรัชต์ - ศรัทธา"รวม 10 ราย กรณีตกแต่งงบการเงินของ STARK เปิดเผยข้อความอันเป็นเท็จในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และกระทำโดยทุจริตหลอกลวง เอาผิดทางอาญา-กม.ฟอกเงิน

สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  กล่าวโทษบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) กรรมการ อดีตกรรมการและอดีตผู้บริหารของ STARK รวม 10 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564 – 2565 เพื่อลวงบุคคลใด ๆ และเปิดเผยงบการเงินในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบ รวมทั้งปกปิดความจริงในข้อมูล factsheet เสนอขายหุ้นกู้ STARK ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยทุจริตหลอกลวง และทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) 

โดย ก.ล.ต. กล่าวโทษบุคคลดังต่อไปนี้ (1) บริษัท STARK (2) นายชนินทร์ เย็นสุดใจ (3) นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (4) นายชินวัฒน์ อัศวโภคี (5) นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ (6) นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม (7) บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด (PDITL) (8) บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (TCI) (9) บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด และ (10) บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 

ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ว่า บุคคลข้างต้นได้ร่วมกันกระทำหรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จ ทำบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ในบัญชีหรือเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในปี 2564 – 2565 เพื่อลวงบุคคลใด ๆ

อีกทั้ง STARK มีการเปิดเผยในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน โดยเปิดเผยงบการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการตกแต่งงบการเงินดังกล่าว รวมทั้งปกปิดข้อความจริงในข้อมูลในส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร (factsheet) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแบบแสดงรายการข้อมูลสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ STARK ว่าได้มีการเข้าลงทุนในบริษัท LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc แล้ว ทั้งที่ยังเข้าลงทุนในกิจการดังกล่าวไม่เสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ ปรากฏว่าหลังจากที่ STARK ได้รับเงินหุ้นกู้และเงินเพิ่มทุน พบการโอนเงินออกจาก STARK และบริษัทย่อยไปยังบริษัทหรือบุคคลอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับการตกแต่งงบการเงินด้วย

การกระทำของบุคคลรวม 10 รายข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 312 และมาตรา 281/2 วรรค 2 ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 89/7 ประกอบมาตรา 89/24 มาตรา 278 มาตรา 281/10 ประกอบมาตรา 300 มาตรา 306 และมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (แล้วแต่กรณี) ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 10 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

นอกจากกรณีที่กล่าวโทษในครั้งนี้ ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลไปยังกรณีอื่น ๆ ที่มีข้อสงสัยในเรื่องการทุจริต โดยจะประสานความร่วมมือกับ DSI ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีการเปิดเผยให้ทราบต่อไป 

ในการตรวจสอบเรื่องนี้ ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปปง. DSI และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ

‘ใบหม่อน กิตติยา’ ออร่าพุ่ง รายการ-อีเวนต์แห่จองคิวแน่น หลังออกมายอมรับแล้วว่ากำลังคบหากับ ‘แจ็ค แฟนฉัน’

เรียกได้ว่าฮอตสุดๆ จนฉุดไม่อยู่เลยทีเดียว หลัง น.ส.กิตติยา จิตรภักดี หรือ ‘ใบหม่อน’ นางเอกสาวจากช่อง 8 ที่กำลังดังเปรี้ยงจนถูกพูดถึงเต็มโลกโซเชียล หลังละคร ‘เพลงรักรอยแค้น’ จบไป ทำให้นางเอกสาวใบหม่อนขึ้นแท่นสาวฮอตทันที

อีกทั้งล่าสุด เจ้าตัวยังได้ออกมายอมรับว่า กำลังคบหาดูใจกันกับนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี อย่างนายเฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ หรือ ‘แจ็ค แฟนฉัน’ ทำให้ตอนนี้ทั้งรายการ ทั้งงานอีเวนต์ แห่ติดต่อเข้ามาจองคิวเพียบ เรียกได้ว่าเป็น ‘คู่ส่งคู่เสริม’ ซึ่งกันและกันจริงๆ หากใครต้องการติดต่องาน สามารถทักเข้ามาสอบถามได้ที่ไอดีไลน์ ‘kongrs’ นะคะ

‘เรดไลฟ์’ ภาพยนตร์เรื่องราวความรักหลากหลายเฉด เล่าเรื่องความรักในมุมกลับ พร้อมความดรามาสุดเข้มข้น

(7 ก.ค. 66) บริษัทหนังน้องใหม่ BrandThink Cinema เตรียมปล่อยผลงานแรกเรื่อง ‘เรดไลฟ์’ (RedLife) ภาพยนตร์ที่จะเล่าเรื่องราวความรักในมุมกลับ ตามคำโปรยที่บอกว่า ‘ความรักเป็นสิ่งสวยงาม…แต่อาจไม่ใช่สำหรับทุกคน’ เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นอีกด้านที่อาจเปลี่ยนมุมมองด้านความรักไปอย่างสิ้นเชิง

การเข้าไปสัมผัสโลกอีกใบหนึ่ง เกิดเป็นแรงบัลดาลใจให้ ‘เอกลักญ กรรณศรณ์’ หยิบเศษเสี้ยวของสังคมเล่าผ่าน ‘RedLife’ เรื่องราวความรักหลายเฉดของเหล่าผู้คนในสลัมแนวตั้ง เอกลักญใช้เวลาพัฒนาบทและสร้าง ‘RedLife’ กว่า 4 ปีจนออกมาเป็นหนังดรามาเข้มข้น นำเสนอความรักที่แตกหักท่ามกลางชีวิตที่พังทลาย 

และหากหนังรักคือตัวแทนของความหวังและความสุขใจ ‘RedLife’ จะมอบอีกมุมมองของความรักแบบโลกไม่สวย ที่พร้อมเปิดโอกาสให้คุณได้ลองพิสูจน์ดู

ภาพยนตร์ RedLife นำแสดงโดย ‘แบงค์ ธิติ มหาโยธารักษ์’ ในบทเต๋อ นักฉกชิงวิ่งราวย่านสถานีรถไฟที่พร้อมปล้นทุกอย่างเพื่อฉุดยื้อรักเดียวของเขา แม้ว่ามันอาจจะไม่มีอยู่จริง พร้อมกับ ‘ซิดนีย์ สุพิชชา สังขจินดา’ ในบทส้ม ลูกในโอวาทของโสเภณีข้างถนน ที่เชื่อว่ารักแรกที่เธอได้พบจะพาเธอออกจากโลกที่แสนเกลียดชังได้ 

นอกจากนี้ยังมีนักแสดงสมทบประกอบไปด้วยกานต์พิชชา พงษ์พานิช, สุมิตตา ดวงแก้ง, บิ๊ก ดี. เจอร์ราร์ด, กรองทอง รัชตะวรรณ, มานพ มีจำรัส และ เรย์ แม็คโดนัลด์

โดย Red Life กำหนดฉายวันที่ 28 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

‘จีรเดช-ส.ส.พปชร.’ เดินหน้าสานฝันเกษตรกร จ.พะเยา  ผลักดันสร้างอ่างกักเก็บน้ำทั่วถึง เอื้อปากท้องถ้วนหน้า 

(6 ก.ค. 66) นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ชาวพะเยาส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ปัญหาหลักในตอนนี้ คือ ปริมาณน้ำฝนในจังหวัดพะเยาถึงจะมีปริมาณค่อนข้างมากในแต่ละปี แต่ก็ติดปัญหาว่าไม่สามารถกักเก็บได้ ทำให้ปริมาณน้ำที่กักเก็บได้น้อยมาก ปริมาณน้ำฝนกว่า 90% ก็ต้องไหลลงคลองลื่นลงสู่ทะเลไป 

โดยเรื่องนี้ถือว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ตนพยายามที่จะผลักดันในการสร้างอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ มาโดยตลอด แต่ยังไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจากกรมชลประทาน เพราะติดปัญหาในเรื่องของพื้นที่ป่าไม้ ที่ไม่สามารถขอใช้พื้นที่ในส่วนป่าไม้ได้ ทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการก่อสร้างเพื่อดูแลให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งที่ตนพยายามมาตลอด อย่างไรก็ตามตนจะยังคงผลักดันการสร้างอ่างกักเก็บน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ เกษตรกรในจังหวัดจะได้ลืมตาอ้าปากได้ต่อไป

นายจีรเดช ยังกล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ การคมนาคม ตนมุ่งมั่นจะผลักดันให้เกิดถนนหลายๆ เส้นทาง ที่จะเชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้มีความสะดวกและปลอดภัยขึ้น โดยเฉพาะถนน 4 เลนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดพะเยา ซึ่งตอนนี้มาถึงแค่อำเภอดอกคำใต้ ตนจึงอยากจะผลักดัน เส้นทาง 1251 จากดอกคำใต้ ไปอำเภอจุน ให้เป็นถนน 4 เลน เชื่อมโยงกันไปยัง 1252 ให้ได้ เนื่องจากอำเภอจุนไปเชียงคำก็เป็น 4 เลน ทางด้านปงก็ได้รับการจัดสรร จากจุนไปปงก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ก็กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่

“ถนนในพื้นที่เขต 3 ส่วนใหญ่ยังเป็นดินรุกรังอยู่ ช่วงหน้าฝน ประชาชนก็ประสบความเดือดร้อน เดินทางสัญจร ไปมาไม่สะดวก และการใช้ถนนก็ลำบาก ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่ผมอยากจะผลักดันอย่างเร่งด่วน” นายจีรเดช กล่าว

‘นาย ณภัทร’ อันฟอลไอจี ‘แม่หมู พิมพ์ผกา’ แล้ว หลังก่อนหน้านี้ถูกคุณแม่อันฟอลไอจีพร้อม ‘ใบเฟิร์น’

(6 ก.ค. 66) จากกรณีที่หลายคนต่างพากันงงหนักมาก หลังได้มีเพจดังตาดี ไปเห็นว่า ‘แม่หมู พิมพ์ผกา’ นั้นได้อันฟอลโลว์อินสตาแกรม ‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ แฟนลูกชาย ‘นาย ณภัทร’

ทำให้ภายหลังแม่หมูได้ออกมาตอบถึงประเด็นดังกล่าวแล้ว หลังมีดรามาอันฟอลโลว์อินสตาแกรม โดยได้มีช่วงหนึ่ง แม่หมูเปิดใจว่า ไม่ได้อันฟอล อาจจะมีปัญหาที่ระบบ เดี๋ยวขอไปเช็กก่อน ไม่มีปัญหา แม่ก็ทำหน้าที่ได้แค่อยู่เฉยๆ นิ่งๆ ไม่สามารถพูดอะไรได้

แต่ดูเหมือนจะมีคนสังเกตเห็นว่า นอกจากที่แม่หมูจะเลิกติดตามอิสตาแกรมของสาวใบเฟิร์น และลูกชายอย่างนายณภัทร ดูเหมือนว่าฝั่งลูกชาวอย่างน้องนาย ก็ได้อันฟอลอินสตาแกรมคนเป็นแม่แล้วเช่นเดียวกัน

ล่าสุด นางเอกสาวใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว หลัง นาย ณภัทร อันฟอลแม่หมู พิมพ์ผกา โดยงานนี้เธอนั้นก็ได้โพสต์คลิปวิดีโอรับประทานโอมากาเซะกับคุณพ่อของตน ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างแม่แฟนหนุ่มนั้นยังคงคลุมเครือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top