Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

แม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมให้กำลังใจทหารพราน และพระสงฆ์ ที่ได้รับบาดเจ็บขณะออกบิณฑบาต ในพื้นที่ อ.รือเสาะ พร้อมพบปะประชาชนไทยพุทธ-มุสลิม 

วันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ โรงพยาบาลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เวลา 10.00 น.  พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะ เยี่ยมให้ขวัญกำลังใจ อาสาสมัครทหารพราน ศรีสุวรรณ์ ก๋าจุม และอาสาสมัครทหารพราน ไชยชิต นามเขตต์ เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดรถตู้ขณะเดินทางนิมนต์พระสงฆ์เพื่อบิณฑบาต เหตุเกิดที่บริเวณปากซอยเจริญราษฎร์ 2 หมู่ที่ 2 ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเช้าวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 4603 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 และพระสงฆ์ จำนวน 3 รูป ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย พระ ฉันท์ แสนศิลา (ฉันทโก) อายุ 62 ปี, พระ อำนวย เข็มศิริ (วรปัญโญ) อายุ 72 ปี และพระ ดี ทองอยู่ (ปัญญาธโร) อายุ 70 ปี ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัย และดีขึ้นตามลำดับ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักความมั่นคงภายในภาค 4 และคณะ ได้ลงไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณปากซอยเจริญราษฎร์ 2 หมู่ที่ 2 ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเข้าไปสำรวจดูความเสียหาย และเข้าไปให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เป็นประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนหลายหลังที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปดูแลประสานความช่วยเหลือประชาชนเพื่อเยียวยาความเสียหายแล้ว

ต่อมา แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และคณะ ได้พบปะ และมอบถุงยังชีพเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่พี่น้องชาวไทยพุทธยังวัดไพโรจน์ประชาราม ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจพระสงฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีพี่น้องชาวไทยมุสลิม และผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่มาร่วมให้กำลังใจพระสงฆ์ และพี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการปลอบขวัญให้กำลังใจระหว่างประชาชนกันเอง 

ทั้งนี้แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวขอบคุณแทนพี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่ “ขอบคุณพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่ให้ความช่วยเหลือดูแลให้กำลังใจกันไม่ทอดทิ้งกัน ซึ่งได้เห็นถึงความรักความสามัคคี และการอยู่รวมกันระหว่างไทยพุทธไทยมุสลิมที่ยังคงรักช่วยเหลือกันอย่างแน่นแฟ้น และให้คงอยู่ความเป็นพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งแบบนี้ไว้ ในนามในหน่วยงานภาครัฐ พร้อมให้การช่วยเหลือ ดูแล และจะเคียงข้างประชาชน มาให้กำลังใจขอให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจที่เข้มแข็ง พร้อมให้การช่วยเหลือกันไม่ทอดทิ้งกัน จะดูแลพื้นที่วัด ดูแลมัสยิด จะดูแล ประชาชนทั้งไทยพุทธและมุสลิมให้เกิดความปลอดภัยขอให้มั่นใจ เจ้าหน้าที่พร้อมจะดูแล และปกป้องพื้นที่และประชาชนให้ปลอดภัย

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

อพท.พร้อม ทกจ.กระบี่เข้าพบผู้ว่ากระบี่และนายกอบจ.กระบี่ เพื่อขับเคลื่อน คลองท่อมเมืองสปาเป็นพื้นที่พิเศษ 

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566เวลา 10.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. ดร.ชุมพล มุสิกานนท์ (รองผู้อำนวยการ อพท.)พร้อมด้วย นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ และนางสาวศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ พร้อมคณะเข้าพบ นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และ นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ หลังทางคณะได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูล  รับฟังปัญหาการพัฒนาในพื้นที่ อำเภอคลองท่อมจังหวัดกระบี่ นั้น เพราะยังไม่ได้รับการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ ดังนั้น ขอบข่ายการทำงานของ อพท. จะทำได้แค่ศึกษาถึงศักยภาพของพื้นที่ และทำรายงานเพื่อส่งต่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบนำไปดำเนินงาน แต่ถ้าในอนาคตสามารถประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ อพท. จะสามารถดำเนินการในพื้นที่ตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรได้อย่างเต็มที่

ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ (คลองท่อมเมืองสปา) ตามขั้นตอนการประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวน้ำตกร้อน สระมรกต พิพิธภัณฑ์ลูกปัดคลองท่อม น้ำพุร้อนเค็ม และร่วมแลกเปลี่ยนและรับฟังข้อเสนอแนะในการประเมินศักยภาพของพื้นที่อำเภอคลองท่อม ตามขั้นตอนการประกาศพื้นที่พิเศษฯ ร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ อบต.คลองท่อมเหนือ เทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ เทศบาลตำบลห้วยน้ำขาวเพราะอยู่ใกล้กับพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ที่สามารถทำงานเชื่อมโยงกัน คาดว่าจะสามารถประกาศเป็นพื้นที่พิเศษได้ภายในปลายปีนี้

OMD2-DITP’ จัดสัมมนา ‘เปิดประตูสู่โอกาสการค้าไทยในตลาดโลก’ เสริมศักยภาพการค้าให้ผู้ประกอบการไทย ผ่านระบบ ZOOM 7-8 มิ.ย.นี้

(7 มิ.ย. 66) สำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 (สพต.2) ภายใต้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือ ‘OMD2’ ขอเชิญชวนเข้าร่วมสัมมนาการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการในภูมิภาค ภายใต้แนวคิด ‘เปิดประตูสู่โอกาสการค้าไทยในตลาดโลก’ (The Keys to Connext)

ในโครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้ส่งออกไทยด้วยข้อมูลการค้าตลาดภูมิภาคอเมริกา ลาตินอเมริกา ยุโรป และ CIS แอฟริกา และตะวันออกกลาง โดยการสัมมนาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ถ่ายทอดผ่านระบบโปรแกรมผ่านระบบ ZOOM Application โดยครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2566 และครั้งที่ 2 วันที่ 7 – 8 มิถุนายน 2566 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

โครงการดังกล่าว เป็นโครงการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพผู้ส่งออกไทยในการค้าระหว่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ และความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทย และผลักดันการขยายการค้าและการลงทุนของไทย ดำเนินการโดยสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 (OMD 2) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาศักยภาพการค้าไทยในตลาดโลก โดยปีนี้ มีเป้าหมายคือการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในภูมิภาคหรือรายใหม่ ให้ใช้ข้อมูลการค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้ผู้ประกอบการได้ใช้ข้อมูลการค้าสำหรับการเจาะตลาดการค้า หรือวางแผนการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการของตลาด

การสัมมนาในครั้งนี้ อัดแน่นด้วยเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และเน้นให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้และต่อยอดได้จริง ครั้งที่ 1 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. – 1 มิถุนายน 2566 ในวันแรกจะเป็นการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการในหัวข้อ ‘การเสริมสร้างศักยภาพด้านการค้าระหว่างประเทศ’ หัวข้อ ‘การเจรจาการค้าออนไลน์’, ‘การเตรียมตัวเจรจาการค้าออนไลน์ให้ประสบผลสำเร็จ’, หัวข้อ ‘การนำเสนอเรื่องราวและความน่าสนใจของสินค้า (Story Telling)’ และหัวข้อ ‘การเลือกรูปแบบการนำเสนอสินค้าให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพกับการเจรจาการค้าแบบออนไลน์’

การสัมมนาในครั้งที่ 2 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 – 8 มิถุนายน 2566 ในวันแรกจะเป็นการเสริมเทคนิคให้กับผู้ประกอบการ ในหัวข้อ ‘การคาดการณ์ความต้องการตลาด’ เพื่อให้กลยุทธ์การต่อยอดการค้าที่วางไว้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด, หัวข้อ ‘การวางแผนและวิเคราะห์โอกาสในการพัฒนาการค้า’, หัวข้อ ‘การนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์และสินค้าแก่กลุ่มเป้าหมาย’, หัวข้อ ‘การนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์และสินค้าแก่กลุ่มเป้าหมาย’ และหัวข้อ ‘การนำเสนอสินค้าแก่ผู้ซื้อ ผู้นำเข้า’ เพื่อการเตรียมตัวเจรจาการค้าโดยการสัมมนาในครั้งนี้ร่วมถ่ายทอดผ่านวิทยากรที่มากด้วยความรู้และความรู้ รวมถึงประสบการณ์การทำงานจริงในวงการธุรกิจ เพื่อเป็นการติดปีกให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนาการพัฒนาเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการในภูมิภาค ภายใต้แนวคิด ‘เปิดประตูสู่โอกาสการค้าไทยในตลาดโลก’ (The Key to Connext) ได้แล้วที่ www.ditp-overseas.com ตั้งแต่วันนี้ - 28 มิถุนายน 2566

กลุ่ม EA’ หนุน ‘ENTEC-UNEP’ ขับเคลื่อนพลังงานสะอาด ภายใต้แนวคิด ‘Climate and Clean Air Conference 2023’

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 66 ‘กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์’ ผู้นำด้านพลังงานสะอาด เดินหน้า ‘E@ Ecosystem’ ชูแนวคิด ESG สนับสนุน ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) และ The United Nations Environment Programme (UNEP) จัดโครงการ Climate and Clean Air Conference 2023 : Air Quality Action Week เปิดประสบการณ์สุดยอดนวัตกรรมฝีมือคนไทย ขจัดมลพิษทางอากาศสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

ข้อมูลจากโครงการ UN Environment Programme (UNEP) ระบุว่า มลภาวะทางอากาศก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุข โดยมีสถิติพบว่า ประชากรทั่วโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยสาเหตุมลพิษทางอากาศ จำนวน 4.8 ล้านคน ในปี 2533 เพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านคน ในปัจจุบัน โดยมากกว่า 90% ของการเสียชีวิตเกิดจากมลภาวะทางอากาศที่เพิ่มขึ้นในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง

โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ที่มีโรคปอด โรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่แล้ว รวมถึงคนจนที่เข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้อย่างจำกัด สำหรับแนวทางลดปัญหามลพิษทางอากาศ ต้องสร้างความร่วมมือลดการปล่อยเชื้อเพลิงฟอสซิลจากการเผาไหม้ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคการขนส่ง อย่างเป็นรูปธรรม

การเปลี่ยนผ่านไปสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จึงเป็นมาตรการที่จำเป็นในการต่อสู้กับมลพิษทางอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจน ENTEC จึงได้ร่วมมือกับ UNEP ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ และ EA ผู้นำด้านพลังงานสะอาด ส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ เพื่อยกระดับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเมืองอากาศสะอาดภายใต้โครงการ Climate and Clean Air Conference 2023: Air Quality Action Week ที่มีสมาชิกจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมเปิดประสบการณ์การเดินทางด้วยรอยยิ้มใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปกับ MINE Bus โดย บจ.ไทยสมายล์บัส และ MINE Smart Ferry บจ.ไทยสมายล์ โบ้ท บริษัทในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ที่สร้างมิติใหม่แห่งการขนส่งด้วยนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยฝีมือคนไทย

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ผู้นำด้านพลังงานสะอาด กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ “Green Product” ที่คำนึงถึง 3 แกนสำคัญ โดยมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม - การดูแลสังคม - การดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบแห่งการมีธรรมาภิบาล มาตลอดระยะเวลา 15 ปี ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมีกลยุทธ์ “E@ Ecosystem”

โดยลงทุนพัฒนา ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจไบโอดีเซล, กลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า MIME Mobility, ธุรกิจสถานีชาร์จ EAAnywhere, ธุรกิจแบตเตอรี่ อมิตา เทคโนโลยี ที่มีกำลังการผลิตซึ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) เป็น 4 Gwh พร้อมมีโรงผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานสะอาดอย่างครบวงจร ที่จะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดปัญหามลภาวะทางอากาศ และลดฝุ่น PM2.5 ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกของกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ เพื่อสร้างความสมดุลในทุกมิติ
 

จตุพร’ มั่นใจ!! ‘พิธา’ อาจก้าวไม่ไกลถึง ‘นายกฯ’ ปมถือหุ้นสื่อ-ไม่สามารถรวมเสียงได้ถึง 376 เสียง

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน ‘หนีความจริงไม่พ้น….’

นายจตุพร กล่าวตอนหนึ่งว่า คุณสมบัติสมาชิกพรรคการเมือง ผู้สมัคร ส.ส. และแคนดิเดตนายกฯ นั้น ไม่ใช่เรื่องจะนำมาวัดค่าว่า เป็นคนดีหรือไม่ดี อีกทั้งไม่เกี่ยวกับความชอบหรือไม่ชอบ แต่เป็นข้อกฎหมายห้ามไว้ให้กระทำได้หรือทำไม่ได้ ดังนั้น กฎหมายจึงเป็นหลักในการชี้ขาดคุณสมบัติทางการเมือง

กรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ล้วนเป็นต้นตอมาจากตัวเองฝ่าฝืนข้อห้ามของกฎหมาย โดยตอนแรกอาจไม่คาดคิดจะเกิดปัญหาขึ้น ส่วนวันนี้จะยอมรับความจริงหรือไม่ก็ตาม ก็หนีไม่พ้น อย่างไรก็ตาม แม้เทขายหรือโอนหุ้นออกไปจากตัวเองแล้ว แต่ไม่มีผลอะไรที่จะหนีข้อห้ามตามกฎหมาย ซึ่งได้กระทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว

“ปมการถือหุ้นของนายพิธา ขณะนี้ทุกฝ่ายล้วนเล่นเกมกันหลายฝ่าย เป็นเกมที่เริ่มตั้งแต่การออกกติกา แล้วช่วงแข่งขันเลือกตั้งก็ยังเล่นเกมลำหักลำโค่นชิงชัยชนะกันอยู่ อีกทั้งยังมีเกมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาผสมส่วนร่วมเล่นกรณีแจกใบเหลือง แดง ส้มกับว่าที่ ส.ส. ประมาณ 30 คนด้วย หากในจำนวนนี้มีบางส่วนหรือบางคนเป็นกรรมการบริหารพรรค ก็เกิดปัญหาใหม่ขึ้นมาถมทับหนักเข้าไปอีก โดยอาจถึงขั้นมีความผิดอาจลามไปถึงยุบพรรค ดังนั้น จึงควรจับตาในช่วง กกต.จะประกาศรับรอง ส.ส. ในเดือน มิ.ย. นี้จะได้ครบถ้วนจำนวน 95% ของจำนวน ส.ส. 500 คนหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การเปิดประชุมสภาได้เลือกตำแหน่งประธานสภา” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพรกล่าวว่า นายพิธา ควรต้องทำใจเย็นเอาไว้ พร้อมทั้งต้องคิดถึงการแก้ปัญหาจะเป็นอย่างไร หากจะสู้ให้รอด จะเป็นได้จริงหรือไม่ หรือถ้ารอดโดยให้มีโทษจะลดน้อยไม่ก่อกระทบกับคนอื่นอย่างไร ดังนั้น หลักคิดจึงอยู่ที่ความรับผิดชอบ ไม่ใช่เรื่องดี-ชั่ว ถึงอย่างไร แม้ไม่มีคดีหุ้นเป็นอุปสรรคในชัยชนะแล้วก็ตาม แต่โอกาสได้เป็นนายกฯ ยังยากอยู่ดี เพราะไม่ได้เสียงครบ 376 เสียงจากทั้งหมด 750 เสียงของสองสภารวมกัน

“พวก คสช.คณะยึดอำนาจชุดนี้ เหมือนทำวิจัยในช่วง 90 ปีมาอย่างดี โดยพิจารณาข้อดี ข้อด้อยของแต่ละรัฐบาลที่ผ่านมา และยังศึกษาความบกพร่องและอารมณ์ของคนไทย ดังนั้น ถ้า 3 ป. เป็นคนหักไม่ยอมงอ ประเภทคำไหนคำนั้น พวกเขาคงไปจากอำนาจนานแล้ว แต่คนพวกนี้กลับมีทั้งเล่นบทอ่อนและแข็งยึดหยุ่นกันไป เมื่อเสนอเรื่องอะไรถ้าถูกค้านก็ถอย ดังนั้นพวกเขาปกครองด้วยการไม่ใช่วิถีคนจริง แต่เป็นการลู่แรงลมต้านในบางช่วงขณะให้เกิดบรรยากาศผ่อนคลาย แล้วคนไทยก็เบาใจมาตลอด 9 ปี” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ มีปัจจัยภายนอกเป็นเงื่อนไขทับซ้อนมากมาย 
วันนี้คนคิดเป็นนายกฯ ยังเห็นหน้าลอยในมุมมืดเฝ้ารอคอยอยู่ ส่วนนายพิธา ตนมั่นใจว่า ไม่ได้เป็นนายกฯ 100% เพราะมีคุณสมบัติต้องห้ามและไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ถึง 376 เสียง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทางกฎหมายและเกมกติกากำหนด โดยไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ตามที่อารมณ์ความรู้สึกต้องการ

World Bank’ คาดเศรษฐกิจโลกปี 66 โตเพิ่มอีก 2.1% เตือน!! นโยบายธนาคารทั่วโลกอาจทำจีดีพีปีหน้าชะลอตัว

ธนาคารโลก (World Bank) ปรับขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ หลังจากทิศทางเศรษฐกิจอเมริกาและประเทศเศรษฐกิจสำคัญทั่วโลกฟื้นตัวดีกว่าคาด แต่ได้เตือนว่าอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้ในปีหน้า

รายงานทิศทางเศรษฐกิจโลกของ World Bank ที่เปิดเผยในวันอังคาร ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกมาที่ 2.1% ในปีนี้ เพิ่มจากระดับ 1.7% ในการประมาณการณ์เมื่อเดือนมกราคม แต่ยังถือว่าต่ำกว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2022 ที่ขยายตัว 3.1%

อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลก หั่นคาดการณ์จีดีพีโลกในปีหน้าลงมาที่ 2.4% จากระดับ 2.7% ในเดือนมกราคม โดยอ้างถึงผลกระทบจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งกระทบต่อการลงทุนในภาคธุรกิจ ก่อนที่เศรษฐกิจโลกคาดว่าจะกลับมาเติบโตในระดับ 3.0% ในปี 2025

เมื่อมองเป็นรายประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ World Bank ปรับคาดการณ์ว่าจีดีพีสหรัฐฯ จะขยายตัว 1.1% ในปีนี้ เพิ่มจาก 0.5% ในเดือนมกราคม และเศรษฐกิจจีนจะโต 5.6% จากระดับ 4.3% ในเดือนมกราคม แต่สำหรับในปีหน้านั้น ธนาคารโลก คาดว่าเศรษฐกิจอเมริกันจะโตเพียง 0.8% และหั่นเป้าเศรษฐกิจจีนว่าจะขยายตัวที่ 4.6%
 

บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ประชาชน และชุมชนที่เกี่ยวข้อง ต่อการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ

วันนี้ (7 มิ.ย. 2566) ณ โดมอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา พจอ.ณรงค์ นกอิ่ม ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเขาดิน เปิดประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ประชาชน และชุมชนที่เกี่ยวข้อง ต่อการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ร่วมด้วย นายชีวรัตน์ ศิลปรัตน์ ผู้ชำนาญการสิ่งแวดล้อม นายปุณยวิทวิชญ์ ฝูงทองเจริญ ผู้แทนจากบริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักวิชาการ ผู้นำชุมชน สื่อมวลชนและประชาชนตำบลเขาดิน เข้าร่วมรับฟังฯจำนวนมาก 
บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด ได้ดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ในพื้นที่ตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยผ่านการพิจารณาเห็นชอบในการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 และได้ลงนามทำสัญญาร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ทั้งนี้บริษัท ดับเบิ้ลพี แลนด์ จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ ให้ควบคู่ไปพร้อมกับการดำเนินโครงการฯ ยกระดับการดำเนินโครงการฯ จึงได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ประชาชน และชุมชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าคที่ถูกต้อง ตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะประกอบการพิจารณาจัดตั้ง เปลี่ยนแปลง หรือยุบเลิกเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. 2564 และเพื่อยกระดับ ตำบลเขาดินให้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) ต่อไป

‘PLANET’ ผนึกกำลังขาใหญ่ ‘จีน-สิงคโปร์’ ลุยธุรกิจรถยนต์ EV-สถานีชาร์จในไทยเต็มรูปแบบ

วันที่ (7 มิ.ย. 66) นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย (PLANET) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ว่า บริษัท Singapore Electric Vehicles Pte (SEV) ผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ในสิงคโปร์

ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้ทำการตลาดและจัดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ SOKON right-hand drive ในสิงคโปร์และประเทศไทย ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน บริษัท แพลนเน็ต อีวี จำกัด (Planet EV) ซึ่งบริษัทย่อยของบริษัทฯ คิดเป็น 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังการเพิ่มทุน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งการผลิต ซื้อขาย ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าทุกชนิด ตลอดจนธุรกิจให้บริการสถานี สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวง

สำหรับ Planet EV และ SEV ในฐานะ Joint venture ยังได้ลงนามกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% รายใหญ่จากจีน คือ Sokon motors chongqing group เพื่อเป็นตัวจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้าประเภท ประเภทรถบรรทุกไฟฟ้าขนาดเล็ก มินิแวนบรรทุกไฟฟ้า ยี่ห้อ SOKON ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ในเบื้องต้น Planet EV และ SEV จะร่วมกันนำรถยนต์ไฟฟ้า 100% ยี่ห้อ Sokon มาทำการตลาดในประเทศไทย ในรูปแบบของการขายและให้เช่า โดย Planet EV จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่าย

นายประพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินการธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างครบวงจร Planet ยังลงนามความร่วมมือกับบริษัท Beep technologies (Voltality) ผู้ให้บริการโซลูชั่น plug-and-play ชั้นนำจากประเทศสิงคโปร์ ในการติดตั้งอุปกรณ์ POS สำหรับเชื่อม EV charger ทุกชนิด เข้าในระบบการชำระเงินเดียวกัน (Single payment platform) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันขยายธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฯ รับรางวัล บุคคลต้นแบบ ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์นำทีมตำรวจคว้าหลายรางวัล ร่วมต่อการค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในการเปิดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 ณ ห้องฟินิกซ์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค  เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัด นนทบุรี

วัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ ความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป จาก ประเทศไทย หรือ Zero Tolerance รณรงค์เผยแพร่การดำเนินงานต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้แก่ประชาชนภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานส่วนภาครัฐส่วนกลางและส่วนภูมิภาคองค์กรพัฒนาเอกชน องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งสื่อมวลชน  เพื่อผนึกกำลังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับในเวทีระดับสากล

การจัดงานรณรงค์ ในวันนี้ ได้กำหนดหัวข้อหลักภายใต้แนวคิด TOGETHER WECAN หยุด ค้า คน เมื่อสื่อถึงการรวมพลังทุกภาคส่วนในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย โดย มีผู้เข้าร่วมงานจากหน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชน และภาคประชาสังคมที่มีบทบาทในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์จำนวนมากรวมทั้งผู้แทนจากองค์การระหว่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตหลายประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์เพื่อร่วมเป็นเกียรติในการมอบรางวัลให้แก่กับผู้ที่ได้คัดเลือกจากหน่วยงานทุกภาคส่วนทั่วประเทศ

ประกอบด้วยการมอบโล่เกียรติยศ รางวัลบุคคลต้นแบบ ซึ่งเป็นรางวัลที่ต้องมีประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์มากกว่า 10 ปีมีจำนวน 2 รางวัลได้แก่ พล .ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ. ตร และ นายประวิทย์ ร้อยแก้ว ลองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีการค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด รางวัลบุคคลดีเด่น โดยเป็นปีแรกที่มีการมอบรางวัลนี้มี 15 รางวัล เช่น พ ต .ภาคภูมิ พิศมัย รองผบก สส .ภ.4.หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิด ทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต พ.ต.อ ปรเมษฐ โพยนอก ผกก 7 ตรน้ำ นางสาวณัฐกานต์ โนรี ผู้จัดการโครงการสปริงมูลนิธิการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม รางวัลหน่วยงานดีเด่น จำนวน 6 หน่วยงาน เช่น ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ 
และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศพดส ตร และรางวัล จังหวัดต้นแบบตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ National. Referral Mechanism จำนวน 3 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 26 รางวัล

พล .ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานวันรณรงค์การต่อต้านการค้ามนุษย์ในวันนี้และได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลบุคคลต้นแบบรวมทั้งยังเป็นผู้แทน ศพดส ตร. ในการรับรางวัลหน่วยงานดีเด่นในปีนี้เป็นความภาคภูมิใจหลังจากได้ทำงานในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์มาอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณพี่น้องตำรวจทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำงานในการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมาและขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมมือการในการประสานงานพัฒนาแนวทางการทำงานร่วมกันทำงานทำงานในการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมาและขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมมือการในการประสานงานพัฒนาแนวทางการทำงานร่วมกันในการบังคับใช้กฎหมายและช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หลังจากนี้จะยังคงทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับทุกท่านเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ เทียร์1ให้ได้ต่อไป

‘เกาเข่า’ การสอบวัดผลที่ชี้ชะตานักเรียน ม.ปลายจีนทั้งประเทศ เด็กนักเรียนเกือบ 13 ล้านคน พากันตบเท้าเข้าสนามสอบวันนี้

(7 มิ.ย. 66) เริ่มฤดูการสอบ ‘เกาเข่า’ (高考) หรือ การสอบวัดผลเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาของจีนแล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นการสอบใหญ่ระดับประเทศ เพื่อชี้ชะตาของเด็กมัธยมปลายของจีนที่จะต้องแข่งขัน เพื่อเข้าเรียนต่อในสถาบันการศึกษาชั้นนำในฝันได้หรือไม่

โดยในปีนี้ การสอบจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน 2566 หรืออาจมีบางพื้นที่ห่างไกลที่ต้องใช้เวลานานกว่านั้นบ้าง ด้านกระทรวงศึกษาธิการจีนรายงานตัวเลขจำนวนนักเรียนที่เข้าสอบเกาเข่าในปีนี้สูงถึง 12.9 ล้านคน ซึ่งมากกว่าตัวเลขของปีที่แล้ว (2022) ถึง 9.8 แสนคน

บรรยากาศในวันสอบเป็นไปด้วยความคึกคักแต่เช้ามืด มีทั้งนักเรียน และผู้ปกครอง เดินทางมายังสนามสอบกันอย่างคับคั่ง แม้บุตรหลานของตนจะเดินเข้าห้องสอบไปแล้ว ก็ยังยืนรอส่งกำลังใจให้อยู่ด้านนอกอาคาร เพื่อส่งกำลังใจให้ ด้วยความหวังว่าการเตรียมตัวอย่างหนักมาตลอดทั้งปี จะสัมฤทธิ์ผลในการสอบที่ใช้เวลาไม่กี่วัน

โดยทั่วไปแล้ว การสอบเกาเข่า จะคล้ายกับการสอบ Entrance บ้านเราในสมัยก่อน ที่ตัดสินกันในสนามเดียวในการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย โดยการสอบเกาเข่า จะประกอบด้วยวิชาบังคับ ได้แก่ ภาษาจีน คณิตศาสตร์ และ ภาษาต่างประเทศ (มักเป็นภาษาอังกฤษ) กับ วิชาเฉพาะทาง สำหรับนักเรียนสายวิทย์ ที่จะมีสอบวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ส่วนนักเรียนสายศิลป์ จะแยกสอบวิชาประวัติศาสตร์ สังคมการเมือง ภูมิศาสตร์ และอื่นๆ

แต่ละสาย จะมีคะแนนรวมทั้งหมด 750 คะแนน ซึ่งหากนักเรียนที่คาดหวังที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของจีน หรือระดับสถาบันกลุ่ม C9 League ควรทำคะแนนให้ได้อย่างน้อย 600 คะแนนขึ้นไป ซึ่งถึงว่ายากมาก

จากข้อมูลจากการสอบในมณฑลกวางต่งปี 2022 ที่ผ่านมาพบว่า มีผู้เข้าสอบเพียง 3% เท่านั้นที่สามารถทำคะแนนได้เกิน 600 ในขณะที่กลุ่มสถาบันระดับท็อปของจีน เปิดรับนักเรียนใหม่ได้เพียงแค่ 50,000 ที่นั่งต่อปีเท่านั้น คิดเป็นเพียง 0.4% ของจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด

และด้วยผลพวงของการล็อคดาวน์หลายเมืองในช่วงการระบาด Covid-19 ทำให้ตัวเลขผู้เข้าสอบเกาเข่าในปีนี้ เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่จีนประกาศยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ และ เปิดประเทศ อันเนื่องจากข้อจำกัดในการเรียนออนไลน์ จึงมีนักเรียนจำนวนมากเรียนไม่ทัน ต้องรอข้ามปีเพื่อมาลงสนามสอบในปีนี้

ถึงแม้ว่าจะดูโหดร้ายสำหรับนักเรียนจีน ที่ต้องถูกกดดันอย่างหนักในการเรียนหนังสือ และกวดวิชา จนหลายคนยอมสละช่วงชีวิตวัยรุ่นในการคร่ำเคร่งเรียนหนังสือ โดยมีเป้าหมายเพื่อประสบความสำเร็จในการสอบเกาเข่า ที่อาจเป็นรากเหง้าประเพณีของระบบการศึกษาจีนที่มีมานานกว่า 2000 ปี แต่จีนก็เปิดกว้างสำหรับผู้ที่ต้องการสอบเกาเข่า สามารถเข้าสอบกี่ครั้งก็ได้ไม่จำกัดอายุ ตราบใดที่ยังมีไฟในการเรียนในมหาวิทยาลัย

อาทิ นาย เหลียง ฉี หนุ่มใหญ่วัย 55 ปีชาวเฉิงตู ที่มุ่งมั่นสอบเกาเข่า ติดต่อกันมาแล้วถึง 26 ครั้งเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเสฉวน หนึ่งในสถาบันชื่อดังของจีน ที่ต้องมีคะแนนรวมเกาเข่าสูงถึง 605 คะแนนในปีที่ผ่านมา โดยเขาตั้งเป้าว่าจะสอบให้ผ่านเพื่อให้ได้ตอบรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเสฉวนสักครั้งในชีวิต แม้ว่าวันนี้ตัวเขาจะเป็นเจ้าของกิจการขายวัสดุก่อสร้างไปแล้วก็ตาม จนชาวเน็ตจีนตั้งฉายาให้เขาเป็น ‘ราชาแห่งเกาเข่า’ ที่ไม่เคยยอมแพ้แม้จะล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน

จะเห็นได้ว่า ชาวจีนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตรหลานเสมอ และอยากให้มีโอกาสได้เรียนต่อในสถาบันที่ดีที่สุด และระดับสูงที่สุดเท่าที่ความสามารถจะไปถึง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง และรัฐบาลจีนควรต้องเร่งแก้ปัญหาคือ อัตราการว่างงานในจีนกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาจบใหม่

จากตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า อัตราการว่างงานของนักศึกษาจบใหม่ในวัย 16 - 24 ปี ในเขตชานเมืองเพิ่มขึ้นถึง 20.4% จากจำนวนนักศึกษาจีนจบใหม่ต่อปี ราวๆ 11 ล้านคนต่อปี ทำให้นักศึกษาเป็นจำนวนมากต้องลงมาหางานทำในตำแหน่งที่ต่ำกว่าวุฒิการศึกษาของตน ที่นำไปสู่ปัญหาวุฒิการศึกษาเฟ้อ หรืออาการหมดไฟในชีวิตของหนุ่มสาววัยทำงานของจีนในอนาคต

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top