Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

ลิซ่า BLACKPINK ใส่ผ้าซิ่นเที่ยวอยุธยาสวยสง่างามอย่างไทย

โดยหลังจาก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK บินลัดฟ้ามาทำงานที่เมืองไทย ก็ได้มีโอกาสอยู่เที่ยว พักผ่อนกับครอบครัว และได้แวะเที่ยวจังหวัดอยุธยา

โดยเก็บภาพถ่าย บรรยากาศการเที่ยว อัพเดทลงสื่อ โซเชียล โดยระบุแคปชั่นว่า 'Ayutthaya ' เป็นที่ประทับใจ ของประชาชนชาวไทย ต่างแฟนคลับ หรือพ่อแม่พี่น้อง ชาวเน็ต ต่างรีบจัดหาผ้าซิ่นใส่ไปเที่ยวอยุธยากันตาม ‘ลิซ่า’  

เชื่อว่าวัดดัง จ.อยุธยา จะกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่แฟน ๆ ตามไปปักหมุดเช็คอิน แถมผ้าแซิ่นสวยๆ ก็จะ Sold out กระตุ้นเศรษฐกิจให้กับพ่อค้าแม่ค้าอย่างแน่นอน

‘คิม จองอุน’ กำลังต่อสู้ กับโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง เหตุ เพราะดื่มเหล้า และสูบบุหรี่จัด

สำนักหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของคิม จอง-อุน ผู้นำเกาหลีเหนือ ว่าอาจกำลังเผชิญปัญหาอาการนอนไม่หลับรุนแรง อันเนื่องจากการดื่ม เหล้า และ สูบบุหรี่มากเกินไป

โดย นาย อู ซัง-บุม สมาชิกสภา และ เลขาธิการประจำสำนักหน่วยข่าวกรองแห่งรัฐสภาเกาหลีใต้ ได้ออกมาให้ข่าวกับสื่อเมื่อช่วงวันพุธกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สำนักหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เชื่อว่าตอนนี้ผู้นำคิม จอง-อุน กำลังเผชิญปัญหาด้านการนอนบกพร่อง เข้าขั้นโรคนอนไม่หลับอย่างหนัก

อีกทั้งผู้นำคิมยังเป็นคนที่สูบบุหรี่จัด และดื่มเหล้าหนักเป็นประจำอีกด้วย จากข้อมูลวงใน พบว่าเกาหลีเหนือมีการนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศจำนวนมาก ทั้งแบรนด์ดังอย่าง Marlboro และ Dunhill อีกทั้งขนมขบเคี้ยวชั้นดีที่ไว้กินแกล้มเหล้าอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำเข้าเพื่อจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ในช่วงที่ประเทศกำลังประสบภาวะขาดแคลนอาหาร
และไม่ได้แค่แอบล้วงข้อมูลวงในเท่านั้น ยังมีการใช้ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ผู้นำเกาหลีเหนือไปปรากฏตัว และชี้ว่า ผู้นำโสมแดงมีน้ำหนักเพิ่มกว่าเดิมมาก และน่าจะหนักถึง 140 กิโลกรัมแล้วในตอนนี้ 

และยังมีข่าวกรองหลุดมาอีกว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในเกาหลีเหนือกำลังรวบรวมข้อมูลทางการแพทย์ ในการรักษาอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง รวมถึงการใช้ยา Zolpidem  หนึ่งในยากล่อมประสาทที่ใช้ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ ทางหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้จึงมั่นใจว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ เข้าสู่วังวนปัญหาสุขภาพที่น่าเป็นห่วง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่จัด ที่มีผลต่ออาการนอนไม่หลับของเขา และพบว่า ล่าสุด คิม จอง-อุน ปรากฏตัวออกสื่อด้วยใต้ตาที่ดำคล้ำจากการอดนอน และน่าจะใช้ยาจำพวก Zolpidem ในการรักษา ซึ่งมีผลข้างเคียงต่อกับผู้ใช้ที่มีนิสัยดื่มเหล้าด้วยเป็นประจำด้วย

และอาจเป็นสาเหตุที่ผู้นำเกาหลีเหนือต้องงดภารกิจสำคัญหลายงานในช่วงเวลานี้ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการบริหารกิจการภายในประเทศที่กำลังประสบปัญหาข้าวยากหมากแพง ส่งผลให้มีคดีอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก รวมถึง อัตราการเสียชีวิตจากความอดอยาก เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดิมของปีที่ผ่านมา 

มีข้อมูลที่น่าตกใจกว่านั้นคือ อัตราการฆ่าตัวตายของคนเกาหลีเหนือก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 40% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับในยุคสมัยของผู้นำคิม จอง-อุน ซึ่งรัฐบาลเปียงยางเคยประกาศว่าการฆ่าตัวตาย เป็นการกระทำที่ทรยศต่อระบอบสังคมนิยม และมักถูกเรียกว่า "ความป่วยไข้" ที่อาจลุกลามในสังคมเกาหลีเหนือ ทางรัฐบาลจึงออกคำสั่งให้จำกัดการเดินทางเข้า และ ออกจากกรุงเปียงยาง ที่ทางเกาหลีเหนืออาจเชื่อว่าจะสามารถสกัด ข้อมูล หรือแนวความคิดในการทำอัตวินิบาตกรรมไม่ให้กลายเป็นกระแสในเกาหลีเหนือ ไม่แน่ใจว่า การจำกัดการเดินทางเข้าออกกรุง ของชาวเกาหลีเหนือ จะช่วยเรื่องการระบาดของ "ความป่วยไข้" ที่ว่านี้ได้หรือไม่

เพราะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับ แต่เรื่องพฤติกรรมการดื่มเหล้า และสูบบุหรี่จัด มีผลต่ออาการนอนไม่หลับนั้น มีหลักฐานทางการแพทย์หลายชิ้นพิสูจน์ว่ามีความเชื่อมโยงกันจริง ๆ ยิ่งดื่มมาก สูบจัด ยิ่งมีผลเสียต่อคุณภาพการนอนหลับพักผ่อน 

ดังนั้นก่อนที่จะคิดวิเคราะห์ไปไกล ถึงความเป็นไปได้ในการสร้างดาวเทียมสอดแนม ขีปนาวุธพิสัยข้ามทวีป หรือวิธีสกัดการระบาดของอาการ"ป่วยไข้" ในสังคมเกาหลีเหนือ ลองย้อนมาแก้ปัญหาด้วยหลักเหตุผลในเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด อย่างสุขภาพของตนเอง ให้สำเร็จก่อน น่าจะดีกว่า

‘เพนกวิน’ โพสต์เดือด เคยมีผลงานทางวิชาการ ตีพิมพ์ พร้อมขอแสดงความไว้อาลัย ต่อผู้บริหาร ม.นเรศวร

นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรมทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่ถูกยกเลิกการเชิญไปเป็นองค์ปาฐกในงานประชุมวิชาการนักศึกษาระดับปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีใจความว่า ...

เรียน สลิ่มทุกท่าน
เนื่องจากได้มีสลิ่มหลายท่านกังวลเรื่องว่าตัวผมได้รับเชิญไปเป็นองค์ปาฐกในงานประชุมวิชาการนักศึกษาระดับปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จนเป็นเหตุให้สลิ่มเหล่านี้ต้องไปดีดดิ้นกดดันผู้จัดจนทางผู้จัดเขาต้องยกเลิกงาน ขอชี้แจงต่อไปนี้
ผมไม่เคยเรียกตัวเองต่อสาธารณะว่าเป็นนักวิชาการ ส่วนใครจะเรียกผมเป็นนักวิชาการเป็นความเชื่อถือของท่านผู้ให้เกียรติเรียกผมเช่นนั้น แต่ที่มีสลิ่มบางท่านโจมตีผมว่าไม่มีผลงานทางวิชาการนั้น เป็นข้อมูลเท็จ เนื่องจากผมได้เคยตีพิมพ์บทความทางวิชาการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ล้านนาไว้ในหนังสือ Undergrad Review หนึ่งชิ้นเมื่อสมัยผมอยู่มัธยมปลาย และขณะนี้ก็ได้รับการตอบรับตีพิมพ์บทความจากวารสารประวัติศาสตร์ธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลวารสารวิชาการ TCI มีกำหนดเผยแพร่เดือนกรกฎาคมนี้ 

นอกจากนี้ ผมมีคอลัมน์ “ของบ่เล่ารู้ลืม” ของเว็บ The101.world เป็นบทความค้นคว้าอิสระและข้อคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ล้านนา ทุกท่านสามารถเข้าไปอ่านผลงานได้ และผมทำรายการประวัติศาสตร์ราษฎรเป็นประจำทุกสุดสัปดาห์ ในส่วนนี้ หากจะถือเป็นการค้นคว้าวิชาการอิสระก็ได้ แต่ถ้าไม่นับก็ไม่เป็นไร

ดังนั้น หากสลิ่มจะโจมตีผมว่าไม่มีผลงาน กรุณาใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ยกเว้นว่าถนัดจะใช้ข่าวปลอมหลอกลวงกล่อมประสาทสลิ่มด้วยกันไปเรื่อย ๆ ก็สุดแท้แต่ อนึ่ง แม้ผมจะยังไม่ได้จบปริญญาโทปริญญาเอก แต่โปรดระลึกว่า บุคคลในดวงใจของพวกคุณที่ชื่นชมว่าเชี่ยวชาญศาสตร์สาขาสารพัดหนักหนานั้น ก็ไม่ได้จบแม้กระทั่งปริญญาตรีแต่อย่างใด
ส่วนผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวรที่มีปัญหากับการเชิญผมไปบรรยายแต่ไม่มีปัญหากับการเชิญทหารเข้าไปบรรยายนั้น ขอแสดงความไว้อาลัยไว้ล่วงหน้า พวกท่านเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ไปแล้ว หรือเรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่าเป็นกะโหลกกะลานั่นเอง
ด้วยรักและเคารพยิ่ง
เพนกวิน
 

สหรัฐฯ ส่งฝูงบิน F-16 ปฏิบัติการไล่ล่าเครื่องบินเล็ก ก่อนจะพบ ตกอยู่ที่ เขตป่าสงวนแห่งชาติจอร์จวอชิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย

กองทัพสหรัฐฯ ส่งฝูงบิน F-16 ออกไล่ติดตามเครื่องบินเล็กซึ่งละเมิดน่านฟ้ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยไม่มีสัญญาณตอบรับจากนักบิน และต่อมาเครื่องบินลำดังกล่าวได้ไปตกบริเวณเขตภูเขาในรัฐเวอร์จิเนีย 

ปฏิบัติการไล่ตามเครื่องบินเล็ก Cessna Citation ของฝูงบินขับไล่สหรัฐฯ ได้ก่อให้เกิดเสียงโซนิกบูมดังกระหึ่ม สร้างความแตกตื่นต่อประชาชนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

ด้านกองบัญชาการป้องกันทางอากาศและอวกาศประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือ (NORAD) แถลงว่า กองทัพสหรัฐฯ พยายามที่จะส่งสัญญาณติดต่อนักบินผู้ควบคุมเครื่อง แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง และต่อมาเครื่องบิน Cessna ลำนี้ได้ไปตกบริเวณภูเขาภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติจอร์จวอชิงตัน ที่รัฐเวอร์จิเนีย

แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า เครื่องบินลำนี้ดูเหมือนจะอยู่ในโหมดบินอัตโนมัติ (autopilot) ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่าปฏิบัติการของฝูงบิน F-16 ไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้เครื่องบินเล็กลำนี้ตก

ข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบิน Flight Aware พบว่า เครื่องบิน Cessna ลำนี้จดทะเบียนโดยบริษัท Encore Motors of Melbourne Inc. ในรัฐฟลอริดา ขณะที่แหล่งข่าวเผยว่ามันมีผู้โดยสารอยู่บนเครื่องทั้งหมด 4 คน ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องบินเล็กรุ่นนี้สามารถจุผู้โดยสารได้ระหว่าง 7-12 คน

จอห์น รัมเพล เจ้าของบริษัท Encore ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า บุตรสาว หลาน และพี่เลี้ยงของหลานอยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว

“เรายังไม่ทราบเรื่องเครื่องบินตกเลย ตอนนี้กำลังติดต่อไปที่ FAA (องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ) อยู่” รัมเพล ให้ข้อมูลกับวอชิงตันโพสต์ทางโทรศัพท์ ก่อนที่จะตัดสายไป

FAA แถลงว่า เครื่องบิน Cessna ลำนี้เดินทางออกจากสนามบิน Elizabethton Municipal Airport ในรัฐเทนเนสซี และกำลังมุ่งหน้าไปที่สนามบิน MacArthur Airport ที่ลองไอแลนด์ รัฐนิวยอร์ก ซึ่งอยู่ห่างจากแมตฮัตตันไปทางตะวันออกประมาณ 80 กิโลเมตร โดยตามข้อมูลของ Flight Aware พบว่ามันเดินทางไปถึงพื้นที่นิวยอร์ก ก่อนจะหันหัวกลับเกือบ 180 องศา และไปประสบอุบัติเหตุตกที่รัฐเวอร์จิเนีย

ตำรวจรัฐเวอร์จิเนียได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามค้นหาซากเครื่องบินลำนี้ และล่าสุดมีรายงานยืนยันว่า ไม่พบผู้รอดชีวิต

ชาวกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หลายคนโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์วานนี้ (4 มิ.ย.) ว่าพวกเขาได้ยินเสียงโซนิกบูมจากเครื่องบินขับไล่ ซึ่งดังสนั่นจน “พื้นและกำแพงบ้านสะเทือน” ขณะที่หลายคนบอกว่าเสียงนั้นดังไปไกลจนถึงตอนเหนือของรัฐเวอร์จิเนียและแมริแลนด์

จีน แนะ ซาอุฯ - อิหร่าน - อิรัก - UAE - กาตาร์ - บาห์เรน ผนึกกำลัง สร้างพันธมิตรกองทัพเรือร่วมกัน เพื่อความมั่นคง

อัล จาดีด สำนักข่าวตะวันออกกลางรายงานว่า ประเทศในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย ได้แก่ ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตท์ (UAE) กาตาร์ และ บาห์เรน กำลังวางแผนที่จะสร้างพันธมิตรกองทัพเรือร่วมกัน เพื่อความมั่นคงในการคมนาคมขนส่งในตะวันออกกลาง โดยมีจีนทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาครั้งนี้ 

ข่าวนี้ ได้รับการยืนยันจากกองทัพเรืออิหร่าน เมื่อ พลเรือตรี ผบ.ทร ชาห์ราม อิรานี ได้กล่าวออกสื่อโทรทัศน์ในอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า อิหร่านยินดิที่จะเข้าร่วมพันธมิตรกองทัพเรือกับชาติอื่นในตะวันออกลาง และหากทำสำเร็จ อาจมีการรวมกองทัพเรือของอินเดีย และ ปากีสถาน มาร่วมด้วย

พลเรือตรี ชาห์ราม อิรานี ได้กล่าวเสริมว่า ประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้เล็งเห็นแล้วว่า การผนึกกำลังร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างความมั่นคงในดินแดนแถบนี้ได้ 

และนับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของจีน ในฐานะคนกลางในการเจรจาสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนมีนาคม จีนสามารถพาคู่พิพาทระหว่างซาอุดิอารเบีย และ อิหร่าน กลับมาจับมือ และ สานสัมพันธ์ทางการทูตได้อีกครั้งหลังจากที่บาดหมางกันมานานหลายสิบปี 

ทำให้นักวิเคราะห์ที่เฝ้าสังเกตการในตะวันออกกลางมองว่า จากการที่จีนประสบความสำเร็จในการจัดการกับข้อพิพาทระหว่างชาติในตะวันออกกลางด้วยแผนการร่วมมือในเชิงเศรษฐกิจ และ ความมั่นคงเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียอย่างชัดเจน ในขณะที่อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาเริ่มอ่อนจางไป 

และเห็นได้ชัดเจนยิ่งขี้น จากการที่ UAE ได้ถอนตัวออกจากกลุ่มกองกำลังร่วมทางทะเลที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ที่มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยในย่านอ่าวเปอร์เซียที่เป็นเส้นทางการค้าน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งโลก ก่อนที่จะมีข่าวว่าเข้าร่วมในพันธมิตรกองทัพเรือที่เป็นแผนการของจีนในอีก 2 วันต่อมา 

แต่การประกาศร่วมมือกันในการสร้างกองทัพเรือของประเทศพันธมิตรในตะวันออกกลาง ที่มีอิหร่านร่วมด้วย สร้างความไม่พอใจแก่อิสราเอล ที่เคยพยายามกดให้ชาติพันธมิตรตะวันออกลางร่วมโดดเดี่ยวอิหร่าน ด้วยข้อกล่าวหาว่าอิหร่านแทรกซึม และสนับสนุนองค์กรก่อการร้าย อย่างกลุ่ม ฮิซบอลลาห์ ในเลบานอน หรือกลุ่มกบฎฮูตี ในเยเมน และอาจมีปัญหากับสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน เนื่องจาก กลุ่ม  Iranian Revolutionary Guard Corps หรือ กองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอิหร่านถูกขึ้นทะเบียนเป็นกลุ่มก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา

อีกทั้งยังเป็นการท้าทายอำนาจของสหรัฐอเมริกาโดยตรง อันเนื่องจากสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรทางการค้ากับอิหร่าน และกดดันประเทศพันธมิตรในการซื้อ-ขายน้ำมันจากอิหร่าน แต่เมื่อจีนได้พาอิหร่านมาจับมือกับชาติมหาอำนาจในตะวันออกกลางได้ ก็จะเปิดช่องทางการค้าให้กับอิหร่านอย่างเปิดเผย รวมถึงการสร้างความมั่นคงปลอดภัยในเส้นทางขนส่งทางทะเลผ่านแผนการสร้างพันธมิตรกองทัพเรือ ก็จะยิ่งลดบทบาทของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้ลงไปเรื่อยๆ 

แต่ถึงแม้กลิ่นสันติภาพจะแรงในตะวันออกกลาง แต่บรรยากาศในทะเลจีนใต้ยังคงคุกรุ่น เมื่อจีนพยายามที่จะสร้างอิทธิพลในตะวันออกกลาง แต่กับไต้หวัน ดินแดนใกล้ตัว กำลังอ่อนไหวพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ อันเนื่องจากเขตพื้นที่ในตะวันออกกลาง สหรัฐฯ อาจยอมที่จะหลับตาข้างหนึ่งไปก่อน เพราะกำลังเปลี่ยนเป้าสายตามาลงที่ย่านอินโด-แปซิฟิค นั่นเอง 

น.ศ. ‘หลักสูตรนักบริหารการงบประมาณระดับสูง’ ลงพื้นที่เก็บข้อมูล เพื่อหาแนวทาง จัดการกับภัยพิบัติอย่างยั่งยืน

วันที่ 4-5 มิถุนายน 2566 นักศึกษา "หลักสูตรนักบริหารการงบประมาณระดับสูง (นงส.) รุ่นที่ 10 กลุ่มไข่มุก" ลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลงานวิจัย เรื่อง "แนวทางการบริหารงบประมาณด้านภัยพิบัติแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน" กรณีศึกษาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และจังหวัดชุมพร

ในการนี้ นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัด (พี่ดวง กลุ่มบุษราคัม) ให้การต้อนรับ และให้ข้อมูลภาพรวมการดำเนินการของจังหวัด

กลุ่มไข่มุก นำโดยนายนพพร อุสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร ได้ร่วมสัมภาษณ์ หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจน ผู้บริหาร สมาชิก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  ภาคเอกชน สถานศึกษา และประชาชน ในพื่นที่อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม รวมถึงปัญหาด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่ ซึ่งได้รับความร่วมมือในการสะท้อนปัญหาและให้ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาพื้นที่เป็นอย่างดียิ่ง

เขตพื้นที่อำเภอท่าแซะ โดยเฉพาะตำบลนากระตาม เป็นพื้นที่ลุ่ม ได้รับผลกระทบอุทกภัยน้ำท่วมมากที่สุด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่รับน้ำจากคลองท่าแซะและคลองรับล่อ ซึ่งเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ได้รับความเสียหายและผลกระทบมากหรือน้อย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในแต่ละปีมีปริมาณน้ำฝนมากหรือน้อย 

จากการสัมภาษณ์พบว่า แนวทางการป้องกันเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม ประชาชนเสนอขุดลอกคลองเพื่อช่วยระบายน้ำ ลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนรวมถึงพืชผลทางการเกษตร การดำเนินการแก้ปัญหาจะเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการงบประมาณของภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

นอกจากผลกระทบจากอุทกภัยแล้ว เมื่อน้ำได้ไหลลงสู่ทะเลแล้ว แม่น้ำ ลำคลอง ก็จะแห้ง เนื่องจากไม่มีเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำ หรือฝายชะลอน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้อุปโภคบริโภค และใช้เพื่อการเกษตรหลังฤดูฝน "เกษตรกรสวนทุเรียน ต้องจ้างรถขนน้ำไปรดต้นทุเรียนในช่วงหน้าแล้ง" เกษตรกรกล่าว 

ปัญหาเรื่องน้ำ ต้องมีการบริหารจัดการร่วมกันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน เกษตรกร อาทิ สทนช. กรมชลประทาน จังหวัด อบจ. อบต. พื้นที่ส่วนใหญ่ในท่าแซะเป็นพื้นที่ป่า ต้องมีการบูรณาการในพื้นที่อย่างจริงจัง และสร้างการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน
"น้ำมามาก ก็ท่วม น้ำลงทะเลหมด ก็แล้ง" ผู้นำท้องถิ่นกล่าว
 
ดังนั้น หากจะก่อนสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝายกั้นน้ำ จะอยู่ในพื้นที่ป่า และพื้นที่เกษตรกร แนวทางเบื้องต้นที่ได้จากพื้นที่อาจต้องมีการบริหารงบประมาณแบบกระจายลงสู่เชิงพื้นที่ การปรับแก้กฎหมาย ให้อำนาจจังหวัด หรือท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งผลจะสรุปอย่างไร ทางกลุ่มจะสรุปและนำเสนอต่อสำนักงบประมาณ เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงบประมาณด้านภัยพิบัติแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน ต่อไป

เปิดดีลลับ ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน สถานการณ์เปลี่ยน โจทย์ประเทศเปลี่ยน..!!

ยืนยันผ่านรายการ “คุยแหลก  แดกดึก”  ของคุณเธอ..มดดำ    ว่ายังไงๆก็จะกลับประเทศไทยในเดือน ก.ค. คือเดือนหน้านี้...

และเมื่อ 4 มิ.ย.  คุณลูก..อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร   ชินวัตร  ก็ตอบคำถามนักข่าวกลางขบวนงานBangkok Pride  Parade ว่าคุณพ่อจะกลับมาแน่แต่ยังไม่กำหนดวันและรายละเอียดการเดินทาง..

ครับ เล็ก เลียบด่วน กำลังพูดถึงคุณทักษิณ ชินวัตร  นักโทษหนีคดีที่เดินทางออกจากประเทศไทยอ้างว่าไปดูกีฬาโอลิมปิก ปักกิ่งเกมส์ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2551.. สิริรวม 15 ปีแล้ว..แต่ไม่ยอมกลับประเทศทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครห้าม.. ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีว่าถ้ากลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมคือติดคุก ซึ่งตอนนี้ทักษิณมีคดีถึงที่สุดแล้ว 3 คดี รวมโทษ 10 ปี  และยังมีคดีที่อยุ่ระหว่างการพิจารณาอีก 2-3 คดี..

แต่ก่อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค.และหลังเลือกตั้ง  “ทักษิณ” ประกาศย้ำว่าจะขอกลับบ้านเพื่อเลี้ยงหลาน 7 คนโดยจะยอมรับโทษหรือติดคุก...คำประกาศนี้ทำเอาหลายคนช็อคซีนีมา  แต่หลายคนก็เฉยๆ บอกว่าต่อให้อมโบสถ์มาพูดก็ไม่เชื่อ เพราะทักษิณพูดว่าจะกลับบ้านมา 20 กว่าครั้งแล้ว...

สำหรับเล็ก  เลียบด่วน  แม้จะออกอาการไปทางไม่ค่อยเชื่อ  แต่เมื่อพิจารณาเหตุปัจจัยทางการเมิองรอบนี้แล้วก็ต้องบอกว่า  เงื่อนไขและสภาพการณ์ทางการเมืองมันเอื้ออำนวยอยู่ไม่น้อยที่จะทำให้คนแดนไกลได้ฉวยใช้โอกาสกลับบ้าน...

สถานการณ์วันนี้ผู้คนในสังคมพยายามก้าวข้ามหรือสลายสีเสื้อ  และกล่าวสำหรับฝ่ายอนุรักษ์นิยมเองก็ไม่ได้มองพรรคเพื่อไทยและทักษิณเป็นตัวอันตรายมากเท่ากับพรรคก้าวไกลที่กำลังคั่วเก้าอี้นายกฯ

ฝ่ายอนุรักษ์นิยมปักธงเชื่อว่าหากก้าวไกลขึ้นเป็นรัฐบาล พวกเขาจะเปิดประตูให้กับสหรัฐฯเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในทั้งด้วยตั้งใจและความหลงผิด อ่อนหัด และจากนั้นจะนำพาไปสู่การลดทอนทำลายสถาบันสำคัญของชาติ..

ดังนั้นกรณีทักษิณ ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้น..แน่นอนที่สุดการกลับบ้านของทักษิณต้องผ่านข้อตกลงลับพิเศษ..ภายใต้การเคารพกระบวนการยุติธรรมคือมาติดคุกในเบื้องต้น แต่ผ่อนคลายเปิดช่องให้ทักษิณได้มีลมหายใจ เห็นแสงสว่างในเบื้องปลายของชีวิต..
“เล็ก  เลียบด่วน”  เคยเล่าให้ฟังแล้วถึงกฎกระทรวง 2 ฉบับเมื่อปี 2563 ที่อาศัยพ.ร.บ. ราชทัณฑ์ ปี 2560 ออกมาเพื่อเปิดทางให้มีสถานคุมขังพิเศษตามที่กำหนด บางคนถึงขั้นบอกว่าเป็นคุกแบบเซฟเฮ้าส์..ทักษิณกลับมาอาจได้ใช้บริการ

แต่ที่เหนือกว่านั้น..แหล่งข่าวฟันธงว่าถ้าถึงขั้นยอมติดคุก แสดงว่ามีข้อตกลง มีหลักประกันที่จะเปิดโอกาสให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่  และทักษิณก็จะใช้สิทธิในตัวออกไปเลี้ยงหลาน...หรือยิ่งกว่านั้นอาจจะขอแก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี..เพื่อเปิดทางให้ทักษิณแคล้วคลาด...

ไว้โอกาสหน้า เล็ก เลียบด่วน ค่อยกล่าวถึงรายละเอียดและเทคนิคทางกฎหมายอีกครั้ง...เอาเป็นว่าวันนี้ดังที่กล่าวมาคือช่องทางของคนแดนไกล...แต่ดีลลับดีลพิเศษนี้จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อการเมืองถึงทางตัน การจัดตั้งรัฐบาลก้าวไกลไปต่อไม่ได้ พรรคเพื่อไทยต้องยอมเจ็บปวดย้ายขั้วสลับข้างมาร่วมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม และยินยอมให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ ดังที่เล็ก เลียบด่วน ได้วิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้
สวัสดีครับ

‘นพ.กวิน’ โพสต์ข้อความเตือนสติ ‘หมอรุ่นน้อง’ ให้เข้าใจถึงความเสียสละ และเพื่อนร่วมวิชาชีพอื่น ในโรงพยาบาล

นายแพทย์กวิน ก้านแก้ว แพทย์ผู้อุทิศตนให้กับการรักษาคนไข้โดยไม่เคยย่อท้อ ได้โพสต์ข้อความ ในฐานะ ‘หมอรุ่นพี่’ ถึง ‘หมอรุ่นน้อง’ ที่ประกอบวิชาชีพแห่งการเสียสละเหมือนกัน โดยได้อธิบายถึงความยากลำบากของทุกคนในโรงพยาบาล ไม่เฉพาะแต่วิชาชีพหมอเท่านั้น โดยมีใจความว่า ...

เห็นข่าวแพทย์ลาออกแล้วอยากจะแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เป็นหมอมาแล้ว 30 ปีว่าเป็นเพราะหมอสมัยนี้หลายคน "เปราะบาง" เกินไป

สมัยก่อนตอนเป็น Extern หรือนิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 6 บางวอร์ดต้องมาทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า บางวอร์ดผ่าน 1 เดือนให้อยู่เวรนอกเวลาราชการทุกวัน เลือกวันหยุดไม่ต้องอยู่เวรได้สัปดาห์ละ 1 วัน นอนหออยู่กันห้องละ 4-6 คน ไม่มีแอร์ ห้องน้ำรวม บางหอเป็นเตียงสองชั้น ตอนจบมาทำงานใหม่ๆชีวิตก็ดีขึ้นนิดนึง

บางคนอาจจะบอกว่าอย่าเปรียบเทียบกับสมัยก่อนสิ งั้นขอให้เปรียบเทียบกับบุคลากรวิชาชีพอื่นในโรงพยาบาลแล้วกัน พูดกันตามตรง หมอคือตัวตึงสุดของโรงพยาบาลแล้ว ในโรงพยาบาลรัฐถ้าหันไปมองดูเพื่อนร่วมวิชาชีพ เช่น พยาบาล ความก้าวหน้า ภาระงาน ค่าตอบแทน สวัสดิการ ห่างไกลจากหมอแบบไม่เห็นฝุ่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ หมอสามารถขึ้นถึงระดับเชี่ยวชาญซึ่งเทียบเท่ากับรองอธิบดีได้โดยไม่ต้องเป็นผู้บริหาร เงินเดือนและค่าตอบแทนถึงแม้จะน้อยกว่าหมอภาคเอกชนอย่างมากแต่ก็ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับข้าราชการสายอื่น

ความเปราะบางทางจิตใจเป็นอีกปัญหาหนึ่ง อาชีพหมอคือการทำงานกับชีวิตคนกับความเป็นความตาย ความบกพร่องจึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆขำๆที่เหมือนพิมพ์เอกสารผิดแล้วต้องเอากลับไปพิมพ์ใหม่ การตำหนิว่ากล่าวจึงเป็นเรื่องปกติที่สมควรต้องยอมรับกันให้ได้และจะว่าไปมันคือการฝึกฝนประสบการณ์เพื่อให้ลดความผิดพลาดของการทำงานในอนาคต ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาดการถูกว่ากล่าวคือการช่วยให้จดจำและไม่ทำผิดซ้ำอีก

บางคนอยากเป็นหมอเพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่รวยและสบาย แต่กว่าจะรวยและสบายควรต้องทำตัวเองให้มีคุณค่าสมกับสถานะตรงนั้น การทำงานหนักในช่วงแรกของชีวิตคือหนึ่งในการเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานซึ่งหมอที่มีคุณภาพทุกคนต้องเคยผ่านมันมาแล้ว

ทุกวันนี้ผมพอใจในเงินเดือน ค่าตอบแทน และสถานะการทำงานของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะต้องอยู่เวรนอกเวลาราชการตั้งแต่ 16.30-08.30 น.เดือนละ 7-8 วันทั้งที่อายุมิใช่น้อยแล้วก็ตาม ผมคิดว่าทุกวันนี้หมอในโรงพยาบาลรัฐได้รับอภิสิทธิ์เหนือวิชาชีพอื่นมากเกินพอแล้ว ถ้าให้พูดตรงๆคือ อยากเป็นหมอก็ต้องอดทนบ้าง และอย่ามองแต่ปัญหาของตัวเองบุคลากรสาธารณสุขวิชาชีพอื่นรวมถึงสายสนับสนุนก็สมควรได้รับการเหลียวแลและช่วยเหลือให้มากกว่านี้ เพราะโรงพยาบาลไม่ได้มีแต่หมอ แต่คือทีมที่ทำงานร่วมกัน การดูแลทุกข์สุขของทุกคนในทีมย่อมส่งผลให้การบริการของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นครับ
 

แก้ไขปัญหาขาดแคลนกำลังพลของโรงพักเมื่อมีการชุมนุม และฝึกเตรียมความพร้อมงานตำรวจของ นสต. ทั้งนี้ หากอยู่ครบวาระ จะได้รับการแต่งตั้งไปประจำสถานีตำรวจ

วันนี้ (6 มิ.ย.66 ) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีแนวทางจัดกำลังในตำแหน่งควบคุมฝูงชน ว่า

ในห้วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีภารกิจในการดูแลและบริหารจัดการการชุมนุมสาธารณะในหลายพื้นที่ หลายการชุมนุมขนาดใหญ่ จะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศมาปฏิบัติหน้าที่

ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน เสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุม มีแนวโน้มสูงขึ้น และอาจมีระยะเวลาการชุมนุมติดต่อกันยาวนาน อันอาจส่งผลกระทบให้ขาดแคลนกำลังพลในสถานีตำรวจต่างๆ การปฏิบัติหน้าที่ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเจ้าหน้าที่สายตรวจ สืบสวน จราจร หรืองานต่าง ๆ ในระดับสถานีตำรวจจะขาดกำลังพลในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 

ตร. โดย กองอัตรากำลังพล จึงได้วิเคราะห์ภารกิจและกำหนดนโยบายในการเพิ่มอัตรากำลังที่จะดูแลการชุมนุมสาธารณะโดยเฉพาะ โดยพิจารณาจากจำนวนสถิติพื้นที่ที่มีการชุมนุมเกิดขึ้นจำนวนมาก หรือปริมาณผู้เข้าร่วมชุมนุมสูง ระยะเวลาหลาย ๆ วัน เพื่อกำหนดกรอบอัตรากำลังในการดูแลการชุมนุมฯ เป็นการเฉพาะ ไม่ให้กระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในระดับสถานีตำรวจ

โดยหลีกเลี่ยงการใช้กำลังจากสถานีตำรวจให้น้อยที่สุด 
กำหนดเพิ่มอัตรากองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.) ในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และในจังหวัดอื่นๆ โดยกำหนดอัตรา ประจำ กก.สส.บก.สส. ภ.1 , 2 , 7 และ อัตราประจำ กก.ปพ.บก.สส. เสมือนการดำรงตำแหน่งไว้ชั่วคราวเพื่อรอการลงประจำสถานีตำรวจ

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่มีภารกิจการชุมนุมฯ ตร. ได้กำหนดแนวทางให้ ผบช. หรือ ผบก. ต้นสังกัด สามารถบริหารจัดการให้กำลังดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในสถานีตำรวจ ได้ตามแต่ห้วงเวลา หรือให้สนับสนุนภารกิจการจัดกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ เช่น การรักษาความปลอดภัยในการจัดงาน ขนาดใหญ่หรือการจัดชุดออกตรวจตราเสริมในพื้นที่อาชญากรรมสูง เป็นต้น

ทั้งนี้ การนำนักเรียนนายสิบตำรวจ (นสต.) ที่จบการศึกษาใหม่ มาลงในตำแหน่งกองร้อย คฝ. จะเป็นการเตรียมความพร้อมด้านงานป้องกันปราบปราม ยุทธวิธีตำรวจ การใช้อุปกรณ์ เครื่องมือพิเศษต่างๆ เตรียมความรู้ด้านข้อกฎหมาย การตรวจค้น การจับกุม การติดต่อสื่อสารและการทำงานเป็นทีมเพิ่มเติม

และเพิ่มทักษะความเข้าใจและอดทนต่อสถานการณ์ต่างๆ ก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่งานป้องกันปราบปราม จราจร สืบสวน สอบสวน ในสถานีตำรวจและเมื่อปฏิบัติหน้าที่ครบตามวาระประจำปี ก็จะแต่งตั้งหมุนเวียนไปสถานีตำรวจเป็นวงรอบ สับเปลี่ยนกำลังพลไปปฏิบัติหน้าที่ในสถานีตำรวจหรือสามารถพัฒนาเป็น ครูฝึกยุทธวิธีตำรวจต้นแบบให้กับสถานีตำรวจหรือ นสต. รุ่นอื่นๆ ต่อไป

นักลงทุนต่างชาติแห่ขายหุ้นไทย รวม 1 แสนล้านบาท ซ้ำ!! ตลาดหุ้นฟื้นตัวได้จำกัด เหตุความกังวลทางการเมือง

เมื่อไม่นานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 66 สะสมรวม 1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะหลังเลือกตั้งมีแรงเทขายอย่างหนักจากความกังวลทางการเมือง โบรกฯ มองแรง เทขายยังไม่หมด กดดันให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวได้จำกัด แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสฟื้นตัวได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทย และหากการเมืองผ่อนคลายลง

ตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงเมื่อวานนี้ 1 มิ.ย. 66 นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกมาสุทธิ 101,928 ล้านบาท สวนกับนักลงทุนในประเทศที่ซื้อหุ้นสุทธิ 71,477 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 35,850 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปรับลดลงมาตั้งแต่ต้นปีราว 157 จุด หรือ -9.39% จนล่าสุดปิดอยู่ที่ 1,521.40 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มีโอกาสฟื้นตัวที่จำกัด

เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 18 วันทำการติดต่อกัน มีมูลค่าขายสุทธิ 40,861 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายตั้งแต่ต้นปี โดยแสดงให้เห็นว่าต่างชาติยังไม่มั่นใจการลงทุนหุ้นไทยในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านทางการเมือง

โดยหากนับตั้งแต่ต้นปี 2565 นักลงทุนต่างชาติเคยซื้อหุ้นไทยสะสมสูงสุด 2.25 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันยอดซื้อสุทธิสะสมลดลงจนเหลือเพียง 1.01 แสนล้านบาท (ช่วง 1 ม.ค. 2565 - 1 มิ.ย. 2566)

ทั้งนี้ ยังมองไม่เห็นสัญญาณการกลับตัวของเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) โดยเชื่อว่าตัวแปรหลักที่อาจจะช่วยดึง Fund flow ให้กลับมา น่าจะเป็นการเมืองในประเทศ ซึ่งหากการเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นได้ราบรื่นก็จะเป็นผลดี

ขณะที่เงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ที่ไหลออกอย่างหนัก ได้กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับลดลง -8.8% นับตั้งแต่ต้นปี 66 และต่ำที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก จากตลาดหุ้น 92 แห่งเป็นรองจากอันดับ 2 ตลาดตุรี และ อันดับ 1 ตลาดหุ้นโคลัมเบีย

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี 66 จากปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทย และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และหากประเด็นทางการเมืองผ่อนคลายลง

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ก่อนวันหยุดยาว 3 วัน คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,510 – 1,530 จุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top