Saturday, 7 June 2025
พรรคเพื่อไทย

‘ลิณธิภรณ์’ ฟาดใส่!! ‘โรม’ ไร้มารยาท เหตุ!! วิจารณ์ ‘อันวาร์’ หารือ ‘ทักษิณ’

(29 ธ.ค. 67) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน พาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พบหารือนายดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่า งงกับนายรังสิมันต์ที่ตั้งคำถามเหมือนคนไม่ตามข่าวสาร ว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียซึ่งกำลังรับตำแหน่งเป็นประธานอาเซียนในปี 2568 แต่งตั้งอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ใช่เพราะท่านทักษิณเป็นล็อบบี้ยิสต์หรือเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีอย่างที่นายรังสิมันต์ยัดเยียด แต่เพราะนายกฯ มาเลเซียชี้แจงว่า “ท่านทักษิณเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญอันโดดเด่น และจะเปิดโอกาสอันประเมินค่าไม่ได้กับมาเลเซียและอาเซียน”

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า แม้อดีตนายกฯ ทักษิณ จะไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในรัฐบาลนี้ แต่การหารือที่เกิดขึ้นนั้น นายกฯ อันวาร์ก็เน้นย้ำวิสัยทัศน์การพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศร่วมกับนายกฯ แพทองธาร ซึ่งเป็นผู้นำรัฐบาลไทย ดังนั้นเป้าหมายของเหล่าผู้นำ และประสบการณ์ที่ผู้นำต่างประเทศยกย่องเชิดชูอดีตนายกฯ ทักษิณ ล้วนแล้วแต่จะเป็นประโยชน์สูงสุดกับประเทศและภูมิภาค

“มัวแต่จ้องจับผิดจนลามถึงผู้นำต่างประเทศ ที่เขาแต่งตั้งอดีตนายกฯ ทักษิณเป็นที่ปรึกษา นับว่านายรังสิมันต์ตั้งคำถามแบบไม่มีมารยาท สุ่มเสี่ยงยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยที่พรรคประชาชนไม่เคยรับผิดชอบ เลิกอ้างประชาชนอยากรู้ เพราะประชาชนทั่วไปต่างติดตามประโยชน์ของชาติ ที่มีอดีตผู้นำที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนานาชาติ นำพาการเจรจาร่วมมือไปได้อย่างราบรื่น ต่างจากการมองโลกในแง่ลบ ตีทุกอย่างในแง่ร้าย เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศ” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

‘มท.หนู’ อวย!! ‘แพทองธาร’ ชี้!! มีภาวะผู้นำสูง ลั่น!! ปรับ ครม. เป็นอำนาจนายกฯ แต่ขออยู่ที่เดิม

(29 ธ.ค. 67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินการทำงานของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกฯ ว่ามีอะไรต้องปรับปรุงหรือไม่ โดย นายอนุทิน ออกตัวว่าตนเป็นรองนายกฯ ผู้บังคับบัญชาคือนายกรัฐมนตรี ยกตัวอย่างหากไปถามปลัดกระทรวงมหาดไทยว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสอบผ่านหรือไม่ ซึ่งหากสอบไม่ผ่าน ก็ต้องบอกว่าสอบผ่าน แต่ถ้าหากถามว่ารัฐบาลทำงานด้วยกันได้หรือไม่ คำตอบก็ว่าทำได้

นายอนุทิน กล่าวยอมรับว่า นายกรัฐมนตรี มีภาวะผู้นำสูง และรัฐมนตรีคนอื่นๆ รวมทั้งตน ก็พร้อมรับคำแนะนำแนวปฏิบัติตามนโยบายของนายกฯ รวมถึงหากไม่ใช่นโยบายหลักของรัฐบาลก็ทำมาโดยตลอด และดำเนินการอย่างรวดเร็วด้วย รวมถึงความสามัคคีของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นได้ชัดก็มีรูปหมู่รวมกับนายกฯ และเนคไทที่ใช้อยู่ นายกฯ ก็มอบให้โดยมีตราทำเนียบรัฐบาลหราเต็มไปหมด ฉะนั้นหากเราไม่ชอบกัน ตนคงไม่ใส่เนคไทนี้

เมื่อถามว่า ปี 2568 มีอะไรต้องเร่งดำเนินการหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ฝั่งพรรคเพื่อไทย (พท.) กังวลเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนพรรค ภท. ก็เน้นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ที่ต้องทยอยทำให้ครบทั้งประเทศ ต้องเจรจากับคณะกรรมการไตรภาคีให้เรียบร้อย และในส่วนกระทรวงมหาดไทย ก็มีงานมากทั้งการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ผู้ค้ายาเสพติด การอำนวยความสะดวกดูแลประชาชน การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น การพัฒนาท่องเที่ยวภูมิภาค การพัฒนาประปาและน้ำดื่มสะอาด ไฟฟ้าต้องเข้าถึงทุกพื้นที่ รวมถึงภารกิจป้องกันภัยต่างๆ ต้องเร่งเดินหน้ามิติการป้องกันให้เพิ่มมากขึ้น เพราะช่วงหลังใช้งบในเรื่องการบรรเทาสูงเพราะปีนี้เฉพาะงบเยียวยาก็ 1 หมื่นกว่าล้านบาทแล้วเพื่อเป็นการป้องกันแก้ไขในระยะยาว และต้องทำให้เป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีการสังคายนาระบบหน่วยงานต่างๆ ทั้งหมด

เมื่อถามว่า ถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วหรือไม่ และพรรค ภท. ยังพอใจในบทบาทกระทรวงเดิมหรือไม่  หัวหน้าพรรค ภท. ระบุว่าอะไรที่ไม่มีปัญหาก็อย่าให้มันมีปัญหา ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี  หากมีการปรับเมื่อไหร่ก็จะแจ้งมายังพรรคร่วมรัฐบาล 

”พรรค ภท.ก็ยืนยันว่าไม่เปลี่ยนแปลงอะไรตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ มีการปรับ ครม. แล้วครั้งหนึ่งพรรค ภท. ก็ขอยืนยันว่าขออยู่ที่เดิม ไม่มีการขอหรือไปอ้างสิทธิ์ เมื่อมาถึงรัฐบาลของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ก็ยังยืนยันว่าสามารถทำงานได้“ หัวหน้าพรรค ภท. กล่าว 

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับวาทะ “สามีคนใต้” นายอนุทิน พูดสำเนียงใต้ว่า “ผมก็ภรรยาคนใต้” ก่อนอธิบายต่อว่า มันไม่เกี่ยวกันเพราะเป็นการเปรียบเปรยของนายกฯ เพราะมีคนพูดว่านายกฯ ไม่สนใจภาคใต้ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่เพราะเมื่อเกิดอุทกภัยก็ต้องลงไปตามลำดับชั้น เพราะบางทีเป็นผู้ใหญ่มากๆ เวลาลงไปก็ต้องมีคนมาดูแล นอกจากจะไม่ได้ช่วยแล้วจะทำให้เกิดความล่าช้า และเป็นไปไม่ได้หากลงไปจะไม่มีข้าราชการมาดูแลเพราะระบบมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

นายอนุทิน กล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อเกิดอุทกภัยสิ่งสำคัญที่สุดคือ การลงไปช่วยเหลือหลังน้ำลดเพื่อฟื้นฟูเยียวยาซ่อมแซมซึ่งจะเป็นจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นคนที่มีวุฒิภาวะ ไม่มีทางจะบอกว่าไม่ลงพื้นที่เพราะไม่ชอบ ในทางกลับกันไม่ชอบยิ่งต้องลงพื้นที่จึงขอให้ตัดประเด็นนี้ออกไปได้เลย และในที่สุดท่านก็ลงสิ่งที่ได้ทำในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดอุทกภัยคือเน้นให้การช่วยเหลือเยียวยา

นายอนุทิน กล่าวว่าย้ำว่า หากถามว่ารัฐบาลสามัคคีกันหรือเปล่า ถ้าสำหรับการทำงานให้พี่น้องประชาชนเราสามัคคียิ่งกว่า เพราะมีทุกกระทรวงเห็นพ้องต้องกัน ระดมกำลังเข้าไปช่วย แต่ตอนนี้สิ่งที่เบื่อคือต้องให้เกิดเหตุก่อนแล้วค่อยลงไปช่วย ซึ่งมีความเสียหายเกิดขึ้น แต่ของบางอย่างหลีกเลี่ยงได้ 

หนุ่มโคราชร้อง กกต.ให้ตรวจสอบ ‘เจ๊หน่อย’ ผู้สมัครนายก อบจ.เพื่อไทย โอนงบกว่า 23 ล้านบาทโดยมิชอบ อาจถึงขั้นโดนใบแดง!!

(4 ม.ค. 68) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุนทร ชาว อ.เมือง จ.นครราชสีมา เดินทางเข้าพบนายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบการกระทำอันอาจจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งของ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล หรือ หน่อย ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย และพวก จำนวน 35 คน ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.อบจ.นครราชสีมา

นายสุนทรกล่าวว่า วันนี้มาในฐานะประชาชนชาวโคราชคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.อบจ.ในพื้นที่ อยากเห็นผู้สมัครทุกคนมีความสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ จึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร วันนี้มาร้องเรียนขอให้ กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบคุณสมบัติของนางยลดา อดีตนายก อบจ.นครราชสีมา คนล่าสุด ซึ่งพบว่าขณะดำรงตำแหน่งนายก อบจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 ในการประชุมสภา อบจ.นครราชสีมา สมัยสามัญที่ 2 ครั้งที่ 3 ได้ยื่นญัตติขออนุมัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ไปตั้งจ่ายเป็นรายการใหม่ โดยมี ส.อบจ.เข้าร่วมประชุม จำนวน 39 คน ยกมือเห็นชอบตามที่ นายก อบจ.นครราชสีมา เสนอญัตติ จำนวน 36 คน (รวมนายก อบจ.) และงดออกเสียง จำนวน 3 คน

นายสุนทรกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 65 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 (และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 รวมทั้งสิ้น 12 โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น 23,873,918 บาท เนื่องจากในห้วงระยะเวลาดังกล่าวไม่มีภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติแต่อย่างใด

ต่อมา นางยลดาได้ขอลาออกจากตำแหน่งนายก อบจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 พร้อมกับ ส.อบจ.ในกลุ่มอีก 15 คน ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ในครั้งนี้ ซึ่งการกระทำของนางยลดาและ ส.อบจ.เกี่ยวกับการอนุมัติโครงการดังกล่าว อาจเป็นการกระทำฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 มาตรา 65 ซึ่งมีโทษตาม 126 แห่งกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากหากพบว่ากระทำผิดจริงก็อาจถึงขั้นโดนใบแดงได้เลย วันนี้จึงมาร้องขอให้ กกต.ประจำจังหวัดนครราชสีมา เร่งดำเนินการตรวจสอบ เพราะจะมีผลกระทบต่อความไม่สุจริตในการเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.อบจ.นครราชสีมา ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้

ด้านนายสุรพงษ์เปิดเผยว่า หลังจากเปิดรับสมัครเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 23-27 ธันวาคม 2567 มีผู้สมัครนายก อบจ.จำนวน 4 คน ประกอบด้วย เบอร์ 1 นายทักษิณ เขื่อนโคกสูง, เบอร์ 2 นางยลดา หวังศุภกิจโกศล, เบอร์ 3 นายมารุต ชุ่มขุนทด และเบอร์ 4 ร.ต.อ.นิติรักษ์ ฟักกระโทก ในส่วนผู้สมัคร ส.อบจ.นครราชสีมา ทั้ง 48 เขต จาก 32 อำเภอ มีผู้สมัครจำนวนทั้งสิ้น 153 คน โดย กกต.ประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จสิ้นไปแล้ววันสุดท้ายเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ผลการตรวจสอบคุณสมบัติปรากฏว่าผู้สมัครนายก อบจ.ทั้ง 4 คน มีคุณสมบัติครบทุกคน

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขณะที่ผู้สมัคร ส.อบจ.จำนวน 153 คน พบว่า ขาดคุณสมบัติไป 3 คน ประกอบไปด้วย ผู้สมัคร ส.อบจ.เขต 2 อ.สีคิ้ว, เขต 1 อ.จักราช และ เขต 1 อ.ชุมพวง ซึ่งผู้สมัครทั้ง 3 รายนี้ ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อมเทศบาล จึงทำให้ขาดสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.อบจ.ในครั้งนี้

ส่วนเรื่องการร้องเรียนขณะนี้มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องผู้สมัครร้องเรียนพฤติกรรมของผู้สมัครด้วยกันเอง ที่อาจเป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน เรื่องการป้องกันเหตุความรุนแรงในพื้นที่ ขณะนี้ กกต.จังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งชุดสืบสวนข่าว 3 ชุด และชุดเคลื่อนที่เร็ว 6 ชุด ทำงานร่วมกับผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา 8 คน เพื่อหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่อาจจะก่อเหตุความรุนแรง หากมีเบาะแสก็พร้อมประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.เข้าไประงับเหตุได้ทันที ซึ่งได้มีการลงพื้นที่ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา

‘ทักษิณ - พิธา’ ชื่นมื่น!! ร่วมงานแต่ง สส.ลำปาง ย้ำ!! ไม่คุยเรื่องการเมือง แต่คุยเรื่องบ้านเมือง

เมื่อวานนี้ (10 ม.ค. 68) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เดินทางมาร่วมพิธีฉลองมงคลสมรสระหว่างนายธนาธร โล่ห์สุนทร สส.ลำปาง เขต 2 พรรคเพื่อไทย (พท.) บุตรชายนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีตสส.ลำปาง พรรค พท. กับน.ส.รภัสสรณ์ นิยะโมสถ สส.ลำปาง เขต 4 พรรคประชาชน (ปชน.)

โดยมีบรรดารัฐมนตรี สส.จากพรรค พท.และพรรค ปชน. เดินทางมาร่วมงานอย่างคึกคัก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า

ทันทีที่นายทักษิณมาถึง ได้มีรัฐมนตรี สส. อดีตสส. ของพรรค พท. มารอต้อนรับบริเวณด้านหน้าทางเข้า และมีนายอัศวิน อิงคะกุล ประธานกรรมการบริหารมิราเคิลกรุ๊ป ในฐานะเจ้าของโรงแรมอัศวินแกรนด์ คอนเวนชั่น มารอให้การต้อนรับและมอบกระเช้าดอกไม้ พวงมาลัยพร้อมด้วยกระเช้าส้ม ให้แก่นายทักษิณ

นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงการมาออกงานคู่กับนายพิธาว่า ดี ๆ เดี๋ยวก็ได้เจอกันบ้าง ไม่ได้เจอกันเลย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงในหลายจังหวัดในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่ได้เจอกันเลย นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่ได้เจอกันเลย เดี๋ยวจะนั่งคุยกัน สำหรับประเด็นในการพูดคุยก็มี ส่วนจะได้มีการพูดคุยเรื่องการหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า คงไม่ได้คุยกันเรื่องการเมือง แต่คุยเรื่องบ้านเมือง

โดยนายทักษิณได้เขียนคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวว่า “ขอแสดงความยินดีกับคุณธนาธรและคุณน.ส.รภัสสรณ์ ที่ได้ร่วมชีวิตกัน ขออวยพรให้มีแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในชีวิตคู่ตลอดไป ด้วยรักและปรารถนา”

‘เทพไท’ จี้!! กกต.คุม ‘ทักษิณ’ ด่วน ชี้!! ปราศรัย ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

(12 ม.ค. 68)  นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ ว่า กกต.จัดระเบียบ ‘ทักษิณ’ ด่วน

ผมได้เห็นกำหนดการเดินสายปราศรัยของนายทักษิณ ชินวัตร ลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 18-20 ม.ค.68 ที่จังหวัดนครพนม บึงกาฬ หนองคาย และมหาสารคาม จากนั้นวันที่ 24-25 ม.ค.68 จะเดินทางไปจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยนั้น

ในความเป็นจริงนายทักษิณไม่ได้มีเป้าหมายหลักในการหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ. แต่ต้องการใช้เวทีหาเสียงการเมืองท้องถิ่น เพื่อขยายผลไปยังการเมืองระดับชาติ โดยนายทักษิณจะขึ้นปราศรัยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาล ทั้งที่ตัวนายทักษิณไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่อย่างใด กลับประกาศนโยบายและแผนงานที่จะทำของรัฐบาล จนอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของตัวผู้สมัครได้

ผมได้ติดตามการปราศรัยบนเวทีนายกอบจ.3แห่ง คือ ที่จังหวัดอุดรธานี อุบลราชธานี และเชียงราย นายทักษิณจะใช้เวลาหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกอบจ. ใช้เวลาเพียง 5 นาที นอกจากนั้นก็จะปราศรัยในประเด็นการเมืองอื่นๆ พาดพิงไปทุกภาคส่วน จนเป็นประเด็นร้อน จนสื่อต้องนำไปขยายผล และผู้ที่ถูกพาดพิงก็ใช้สิทธิ์ตอบโต้ มีการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นของคุณหาเสียงทักษิณหาเสียงอยู่หลายวัน ทำให้กระแสของนายทักษิณอยู่ในหน้าสื่อตลอดเวลา ประสบความสำเร็จตามแผนการโฆษณาทางการเมืองที่วางไว้

สิ่งที่นายทักษิณปราศรัยหมิ่นแหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งในฐานะผู้ช่วยผู้หาเสียง ซึ่งเรื่องนี้นายอิทธิพล บุญประคอง ประธานคณกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาแสดงความเห็นในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ฟันธงว่า นายทักษิณทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ อยากให้กกต.ได้เร่งสรุปการปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณว่า ฝ่าฝืนหรือผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ เพื่อจะไม่ให้เป็นประเด็นข้อกฎหมายต่อไป เพราะการหาเสียงของนายทักษิณ ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในระหว่างผู้สมัครด้วยกัน

ถ้ากกต.ยังปล่อยให้นายทักษิณปราศรัยหมิ่นแหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายเช่นนี้ และไปสรุปหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว ก็อาจจะช้าเกินไป จนอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และจัดเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทำให้ผู้สมัครนายกอบจ.หลายคนเสียโอกาส และเสียงบประมาณของราชการโดยไม่จำเป็น

อยาดขอความชัดเจนจากกกต.ออกมาความระเบียบ และกำชับให้นายทักษิณปฏิบัติตามกฏหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด กล้าๆหน่อย อย่าเกรงกลัว เกรงใจคนทำผิดกฏหมายอีกเลย

‘อุ๊งอิ๊ง’ บุก!! นครพนม ช่วยหาเสียงผู้สมัคร ‘นายกฯอบจ.’ ชาวบ้านตะโกนรักนายกฯ มอบดอกไม้ ให้การต้อนรับแน่น

(12 ม.ค. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกฯ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด และ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ เดินทางลงพื้นที่ จ.นครพนม

เพื่อช่วยหาเสียงให้กับนายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม พรรคเพื่อไทย โดยมีนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม มารอต้อนรับที่สนามบิน

เมื่อ น.ส.แพทองธารและคณะเดินทางมาถึง มีประชาชนและกลุ่มผู้สนับสนุนในพื้นที่ มารอมอบดอกไม้และให้การต้อนรับ พร้อมทั้งตะโกนว่า “เรารักนายกฯ อิ๊งค์” ทั้งนี้ ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกของ น.ส.แพทองธาร เพื่อช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียง

โดย น.ส.แพทองธารมีกำหนดการปราศรัยรวม 3 เวที ประกอบด้วย ช่วงเช้าที่สนามกีฬาเทศบาลตำบลนาแก อ.นาแก ซึ่งเป็นเวทีปราศรัยแรกให้กับผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม พรรคเพื่อไทย และช่วงบ่ายหอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่มหาวิทยาลัยนครพนม อ.เมือง และอาคารโดมสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ

‘ทักษิณ’ ลุยหาเสียง!! นครพนม ห่มพระธาตุ!! เอาฤกษ์เอาชัย

(18 ม.ค. 68) เมื่อเวลา 08.10 น. ที่สนามบินสกลนคร จ.สกลนคร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว เดินทางมาถึงก่อนเดินทางต่อมายังจ.นครพนม เพื่อช่วยนายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครพนม พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียง โดยมีนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สส.นครพนม พรรค พท. นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคพท. และน.ส.จิรัชยา สัพโส สส.สกลนคร มารอให้การต้อนรับ

โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า นาฬิกาที่นายทักษิณใส่วันนี้ ได้ใช้สายซิลิโคนสีส้ม ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของพรรคประชาชน (ปชน.) หลังจากนายทักษิณได้ไปพบนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่งานฉลองมงคลสมรสของสส.พรรค พท. กับพรรค ปชน.

จากนั้นเวลา 09.15 น. นายทักษิณเดินทางมายังวัดพระธาตุพนม เพื่อสักการะองค์พระธาตุพนม เอาฤกษ์เอาชัยก่อนเดินสายปราศรัยช่วยนายอนุชิต หาเสียง โดยมีนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และประชาชนชาวนครพนม รอให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น ทันทีที่มาถึงประชาชนที่มารอให้การต้อนรับ ได้คาดผ้าขาวม้าที่เอว รวมถึงคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้การต้อนรับนายทักษิณ และนายทักษิณได้เขียนชื่อทักษิณ ชินวัตร ลงบนผ้าห่มพระธาตุ ก่อนที่จะเข้าไปเดินแห่ผ้าห่มพระธาตุพนม 1 รอบ และห่มผ้าพระธาตุพนม ทั้งนี้ มีนางรำชุดพื้นเมืองจากอ.ก้านเหลือง มารำโชว์ โดยใช้ชุดการรำที่เป็นชุดประจำจ.นครพนม จากนั้นนายทักษิณได้เดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยที่โดมวิทยาลัยธาตุพนม

‘เทพไท’ มองท่าที ‘ไชยชนก’ อาจนำไปสู่ การเอาคืน!! หลังฉีกหน้ารัฐบาล กลางสภาฯ ทำ ‘เพื่อไทย’ เสียรังวัด!! อาจมีการปรับครม. ตัดพรรคร่วม ยุบสภาฯ หลังสงกรานต์

(12 เม.ย. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ‘ทักษิณเอาคืนเนวิน’ ระบุ …

การที่นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศจุดยืนไม่เอากาสิโนกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นการฉีกหน้านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แบบชัดๆ เต็มๆ ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียรังวัด และโกรธเคืองเป็นอย่างมาก

เห็นจากท่าทีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาถามว่า ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคจะเชื่อใคร และการที่นายไชยชนกบอกว่า เป็นลูกนายเนวิน นางกรุณาต้องการสื่ออะไร นายอดิศร เพียงเกษ สส.อาวุโส ได้เขียนกลอนไล่ส่งพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าต้องรักษามารยาททางการเมืองบ้าง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจแทนนายใหญ่ ที่เก็บตัวเงียบไม่แสดงท่าทีใดๆ

แม้ว่านายอนุทินได้ออกมาขอโทษต่อนางสาวแพทองธารแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจ เป็นรอยร้าวระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย ยากที่จะประสาน เหมือนกับคำโบราณที่กล่าวว่าอันถ้วยโถโอร้าวเอากาวติด ถึงสนิทก็ยังเห็นว่าเป็นแผล เชื่อว่าหลังจากเทศกาลสงกรานต์นี้ผ่านพ้นไปแล้ว จะมีการเอาคืนจากนายทักษิณอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะมีปรากฏการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น คือ

1.นายทักษิณต้องความเข้าใจกับหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้ชัดเจนว่า จะทำงานทางการเมืองร่วมกัน และประสานประโยชน์กันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากัน

2.จะมีการปรับครม. หรือ ปรับพรรคร่วมรัฐบาลออก ยึดกระทรวงหลักกลับมาเป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทย เพื่อกระชับอำนาจ เตรียมการรับมือกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

3.ถ้าหากสถานการณ์ทางการเมืองเดินมาถึงทางตัน จำเป็นต้องยุบสภา คืนอำนาจกับประชาชน เป็นการล้มกระดาน หรือล้างไพ่ใหม่

ขอให้จับตาดูปรากฏการณ์ทางการเมืองหลังสงกรานต์นี้ให้ดีว่า จะเดินไปสู่ 3 ขั้นตอนนี้หรือไม่ และนายทักษิณจะเอาคืนพรรคภูมิใจไทยอย่างไร

‘เทพไท’ จับตา!! พรรคกล้าธรรม ดูด!! ‘สส.’ เข้าพรรค อย่างคึกคัก!!

(18 พ.ค. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า กล้าธรรม-เพื่อไทย เป็นอะไรกัน?

ช่วงนี้มีหลายฝ่ายจับตาความเคลื่อนไหวของพรรคกล้าธรรม ที่กำลังเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างร้อนแรง และเป็นที่สนใจของบรรดานักการเมือง นักเลือกตั้ง มีกระแสการดูดส.ส. ดึงสส.เข้าพรรคอย่างคึกคัก มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การก่อเกิดพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องการเป็นพรรคการเมือง ที่เสียบแทนหรือสนับสนุนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แทนบางพรรคการเมืองที่อาจจะถูกปรับออกหรือไม่ หรือเป็นพรรคสาขา พรรคนอมินี ให้กับพรรคเพื่อไทยของคุณทักษิณ ชินวัตรหรือไม่

มีแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคน ออกมาปฏิเสธว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีแนวความคิดจัดตั้งพรรคสาขา และพรรคกล้าธรรมก็ไม่ใช่สาขาของพรรคเพื่อไทย ในขณะเดียวกันแกนนำผู้บริหารพรรคกล้าธรรมหลายคน ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส คุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ต่างออกมาปฏิเสธว่า พรรคกล้าธรรมไม่ใช่พรรคสาขาของใคร พรรคกล้าธรรมให้เกียรติกับทุกคน ที่จะเข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรค แต่ในขณะเดียวกัน สังคมก็สงสัยการตอบคำถามสื่อมวลชน ของผู้กองธรรมนัส เมื่อถูกถามถึงกรณีการดึง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ กับคุณการุณ โห่สกุล เข้าร่วมพรรคว่า เรื่องนี้ได้พูดคุยกับคุณทักษิณมาก่อนหรือไม่ ผู้กองธรรมนัส ตอบว่าได้พูดคุยกับคุณทักษิณมาก่อนแล้ว ก่อนจะเปิดตัว น.อ.อนุดิษฐ์ และคุณเก่ง การุณ ต่อสื่อมวลชน

จึงเกิดคำถามว่า ถ้าหากพรรคกล้าธรรมกับพรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน หรือพรรคกล้าธรรมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ หรือคุณทักษิณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้กองธรรมนัส ต้องถามว่า ทำไมผู้กองธรรมนัส ต้องไปบอกคุณทักษิณก่อน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ย้อนแย้งมาก ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้จัดตั้งพรรคสาขาและพรรคกล้าธรรมไม่ใช่สาขาของพรรคเพื่อไทย

ถ้าย้อนไปในอดีตก่อนที่จะเลือกตั้งปี 2562 มีการเสนอทฤษฎีแตกแบงค์พัน หรือแตกแบงค์ย่อยของคุณทักษิณ คือมีพรรคสาขา มีพรรคนอมินี จะเห็นในพื้นที่บางแห่ง ที่พรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ไม่ได้ ไม่มีคะแนนนิยม ก็มีพรรคประชาชาติ พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อชาติ แต่ไม่ประสบความสำเร็จทางการเมือง คงเหลือพรรคประชาชาติพรรคเดียว ที่ทำพื้นที่แทนพรรคเพื่อไทยใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้พรรคเพื่อไทยยังขาดพรรคมาเติมเต็มให้กับพรรคเพื่อไทยในบางพื้นที่ ที่พรรคเพื่อไทยเจาะพื้นที่ไม่ได้ ก็เป็นโอกาสของพรรคกล้าธรรม ที่สามารถไปทดแทนในพื้นที่ ที่พรรคเพื่อไทยทำไม่ได้ เช่น พื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ตอนบน รวมไปถึงในจังหวัดอื่นๆ ที่พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในการเอาชนะคู่แข่งขันทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพรรคภูมิใจไทย จึงจำเป็นต้องมีพรรคกล้าธรรมขึ้นมาทดแทน หรือมาเติมเต็มให้กับพรรคเพื่อไทย ในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป หรือสนามเลือกตั้งปี 2570

ใครจะปฏิเสธอย่างไรว่า พรรคกล้าธรรมไม่ใช่สาขาของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคเพื่อไทยไม่คิดจะตั้งพรรคสาขา ก็ปฏิเสธได้ เพราะถ้ายอมรับว่าจริง จะผิดกฎหมายพรรคการเมือง จึงจำเป็นต้องปฏิเสธไว้ก่อน แต่ว่าความจริงก็คือความจริง ประชาชนรับรู้และเข้าใจได้ว่า นี่คือการเมืองแบบไทยๆ

'ภูมิธรรม' เผย!! นายกฯ ยังไม่ส่งสัญญาณปรับครม. มหาดไทยอยู่กับเพื่อไทยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 'อิ๊งค์'

(3 มิ.ย. 68)  ที่ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีการส่งสัญญาณการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้รัฐมนตรีและสมาชิกพรรคเพื่อไทยทราบแล้วหรือยัง ว่า ยังไม่มีเลย ตนเห็นแต่ในสื่อ ซึ่งทุกคนก็ไม่มีใครมีปัญหา ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ อยู่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีตัดสินใจอย่างไรก็อย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่กระทรวงมหาดไทยต้องมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า รอให้นายกฯพิจารณา

เมื่อถามว่า กระแสข่าวการปรับครม. ที่เกิดขึ้นบั่นทอนจิตใจรัฐมนตรี และทำให้ข้าราชการเกียร์ว่างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่เห็นว่ารัฐมนตรีแต่ละท่านเกิดความหวั่นไหวแต่อย่างใด เมื่อซักครู่เจอรัฐมนตรีก็ในงานพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิ.ย. ซึ่งรัฐมนตรีก็ยังไม่มีใครรับรู้เรื่องการปรับครม.อะไรทั้งสิ้น ส่วนเรื่องเกียร์ว่าง ตนเชื่อในเกียรติของข้าราชการประจำที่มีหน้าที่ทำงานแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ดูแลประเทศชาติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ไม่มีอะไร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top