Sunday, 8 June 2025
พรรคเพื่อไทย

ทวนความจำชาวสยามในวันที่ 'พรรคเพื่อไทย' ลั่นต้าน ‘รัฐประหาร’ บทลงเอยมีแค่ 'ทำวันนี้เพื่อชาติ' หรือ 'ผิดพลาดเช่นในอดีต'

ทันทีที่แถลงการณ์ '10 ปีที่ผ่านไป จากรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ยุติวงจรรัฐประหาร ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน' ของพรรคเพื่อไทยปรากฏออกมา...

ฉับพลันทันใดก็เกิดคำถามต่างๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะคำถามที่มุ่งไปถึงเหตุอันทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากต้องออกมาเดินถนนเพื่อประท้วงรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ใต้เงาแห่งทุจริตคอร์รัปชันที่คลุมรัฐบาลในขณะนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ 'โครงการจำนำข้าว' 

พูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องขอหยิบยกข้อมูลที่ย้อนไปเมื่อ 1 มิถุนายน 2565 โดยมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้ซึ่งเปิดโปงการทุจริต ‘โครงการจำนำข้าว’ ได้มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กไว้ดังนี้...

ในอภิปรายงบประมาณถึงโกงจำนำข้าว "ตั้งแต่ปี 54 โครงการจำนำข้าว ขาดทุน 9.5 แสนล้านบาท รัฐบาลชุดนี้ ตั้งงบประมาณชำระหนี้ไปแล้ว 7.8 แสนล้านบาท คงเหลือเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 3 แสนล้านบาท" เป็นคำพูดของพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ตอบนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กรณีกล่าวหาตั้งงบประมาณส่อโกง และวันนี้คนที่เกี่ยวข้องกับการโกงจำนำข้าวถูกตัดสินจำคุกนับสิบคน รวมทั้งนายบุญทรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น เสี่ยเปี๋ยง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ฯลฯ รวมถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งหลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศจนทุกวันนี้

พรรค ‘เพื่อไทย’ (เริ่มตั้งแต่พรรค ‘ไทยรักไทย’ ถูกยุบ ตั้งพรรคใหม่เป็นพรรค ‘พลังประชาชน’ ถูกยุบและตั้งพรรคใหม่อีกเป็น ‘เพื่อไทย’) เป็นพรรคการเมืองที่มีรัฐมนตรีติดคุกด้วยคดีทุจริตประพฤติมิชอบมากที่สุด ได้แก่...

(1) บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณินย์ และ (2) ภูมิ สาระผล อดีตรมช.พานิชย์ จากคดีทุจริตจำนำข้าว 

(3) วัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร 

(4) เบญจา หลุยเจริญ อดีตรมช.คลัง จากคดีทุจริตช่วย 'โอ๊ค-เอม' ซื้อหุ้นชินคอร์ปโดยไม่ต้องเสียภาษี 

(5) ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรมว.มหาดไทย มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากคดีที่ดินอัลไพน์ 

(6) ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรมว.ทรัพยากรฯ มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากคดีการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในกระทรวงทรัพยากรฯ ขณะเป็นปลัดกระทรวงฯ 

(7) ชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีตรมว.เกษตรฯ มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากคดีฮั้วประมูลจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ 

(8) สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา 157 กรณีที่มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) จำคุก 1ปี 

(9) ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก 

(10) ประชา มาลีนนท์ อดีตรมช.มหาดไทย จากคดีทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิง (อยู่ระหว่างการหลบหนีคดี)

และ (11) ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากคดีทุจริตจำนำข้าว (อยู่ระหว่างการหลบหนีคดี) ทั้งนี้ยังไม่รวมนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องในสังกัดของพรรค ‘เพื่อไทย’ พรรค ‘ไทยรักไทย’ และพรรค ‘พลังประชาชน’ อีกหลายคนที่ถูกตัดสินจำคุกจากคดีที่เกี่ยวข้องการทุจริตประพฤติมิชอบ 

มูลเหตุในการรัฐประหารทุกครั้งที่ผู้ก่อการหยิบยกมาเป็นเหตุผลคือ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ เมื่อมีการตรวจสอบโดยไม่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองเข้าแทรกแซง แล้วผลการตรวจสอบก็พบว่า มี ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ เกิดขึ้นจริง ทั้งยังเป็นการสร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างมากมายมหาศาล ดังนั้นหากไม่สามารถกำจัด ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ โดยนักการเมืองและพรรคการเมืองให้หมดสิ้นไปได้แล้ว ย่อมมีโอกาสที่จะทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากออกมาเดินถนนประท้วงรัฐบาลที่มีพฤติการณ์และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ อีกอย่างแน่นอน จึงต้องเกิด ‘รัฐประหาร’ อีกเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็น ‘วงจรอุบาทว์’ โดยมี การเลือกตั้ง -> จัดตั้งรัฐบาล -> เกิดวิกฤตการณ์จาก ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมือง -> เกิดการรัฐประหาร  -> ยกเลิกรัฐธรรมนูญ -> ร่างรัฐธรรมนูญ -> กลับเลือกตั้งอีก ทั้งนี้หากไม่สามารถที่จะหยุดยั้ง ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ได้ก็จะไม่สามารถป้องกัน ‘วงจรอุบาทว์’ ในอนาคตได้เลย

การหยิบยกเอา ‘รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน’ ป้องกัน ‘การรัฐประหาร’ เพื่อหยุดยั้ง ‘วงจรอุบาทว์’ ไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอนหากไม่จัดการป้องกัน ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ อย่างเด็ดขาดจนหมดสิ้นไป เพราะผู้ก่อการ ‘การรัฐประหาร’ ย่อมเป็น ‘รัฏฐาธิปัตย์’ (ผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุดในรัฐ) เสมอ หากพรรค ‘เพื่อไทย’ มีความตั้งใจจริงในการกำจัด ‘วงจรอุบาทว์’ ด้วยไม่ต้องการให้ ‘การรัฐประหาร’ เกิดขึ้นอีกนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องอ้างถึงการร่าง ‘รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน’ แต่อย่างใดเลย เพราะเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้นที่ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้มีความเข้มข้นและชัดเจนในเรื่องของการป้องกันและปราบปราม ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมืองและพรรคการเมือง มากอยู่แล้ว 

หากรัฐบาลโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงตรง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนและพวกพ้อง มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างที่สุดในการต่อต้านและปฏิเสธ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมืองและพรรคการเมือง เพียงเท่านี้ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ ของนักการเมืองและพรรคการเมืองก็จะค่อย ๆ หมดไป ทำให้ไม่มีเหตุผลให้พี่น้องประชาชนคนไทยจำนวนมากต้องออกมาเดินถนนประท้วงรัฐบาลอีก และไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่ผู้ก่อการ ‘รัฐประหาร’ จะนำเอาเรื่องของ ‘การทุจริตประพฤติมิชอบ’ มาเป็นความชอบธรรมในการก่อการได้อีกเลย 

แต่สิ่งที่รัฐบาลโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ ทำอยู่ขณะนี้กลับทำให้เกิดความรู้สึกน่าสงสัยและเคลือบแคลง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามเพื่อ ‘ฟอกขาว’ คดีทุจริตจำนำข้าว หรือ โครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย ฯลฯ ต่างก็ไม่เห็นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ตรรกะของพรรค ‘เพื่อไทย’ อาจจะผิดเพี้ยน ด้วยเน้นแต่การต่อต้านการ ‘รัฐประหาร’ แต่กลับไม่กล่าวถึงการต่อต้าน คัดค้านการ ‘ทุจริตคอร์รัปชัน’ อันเป็นสาเหตุต้นตอที่มาของ ‘วงจรอุบาทว์’ ในระบบการเมืองของไทยอย่างแท้จริงแต่ประการใด

ด้วยเพราะ รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งนำโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ นั้น มีความชอบธรรมในการจัดตั้งตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันอย่างถูกต้องทุกประการ ทั้งยังมีความมั่นคงทางการเมืองที่เข้มแข็งในระดับที่น่าพอใจ ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยต่างก็มีความหวังว่า ตลอดอายุของสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ‘นายกฯ นิด เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี จะสามารถสร้างผลงานเพื่อนำพาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าสู่อนาคตด้วยความมั่นคงและยั่งยืน เหมือนดังเช่นนโนยายที่พรรค ‘เพื่อไทย’ ได้นำมาใช้ในการหาเสียง 

ดังนั้นในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ทีมบรรณาธิการของ THE STATES TIMES จึงขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยให้ ‘นายกฯนิด’ ทำงานเพื่อประเทศชาติได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และเมื่อตอนนี้มีโอกาสช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยแล้ว ก็ขอให้ทำให้เต็มที่และทำให้ดีที่สุด โดยอยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบัน อย่าได้ย้อนทำในเรื่องที่เคยผิดพลาดและไม่ถูกต้องเช่นในอดีตอีก 

ทั้งนี้หากรัฐบาล ‘พรรคเพื่อไทย’ จะได้ถือเอา “ความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงตรง เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนและพวกพ้อง” เป็นที่ตั้งได้แล้ว ความดีต่าง ๆ เหล่านี้จะทำหน้าเป็นเสมือนเกราะป้องกันภัยทางการเมืองต่าง ๆ รวมทั้ง ‘การรัฐประหาร’ ไปจนถึง ‘วงจรอุบาทว์’ ในระบบการเมืองของไทยที่พรรค ‘เพื่อไทย’ ไม่ปรารถนาได้เป็นอย่างดีที่สุด 

‘ทักษิณ’ รู้ ใครอยู่เบื้องหลังสั่ง ‘สว.’ ให้ร้อง ‘นายกฯ’ มองแค่สร้างความวุ่นวาย แต่ไม่น่าล้มได้ หากชี้แจงได้ก็ผ่าน

(25 พ.ค.67) ที่ร้านส้มตำพันล้าน จ.นครราชสีมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 40 สว. วินิจฉัยคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จนทำให้มีการมองกันว่ามีกระบวนการวางยาพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า ในพรรคเพื่อไทย ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ภายนอกการเมืองก็ยังเป็นการเมืองมีความลี้ลับอยู่ พอสมควร ส่วนใหญ่เราจะดูความเคลื่อนไหว เพราะประเทศไทยใครเคลื่อนไหวอะไร ก็จะรู้ว่าคนนี้เป็นคนของใคร เคลื่อนไหวด้วยเหตุอะไร แต่แน่นอนในฐานะนายกรัฐมนตรีก็มีหน้าที่ต้องตอบ ซึ่งท่านต้องเตรียมตอบคำถามของท่าน และไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็แล้วแต่ หากเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ชี้แจง 

เมื่อถามว่า นักวิชาการให้จับตานายใหญ่ที่จะเช็กบิล 40 สว.นั้น นายทักษิณร้องโอ๊ะ ก่อนจะกล่าวว่า 

“ผมจะไปมีสิทธิ์อะไร วันนี้ผมเป็นคนแก่คนหนึ่ง ที่ให้คำปรึกษารุ่นน้อง ๆ ให้ช่วยกันให้บ้านเมืองเจริญดีกว่า ก็คงไม่มีน้ำยาอะไรหรอก แก่แล้ว” 

เมื่อถามว่า จากประสบการณ์มองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 40 สว. มีเบื้องหลังจากกลุ่มอำนาจไหน นายทักษิณ กล่าวว่า สังคมการเมืองเขารู้ว่าใครเป็นคนของใคร อย่างไร เป็นเรื่องธรรมดา มีเช่นนี้มาช้านานแล้ว 

เมื่อถามว่า เป้าหมายคือการล้มนายเศรษฐาเลยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า คงไม่ถึงขั้นล้มได้ แต่อาจเป็นการสร้างความวุ่นวาย บ้านเมืองชะงักบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่มองว่าจะไม่มาก เพราะหากชี้แจงได้ก็ไม่เป็นอะไร 

เมื่อถามว่า บางฝ่ายยังมองว่าเป้าหมายของการเคลื่อนไหวครั้งนี้คือนายทักษิณ นายทักษิณ ย้อนถามสื่อว่า จะเล่นงานผมน่ะหรือ โอ๊ย ผมไม่มีอะไรให้เล่นแล้วแก่แล้ว ต่างคนต่างอยู่เถอะ

เมื่อถามต่อว่า กรณีนี้ พรรคเพื่อไทย ต้องเตรียมรับมืออะไรบ้าง นายทักษิณ ก็กล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่มีอะไรครับ ก็ทำอะไรให้ถูกต้อง ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปหวั่นไหวมาก” 

‘สมคิด’ ฟาด ‘โรม’ มาแอ็กชันที่ ‘ทำเนียบ’ เพื่อให้ตัวเองเป็นข่าว ไม่เหมาะสม ชี้!! ควรไปทำหน้าที่ในสภาฯ ย้ำ!! เพื่อไทยไม่ไร้มือกฎหมาย ใครเก่งก็เชิญมาช่วย

(1 มิ.ย.67) นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ระบุว่าถึงการที่นายกรัฐมนตรี ตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคเพื่อไทยขาดมือกฎหมายที่เข้าใจการบริหารราชการแผ่นดิน ว่า จริง ๆ แล้วนายรังสิมันต์ โรม เป็นสส.อยู่แล้ว ถ้านายกฯทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็มีสิทธิ์ตั้งกระทู้ถามในสภาได้ หรือถ้าไม่ไว้วางใจก็สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้อยู่แล้ว แต่การที่จะมาไล่ยื่นที่ทำเนียบเพื่อให้เป็นข่าว เอาแอ็กชันตัวเองนั้น เป็นการกระทำที่ไม่สมควร เหมือนว่ามาบุกทำเนียบแล้วทวงถาม คุณเป็นฝ่ายค้านมีสิทธิ์ถามเต็มที่อยู่แล้ว และรัฐบาลก็พร้อมจะตอบคำถามในสภา อยากให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ สังคมการเมืองจะได้น่าอยู่

ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรี จะตั้งนายวิษณุ หรือตั้งใคร ก็เป็นอำนาจนายกฯ เพราะคงจะมองว่าใครที่ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ เราก็ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ใครจะอยู่ฝ่ายไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าเข้ามาช่วยประเทศชาติก็ดีทั้งนั้น อย่าไปตั้งอคติจนเกินไป อย่าไปคิดทางการเมืองมากนัก บ้านเมืองเราจะเดินไม่ได้

"ไม่เกี่ยวว่ารัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทยไม่มีความพร้อมด้านมือกฎหมาย แต่เกี่ยวที่ใครมีความสามารถก็เชิญมาช่วยงานกัน เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ได้เพื่อใครเลย ฉะนั้นหน้าที่ฝ่ายค้านถ้าไม่วางใจยังไงค่อยว่ากันในสภา นายกฯพร้อมจะไปตอบ" นายสมคิด กล่าว

‘เด็จพี่’ ฟาด ‘ก้าวไกล’ ค้านแบบขวางโลก ชี้!! กลัวรัฐบาล ‘เพื่อไทย’ จะได้ผลงาน

(22 มิ.ย.67) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษาของรองนายกฯ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีฝ่ายค้านก้าวไกล มีมติไม่รับหลักการร่างงบฯ ปี 68 วาระแรก อ้างเหตุรัฐบาลเบียดบังงบดัน ดิจิทัลวอลเล็ต เกินไป แถมขู่ร้องศาลระงับไม่ให้โครงการแจกเงินดิจิทัลให้ประชาชนเกิด เป็นการค้านแบบไม่มีสติหรือไม่ เหมือนไม่อยากให้ประเทศเจริญ ทั้งที่ตามระบอบประชาธิปไตย เสียงประชาชนเป็นใหญ่ วันนี้เมื่อเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ก็สมควรที่จะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน

ประกอบกับวันนี้เศรษฐกิจกำลังแย่ หุ้นตก เพราะพิษการเมือง ประชาชนลำบากยากจน เป็นหนี้ ไม่มีรายได้ ไม่มีเงิน ในการดำรงชีพ ขาดสภาพคล่อง ขาดเงินสดหมุนเวียนในระบบ ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบรุนแรง ทำให้โรงงานทยอยปิดตัวไปเยอะ คนต้องตกงาน ครอบครัวต้องลำบาก ยากจน รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไว โดยอัดฉีดตรงให้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมกันทั่วประเทศ เติมเงินในระบบ โดยเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้ประชาชนโดยตรง คนละหมื่นบาท 50 ล้านคน ถ้าโครงการสำเร็จ จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ประชาชนมีเงิน กำลังซื้อจำนวนมหาศาลจะกลับมา รัฐบาลเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คิดทำจะสำเร็จอย่างแน่นอน

"แต่วันนี้ก้าวไกลค้านสุดขั้ว ค้านแบบขวางโลก น่าจะเป็นเพราะกลัวรัฐบาลที่เพื่อไทยเป็นแกนนำจะได้ผลงาน ได้คะแนน โดยไม่สนความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ก้าวไกลอ้างการเมืองใหม่ รับฟังเสียงประชาชน ก็ควรให้ประชาชนตัดสิน โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตดีไม่ดี อีก 3 ปี ประชาชนจะให้คำตอบผ่านการเลือกตั้ง ถ้าดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ประชาชนต้องจดจำว่าพรรคไหนบ้าง มีส่วนค้านการช่วยเหลือประชาชน ที่กำลังลำบาก ยากจน สมัยหน้าควรพิจารณาลงโทษ ให้เป็นฝ่ายค้านตลอดไป" นายพร้อมพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

‘ประธานวิปรัฐบาล’ ดักคอ ‘ก้าวไกล’ เสนอเพิ่มวันประชุมสภาฯ เพื่อหวังเอาคะแนน ชี้!! สส. ต้องมีเวลาลงพื้นที่ ‘รับฟัง-แก้ไขปัญหา’ ให้ประชาชน รวมทั้งประชุม กมธ.

(6 ก.ค.67) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้เพิ่มวันประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญให้มากขึ้นว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกัน แต่หากย้อนไปดูในอดีต เราจะมีการประชุมสภาฯ เริ่มในช่วงบ่ายของวันพุธและวันพฤหัสบดี พอมาถึงในยุคของนายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาฯ ก็ให้เพิ่มการประชุมมาเป็นวันพุธเต็มวันและวันพฤหัสบดี ดังนั้นหากมีความจำเป็นที่ต้องพิจารณากฎหมายสำคัญ อาจจะเพิ่มการประชุมในวันศุกร์อีกวันหนึ่งก็พอได้ แต่ถ้าจะเพิ่มวันประชุมเป็น 4-5 วันเลยคงจะไม่ไหว เพราะ สส.ก็ต้องมีการประชุมพรรคและประชุมกรรมาธิการฯ ชุดต่าง ๆ

ดังนั้นหากเป็นเรื่องเร่งด่วนจะเพิ่มการประชุมในวันศุกร์อีกหนึ่งวันอาจจะพอได้ ทั้งนี้ ขอให้มานั่งประชุมสภาฯ ให้ครบทั้งสองวัน นั่งประชุมกันให้เต็ม ๆ ก็น่าจะพอแล้ว

“ผู้แทนเขตโดยเฉพาะที่อยู่ต่างจังหวัดน่าเห็นใจ เพราะประชาชนในพื้นที่อยากเห็นหน้า ยิ่งเวลามีปัญหาทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง ก็อยากให้ผู้แทนเข้ามาดูและรับฟังปัญหาอย่างใกล้ชิด เข้าใจว่า สส.พรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่เป็น สส.บัญชีรายชื่อและ สส.กทม.จึงอาจจะไม่ต้องไปลงพื้นที่เหมือนกับ สส.พรรคอื่น ๆ ดังนั้นอย่าคิดจะประชุมเพื่อหวังเอาคะแนนลอย ๆ” นายวิสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

‘รองโฆษกไทยสร้างไทย’ เผย ‘คนไทย’ โหยหา ‘ลุงตู่’ ชี้!! นโยบาย ‘เพื่อไทย’ เลือนลาง ทำเศรษฐกิจฝืดเคือง 

(7 ก.ค.67) นายทิวากร สุระชน รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวภายหลังการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน โดยช่วงที่ผ่านมามีโอกาสพูดคุยกับพ่อค้าแม่ขาย อยู่หลายครั้ง ได้รับฟังเสียงแห่งความทุกข์ ความยากลำบากในการทำมาหากิน การค้าการขายฝืดเคืองท่ามกลางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทั้งตลาดในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เผชิญปัญหาความซบเซาไม่ต่างกัน ราคาของอาหารการกิน ไม่ว่าจะเป็นข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ซึ่งเหตุปัจจัยที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องขายแพงขึ้นเนื่องจากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงต้นทุนในด้านอื่นๆเช่นค่าก๊าซหุงต้ม ค่าน้ำมัน ค่าไฟ และค่าขนส่ง ล้วนเป็นต้นทุนสำคัญทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน ตนซึ่งมีภูมิลำเนา อยู่ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ได้ลงพื้นที่สำรวจตลาดต่างๆในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดน้อยลงเพราะเนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคทุกอย่างแพงขึ้น จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลช่วยเร่งแก้ปัญหาควบคุมราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่าให้เป็นตลาดร้าง ที่มีแต่คนขายไร้คนเดินซื้อด้วยความสามารถของพรรคเพื่อไทยในอดีตที่ประกาศไว้ ณ วันเลือกตั้งว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะทำให้ "คนไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกินมีใช้ ไปพร้อมๆกัน" นั้น ดูแล้วน่าจะเลือนราง

ซ้ำร้ายค่าใช้จ่ายในครัวเรือนโดยเฉพาะ ไฟฟ้า ประปา และก๊าซหุงต้มไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ปรับขึ้นตลอดเวลา และการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลคาดหวังจะได้เห็นจากการแจกเงินดิจิทัลวอลเลท จะมาเป็นพายุหมุนนั้น แม่ค้าร้านเล็กๆในตลาดตามชุมชนต่างๆล้วนแต่อยากได้เป็นเงินสดอยากได้เงินหมุนรายวันไม่ใช่ต้องรอเงินในระบบหากเป็นดังนี้เสียงสะท้อนต่างๆที่ได้ยินไม่อยากจะเชื่อว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะถูกเปรียบเทียบว่าบริหารงานช่วยเหลือพ่อค้าแม่ขายสู้รัฐบาลลุงตู่ไม่ได้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ราคาสินค้าให้กับพี่น้องประชาชนโดยด่วน เพราะบริหารประเทศมาเกือบ 1 ปี ประชาชนเริ่มโหยหารัฐบาลลุงตู่แล้ว

‘เศรษฐา’ เยือน ‘เชียงราย’ ลุยบริหารจัดการ อนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองฮ่าน อนุมัติ!! 3 โครงการ 110 ล้านบาท พร้อม HBD ‘วิสาร’ ครบรอบ 68 ปี

(13 ก.ค.67) ที่โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองฮ่าง ต.ทานตะวัน อ.พาน จ.เชียงราย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ และน.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านพูดคุยประเด็นปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองฮ่าง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีชาวบ้านในพื้นที่ให้การต้อนรับจำนวนมาก และมีนักเรียนจากโรงเรียนป่าแดงวิทยา ตีกลองสะบัดชัยเพื่อเป็นการต้อนรับนายกฯ พร้อมมอบภาพวาดให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายฯได้มอบลายเซ็น และขอให้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ทั้งนี้ นายกฯได้รับมอบดอกไม้ และผ้าขาวม้าจากชาวบ้านที่นำมาต้อนรับด้วย

จากนั้น ประชาชนในพื้นที่ ต.ทานตะวัน อ.พาน จ.เชียงราย ได้สะท้อนปัญหาในพื้นที่ ว่า 40 กว่าปีก่อน พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ทำมาหากินของปู่ย่าตายาย แต่เมื่อปี 2545 มีการขุดเกาะน้ำเป็น 3 เกาะ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างมากทั้งน้ำท่วมซ้ำซาก และน้ำแล้ง อีกทั้งไม่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เพราะน้ำตื้นเขิน วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่นายกฯ และคณะลงพื้นที่เพื่อที่จะได้ช่วยพัฒนาพื้นที่ เพราะปี 67 ได้งบ 10 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอ ส่วนปี 68 ไม่มีงบ จึงอยากขอความเมตตาจากนายกฯและคณะ ช่วยผลักดันงบประมาณให้ชาวบ้าน และขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ

ด้านนายกฯ กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาที่นี่ครั้งแรกในบรรยากาศที่สบายๆ วันนี้เรามาครบทั้งกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และฝ่ายที่ดูแลเรื่องงบประมาณ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเรื่องน้ำเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลให้ความมุ่งมั่นที่จะต้องดูแลให้ดีทุกพื้นที่ ซึ่งเรื่องน้ำท่วมน้ำแล้ง ตนได้ส่งทีมงานลงมาคุยในพื้นที่ก่อนล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น เรื่องของการที่เราจะพัฒนาสนับสนุนเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค หรือการพัฒนาให้บริเวณนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเราจะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของงบประมาณที่บอกว่ามีแค่ 10 ล้านบาท ส.ส.ในพื้นที่ก็ได้มีการมาพูดคุยกับตนหลายครั้งแล้ว เรื่องของงบประมาณเราเข้าใจว่า 10 ล้านบาท คงไม่เพียงพอ แต่เรามี 3 โครงการในพื้นที่จึงขอให้เติมศูนย์อีกตัวที่ไม่ใช่ 10 ล้านบาท แต่เป็น 110 ล้านบาท เราไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามจะทำให้ดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกฯพูดคุยกับชาวบ้านเสร็จ น.ส.วิสาระดี ได้เซอร์ไพรส์วันเกิดนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ซึ่งเป็นบิดาที่จะมีอายุครบ 68 ปีในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.) โดยได้น.ส.วิสาระดีได้มอบเค้กให้บิดา และขอให้บิดาได้ถ่ายรูปกับนายกฯ

จากนั้น นายกฯได้เดินเยี่ยมชมบูทโอท็อป ผลิตภัณฑ์ชุมชน และสินค้าทางการเกษตร ที่ชาวบ้านในพื้นที่นำมาแสดง และจำหน่าย ก่อนที่จะมอบพันธุ์ปลา และรับฟังบรรยายสรุปจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.เชียงราย ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติงบกลางล่าสุดซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์กว่า 20,000 ไร่ โดยใช้น้ำระบบท่อ จากนั้นนายกฯ ได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 เพื่อเป็นที่ระลึกกับชาวบ้าน ต.ทานตะวัน ด้วย

‘ลิณธิภรณ์’ เผย ‘เศรษฐา’ มาแรงขึ้นนำอันดับ 1 ผลโพล ‘ไลน์ทูเดย์’  สะท้อน!! ปชช.เห็นผลงานรัฐ ใช้งบกลางแก้ปัญหาได้ตรงจุด 

(21 ก.ค.67) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้รับคะแนนความนิยมเป็นอันดับ 1 ของนักการเมือง ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2567 ซึ่งสำรวจโดยไลน์ทูเดย์ (LINE TODAY) จำนวน 8,742 คะแนน คิดเป็น 40.12% ว่า คะแนนนิยมนี้สะท้อนว่าประชาชนเห็นและสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นในการทำงานของรัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ซึ่งสามารถจัดตั้งรัฐบาล นำพาประเทศพ้นภาวะสุญญากาศหลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุด จนเข้าบริหารโดยปราศจากกฎหมายงบประมาณที่ล่าช้ามาแต่เดิม โดยยึดหลักสอบถามหารือ สั่งการ และติดตามต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ยิ่งเมื่องบประมาณ 2567 ได้รับการอนุมัติ อาทิ งบกลางในวงเงิน 7.6 พันล้าน ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รับมือน้ำท่วมปี 2567 และน้ำแล้งปี 2568 และวงเงินกว่า 272 ล้านบาท แก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน ลดฝุ่น PM2.5 ทั้งหมดมีเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือ และบรรเทาความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างตรงจุด จนประชาชนสัมผัสได้ และสะท้อนผ่านคะแนนความนิยมในวันนี้

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ตนในฐานะ สส.พรรค พท. ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล นอกจากจะขอแสดงความยินดีแล้ว ต้องขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลไม่หยุดอยู่เท่านี้ แต่ต้องต่อยอดความสำเร็จต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่เตรียมจะเปิดให้ลงทะเบียน 1 สิงหาคมนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั้งระบบต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับผลโพลครั้งนี้ซึ่งมีผู้ตอบจำนวนมากและผ่านการยืนยันตัวตนที่แท้จริง คือกระจกสะท้อนหัวใจประชาชนที่ยอมรับผลงานรัฐบาลตั้งแต่ยังไม่ครบปีแรก และพร้อมสนับสนุนนายเศรษฐา ถือธงนำประเทศ ดำเนินนโยบายต่อไปให้สำเร็จ ในฐานะนักการเมืองที่ 1 ในใจคนไทยขณะนี้

‘อดีตสว.วันชัย’ ฟันธงชะตา ‘ทักษิณ’ หลังเดือนเกิด จะมีแต่ความยิ่งใหญ่ ชี้!! นี่คือกำลังเสริม เติมให้รัฐบาล ‘เปรี้ยงปร้าง’ อะไรก็รั้งฉุดไม่อยู่

เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.67) นายวันชัย สอนศิริ อดีต สว. ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ...

ดวงคุณทักษิณ ชินวัตร กับราชาโชค คุณทักษิณเกิดวันที่ 26 ก.ค. 2492 เวลาก่อนเที่ยงตรงกับวันอังคารปีฉลู มีทั้งจันทร์เด่นและจันทร์ดับ มีทั้งคนรักคนเกลียด ตรงกับราศีเมษมีดาวพฤหัสกุมเกตุเป็นราชาโชค...ยังมีอีกหลายดวงดาวที่เกี่ยวพันกับดวงชะตา หลังจากเดือนเกิดต่อแต่นี้จะมีแต่แข็งและแรงขึ้น ยิ่งอยู่ในฐานของราชาโชค มีแต่โชคที่ยิ่งใหญ่ เคยดับอับแสงจะกลับมาสว่างไสวเจิดจ้าเป็นโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ไปสุด ๆ จะได้รับการยกย่องตามหลักโหราว่าเป็นปทุมเกณฑ์ ชนิดที่คิดและก็คาดไม่ถึง

จะปล่อยให้คุณเศรษฐา ทวีสิน และพลพรรคเพื่อไทยขับเคลื่อนอยู่เช่นนี้ ยังไม่มีผลงานใดที่โดนใจประชาชน ได้แต่เต้นแร้งเต้นกาไปวัน ๆ ประชาชนก็เห็นแต่ท่าแต่ทางไปเท่านั้น ที่จะชื่นชมนิยมยกย่องยังไม่มีเลย ขืนปล่อยไปเช่นนี้ทั้งเพื่อไทยทั้งครอบครัวทั้งตัวคุณทักษิณ ก็จะถูกจันทร์ดับอับแสงไปด้วย จะอยู่ในที่มืดต่อไปคงไม่ได้ จันทร์ต้องออกมาส่องหล้าด้วยตัวของคุณทักษิณเอง 

สถานการณ์นี้คุณทักษิณต้องออกมาขับเคลื่อนให้เห็นเด่นชัดแบบตรงไปตรงมา เพราะดาวพฤหัสและราชาโชคเปิดโอกาสให้แล้ว ไม่ขยับตอนนี้แล้วจะไปขยับตอนไหน... ดูจากดวงดาวจึงต้องเป็นคุณทักษิณ ชินวัตร... ส่วนจะบริหารจัดการกับอำนาจอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่จะต้องตัดสินใจกันเองให้เกิดความพอดีพอเหมาะ ร่วมมือร่วมใจ รัฐบาลก็เดินไปได้ คุณทักษิณก็เป็นกำลังเสริมเติมให้เปรี้ยงปร้าง...ดาวพฤหัสและราชาโชค มาถูกที่ถูกเวลากับชะตาของเขา...อะไรก็รั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่

‘วันชัย’ ฟาดใส่ ‘เฉลิม’ น่าสมเพชเวทนา แก่หงำเหงอะ เลอะเลือน ชี้!! วันเวลาฆ่าแม้กระทั่ง ‘ดาวสภา-ขุนศึกฝั่งธน’ หมดคนเกรงกลัว

(27 ก.ค.67) นายวันชัย สอนศิริ อดีตสว. โพสต์ข้อความเรื่อง ‘อยู่ให้คนอิจฉา ดีกว่าอยู่อย่างน่าสงสาร’ ในเพจเฟซบุ๊กทนายวันชัย สอนศิริ เตือนสติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย 

กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตอบโต้สั้น ๆ ‘สงสารเขา อายุเยอะแล้ว’ ระบุว่า นายทักษิณได้ตอบคำถามของนักข่าว ที่ถามถึงเรื่องร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์และท้าดีเบตว่า ‘อย่าไปพูดถึงเขาเลย สงสารเขา ผมสงสารเขา เขาอายุเยอะแล้ว’ นั้นถ้าตนเป็นร.ต.อ.เฉลิม จะรู้สึกเจ็บจี๊ดเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจ ทะลุเข้าไปถึงตับไตไส้พุง เพราะคำพูดว่า สงสาร เขาอายุเยอะแล้ว มันเหมือนกับคำพูดที่ว่า สมเพชเวทนา แก่แล้ว หมดสภาพแล้ว ไม่อยากยุ่งด้วย ปล่อย ๆ เขาไปเถอะ

มีคำสั่งสอนที่พูดกันมานานว่า ต้องอยู่ให้คนอิจฉา อย่าอยู่อย่างน่าสงสาร หมายความว่าคนที่ประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง มั่งคั่ง มีฐานะมีตำแหน่ง มีเกียรติยศชื่อเสียง คนมักจะอิจฉาตาร้อนริษยานินทาว่ากล่าว น่าหมั่นไส้ แต่คนที่ยากจนข้นแค้นต้อยต่ำ ไม่มีฐานะตำแหน่งชื่อเสียงเกียรติยศ หมดสภาพ แก่หงำเหงอะ เลอะเลือน คนเขาก็จะสมเพชเวทนา ช่างน่าสงสารเสียจริง เป็นมนุษย์จึงต้องอยู่ให้คนอิจฉา อย่าให้คนสงสาร นายวันชัยระบุ

นายวันชัย ระบุต่อว่า คุณเฉลิม ออกมาคราวนี้ เสียงก็เหือดแห้ง แรงก็โหยหา น้ำยาก็หมด จะกระโชกโฮกฮากใส่ใครก็ไม่มีใครเกรงกลัว หลานอุ๊งอิ๊งก็ยังดีดออก คุณทักษิณก็บอกว่าสงสารเขา เขาอายุเยอะแล้ว คงไม่ต้องมีคำอธิบายอะไรมากไปกว่านี้ วันเวลามันฆ่าทุกสิ่งทุกอย่าง ฆ่าแม้กระทั่งดาวสภา ขุนศึกฝั่งธน ฉลามและเฉลิม ผมละสงสารจับใจ ว่าง ๆ ไปกราบหลวงพ่อสัมฤทธิ์ประสิทธิโชค วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชัน บ้างก็จะดีนะ จะได้มีคนอิจฉา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top