Sunday, 8 June 2025
พรรคเพื่อไทย

‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ เลื่อนลำดับนั่งเก้าอี้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ หลัง ‘สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล’ ยื่นใบลาออก

(3 ส.ค.67) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่องให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง ฉบับลงวันที่ 2 สิงหาคม โดยมีเนื้อหาดังนี้

ตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2566 ซึ่งได้ประกาศให้ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 21 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้น

บัดนี้ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล สิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทน คือ นายก่อแก้ว พิกุลทอง

‘สรวงศ์’ เผย ‘เพื่อไทย’ ไม่มีคุยดึง ‘สส.ก้าวไกล’ ร่วมงาน หากถูกยุบพรรค ลั่น!! ไม่ขอก้าวล่วงพรรคอื่น ยัน!! ข้อตกลงเดิมที่เคยพูดคุยกัน ตอนจัดตั้งรัฐบาล

(4 ส.ค. 67) นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาระบุว่ามีความพยายามจากพรรคร่วมรัฐบาลติดต่อดึง สส.พรรค ก.ก.ไปร่วมงานด้วย หากพรรคถูกยุบ ในฐานะพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล มองเรื่องนี้อย่างไร ว่า ตนไม่ขอก้าวล่วงพรรคอื่น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน แต่ในส่วนของพรรค พท. ตนในฐานะเลขาธิการพรรคยืนยันว่าไม่มี

เมื่อถามว่า จะมีผลอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่น่ามีอะไร หากพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้นก็ต้องว่าไปตามข้อตกลงที่เคยพูดคุยกันตอนร่วมตั้งรัฐบาล

เมื่อถามถึง กรณีที่หากพรรค ก.ก.ถูกยุบ อาจจะมีปรับเปลี่ยนเรื่องเก้าอี้ประธานสภา และรองประธานสภา พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมีการพูดคุยกันใหม่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า จะต้องมีการพูดคุยกันแน่นอน แต่เบื้องต้นตนไม่อยากให้มีข่าวร้ายในการยุบพรรคใดๆ ทั้งสิ้น

‘วิสุทธิ์’ รับโควตา ‘รองประธานฯ คนที่ 1’ เป็นของ ‘ภูมิใจไทย’ ‘เพื่อไทย’ ไม่ส่งใครไปแย่ง ชี้!! ‘พิเชษฐ์’ ไม่ขอสลับ-ไม่ขอลาออก

(11 ส.ค. 67) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวถึงโควตาตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ว่า โควตาดังกล่าวเป็นของพรรคภูมิใจไทย แต่ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้แจ้งมาว่าจะให้ใครดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งใครไปชิงตำแหน่งนี้ และไม่จำเป็นต้องสลับตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่1กับรองประธานสภาฯคนที่ 2 ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย เพราะนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 พรรคเพื่อไทย ไม่ขอสลับ และไม่ขอลาออกจากตำแหน่ง ตอนนี้โควตารองประธานสภาฯคนที่1 เป็นของพรรคภูมิใจไทย แต่ต้องรอการหารือวิปรัฐบาล ในวันที่ 13 ส.ค อีกครั้ง

"มั่นใจไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกัน การเป็นรองประธานสภาคนที่ 1หรือคนที่ 2 ไม่ต่างกัน เท่าเทียมกัน การทำงานใกล้เคียงกัน ต่างกันแค่สำนักงานที่อยู่ในความดูแลที่ขึ้นอยู่กับประธานสภาผู้แทนราษฎร จะมอบให้ใครดูแลงานด้านไหน  ไม่มีการก้าวก่ายกันอยู่แล้ว เชื่อมั่นการทำงานจะเป็นไปด้วยความราบรื่น" นายวิสุทธิ์ กล่าว

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาปรับโควตาตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร หลังจากเสียงสส.ของพรรคประชาชนลดลง 5 เสียงนั้น ส่วนตัวเห็นว่า จำนวนสส.ของพรรคประชาชนที่หายไป 5 คน ลดลงแค่เล็กน้อย ดูแล้วคงยากที่จะให้มาสลับตำแหน่งกันใหม่ อัตราส่วนยังคงใกล้เคียงของเดิมอยู่ คงไม่ถึงขั้นมีผลกระทบให้ตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญของพรรคประชาชนต้องมาทบทวนกันใหม่ อย่างไรก็ตามเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของตนเท่านั้น จะต้องมาคุยกันในที่ประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 13 ส.ค.ก่อน พรรคร่วมรัฐบาลอื่น อาจเห็นไม่เหมือนตนก็ได้ เราทำงานในนามพรรคร่วมรัฐบาล ต้องรับฟังความเห็นร่วมกัน

ส่วนกรณีพรรคประชาชนมีผู้สมัครสมาชิกพรรคจำนวนมาก และสามารถระดมเงินบริจาคได้มากกว่า 20 ล้านบาท ในระยะเวลาดำเนินการเพียงไม่กี่วันนั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้รู้สึกหนักใจ เอฟซีของใครก็ย่อมสนับสนุนพรรคของตัวเอง เป็นเรื่องปกติ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนโยบายพรรคจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนมากน้อยแค่ไหน การที่พรรคประชาชนประกาศความเชื่อมั่นจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวในการเลือกตั้งปี 2570นั้น ก็ต้องดูถึงเวลาจะทำได้จริงหรือไม่ เหลือเวลาอีก 3 ปี สถานการณ์ในอนาคตคาดการณ์ไม่ได้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แต่พรรคเพื่อไทยมั่นใจในนโยบายและการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน จะทำให้ได้รับความเชื่อมั่นและเสียงตอบรับจากประชาชนในการเลือกตั้งสมัยหน้า โดยเฉพาะขณะนี้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตใกล้จะแจกเงินถึงมือประชาชนในปลายปี ทำให้เสียงตอบรับของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยดีขึ้นมาก รวมถึงราคาพืชผลการเกษตรหลายอย่างก็ดีขึ้น ทำให้คะแนนพรรคเพื่อไทยกลับมาดีขึ้นอย่างมาก

‘เพื่อไทย’ เตรียมคุย ‘พปชร.’ สัปดาห์หน้า ศึกเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก ‘สรวงศ์’ ลั่น!! หากส่งแล้ว ก็ต้องสู้เต็มที่ มั่นใจ!! คว้าเก้าอี้ได้แน่

(11 ส.ค. 67) นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งคนลงเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ว่า ตอนนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้ถามไปยังพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่ามีความพร้อมหรือไม่ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนเสียงเป็นพรรคอันดับ 2 ในพื้นที่ดังกล่าว

นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการพูดคุยกัน เพราะยังไม่มีการเคาะวันสมัครรับเลือกตั้งออกมาว่าจะเป็นเมื่อไหร่ โดยจะพูดคุยกันภายในสัปดาห์หน้า

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า หากส่งลงในนามของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ จะสามารถชิงเก้าอี้ได้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เรามั่นใจ หากตัดสินใจที่จะส่งแล้วก็ต้องสู้เต็มที่ ซึ่งเบื้องต้นพรรค เพื่อไทยก็ได้สอบถามไปยังผู้สมัครที่เคยลงสมัคร และได้พูดคุยกันแล้วว่าในพื้นที่พร้อมหรือไม่ และพร้อมขนาดไหน แต่ยังไม่ได้คำตอบ

‘อุ๊งอิ๊ง’ โพสต์ข้อความใน X ขอบคุณที่มอบความไว้วางใจ ให้เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ เผย!! จะจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ เพื่อคนไทยทุกคน

(17 ส.ค.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความใน X ว่า ...

ดิฉันขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ที่มอบความไว้วางใจให้ดิฉันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติสูงสุดในฐานะประชาชนคนไทย

หลังจากนี้ การจัดตั้งรัฐบาลจะดำเนินการตามกระบวนการ และจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ

ดิฉัน พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนพร้อมทำงาน ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ เพื่อคนไทยทุกคนค่ะ

สะพัด!! ‘อุ๊งอิ๊ง’ ทบทวน ‘โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต’ เปลี่ยนมาให้เงินสด เน้นกลุ่มเปราะบาง ลดเสี่ยงผิดกฎหมาย

(17 ส.ค.67) มีรายงานว่า ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับโหวตจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตลอดทั้งวันนี้มีกระแสข่าวยกเลิกโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นโยบายพรรคเพื่อไทย แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ โดยเฉพาะแหล่งที่มาของเงิน ทั้งเสียงคัดค้านในวงกว้างว่าอาจจะทำลายวินัยการเงินการคลัง เกิดภาวะเงินเฟ้อ และอาจผิดต่อกฎหมายได้นั้น

ล่าสุดมีรายงาน อ้างว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งรอรับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนั้น จะมีการทบทวนและยกเลิกโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หลังมีการหารือกับผู้ใหญ่ภายในพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณ ชินวัตร มาระยะหนึ่งแล้ว

แม้จะมีการยกเลิกโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทไป แต่รัฐบาลนางสาวแพทองธาร จะใช้วิธีแจกเงินสดแทน โดยเน้นไปที่กลุ่มเปราะบาง เพื่อลดภาระงบประมาณลง และง่ายต่อที่มาของแหล่งเงิน

ที่สำคัญจะไม่เสี่ยงต่อการผิดกฎหมายที่จะกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล และสถานะของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีด้วย แหล่งข่าวให้ข้อมูล

‘แพทองธาร ชินวัตร’ รับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ เผย!! จะทำเพื่อความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด

(18 ส.ค.67) เวลา 09.29 น. ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยได้อัญเชิญไปยังสถานที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการฯ

จากนั้น เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31  ความว่า

“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

ด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงมติเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 เห็นชอบด้วย ในการแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2567
เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
ประธานสภาผู้แทนราษฎร

จากนั้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังรับสนองพระบรมราชโองการว่า 

เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม  แต่งตั้งให้ดิฉัน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนับเป็นเกียรติยศ และเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิต

ดิฉัน ครอบครัว และพรรคเพื่อไทย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้นทั้งจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ด้วยความจงรักภักดี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชนสนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการและตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ

ดิฉัน ขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่ได้มอบความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ให้ดิฉันได้มีโอกาสทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้าฝ่าฟันทุกอุปสรรคแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน 3 ปีที่เหลือตามวาระของรัฐสภา ดิฉันในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารจะขอทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เปิดพื้นที่ในการรับฟังทุกความเห็น เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง

พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่านคะ ภารกิจยิ่งใหญ่นี้ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยการทำงานของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ดิฉันมีความมุ่งหวังที่จะประสานพลังของคนทุกรุ่น ประสานพลังของบุคคลที่มีความสามารถในประเทศไทยจากทุกภาคส่วนทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ เอกชนและพี่น้องประชาชน

ดิฉัน จะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ และทักษะของคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วของบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง

ดิฉัน แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม ขอบคุณค่ะ

'นายกฯ' ลงพื้นที่ จ.น่าน 'ทอดไข่เจียว-ผัดข้าว' แจกจ่ายประชาชน พร้อม 'ติดตามสถานการณ์-ให้กำลังใจ' ผู้เผชิญน้ำท่วม

(24 ส.ค. 67) ที่ ท่าอากาศยาน จ.น่าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.แพร่ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ จ.น่าน เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม

โดยมี นายทรงยศ รามสูต นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ พรรคเพื่อไทย รอให้การต้อนรับ โดยทันทีที่มาถึง จ.น่าน น.ส.แพทองธาร เดินทางไปยังสถานีดับเพลิงเทศบาลเมืองน่าน ที่ใช้เป็นที่สำหรับประกอบอาหารเป็นโรงครัวแจกจ่ายประชาชนโดย น.ส.แพทองธาร ได้เดินทักทายให้กำลังใจอาสาสมัครและสภากาชาด

ที่มาช่วยกันปรุงอาหารให้กับประชาชน พร้อมกันนี้น.ส.แพทองธาร ได้ช่วยปรุงอาหาร ทอดไข่เจียวและบรรจุอาหารใส่ถุง เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ประสบภัยในจุดที่น้ำยังท่วมสูง  

'นายกฯ อิ๊งค์' วอนทุกฝ่ายขอให้ดูที่ความตั้งใจ หลังถูกวิจารณ์เป็น 'ครม.สืบสันดาน' ลั่น!! เป็นนายกฯ แล้ว ไม่พร้อมข่มเหงใคร ยินดีรับฟังและให้เกียรติทุกฝ่าย

(5 ก.ย. 67) ที่อาคารชินวัตร 3 ‘น.ส.แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจโดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การที่ตนเข้ามาทำงาน ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ จากการโหวตของสภา ก็ต้องขอบคุณทุกท่าน และเมื่อเป็นนายกฯ แล้วไม่พร้อมที่จะข่มเหงใคร แต่พร้อมที่จะรับฟังและพร้อมที่จะให้ความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นคิดว่าหลักคิดตรงนี้จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามข้อวิจารณ์และข้อร้องเรียนต่าง ๆ ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดการบั่นทอนการทำงานของตัวเอง ซึ่งทุกคนก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ และถ้าเป็นการวิจารณ์ด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ คิดว่าน่าจะดีแต่สามารถเกิดขึ้นได้

เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์ว่าเป็นคณะรัฐมนตรีสืบสันดาน หรือ ครม.ครอบครัว ‘น.ส.แพทองธาร’ กล่าวยอมรับว่า…

“เป็นคำที่แรงจริงๆ ด้วยใช้คำแรงจัง ความจริงมีหลายรูปแบบมีหลายคนที่ไม่ได้มาจากครอบครัว หรือเกี่ยวข้องกันและก็มีหลายคู่ที่เป็นครอบครัวต่อมา ส่วนตัวอยากให้มองถึงความตั้งใจ ที่ตั้งใจถ่ายทอดกันมาในคนใกล้ชิดและคนรู้จัก หลายอย่างในชีวิตที่ต้องทำต้องอาศัยแรงผลักดัน และความภูมิใจของคนรอบข้าง ครอบครัว เพราะฉะนั้นคำว่าเป็นครอบครัวมันไม่ใช่ข้อเสียมันเป็นแรงผลักดันให้กันมากกว่า”

ส่วนข้อวิจารณ์และการร้องเรียนหนีไม่พ้นคำว่าครอบงำ โดยเฉพาะจากการพูดของ ’นายทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีกล่าวว่า…

“สงสารนายกฯ บ้างอย่าฟ้องอะไรเยอะเลย ดิฉันเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งใจทำงานเต็มที่ ขอย้ำอีกครั้งว่าบางครั้งเรื่องเล็ก ๆ อย่าให้ความสำคัญมากนัก คนฟ้องก็อย่าฟ้องเยอะเลยมันไม่ได้มีอะไรผิดแบบนั้นอยู่แล้ว”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของการแบ่งงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีนั้น ขอเวลาพิจารณาถึงงานต่าง ๆ ก่อน รวมถึงจะมอบหมายการกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้กับ ‘นายภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยหรือไม่ ขอพิจารณาดูอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีเปิดเผยด้วยว่า วันเดียวกันนี้จะพิจารณาในส่วนของนโยบายรัฐบาลที่จะนำสู่การแถลงต่อรัฐสภาโดยเฉพาะของพรรคเพื่อไทย วันเดียวกันนี้ก็จะมีการพูดคุยกันตกผลึกในทุกๆ ประเด็น เช่นเดียวกับในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการส่งเข้ามาแล้วบางพรรค รวมทั้งนโยบายของพรรคภูมิใจไทยในเรื่องของกัญชาขอให้รอสักนิดซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอดรอให้ได้ข้อสรุปแล้วจะมาชี้แจงอีกครั้ง

เลขาฯ ปชน. ประกาศกวาด 300 สส. ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว แย้ม!! ส่งบัญชีนายกฯ มากกว่า 1 ชื่อ กันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

‘เลขาธิการพรรคประชาชน’ ลั่นเลือกตั้งรอบหน้า มีโอกาสกวาด สส. 270 – 300 ที่นั่ง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว โวขั้นต่ำเกินกึ่งหนึ่งแน่ แย้มชงบัญชีนายกฯ มากกว่า 1 ชื่อ

พรรคประชาชน ที่มีณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นหัวหน้าพรรค เตรียมรณรงค์แคมเปญ 'เท้ง ทั่วไทย' โดยนายณัฐพงษ์ หลังจากนี้จะมีการเดินสายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ครบทุกจังหวัด ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีการ Kick off ไปแล้วแถวย่านเพชรเกษม ฝั่งธนบุรี พื้นที่เลือกตั้งเดิม ของนายณัฐพงษ์ สมัยเป็นสส.เขต กทม.

นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน กล่าวถึงทิศทางการเมืองของพรรค หลังถูกถามว่า สมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ได้มา 81 เสียง มาพรรคก้าวไกลได้ 151 เสียง แล้วมายุบพรรคก้าวไกล เลือกตั้งรอบหน้า จะได้เกิน 200 หรืออาจ 250 ที่นั่งได้หรือไม่ โดยกล่าวว่า ส่วนใหญ่ตอนนี้เราคิดว่าเราจะพัฒนาตัวเองอย่างไร การพัฒนาตัวเอง ความหมายก็คือ เราต้องชนะตัวเองในอดีต เมื่อวานเราได้แค่ไหน วันพรุ่งนี้เราต้องดีกว่าในความหมายแบบนี้

“หากมีการเลือกตั้งปี 2570 อย่างที่มีการประเมินกัน เรายังมีเวลาอีกพอสมควร อย่างน้อยสองปีกว่าถึงสามปี การที่เราดีขึ้นทุกวัน-ทุกวัน อย่างที่เราประเมิน มันก็ไปได้ไกลมาก อาจไปได้ไกลถึง 270 หรือ 300 เสียง ก็เป็นไปได้ ถ้าเราดีขึ้นทุกวันอย่างที่บอก เราเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อวาน ดังนั้น เวลาผมพูดก็จะซีเรียสว่าต้องได้เท่านั้นเท่านี้ แต่ตอนนี้พอเห็นทิศทาง มันเป็นไปได้ตั้งแต่มากกว่าเดิม ผมมั่นใจว่าเราได้มากกว่าเดิมแน่ แต่จะมากไปถึงไหน ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำวันนี้และวันพรุ่งนี้เรื่อย ๆ ไป ส่วนตัวเลขจะได้ 200 เสียงหรือไม่ ในความเห็นส่วนตัวผม ผมมั่นใจว่าเราน่าจะไปได้ไกลกว่านั้น ความเห็นส่วนตัวผม” เลขาธิการพรรคประชาชน ระบุ

ส่วนที่ยังมีเสียงปรามาสว่า หลังเลือกตั้งรอบหน้า พรรคประชาชนจะกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านอีก นายศรายุทธิ์กล่าวว่า คิดว่าอาจจะเป็นอีกหนึ่งปี สองปี หรือสามปี ซึ่งเราไม่รู้อนาคต แต่เราต้องแข่งกับตัวเอง ณ เวลานั้น เราอาจเข้มแข็งมาก จนทะลุทะลวงได้ สส. เกิน 250 ที่นั่ง ก็เป็นไปได้

เมื่อถามว่า ความมุ่งมั่นที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวกับรัฐบาลผสม มุ่งไปทางไหน เลขาธิการพรรคประชาชน กล่าวตอบว่า การทำงานของเรา ด้วยความคาดหวังที่อยากเห็นประเทศมีอนาคต ทุกคนที่มาทำงานที่พรรค ต่างมีความคาดหวังแบบนั้น ดังนั้น ทุกคนมุ่งมั่นทำเต็มที่ ที่จะทำอย่างไรให้สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่สังคมที่มีอนาคตได้เร็ว เราก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว ดังนั้นเราพยายามให้เป็นอย่างนั้น (รัฐบาลพรรคเดียว) ก็เป็นไปได้ ถ้าทำสำเร็จ ก็ควรเป็นอย่างนั้น ผมเชื่อว่า สิ่งที่เรานำเสนอ มีความปรารถนาดีต่อประเทศจริงๆ อยากให้ประเทศเราเจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี นี้คือความปรารถนาของเรา

ถามย้ำว่า โอกาสที่หากพรรคประชาชนเลือกตั้งรอบหน้า สมมุติว่าได้มา 200 เสียง โดยถ้ารวมกับพรรคเพื่อไทยแล้วเสียงในสภาฯ ท่วมท้น โอกาสจับมือกันตั้งรัฐบาลเป็นไปได้หรือไม่ นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า ถ้าถาม ณ วันนี้ หนึ่งปีที่ผ่านมา ผมคิดว่ายาก โดยส่วนตัวผม ประเมินว่าไม่ง่าย อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผมบอก มันก็จะมีเวลาอีกหลายปีกว่าจะถึงวันนั้น การทำงานร่วมกันในสภา ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน ไม่ใช่ว่าแค่พรรคเพื่อไทยรวมถึงพรรคอื่นๆ เราก็ต้องดูว่าเราผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงแก้ไขประเทศได้แค่ไหน ถ้ามันมีบางเรื่องที่เราทำงานร่วมกันได้ ผลักดันบางอย่างให้เกิดขึ้นได้ ผมคิดว่าสถานการณ์ ก็อาจเปลี่ยนไปในอนาคต ก็เป็นไปได้ หากเราจะต้องจับมือกับใคร ก็เป็นไปได้ ณ เวลานั้น

เมื่อถามว่า ฟังตอนนี้ ดูเหมือนจะจับมือกันยากกับเพื่อไทย เลขาธิการพรรคประชาชน ยอมรับว่า บรรยากาศโดยภาพรวมมันทำให้มองอย่างนั้น แม้แต่ตนเองก็รู้สึกแบบนั้น คือด้วยความที่เรามีคนจำนวนมากในพรรค เราก็ต้องฟังเสียงของทุกคน

ส่วนกรณีเสียงวิจารณ์ว่า ที่ผ่านมาในการเป็นฝ่ายค้าน ไม่ค่อยแตะเพื่อไทย ไม่แตะทักษิณ ชินวัตร แตะก็แตะแบบลูบเบาๆ นายศรายุทธิ์ ยืนยันว่า ไม่จริง เราก็ทำตลอด อย่างที่มีการพูดกันว่า เราไม่ตรวจสอบชั้น 14 ก็ไม่จริง ก็มีการอภิปรายในสภาฯ แต่ประเด็นที่เราจะตรวจสอบ และวิธีการที่เราจะตรวจสอบ เราไม่เลือกใช้ช่องทางที่เรามองว่ามีปัญหา อย่างเช่น ผ่านองค์กรอิสระต่างๆ เราไม่อยากจะใช้แบบนั้น เราไม่อยากให้เป็นนิติสงครามเหมือนที่เราโดน เราจะใช้เวทีปกติในระบบประชาธิปไตย อย่างเช่นการอภิปราย ก็อยากให้ดูว่าเราทำได้ดีแค่ไหนตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราก็จัดเต็ม ทำเต็มที่แน่นอน ถ้าอะไรที่เป็นกลไกปกติ พรรคเราทำเต็มที่แน่นอน

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์เรื่องดีลลับระหว่างธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กับนายทักษิณ ชินวัตรนั้น เลขาธิการพรรคประชาชน ยืนยันว่า ไม่มี โดยตัวของธนาธร ไม่สามารถดีลลับได้อยู่แล้ว ต้องบอกว่าระบบพรรคเรา คือเวลาคนอื่นมอง เขามองโดยใช้แว่นตาแบบเดิม เช่นคนนั้นเป็นเจ้าของพรรค ต้องให้คนนั้นไปดีล คือเขาไปเอามุมมองแบบนั้น มามองพรรคเรา ทำให้คิดอย่างนั้น ซึ่งในความเป็นจริง พรรคเรามีความเป็นสถาบันมากกว่านั้น ธนาธร ไม่ได้มีบทบาทที่จะตัดสินใจชี้่ถูกชี้ผิดอะไรในพรรค แน่นอนว่าอาจจะมีคนในพรรคจำนวนหนึ่ง อาจมีความชื่นชอบนิยม แล้วให้การยกย่องอันนี้มีจริง แต่เขาไม่ได้เข้ามาล้วงลูก มาทำอะไรในพรรค

ส่วนการเสนอแคนดิเดตนายกฯ พรรคคงไม่เสนอคนเดียวแล้ว หลังมีบทเรียนจากเคสนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์นั้น นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ว่าใช่หรือไม่ แต่ยอมรับว่ามีการคุยจริง และหลายคนที่เป็นแกนนำพรรค ก็มองไปในทิศทางแบบนั้น แต่จะบอกตอนนี้เลยคงไม่ได้ เพราะคงต้องไปพูดกันตอนใกล้ๆ เลือกตั้ง ทั้งนี้ยอมรับว่าการเสนอชื่อ นายณัฐพงษ์ กับ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็เป็นไปได้สูง ซึ่งหากถามความเห็นส่วนตัว เห็นว่าควรเสนอไปเลยสามชื่อ และหากฟังคนในพรรค อย่างไรก็เสนอมากกว่าหนึ่งชื่อแน่นอน แต่จะเป็นอย่างไร ก็คงไปว่ากันตอนช่วงใกล้เลือกตั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top