Monday, 9 June 2025
บิ๊กตู่

‘บิ๊กตู่’ เปิดทำเนียบต้อนรับ ‘นางงามจักรวาล’ โยน ‘ก.วัฒนธรรม’ พิจารณางบหนุนจัดการประกวด

(14 ก.พ. 66) ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้พบกับคณะนางงามจักรวาลที่มาขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในการเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดนางงามจักรวาลในปีหน้า

โดยเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะนางงามลงมาบริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 นายกรัฐมนตรีได้พูดแซวผู้สื่อข่าวว่า “ถ้าใครคิดว่าสวยกว่าให้ลุกขึ้นมายืนคู่เลย” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า “สู้ไม่ได้” นายกรัฐมนตรี จึงเอามือทาบอก พร้อมบอกว่า “คนงาม งามน้ำใจ ใช่ใบหน้า” ก่อนที่นายกรัฐมนตรี มอบดอกพุดซ้อนที่เด็ดมาจากข้างตึกไทยคู่ฟ้ามามอบให้นางงาม ก่อนถ่ายร่วมกันเป็นที่ระลึก

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! 'กกพ.' ขานรับนโยบาย 'BCG Model' หนุนใช้พลังงานสะอาด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

(15 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ขานรับแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมตามแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม โดยจะพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) และเป็นที่น่าชื่นชมการทำงานของทุกหน่วยงานในประเทศ ที่รับเอาแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรี เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม โดย กกพ. มีแนวทางที่จะสร้างกลไกเพิ่มการแข่งขันในกิจการพลังงาน ทั้งก๊าซธรรมชาติ ที่อาจปรับปรุงโครงสร้างรองรับการแข่งขัน พร้อมกับรักษาความมั่นคงด้านพลังงาน โดยสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียว

โดยระยะเร่งด่วน กกพ. ให้ความสำคัญกับการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก เช่น พลังน้ำ พลังงานหมุนเวียน และในส่วนระยะยาว จะให้ความสำคัญกับการผลิตพลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้พลังงานสีเขียว ตอบสนองความต้องการภาคธุรกิจการค้า และการลงทุนของภาคเอกชนระหว่างประเทศ ซึ่งมีความต้องการซื้อและได้รับการรับรองการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ในการลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนจากมาตรการภาษีคาร์บอนข้ามแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) และข้อกีดกันทางการค้าการลงทุนอื่น ๆ หนึ่งในกลไกสำคัญได้แก่ ไฟฟ้าสีเขียว หรือ Green Tariff ที่ออกแบบให้มีการขายไฟฟ้าพร้อมใบรับรอง (REC) ที่สามารถระบุที่มาของแหล่งผลิตไฟฟ้า เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว โดยไม่ต้องสร้างโรงไฟฟ้า

'บิ๊กตู่' เร่งเดินหน้าศูนย์ทดสอบยานยนต์-ยางล้อ รองรับฐานผลิต EV ดันไทยเป็นศูนย์กลางมาตรฐานโลก

(15 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก โดยนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามและผลักดันการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างไปอย่างมาก

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 อนุมัติโครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ วงเงิน 3,705.7 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ส่วนทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 และระยะที่ 2 ส่วนทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วน โดยการก่อสร้างระยะที่ 1 ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว ส่วนระยะที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 55 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569

‘บิ๊กตู่’ ตอบโต้ ‘ฝ่ายค้าน’ จะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐาน-ตรวจสอบให้ชัด อย่ามาพูดตีกินให้เสียหาย ยันไม่เคยเอื้อประโยชน์ใคร

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ. 66) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย​ โพธิ์​สุ​ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งแรก ว่า ฟังมาตั้งแต่เช้า มีหลายท่านที่แสดงความคิดเห็น ทั้งแนะนำ กล่าวหา ติเตือน หลายอย่างอยากบอกว่าที่ท่านพูดมาทั้งหมด ด้านเศรษฐกิจทำมาหมดแล้ว แต่ยังไม่เกิดผลผูกพัน ก็เอามาตีกินกันตรงนี้ ที่พูดมาทั้งหมดเวลารัฐบาลพูดท่านก็ไม่ฟัง กระทรวงการคลังชี้แจง หน่วยงานชี้แจงก็ไม่ได้ฟังอีก

"เพราะฉะนั้นนโยบายอะไรของท่าน เมื่อท่านเป็นรัฐบาลท่านก็ทำเถอะครับ ถ้าท่านได้เป็นนะ" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดูแลพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน เราทำตั้งแต่ฐานราก ทั้งเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน ประชาชนที่มีรายได้น้อยมีการแก้ปัญหาความยากจนแบบมุ่งเป้า ท่านลองไปศึกษาดู ถ้ามันง่ายอย่างที่ท่านพูดมาก็คงทำไปนานแล้วสมัยก่อนท่านก็ทำไม่ได้

'บิ๊กตู่ ติดตามปัญหานายทุนต่างชาติ ใช้นอมินีลอบทำธุรกิจในไทย กำชับทุกหน่วยลงพื้นที่ตรวจสอบ บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น

(16 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามประเด็นการแก้ไขปัญหาชาวต่างชาติหลบเลี่ยงทำธุรกิจโดยไม่ขออนุญาต และใช้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทน (นอมินี) โดยกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ตรวจสอบการจดทะเบียนของแต่ละบริษัท ห้างร้าน อย่างเข้มงวด ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ป้องกันไม่ให้เกิดช่องว่างจากธุรกิจสีเทาที่เข้ามาฉวยโอกาสทำธุรกิจของคนไทย

นายอนุชา กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบข้อมูลการขอจดทะเบียน พฤติกรรมของผู้ยื่นจดทะเบียนว่า มีความน่าเชื่อถือและสอดคล้องกับเงินทุนที่ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่หรือไม่ ในย่านเยาวราช สัมพันธวงศ์ รัชดาฯ และห้วยขวาง ประมาณ 200 บริษัท นอกจากนั้น ยังเน้นย้ำการตรวจสอบในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ไม่จำกัดเฉพาะจังหวัดใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยว แต่เน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม รถเช่า ร้านขายของที่ระลึก ธุรกิจนวด และสปา เป็นต้น

โดยขั้นตอนการตรวจสอบ จะดูลักษณะว่าประกอบธุรกิจอะไร ซึ่งหากเป็นธุรกิจที่อยู่ในบัญชีแนบท้ายตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว ไม่สามารถทำธุรกิจได้ คือ

'บิ๊กตู่' ลั่น!! รัฐบาลนี้ไม่มีขายบ้านแถมสัญชาติ แถมยังไม่พบ 'รมต.หนีคุก-หนีไปต่างแดน'

(16 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีตู้ห่าว ว่าพฤติกรรมเกิดขึ้นมานานพอสมควร ก่อนปี 57 โดยเข้ามาในประเทศปี 54 และมีการอนุญาตเรื่องสัญชาติ พฤติกรรมเหล่านี้ทราบในวันนี้หรือ ตนไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมาไม่มีใครทราบเลยหรือไม่ ตนได้ให้ตรวจสอบย้อนหลังว่าเงินเหล่านี้ใช้กันอย่างไร เมื่อไหร่

"ทราบว่าใช้ซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ ยกหมู่บ้าน ไม่ทราบว่าบริษัทของใคร สำหรับรัฐบาลนี้ไม่มีแน่นอนขายบ้านแล้วแถมสัญชาติ ถ้าตรวจสอบให้ดีจะทราบว่าภรรยาของนายตู้ห่าวมีความเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีของบางพรรคการเมือง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การออกหมายเรียกนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ของพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด จับกุมผู้เกี่ยวข้องและพัวพัน โดยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินตามอำนาจหน้าที่ ส่วนการเพิกถอนหมาย จับเป็นดุลยพินิจของฝ่ายตุลาการ ที่มีความเห็นว่าให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกก่อน ซึ่งตนไม่ได้ช่วยใคร ไม่ก้าวก่าย แต่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และเป็นเรื่องความผิดนอกราชอาณาจักรที่พนักงานสอบสวน ต้องร่วมทำการสอบสวนกับอัยการตามที่อัยการสูงสุดมอบหมายตามกฎหมาย

สำหรับกรณีธุรกิจจีนสีเทา ผับจินหลิง ก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย ที่บอกว่ามีการย้ายคนขยันคนทำงานนั้น เป็นเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายซึ่งอยู่ในอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กตู่' เร่งแก้ปัญหา 'อาวุธปืน-ยาเสพติด' ย้ำ!! เอาจริง สั่งทุกฝ่ายเดินหน้าปราบปรามเข้มข้น

(17 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงยุติธรรม, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการหาแนวทางการป้องกัน และการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนและยาเสพติด ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ขณะนี้กระทรวงมหาดไทย บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการแก้ไขปัญหาอาวุธปืน และมีมาตรการดำเนินการ ดังนี้...

1.) การอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เพิ่มเติมเอกสารใบรับรองแพทย์ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการหารือกับกรมสุขภาพจิต และโรงพยาบาลสมเด็จพระยาในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสุขภาพจิตและหาสารเสพติดของผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน รวมทั้งศึกษาแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 

เนื่องจากพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ไม่ได้ให้อำนาจนายทะเบียนท้องที่ออกคำสั่งให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการตรวจสุขภาพจิตและหาสารเสพติด, ออกหนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัดหรือนายจ้าง โดยกำชับนายทะเบียนท้องที่ให้ตรวจสอบประวัติอาชญากร และการรับรองความประพฤติของผู้ยื่นคำขออนุญาตทุกราย 

ทั้งนี้ การขออนุญาตให้ซื้ออาวุธหรือเครื่องกระสุนส่วนบุคคลให้มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนสำหรับการค้าให้มีอาวุธปืน (แบบ ป.3) และการขอใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ให้มีอาวุธปืนไว้เพื่อเก็บ ให้มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนชั่วคราว (แบบ ป.4) โดยในกรณีที่เป็นข้าราชการจะต้องผ่านการรับรองจากผู้บังคับบัญชา หรือหากเป็นบุคคลทั่วไปจะต้องได้รับการรับรองจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งการออกใบรับรองให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งหากปรากฏภายหลังพบว่ามีพฤติกรรมชวนสงสัยหรือถูกดำเนินคดีอาญา ต้องแจ้งให้ มท. ทราบเพื่อดำเนินการแจ้งนายทะเบียนท้องที่ดำเนินการตามอำนาจต่อไป 

ปัจจุบัน มท. อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ในประเด็นการกำหนดอายุใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน, ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขออนุญาต กำชับนายทะเบียนท้องที่ให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นคำขออนุญาต ทั้งก่อนและหลังการออกใบอนุญาตและซักซ้อมแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติให้ผู้ที่จะยื่นคำขอต่อนายทะเบียน ตามแบบ ป.3 หากเป็นการซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนในราชอาณาจักรให้ขออนุมัติผ่อนผันและรายงานให้ มท. ทราบทุกครั้ง 

ทั้งนี้ กรณีสนามยิงปืนจะอนุญาตให้ซื้อกระสุนปืนได้เฉพาะสนามยิงปืน ที่จัดตั้งเป็นสมาคมกีฬาโดยถูกต้องตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 และต้องแก้ไขชนิดและขนาดปืนที่ได้รับอนุญาตตามแบบ ป.4 เท่านั้น กรณีมีผู้ยื่นคำขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนชนิดหรือขนาดเดียวกันจำนวนมากผิดปกติ ให้เรียกอาวุธปืนและใบอนุญาตมาตรวจสอบเป็นราย ๆ ไป

หากพบว่ามีการแสดงข้อมูลเป็นเท็จโดยใช้ชื่อตนเอง เพื่อซื้ออาวุธปืนให้บุคคลอื่นให้เพิกถอนใบอนุญาตทันที, เพิกถอนใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว มีการกำชับแนวทางการอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวภายในเขตจังหวัด และแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพิกถอนใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) ได้ทันที หากพบว่าเป็นผู้ที่ไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ หรือถูกเพิกถอนแบบ ป.4, และเชื่อมโยงฐานข้อมูล มท. ได้อนุมัติสิทธิให้ ตช. (ส่วนกลาง) สามารถเข้าระบบเพื่อตรวจดูข้อมูลทะเบียนอาวุธปืนได้ และอยู่ระหว่างการหารือด้านเทคนิคการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน

2.) การจัดการอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่มีกฎหมายห้ามออกใบอนุญาต กระทรวงมหาดไทยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ปัจจุบันอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นในระบบกฎหมายกลาง โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่

(1) หากบุคคลที่มีการครอบครองอาวุธปืนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายและอยู่ในความควบคุมของรัฐโดยได้รับการยกเว้นโทษ
(2) กรณีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ให้ผู้ครอบครองส่งมอบให้อยู่ในการควบคุมของรัฐโดยได้รับการยกเว้นโทษ
และ (3) กำหนดให้มีการจัดเก็บอัตลักษณ์หัวกระสุนและปลอกกระสุนของอาวุธปืนทุกกระบอกโดยให้มีกำหนดโทษทางอาญาสำหรับผู้ฝ่าฝืนไว้ด้วย ทั้งนี้ อัตราการออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) ระหว่างเดือนกรกฎาคม-15 ธันวาคม 2565 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! เอกชนญี่ปุ่น เชื่อมั่นศักยภาพ ศก.ไทย จ่อขยายการลงทุน มั่นใจ ศก.ปี 66 พุ่งจากการท่องเที่ยว

(17 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานผลสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย ประจำครึ่งปีหลัง พ.ศ. 2565 ระหว่างวันที่ 29 พ.ย. - 23 ธ.ค.2565 โดยหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (Japanese chamber of commerce, Bangkok: JCCB) และยินดีที่ภาคเอกชนญี่ปุ่น ให้ความเชื่อมั่นศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และมีแผนที่จะขยายการลงทุนมากขึ้น โดยคาดการณ์จีดีพี ปี 2566 จะเติบโตมากขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง

นายอนุชา กล่าวว่า ผลการ สำรวจฯ คาดการณ์ว่าดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 จะอยู่ที่ 28 สูงขึ้นจากช่วงครึ่งหลังของปี 2565 อยู่ที่ 21 โดยผู้ประกอบการญี่ปุ่นคาดว่า การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวขาเข้า จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและชิ้นส่วนจะได้รับการแก้ไข

'เสี่ยติ่ง' นำทีม สจ.เชียงราย ซบ 'รทสช.' ลั่น!! เชื่อมั่นในตัว 'บิ๊กตู่' เชียร์นั่งนายกฯ อีกสมัย

(17 ก.พ. 66) นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้นำ ส.ต.ต.ชมชาติ กัปปะหะ และนายจิรายุ เผ่ากา สมาชิกสภาจังหวัดเชียงราย ทีมนักการเมืองท้องถิ่นจากจังหวัดเชียงราย เดินทางมายื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้การต้อนรับ ณ พรรครวมไทยสร้างชาติ

นายสัมพันธ์ กล่าวว่า ตนและลูกสาวตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ นอกจากจะมีความผูกพันส่วนตัวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคแล้ว เคยทำงานด้านการเมืองด้วยกันมาก่อน และมีความเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนดี โดยเฉพาะเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ตนจึงตั้งใจมาช่วยทำงานที่พรรคนี้

ความจริงมีหลายพรรคมาชักชวนให้เข้าไปร่วมงานด้วย แต่ตนได้ตัดสินใจมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามเหตุผลที่ได้แจ้งไปแล้ว ที่ผ่านมาตนมีโอกาสทำงานการเมือง อยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรีมาหลายยุคหลายสมัยและ อยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรีหลายคน รวมทั้งการสนับสนุนพล.อซประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 62 จนมาถึงตอนนี้ก็เห็นว่า ควรจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกหนึ่งสมัย

บิ๊กตู่ ปลื้ม!! การบินไทย ออกจากแผนฟื้นฟูได้ก่อนกำหนด ย้ำ!! ทำต่อให้ดีที่สุด สมกับเป็นสายการบินที่คนไทยภูมิใจ

นายกฯ ชื่นชมคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.การบินไทย พร้อมส่งกำลังใจให้ผู้บริหาร-พนักงานการบินไทยทุกคน ร่วมกันทำให้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูได้ก่อนกำหนด ย้ำทำต่อไปให้ดีที่สุด ให้สมกับเป็นสายการบินแห่งชาติที่คนไทยภาคภูมิใจ

(19 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ขณะนี้การบินไทย ดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการกำหนดไปแล้วราว 70% ประกอบกับผลการดำเนินงานที่เป็นบวกต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565 ซึ่งผู้บริหารการบินไทยมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2566 ก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) จะเป็นบวกมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเข้าเกณฑ์กำหนดของการยื่นขอออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ดังนั้น จะทำให้การบินไทยสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการก่อนเป้าหมายกำหนดในปลายปี 2567 และกลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ภายในปี 2568 โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณและชื่นชมคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย (จำกัด) มหาชน ที่ได้กำกับเดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการฯ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอบคุณผู้บริหารตลอดจนพนักงานของการบินไทยทุกฝ่ายทุกคน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำให้การบินไทยกลับมาแข็งแกร่ง สามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ก่อนเป้าหมายที่วางไว้

นายอนุชา กล่าวต่อไปว่า ล่าสุดการบินไทยได้เผยถึงภาพรวมการดำเนินงานในปัจจุบัน การบินไทยมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยประมาณ 80% และคาดว่าทั้งปี 2566 จะคงอยู่ในระดับ 80% ส่วนรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 40% จากปี 2565 ที่คาดการณ์รายได้ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่การบินไทยมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 1.6-1.7 แสนล้านบาทต่อปี ด้านความสามารถทำการบิน ขณะนี้การบินไทยเริ่มกลับมาทำการบินคิดเป็น 65% ของเส้นทางบินทั้งหมด หากเทียบกับปี 2562 และมีแผนจะทยอยเปิดบินเพิ่มเติมต่อเนื่องในเส้นทางเอเชีย จีน ญี่ปุ่น และยุโรปในเมืองที่มีความนิยมสูง ซึ่งจะทำให้การบินไทยกลับมาเปิดบินคิดเป็น 80% ในปี 2568 นอกจากนี้ จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของปริมาณความต้องการเดินทางในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 ประกอบกับแผนเพิ่มเส้นทางและความถี่เที่ยวบินตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เป็นต้นไป การบินไทยจึงได้เปิดรับสมัครพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกว่า 300 อัตราเมื่อเดือน ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top