Monday, 9 June 2025
บิ๊กตู่

‘นายกฯ’ สั่งลุยแก้ PM 2.5 เชิงรุก 'ระยะสั้น-ยาว' คลุมทุกมิติปัญหาที่ก่อให้เกิดมลพิษในทุกพื้นที่

'บิ๊กตู่’ สั่งการประเมินสถานการณ์รับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) วางแผน แก้ไขปัญหาในทุกมิติ ทั้งระยะสั้นระยะยาว ‘ย้ำ’ไม่ได้นิ่งนอนใจ

(3 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับ และสั่งการให้เดินหน้าแผน '3 พื้นที่ 7 มาตรการ' รับมือสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ของประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้งในระยะยาวสั้น และระยะยาว รวมทั้ง สั่งการให้ประชาสัมพันธ์สื่อสารให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 พร้อมแจ้งเตือนถึงความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ที่มีความรุนแรงเกิดจาก ภาพรวมของพื้นที่ ทั้งพื้นที่เมือง พื้นที่เกษตร และพื้นที่ป่า ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาที่ไม่เอื้อต่อการกระจายตัวของฝุ่นละออง และเป็นช่วงรอยต่อฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน สภาวะอากาศนิ่ง ลมสงบ ส่งผลต่อการสะสมของฝุ่นละอองในบรรยากาศ ทำให้ระดับฝุ่นละอองมีค่าสูงขึ้น อีกทั้งอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ปีนี้มีความแห้งแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมา จึงเป็นปัจจัยเสริมทำให้ PM2.5 อาจมีความรุนแรงขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้ง ติดตามสอบถามการแก้ไขปัญหา การทำงานของทุกหน่วยเป็นระยะ เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากจังหวัดใดที่มีค่าฝุ่นเกิน 51 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกันเกิน 3 วัน ให้พิจารณาเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center : PHEOC) เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์อย่างเป็นระบบ ส่วนจังหวัดที่มีค่า PM 2.5 ระหว่าง 37.6-50 มคก./ลบ.ม. ให้เปิดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ (OC) ระดับจังหวัดรองรับ รวมถึงให้เร่งรัดสื่อสารความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 แจ้งเตือนถึงความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ ด้านกระทรวงคมนาคม ยกระดับการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น การออกตรวจวัดควันดำจากท่อไอเสียของรถบรรทุกและรถโดยสารในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล การตรวจสภาพรถบรรทุกและรถโดยสาร การตรวจสอบการดำเนินการของสถานตรวจสภาพรถ การตรวจสอบยานพาหนะของหน่วยงานราชการ และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น 

นายอนุชา กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เร่งรัดการประชาสัมพันธ์เชิงรุกและแจ้งเตือนล่วงหน้า 7 วันทุกพื้นที่ ยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร (ชิงเก็บ ลดเผา และ Burn Check) ลดจุดความร้อน ป้องกันและควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่ และพัฒนาระบบพยากรณ์ ความรุนแรงและอันตรายของไฟ (Fire Danger Rating System : FDRS) เป็นต้น รวมทั้งขอความร่วมมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ทำความเข้าใจกับเกษตรกรเพื่อลดปริมาณการเผาในพื้นที่ ทั้งการเคาะประตูบ้านแจ้งข่าวทำ ความเข้าใจ ตลอดจนกำชับให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในแต่ละพื้นที่แบบครบวงจร ทั้งการชิงเก็บ ลดเผา และการใช้แอปพลิเคชัน Burn Check เพื่อลงทะเบียนและจองเวลา ในการเผาล่วงหน้า เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ ในส่วนของการแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่านการประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไป พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และได้นำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ให้ความเห็นชอบและออกเป็นประกาศ ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพอากาศให้เข้มงวดขึ้น โดยกรมควบคุมมลพิษจะมีการประกาศใช้ กำหนดมาตรฐานฝุ่นละออง PM 2.5 ใหม่ จากเดิมประเทศไทยจะใช้ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง กำหนดค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นการดำเนินการตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) เป็น ให้ค่าเฉลี่ยในเวลา 24 ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. และกำหนดมาตรฐานค่าเฉลี่ยในเวลา 1 ปี จะต้องไม่เกิน 15 มคก./ลบ.ม. โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2566 โดยจะส่งผลให้มาตรการการควบคุมการปล่อยมลพิษโรงงานอุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่งรถยนต์ จะมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อลดอัตราการปล่อยมลภาวะออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ยังจะมีมาตรการการควบคุมและลดปริมาณการเผาอ้อยหรือการเผาป่า 

'บิ๊กตู่' เร่ง พัฒนาสนามบินขอนแก่น เสร็จไม่เกิน มี.ค.นี้ เชื่อมต่อการเดินทาง-ขนส่งให้มีประสิทธิภาพ รองรับ นทท.

(3 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เร่งเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเดินทางและขนส่ง ทั้งในและระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น สามารถรองรับการเดินทาง เชื่อมโยงกับประเทศอื่นในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการบินแห่งการท่องเที่ยวและการขนส่งลำดับต้น โดยอนุมัติโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานขอนแก่น มูลค่าโครงการก่อสร้าง 2,004,900,000 บาท

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานขอนแก่น เป็นเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ในระยะ 8 ปี ซึ่งประกอบด้วย งานก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์หลังใหม่ และปรับปรุงอาคารจอดรถยนต์หลังเดิม งานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ และปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังเดิม จากเดิมมีเนื้อที่ขนาด 16,500 ตารางเมตร เป็น 44,500 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 1,000 คน ต่อชั่วโมง เป็น 2,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 5 ล้านคนต่อปี

‘บิ๊กตู่’ อาสา ขอเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ ดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม

'ประยุทธ์' ประกาศขอเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมเหมือนพ่อดูแลลูกที่รักทุกคนไม่แบ่งแยก ย้ำพบปัญหาสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขทันที เผยได้ขอพรกับ“หลวงพ่อบ้านแหลม”อยากให้ประเทศสงบสุขประชาชนมีความสุขและประเทศเดินหน้าไปได้ ดีใจเห็นได้ว่าชาวต่างประเทศมาเที่ยวตลาดร่มหุบแล้วชอบประเทศไทย

(3 ก.พ. 66) ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางมาพบปะประชาชนเพื่อหารือถึงแนวทางส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างมูลค่า และการยกระดับรายได้ของประชาชนชาวสมุทรสงคราม ณ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังรับฟังรายงานสรุปจากนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามถึงปัญหา และข้อเสนอแนะของตัวแทนเกษตรกรในพื้นที่ ว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่ได้มา จังหวัดสมุทรสงครามอีกครั้งหนึ่ง เห็นว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ ทั้งในเรื่องผลิตภัณฑ์การเกษตร การท่องเที่ยวต่างๆ และประชาชนก็น่ารัก วันนี้มารับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนในฐานะนายกรัฐมนตรี จากที่ได้รับฟังปัญหาจากทุกฝ่าย อยากจะทำความเข้าใจการทำงานจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่เสนอขึ้นมาตามลำดับชั้นทางราชการ เนื่องจากหลายปัญหาเป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน ที่ผ่านมาประเทศไทยมีทั้งเดินหน้าและถอยหลัง ดังนั้นทั้งหมดจึงจำเป็นต้องแก้ไขต่อไป ทุกครั้งที่ได้รับฟังปัญหาก็ได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนำไปแก้ปัญหาในทันที

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้ที่รับฟังปัญหาก็พบว่ายังมีทั้งปัญหาเดิมๆ รับปากที่จะรับไปแก้ไขให้ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งแต่จะทำทั้งหมดทุกที่ วันนี้จากที่ฟังมีสิ่งที่ไม่ชอบอย่างหนึ่งคือ ไม่จำเป็นต้องพูดว่าจะให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 2 ปี ถ้าแก้ไขปัญหาให้ ตนไม่ชอบคำนี้ เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นให้กับทุกคนทั้งประเทศ และจะต้องแก้ไขปัญหาให้กับทุกคน ทุกปัญหา ทุกเรื่อง สิ่งที่รับปากก็จะไปช่วยดูแลทุกเรื่อง ทั้งในเรื่องโอกาส ถนนหนทาง การท่องเที่ยว ที่เห็นว่าที่ จังหวัดสมุทรสงคราม มีความสุข มีรอยยิ้ม ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม เป็นสิ่งที่ดี เพราะไม่ต้องการให้เกิดศัตรู หรือความขัดแย้ง ตนเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ทุกเขต ไม่ปัดความรับผิดชอบ ตราบใดที่เป็นนายกรัฐมนตรีตรงนี้ต้องยอมรับว่าถ้าเราทำงานให้คนทั้งประเทศก็จะมีปัญหาอยู่บ้างเพราะต้องให้ทุกพื้นเท่ากัน แต่จะดูว่าส่วนใดเร่งด่วนก็จะทำก่อน เพราะงบประมาณมีจำกัด วันนี้ยังได้ไปดูเรื่องน้ำท่วม พนังกั้นน้ำ หรือระบบป้องกันน้ำท่วมจะต้องทำ แต่ก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก จะต้องหาแนวทาง อยากให้ทุกคนอยู่ด้วยความเชื่อมั่น

'รทสช.' พร้อม!! จ่อเข็นนโยบายแรกเดือนนี้ ยัน!! ไม่มุ่งโกยแต่คะแนน จนกระทบงบประมาณ

(4 ก.พ.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายของ รทสช.จะมีออกมาหรือยัง เพราะขณะนีัหลายพรรคเริ่มเปิดกันออกมาแล้ว ว่า รทสช.จะเริ่มทยอยเปิดนโยบายออกมาในเดือนนี้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นห่วงมากว่านโยบายอะไรที่ออกไปแล้ว ไม่ใช่คิดแต่ว่าจะได้คะแนน แต่เป็นห่วงว่าจะกระทบกับงบประมาณหรือไม่ ดังนั้น รทสช.จะต้องคำนึงถึงตรงนี้ให้มาก 

'ดัชนีประชาธิปไตย' ปี 2022 ชี้!! ไทยขยับขึ้น 17 อันดับ สะท้อน 'บิ๊กตู่' วางรากฐานพัฒนาเพื่อเยาวชนของชาติ

(4 ก.พ.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รายงานการจัดอันดับ 'ดัชนีประชาธิปไตย' (Democracy Index) ปี 2022 ของ Economist Intelligence Unit (EIU) ระบุว่า ประเทศไทย มีคะแนนรวมเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2022 ที่ 6.67 จาก 6.04 ในปี 2021 (เพิ่มขึ้น 0.62) และขยับจากอันดับที่ 72 ในปี 2021 เป็นอันดับที่ 55 ในปี 2022 จากทั้งหมด 167 ประเทศ โดยการจัดอันดับดังกล่าวเริ่มทำขึ้นเมื่อปี 2006 โดยใช้ตัวชี้วัดทั้งสิ้น 5 มิติ ได้แก่...

กระบวนการเลือกตั้งและพหุนิยม (electoral process and pluralism), การทำงานของรัฐบาล (the functioning of government), การมีส่วนร่วมทางการเมือง (political participation), วัฒนธรรมทางการเมือง (political culture) และเสรีภาพพลเมือง (civil liberties) ซึ่งประเทศไทยได้ 7.42 6.07 8.33 5.63 และ 5.88 คะแนน ตามลำดับแต่ละมิติ

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 4 ต่อจากประเทศมาเลเซีย อันดับที่ 40 ฟิลิปปินส์อันดับที่ 52 อินโดนีเซีย อันดับที่ 54 และไทยอันดับที่ 55

นายอนุชา กล่าวว่า ในรายงานระบุว่าประเทศไทย มีคะแนนรวมเพิ่มขึ้น 0.62 ถือเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในดัชนีนี้ การพัฒนาดังกล่าวเกิดจากการเพิ่มพื้นที่ทางการเมืองสำหรับพรรคฝ่ายค้านของประเทศ การมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น และภัยคุกคามจากความไม่สงบต่อประเทศลดลง จึงส่งผลให้ประเทศไทยเลื่อนอันดับโลกขึ้นมา 17 อันดับ มาอยู่ในอันดับที่ 55 ซึ่งตัวเลขดัชนีประชาธิปไตยนี้เป็นอีกหนึ่งรูปธรรม ที่สะท้อนความจริงใจของรัฐบาลในการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศ รัฐบาลเคารพทุกเสียง ยอมรับความคิดเห็น ที่เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง สร้างสรรค์ ซึ่งเชื่อมั่นว่าทุกคนมีจิตใจที่ตั้งมั่นในการพัฒนาชาติ 

'อนุทิน' กั๊กตอบ ปมเป็นองค์ประชุมอภิปรายทั่วไป ชี้ สภาทำงานต่อไปได้ หากไร้กลเกมการเมือง

(6 ก.พ. 66) เวลา 09.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงโพลหลายสำนักที่สำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับเรื่องการเมืองในช่วงนี้ ว่า พรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมอยู่ตลอดและช่วงสุดสัปดาห์ก็เดินสายลงพื้นที่ และจะมีการทยอยเปิดตัวผู้มาร่วมงานกับพรรคตลอดเวลา

ขณะนี้ยังมีเวลา เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังไม่ได้ยุบสภา และคาดว่าว่าจะมีการเลือกตั้งในต้นเดือน พ.ค.นี้ แต่ถ้ามีการยุบสภาจะมีเวลา 30 วัน ในการสมัครเป็นสมาชิกพรรค แต่ถ้าไม่ยุบสภา จะมีเวลา 90 วัน แต่คิดว่าจะมีการยุบสภา

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายเรียกร้องให้ยุบสภา เพราะเห็นว่าสภาไม่สามารถทำหน้าที่ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าไม่มีการเล่นเกมทางการเมือง สภาก็ทำงานได้ ส.ส. ส่วนใหญ่ยังมาประชุม ขึ้นอยู่กับว่าจะแสดงตัวหรือไม่ ทั้งนี้เวลาที่กฎหมายกัญชา-กัญชง เข้าสู่การพิจารณา ยังมี ส.ส.หลายคนไม่แสดงตน พรรคภูมิใจไทยจึงต้องมีท่าทีออกมาบ้าง

เมื่อถามว่าท่าทีของพรรคภูมิใจไทย จะมีผลกระทบกับการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องถาม ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เพราะปล่อยให้เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. เพราะร่างกฎหมายที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เช่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง ที่ตั้งใจทำมาอย่างดี แต่มาเจอเกมการเมือง ในการพิจารณาวาระ 2 จึงต้องดูตรงนี้ เพราะเราไม่ใช่หมู และการแสดงท่าทีของพรรคภูมิใจไทย จะต้องไม่กระทบกับประชาชน

‘บิ๊กตู่’ ชวนคนไทยมอบ 'หอม' แทนใจในวันวาเลนไทน์ หนุนเกษตรกรศรีสะเกษ หลังปั้น 'ผลผลิตดี-มีราคา'

(7 ก.พ. 66) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสำรวย เกษกุลผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และคณะผู้บริหารจังหวัดศรีสะเกษ เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม 'สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอ' ปี 2566 จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอชื่นชมการดำเนินโครงการเกษตรแปลงใหญ่จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีส่วนสำคัญทำให้ได้ผลผลิตและราคาหอมสูงขึ้น ดีใจกับเกษตรกร ขอขอบคุณทุกส่วนราชการที่บูรณาการทำงานจนประสบความสำเร็จ ช่วยขับเคลื่อนการเกษตรส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมเชิญชวนให้คนไทยทุกคนช่วยกันอุดหนุนหอมแดง กระเทียมศรีสะเกษ ผ่านกิจกรรม 'สื่อรักด้วยใจ รักใครให้หอม' ซึ่งนอกจากจะได้อุดหนุนสินค้าเกษตรยังได้รับความสุขด้วย และเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก อยากให้ทุกคนส่งความรักให้กันผ่านหอม 

“ขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมอุดหนุนหอมแดง ของจังหวัดศรีสะเกษที่ได้จัดทำเป็นแพ็กเกจ ใช้เป็นของแทนใจสื่อความรักในวันวาเลนไทน์ ในโอกาสวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ทั้งความสุขและความสดชื่นได้ช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรงด้วย เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ว่าคนนี้ดีคนนี้เก่งแล้วที่เหลือไม่ทำงาน เพราะทุกคนช่วยกันทำงานด้วยกันทุกคน ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้หอมกันเยอะๆ และเลือกหอมให้ดี อย่าหอมผิดคน ไม่เช่นนั้นจะโดนนะ" ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวกับตัวแทนเกษตรกรในตอนท้ายว่าว่า "รู้ใช่ไหมนายกรัฐมนตรีชอบหวาน เป็นคนไม่ค่อยหวาน ต้องเติมน้ำตาล" พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรียัง ได้ชิมชาศรีสะเกษ พร้อมกล่าวชมว่า "ชาดี อร่อย ให้นำชาไปในห้องประชุม ครม. และนายกรัฐมนตรี"

'อนุทิน' ขอโทษ 'บิ๊กตู่' ปมลูกพรรคหาเสียงเหน็บ ความสงบจบที่ลุงตู่ เป็นเรื่องที่ขายไม่ได้

(7 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 08.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ขึ้นปราศรัยหาเสียง ในระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าตอนหนึ่งว่า ครั้งที่แล้วเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ตอนนี้ความสงบมีเกินไปแล้ว ถ้าจะให้คนเดิมบริหารประเทศ ว่า เวลามีการหาเสียงก็คงพูดไปแบบนั้น แต่ตนจะไปเตือนนายศุภชัย ย้ำว่าการหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยไม่มีพูดถึงพรรคอื่น โดยแจ้งให้สมาชิกในพรรครับทราบว่า ให้พูดแต่เรื่องที่พรรคภูมิใจไทย ต้องการสื่อสารกับประชาชน และจะทำอะไรให้ประชาชน ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นและพรรคอื่น

เมื่อถามว่าจะทำความเข้าใจกับ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ นายก​รัฐมนตรี​ และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ในเรื่องนี้​ ในที่ประชุม​คณะรัฐมนตรี​ หรือไม่​ นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ ฝากขอโทษผ่านสื่อไปยังนายกรัฐมนตรี​ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเจตนารมณ์​ของพรรคภูมิใจ​ไทย​ที่จะพูดถึงบุคคลอื่น

‘เสี่ยติ่ง’ อวย ‘บิ๊กตู่’ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อุบ!! พฤหัสนี้รู้ พาลูกสาวซบ รทสช. หรือไม่

(7 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) อดีตหัวหน้าพรรคพลเมืองไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคพลเมืองไทย จะย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ตนยังไม่ทราบ ส่วนที่ น.ส.ศิลัมพาขึ้นป้ายหาเสียงนั้น ขอให้รอดูความชัดเจนอีก 2 วัน ซึ่ง น.ส.ศิลัมพา เป็น ส.ส.อยู่แล้ว เช่นเดียวกับตน ขอให้รอความชัดเจนก่อน วันนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะมาทั้งพ่อทั้งลูกหรือไม่ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังอยากที่จะช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมต่อหรือไม่ นายสัมพันธ์ กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล คงสนับสนุนเหมือนเดิม อีกทั้งวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นสมาชิกพรรค รทสช.เท่านั้น ไม่ใช่หัวหน้าพรรค คงไม่มาชวนพวกเราให้เข้าพรรค อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนได้มาพบนายอนุชา บูรพชัยศรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรค รทสช. ยอมรับว่าได้คุยการเมืองในภาพ
กว้าง ๆ ยังไม่ได้มีอะไรชัดเจน ตนและพรรคจะมีการตัดสินใจในวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.พ.

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! มุมมอง 3 องค์กรระดับโลก ยก ‘ไทย’ สุดยอดประเทศแห่งการฝ่าวิกฤติ

(8 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ้คส่วนตัว ว่า ในช่วงปลายเทอมของรัฐบาลนี้ ขอรวบรวมมุมมองของชาวโลกที่มีต่อบ้านเมืองของเรา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย และความสำเร็จในแง่มุมต่าง ๆ อันเป็นผลมาจากการทำงานและฝ่าวิกฤตร่วมกันมาอย่างสมัครสมานสามัคคีของทีมประเทศไทยซึ่งประกอบด้วยคนไทยทุกคน จากทุกภาคส่วน ดังนี้

1.) องค์การสหประชาชาติ (UN) ประเมินว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นอันดับที่ 44 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของอาเซียน ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสิทธิภาพในการขจัดความยากจน การศึกษาที่มีคุณภาพ การสุขาภิบาลและแหล่งน้ำสะอาด การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม ตลอดจนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน

2.) ธนาคารโลก (World Bank) จัดทำรายงาน "ตามติดเศรษฐกิจไทย : นโยบายการคลังเพื่อสังคมที่เสมอภาค และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ธันวาคม 2565” โดยระบุว่านโยบายการคลังของไทยมีประสิทธิภาพสูงกว่าประเทศอื่น สามารถช่วยบรรเทา ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำได้ดี โดยในระยะสั้นนั้นใช้มาตรการทางภาษี เงินช่วยเหลือ และการอุดหนุนรายได้ครัวเรือน สามารถกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระยะยาวใช้การสนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณสุข ส่งเสริมการศึกษา และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างมียุทธศาสตร์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top