Monday, 9 June 2025
บิ๊กตู่

‘ตรีชฎา’ อัด ‘บิ๊กตู่’ ปราศรัยชุมพรมัดคอตัวเอง แซะ!! ‘พลิกคว่ำประเทศ’ มากกว่า ‘พลิกโฉม’

(30 ม.ค. 66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การปราศรัยครั้งแรกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ที่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้ต่างไปจากการปราศรัยที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่พูดไปแล้วสร้างปัญหา ขาดตรรกะ เหตุผล เช่น “พูดว่าทำไปหลายอย่างมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาหลายพรรคหลายปีและหลายเท่าด้วยซ้ำ” ซึ่งหลายรัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์อ้างถึง รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์พรรคร่วมรัฐบาลที่เคยยกมือโหวตพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ พรรคพลังประชารัฐที่อาศัยใต้ร่มในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือหลงลืมอดีต เข้าตำราขว้างงูไม่พ้นคอ เพราะเมื่อพูดออกไปจะโดนสวนกลับให้ได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย การย้ายสังกัดพรรคขณะที่ยังเอาขาเกี่ยวอยู่อีกพรรคการเมืองหนึ่ง ทำลายหลักการประชาธิปไตย ขีดความรับผิดชอบของพรรคการเมืองและการเป็นนายกฯ หมดสิ้น

‘เพื่อไทย’ อัด ‘ประยุทธ์’ ทำลาย ศก.ไทยพังยับ ชี้!! ที่ผ่านมาเอื้อแต่นายทุน - ไม่ช่วยเกษตรกร

(30 ม.ค. 66) นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ได้รับเสียงสะท้อนถามกลับมาว่าเมื่อไหร่จะเลือกตั้ง อยากเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว เพราะหากยังเป็นรัฐบาลนี้ประชาชนคงอดตายแน่ ๆ ทั้งนี้ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาก โดยเฉพาะราคาข้าวเปลือก ขายข้าวเปลือก 1 กิโลกรัม ซื้อมาม่ากินไม่ได้ ราคาข้าวเปลือกที่โรงสี รับซื้ออยู่ที่ 6,500-7,000 บาทต่อตัน ขณะที่ต้นทุนการเพาะปลูกพุ่งเกิน 6,500 บาทต่อไร่ ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนตั้งแต่ขาย ปัจจัยสำคัญมาจากการที่รัฐบาลปล่อยให้ต้นทุนสินค้าจำเป็นในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวปรับขึ้นไปหลายเท่าตัว โดยเฉพาะราคาปุ๋ยจาก 600 บาทต่อกระสอบปรับราคาขึ้นไป 3 เท่าตัวไปอยู่ที่ราคา 1,800 บาทต่อกระสอบ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีปีไหนเลยที่เกษตรกรมีความสุข  เพราะรัฐล้มเหลวในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร 

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล บริหารแบบข้าเก่งที่สุด ไม่ฟังใคร ผลที่ออกมาคือเศรษฐกิจพังพินาศ นโยบายของรัฐบาลไม่สามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้เลย เอสเอ็มอีปิดกิจการนับหมื่นราย หลายพื้นที่ถูกขายให้ต่างชาติ จนไม่เหลือผู้ประกอบการ ความเหลื่อมล้ำเพิ่มสูงขึ้น เพราะนายทุนตักตวงผลประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลที่ประกาศออกมา ระบบการเงินหมุนเพียงรอบเดียว ส่งผลให้กระแสเงินสดในประเทศไหลเข้าสู่นายทุนเจ้าสัว ไม่หมุนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งผิดหลักการเศรษฐศาสตร์มาก ยิ่งหมุนน้อยค่าของเงินก็ลดลง

นายกรัฐมนตรีและครม.ร่วมประชาสัมพันธ์งาน 6 กุมภาพันธ์ 'วันมวยไทย'

นายกรัฐมนตรีและครม.ร่วมประชาสัมพันธ์งาน ๖ กุมภาพันธ์ 'วันมวยไทย' เทิดพระเกียรติพระเจ้าเสือ 'พระบิดาแห่งมวยไทย' สืบสานพิธีครอบครู-ไหว้ครูร่ายรำมวยไทย ตื่นตากับการแสดงศิลปะแม่ไม้-ลูกไม้มวยไทย ณ วัดตึก (ตำหนักพระเจ้าเสือ) พระนครศรีอยุธยา วธ.พร้อมผลักดันขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ 

(เมื่อวันที่ ๓๑ ม.ค. ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมกิจกรรมรณรงค์งานวันมวยไทย ประจำปี ๒๕๖๖ โดยมี นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และผู้บริหาร นำคณะเยาวชนและนักมวยไทย จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์งานวันมวยไทย ประจำปี ๒๕๖๖ ในการนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมครม. ได้เข้าชมนิทรรศการ การสาธิตอุปกรณ์การบวงสรวงและไหว้ครูมวยไทยโดยนายปรเมษฐ์ ภักดีคีรีไพรวัลย์ เลขาธิการชมรมกีฬามวยไทยพระเจ้าเสือ นายจรัสเดช อุลิต ผู้ทรงคุณวุฒิมวยไทย ให้ข้อมูล ต่อด้วยการแสดงคีตะมวยไทย โดยเยาวชนโรงเรียนบ้านหนองหินจังหวัดขอนแก่น และการแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย การแสดงจากนักมวยจากไทยไฟต์ ได้แก่ ป.ต.ท. ว.รุจิรวงศ์ , เวโร ว.รุจิรวงศ์(นักมวยหญิง) , กิตติ ส.ท.แมนนครระยอง , เต็งหนึ่ง ศิษย์เจ๊สายรุ้ง และ น้องโอ ช.ห้าพยัคฆ์

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมพร้อมขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันสืบสานศิลปะการต่อสู้และแสดงออกถึงวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน อันเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ ขอให้ช่วยกันสร้างชื่อเสียงและร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน รักษา ต่อยอด พร้อมแสดงความชื่นชมความสามารถของเยาวชนไทยที่ร่วมกันสืบสานศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ รวมทั้งการจัดให้มีการเรียนการสอนและฝึกฝนเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพ ซึ่งมวยไทยนับเป็นศิลปะการต่อสู้และการป้องกันตัวที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งยังเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า ขอทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันส่งเสริมและสร้างการรับรู้ให้คนไทยเห็นความสำคัญและร่วมกันอนุรักษ์ สืบสาน พัฒนาต่อยอด เป็น Soft Power อันจะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืน

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า วธ.โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ตระหนักถึงความสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ 'มวยไทย' ศิลปะการป้องกันตัวและศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ ที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และเป็น soft power พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล จึงได้กำหนดจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันมวยไทย ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ณ วัดตึก (ตำหนักพระเจ้าเสือ) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๙ น. เป็นต้นไป มีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ พิธีบวงสรวงสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (สมเด็จพระเจ้าเสือ)  พิธีครอบครู  พิธีไหว้ครูร่ายรำมวยไทยเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าเสือ โดย ครูมวยไทย-ครูมวยไทยต่างประเทศ นักมวยและนักเรียนมวยไทย จำนวน 668 คน พิธีมอบรางวัลผู้ชนะการประกวดคีตะมวยไทย การแสดงคีตะมวยไทย การแสดงศิลปะแม่ไม้-ลูกไม้มวยไทย และปิดท้ายด้วยการเสวนาหัวข้อ “มวยไทย : ที่มาและความสำคัญกับการขึ้นทะเบียนยูเนสโก” โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญที่คว่ำหวอดของวงการมวยไทย ณ ห้องประชุม อาคารเครื่องทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ยังได้จัดแสดงนิทรรศการเผยแพร่ประวัติความเป็นมา ความสำคัญของมวยไทย และกิจกรรมการสาธิต ให้ผู้เข้าชมงานร่วมประดิษฐ์เครื่องแต่งกายนักมวยสมัยโบราณ พร้อมได้รับเป็นที่ระลึก เช่น มงคล ใช้สวมศีรษะ ประเจียด ใช้ผูกติดกับต้นแขน เป็นต้น ในงานเทศกาลมวยไทย ระหว่างวันที่ ๔-๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ณ อุทยานราชภักดิ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกด้วย

อนึ่ง 'มวยไทย' เป็นศิลปะการต่อสู้และการป้องกันตัวของชนชาติไทย มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมล้ำค่า ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ประกาศขึ้นทะเบียนมวยไทยเป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ สาขากีฬาภูมิปัญญาไทย เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อให้มรดกภูมิปัญญานี้ได้รับการยกย่อง ส่งเสริม และเชิดชูให้คนในชาติให้ความสำคัญต่อศิลปะการป้องกันตัวของชาติไทย ได้รับการสืบสาน รักษาพร้อมต่อยอด เป็น soft power พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืน และ วธ.ยังได้ร่วมมือกับภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันให้มีการสถาปนา “วันมวยไทย” โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ กำหนดให้วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันมวยไทย ซึ่งตรงกับวันเสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ) พระมหากษัตริย์ไทยที่มีพระปรีชาสามารถด้านมวยไทยเป็นที่ประจักษ์

'บิ๊กตู่' หนุนความร่วมมือ 'ไทย-ญี่ปุ่น' ต่อยอดการค้า การลงทุน 'ระดับท้องถิ่น-นิคมฯ'

(1 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ภายหลังกระทรวงอุตสาหกรรมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนบูรณาการการทำงานร่วมกัน ผลักดันความร่วมมือด้วยการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจทั้งในระดับท้องถิ่นไปจนถึงนิคมอุตสาหกรรมเพื่อต่อยอดการค้าการลงทุนให้ไทยเป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในอนาคต

นายอนุชา กล่าวว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่น จังหวัดอิชิกาวะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล อุตสาหกรรมเส้นใยและสิ่งทอ อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร และอุตสาหกรรมเกษตร และถือเป็นรัฐบาลท้องถิ่นแห่งที่ 23 ที่ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม จะเป็นตัวแทนหลักในการประสานความร่วมมือในลักษณะพื้นที่ต่อพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของคู่ค้า

'รัฐบาล' โชว์ผลงานแก้ปัญหา 'น้ำท่วม-น้ำแล้ง' มุ่งบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ

(1 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและน้ำแล้งมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี

โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริการจัดการน้ำร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ มากกว่า 48 ส่วนราชการ มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเรื่องทรัพยากรน้ำในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ และมุ่งเน้นขับเคลื่อนแผนงานโครงการขนาดใหญ่ ที่สามารถแก้ไขปัญหาในวงกว้างได้อย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจุบันได้มีการขับเคลื่อนโครงการไปแล้ว จำนวน 44 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักรวม 1,414 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) มีพื้นที่รับประโยชน์ 1.48 ล้านไร่ ครัวเรือนรับประโยชน์ 319,765 ครัวเรือน

เป็นโครงการที่ได้รับงบประมาณในการดำเนินการแล้ว จำนวน 24 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง ตัวอย่างเช่น โครงการบรรเทาอุทกภัยนครศรีธรรมราช โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร โดยกรมชลประทาน ช่วยป้องกันพื้นที่น้ำท่วมได้ 61,000 ไร่ แม้ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่สามารถช่วยป้องกันบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพรได้บางส่วนแล้ว

การดำเนินงานโครงการด้านทรัพยากรน้ำที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติโครงการสำคัญที่ได้รับการขับเคลื่อนแล้ว ในช่วงปี 2559-2565 จำนวน 241 โครงการ เมื่อโครงการแล้วเสร็จสามารถเพิ่มน้ำต้นทุนได้ 1,371 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 1,400,000 ไร่ พื้นที่ป้องกันน้ำท่วม 1,250,541 ไร่ ครัวเรือนรับประโยชน์ 505,828 ครัวเรือน ตัวอย่างเช่น ประตูระบายน้ำ ศรีสองรัก จ.เลย (62), อ่างเก็บน้ำลำสะพุง (พรด.) จ.ชัยภูมิ (62), ประตูระบายน้ำลำน้ำพุง-น้ำก่ำ จ.สกลนคร (62), ปรับปรุง คลองยม-น่าน จ.สุโขทัย (64), คลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา (62), ฟื้นฟูพัฒนา คลองเปรมประชากร (คลองผดุง-คลองรังสิต) (63), อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองเปรมประชากร จ.กรุงเทพมหานคร (63) และบรรเทาอุทกภัยอำเภอบางสะพาน (พรด.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ (64) เป็นต้น

การดำเนินการของรัฐบาลได้เน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤต (Area-Base) ทั่วทั้งประเทศ โดยพิจารณาในทุกมิติ เช่น ด้านศักยภาพการแก้ไขปัญหาเป็นหลัก โดยมีผลการศึกษารองรับ ไม่มีปัญหาทางสังคมรุนแรง รวมถึงพิจารณาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน

'บิ๊กตู่' ยัน!! ตั้งใจทำงานเพื่อความสุขคนไทย ไม่ใช่แค่ปีเลือกตั้ง แต่คิดและทำอยู่ทุกวัน

(1 ก.พ. 66) ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ ในช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปี ของสำนักข่าว TOP NEWS โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้โผล่เซอร์ไพรส์กลางรายการถ่ายทอดสด พร้อมกล่าวช่วงหนึ่งว่า การนำเสนอข่าว วิเคราะห์ข่าวทำอย่างไรไม่ให้สร้างความขัดแย้งกันมากมาย ขอให้พูดกันด้วยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว และต้องให้ประชาชนเรียนรู้การให้ความรู้และสร้างหลักคิดสร้างกระบวนการคิด ซึ่งวันนี้เรายังขาดเรื่องนี้อยู่เยอะ จึงขอฝากสื่อมวลชนในเรื่องนี้ไว้ด้วย ช่วยให้ประชาชนมีหลักคิดที่ถูกต้องมีกรอบความคิดที่ถูกต้อง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไปจำกัดกรอบความคิด แต่ต้องคิดว่าอะไรดีหรือไม่ดี อะไรถูกและผิด ไม่เช่นนั้นก็มีปัญหาหมดประเทศก็เป็นอยู่แบบนี้

‘ไตรรงค์’ ลั่น!! ‘บิ๊กตู่’ สมัครปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ 1 ของรวมไทยสร้างชาติ

(1 ก.พ. 66) เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปี สถานีข่าวท็อปนิวส์ เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 3 อย่างเป็นทางการ ได้มีการปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ ‘อนาคตประเทศไทย หลังการเลือกตั้ง 2566’

ช่วงหนึ่งของการพูดคุย ‘สันติสุข มะโรงสี’ ผู้ประกาศข่าวสถานีข่าว Top News เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ได้สอบถามความเห็นจาก ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ถึงภาพรวมการเมืองปี 2566 โดยเริ่มจากการพูดติดตลกว่า “เท่าที่ดูผมมอง จะมีคนติดคุก เพิ่มขึ้น” ก่อนจะพูดถึงการทำงานของรัฐบาลว่า “ผมไม่อยากชมรัฐบาลนะ แต่มองว่าเป็นจริง จากการศึกษากับกระทรวงการคลัง องค์กรต่าง ๆ นักเศรษฐศาสตร์ดัง ๆ ในประเทศไทย เห็นตรงกันปี 66 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็แย่ ยุโรปก็ตกต่ำ ดูเหมือนว่าประเทศไทย อีกหนึ่งประเทศที่ดีขึ้น เราแพ้ชาติเดียวคือจีน ดังนั้นใครมาเป็นรัฐบาล ก็คงสามารถดูแลพี่น้องที่ยากจนได้ดีขึ้น เพราะไทยเราสามารถฝ่ามรสุมเศรษฐกิจโลกมาได้แล้ว และการท่องเที่ยวจะช่วยเราได้เยอะจากนี้”

และเมื่อ ‘สันติสุข มะโรงสี’ ผู้ประกาศข่าวสถานีข่าว Top News เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ถามว่า ใครจะได้เป็นนายกฯ ‘สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิทัล มีเดีย จำกัด ให้ความเห็นว่า “ถ้าวันนี้เราจะมองว่า ใครได้เป็นนายกฯ คนต่อไป ในระบบรัฐสภาฯ มีความจริงที่เราต้องยอมรับก่อน คือ พรรคเพื่อไทย มีโอกาสจะได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการใช้เงินมากที่สุด ที่เคยมีมา”

ถามว่าทำไมเพื่อไทย ถึงจะมาเป็นอันดับหนึ่ง จะมีส.ส.มากที่สุด ต้องกลับไปดูข้อมูล คะแนนนิยมของ ภาคอีสาน ตามมาด้วยภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และกทม. เพราะเพื่อไทยเขาคุมอีสานมาตลอด ต้องเรียนดร.ไตรรงค์ว่า มันเป็นความผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดิมที่ท่านเคยอยู่ พรรคนี้ไม่ได้รุกในภาคอีสานเลย ต่อมาในภาคกลาง ผู้ที่คุมพื้นที่คือพรรคพลังประชารัฐ รัฐมนตรีสุชาติ ก็ทำหน้าที่ดูแลภาคกลาง พรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้เสื่อมทรุดเป็นครั้งแรก

แต่ประเด็นสำคัญ คือ การเลือกตั้งท้ายที่สุดแล้ว ใครจะพูดว่าไม่แบ่งขั้ว ปรองดอง ต้องบอกเลยเป็นไปไม่ได้ เพราะการเมืองปัจจุบันมันแยกเป็นขั้ว ภาคบังคับอยู่ที่แถลงการณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ออกมาสนับสนุน แบม-ตะวัน กลุ่ม 3 นิ้ว ที่เรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ในการขอยกเลิกมาตรา 112 และอ้างว่า พรรคไหนเสนอยกเลิก 112 จะเลือกพรรคการเมืองนี้ แต่พอเป็นแบบนั้น ปรากฏว่า พรรคฝ่ายค้านส่วนใหญ่ แถลงยอมรับใน 2 ข้อแรกของตะวัน-แบม แต่ไม่แตะมาตรา 112 แต่เพียงเท่านี้ก็เหมือนการยอมรับแล้ว ว่าคนพวกนี้ทำถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่มีการพูดจาไม่เหมาะสมต่อสถาบันฯ

ส่วนในแง่ของการประกาศจุดยืนของพรรคการเมือง พรรคพลังประชารัฐ จุดยืนของพลเอกประวิตร เชื่อว่าไม่เอาเพื่อไทยแน่นอน เพราะท่านเป็นผบ.ทบ.มาก่อน เคยดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยา จึงเชื่อว่าจะไม่มีวันทำร้ายสถาบันฯ แน่นอน ดังนั้น การเมืองมีขั้วและขั้วนั้น คือไม่เอาทักษิณ ไม่จับมือเพื่อไทย

เมื่อถามว่า ในพรรคไทยสร้างไทย จัดว่าอยู่ในขั้วไม่เอาทักษิณด้วยหรือไม่ ‘สนธิญาณ’ กล่าวว่า หญิงหน่อยก็เหมือนจตุพร ที่ไม่เอาทักษิณแล้ว รับไม่ได้กับพฤติกรรมที่หลอกลวงสารพัด วีรกรรมร้ายแรงเยอะ

'เปลว สีเงิน' เผยมรดกลุงตู่ เปิดบ้านเช่าเก็บเดือนละ 250 บาท ทรัพย์สินที่ได้จากพ่อผู้ล่วงลับ ที่กำชับห้ามคิดใครแพงเกินกว่านี้

เมื่อวานนี้ (1 ก.พ. 66) 'เปลว สีเงิน' ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ 'ลุงตู่ รวยแล้วไม่โกง' โดยระบุว่า…

"ลุงตู่" กับ "บิ๊กป้อม" นี่ จาก "ทหารครึ่งตัว-การเมืองครึ่งตัว" โจนลงสนามเลือกตั้งเป็นนักการเมือง "ระบบเลือกตั้่ง" เต็มตัว คึกยังกะม้าโดปยา เตะคอกเปรี้ยงปร้าง!

ยิ่ง "บิ๊กป้อม" ด้วยแล้ว .... "ถั่งเช่า" หรือจะสู้ "ใจบันดาลแรง" จาก "ป้อมไม่รู้" ตอนนี้เป็น "ป้อมกูเกิล" ถามอะไร ตอบได้หมด!

ทั้งพี่-ทั้งน้อง ตอนนี้ดูจะหลงเสน่ห์การลงพื้นที่ได้คลุกคลีกับชาวบ้านแต่ละจังหวัด ต่างคน-ต่างฟิต พี่ไปจังหวัดโน้น น้องไปจังหวัดนี้ บางที่ดอด "ตีท้ายครัว" กันเองก็ยังมี!

ก็สนุกดี ประชาธิปไตยเนื้อแท้นั้น ถ้าเข้าใจมันว่า การแข่งขันหาเสียงสู่สภา ปรัชญาของมัน ไม่ใช่ "นักเลือกตั้ง" เป็นผู้ได้

หากแต่ประชาชน คือชาวบ้านตะหาก ต้องเป็น "ผู้ได้" มันก็จะสนุกสนาน-สบายใจ ทั้งชาวบ้าน "ผู้ได้" และคนการเมืองที่เป็น "ผู้ทำ" ให้เขาได้

ไม่ใช่ได้เงินซื้อเสียง....

หมายถึง ได้ประโยชน์สุขจากนโยบายที่แต่ละพรรคหาเสียง เมื่อได้เข้าสภาแล้ว ก็ผลักดันนโยบายนั้นให้เป็นผล

พูดถึงนโยบายแต่ละพรรคที่ใช้หาเสียงกันตอนนี้ เห็นแล้วหนักใจ! แต่ละพรรค ฟังดูไม่ต่างสลากสรรพคุณยา ประเภท ทาปุ๊บหายปั๊บ-กินปั๊บหายปุ๊บ, ทาผัวหอมถึงเมีย อะไรประมาณนั้น ซึ่งมันไม่ต่าง "ยาผีบอก"

ที่สำคัญคือ "ทุกนโยบาย-ทุกพรรค" เอาเงิน "งบประมาณแผ่นดิน" เป็นสัญญาว่า "จะแจก-จะให้" ทั้งนั้น ชาวบ้านตอนนี้ เลยเป็นแมวหลงกลิ่นปลาย่างทาจมูก!

การเอาเงินแผ่นดินไปตกเบ็ดชาวบ้าน เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว รู้ใช่มั้ย....ว่าภาษีที่เก็บจากชาวบ้านได้ปีละเท่าไหร่? แล้วมันพอกันมั้ย? ที่จะเอาไปทำสวัสดิการทำนองลดแลกแจกแถมชาวบ้านคนละ 3 พัน 4 พัน แถมนั่นฟรี-นี่ฟรี

น้ำมัน-แก๊ส ก็ต้องถูก ค่าไฟฟ้า ค่ารถโดยสาร ก็ต้องถูก ค่ารักษาพยาบาลก็ต้องฟรี เฒ่าชแร-แก่ชรา ก็ต้องมีค่าขนม

ไทยใกล้เป็น "รัฐสวัสดิการ" เข้าไปเต็มตัวแล้ว!

ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งตะโกนว่า "ภาษีกู...ภาษีกู" ก็ไม่อยากถามว่า "คุณครับ...คุณเสียปีละเท่าไหร่?" ขอถามแบบให้เกียรติกันก็พอว่า....

"แล้วพวกคุณเคยเสียภาษีกันบ้างมั้ย" จะตรงประเด็นกว่า

คนไทย 65 ล้าน... อยู่ในระบบภาษีกันไม่ถึง 5 ล้าน แต่อีก 60 ล้าน อยู่นอกระบบ คือไม่ได้เสียภาษีรายได้ในแต่ละปีกันแทบทั้งนั้น แต่ทุกคนได้รับการดูแลจากรัฐตั้งแต่เกิดยันตาย จะว่าไปแล้ว ได้สิทธิประโยชน์มากกว่า "คนเสียภาษี" ด้วยซ้ำ

แล้วนี่ แต่ละพรรค ต่างออกนโยบาย "สัญญาจะให้" เห็นแล้วหนักใจ (แทนประเทศ) เมื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว ..... จะเอาเงินที่ไหนไป "ปรนเปรอ-แจกจ่าย" ตามสัญญา?

เลิกพูดไปเลย เรื่อง "พัฒนาประเทศ" น่ะ แค่เงินเดือนข้าราชการกับค่ารายจ่ายประจำ งบประมาณแต่ละปี ก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว แล้วนี่ แข่งกัน "ปล้นเอาเงินอนาคตประเทศ" ไปตกเบ็ดหาเสียงอีก ถามตรง ๆ ...... จะเข้าไปบริหารประเทศให้มันเจริญ หรือจะเข้าไปผลาญให้มันฉิบหาย-ขายประเทศ?

ฉะนั้น อยากให้แต่ละพรรคออกนโยบายหาเสียงแบบ "มีจิตสำนึก" และ "ความรับผิดชอบ" กันบ้าง ในฐานะคนเสียภาษี ทั้งภาษีส่วนตัวและภาษีบริษัท มาเกือบค่อนชีวิต อยากพูดบ้างซักคำว่า

"กูเหนื่อยนะโว้ย"....

กับการเป็นพลเมืองดี แม้ตอนเจ๊ง ก็ไม่เคยหนี หาเงินมาจ่ายภาษีจากเงินได้ทุกก้อน ไม่เคยขาด! ที่จริง นโยบายหาเสียงน่ะ ไม่ต้องจ้างบริษัทโฆษณาสรรหาคำหรู ๆ ไปตดทางปากให้หมาดมหรอก หัวใจนโยบายน่ะ........

ผู้นำที่ "เข้าถึง-จริงใจ" ในปรัชญาของมัน เขาจะไม่พล่ามพูด แต่งานที่เขาทำ มันจะพูดเอง นโยบายจริง ๆ มันต้องแบบบอระเพ็ด เข็ดขม จึงจะใช้รักษาไข้ให้หายได้ คือ

"ไม่เอาใจประชาชน แต่ทำที่ประชาชนอยากได้ในผลประโยชน์รวม ให้ประจักษ์"

บ้านเมืองต้องได้ สังคมต้องได้ ประชาชนต้องได้ และอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่เหยียบหัวแม่ตีนกัน นี่คือ เผด็จการ "ประชาธิปไตย"

ส่วน ครอบครัวกูต้องได้ หัวหน้าคอกกูต้องรวย หมาในคอกกูต้องท้องเต่ง และใครไม่ใช่พวกกู ต้องเอามันให้ตาย นี่คือ ประชาธิปไตย "ครอบครัว"

เมื่อวาน (1 ก.พ. 66) บิ๊กป้อม ประมุขพลังประชารัฐ "ตลบหลัง" ลุงตู่ ไปตามงานเรื่องน้ำที่นครปฐม ราชบุรี ก็ไม่มีอะไรหรอก เพียงจะบอกว่า ผมเชื่อแล้วเรื่อง "ใจบันดาลแรง!" ร่วม 8 ปี ที่ร่วมบริหารบ้านเมืองกับลุงตู่ "น้องรัก" ทุกคนก็เห็นบิ๊กป้อมใกล้เป็นตุ๊กตาล้มลุก ไหว..ไม่ไหว จะอยู่ จะไป ก็ต้องลุ้นว่าจะครบพรรษารัฐบาล คสช.มั้ยน้อ?

แต่พอ "แยกพรรค" แต่ไม่ "แยกพี่-แยกน้อง" เท่านั้่นแหละ บิ๊กป้อมแอบไปกินโมเลกุล "มณีแดง" ยาอายุวัฒนะที่จุฬาฯ กำลังวิจัย ทำให้คนอายุ 75 หวือหวาคืนวัยคนอายุ 25 มาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะฟิตเหลือเกิน ..... ออกเดินสายหาเสียงแทบทุกวัน แถมแต่งวัยสะรุ่น นุ่งยีนส์ แจ็กเกตหนัง วันก่อนไปตลาด อ.ต.ก. เล่นเอาแฟน ๆ กรี๊ดสลบ

เป็น "ว่าที่นายกฯ คนที่ 30" ยังขนาดนี้ ถ้าเลือกตั้งแล้ว ได้ขึ้นนั่งทับก้นน้องตู่บนเก้าอี้นายกฯ จะขนาดไหน?

ยังไงก็ มีดีแล้วแบ่งปันผมมั่งซักเม็ด-สองเม็ด นะท่าน...มณีแดงน่ะ กระชากวัยคนเดียว เกิดเหี่ยวปลาย ไม่มีพวกแล้วจะเหงา ขอบอก!

ถ้าพลาดเก้าอี้นายกฯ ผมเชียร์ให้บิ๊กป้อม เปิดร้านขายอาหารแข่งเจ๊ไฝ-ประตูผี ไปเลย แค่ขึ้นป้าย "เชฟป้อม" ผัดซีอิ๊ว ก็ร้านแตกแล้ว!

'นายกฯ' เตรียมลงพื้นที่ ติดตามโครงการรถไฟ-ระบบระบายน้ำ ตรวจเยี่ยมเศรษฐกิจ ยกระดับรายได้ชาวสมุทรสงคราม

(2 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ จังหวัดสมุทรสงคราม ในวันที่ 3 ก.พ. 66 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และพบปะประชาชน

โดยเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ไปสนามกีฬาจังหวัดสมุทรสงคราม ต.แม่กลอง อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม และเดินทางไปสถานีรถไฟลาดใหญ่ ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม ด้วยรถไฟขบวนที่ 4383 (สถานีรถไฟลาดใหญ่ - สถานีรถไฟแม่กลอง) ไปยังสถานีรถไฟแม่กลอง เพื่อตรวจติดตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top