Monday, 9 June 2025
บิ๊กตู่

'นายกฯ' หารือ 'ทูตไอร์แลนด์' กระชับความสัมพันธ์ พร้อมหนุน ศก. ส่งเสริมการศึกษา-วัฒนธรรม

(8 ก.พ. 66) เวลา 09.30 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายแพทริก เบิร์น (H.E. Mr. Patrick Bourne) เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับหน้าที่ และพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตฯ อย่างเต็มที่ ยินดีกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน พร้อมกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์เยือนไทยในโอกาสที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมและยกระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และหวังว่าจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ไอร์แลนด์ ในอีก 2 ปีข้างหน้า

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ลีโอ วรัทการ์ เชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาสให้ไทยและไอร์แลนด์ร่วมกันผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในสาขาต่าง ๆ ให้เกิดผล เป็นรูปธรรมต่อไป

ด้านเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ฯ กล่าวยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งที่ประเทศไทย ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง และเชื่อมั่นว่ามีศักยภาพในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก พร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในทุกระดับ และทุกมิติ

จากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่าง ๆ โดยเห็นพ้องว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและไอร์แลนด์ยังมีศักยภาพอีกมาก โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน จึงหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนให้มากยิ่งขึ้น พร้อมได้กล่าวเชิญไอร์แลนด์เข้ามาลงทุนเพิ่มในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในอุตสาหกรรม ที่ไอร์แลนด์มีความเชี่ยวชาญสูง และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย

ซึ่งเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์กล่าวว่า ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนเดินหน้าไปอย่างดี โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนไอร์แลนด์เข้ามามีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น จึงหวังที่จะกระชับความสัมพันธ์ในด้านนี้ระหว่างให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! RCEP ดัน ศก.อาเซียนโตเหนือปี 65 ขยายตัว 7% มูลค่ารวม 10 ล้านล้านบาท

(9 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจผลรายงานความตกลง RCEP ซึ่งทำให้การค้าไทยและประเทศสมาชิกขยายตัวร้อยละ 7.11 มูลค่าการค้ารวม 10 ล้านล้านบาท

นายอนุชา กล่าวว่า จากผลบังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ซึ่งได้มีผลบังคับใช้ครบ 1 ปี ส่งผลให้การค้าของไทยกับประเทศสมาชิก RCEP อาทิ อาเซียน, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ขยายตัว 7.11% จากปีก่อนหน้า โดยมีมูลค่าการค้ารวม 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 10 ล้านล้านบาท

นายอนุชา กล่าวว่า โดยแบ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปประเทศสมาชิก RCEP มูลค่า 1.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (4.8 ล้านล้านบาท) โดยประเทศอาเซียน คือ อินโดนีเซีย, กัมพูชา และสิงคโปร์ เป็นตลาดส่งออกอันดับต้น รองลงมาเป็นเกาหลีใต้และออสเตรเลีย และการนำเข้าจากประเทศสมาชิก RCEP มูลค่า 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.7 ล้านล้านบาท) ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากบรูไนดารุสซาลาม, ออสเตรเลีย และเมียนมา เป็นอันดับต้น

'บิ๊กตู่' ขอบคุณ ‘รัฐ - เอกชน’ ทุกภาคส่วน ร่วมช่วยผู้ประกอบการ SMEs รอดพ้นวิกฤติโควิด

นายกฯ ขอบคุณ สมาคมธนาคารไทย-ธปท.-ภาคเอกชน ร่วมมือภาครัฐ หนุน ‘มาตรการสินเชื่อเพื่อการปรับตัว’ ขยายวงเงินกู้สูงสุด 150 ล้านบาท เสริมศักยภาพ SMEs รับธุรกิจโลกยุคใหม่ 

(10 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณในความร่วมมือของสมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และภาคเอกชน ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สมาคมธนาคารไทยได้ร่วมมือกับ ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการในระยะสั้น 

โดยสามารถช่วยเหลือ SMEs ได้ถึง 7.7 หมื่นราย วงเงินรวม 1.4 แสนล้านบาท มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ให้ความช่วยเหลือ 5.9 หมื่นราย คิดเป็นยอดอนุมัติสินเชื่อกว่า 2.1 แสนล้านบาท มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ ให้ความช่วยเหลือ 413 ราย คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ที่รับโอนราว 5.8 หมื่นล้านบาท รวมถึงมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน ที่ช่วยเหลือลูกค้าแก้ไขปัญหาหนี้ได้ตรงจุด ทันการณ์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ผ่านวิกฤต มีความพร้อมกลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

อยู่มา 8 ปี ทำอะไรกันนักหนา!!

ผลงานรัฐบาลลุงตู่ : ภาคอีสาน

ภายหลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาบริหารประเทศ ก็เกิดการพัฒนาด้านต่าง ๆ ขึ้นถ้วนทั่วทุกภาคของไทย โดยหนึ่งในภูมิภาคที่บังเกิดผลงานอันเป็นรูปธรรมและเอื้อประโยชน์มากมายนั้น คือ 'ภาคอีสาน' ผ่านหลากหลายโครงการ ที่จะขอยกตัวอย่างมาให้เห็นคร่าว ๆ ดังนี้...

1. โครงการคนละครึ่ง
2.  บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
3. มารดาประชารัฐ
4. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ  
5. โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
6. โครงการชิมช้อปใช้
7. พัฒนาสนามบินในอีสาน เช่น สนามบินอุบลราชธานี และสนามบินขอนแก่น
8. บริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ตามโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนโครงการอ่างเก็บน้ำลำน้ำชี
9. โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรใหญ่ที่สุดในโลก ที่ จ.อุบลราชธานี
10. ต่อรางสร้างรถไฟฟ้า 9 สาย และโครงการรถไฟทางคู่ อ.หัวหิน, จ.ขอนแก่น, จ.สระบุรี และ จ.ลพบุรี
11. สร้างทางหลวงหมายเลข 12 จ.กาฬสินธุ์ เชื่อมไปประเทศลาว 
12. สร้างอุโมงค์ทางลอดยาวที่สุดในภาคอิสานที่ จ.อุดรธานี

'เพื่อไทย' โว!! เตรียมข้อมูลอภิปรายรัฐบาลแน่น!! ท้า 'บิ๊กตู่' หากมั่นใจบริสุทธิ์ มาเจอกันในสภาฯ

(12 ก.พ. 66) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 วันที่ 15-16 ก.พ.ว่า เตรียมขุนพลไว้อภิปราย 18 คน อาจจะมีเพิ่มขึ้นหรือลดลงบ้าง หากมีข้อมูลซ้ำซ้อนก็จะถอยออก ยืนยันว่าพร้อมเต็มที่เพราะได้มีการซักซ้อมมาแล้ว และจะอภิปรายตามเวลาที่กำหนด พรรคหวังว่าการอภิปรายครั้งนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลทำอะไรไม่ดีบ้าง ปกป้องคนทำผิดอย่างไร เกิดความไม่ชอบมาพากล ทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไร แต่พี่น้องประชาชนจะอย่างไรก็อยู่ที่ผลการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า นายวิษณุ ระบุว่าหากองค์ประชุมไม่ครบหรือสภาฯล่ม ถือว่าจบการอภิปรายและสิ้นสุดญัตติทันที นายสมคิด กล่าวว่า นายวิษณุ พูดอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ก็มีความใกล้เคียงบ้าง เพราะสภาฯล่มญัตติไม่ได้ตกไปในวันนั้นทันที สมมุติว่าวันที่ 15 ก.พ. องค์ประชุมไม่ครบ แต่ญัตติก็ยังค้างสภาฯอยู่ จากนั้นวันที่ 16 ก.พ. มาประชุมใหม่ก็ใช้ญัตติเดิมเข้ามาอภิปรายต่อ ดังนั้นเมื่อสภาฯล่มเราก็ไม่ได้พูดเท่านั้นเอง แล้วสภาฯปิดสมัยประชุมญัตติก็ตกไปโดยปริยาย รวมทั้งวันที่ 23 ก.พ. เป็นอาทิตย์สุดท้ายของสภาฯชุดนี้ด้วย

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! ต่างชาตินิยมยกกองถ่ายหนังในไทย ดันอุตฯ หนังไทยโต โกยรายได้กว่า 9 ล้านพันบาท

(13 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและยินดีที่ ประเทศไทยเป็นสถานที่ยอดนิยมที่ต่างประเทศมักเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ ทำให้สถานที่สวยงามของไทยเป็นที่รู้จัก เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมทั้งยังมีส่วนในการกระจายรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศไปในโอกาสเดียวกันด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า จากรายงานของกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า ในปี 2565 มีการถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทยถึง 348 เรื่อง โดยเดือนกันยายน และพฤศจิกายน 2565 มีการถ่ายทำสูงสุดที่ 42 เรื่อง ในขณะที่ล่าสุด เดือนมกราคม 2566 มีการถ่ายทำไปแล้วถึง 34 เรื่อง สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 298.11 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2566)

นายอนุชา กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ภาครัฐยังได้ให้การสนับสนุนเป็นสิทธิประโยชน์ในรูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) ตามมติ ครม. (7 ก.พ. 2566) ร้อยละ 20-30 เป็นระยะเวลา 2 ปี สิทธิประโยชน์หลักอยู่ที่ร้อยละ 20 เมื่อมีการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกินร้อยละ 10 

นายอนุชา กล่าวว่า ยังมีการปรับเพิ่มการคืนเงินจากเดิม 75 ล้านบาท/เรื่อง เป็น 150 ล้านบาท/เรื่อง จะทำให้เพดานเงินลงทุนสร้างภาพยนต์ต่อเรื่องเพิ่มเป็น 750 ล้านบาท จากเดิม 375 ล้านบาท เพื่อเป็นการรับกับแนวโน้มที่คณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาในไทยเป็นผู้สร้างรายใหญ่ เงินทุนสูง โดยเฉพาะภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์

‘ดร.เสรี’ แนะ 6 ข้อ ‘FC ลุงตู่’ ต้องรีบทำ หากอยากได้นายกฯ ชื่อ ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’

(13 ก.พ. 66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร ซึ่งมีจุดยืนทางการเมือง สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ถ้ารักลุงตู่ อยากให้ลุงตู่เป็นนายกฯต่อ Fc ทั้งหลายพึงปฏิบัติดังต่อไปนี้

1. ช่วยกันเผยแพร่ผลงานของลุงตู่ อาจจะ Post อาจจะ share ที่คนอื่น Post มา

2. ช่วยกันเขียน comments เพิ่มเติม เพื่อให้มีการสนทนาเรื่องดี ๆ ของลุงตู่

3. ช่วยกัน repurpose เรื่องดี ๆ ของลุงตู่จาก platform หนึ่ง ไปยัง platforms อื่น ๆ เพื่อให้เข้าถึงคนที่ใช้ platform ที่ต่างกันเป็นจำนวนมากขึ้น

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! Financial Times ชื่นชมไทย ยกเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อน้อยที่สุด

(13 ก.พ. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า…

พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน 

วันนี้ มีบทความเกี่ยวกับประเทศไทย ใน Financial Times ซึ่งเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลทั่วโลก นำเสนอเนื้อหาชื่นชมประเทศไทยว่ามีการบริหารเศรษฐกิจด้วยความเชี่ยวชาญ และมีความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในหลาย ๆ เรื่อง ส่งผลให้สามารถพูดได้ว่าเงินบาทเป็นสกุลเงินที่มีความมั่นคงที่สุดเป็นอันดับแรกของโลก และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อน้อยที่สุดด้วยครับ

‘บิ๊กตู่’ สั่งเร่ง ‘บัตรสวัสดิการฯ’ โอนเงินภายใน 1 มี.ค. นี้ ย้ำ!! คุ้มครองข้อมูลผู้มีสิทธิ - ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ

(14 ก.พ.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมตนได้สั่งการให้เร่งนำโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติจะได้เริ่มโอนเงินให้ประชาชนได้ในวันที่ 1 มี.ค. นี้ และข้อมูลผู้มีสิทธิแต่ละคน จะได้รับการคุ้มครองข้อมูลภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตนได้เข้มงวดไปไม่ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีสิทธิ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top