Monday, 9 June 2025
บิ๊กตู่

ไทยดูดเงินลงทุนกลุ่มสร้างหนังจากต่างประเทศ หลัง ‘บิ๊กตู่’ สนับสนุนการถ่ายทำในไทยต่อเนื่อง

คณะผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เข้าพบ 'บิ๊กตู่' ขอบคุณการสนับสนุนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนสร้างภาพยนตร์จากต่างประเทศ

(23 ก.พ. 66) ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นำคณะผู้บริหารจากสมาคมผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศ และสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอบคุณที่สนับสนุนมาตรการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารจากกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับคณะผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย พร้อมกล่าวว่า ยินดีที่มาตรการของรัฐบาลเห็นผลสำเร็จและเป็นรูปธรรม ซึ่งมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย (Incentive Measure) เป็นมาตรการที่รัฐบาลให้ความสำคัญและดำเนินการผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในด้านเป็นสถานที่ถ่ายทำที่มีความหลากหลาย รวมถึงบุคลากรในประเทศที่มีคุณภาพ โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า มาตรการที่รัฐบาลสนับสนุน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทย ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน รวมถึงช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และ Soft Power ของประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พร้อมให้การสนับสนุนในส่วนที่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ โดยมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการไปแล้วนั้น ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ ซึ่งรัฐบาลคำนึงแล้วว่าจะช่วยสร้างรายได้กลับคืนสู่ประเทศ ชุมชน และประชาชนท้องถิ่น อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีขอให้ผู้ประกอบการฯ ช่วยกันดูแลสภาพแวดล้อมของไทยไม่ให้เสียหาย ฟื้นฟูภายหลังถ่ายทำ รวมถึงดูแลเรื่องภาพลักษณ์ ให้การถ่ายทำสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดี และชื่อเสียงของประเทศ ซึ่งจะช่วยประชาสัมพันธ์ต่อยอดสู่ภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนต่อไป

'บิ๊กตู่' นำทัพ 'รทสช.' ปราศรัยใหญ่ที่โคราช 25 ก.พ.นี้ ชูนโยบาย 80 ข้อ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสาน

(23 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีกำหนดการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ประตูสู่ภาคอีสาน ที่จังหวัดนครราชสีมาในวันที่ 25 ก.พ.นี้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนด คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง จะขึ้นเวทีปราศรัยด้วยนั้น

จากเดิมในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินไปศูนย์ผ้าไหม อ.ปักธงชัย เพื่อเป็นประธานทำพิธีปักธงชัยชนะ พร้อมเยี่ยมชมศูนย์ผ้าไหมและพบปะประชาชน อ.ปักธงชัย และเดินทางต่อไปยังศูนย์การศึกษาดินเผาด่านเกวียน เพื่อเยี่ยมชมศูนย์เครื่องปั้นดินเผาและพบปะประชาชน ก่อนสักการะ ศาลเจ้าปู่ย่า ที่สมาคมจีนหลักเสียงเซียงตึ้ง จ.นครราชสีมา และเป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวงท้าวสุรนารี (ย่าโม) ก่อนที่เวลา 18.30 น. จะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่

'บิ๊กตู่' ปลื้ม!! ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวเร็ว หลังยอดเที่ยวบินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 105%

(24 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่เปิดเผยถึงปริมาณการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ AOT มีจำนวนเที่ยวบินรวม 150,378 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 105.04%

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 66,829 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 83,549 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารรวมทั้งหมด 23.01 ล้านคน เพิ่มขึ้น 232.93% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 10.98 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 12.03 ล้านคน

'บิ๊กตู่' สั่ง วางแผนทำธุรกิจฮาลาล รองรับชาวมุสลิม เพิ่มโอกาสให้ภาคธุรกิจ - ท่องเที่ยว ขยายการลงทุน

(24 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนแนวทางการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการอุปโภค-บริโภคของประชากรมุสลิม หรือผู้นับถือศาสนาอิสลาม เชื่อมั่นว่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ และเป็นการเปิดโอกาสที่ดีให้กับภาคธุรกิจไทยได้ขยายการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต จากกำลังซื้อสินค้าฮาลาลที่เพิ่มมากขึ้น

นายอนุชา กล่าวว่า ผลสำรวจของ Pew Research Center คาดว่า จำนวนชาวมุสลิมทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 2,200 ล้านคน ภายในปี 2030 หรือคิดเป็น 26.4% ของประชากรโลก ซึ่งในปัจจุบันมีถึง 49 ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ประเมิน วางแผนแนวทางการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประชากรมุสลิม ซึ่งมีพฤติกรรมการบริโภค การจับจ่ายใช้สอย ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากระเบียบข้อบังคับของศาสนา สอดคล้องกับการประเมินของ Adroit Market Research ที่คาดว่าตลาดสินค้าฮาลาลทั่วโลกจะเพิ่มจาก 7.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2020 เป็น 11.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2028 หรือขยายตัวเฉลี่ย 5.6% ต่อปี (https://www.adroitmarketresearch.com/industry-reports/halal-market)

นายอนุชา กล่าวว่า ข้อมูลจาก Halal Focus พบว่า ชาวมุสลิมใช้จ่ายในสินค้าประเภทอาหารมากสุด คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 62% ของรายจ่ายทั้งหมดในสินค้าฮาลาล รวมถึงข้อมูลจากศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์ฯ ยังพบว่า ในปี 2564 ตลาดอาหารฮาลาล และการเกษตรฮาลาลมีมูลค่า 183 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือ 14 % ของตลาดอาหารฮาลาล และการเกษตรฮาลาลโลก โดยประเทศไทย ซึ่งพัฒนาศักยภาพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮาลาลอย่างต่อเนื่อง มีส่วนแบ่งตลาดอาหารฮาลาล และการเกษตร 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นคิดเป็น 15.8%

'บิ๊กตู่' อารมณ์ดี เตรียมปราศรัยใหญ่เวทีบ้านเกิด วอนทุกคนเป็นหูเป็นตา ตรวจพรรคการเมืองขายฝัน

(24 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทาง และยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันเสาร์ที่ 25 ก.พ.นี้ มีอะไรไปเซอร์ไพรส์บนเวทีบ้านเกิดว่า อย่างน้อยได้ไปเยี่ยมบ้านเกิด ซึ่งไม่ได้ไปนานแล้ว ตนเกิดและโตอยู่ที่นั่น ความผูกพันมีอยู่ตลอด ซึ่งเราต้องนึกถึงบ้านเกิดเมืองนอน ถ้าจะให้พูดวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากให้นายกฯ พูดทักทายเป็นภาษาโคราช เพื่อเป็นน้ำจิ้มก่อนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “สบายดีเด้อ” ผู้สื่อข่าวบอกเป็นภาษาโคราชว่า “สบายดีแมะ“ ซึ่งแปลว่า “สบายดีไหม“ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามพูดตาม พร้อมกล่าวว่า “สบายดีไหม“ ก่อนจะขำเนื่องจากพูดภาษาโคราชผิด ๆ ถูก ๆ พร้อมกล่าวว่า มันจะผสมกันไปหมดแล้ว

เมื่อถามว่า วันที่ 25 ก.พ. ที่จะถึงนี้ จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน ทั้ง 132 เขตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางพรรคเตรียมไว้แล้ว

เมื่อถามว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอนโยบายด้านพลังงานน้ำมัน คิดว่าจะทำได้จริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาพูดอะไรก็ได้ แต่ต้องมาดูกติกากฎหมาย สัญญาต่าง ๆ เพราะทุกอย่างเป็นสัญญา ถ้าจะทำอะไร ก็ต้องไปแก้กฎหมายกันใหม่ตรงโน้น ฉะนั้น เราต้องเริ่มต้นใหม่ ถ้าจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็ต้องทำให้ดี ของเดิมก็ต้องขอความร่วมมือกันบ้าง ช่วยเหลือกันบ้าง

เมื่อถามว่า พรรคจะลดราคาน้ำมันได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดอีกแล้ว รอดูแล้วกัน ไม่ต้องรวมไทยสร้างชาติ ในตอนนี้ นายกฯ จะดูแลให้ มากน้อยเดี๋ยวดู ได้คุยกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงานไว้แล้ว จะลดได้เท่าไหร่ อย่างไร แต่ต้องดูว่าจะมีปัญหาในภาพรวมหรือไม่ ยืนยันว่าจะลดให้ ไม่ใช่การหาเสียง เพราะตนพูดในนามของนายกฯ

เมื่อถามว่า หลายพรรคมีนโยบายขายฝันจะทำได้มากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พวกเราก็ตรวจสอบกัน ดูว่าให้อะไรเท่าไหร่ หาตัวเลขมาว่า คนแต่ละกลุ่มใช้เงินเท่าไหร่ คูณตัวเลขมา พอเพียงหรือไม่ วันนี้งบประมาณรายรับเรามีเท่าไหร่

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ปรากฎว่า ขาตั้งไมโครโฟนของสื่อ เอนใส่หน้าอก ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ชะงัก ก่อนพูดติดตลกและถามว่า “ไอ้นี้พวกใครวะ พวกเราหรอ กระแทกแบบนี้” จากนั้น ได้แกล้งดึงไมโครโฟนออกจากขาตั้งแล้วใส่กลับเข้าที่เดิม พร้อมกล่าวว่า “อย่าถือสา แหย่เล่นกัน เรามันพวกเดียวกันอยู่แล้ว“

‘ตรีชฎา’ แซะ สโลแกนใหม่ ‘บิ๊กตู่’ ไม่เหมาะสม แนะใช้ ‘ประยุทธ์พอแล้ว 9 ปีหนี้ท่วม’ คู่ควรกว่า

(24 ก.พ.66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสโลแกนหาเสียง 'ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ' ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ในฐานะที่ประชาชนที่ต้องทนมา 9 ปี สโลแกนนี้คงไม่เหมาะสม แต่คำที่คู่ควรมากที่สุดตอนนี้ก็คือ 'ประยุทธ์พอแล้ว 9 ปีหนี้ท่วม' มากกว่า เพราะตั้งแต่ปี 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เหลืออีก 3 เดือนก็จะครบ 9 ปีเต็ม ถือได้ว่า เป็น 9 ปีที่ประเทศได้รับความเสียหายหลายด้าน โดยเฉพาะหนี้สินของประเทศที่แทบจะท่วมหัว ทั้งหนี้สาธารณะ คงค้าง ณ เดือนธันวาคม 2565 ทั้งสิ้น 9,302,526 ล้านบาท หรือเกือบ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอยู่ที่ 14.7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 88% ของ GDP และยังขยายเพดานหนี้อีก แม้แต่นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ได้แถลงชัดเจนว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนยังไว้วางใจไม่ได้ต้องแก้ไปเรื่อย ๆ หนี้ครัวเรือนเป็นเหมือนระเบิดเวลาต้องแก้ไขอย่างต่อเนื่อง

น.ส.ตรีชฎากล่าวต่อว่า พรรค พท.ตระหนักถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี จึงมีนโยบายแก้ไขหนี้ด้วยการสร้างรายได้ โดยเฉพาะภาคการเกษตร ราคาสินค้าเกษตรจะปรับขึ้นยกแผง ค่าแรงผู้ใช้แรงงานจะปรับขึ้นเป็นวันละ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรีจะปรับขึ้นเป็น 25,000 บาท ภายใน 4 ปี พักหนี้ 3 ปีทันที ปลอดต้น ปลอดดอกเบี้ย มั่นใจว่าประชาชนจะหลุดพ้นบ่วงกรรมหนี้ที่รัฐบาลได้สร้างเอาไว้แน่นอน

'เพจดัง' เผย ทุนสำรองไทยแกร่ง อันดับ 14 ของโลก ขึ้นแท่นประเทศที่มีทองคำมากที่สุดในภูมิภาค

'เพจลุงตู่ตูน' ยกข้อมูล 'แบงก์ชาติ' เผย สถานะทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย สุดแกร่ง อยู่อันดับ 14 ของโลก เหนือ 'ฝรั่งเศส-อิตาลี' เป็นที่ 2 อาเซียน รองแค่ 'สิงคโปร์' แต่มีทองคำมากสุดในภูมิภาค แถมขึ้นชั้น 'เจ้าหนี้' ปล่อยกู้ IMF ด้วย

วันนี้ (24 ก.พ.66) แฟนเพจเฟซบุ๊กลุงตู่ตูน ซึ่งสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'ข่าวดีประเทศไทย ‘นายกฯ ลุงตู่’ จัดให้' ถึงสถานะทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศไทย โดยระบุว่า...

ประเทศไทย มีทุนสำรองระหว่างประเทศมากถึง 8,255,996.80 ล้านบาท (237,582.64 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) จัดอยู่ในอันดับที่ 14 ของโลก เหนือประเทศฝรั่งเศส และอิตาลี ที่อยู่ลำดับที่ 15-16 และมีทุนสำรองระหว่างประเทศ ใกล้เคียงกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในลำดับที่ 13

เติบโตต่อเนื่อง!! ‘บิ๊กตู่’ สั่ง เสริมศักยภาพ ‘อินทราโลจิสติกส์’ ไทย หวังมุ่งสู่มาตรฐานสากล-ศูนย์กลางอาเซียน

(25 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งยกระดับและส่งเสริมศักยภาพการจัดการคลังสินค้าไทยสู่มาตรฐานระดับสากล หลังแนวโน้มของอุตสาหกรรมระบบการจัดการคลังสินค้าภายในองค์กร หรือ ‘อินทราโลจิสติกส์’ (Intralogistics) ในปี 2566 คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 10-15%

จากข้อมูลโดยสมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทย การเติบโตของระบบการจัดการคลังสินค้าภายในองค์กร (อินทราโลจิสติกส์) ซึ่งในปี 2565 มีมูลค่าถึง 6,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปี 2564 ประมาณ 5-8% พร้อมมองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2566 ที่เริ่มฟื้นตัว และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีความคืบหน้าเพิ่มเติมจากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญเร่งด่วน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทย กับต่างประเทศมากขึ้น และเชื่อว่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ขยายตัวได้ดีถึง 10-15% เทียบเท่าก่อนสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19

สมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทยยังเตรียมจัดงาน LogiMAT | Intelligent Warehouse 2023 ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อแสดงสินค้าชั้นนำที่เกี่ยวกับนวัตกรรมในการวางระบบคลังสินค้า และนำเสนอเทคโนโลยีการจัดการคลังสินค้าในอนาคต โดยจะเป็นงานที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการ ผู้มีศักยภาพด้านการลงทุน และผู้มีส่วนตัดสินใจขับเคลื่อนองค์กร จากทั้งไทยและนานาชาติมากกว่า 100 แบรนด์/บริษัท สามารถดึงดูดนักลงทุนด้านโลจิสติกส์และผู้ที่สนใจได้มากกว่า 6 พันคน ซึ่งจะทำให้มีเงินสะพัดในงานรวมกว่า 1,000 ล้านบาท

“นายกรัฐมนตรียินดีที่อุตสาหกรรมคลังสินค้าอัจฉริยะ หรือ อินทราโลจิสติกส์ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเพื่อขับเคลื่อนพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่ง และระบบโลจิสติกส์มาโดยตลอด พร้อมยินดีร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับการจัดการคลังสินค้าไทยสู่มาตรฐานระดับสากล เพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการไทย รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต” นายอนุชา กล่าว

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! ‘ชาไทยเย็น’ ติด Top 10 เครื่องดื่มที่ดีที่สุด เร่งผลักดัน Soft power ชูครัวไทย สู่ครัวโลก

(25 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า TasteAtlas ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบทความและข้อมูลอาหารยอดนิยมทั่วโลกได้จัด 10 อันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (10 Best Rated Non-Alcoholic Beverages in the World) (https://www.tasteatlas.com/best-rated-non-alcoholic-beverages-in-the-world#!#modal)

โดย “ชาไทยเย็น” ได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 7 ของโลก สะท้อนเอกลักษณ์และวัฒนธรรมอาหารของไทยที่โดดเด่น ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2018 ชาเย็นไทย ก็ได้รับการจัดอันดับที่ 27 ใน 50 เครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลก (World’s 50 most delicious drinks) จากเว็บไซต์ CNN Travel เช่นเดียวกัน (https://edition.cnn.com/travel/article/most-delicious-drinks-world/index.html)

นายอนุชา กล่าวว่า ผลการจัดอันดับดังกล่าวได้ให้รายละเอียดว่า ชาไทยเย็น ได้รับคะแนนโหวต 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยถือเป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสานเข้ากันได้ดีระหว่างชาดำเข้มข้น นมข้นหวาน/จืด น้ำตาล และสมุนไพรเครื่องเทศต่าง ๆ ซึ่งเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง โดยปัจจุบันจะพบชาไทยเย็นได้ ทั้งใน Street Food และร้านอาหารทั่วไป

นายอนุชา กล่าวว่า การจัดอันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่

1.) Hong Kong-Style Milk Tea จากฮ่องกง

2.) Aguas Frescas จากเม็กซิโก

3.) Chai masala จากอินเดีย

4.) Maghrebi Mint Tea จากเมืองอัลมัฆริบ (Maghreb) และโมร็อกโก

5.) Horchata จากเม็กซิโก

6.) Salep จากตุรเคีย

7.) ชาไทยเย็น จากไทย

8.) El submarino จากอาร์เจนตินา

9.) Ristretto จากอิตาลี

10.) Darjeeling จากอินเดีย

'ซูเปอร์โพล' เผย 'ลุงตู่' เด่นด้านความสงบสุข-มั่นคง ฟาก 'ลุงหนู' ผลงานด้าน สธ.-จงรักภักดี เป็นที่ประจักษ์

(25 ก.พ. 66) สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ลุงตู่ กับ หมอหนู กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,223 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20 – 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95

เมื่อถามถึง นักการเมืองผู้มีผลงานเด่น ด้านความมั่นคงชาติ ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.6 ระบุ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาหรือร้อยละ 17.3 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล, ร้อยละ 9.5 ระบุ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ, ร้อยละ 6.5 ระบุ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร, ร้อยละ 5.3 ระบุ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ตามลำดับ

นอกจากนี้ เมื่อถามถึง นักการเมืองผู้มีผลงานเด่น ด้านระบบสาธารณสุข นโยบายสุขภาพ แก้ปัญหาคุณภาพชีวิต ลดความเดือดร้อนของประชาชนช่วงวิกฤตโควิด พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.1 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองลงมาคือร้อยละ 10.4 ระบุ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, ร้อยละ 6.5 ระบุ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ร้อยละ 4.2 ระบุ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และร้อยละ 2.9 ระบุ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึง ภาพจำของประชาชน ต่อคุณธรรมการเมืองของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.1 คือ ความจงรักภักดีต่อสถาบันสูงสุดของชาติ รองลงมาคือ ร้อยละ 60.6 ระบุ กล้าคิดกล้าตัดสินใจ เป็นผู้นำไทยบนเวทีโลก ด้านสาธารณสุข สุขภาพเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจไทยในอาเซียน ร้อยละ 60.6 ระบุ มีผลงานทั่วโลกยอมรับ รับมือวิกฤตโควิดในประเทศไทย ร้อยละ 60.4 ระบุ ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย ทุจริตคอรัปชัน ร้อยละ 57.9 ระบุ มีความรู้ ประสบการณ์ ภาคธุรกิจ เคยล้มเหลว ฟื้นฟูตัวเอง กลับมาสำเร็จได้ ร้อยละ 57.6 ระบุ มุ่งมั่น ขยัน ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top