Wednesday, 11 June 2025
จีน

‘รมว.พาณิชย์’ รับ!! แพลตฟอร์ม ‘TEMU’ สะเทือน SME ชี้ ไม่นิ่งนอนใจ ลุยถก 8 หน่วยงาน วางมาตรการรับมือ

(13 ส.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยผ่านเฟชบุ๊กวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ว่า การเข้ามาของ TEMU ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก ในประเทศไทยถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการอีคอมเมิร์ซอย่างมาก

ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เนื่องจาก TEMU เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง

ซึ่งผมคิดว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการ SME

นี่คือ แนวโน้มและทิศทางการค้าของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงซึ่งเราจะต้องทำความเข้าใจ รู้ทัน และ ปรับตัว ในยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการค้าใหม่โดยเฉพาะ E-commerce ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) การปรับตัวเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นความตระหนักที่ธุรกิจขนาดเล็กต้องให้ความสำคัญเพื่อความอยู่รอดและการเติบโตในตลาดที่แข่งขันสูงขึ้น

ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีบทบาทหลักในการกำกับดูแลและส่งเสริมการค้าออนไลน์ให้มีความเป็นธรรมและยั่งยืนในภาพรวมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใด ๆ ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราได้จัดประชุมร่วมกับตัวแทนจาก กระทรวงการคลัง, กระทรวงดิจิทัลฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงสาธารณสุข, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)

เพื่อหารือและพิจารณาถึงผลกระทบของผู้บริโภค และผู้ประกอบการ จาก E-Commerce ทุก platform ที่ส่งเข้ามานั้นว่าได้มาตรฐานตามข้อกำหนดทางกฎหมายของประเทศไทยหรือไม่ อาทิ มาตรฐาน มอก. มาตรฐานของ อย. เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

รวมทั้งยังพิจารณาถึง การจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน โดยการกำหนดนโยบายการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ เพื่อให้บริษัทเหล่านี้เสียภาษีอย่างถูกต้องและไม่เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ

นอกจากนี้ สิ่งที่จะต้องดำเนินการควบคู่กัน คือการส่งเสริมและสนับสนุน SME ทั้งการพัฒนาศักยภาพ การสนับสนุนการเข้าถึงตลาดใหม่โดยสร้างช่องทางการตลาดใหม่ ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการบุกตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SME

อาทิ การจัดมหกรรม Live – Commerce ในช่วงเดือนกันยายน โดยให้ Influencer จากต่างประเทศ เข้ามาคัดเลือกสินค้าไทย นำไปจัด Live เพื่อขายสินค้าจากประเทศไทยไปยังผู้บริโภคในประเทศจีน

ซึ่งขณะนี้ได้มีการสำรวจสินค้าไทยซึ่งเป็นที่ต้องการของคนจีนจำนวนกว่า 500 รายการสินค้า เพื่อทำการซื้อขายดึงเม็ดเงินจากการส่งออกสินค้าเข้าสู่ประเทศ ซึ่ง เป้าหมายครั้งนี้ อยู่ที่ประมาณมากกว่า1,500 ล้านบาท

การค้าของโลกในปัจจุบันกำลังปรับเปลี่ยน ผมคิดว่าเมื่อเราต้องเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องอยู่ในคลื่นของการเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องมีมาตรการคุ้มครองตนเอง ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้อยู่ในสถานะที่มีความสามารถแข่งขันได้ หลีกเลี่ยงมาตรการตอบโต้แต่มุ่งแสวงหาความร่วมมือ อันน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการค้าในโลกปัจจุบัน

การเข้ามาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติต่าง ๆ ในประเทศไทยนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งออกมาตรการเพื่อช่วยปกป้องดูแลภาคธุรกิจไทย และพิจารณา ให้ครอบคลุมเพื่อรับมือกับผลกระทบและส่งเสริมโอกาสที่เกิดขึ้น เพื่อการสร้างความสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภค การสนับสนุน SME และการส่งเสริมการค้าเสรีและนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยให้การเข้ามาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว

“ขอให้มั่นใจรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ จะเร่งประสานทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเร่งด่วนที่สุด”

'ชามตราไก่ลำปาง' วิกฤต!! จีนทำขายเหมือนเป๊ะ ใบละ 5 บาท แถมส่งถึงที่ ด้านโรงงานเซรามิกในลำปางโอด เจอจีนตีด้วยออนไลน์ วูบร่วม 200 รง.

(13 ส.ค.67) จากกรณีมีสินค้าหลากหลายรูปแบบ ส่งตรงมาจากจีน เข้ามาตีตลาดสินค้าเกือบทุกชนิด ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่เป็นชาวไทยโดยตรง และหนีไม่พ้นผู้ประกอบการเซรามิกลำปางที่โดนผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ผู้ประกอบการเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีกว่า 300 โรงงาน ต้องหยุดไปแล้วกว่า 200 โรงงาน เพื่อรอดูท่าที และรอความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น

ล่าสุดวันนี้ นายปรีชา ศรีมาลา นายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาจังหวัดลำปาง เปิดใจว่า สถานการณ์ของผู้ประกอบการเซรามิกย่ำแย่ที่สุด อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้จะผ่านวิกฤตช่วงโควิด19 รวมไปถึงค่าแรง ค่าขนส่ง ค่าวัสดุอุปกรณ์ ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งที่ผ่านมาทางจังหวัด ท่านผู้ว่าฯ นายกอบจ.ลำปาง และภาคส่วนต่าง ๆ ต่างยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือประคับประคองกันมาได้

จนกระทั่ง 2-3 เดือนมานี้ พบว่าการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากประเทศจีนส่งถึงมือลูกค้าในราคาที่ถูกมาก เกิดจากจีนไม่สามารถขายสินค้าทางยุโรปได้ จึงเบนเข็มเข้ามาสู่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยด้วย เป็นสินค้าที่นำมาระบาย เรียกว่าการ Dumping ราคา ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงงานเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับผลกระทบโดยตรง และเริ่มชะลอตัวหยุดการผลิตไปก่อนเพราะทำไปก็ยิ่งขาดทุน รายจ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายรับไม่มี

“ก่อนโควิดเรามีเซรามิก 328 โรงงาน จากการลงพื้นที่สำรวจช่วงปลายปี 66 ที่ผ่านมา พบผู้ประกอบการที่เหลือประกอบการจริงเพียง 89 โรงงาน ในส่วนที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ สาเหตุที่หายไป เพราะหยุดดำเนินกิจการไปบ้าง และหยุดเพื่อดูสถานการณ์ของตลาดว่าเมื่อไรจะดีขึ้น ทุกวันนี้ยังรอความหวังจากนโยบายของรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจฟื้นฟูขึ้น”

นายกสมาคมเครื่องปั้นฯ กล่าวว่า ดังนั้นผู้ประกอบการเซรามิกลำปางที่อ่อนแอมาตั้งแต่ช่วงโควิดแล้วจึงไปไม่ไหว ทั้งที่หน่วยราชการในจังหวัดให้การช่วยเหลือกันเต็มที่ แต่ยังไม่เพียงพอ ฉะนั้นรัฐบาลควรต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องหัตถอุตสาหกรรมพื้นฐานของท้องถิ่น โดยเฉพาะเซรามิกลำปาง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีแหล่งแร่ดินขาวผลิตเซรามิกชั้นดีที่บ้านปางค่า อ.แจ้ห่ม ไม่เช่นนั้นเซรามิกลำปางถึงขั้นสูญพันธุ์แน่นอน

“ตอนนี้เราโดนซ้ำเติมจากสินค้าภายนอก โดยเฉพาะสินค้าจีนที่เข้ามาตีตลาดไทย ถ้วยตราไก่ เป็นสินค้า GI ของ จ.ลำปาง ใช้แหล่งดินที่ จ.ลำปาง มีสัญลักษณ์รูปไก่ ต้นกล้วย ดอกโบตั๋น บ่งบอกถึงการเป็นอัตลักษณ์ของ จ.ลำปาง ต้นทุนผลิตอยู่ที่ 20 บาท บางรายก็ขายราคาทุน หรืออาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่สินค้าจีนที่เป็นถ้วยชามคล้ายกันเข้ามาขายในออนไลน์ เพียง 5 บาท ไม่พอยังส่งถึงที่ด้วย และยังมีสินค้าหัตถอุตสาหกรรมหลายประเภทที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดที่โดนกระทบเหมือนกันหมด เหตุเพราะรัฐบาลปล่อยให้จีนเข้ามาโดยไม่มีการควบคุม อยากวิงวอนให้รัฐบาล เร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบเป็นแบบลูกโซ่ไปทั่ว”

'ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตฯ ลำปาง' เปิด 7 ข้อเท็จจริง 'ชามตราไก่ลำปาง' ยัน!! ด่ากราดจีน ผ่านปมชามละ 5 บาท เป็นเรื่องเอาแพะกับแกะมาผสมกัน

(14 ส.ค.67) จากกรณีการพบชามตราไก่ นำเข้าจากจีน ขายในประเทศไทย และพบผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ผู้ประกอบการเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีกว่า 300 โรงงาน ต้องหยุดไปแล้วกว่า 200 โรงงาน เพื่อรอดูท่าที และรอความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น

ด้าน นายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันสองวันนี้มีประเด็นเรื่อง เซรามิกลำปาง ย่ำแย่ผลมาจากการทุ่มตลาดของจีนทำชามไก่เหมือนลำปางขายใบละ 5 บาท ผมคิดว่ารายละเอียดมีความคลาดเคลื่อนค่อนข้างมากทีเดียว ขอให้รายละเอียดเกี่ยวกับเซรามิกลำปางโดยเฉพาะชามไก่ลำปาง และปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ดังนี้

1. ลายไก่ลำปางเดิมไม่ใช่ของลำปาง แต่มีที่มาจากประเทศจีน ซึ่งชาวจีนที่มาตั้งรกรากในลำปางได้นำลายไก่จากจีนมาผลิตที่ลำปางด้วย เพราะลำปางมีแหล่งดินขาวที่สามารถผลิตเป็นเซรามิกได้ใกล้เคียงกับจีน

2. ไม่ว่าชามไก่ของจีนในสมัยก่อน หรือชามไก่ของลำปางในสมัยก่อน จะเขียนลายด้วยมือ แต่ในปัจจุบันการผลิตชามไก่ของจีนจะใช้รูปลอกเซรามิกแทนการเขียนลาย จึงมีความเหมือนของลวดลายไก่ทุกใบ แต่ชามไก่ของลำปางในปัจจุบันยังนิยมเขียนลายด้วยมือเหมือนเดิม ที่ทุกใบมีความแตกต่างกัน

3. ชามไก่จีนใบละ 5 บาท ผมคิดว่า เป็นเรื่องเอาแพะกับแกะมาผสมกัน แล้วมองว่าเหมือนกัน แต่ในข้อเท็จจริง ชามใบละ 5 บาทเป็นสินค้าที่มีตำหนิมาก เน้นขายถูกและไม่มีลวดลายอะไร หากมีตำหนิน้อยจะขายแพงขึ้นและการโฆษณาว่าเซรามิกใบละ 5 บาท เพื่อผลในการดึงดูดลูกค้าเข้าร้านมากกว่าจะขายใบละ 5 บาทอย่างจริงจัง

4. ผมอยู่กับเซรามิกลำปางมาเกือบ 30 ปี เห็นความเปลี่ยนแปลงมาตลอด และเห็นปัญหาของเซรามิกลำปางมาตลอด ความเป็นจริงของเซรามิกลำปางคือยิ่งขายยิ่งถูก ยิ่งผลิตคุณภาพยิ่งต่ำ ด้วยสองเหตุผลหลักคือ 4.1 วัตถุดิบต้นน้ำและต้นทุนผลิตเราสู้จีนไม่ได้ 4.2 ผู้ผลิตในลำปางแข่งขันกันเองทั้งแข่งขันด้านราคาและแข่งขัน ในการลดต้นทุนการผลิต ทั้งที่ต้นทุนการผลิตของไทยสูงมากอยู่แล้ว

5. อาจจะมีบางส่วนที่สินค้าจีนไม่ได้คุณภาพในเรื่องของสารพิษที่มีจากรูปลอกบนเคลือบอุณหภูมิต่ำ แต่ไม่ได้มีสารพิษทุกชิ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบผลิตภัณฑ์

6. ตั้งแต่มกราคม - พฤษภาคม 2567 มีการนำเข้าเซรามิกจากจีนมากกว่า 3,000 ตันในราคาเฉลี่ย 8.96 บาทต่อกิโลกรัม (ดูตารางประกอบ) ปล.ราคาที่แจ้ง 8.96 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาสำแดงขณะนำเข้า ซึ่งข้อเท็จจริงราคาต้องสูงกว่านี้

7. สิ่งที่มาตามถนนหรือจะสู้สิ่งที่ข้ามเขาลงห้วยมาจากป่า นั่นหมายความว่าข้อเท็จจริงมีการนำเข้าจากจีนมากกว่าที่แสดง แต่ไม่มีการลงบันทึกตามพิธีการศุลกากร ประเมินนำเข้ามามากกว่านี้ 2-3 เท่าของที่สำแดงตามตาราง นั่นแปลว่าเซรามิกจากจีนเข้ามาท่วมตลาดและเข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศอย่างหนัก

ทั้ง 7 ข้อเป็นข้อเท็จจริงในเบื้องต้นที่ทำให้เซรามิกที่ผลิตในประเทศสู้จีนไม่ได้ ไว้จะมาเพิ่มเติมรายละเอียดเจาะลึกให้อีกครั้งครับ

‘ไทย-จีน’ เตรียมเปิดฉากซ้อมรบร่วมทางอากาศ ‘Falcon Strike 2024’ หวังเพิ่มพูนทักษะต่อสู้ พร้อมกระชับแลกเปลี่ยนความร่วมมือเชิงปฏิบัติ

(14 ส.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงกลาโหมของจีนประกาศว่า จีนและไทยจะจัดการซ้อมรบร่วมทางอากาศ ‘ฟอลคอน สไตรค์ 2024’ (Falcon Strike-2024) ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยการซ้อมรบเป็นไปตามแผนความร่วมมือประจำปีระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ระบุว่า การซ้อมรบจะจัดขึ้นที่ฐานทัพอากาศของไทย และจีนจะจัดส่งเครื่องบินหลายประเภทและกองกำลังพิเศษเข้าร่วมการซ้อมรบ โดยเป้าหมายของการซ้อมรบร่วมครั้งนี้คือเพิ่มพูนทักษะการต่อสู้ของกองกำลังที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระชับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือเชิงปฏิบัติ

‘จีน’ เล็งแก้ กม.‘แต่งงาน’ ง่ายขึ้น ‘หย่า’ ต้องรอ 30 วัน เบรกการหย่าเพราะอารมณ์ชั่ววูบ-แก้วิกฤติประชากรลด

(15 ส.ค. 67) จีนเตรียมแก้กฎหมายเอื้อให้การจดทะเบียนสมรสทำได้ง่ายขึ้น ขณะที่การหย่าร้างจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าเดิม ในความเคลื่อนไหวที่จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จนกลายเป็นเทรนด์ฮอตในโซเชียลมีเดียวันนี้

ด้านกระทรวงกิจการพลเรือนของจีนได้เผยแพร่ร่างแก้ไขกฎหมายที่ระบุว่ามุ่งสร้าง ‘สังคมที่เป็นมิตรต่อครอบครัว’ เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน โดยจะเปิดให้พลเมืองจีนสามารถส่งความคิดเห็นเข้าไปยังกระทรวงได้จนถึงวันที่ 11 ก.ย.นี้

โดยการแก้กฎหมายครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความพยายามของผู้กำหนดนโยบายจีนที่ต้องการส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวหันมาแต่งงานสร้างครอบครัวและมีบุตร เพื่อแก้ไขวิกฤตประชากรจีนที่ลดลงต่อเนื่องมา 2 ปีติดแล้ว

ร่างกฎหมายนี้มีการลดทอนข้อจำกัดในแง่ของถิ่นที่อยู่อาศัยลง จากเดิมที่กฎหมายจีนกำหนดไว้ว่าการจดทะเบียนสมรสจะต้องกระทำในเขตพื้นที่ตามทะเบียนบ้านของคู่แต่งงานเท่านั้น

อย่างไรก็ดี คู่สมรสที่ประสงค์หย่าร้างจะมีช่วงเวลา ‘รอ’ 30 วันหลังจากที่ยื่นคำร้อง ซึ่งระหว่างนั้นหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดเปลี่ยนใจไม่ต้องการหย่า ก็สามารถถอนคำร้องได้ทันที และกระบวนการจดทะเบียนหย่าถือเป็นอันสิ้นสุด

“แต่งงานง่าย แต่เวลาจะหย่ากลับยาก นี่มันกฎหมายงี่เง่าอะไรเนี่ย” ผู้ใช้ weibo รายหนึ่งกล่าว ซึ่งปรากฏว่ามีชาวเน็ตเข้าไปกดถูกใจหลายหมื่นครั้ง

ขณะที่ทางด้าน เจียง เฉวียนเป่า (Jaing Quanbao) อาจารย์ประจำสถาบันเพื่อการศึกษาด้านประชากรและการพัฒนาในสังกัดมหาวิทยาลัยซีอานเจียวทง ให้สัมภาษณ์กับสื่อโกลบอลไทม์สว่า กฎหมายนี้มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนเล็งเห็นความสำคัญของการแต่งงานและการสร้างครอบครัว ป้องกันการหย่าร้างด้วยอารมณ์ชั่ววูบ สร้างความมั่นคงทางสังคม ตลอดจนปกป้องสิทธิตามกฎหมายของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

จำนวนคู่รักชาวจีนที่จดทะเบียนสมรสในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ 3.43 ล้านคน ลดลง 498,000 คนจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2013

ทั้งนี้ นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลจีนทำให้การแต่งงานเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการจะมีบุตร รวมถึงการที่พ่อแม่ต้องนำทะเบียนสมรสไปแสดง เพื่อลงทะเบียนขอรับสวัสดิการอุดหนุนสำหรับลูกที่เกิดมา

อย่างไรก็ตาม คนจีนหนุ่มสาวจำนวนมากเลือกที่จะเป็นโสดหรือเลื่อนการแต่งงานออกไปก่อน เนื่องจากกังวลเรื่องความมั่นคงด้านอาชีพการงาน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงซบเซาในช่วงเวลานี้

‘จีน’ ทดสอบ ‘เครื่องบินไฟฟ้าไร้คนขับ’ รองรับผู้โดยสารได้ 5 คน สำเร็จ พร้อมให้บริการรูปแบบแท็กซี่ หวังช่วยหนุน ‘การเดินทาง-เลี่ยงรถติด’

เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.67) การให้บริการ ’Air Taxi‘ ใกล้ความจริงมากขึ้น เมื่อเครื่องบินไฟฟ้าไร้คนขับ (eVTOL) ประสบความสำเร็จในการบินข้ามแม่น้ำแยงซี ในเมืองหนานจิง โดยการบินทดสอบครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ระยะทาง 25 กิโลเมตร ถือเป็นครั้งแรกที่เครื่องบิน eVTOL ที่มีหนักกว่า 1 ตัน บินข้ามแม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของจีน

สำหรับเครื่องบิน eVTOL รุ่นนี้มีปีกกว้าง 15 เมตร ลําตัวยาว 11 เมตร และสูงประมาณ 3.5 เมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5 คน มีความจุสูงสุดเกือบ 500 กิโลกรัม พัฒนาโดยบริษัท AutoFlight บริษัทสตาร์ตอัปในเซี่ยงไฮ้ Xie Jia รองประธานอาวุโสของ AutoFlight กล่าวว่า เครื่องบินรุ่นนี้จะเป็นตัวเลือกในการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยว หรือผู้ที่ต้องการเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดในเมือง ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 10 ของการเดินทางภาคพื้นดิน

ทั้งนี้ จีนมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจการบินในความสูงระดับต่ำ โดยเมืองหนานจิงถือเป็นเมืองแนวหน้าของการขับเคลื่อนเรื่องนี้ ตั้งแต่ปี 2020 เมืองหนานจิงได้มีการเปิดเขตทดสอบอากาศยานไร้คนขับพลเรือน (UAV) มีเที่ยวบินทดสอบมากกว่า 24,000 เที่ยว 

ทางด้าน Shi Shan เลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำ Pukou Hi-Tech Zone ในหนานจิงกล่าวว่า การขับเคลื่อนการบินในความสูงระดับต่ำมีความก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งด้านการท่องเที่ยว การเดินทางในเมือง การกู้ภัยฉุกเฉิน การขนส่ง และสถานการณ์อื่น ๆ ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม CCID Consulting บริษัทด้านการวิจัยระบุว่า ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรม eVTOL ของจีนเติบโตขึ้นร้อยละ 77.3 มีมูลค่ากว่า 980 ล้านหยวน หรือประมาณ 4,900 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่า ภายในปี 2026 อุตสาหกรรม eVTOL น่าจะมีมูลค่ากว่า 9,500 ล้านหยวน หรือประมาณ 47,500 ล้านบาท

Adidas เผย!! จีนยังเป็นตลาดสำคัญ 'การผลิต-การลงทุน' รับ!! ผลประกอบการที่ดีมีปัจจัยจากกลยุทธ์ 'ในจีน เพื่อจีน'

ไม่นานมานี้ บียอร์น กุลเดน ซีอีโอของอาดิดาส (Adidas) แบรนด์เครื่องแต่งกายและรองเท้ากีฬาระดับโลก ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของตลาดจีน ภายใต้กลยุทธ์ระดับโลกของอาดิดาส ซึ่งเป็นการแสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการเติบโตในอนาคตและโอกาสการลงทุนในจีน ระหว่างการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดกับสำนักข่าวซินหัว

“จีนถือเป็นตลาดสำคัญสำหรับบริษัท และจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคต” กุลเดนกล่าวเมื่อวันจันทร์ (12 ส.ค.) ระหว่างต้อนรับนักฟุตบอลเยาวชนจีน 22 คน ซึ่งมีกำหนดเข้าร่วมการฝึกซ้อมเข้มข้นนาน 3 สัปดาห์ที่สำนักงานใหญ่อาดิดาสในเมืองแฮร์ซอกเกนัวรัค และสมาคมฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค โดยเขาได้เน้นย้ำบทบาทสำคัญของกีฬาในโลกท้าทายยุคปัจจุบัน และมองว่าโครงการแลกเปลี่ยนเหล่านี้จะช่วยสร้างสะพานเชื่อมผ่านเกมกีฬา

กุลเดนระบุว่า อาดิดาสจะลงทุนด้านกีฬาในจีนต่อไป รวมถึงย้ำบทบาทของจีนในการเป็นตลาดแห่งสำคัญ ตลอดจนฐานการผลิตและการจัดหาที่สำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ของอาดิดาส และเป็นตลาดสำคัญในแง่ยอดจำหน่ายและการผลิต

ข้อมูลของบริษัทระบุว่าอาดิดาสมีรายได้ไม่อิงตามสกุลเงิน (Currency-Neutral Revenue) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในช่วงไตรมาสที่สองของปีงบการเงิน 2024 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดจำหน่ายในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน

กุลเดนชี้ว่า ผลประกอบการที่ดีของอาดิดาสมีปัจจัยจากการให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภค และย้ำความมุ่งมั่นที่อาดิดาสมีต่อกลยุทธ์ 'ในจีน เพื่อจีน' (in China, for China) โดยบริษัทยังมุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามความต้องการของผู้คนในท้องถิ่น ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อรับรองความพึงพอใจของผู้บริโภค

‘กฟผ.’ จับมือ ‘CNOS’ เซ็น MOU แลกเปลี่ยนความรู้-เทคโนโลยี เตรียมความพร้อมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็กในไทย

กฟผ. และบริษัทยักษ์ใหญ่จีน CNOS ร่วมลงนาม MOU แลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ตลอดจนศึกษาความเป็นไปได้ในการนำโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) มาใช้ในไทย มุ่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านการจัดหาพลังงานระยะยาว

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 67 นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ Mr.Qiao Gang, Vice President of China National Nuclear Corporation Overseas Ltd. (CNOS) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มุ่งส่งเสริมพลังงานสะอาด สร้างความมั่นคงและความยั่งยืนด้านการจัดหาพลังงาน ณ ห้อง Press Conference ชั้น 3 อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ กฟผ.

นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. มีเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ซึ่งพลังงานนิวเคลียร์เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการผลิตไฟฟ้า สามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงและความยั่งยืนด้านการจัดหาพลังงานในระยะยาวได้ 

ปัจจุบัน กฟผ. อยู่ระหว่างศึกษาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ตลอดจนการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย ซึ่ง SMR เป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือกที่มีความเป็นไปได้ในแผนพลังงานชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานในอนาคตและเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน นอกจากนี้โรงไฟฟ้า SMR มีขนาดเล็กจึงมีความยืดหยุ่นและความปลอดภัยสูง โดยออกแบบและผลิตเป็นโมดูลในโรงงานแล้วนำไปติดตั้งในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาการก่อสร้างได้ 

ด้าน Mr.Qiao Gang, Vice President of CNOS กล่าวว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว 57 เครื่อง (Unit) และกำลังก่อสร้างหรืออยู่ในระหว่างขออนุมัติจากรัฐบาล 36 เครื่อง โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของ China National Nuclear Corporation (CNNC) ที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว 26 เครื่อง และอยู่ระหว่างก่อสร้างหรืออนุมัติ 18 เครื่อง ซึ่ง CNNC เป็นบริษัทแม่ของ CNOS และเป็นบริษัทเดียวในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ดำเนินธุรกิจด้านนิวเคลียร์อย่างครบวงจรตั้งแต่ การทำเหมืองยูเรเนียมที่เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ การออกแบบและก่อสร้าง จนถึงการจัดการเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว และเป็นกำลังหลักในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะการพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ที่ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก CNNC อยู่ระหว่างการก่อสร้าง SMR แห่งแรก 

โดยกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ภายในสิ้นปี 2568 สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อทราบว่า กฟผ. เป็นหน่วยงานสำคัญด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย มีความมุ่งมั่นในการสำรวจและพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของประเทศไปสู่ความยั่งยืน ตามแนวทางที่รัฐบาลไทยกำลังพิจารณาและวางแผนการใช้โรงไฟฟ้า SMR ในทศวรรษหน้า เนื่องจากพลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานสะอาด มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ กฟผ. และ CNOS จะร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ และโรงไฟฟ้า SMR ทั้งในด้านเชื้อเพลิง งานวิศวกรรม งานก่อสร้าง การดำเนินงานและการบำรุงรักษา รวมถึงการจัดการกากกัมมันตรังสีและเชื้อเพลิงใช้แล้ว โดย CNOS จะให้การสนับสนุนการศึกษาและเตรียมการพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ของ กฟผ. เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ด้านพลังงานนิวเคลียร์และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่การดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

‘จีน’ ยินดีที่ไทยได้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ พร้อมเดินหน้า!! พัฒนาสองประเทศ

เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.67) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ตอบคำถามนักข่าวกรณี ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยในวันที่ 16 ส.ค. ฝ่ายจีนมีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ และมีความคาดหวังอย่างไรต่อความสัมพันธ์จีน-ไทย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ระบุว่า ฝ่ายจีนขอแสดงความยินดีกับคุณแพทองธารที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย และเชื่อว่าประชาชนชาวไทยจะบรรลุผลสำเร็จใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น บนเส้นทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของประเทศ

จีนและไทยเป็นมิตรประเทศและเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ในปี 2025 จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย นับเป็นโอกาสใหม่ในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี ซึ่งฝ่ายจีนยินดีทำงานร่วมกับไทยเพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม เสริมสร้างการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ กระชับความร่วมมือเชิงปฏิบัติให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันให้เข้มแข็งและลึกซึ้งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เพจอันดับ 1 ที่สร้างมายาวนานกว่า 10 ปี ‘Study in China’ เรียนต่อประเทศจีน ถูกแฮ็ค เจ้าของเพจเปิดช่องทางใหม่ ย้ำ!! มีข้อมูล ‘ทุนการศึกษา’ อัดแน่นมาให้เหมือนเดิม

(17 ส.ค.67) พี่เติ้ลแจ้งข่าว ...

เพจพี่เติ้ล ที่สร้างมากกว่า 10 ปี โดน Hack และ ตอนนี้ ปลิว จอดำไปแล้ว เสียใจมากครับ ตอนนี้ ก็พยายามสื่อสารกับทาง Facebook และกำลังเร่งกู้คืน แต่ก็ยังสู้ครับ พี่เติ้ล สร้างเพจใหม่แล้ว ฝากติดตามและแชร์ต่อด้วยนะครับ

คุณภาพยังคับกล่อง มีข้อมูล มีทุนการศึกษาให้น้อง ๆ และ ผู้ปกครองเหมือนเดิม 

และ ปลายปีนี้ เทอมมีนา 68 และ Top U สำหรับเรียนกันยาปีหน้า 68 ก็ใกล้เริ่มแล้ว ใครวางแผนอย่างไร อยากให้เริ่มต้น มาคุยกันนะครับ

ลุยกันครับ 📣ฝากติดตามเพจใหม่ ด้วยนะ

https://web.facebook.com/profile.php?id=61562775793905


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top