Sunday, 15 June 2025
WORLD

‘เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ’ รมต.ต่างประเทศรัสเซีย เผยกับ ‘นักข่าวอเมริกัน’ เงื่อนไขที่สำคัญที่สุด 4 ประการในการยุติ!! สงครามยูเครน

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2024 มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ระหว่างนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกับนายทัคเกอร์ คาร์ลสันนักข่าวชาวอเมริกัน ที่เคยสัมภาษณ์ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมาโดยได้พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเกี่ยวกับสาเหตุของการเริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนและความสัมพันธ์กับตะวันตก ครั้งนี้นักข่าวชาวอเมริกันรายนี้เดินทางกลับมายังมอสโกเพื่อพูดคุยกับนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย การสัมภาษณ์ของนายทัคเกอร์ คาร์ลสันครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่การทูตเกี่ยวกับการหยุดยิงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งและในขณะที่รัสเซียยังคงเดินหน้าในสนามรบทางตะวันออกของยูเครน การสัมภาษณ์ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ภายใน 3 ชั่วโมง มีผู้เข้าชมเกือบ 2.3 ล้านครั้ง โดยรัฐมนตรีเซอร์เกย์ ลาฟรอฟได้ตอบคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา ความขัดแย้งในยูเครน และเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศรัสเซียในการยุติปัญหานี้ โดยสามารถสรุปประเด็นการสัมภาษณ์ดังกล่าวที่สำคัญได้ 4 ประเด็น ดังนี้

ประเด็นแรก ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐอเมริกา
- รัสเซียต้องการมีความสัมพันธ์ตามปกติกับทุกประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ยิ่งใหญ่เช่นสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแสดงความเคารพต่อชาวอเมริกันและความสำเร็จของพวกเขาหลายครั้ง เราไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมรัสเซียและสหรัฐอเมริกาจึงไม่สามารถร่วมมือกันได้
- สำหรับมอสโกสิ่งสำคัญคือการหลีกเลี่ยงสงครามกับสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสงครามอาจลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้
- โดนัลด์ ทรัมป์เป็นมิตร แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะโปรรัสเซีย
- สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครนถูกเรียกว่าสงครามลูกผสม ยูเครนจะไม่สามารถทำสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ด้วยอาวุธสมัยใหม่ที่มีพิสัยไกลได้เลยหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทอย่างแข็งขันในการจัดหาอาวุธให้กับทางเคียฟ 
โดยเขากล่าวว่า “ผมจะไม่พูดว่าในวันนี้รัสเซียและสหรัฐอเมริกากำลังทำสงครามกัน เราไม่ได้ทำสงครามอย่างเป็นทางการ และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เราอยากจะมีความสัมพันธ์ตามปกติกับทุกประเทศ”

ประเด็นที่สอง ความเสี่ยงจากสงครามนิวเคลียร์
- ทางการรัสเซียมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สงครามนิวเคลียร์จะลุกลาม
- หลักคำสอนทางทหารของเรากล่าวว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์
- แนวคิดของชาติตะวันตกที่มองว่ารัสเซียไม่มี ‘เส้นแดง’ นั้นถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง หลายครั้งที่ตะวันตกประกาศเส้นแดงเองและเปลี่ยนเส้นแดงนั้นไปมา โดยเขากล่าวว่า “นี่เป็นเกมที่อันตรายมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ทางตะวันตกมีการเรียกร้องภายในเพนตากอนและ NATO ให้ชิงโจมตีก่อนโดยมองว่าการโจมตีเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด รวมถึงการโจมตีด้วยนิวเคลียร์อย่างจำกัด ซึ่งเป็นการก่อให้เกิดหายนะที่เราไม่ต้องการ

ประเด็นที่สาม การทดสอบขีปนาวุธ ‘Oreshnik’
- รัสเซียไม่ต้องการให้สถานการณ์เลวร้ายลง แต่เนื่องจากขีปนาวุธ ATACMS และอาวุธระยะไกลอื่น ๆ ถูกใช้กับแผ่นดินรัสเซีย ทางการรัสเซียหวังว่าการทดสอบขีปนาวุธ 'โอเรชนิก' จะเป็นการส่งสัญญาณไปยังสหรัฐฯ เพื่อให้ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง
- รัสเซียจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของตน สหรัฐอเมริกาและผู้ที่จัดหาอาวุธพิสัยไกลให้กับเคียฟต้องเข้าใจว่าเราจะพร้อมที่จะใช้วิธีการใด ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ชาติตะวันตกประสบความสำเร็จในการสร้าง ‘ความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์’ ให้กับเรา 

ประเด็นสุดท้าย ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน
- เราไม่ได้เริ่มสงคราม ในทางตรงกันข้าม เราได้เปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารเพื่อยุติสงครามที่ระบอบการปกครองของเคียฟได้ปลดปล่อยต่อประชาชนใน Donbass ซึ่งสิทธิมนุษยชนของประชากรรัสเซียและที่พูดภาษารัสเซียในยูเครนถูกละเมิดอย่างร้ายแรงรัสเซียเริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารเพื่อยุติสงครามที่ระบอบเคียฟกำลังดำเนินการกับประชาชนของตนเองในพื้นที่ดอนบาส 
- ชาวตะวันตกกำลังต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจของตนในโลก แต่เรากำลังต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ด้านความปลอดภัยที่ถูกต้องตามกฎหมายและต่อสู้เพื่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนเหล่านี้
- เราไม่มีเจตนาที่จะทำลายชาวยูเครน พวกเขาเป็นพี่น้องกันกับชาวรัสเซีย
- รัสเซียเรียกร้องหลายครั้งในปี 2014 และ 2017 ให้ในระดับข้อตกลงอนุญาตให้บางส่วนของ Donbass และ Novorossiya พูดและเรียนเป็นภาษารัสเซียได้ ประการแรกมีข้อตกลงมินสค์ซึ่งกำหนดไว้เพื่อบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนยกเว้นไครเมียแต่ข้อตกลงเหล่านี้ถูกทำลายตั้งแต่เริ่มแรก และเราถูกบังคับให้เปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหาร จากนั้นข้อตกลงอิสตันบูลในปี 2022 พูดถึงการที่ยูเครนไม่เข้าสู่ NATO เพื่อแลกกับการรับประกันความปลอดภัย แต่ถูกล้มหลังจากการมาถึงของนายบอริส จอห์นสันนายกรัฐมนตรีอังกฤษ 
- อย่าคิดว่ารัสเซียและสหรัฐฯ กำลังตัดสินใจประเด็นของยูเครนแทนทุกคนเพราะนี่ไม่ใช่สไตล์ของมอสโก
- เมืองหลวงบางแห่งเบื่อหน่ายกับความขัดแย้งในยูเครน มีการพูดคุยกันว่าสหรัฐฯ ต้องการปล่อยให้เรื่องนี้ตกเป็นหน้าที่ของยุโรป
- รัสเซียพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ แต่ต้องการการเจรจาอย่างสันติ โดยตั้งใจที่จะดำเนินการเจรจาตามหลักการที่ตกลงกันในอิสตันบูล และต้องคำนึงถึงพื้นฐานความเป็นจริงที่ว่าขณะนี้มีสาธารณรัฐใหม่สี่แห่งในรัสเซีย แต่ข้อตกลงเหล่านี้ถูกตะวันตกปฏิเสธ

โดยรัฐมนตรีเซอร์เกย์ ลาฟรอฟกล่าวว่า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีสั่งห้ามการเจรจากับรัสเซีย และทางรัสเซียก็พร้อมสำหรับการเจรจา หากคำนึงถึงความสมดุลทางผลประโยชน์ 

ซึ่งทั้ง 4 ประเด็น ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดานักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถึงท่าทีและการส่งสัญญาณของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียต่อทางสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกผ่านทางนายทัคเกอร์ คาร์ลสันซึ่งผู้กำหนดนโยบายจากชาติตะวันตกจำเป็นจะต้องศึกษาและถอดความหมายจากการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ต่อไป

‘เมียนมา’ พร้อมช่วยเหลือ ‘ไทย’ เจรจากับ ‘ว้า’ ชี้!! ต้องแสดงความจริงใจ ไม่ใช่เล่นปาหี่

มาวันนี้เอย่ามีข่าวล่าสุดที่หลุดมาจากแหล่งข่าวไทใหญ่ว่าล่าสุดมีการเจรจาทางลับที่เชียงใหม่กับทางกองทัพเมียนมาล่ม โดยฝั่งเมียนมากล่าวว่า

1. การแก้ปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมามีการคุยมานานแล้ว แต่ประเด็นคือไทยกับเมียนมาถือแผนที่คนละฉบับกับเมียนมาทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนและตลอดมามีความพยายามที่จะแก้ปัญหาด้วยกันแต่ความไม่สงบในประเทศทั้งฝั่งไทยและเมียนมาเองที่เราสงบเขามีปัญหา พอเขาสงบทางเราเกิดความวุ่นวาย นั่นทำให้ยังสามารถปักปันเขตแดนให้แล้วเสร็จได้

2. ฝั่งเมียนมาพร้อมช่วยเหลือไทยฝ่ายไทยในการเจรจากับว้า แต่แหล่งข่าวระดับสูงของเมียนมาบอกว่าถ้าให้เมียนมาขยับ 9 จุดที่มีการล้ำเขตแดนบริเวณฐานทหารว้ามา ไทยก็มีจุดที่ล้ำกว่า 20 จุด ที่มีการรุกล้ำเขตแดนฝั่งเมียนมาด้วยเช่นกัน

3. ฝั่งเมียนมาบอกว่าการแก้ปัญหาชายแดนต้องแสดงความจริงใจ จริงจังไม่เล่นปาหี่  ต้องมีการคุยในระดับคณะกรรมการชายแดนและการทูตควบคู่กันไป ไม่ใช่จบกันแค่พูดคุยทางลับเท่านั้น

4. ฝั่งไทยต้องส่งเสริมสนับสนุนความเป็นมิตรกับฝั่งเมียนมา ในด้านการช่วยจัดการรักษาเสถียรภาพให้เมียนมาด้วย ไม่ใช่หลับหูหลับตาไม่รับรู้ให้ปล่อยให้กลุ่มต่างๆใช้ไทยเป็นแหล่งฟอกเงินและส่งทรัพยากรและยุทโธปกรณ์ให้แก่ฝ่ายต่อต้านกองทัพเมียนมา

ฝั่งไทยเองก็ใช่ย่อยล่าสุดมีข่าวหลุดออกมาจากแหล่งข่าวจากกลุ่ม NGO สามนิ้วว่ากองทัพไทยมีการติดต่อผ่านนักวิชาการที่มีสายสัมพันธ์ดีกับกลุ่ม NGO ที่ต่อต้านกองทัพเมียนมาเพื่อจะหาทางเข้าไปคุยกับว้า เอย่าจึงแค่อยากตั้งคำถามว่าตลอดเวลากลุ่มสามนิ้วด้อยค่าทหาร ด้อยค่าสถาบันมาตลอด แต่ทำไมถึงเรียกใช้คนเหล่านี้เป็นคนกลาง หรือกองทัพไทยยังถูกกลุ่มนี้ด้อยค่าไม่พออีกหรือ

สุดท้ายเอย่ามาวิเคราะห์ว่าจุดเริ่มต้นในการกระพือข่าวครั้งนี้ใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์และกระสุนนัดแรกมาจากใคร จากแหล่งข่าวทั้งกูรูกองทัพฝั่งไทยเอง ฝั่งว้าเองรวมกระทั่งแหล่งข่าวระดับสูงจากฝั่งเมียนมาก็มองตรงกันว่า ศึกนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่ไทยและเมียนมาแต่เป็นกองกำลัง RCSS ของเจ้ายอดศึกนั่นเอง

ที่ผ่านมาว้าเปิดศึกกับ RCSS หลายครั้งจะด้วยเหตุผลที่เป็นชนักติดหลังว้ามาตลอดที่ RCSS อ้างว่าทำศึกกับว้าเพราะกำจัดยาเสพติดหรืออะไรก็ตาม อย่าลืมว่ามันมีอะไรอยู่เบื้องหลังที่เราไม่รู้เสมอ และหากพิจารณาแล้ว สงครามระหว่างไทยกับว้าครั้งนี้ คนที่ไม่ได้เกี่ยวแต่มีการปล่อยข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องคือฝั่งกองทัพไทใหญ่นั่นเอง ดังนั้นไทยเองต้องควรจับตาเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไม่กะพริบตา กระสุนนัดแรกแน่นอนว่าไม่ได้มาจากฝั่งไทยแน่ และว้าก็คงไม่หาญกล้าที่จะเป็นคนเปิดก่อนแน่นอน ดังนั้นศึกนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดสงครามจากมือที่ 3 ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีความพยายามที่จะผลักดันให้ไทยเข้าสู่สงครามกับประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มว้าที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับจีน และพยายามจะออกสื่อเสนอตัวเป็นผู้ช่วยกองทัพไทยในการรบครั้งนี้ด้วย ซึ่งแท้จริงแล้วศักยภาพของกลุ่ม RCSS ไม่สามารถเทียบว้าได้ เพียงแต่อยู่ในชัยภูมิที่ดีและหากศึกดอยหัวม้าไทยชนะ RCSS ก็หวังว่าจะได้ฐานที่ดอยหัวม้านี้กลับมาใช้ประโยชน์กับกลุ่มของตนอีกครั้ง เหมือนสมัยครั้งที่ฐานนี้เป็นของขุนส่าซึ่งตอนนั้นขุนส่าอยู่กับเจ้ายอดศึกนั่นเอง

คนไทยเองก็ควรที่จะเพลาๆ ความคลั่งชาติลงบ้าง เรารักชาติได้ แต่ไม่จำเป็นต้องไปทะเลาะกับใครจนคู่กรณีตัวจริงเอาเราไปชนกับคู่ปรับของเขาแทน สุดท้ายเอย่าหวังว่ากองทัพไทยก็น่าจะมีวิธีในการติดต่อกองทัพว้าโดยไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพากลุ่มที่ด้อยค่ากองทัพนะคะ

ว่าไปแล้วว้าก็ไม่ใช่ผู้ผลิตยาเสพติดกลุ่มเดียวอย่างที่เราคิดเสมอไป ล่าสุดกลุ่ม PDF ได้ตั้งโรงงานในบ่อนตรงข้ามบ้านช่องแคบ อ. พบพระ จ. ตาก อาศัยพื้นที่อิทธิพลของ พันเอก ไซ จอ ละ หรือ โกไซ ผลิตยาและขนเป็นกองทัพมดเข้ามาในไทยเช่นกัน ด้วยเหตุผลว่าเงินสนับสนุนจากตะวันตกลดลง และรายได้จากการเก็บค่าผ่านทางไม่พอเพราะด่านจากที่เคยเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำกลับมีด่านลอยเพิ่มขึ้นมา 10 เท่าในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่มีสงครามที่เมียวดี นั่นทำให้รายได้ที่จัดเก็บในแต่ละด่านลดลงอย่างชัดเจน งานนี้ทหารไทยก็เหนื่อยหน่อยนะคะ แต่เอย่าและคนไทยอีกจำนวนมากเป็นกำลังใจให้ค่ะ

ปักกิ่งคว่ำบาตร 13 บริษัทยุทโธปกรณ์สหรัฐ สั่งห้ามส่งออกวัตถุดิบผลิตชิปและอาวุธให้มะกัน

(6 ธ.ค.67) กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ประกาศการคว่ำบาตรบริษัททหารของสหรัฐฯ จำนวน 13 แห่ง เพื่อเป็นการตอบโต้การขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้กับไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนและทำลายอธิปไตยของตนอย่างรุนแรง โดยการคว่ำบาตรนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนคัดค้านอย่างหนักต่อการที่สหรัฐฯ อนุมัติการขายชิ้นส่วนอะไหล่และการสนับสนุนเครื่องบิน F-16 และเรดาร์ให้กับไต้หวัน มูลค่ากว่า 385 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

บริษัทที่ถูกคว่ำบาตร ได้แก่ Teledyne Brown Engineering, Brinc Drones, Shield AI การคว่ำบาตรบริษัทดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบในฐานะไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบในการผลิตได้ อาทิ Rapid Flight, Red Six Solutions, Synexxus, Firestorm Labs, Kratos Unmanned Aerial Systems, HavocAI, Neros Technologies, Cyberlux Corporation, Domo Tactical Communications และ Group W

นอกจากนี้ จีนยังได้อายัดทรัพย์สินของผู้บริหารระดับสูงจาก 5 บริษัท รวมทั้ง Raytheon, BAE Systems และ United Technologies ที่ดำเนินธุรกิจในจีน และห้ามไม่ให้บุคคลเหล่านี้เข้าประเทศจีน พร้อมทั้งห้ามองค์กรและบุคคลในจีนทำธุรกิจกับพวกเขาด้วย

แผ่นดินไหว 7.0 ใกล้แคลิฟอร์เนีย ไร้เตือนสึนามิ แต่ยังประเมินความเสียหายไม่ได้

เมื่อเวลา 10.44 น.ของวันที่ (5 ธ.ค. 67) ตามเวลาท้องถิ่นของรัฐแคลิฟอร์เนีย ตรงกับเวลา 01.44 น ของวันที่ 6 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นในไทย เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.0 นอกชายฝั่งตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิชั่วคราว ก่อนจะยกเลิกในเวลาต่อมา  

รายงานจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเวลา 10.44 น. ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ หรือ 01.44 น. ตามเวลาในไทย จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองเฟิร์นเดลไปทางตะวันตกราว 63 กิโลเมตร และลึกลงไปใต้พื้นดินประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ประชากรเบาบาง  

ศูนย์เตือนภัยสึนามิแห่งชาติออกคำเตือนครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ตั้งแต่เมืองดูนส์ ซิตี รัฐออริกอน ไปจนถึงนครซานฟรานซิสโกและซานโฮเซ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ระยะทางรวมกว่า 643 กิโลเมตร คำเตือนดังกล่าวถูกยกเลิกหลังผ่านไป 90 นาที  

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ประชาชนราว 19,000 คนไม่มีไฟฟ้าใช้ชั่วคราว แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม แรงสั่นสะเทือนส่งผลกระทบต่ออาคารหลายแห่ง รวมถึงห้องปลูกกัญชาที่ได้รับอนุญาตของบริษัท Humboldt Flower Company ซึ่งมีภาพความเสียหายปรากฏตามรายงานข่าว  

ในเขตซาคราเมนโต มีคลิปวิดีโอจากโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นสระว่ายน้ำในบ้านหลังหนึ่งที่น้ำกระเพื่อมอย่างรุนแรงจนกระเซ็นออกมานอกสระ เบื้องต้นหน่วยงานรัฐบาลในท้องถิ่นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

แม้จะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังคงตอกย้ำความเสี่ยงของภัยธรรมชาติในพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ

UNESCO ขึ้นทะเบียน มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

(6 ธ.ค.67) ซินหัวรายงานว่า องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'เทศกาลตรุษจีน' เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งเป็นการยกย่องถึงความสำคัญของพิธีกรรมและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับวิถีชีวิตของชาวจีน

รายงานระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลด้านการคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ สมัยที่ 19 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-7 ธันวาคม ณ ประเทศปารากวัย ได้มีมติรับรองเทศกาลตรุษจีนเข้าสู่รายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ โดยยูเนสโกเน้นย้ำถึงความหลากหลายของกิจกรรมทางสังคมในเทศกาลนี้ อาทิ การกราบไหว้ขอพร การรวมตัวของสมาชิกในครอบครัว และงานเฉลิมฉลองในชุมชน  

ยูเนสโกระบุว่า ขนบธรรมเนียมดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีนถูกส่งต่อทั้งในรูปแบบไม่เป็นทางการผ่านครอบครัว และในรูปแบบทางการผ่านระบบการศึกษา นอกจากนี้ ทักษะงานฝีมือและศิลปะที่เกี่ยวข้องยังถูกส่งต่อผ่านการฝึกฝน ส่งเสริมคุณค่าของความสมานฉันท์ในครอบครัว สังคม และสันติภาพ  

คณะกรรมการฯ ชี้ว่า เทศกาลตรุษจีนเป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ พร้อมทั้งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงทางอาหาร การศึกษา และการเพิ่มความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม  

เหราเฉวียน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน กล่าวว่า เทศกาลตรุษจีนเป็นวันสำคัญที่สะท้อนถึงความหวังในชีวิตที่ดีขึ้นของชาวจีน เชื่อมโยงกับคุณค่าของความกลมกลืนในครอบครัวและสังคม รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ  

การขึ้นทะเบียนครั้งนี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมคุณค่าของสันติภาพและความสามัคคีในระดับสากล แต่ยังเป็นการตอกย้ำบทบาทสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ในการพัฒนาที่ยั่งยืนของมนุษยชาติ  

ปัจจุบัน จีนมีรายการมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกแล้วจำนวน 44 รายการ

ทรัมป์เสนอตั้ง 'เดวิด เปอร์ดู' นั่งทูตมะกันในปักกิ่ง อดีตสว.ผู้หนุนชาติเอเชียเป็นฐานผลิตสินค้านอกจีน

(6 ธ.ค.67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่แถลงการณ์เสนอชื่อนายเดวิด เปอร์ดู นักธุรกิจและอดีตวุฒิสมาชิกจากรัฐจอร์เจีย ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีนคนใหม่ โดยขั้นตอนต่อไปนายเปอร์ดูจะต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติจากวุฒิสภาเสียก่อน  

“ผมขอประกาศว่า อดีตวุฒิสมาชิกสหรัฐ เดวิด เปอร์ดู ได้ตอบรับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน คนต่อไป ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในวงการธุรกิจระหว่างประเทศในฐานะผู้บริหารบริษัท Fortune 500 และการทำหน้าที่ในวุฒิสภาสหรัฐ เขาจึงมีคุณสมบัติโดดเด่นที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเราและจีน” ทรัมป์ระบุ

หากวุฒิสภาให้การอนุมัติ เปอร์ดู วัย 74 ปี เขาจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการบริหารและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ท่ามกลางสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดความตึงเครียดทางการค้ามากขึ้น เนื่องจากทรัมป์เคยประกาศชัดเจนว่า จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราขั้นต่ำ 10% และอาจสูงถึง 60% ตั้งแต่วันแรกที่กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี  

สำรับประวัติของเปอร์ดู เขามีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำธุรกิจในเอเชียเป็นอย่างดี เคยอาศัยอยู่ในฮ่องกงและสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นของเขาแตกต่างจากทรัมป์ในประเด็นสำคัญหนึ่ง คือ เปอร์ดูสนับสนุนการใช้ชาติในเอเชียนอกประเทศจีนเป็นฐานการผลิตสินค้าบางชนิดเพื่อลดต้นทุนด้วยค่าแรงที่ถูกกว่า ในขณะที่ทรัมป์มุ่งเน้นให้สหรัฐผลิตสินค้าเองให้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

ทรัมป์ยังระบุเพิ่มเติมว่า ในฐานะสมาชิกพรรครีพับลิกันเพียงคนเดียวที่เคยทำงานในคณะกรรมการด้านการทหารและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา เปอร์ดูจะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินกลยุทธ์เพื่อรักษาสันติภาพในภูมิภาค และสร้างความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพกับผู้นำจีน 

เปิดปมซีอีโอ 'ยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์' ถูกยิง พบกระสุนสลักคำแค้น สะเทือนธุรกิจประกันภัยสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ (4 ธ.ค.67) ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก เกิดเหตุสะเทือนขวัญเมื่อนาย ไบรอัน ธอมป์สัน  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตใจกลางย่านแมนฮัตตัน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายตั้งใจดักรอเพื่อหมายเอาชีวิตนายธอมป์สัน

รายงานระบุว่า ธอมป์สัน วัย 50 ปี ถูกยิงเมื่อเวลาประมาณ 06:45 น. ที่บริเวณด้านนอกโรงแรมฮิลตัน บนถนนซิกซ์อเวนิว เพียงไม่นานก่อนที่งานกิจกรรมวันพบปะนักลงทุนประจำปีของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์จะเริ่มขึ้น โดยเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน ขณะที่คนร้ายยังคงหลบหนี

รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า มือปืนดักรอ Brian ขณะเดินอยู่ริมถนน จากนั้นใช้อาวุธปืน 9 มม. ยิงเขา 6 นัด โดยมีการใช้กระบอกเก็บเสียง ปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุถูกสลักข้อความว่า 'Delay' (ยืดเยื้อ), 'Deny' (ปฏิเสธ), และ 'Depose' (โยนคดีทิ้ง) ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนักของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ เนื่องจากมีอัตราการปฏิเสธการจ่ายเงินประกันสูงถึง 32% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในกลุ่มบริษัทประกันสุขภาพทั้งหมด อีกทั้งยังมีอัตราการปฏิเสธการจ่ายเบื้องต้นสูงถึง 90% ส่งผลให้มีคดีความฟ้องร้องระหว่างผู้เอาประกันชาวอเมริกันกับบริษัทเป็นจำนวนมาก

การปฏิเสธการจ่ายเงินของบริษัทส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะหากไม่มีเงินประกันมาจ่าย โรงพยาบาลจะต้องหยุดการรักษาชั่วคราว  

การลอบยิงดังกล่าวส่งผลให้ชาวเน็ตวิจารณ์เหตุการณ์นี้อย่างกว้างขวาง หลายคนแสดงความเห็นว่ามือปืนอาจเป็นตัวแทนของผู้ที่ทนไม่ได้กับความไม่เป็นธรรมจากระบบประกันสุขภาพในสหรัฐฯ และถึงแม้ตำรวจจะสามารถจำกัดวงผู้ต้องสงสัยจากจำนวนคนที่เคยถูกปฏิเสธการจ่ายเงินเหลือเพียง 25 ล้านคน แต่การจับกุมมือปืนอาจไม่ใช่เรื่องง่าย

เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้บรรดาบริษัทประกันภัยรายอื่น ๆ ของสหรัฐ ต่างทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้บริหารระดับสูงอย่างเร่งด่วน อาทิ CVS Health อีกหนึ่งบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ ได้นำภาพถ่ายและข้อมูลของทีมผู้บริหารทั้งหมดออกจากเว็บไซต์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น   

โรเบิร์ต ดามิโก อดีตเจ้าหน้าที่ FBI และผู้ก่อตั้งบริษัท Sierra One Consulting บริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยระบุว่า การนำรูปภาพออกจากเว็บไซต์สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการลดความเสี่ยงที่ผู้ไม่หวังดีจะสามารถระบุตัวและเข้าถึงผู้บริหารได้ง่าย อีกทั้งยังบอกว่า ช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจด้านสุขภาพในสหรัฐฯ เผชิญกับความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้น จนต้องสำรวจมาตรการความปลอดภัยใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ของอาชญากรรมรุนแรง

ทั้งนี้ เหตุการณ์การเสียชีวิตของธอมป์สันเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่ผู้บริหารระดับสูงต้องเผชิญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการประกันภัย ซึ่งเป็นประเด็นที่กระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง 

ม.ทั่วสหรัฐเตือน นักศึกษา-บุคลากรต่างชาติ กลับเข้าประเทศก่อนทรัมป์รับตำแหน่ง

นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานเมื่อ 5 ธ.ค. 2024 ว่า มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาชั้นนำในสหรัฐ เช่น มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ได้ออกประกาศเตือนนักศึกษาและบุคลากรต่างชาติให้หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกประเทศในช่วงนี้ พร้อมแนะนำให้กลับเข้าสหรัฐก่อนวันที่ 20 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์  

มหาวิทยาลัยเหล่านี้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบการตรวจคนเข้าเมืองและสถานะวีซ่า รวมถึงมาตรการห้ามเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งอาจกระทบต่อบุคลากรและนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนและอินเดีย  

ในประกาศของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ระบุว่า “ภูมิทัศน์ของการย้ายถิ่นฐานมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีชุดใหม่” ขณะที่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยเวสเลียนในคอนเนตทิคัต ได้ออกคำแนะนำให้นักศึกษาและคณาจารย์ต่างชาติเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล พร้อมจัดเซสชันให้ข้อมูลและบริการให้คำปรึกษากฎหมายการย้ายถิ่น  

ย้อนกลับไปในปี 2017 ช่วงต้นสมัยแรกของทรัมป์ เขาเคยออกคำสั่งฝ่ายบริหารห้ามพลเมืองจากหลายประเทศ รวมถึงเกาหลีเหนือและเวเนซุเอลา เดินทางเข้าสหรัฐ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อนักศึกษาและนักวิชาการจากประเทศเหล่านี้ แม้คำสั่งดังกล่าวจะถูกศาลสั่งยกเลิกในภายหลัง แต่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์เตือนว่ามาตรการลักษณะเดียวกันอาจกลับมาใช้ได้ในไม่ช้าหลังจากทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยรายชื่อประเทศที่ถูกจำกัดอาจขยายไปถึงอินเดียและจีน  

จากข้อมูลของสถาบันการศึกษานานาชาติ (Institute of International Education: IIE) พบว่ามีนักศึกษาต่างชาติกว่า 1.1 ล้านคนศึกษาอยู่ในสหรัฐในปีการศึกษา 2023 โดยนักศึกษาชาวอินเดียมีจำนวนมากที่สุด แซงหน้าชาวจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี  

เบนจามิน สเทิร์น (Benjamin Stern) ที่ปรึกษาด้านการศึกษาสำหรับนักเรียนชาวอินเดีย ระบุว่า ลูกค้าของเขาหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากชัยชนะของทรัมป์ โดยบางคนเริ่มพิจารณาสมัครเรียนในประเทศอื่นแทนสหรัฐเพราะความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

‘ยูเนสโก’ ขึ้นทะเบียน ‘ผ้ากรอม้า’ ของกัมพูชา เป็น ‘มรดกทางวัฒนธรรม’ เผย!! ใช้งานได้หลายรูปแบบ ‘พันคอ-โพกศีรษะ-ใช้เป็นเปลให้ทารก’

เมื่อวานนี้ (4 ธ.ค. 67) ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘ผ้ากรอม้า’ โดยมีใจความว่า ...

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2024 ยูเนสโกขึ้นทะเบียน ‘ผ้ากรอม้า’ เป็น ‘มรดกทางวัฒนธรรม’ ตามที่กัมพูชายื่น 

ผ้ากรอมา (Krama) คือ ‘ผ้าพันคอทอมือ’ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศกัมพูชา ผ้ากรอม้า เป็นเครื่องแต่งกายดั้งเดิมของกัมพูชา สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น ใช้พันคอ โพกศีรษะ ต่างผ้าเช็ดหน้า เคียนเอว ห่มคลุมกันแดดฝน หรือใช้เป็นเปลสำหรับทารก

จีนร้องมหาวิทยาลัยผุดวิชาความรัก สอนคนรุ่นใหม่ หวังแก้วิกฤตประชากรหดตัว

(4 ธ.ค. 67) รัฐบาลจีนเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ในประเทศจัดการสอน “วิชาความรัก” (Love education) เพื่อส่งเสริมทัศนคติที่ดีต่อการแต่งงาน ความรัก การมีบุตร และครอบครัว โดยหวังว่าจะช่วยกระตุ้นอัตราการเกิดที่ลดลงของประเทศ

จีนกำลังเผชิญกับการลดลงของอัตราการเกิด ซึ่งทำให้ต้องมีมาตรการต่างๆ เพื่อดึงดูดคู่รักวัยหนุ่มสาวให้มีบุตรมากขึ้น หลังจากที่ในปี 2023 จีนรายงานว่าประชากรลดลงเป็นปีที่สองติดต่อกัน

แม้จีนจะมีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลกที่ 1.4 พันล้านคน แต่ประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างภาระทางการเงินและกระทบเศรษฐกิจในอนาคต

เรื่องดังกล่าวส่งผลให้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สภาแห่งรัฐหรือคณะรัฐมนตรีได้รวบรวมข้อมูลจากรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อจัดสรรทรัพยากรเพื่อแก้ไขปัญหาการลดลงของประชากรจีนและเผยแพร่ความเคารพต่อการมีบุตรและการแต่งงาน "ในวัยที่เหมาะสม" แม้ว่านักประชากรศาสตร์จะกล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่น่าจะโดนใจชาวจีนรุ่นเยาว์ก็ตาม

จากการสำรวจของไชน่า ป็อปปูเลชั่น นิวส์ พบว่า แม้นักศึกษามหาวิทยาลัยจะเป็นความหวังสำคัญในการเพิ่มอัตราการเกิด แต่พวกเขาเหล่านี้กลับมีมุมมองต่อการแต่งงานและความรักที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยประมาณ 57% ของนักศึกษามหาวิทยาลัยไม่ต้องการมีความรัก เพราะพวกเขารู้สึกไม่สามารถจัดสรรเวลาให้กับการเรียนและความรักได้อย่างลงตัว 

นอกจากนี้ สื่อทางการจีนเสริมว่า เนื่องจากขาด “การศึกษาเรื่องการแต่งงานและความรักที่เป็นระบบและเป็นวิทยาศาสตร์ ทำให้นักศึกษามีความเข้าใจที่คลุมเครือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางอารมณ์”

การขาดการศึกษาเกี่ยวกับการแต่งงานและความรักที่เป็นระบบทำให้นักศึกษามีความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่ไม่ชัดเจน ดังนั้น มหาวิทยาลัยควรจัดการสอนนักศึกษาชั้นปีแรกเกี่ยวกับสถานการณ์ประชากรและแนวคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการแต่งงานและการมีบุตร ขณะที่นักศึกษาชั้นปีสูงและนักศึกษาปริญญาโทสามารถเรียนรู้ผ่านการวิเคราะห์กรณีศึกษา การอภิปรายกลุ่มเกี่ยวกับการรักษาความสัมพันธ์ และการสื่อสารระหว่างเพศ

หลักสูตรดังกล่าวจะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจเรื่องการแต่งงานและความรักอย่างถูกต้อง และสามารถจัดการความสัมพันธ์ได้ดีขึ้น

รัฐบาลจีนมองว่า มหาวิทยาลัยมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศทางวัฒนธรรมที่ดีและบวกเกี่ยวกับการแต่งงานและการมีบุตร ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างครอบครัวในวัยที่เหมาะสม

ปมปัญหาสงคราม ‘ไทย-ว้า’ ส่อจบบนโต๊ะเจรจา หลังผู้นำระดับสูงกลุ่มว้า ปูดทางการไทยขอคุยหาทางออก

หลังจากข่าวไทยกับว้ากระพือในโซเชียลทั้งฝั่งไทย จีน และเมียนมาก็มีข่าวออกมาในทำนองเดียวกันหมด อีกทั้งข่าวจากฝั่งว้าเองว่าจะไม่ถอยก็มีการยืนยันออกมาแล้วว่าจริง แม้กองทัพภาคที่ 3 จะออกมาแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งสวนทางกับคลิปที่หลุดว่อนโซเชียลที่ถูกถ่ายทั้งจากผู้เห็นเหตุการณ์เองหรือแม้กระทั่งจากบนรถทหาร นั่นเป็นการตอกย้ำว่าไทยเรากำลังใกล้เข้าสู่สงครามอย่างจริงจังแล้ว

คำถามคือทำไมกองทัพภาคที่ 3 ถึงออกแถลงโดยมีเนื้อหาดังว่า

1. กองทัพภาคที่ 3 มีพื้นที่รับผิดชอบตามแนวชายแดน ความยาวประมาณ 1,926 กิโลเมตร โดยมีภารกิจที่สำคัญ ได้แก่

1.1 การปกป้องและรักษาอธิปไตยของชาติ

1.2 การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย ตามแนวชายแดน

1.3 การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน

1.4 การป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่สำคัญ ได้แก่ ยาเสพติด ผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และอื่นๆ

2. กองทัพภาคที่ 3 ได้ปฏิบัติตามขอบเขตของอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และได้ปฏิบัติการตามพันธกิจของกองทัพบก โดยใช้กลไกความร่วมมือที่มีอยู่ในทุกระดับ ได้แก่

2.1 คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (Township Border Committee : TBC) ได้แก่ คณะกรรมการฯ TBC แม่ฮ่องสอน – ลอยก่อ และ คณะกรรมการฯ TBC แม่สาย – ท่าขี้เหล็ก

2.2 คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) กองทัพภาคที่ 3 - สำนักปฏิบัติการพิเศษที่ 4 กองทัพเมียนมา

2.3 คณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC) กองบัญชาการกองทัพไทย – กองทัพเมียนมา ในการแก้ปัญหาจะเริ่มจากเบาไปหาหนัก โดยการพูดคุยกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งร่วมกันให้ปัญหายุติโดยเร็ว โดย กองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยในทุกพื้นที่

3. เส้นเขตแดนระหว่างไทย – เมียนมา ตั้งแต่จังหวัดเชียงราย ถึง จังหวัดระนอง รวมทั้งพื้นที่ทางทะเลยังไม่สามารถปักปันเขตแดนร่วมกันได้ครบทุกพื้นที่ ซึ่งบริเวณที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนดังกล่าว ยังไม่มีการสำรวจ และปักปันเขตแดน ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนในข้อ 2 ทุกระดับแล้ว ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐ

4. กองทัพภาคที่ 3 ขอยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ในภาวะปกติ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งความสัมพันธ์ตามแนวชายแดนยังคงอยู่ในระดับ  ที่ดีต่อกันกองทัพภาคที่ 3 พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ และพี่น้องชาวไทยอย่างดีที่สุด

คำถามคือหากทุกอย่างยังปกติดีแล้วจะมีการเสริมกองทัพและยุทโธปกรณ์ทำไม การประกาศครั้งนี้จึงกลายเป็นตลกฉากใหญ่ฉีกหน้ากองทัพไปโดยสิ้นเชิง

ตามข้อมูลที่เอย่าได้มาจากแหล่งข่าวของผู้นำระดับสูงของว้าแจ้งมาว่าตอนนี้ทางการไทยต้องการจะเจรจาเพื่อหาทางออกของกรณีพิพาทนี้

เฉกเช่นที่เคยได้ยินมาจากภาพยนตร์ไทยเรื่องทวิภพ หรือ Siam Renaissance บทหนึ่งที่แม่มณีกล่าวว่า

"แสนยานุภาพจะกะไรนักหนา หากรู้จักเจรจา"

จากคำกล่าวนี้ตีความได้ว่าเราสามารถจบศึกได้ด้วยการพูดคุยเพียงแค่นั้น และอย่าลืมว่าไทยเรามีวาทศิลป์ที่ยอดเยี่ยมถึงขั้นที่ฝรั่งหัวทองเคยให้คำกล่าวถึงการเจรจาทางการทูตของไทยว่า "Siamese Talk" ถึงสุดท้ายไทยจะรบกับว้าหรือไม่ คงไม่ใช่สิ่งสำคัญ  แต่เรื่องสำคัญกว่าที่กองทัพไทยมองอาจจะเป็นเรื่องผลกระทบต่อคนในพื้นที่อันเป็นผลที่ตามมาหากเปิดฉากทำสงครามกับว้าก็เป็นได้

จีนเปิดหมวดการศึกษาพิเศษ ให้นักเรียนพิการเข้าตำราบนโลกดิจิทัล

(4 ธ.ค. 67) ซินหัวรายงานว่า แพลตฟอร์มการศึกษาอัจฉริยะระดับชาติสำหรับการเรียนการสอนระดับประถมและมัธยมของจีนเปิดหมวดการศึกษาพิเศษเมื่อวันอังคาร (3 ธ.ค.) ซึ่งตรงกับวันคนพิการสากล

กระทรวงศึกษาธิการของจีนระบุว่าหมวดการศึกษาพิเศษเป็นแหล่งทรัพยากรดิจิทัลสำหรับโรงเรียน ครู นักเรียน และผู้ปกครอง มีเป้าหมายสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ทางดิจิทัลที่มีคุณภาพสูง ครอบคลุม และเหมาะสมกับนักเรียนพิการ

ผู้สอนและผู้ปกครองสามารถเข้าถึงกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ เอกสารนโยบาย และแผนการพัฒนาฉบับล่าสุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการศึกษาพิเศษ และครูในการศึกษาพิเศษสามารถขอรับสื่อดิจิทัลที่ครอบคลุมหลักสูตรฝึกอบรมระดับชาติ รวมถึงกรณีศึกษาและกลยุทธ์การสอนจากทั่วประเทศ

แพลตฟอร์มนี้ยังนำเสนอตำราฉบับอิเล็กทรอนิกส์และทรัพยากรวิดีโอใหม่ล่าสุดสำหรับการศึกษาพิเศษ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับงานและกิจกรรมที่ส่งเสริมนวัตกรรมการเรียนการสอน

กระทรวงฯ เผยว่าการเปิดหมวดการศึกษาพิเศษเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้ายุทธศาสตร์การศึกษาดิจิทัลระดับชาติและอุดช่องโหว่ทางดิจิทัลของนักเรียนพิการของจีน โดยแผนริเริ่มนี้มุ่งรับรองว่านักเรียนทุกคนมีโอกาสเติบโต มีส่วนส่งเสริมสังคม และทำฝันเป็นจริง ไม่ว่าเผชิญความท้าทายใดๆ

อนึ่ง จีนมีนักเรียนพิการราว 9.12 แสนคนในปี 2023

รัฐสภาเตรียมถอดถอน-ครม.จ่อลาออกยกชุด เกาหลีลงถนนประท้วง "ยุนซอกยอล" ประกาศกฎอัยการศึก

(4 ธ.ค. 67) ประธานาธิบดียุนซอกยอล ของเกาหลีใต้ กำลังเผชิญแรงกดดันให้ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง หลังจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อคืนที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะยกเลิกคำสั่งในเช้าวันนี้ แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ยังคงรุนแรง  

ขณะที่ 4 ธ.ค. พรรคประชาธิปไตยและพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ในเกาหลีใต้ได้ยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดียุนซอกยอล โดยมีสาเหตุมาจากการประกาศใช้กฎอัยการศึกอย่างกะทันหันในคืนวันที่ 3 ตุลาคม ซึ่งสร้างความตกตะลึงทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ  

แม้กฎอัยการศึกดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เพียง 6 ชั่วโมงก่อนจะถูกรัฐสภาลงมติยกเลิกในเช้าวันถัดมา แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ยุนเผชิญกับกระแสกดดันอย่างหนักจากทั้งประชาชนและสมาชิกสภา อย่างไรก็ตาม ยุนยังคงปฏิเสธที่จะลาออกและเลือกที่จะเก็บตัวเงียบ โดยในช่วงเช้าวันที่ 4 ธันวาคม เขาได้ยกเลิกภารกิจทางการทั้งหมด  

สำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ที่ปรึกษาอาวุโสและเลขานุการส่วนตัวของยุนหลายคนได้เสนอขอลาออก ขณะที่รัฐมนตรีหลายคน รวมถึงนายคิมยองฮยุน รัฐมนตรีกลาโหม ก็กำลังเผชิญเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากกรณีสนับสนุนการใช้กฎอัยการศึก ซึ่งถูกมองว่าเป็นความผิดพลาดทางการเมืองครั้งใหญ่

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่าคณะรัฐมนตรีของเกาหลีใต้แสดงความตั้งใจจะลาออกจากตำแหน่งยกชุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลในการดำเนินมาตรการเพื่อตอบโต้วิกฤตการเมืองของประเทศ

รายงานข่าวเผยว่าฮัน ด็อก-ซู นายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ แสดงความพร้อมที่จะ "รับใช้ประชาชนจนวินาทีสุดท้าย" โดยฮันมีกำหนดพบปะกับหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (People Power Party) และผู้ช่วยอาวุโสของประธานาธิบดียุน ซ็อก-ย็อลช่วงบ่ายวันพุธ (4 ธ.ค.)

ขณะที่สมาพันธ์สหภาพแรงงานเกาหลี (KCTU) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยการโพสต์ข้อความผ่านโลกออนไลน์ ระบุว่า การประกาศกฎอัยการศึกระยะสั้นของยุนว่าเป็น "อาชญากรรมแห่งการก่อกบฏ" พร้อมทั้งเรียกร้องให้สมาชิกมากกว่า 1 ล้านคนมารวมตัวกันที่กรุงโซลและสถานที่อื่นๆ ในเช้าวันพุธ เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวดังกล่าว

ตามรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ รัฐสภามีอำนาจยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้ หากพบว่ามีการกระทำผิดรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย โดยกระบวนการนี้ต้องได้รับเสียงสนับสนุน 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาซึ่งมีทั้งหมด 300 คน  

ในปัจจุบัน พรรคฝ่ายค้าน รวมกับพรรคเล็ก มีเสียงรวม 192 เสียง เสียงเกินครึ่งนึง ขณะที่ขณะที่พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นรัฐบาล มี 108 เสียง แม้สมาชิกของพรรครัฐบาลจะลงมติไม่เห็นด้วยต่อการประกาศกฎอัยการศึก แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะสนับสนุนการถอดถอนหรือไม่

หากรัฐสภามีมติถอดถอน ประธานาธิบดีจะถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ทันที โดยนายกรัฐมนตรีจะขึ้นรักษาการแทน ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาสูงสุด 6 เดือนในการพิจารณาคำร้อง พร้อมตัดสินด้วยคะแนนเสียง 6 ใน 9 เสียง  

ปัจจุบัน ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้มีผู้พิพากษาไม่ครบองค์คณะ เนื่องจากว่างอยู่ 3 ตำแหน่ง ยังไม่ชัดเจนว่าจะดำเนินการพิจารณาได้หรือไม่  

ที่ผ่านมา มีการถอดถอนประธานาธิบดีเกาหลีใต้แล้วหลายครั้ง ตัวอย่างสำคัญคือ นางปาร์กกึนฮเย ประธานาธิบดีหญิงคนแรก ถูกถอดถอนเมื่อปี 2017 ในข้อหาคบคิดกับคนสนิทและใช้อำนาจโดยมิชอบ ในขณะที่นายโนห์มูฮยอน ถูกยื่นญัตติถอดถอนเมื่อปี 2004 แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินไม่รับญัตติ ทำให้เขาดำรงตำแหน่งจนครบวาระ  

หากยุนซอกยอนถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือหากเขาลาออกเอง การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่จะต้องเกิดขึ้นภายใน 60 วัน โดยในระหว่างนั้นนายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรักษาการ  

มุมมองเส้นทางสู่สันติภาพของ ‘อิหร่าน’ เปิดกว้างสู่การเจรจา...รวมถึง ‘สหรัฐ อเมริกา’

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2024 Masoud Pezeshkian ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพิธีรับตำแหน่ง Ismail Haniyeh อดีตนายกรัฐมนตรีของปาเลสไตน์เนชันแนลออธอริตี้ และประธานสำนักงานการเมืองฮามาส ถูกอิสราเอลลอบสังหารที่บ้านพักใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดีอิหร่าน โดย Haniyeh ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีสาบานตน และการสังหารเขาบนแผ่นดินอิหร่านทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อกระบวนการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของความท้าทายที่ประธานาธิบดี Pezeshkian จะต้องเผชิญในการดำเนินการเพื่อความสำเร็จของนโยบายต่างประเทศของเขา

แต่ ประธานาธิบดี Pezeshkian ได้เตรียมพร้อมเป็นอย่างดีที่จะรับมือกับความยากลำบากทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ประธานาธิบดี Pezeshkian ตระหนักดีว่า โลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคหลังขั้วโลก ซึ่งผู้มีบทบาทระดับโลกสามารถร่วมมือและแข่งขันกันในพื้นที่ต่างๆ ได้ในเวลาเดียวกัน เขาได้ใช้หลักนโยบายต่างประเทศที่ยืดหยุ่น โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมทางการทูตและการเจรจาที่สร้างสรรค์มากกว่าการพึ่งพาแนวทางที่ล้าสมัย วิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับความมั่นคงของอิหร่านนั้นครอบคลุมทั้งศักยภาพด้านการป้องกันประเทศแบบดั้งเดิมและการเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ผ่านการปรับปรุงในภาคส่วนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ประธานาธิบดี Pezeshkian ต้องการเสถียรภาพและการพัฒนาเศรษฐกิจในตะวันออกกลาง เขาต้องการร่วมมือกับประเทศอาหรับเพื่อนบ้าน และเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรของอิหร่าน แต่เขาก็ยังต้องการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับตะวันตกด้วย รัฐบาลของเขาพร้อมที่จะจัดการกับความตึงเครียดกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งเลือกประธานาธิบดีคนใหม่เช่นกัน ประธานาธิบดี Pezeshkian หวังว่า จะมีการเจรจาที่เท่าเทียมกันเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ หรืออาจจะมากกว่านั้น แต่ ประธานาธิบดี Pezeshkian ได้ชี้แจงไว้อย่างชัดเจนว่า อิหร่านจะไม่ยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผล อิหร่านจะยืนหยัดต่อสู้กับการรุกรานของอิสราเอลเสมอ และจะไม่ย่อท้อในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ 

นี่คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์แห่งความมั่นคงที่โลกไม่ควรปล่อยให้หลุดลอยไป แน่นอนว่า เตหะรานจะไม่ทำเช่นนั้น หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเปราะบางมาเป็นเวลาสองศตวรรษ อิหร่านภายใต้การนำของ Ali Khamenei ผู้นำสูงสุด ซึ่งในที่สุดได้พิสูจน์ให้เห็นว่า อิหร่านสามารถป้องกันตัวเองจากการรุกรานจากภายนอกได้ เพื่อยกระดับความสำเร็จดังกล่าวขึ้นอีกขั้น อิหร่านภายใต้คณะบริหารชุดใหม่มีแผนที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างระเบียบภูมิภาคในอันที่ส่งเสริมเสถียรภาพ ความมั่งคั่ง และความมั่นคง จากผลกระทบของการแทรกแซงจากต่างประเทศ สงคราม ความขัดแย้งทางศาสนา การก่อการร้าย การค้ายาเสพติด การขาดแคลนน้ำ วิกฤตผู้ลี้ภัย และการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม มาอย่างยาวนาน เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ อิหร่านและพันธมิตรจะทำงานเพื่อแสวงหาการบูรณาการทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงด้านพลังงาน เสรีภาพในการเดินเรือ การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการเจรจาพูดคุยระหว่างศาสนา

ในที่สุด ความพยายามเหล่านี้จะนำไปสู่การจัดการภูมิภาคแบบใหม่ที่ลดการพึ่งพาอำนาจภายนอกอ่าวเปอร์เซีย และกระตุ้นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแก้ไขข้อขัดแย้งผ่านกลไกการแก้ไขข้อพิพาท เพื่อดำเนินการดังกล่าว ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาจดำเนินการตามสนธิสัญญา ก่อตั้งสถาบัน กำหนดนโยบาย และผ่านมาตรการทางกฎหมาย อิหร่านและประเทศเพื่อนบ้านสามารถเริ่มต้นด้วยการเลียนแบบกระบวนการเฮลซิงกิ ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งองค์กรเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป พวกเขาสามารถใช้คำสั่งที่ไม่เคยได้รับการนำไปปฏิบัติซึ่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมอบให้กับเลขาธิการสหประชาชาติในปี 1987 ภายใต้มติ 598 มติดังกล่าวซึ่งยุติสงครามอิหร่าน-อิรัก เรียกร้องให้เลขาธิการหารือกับอิหร่าน อิรัก และรัฐในภูมิภาคอื่นๆ เพื่อสำรวจมาตรการที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคงและเสถียรภาพในอ่าวเปอร์เซีย ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Pezeshkian เชื่อว่า บทบัญญัตินี้สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายสำหรับการเจรจาระดับภูมิภาคได้อย่างครอบคลุม

แน่นอนว่า มีอุปสรรคที่อิหร่านและประเทศเพื่อนบ้านต้องเอาชนะเพื่อส่งเสริมให้เกิดระเบียบที่ประกอบด้วยสันติภาพและการบูรณาการในภูมิภาค ความแตกต่างบางอย่างกับประเทศเพื่อนบ้านมีต้นกำเนิดที่หยั่งรากลึก ซึ่งถูกกำหนดขึ้นจากการตีความประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน ความแตกต่างอื่น ๆ เกิดจากความเข้าใจผิด ซึ่งส่วนใหญ่มีรากฐานมาจากการสื่อสารที่ไม่ดีหรือไม่เพียงพอ และยังมีอีกหลายสิ่งที่เป็นโครงสร้างทางการเมืองที่ถูกปลูกฝังโดยประเทศภายนอกภูมิภาค เช่น ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับลักษณะและวัตถุประสงค์ของโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน

แต่อ่าวเปอร์เซียต้องเดินหน้าต่อไป วิสัยทัศน์ของอิหร่านนั้น สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศอาหรับ ซึ่งล้วนต้องการภูมิภาคที่มีเสถียรภาพและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นต่อไป อิหร่านและโลกอาหรับจึงควรสามารถทำงานผ่านความแตกต่างได้ การสนับสนุนการต่อต้านของชาวปาเลสไตน์ของอิหร่านอาจช่วยกระตุ้นความร่วมมือดังกล่าวได้ โลกอาหรับจะเป็นหนึ่งเดียวกับอิหร่านในการสนับสนุนการฟื้นฟูสิทธิของชาวปาเลสไตน์

หลังจากการจำกัดทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านมานานกว่า 20 ปี สหรัฐฯและพันธมิตรตะวันตกควรตระหนักว่า อิหร่านไม่ได้สนองตอบต่อแรงกดดัน มาตรการบังคับที่เข้มข้นขึ้นของพวกเขากลับส่งผลเสียอย่างต่อเนื่อง ในช่วงสูงสุดของการรณรงค์กดดันสูงสุดล่าสุดของวอชิงตัน และเพียงไม่กี่วันหลังจากการคว่ำบาตรของอิสราเอล สภานิติบัญญัติของอิหร่านได้ผ่านกฎหมายที่สั่งให้รัฐบาลเร่งพัฒนาโครงการนิวเคลียร์และลดการตรวจสอบระหว่างประเทศ จำนวนเครื่องหมุนเหวี่ยงในอิหร่านเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งเป็นปีที่ประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ และระดับการเสริมสมรรถนะพุ่งสูงขึ้นจาก 3.5 เปอร์เซ็นต์เป็นมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้หากฝ่ายตะวันตกไม่ละทิ้งแนวทางความร่วมมือ ในเรื่องนี้ Trump ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งอีกครั้งในเดือนมกราคม 2025 และพันธมิตรของวอชิงตันในยุโรปต่างก็มีส่วนรับผิดชอบต่อความก้าวหน้าทางนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่องของอิหร่าน

แทนที่จะเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่าน ฝ่ายตะวันตกควรแสวงหาวิธีการเพื่อแก้ปัญหาเชิงบวก ข้อตกลงนิวเคลียร์ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมือนใคร และฝ่ายตะวันตกควรพยายามฟื้นคืนข้อตกลงนี้ แต่เพื่อที่จะทำเช่นนั้น ฝ่ายตะวันตกจะต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริง รวมถึงมาตรการการลงทุนทางการเมือง นิติบัญญัติ และผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อให้แน่ใจว่าอิหร่านจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากข้อตกลงนี้ตามที่ได้สัญญาไว้ หาก Trump ตัดสินใจดำเนินการดังกล่าว อิหร่านก็เต็มใจที่จะมีการเจรจาที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งเตหะรานและวอชิงตัน

ในขอบเขตที่กว้างขึ้น ผู้กำหนดนโยบายของชาติตะวันตกต้องยอมรับว่า กลยุทธ์ที่มุ่งเป้าไปที่การทำให้อิหร่านและประเทศอาหรับต่อสู้กันโดยสนับสนุนความคิดริเริ่มต่างๆ เช่น ข้อตกลงอับราฮัม (ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ปกติระหว่างประเทศอาหรับต่าง ๆ กับอิสราเอล) พิสูจน์แล้วว่า ในอดีตไม่มีประสิทธิภาพและจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคตอีกด้วย ชาติตะวันตกต้องการแนวทางที่สร้างสรรค์กว่านี้ ซึ่งใช้ประโยชน์จากความเชื่อมั่นที่อิหร่านได้รับมาอย่างยากลำบาก ยอมรับอิหร่านว่าเป็นส่วนหนึ่งของเสถียรภาพในภูมิภาค และแสวงหาวิธีแก้ปัญหาแบบร่วมมือเพื่อรับมือกับความท้าทายร่วมกัน ความท้าทายร่วมกันดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เตหะรานและวอชิงตันมีส่วนร่วมในการจัดการความขัดแย้งแทนที่จะเพิ่มความรุนแรงแบบทวีคูณ ทุกประเทศ รวมทั้งอิหร่านและสหรัฐอเมริกา ต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกันในการแก้ไขสาเหตุพื้นฐานของความไม่สงบในภูมิภาค

นั่นหมายความว่า ทุกประเทศต่างมีผลประโยชน์ในการหยุดยั้งการยึดครองของอิสราเอล พวกเขาควรตระหนักว่า การต่อสู้และความโกรธแค้นจะดำเนินต่อไปจนกว่าการยึดครองจะสิ้นสุดลง อิสราเอลอาจคิดว่าสามารถเอาชนะชาวปาเลสไตน์ได้อย่างถาวร แต่ทำไม่ได้ ประชาชนที่ไม่มีอะไรจะสูญเสียไม่สามารถพ่ายแพ้ได้ องค์กรต่าง ๆ เช่น ฮิซบุลเลาะห์และฮามาสเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวปลดปล่อยที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อตอบโต้การยึดครอง และจะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไปตราบเท่าที่เงื่อนไขพื้นฐานยังคงอยู่ กล่าวคือ จนกว่าสิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตนเองของชาวปาเลสไตน์จะบรรลุผล อาจมีขั้นตอนกลาง เช่น การหยุดยิงทันทีในเลบานอนและกาซา

อิหร่านสามารถมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ต่อไปในการยุติฝันร้ายด้านมนุษยธรรมในกาซาในปัจจุบัน และทำงานร่วมกับชุมชนระหว่างประเทศเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนและเป็นประชาธิปไตยต่อความขัดแย้ง อิหร่านจะยอมรับทางออกใด ๆ ที่ชาวปาเลสไตน์ยอมรับ แต่รัฐบาลของเราเชื่อว่าทางออกที่ดีที่สุดในการหลุดพ้นจากการทดสอบที่ยาวนานนับศตวรรษนี้คือการลงประชามติ โดยทุกคนที่อาศัยอยู่ระหว่างแม่น้ำจอร์แดนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไม่ว่าจะเป็นมุสลิม คริสเตียน และยิว รวมถึงชาวปาเลสไตน์ที่ถูกขับไล่ให้อพยพไปอยู่ต่างแดนในศตวรรษที่ 20 (พร้อมกับลูกหลานของพวกเขา) จะสามารถกำหนดระบบการปกครองในอนาคตที่ยั่งยืนได้ สิ่งนี้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและจะสร้างขึ้นจากความสำเร็จของแอฟริกาใต้ ซึ่งระบบการแบ่งแยกสีผิวได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นรัฐประชาธิปไตยที่สามารถดำรงอยู่ได้

การมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับอิหร่านควบคู่ไปกับความมุ่งมั่นในการทูตพหุภาคีสามารถช่วยสร้างกรอบสำหรับความมั่นคงและเสถียรภาพระดับโลกในอ่าวเปอร์เซียได้ ซึ่งจะช่วยลดความตึงเครียดและส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเอาชนะความขัดแย้งที่หยั่งรากลึก แม้ว่าอิหร่านในปัจจุบันจะมั่นใจว่า สามารถต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองได้ แต่ต้องการสันติภาพและมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่า อิหร่านสามารถเป็นหุ้นส่วนที่มีความสามารถและเต็มใจได้ ตราบใดที่ความร่วมมือนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกันและเท่าเทียมกัน อย่าพลาดโอกาสนี้สำหรับการเริ่มต้นใหม่

บทความนี้เขียนโดย Mohammad Javad Zarif รองศาสตราจารย์ด้านการศึกษาระดับโลก ณ มหาวิทยาลัยเตหะราน ปัจจุบัน เขาดำรงตำแหน่งตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2021 เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน เขาเป็นหัวหน้าผู้เจรจาเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2015 และเป็นเอกอัครรัฐทูตประจำสหประชาชาติตั้งแต่ปี 2002 ถึง 2007

ย้อนดูเส้นทางผู้นำเกาหลีใต้ จุดจบเจอยึดอำนาจ - ลอบสังหาร - ติดคุก

(4 ธ.ค. 67) จากความวุ่นวายทางการเมืองเกาหลีใต้เมื่อคืนวันที่ 3 ธ.ค. ประธานาธิบดียุนซอกยอล ประกาศกฎอัยการศึก โดยอ้างความจำเป็นเพื่อปกป้องประเทศจากกลุ่มการเมืองที่เกาหลีเหนือหนุนหลังและกลุ่มต่อต้านรัฐที่พยายามทำลายอำนาจรัฐบาล จนสุดท้ายรัฐสภาเกาหลีลงมติเอกฉันท์โหวตคว่ำกฎอัยการศึก ส่งผลให้ในเวลาต่อมาประธานาธิบดียุน ยินยอมประกาศถอนกฎอัยการศึก 

การตัดสินใจของยุนซอกยอล ส่งผลให้เขาอาจถูกสภาเกาหลีใต้ลงมติถอดถอนในเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งหากสภามีมิตเป็นเอกฉันท์ ตามขั้นตอนต่อไปต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีพิจารณา หากศาลพิพากษามีมิตมากกว่า 2 ใน 3 เสียง นายยุนจะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้เขายังเสี่ยงถูกดำเนินคดีภายหลังจากพ้นตำแหน่งด้วย ซึ่งหากย้อนดูประวัติศาสตร์การเมืองเกาหลีใต้ ส่วนใหญ่แล้วผู้นำเกาหลีใต้มักมีจุดจบที่ไม่ได้สวยนักหลังลงจากตำแหน่ง สำนักข่าวสปุตนิกพาย้อนดูจุดจบอดีตผู้นำเกาหลีใต้ในแต่ละยุคสมัยว่ามีจุดจบที่แตกต่างกันเช่นไร

อีซึงมัน ประธานาธิบดีเกาหลีคนแรก ภายหลังจากเกาหลีได้รับเอกราชในปี 1945 อีได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา รับเลือกเป็นผู้นำของรัฐบาลเกาหลี 1948 ก่อนจะถูกประชาชนโค้นล้มในปี 1960

ยุนโพซุน สืบตำแหน่งต่อจากอีซังมัน ปกครองเกาหลีได้สองป ก่อนถูกรัฐประหารในปี 1962 

ปาร์คชุงฮี ผู้ที่ยึดอำนาจจากยุนโพซุน ปกครองเกาหลีใต้นาน 17 ปี ก่อนจะถูกลอบสังหารโดย คิมแจกยู อดีตหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีในปี 1979

ชอยกยูฮา ผู้นำที่ดำรงตำแหน่งไม่ถึง 10 เดือน ก่อนถูกโค่นล้มในการรัฐประหารในปี 1980

ชอนดูฮวาน ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเกาหลีใต้ที่ปกครองแบบเผด็จการ ปกครองเกาหลีต่อจากชอยกยูฮา ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งใน 1988 หลังจากการปฏิวัติทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตยในปี 1987 ถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 1996 จากการมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สังหารหมู่ในกวางจูในปี 1980 แต่ได้รับอภัยโทษในปีถัดมา และเสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านในปี 2021

ต่อมาคือ โนเทอู  ทหารที่กลายมาเป็นประธานาธิบดี ปกครองประเทศระหว่างปี 1988-1993 และรับผิดชอบในการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตย ทว่าถูกจับในปี 1995 จากความเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารปี 1980 ถูกตัดสินจำคุก 22 ปี แต่ได้รับการอภัยโทษพร้อมกับชอนดูฮวาน

คิมยังซัม ปกครองระหว่างปี 1993-1998 ถูกจำคุกในช่วงปกครองของปาร์คจุงฮี ก่อนจะได้รับการอภัยโทษในเวลาต่อมา

คิมแดจุง ดำรงตำแหน่งในปี 1998 ปกครองประเทศจนถึงปี 2003 เคยถูกคุมขังในยุคของปาร์คจุงฮี จากการที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลปาร์กจุฮีในยุคนั้น ได้รับโทษตัดสินประหารชีวิต แต่ได้รับอภัยโทษจากชอนดูฮวาน ในสมัยทีดำรงตำแหน่งผู้นำเกาหลี เขาเคยลงนามอภัยโทษให้ทั้งโนเทอู และชอนดูฮวาน คิมแดจุงได้ชื่อว่าเป็น เนลสัน แมนเดลาแห่งเอเชีย  เขาได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปี 2000 

โนมูฮยอน ปกครองระหว่างปี 2003-2008 ถูกสอบสวนจากข้อหากระทำการโกงเลือกตั้งและถูกรัฐสภาถอดถอน แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ยอมรับคำถอดถอนของรัฐสภาจึงไม่ได้รับการลงโทษ พลิกคำตัดสินถอดถอนของรัฐสภาเขาอย่างไรก็ตาม เขาฆ่าตัวตายในปี 2009 ท่ามกลางการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับการทุจริต

อี มยองบัก ปกครองประเทศระหว่างปี 2008-2013 ถูกจับในข้อหายักยอกทรัพย์สินและฉ้อฉลในปี 2018 ถูกตัดสินจำคุก 15 ปี และได้รับอภัยโทษจากประธานาธิบดียุนซอกยอลในปี 2022

ปาร์คกึนเฮ ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้  ปกครองระหว่างปี 2013-2017 ถูกถอดถอนในปี 2016 และถูกตัดสินจำคุก 25 ปีจากข้อหาคอร์รัปชัน

มุนแจอิน เป็นเพียงประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไม่กี่คนที่ลงตำแหน่งโดยปราศจากข้อครหา ไม่มีคดีความใดๆ มุนแจอิน ปกครองเกาหลีระหว่าง  2017-2022 ถือว่าเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้รับคะแนนนิยมอย่างสูง อีกทั้งยังเป็นผู้นำเกาหลีใต้คนแรกที่เปิดการเจรจากับเกาหลีเหนือผ่านการทูตแบบตัวต่อตัวกับนายคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ 

และปัจจุบันคือประธานาธิบดียุนซอกยอล ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศภาคม 2022 และเป็นที่น่าจับตาว่าอาจจะถูกถอดถอนและถูกดำเนินคดีจากกรณีประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top