Wednesday, 26 June 2024
WORLD

‘ฟินแลนด์’ ยืนหนึ่งมีความสุขที่สุดในโลก 6 ปีติด ขณะที่ ‘ประเทศไทย’ รั้งอันดับที่ 60

ฟินแลนด์ ยังคงเป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่อัฟกานิสถาน และเลบานอน เป็นประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุด ส่วนประเทศไทย รั้งอันดับที่ 60

รายงานความสุขโลกประจำปี 2023 ที่เผยแพร่เนื่องในวันความสุขสากล วันที่ 20 มี.ค. ตามประกาศของสหประชาชาติ มาตั้งแต่ปี 2012 ระบุว่า ฟินแลนด์ยังครองอันดับ 1 ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 6 รองลงมา คือ เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และนิวซีแลนด์ โดยประชากรราว 5.5 ล้านคน ในฟินแลนด์ ถือได้ว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกด้าน ทั้งความเป็นอยู่ การศึกษา ความปลอดภัย และสวัสดิการด้านต่างๆ มีอัตราคดีอาชญากรรม ความไม่เท่าเทียม และความยากจน ต่ำที่สุดในโลก

รายงานความสุขโลกซึ่งจัดทำโดยเครือข่ายวิชาการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Solutions Network-SDSN) เป็นการจัดอันดับความสุขในกว่า 150 ประเทศ อาศัยข้อมูลผลสำรวจของแกลลัป เวิลด์ โพลล์ ที่ให้ประชาชนประเมินความรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง วัดด้วยปัจจัยสำคัญ 6 ข้อ ได้แก่ การสนับสนุนทางสังคม รายได้ สุขภาพ เสรีภาพ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน

‘สีจิ้นผิง’ เดินทางถึงกรุงมอสโกแล้ว ภารกิจเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ

มอสโก, 20 มี.ค. (ซินหัว) -- สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางถึงกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (20 มี.ค.) เพื่อเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการจนถึงวันพุธ (22 มี.ค.) หลังมีคำเชิญจากวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย โดยทางรัสเซียได้จัดพิธีต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่

ระหว่างการเยือนครั้งนี้ สีจิ้นผิงจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงลึกกับวลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงประเด็นสำคัญระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติที่เป็นข้อกังวลร่วมกัน

อนึ่ง การเยือนครั้งนี้มุ่งส่งเสริมการประสานงานเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างสองประเทศ ตลอดจนสร้างแรงกระตุ้นใหม่ๆ ให้กับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี

ที่มา : ซินหัว
 

‘กษัตริย์ซาอุฯ’ เชิญ ‘ปธน.อิหร่าน’ เยือนอย่างเป็นทางการ อิหร่าน ลั่น!! พร้อมฟื้นความสัมพันธ์กับทุกประเทศ

อิหร่านระบุว่า ซาอุดีอาระเบียได้เชิญนายอีบรอฮีม เราะอีซี ประธานาธิบดีอิหร่าน ให้เดินทางเยือนซาอุฯอย่างเป็นทางการ เพียงหนึ่งสัปดาห์กว่าๆ หลังจากที่ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงที่จะฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน ในการประชุมที่มีจีนเป็นประเทศผู้ประสานงาน

ทางการอิหร่านเผยว่า กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซิซ แห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงมีพระราชสาส์นแจ้งการเชิญเยือนดังกล่าว แต่สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่ายังไม่ได้รับการยืนยันจากซาอุฯ แต่อย่างใด

นายโมฮัมหมัด จัมชิดี เจ้าหน้าที่อาวุโสของอิหร่าน ทวีตเกี่ยวกับคำเชิญนายเราะอีซีเยือนริยาด โดยระบุว่า นายเราะอีซีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเน้นย้ำถึงความพร้อมของอิหร่านในการขยายความร่วมมือระหว่างสองประเทศต่อไป

ด้านนายฮุซัยน์ อะมีร อับดุลลอฮิยอน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะจัดประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ และมีการเสนอสถานที่ประชุมที่เป็นไปได้ 3 แห่ง แต่เขาไม่ได้ระบุว่าคือที่ใดรวมถึงการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นเมื่อใดด้วย

‘UBS Group’ เข้าซื้อกิจการ ‘Credit Suisse’ คาด!! นักลงทุนรายย่อย-ใหญ่ เสี่ยงขาดทุนระนาว

(20 มี.ค. 66) World Maker รายงานว่า ธนาคารแห่งชาติซาอุฯ รวมถึงกาตาร์ และนอร์เวย์ถือเป็นผู้ขาดทุนรายใหญ่ -86% จากการซื้อ Credit Suisse ของ UBS 

น่าจะจบกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับวิกฤตที่ค้างคาของ Credit Suisse ซึ่งพร้อมกันนี้ ผู้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัยคือ UBS Group ที่ได้กิจการของ Credit Suisse ไปในราคา Discount ถึง -60% ขณะที่ผู้แพ้นั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อยหรือสถาบันรายใหญ่

โดยเฉพาะ Saudi National Bank ที่ถือหุ้นใหญ่ของ Credit Suisse มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ (9.9% ของหุ้นทั้งหมด) ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวจะมีมูลค่าเหลือเพียง 215 ล้านดอลลาร์เมื่อถูกแปลงเป็นหุ้นของ UBS หรือพูดง่าย ๆ ว่ามูลค่าหายไปราว -86% เลยทีเดียว !

ซึ่งรายละเอียดที่เปิดเผยออกมาแล้วคือผู้ถือหุ้นเก่าของ Credit Suisse จะได้รับหุ้นของ UBS ในอัตราส่วน 22.48 ต่อ 1 ซึ่งเป็นไปตามราคา Take Over ที่ 0.82 $/หุ้น ต่ำกว่าราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ของ Credit Suisse ที่ 2.01 $/หุ้น

ผู้ขาดทุนรายใหญ่อื่น ๆ ได้แก่ Qatar Investment Authority ของประเทศกาตาร์และ Norges Bank Investment Management ซึ่งเป็นกองทุนแห่งชาติของนอร์เวย์

'สิงคโปร์' ยกเลิกระบบเรียงลำดับคนเก่งในห้องเรียน ชี้!! การเรียนไม่ใช่การแข่งขัน-ลดเปรียบเทียบ

สิงคโปร์ประสบความสําเร็จด้านการศึกษามาอย่างยาวนาน โดยรับรองการเรียนรู้แบบท่องจําและชั่วโมงเรียนที่ยาวนานเพื่อขับเคลื่อนเด็กนักเรียนให้ประสบความสําเร็จในการสอบ

แต่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว เมื่อรัฐคิดใหม่เกี่ยวกับแนวทางการศึกษา

การอภิปราย การบ้าน และแบบทดสอบถูกตั้งค่าให้แทนที่เกรด

โดยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษา เริ่มตั้งแต่ปี 2019 การสอบสําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 จะถูกยกเลิก

นักเรียนชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่มีอายุมากกว่าจะเรียนในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันน้อยกว่า เพื่อลดการเน้นที่ความสําเร็จทางวิชาการ

UBS ควัก 3 พันล้านดอลฯ ซื้อคู่แข่ง Credit Suisse ยุติความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน-การธนาคาร

ความพยายามในการแก้ไขปัญหาของ ธนาคารเครดิตสวิส ยังคงเป็นที่จับตา โดยเฉพาะการเจรจา เทคโอเวอร์เครดิตสวิส โดยธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง ยูบีเอส หรือ ยูเนียน แบงก์ ออฟ สวิตเซอร์แลนด์ ที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และใช้เวลายาวนานถึง 11 ชั่วโมง สุดท้ายยูบีเอสประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (19 มี.ค.) ว่า ยูบีเอสตกลงที่จะซื้อกิจการธนาคารเครดิตสวิส (เทคโอเวอร์) ด้วยมูลค่า 3,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 3,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 110,987.5 ล้านบาท) เพื่อช่วยยุติความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน-การธนาคารที่เริ่มมาจากการล้มละลายของธนาคารหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา

การเทคโอเวอร์ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยงานกำกับดูแลการเงินของภาครัฐ โดยธนาคารกลางแห่งสวิตเซอร์แลนด์ออกแถลงการณ์วานนี้ว่า ยูบีเอสได้ประกาศแผนการเทคโอเวอร์ธนาคารเครดิตสวิสออกมาแล้ว และความเคลื่อนไหวนี้จะช่วยสร้างสเถียรภาพทางการเงินและช่วยปกป้องเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์โดยรวมด้วย

ทั้งนี้ สำนักข่าว CNN รายงานว่า ราคาที่ยูบีเอสตกลงจะจ่าย 3,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 3,230 ล้านดอลลาร์นั้น เป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาดของหุ้นเครดิตสวิส (ที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์) ถึง 60% หรือกล่าวง่ายๆก็คือ ผู้ถือหุ้นเดิมของเครดิตสวิสจะได้รับเงินจากยูบีเอสเพียงหุ้นละ 0.76 ฟรังก์สวิส จากเดิมที่เคยมีราคา 1.86 ฟรังก์สวิสเมื่อวันศุกร์ (17 มี.ค.)

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นของเครดิตสวิสจะถูกระงับสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับข้อตกลงที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาจะได้รับหุ้นของยูบีเอส 1 หุ้นต่อทุกๆ หุ้นของเครดิตสวิส 22.48 หุ้นที่พวกเขาถือครอง ซึ่งมีการประเมินมูลค่าของธนาคารไว้ที่ 3,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

คาดว่ากระบวนการเทคโอเวอร์จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้

การเทคโอเวอร์กิจการครั้งนี้ยังมีความพิเศษ ในแง่ที่การตัดสินใจดังกล่าวไม่ต้องการการลงมติเห็นชอบของผู้ถือหุ้น เนื่องจากรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ได้ยอมปรับแก้กฎหมายเพื่อเอื้อให้การเจรจาครั้งนี้ลุล่วงได้อย่างราบรื่นด้วยดี

ก่อนหน้านี้มีข่าวจากแหล่งข่าวหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาว่า ยูบีเอส ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ได้กำหนดเงื่อนไขให้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ร่วมรับผิดชอบเป็นวงเงิน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 204,456 ล้านบาท) ในรูปเงินค้ำประกัน เพื่อเป็น 'หลักประกัน' ในการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ และหวังใช้เป็นค่าใช้จ่ายการปิดบัญชี-ค่าธรรมเนียมฟ้องร้องและการเลิกจ้างพนักงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (เอสเอ็นบี) และสำนักงานตรวจสอบทางการเงินแห่งชาติของสวิตเซอร์แลนด์ (ฟินมา) ต้องการคลี่คลายสถานการณ์ของเครดิตสวิสให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุดและยืนกรานว่า การให้ยูบีเอสเทคโอเวอร์กิจการของเครดิตสวิส 'คือหนทางดีที่สุดหนทางเดียวในเวลานี้'

อย่างไรก็ตาม การหารือยังคงเต็มไปด้วย 'อุปสรรคหลายประการ' รวมถึง 'ความเป็นไปได้' ว่าหากธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์สองแห่งควบรวมกิจการกัน อาจนำไปสู่การต้องเลิกจ้างพนักงานราว 10,000 ตำแหน่ง

อนึ่ง ยูบีเอสเรียกร้องหลักประกันและมาตรการสนับสนุนฉุกเฉินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากกฎหมายการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า ยูบีเอสต้องให้เวลาผู้ถือหุ้นทั้งหมดหารือเป็นการภายในนาน ถึง 6 สัปดาห์ ซึ่งเมื่อประเมินกับความเร่งรีบของการแก้ไขสถานการณ์ ถือว่า 'ช้าเกินไป' ในการรักษาเครดิตสวิส ที่ขอกู้ยืมจากเอสเอ็นบี มากถึง 50,000 ล้านฟรังก์ สวิส (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังซาอุดี เนชันแนล แบงก์ สถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบียและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเครดิตสวิส ยืนกรานปฏิเสธเพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้มากกว่า 10%

ชาวสุยเฟินพบ ‘กวางโรเผือก’ บาดเจ็บ ตัวติดคาอยู่ที่รั้ว ชี้ เป็นสัตว์หายาก จนท.รุดช่วยชีวิต-ปล่อยคืนสู่ป่า

(20 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูสำหรับเจ้ากวางโร (Roe deer) เผือกตัวหนึ่งในเมืองสุยเฟินเหอ มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ที่ไม่นานมานี้มีชาวบ้านพบเห็นมันบาดเจ็บขณะตัวติดคาอยู่ที่รั้ว ก่อนจะประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือ หลังจากรักษาแผลให้มันจนหายดีแล้วเจ้าหน้าที่ก็ปล่อยมันคืนสู่ป่าตามเดิม

การเยือน ‘รัสเซีย’ ของ ‘สี จิ้นผิง’ นำมาซึ่งความแน่นแฟ้น พร้อมจับมือสร้าง ‘มิตรภาพ-ความร่วมมือ-สันติภาพ’

การเยือนรัสเซียของสีจิ้นผิง นำทางสัมพันธ์ทวิภาคี และส่งเสริมเสถียรภาพโลก

ปักกิ่ง/มอสโก, 19 มี.ค. (ซินหัว) - การเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่กำลังจะเกิดขึ้น อันเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจีนอีกครั้ง จะเป็นการเดินทางแห่งมิตรภาพ ความร่วมมือ และสันติภาพ

การเยือนครั้งนี้ กำหนดจัดระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. มีเป้าหมายเพื่อวางแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างจีน-รัสเซียในยุคใหม่ ขณะเดียวกันก็เป็นการผลักดันความร่วมมือเชิงปฏิบัติระหว่างสองประเทศ และสร้างแรงขับเคลื่อนอันแข็งแกร่งให้แก่การรักษาสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง เพื่อร่วมสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

ในห้วงยามนี้ สีจิ้นผิงกำลังจะก้าวเข้าสู่แผ่นดินรัสเซียเป็นครั้งที่เก้าในฐานะประธานาธิบดีจีน ผู้นำของทั้งสองประเทศมีโอกาสได้พบปะกันประมาณ 40 ครั้งตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยการแลกเปลี่ยนอย่างมีคุณภาพสูงและสม่ำเสมอของผู้นำทั้งสองประเทศ ได้ให้แนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-รัสเซียมาโดยตลอด

ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งที่ไม่เคยปรากฏในรอบศตวรรษ และโรคระบาดที่ไม่เคยพบเจอ สีจิ้นผิงและปูตินได้รักษาการติดต่อกันอย่างใกล้ชิดผ่านหลากหลายวิธีการ ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างจีน-รัสเซียนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่เผชิญหน้า และไม่มุ่งเป้าไปที่ฝ่ายที่สามใด ๆ ความสัมพันธ์นี้ทั้งมิได้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศอื่นใดในโลก และจะไม่ถูกแทรกแซงหรือยั่วยุโดยฝ่ายที่สามเช่นกัน

โลกกำลังมาถึงทางแยกแห่งประวัติศาสตร์อีกครั้ง เราเลือกที่จะย้อนกลับสู่ความคิดแบบสงครามเย็น ยุยงให้เกิดความแตกแยกและเป็นปรปักษ์ ปลุกปั่นให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มก้อน หรือเลือกที่จะทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของมนุษยชาติ ส่งเสริมความเสมอภาค การเคารพซึ่งกันและกัน และความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน การยื้อยุดไปมาระหว่างสองแนวโน้มนี้ กำลังทดสอบภูมิปัญญาของเหล่านักการเมืองในประเทศใหญ่ทั้งหลาย เฉกเช่นเดียวกับการใช้เหตุผลของมวลมนุษย์ ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์ให้เห็นอยู่เป็นนิจว่าการกดขี่ข่มเหงไม่สามารถชนะใจผู้คน รวมถึงการคว่ำบาตรและการแทรกแซงย่อมล้มเหลว

‘เขมร’ โม้แหลก!! หลังขายลิขสิทธิ์ ‘ซีเกมส์’ ไปกว่า 50% ‘สื่อเวียดนาม’ ชี้!! ขายราคานี้ ระวังโดนกรรมตามสนอง

จากกรณีที่ประเทศกัมพูชา เจ้าภาพมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งแรก จัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมนี้ ประกาศขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันรายการนี้เป็นครั้งแรก จากเดิมที่ปกติแล้วจะมีเพียงค่าธรรมเนียมราว 5000-10000 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น

โดยมีการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากประเทศไทย เป็นมูลค่าสูงสุดถึง 8 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 28 ล้านบาท พร้อมอ้างว่าที่มาของเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าการตลาด และการเจรจา พร้อมอ้างว่า กัมพูชา ไม่ได้เป็นผู้ตั้งราคาแต่อย่างใด

ขณะที่ล่าสุด วัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เผยว่ามีทั้งหมด เผยว่า มี 5 ชาติ ที่ตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดซีเกมส์ เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และกัมพูชา

พร้อมกันนี้ยังระบุว่านี่คือความสำเร็จของการขายลิขสิทธิ์ครั้งนี้ว่า "เราประสบความสำเร็จในเบื้องต้น เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์จาก 10 ประเทศ แม้ยังไม่ถึงช่วงเวลาการแข่งขัน เท่ากับว่า กัมพูชา ได้รับการสนับสนุนถึงครึ่งจากอาเซียน"

แม้มีความพยายามไม่เปิดเผยมูลค่าลิขสิทธิ์ของชาติต่าง ๆ ที่ซื้อไป แต่รายงานระบุว่าประเทศสิงคโปร์ใช้เงินซื้อในราคา 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 17.5 ล้านบาท

ทั้งนี้สื่อในเวียดนามได้รายงานข่าวดังกล่าว ซึ่งมีแฟนกีฬาเข้าไปตำหนิการกระทำของ กัมพูชา เป็นอย่างยิ่ง ว่าผิดธรรมเนียมการเป็นเจ้าภาพ และการแข่งขันซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ กัมพูชา และชาติอาเซียนอื่น ๆ นี่แหละที่จะเดือดร้อน หากประเทศไทย คิดมูลค่าการขายลิขสิทธิ์เหมือนซีเกมส์ 2023

เปิดเหตุผลที่ ‘เมียนมา’ แห่ทะลักมาทำงานในไทย แม้ต้องเข้ามาแบบผิดกฎหมาย...ก็ยอม!!

ช่วงนี้เอย่าได้อ่านข่าวเรื่องการตรวจจับคนเมียนมาข้ามแดนอย่างผิดกฎหมายแทบจะเรียกได้ว่าทุกวัน

เหตุเพราะตอนนี้ คนเมียนมาส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นปัญญาชนหรือไม่ใช่ปัญญาชน ต่างก็มุ่งจะออกไปทำงานต่างประเทศ โดยไม่ได้สนใจว่าจะใช้วิธีที่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย 

ซึ่งปลายทางในการเดินทางผิดกฎหมายที่พบในข่าวฝั่งเมียนมามากที่สุดคือ ไทย รองลงมาคือ มาเลเซีย  

คำถาม คือ แล้วทำไมเป็นประเทศไทย ที่แรงงานเมียนมาอยากมามากที่สุด

วันนี้เอย่าจะนำข้อมูลที่ได้มาจากกลุ่มแรงงานที่เดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายในไทยมาให้ทราบกัน...

>> ประการแรกคือ ประเทศไทยนั้นมีเอเยนต์ที่คอยการข้ามแดนของพวกเขา เมื่อชาวเมียนมาเข้ามาแล้ว ก็จะไปวิ่งเต้นในการทำบัตรแรงงานต่างด้าวหรือที่เรียกกันว่าบัตรชมพูให้ด้วย 

ซึ่งนั่นจะทำให้แรงงานเมียนมาที่ข้ามมาได้แล้ว (ได้บัตรชมพู) ทุกอย่างก็จบพวกเขาสามารถทำงานได้เลยเพราะบริษัทหรือห้างร้านในไทยไม่ได้ตรวจสอบการเดินทางเข้ามาเพียงแต่ตรวจสอบเรื่องการมีบัตรชมพูหรือไม่เท่านั้นเอง

>> ประการต่อมา ในประเทศไทย ไม่ว่าคุณจะเข้าเมืองมาแบบใด ไม่ว่าจะมาแบบมีวีซ่าทำงาน หรือ ท่องเที่ยว หรือ แรงงานก็ตาม หากไปทำเรื่องที่สถานทูตเมียนมาก็สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้กับธนาคารที่มีการดีลกับสถานทูตไว้ ซึ่งนี่เป็นอภิสิทธิ์อีกอย่างหนึ่งให้แก่คนเมียนมา

กลับกันหากเป็นในประเทศอื่น การเดินทางเข้าเมืองแบบไม่ถูกต้อง หรือมาแบบท่องเที่ยว การจะเปิดบัญชีธนาคารนั้นจะยากมาก เนื่องจากตามกฎหมายในหลาย ๆ ประเทศไม่อนุญาตให้กระทำ

‘ทูตจีน’ เผยสัมพันธ์ ‘จีน-รัสเซีย’ แข็งแกร่ง ท่ามกลางปั่นป่วนบนโลก ยิ่งต้องแน่นแฟ้น

มอสโก, 18 มี.ค. (ซินหัว) — จางฮั่นฮุย เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนเมื่อไม่นานนี้ว่า ยิ่งโลกเผชิญความปั่นป่วนมากเท่าใด ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียก็ยิ่งจำเป็นต้องก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

จางระบุว่าไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สถานะหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านแห่งความร่วมมือในยุคใหม่จีน-รัสเซียจะยังคงเดินหน้าต่อไปในระดับสูงขึ้น ภายใต้การชี้แนะเชิงกลยุทธ์ของผู้นำทั้งสอง

เมื่อวันศุกร์ (17 มี.ค.) ฮว่าชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. ตามคำเชิญของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

จางกล่าวว่าผู้นำจีนและรัสเซียยังคงรักษาการติดต่อสื่อสารอย่างใกล้ชิด และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีและประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มทิศและหลักยึดในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี

จางเผยว่าสีจิ้นผิงและปูตินได้บรรลุฉันทามติเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญหลายประการในการส่งเสริมการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี การรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค และการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ โดยความร่วมมือทวิภาคีบรรลุผลลัพธ์ใหม่ ขณะการประสานงานเชิงกลยุทธ์ก้าวสู่ระดับใหม่

จางเน้นย้ำว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-รัสเซียได้ยืนหยัดต่อแรงกดดันและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อันยืดเยื้อ วิวัฒนาการของสถานการณ์ระหว่างประเทศที่สลับซับซ้อน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ

จางกล่าวว่าปี 2022 การค้าทวิภาคีระหว่างจีนและรัสเซียพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.90 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.44 ล้านล้านบาท) พร้อมเสริมว่าการค้าพลังงานมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในการค้าทวิภาคี ขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องกลและไฟฟ้า ยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ของจีนไปยังรัสเซียล้วนมีการเติบโตอย่างมาก

จางเผยว่าสัดส่วนการชำระเงินในสกุลเงินท้องถิ่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธนาคารรัสเซียดำเนินธุรกิจโดยใช้สกุลเงินหยวนอย่างกว้างขวาง

จางกล่าวถึงความร่วมมือระดับท้องถิ่นระหว่างจีนและรัสเซียที่ลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา โดยชี้ว่าสถาบันและผู้ประกอบการท้องถิ่นจากสองประเทศ มีส่วนร่วมแข็งขันในงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) งานกว่างโจวแฟร์ (Canton Fair) การประชุมเศรษฐกิจภูมิภาคตะวันออก (EEF) และการประชุมเศรษฐกิจนานาชาติเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (SPIEF) ซึ่งช่วยประสานความต้องการความร่วมมือและปลดปล่อยศักยภาพความร่วมมืออย่างเต็มที่

จางเปิดเผยว่าสะพานทางหลวงข้ามพรมแดนเฮยเหอ-บลาโกเวชเชนสค์ สะพานทางรถไฟข้ามพรมแดนถงเจียง-เนซเนียลีนินสกอย และสะพานข้ามแม่น้ำบริเวณพรมแดนแห่งอื่นๆ ต่างทยอยเปิดให้สัญจร ส่วนช่องทางขนส่งและโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนมีการขยับขยายเพิ่มเติมเช่นกัน

หลังจากจีนเพิ่มประสิทธิภาพและปรับเปลี่ยนมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) พิธีการทางศุลกากรที่ท่าเรือของจีนและรัสเซียได้ทยอยกลับสู่รูปแบบเดียวกับก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ ซึ่งช่วยรับรองการแลกเปลี่ยนของทั้งบุคลากรและสินค้าระหว่างสองฝ่ายว่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น

“การค้าทวิภาคีเติบโตอย่างแข็งแกร่งช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ปีนี้ โดยมูลค่าสูงถึง 3.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.14 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นที่ดี” จางกล่าว “ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่ารากฐานความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคียังคงแข็งแกร่ง”

ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน จีนและรัสเซียมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันทางการเมืองอย่างแน่นแฟ้น มีความเกื้อกูลกันทางเศรษฐกิจในระดับสูง และมีศักยภาพในการร่วมมือที่ดีเยี่ยม ทำให้บริษัทรัสเซียจำนวนมากขึ้นแสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะร่วมมือกับฝ่ายจีน

จางเชื่อมั่นว่าการค้าจีน-รัสเซียจะพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ในปี 2023 พร้อมมุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายทางการค้าที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าไว้ที่ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.81 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้

จางเสริมว่าความร่วมมือระหว่างประชาชนมีบทบาทสำคัญมาตลอดประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย

‘แซม นีล’ นักแสดงจูราสสิค พาร์ค เผยเป็น ‘มะเร็งต่อมน้ำเหลือง’ ได้เข้ารับการรักษาแล้ว แต่ต้องรับเคมีบำบัดตลอดชีวิต

แซม นีล นักแสดงดังชาวนิวซีแลนด์ วัย 75 ปี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการรับบทเป็นดอกเตอร์ อลัน แกรนท์ ในภาพยนตร์แนวไซไฟเรื่อง “Jurassic Park” หรือ จูราสสิค พาร์ค กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ ในปี 1993 ออกมาเปิดเผยว่า เขากำลังรักษาตัวจากการป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนอน-ฮอดจ์กิน ซึ่งเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งในระบบน้ำเหลืองในระยะ  3

นีลเปิดเผยเรื่องราวสุดช็อกในชีวิตครั้งนี้ ในหนังสือบันทึกความจรงจำ ” Did I Ever Tell You This?” ของเขาที่จะวางจำหน่ายในสัปดาห์หน้าว่า “ผมอาจกำลังจะตาย” จากการป่วยด้วยโรคนี้ที่ได้รับการวินิจฉัยเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขาอาจจะต้องเร่งทำอะไรให้เร็วขึ้น

‘การเหยียดเพศ’ พฤติกรรมฝังรากของ ‘ชาวตะวันตก’ ที่เชื่อฝังหัวว่า ‘ขัดหลักศาสนา’ ฝากบาดแผลทุกยุคสมัย

ก่อนที่เราจะกลับบ้าน เราถามไมเคิลกับเจมส์ว่าจะให้ไปส่งบ้านไหม เขาทั้งสองบอกว่าก็ดีเหมือนกันเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าแท็กซี่กลับ ระหว่างทางไมเคิลกับเจมส์ก็เอ่ยปากชวนเราไปทานอาหารแถวบ้านพวกเขาในวันอังคารที่จะถึง ส่วนเราพอได้ยินแบบนั้นก็รีบตอบตกลงไปทันที เพราะตื่นเต้นจะได้มีเพื่อนไปทานอาหารตอนกลางคืน เพราะส่วนใหญ่ตัวเราจะไม่ค่อยทานอาหารเป็นเรื่องเป็นราว เรามักจะทานโดนัทหรือขนมขบเคี้ยวที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเสมอๆ

เมื่อถึงวันอังคาร เรารีบทำการบ้านจากโรงเรียนสอนภาษาให้เสร็จ เนื่องจากเรารู้ว่าเจอสองคนนี้ต้องพูดคุยกันจนถึงดึกแหง ๆ เราขับรถไปหาไมเคิลกับเจมส์ที่หน้าบ้านเขา เมื่อพวกเขาลงมาไมเคิลก็บอกให้หาที่จอดได้เลย ร้านอยู่ไม่ไกลนัก เดินประมาณห้านาทีจากบ้านเขาก็ถึง 

ประจวบเหมาะว่าวันนี้เป็นวันที่มีคอนเสิร์ตในบริเวณนั้นด้วย พวกเราเลยวนหาที่จอดรถประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าเราจะได้ที่จอดรถ ซึ่งห่างจากร้านอาหารพอสมควร ต้องเดินกันเกือบสิบห้านาที เราก็บอกกับทั้งสองว่าดีเหมือนกันเราได้ออกกำลังก่อนทานอาหารค่ำ ระหว่างที่เดินไปนั้นเราก็คุยกันเรื่องต่าง ๆ อย่างเมามัน สักครู่เราสามคนก็ได้ยินคนทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนมาจากข้างหลัง เราหันขวับไปเห็นเด็กหนุ่มผิวสีอายุไม่ถึงสิบแปดเดินควงสาวทำลอยหน้าลอยตาแล้วกล่าวว่า ‘Three fags on the road’ ซึ่งหมายถึง ‘ตุ๊ดสามนางบนถนน’

ไมเคิลบอกว่าไม่ต้องไปสนใจให้เดินต่อไป แต่เจมส์อดรนทนไม่ไหวหันกลับไปต่อคำว่า “Grow up” คล้าย ๆ กับว่า “โตซะบ้างได้แล้ว” ทันทีที่เจมส์หยุดพูด ไอ้หนุ่มปากเปราะรี่เข้ามาหาเจมส์และชกเขาล้มไป ไมเคิลโกรธจนหน้าแดงเลยวิ่งไปจะช่วยสู้กับเจ้าตัวร้าย 

ส่วนสาวที่ไอ้หนุ่มน้องควงมาด้วย ก็พยายามเข้ามาห้ามทัพ ตะโกนบอกให้หยุด ๆ หลายครั้ง ไอ้ตัวแสบได้สติเลยวิ่งหนีไป ทั้งไมเคิลและเจมส์รีบวิ่งตามไป แต่สองคนนั้นวิ่งหายเข้าไปในตึกอพาร์ตเมนต์ ส่วนเราสามคนที่วิ่งตามไปอย่างกระชั้นชิด ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขวางไว้ไม่ให้เข้า โดยให้เหตุผลว่าพวกเราไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยในตึกนั้น พวกเราทั้งสามหัวเสียไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ดึงดันจะเข้าไป พออารมณ์เย็นลงก็มาคิดกันว่าจะทำอย่างไรต่อดี ไมเคิลบอกว่าควรจะไปแจ้งตำรวจที่โรงพัก เราเลยขับรถมุ่งไปที่โรงพักใกล้ ๆ แถวที่เกิดเหตุ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราทั้งสามคนไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นสิ่งที่ชนกลุ่มน้อยเผชิญอยู่ทุกวันในอเมริกา มันคือการเหยียด (discrimination) ประเทศนี้มีการเหยียดหลายอย่าง เช่น เหยียดสีผิว เหยียดเพศหลากหลาย เหยียดอายุ เหยียดความพิการ 

แต่ในที่นี้ขอเน้นแค่การเหยียดเพศหลากหลาย ประเทศสหรัฐอเมริกาเกิดมาจากการก่อตั้งของพวก Puritan pilgrims พวกเขาคือชาวอังกฤษที่เคร่งศาสนาคริสต์และมุ่งมั่นที่จะตัดพิธีกรรมของคาทอลิกออกจากนิกายของอังกฤษ (Church of England) อย่างสิ้นเชิง เมื่อทางรัฐบาลอังกฤษไม่น้อมเอนตามอุดมการณ์ของพวกเขา พวกเขาจึงหนีมาตั้งถิ่นฐานในดินแดนใหม่ในช่วงต้นคริสต์ศักราช 1700 เพื่อจะได้มีอิสระในการนับถือศาสนาตามแนวคิดของตน 

ต่อมาแนวคิดทางศาสนาของพวกเขาได้พัฒนาเป็นนิกาย Evangelical ที่เข้มงวดในการปฏิบัติตามคำสอนพระคัมภีร์ไบเบิลทุกประโยค พวกเขาตีความว่าชาวเพศหลากหลายนั้นไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้า เพราะชาวคริสเตียนควรที่จะเกิดมาเพื่อสืบพันธุ์และเผยแพร่ศาสนา ความต้องการทางเพศที่ไม่ได้ลงเอยด้วยการเกิดบุตรธิดานั้นเป็นการขัดต่อคำสอนของพระคัมภีร์และเป็นบาป 

ความเชื่อทางศาสนาของพวกเขาเป็นฐานการสร้างกฎหมายของประเทศ คนที่ไม่ได้เป็นหญิงชายตามหลักความเชื่อถูกจัดว่าเป็นคนลักเพศและควรจะถูกลงโทษตามกฎหมาย พ่อแม่เห็นลูกมีแนวโน้มที่จะชอบเพศเดียวกันก็จะจับลูกเข้าไปทำบำบัดเปลี่ยนความชอบทางเพศ (conversion therapy) ซึ่งบางทีใช้ไฟช็อต, เฆี่ยน, ขู่ หรือใช้ยากล่อมประสาท ผู้ที่ไม่ยอมทำตามที่สังคมกำหนดให้เดินมักจะสังสรรค์กันในสถานที่ลับ 

บ่อยครั้งที่ตำรวจได้เบาะแส พวกเขาก็จะไปบุกทำลายสถานที่นั้นและใช้กำลังเกินกว่าเหตุเพื่อจับกุมผู้ร่วมชุมนุม สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) เมื่อตำรวจเข้าไปบุกบาร์ใน Stonewall Inn ณ มหานครนิวยอร์ก ชาวเพศหลากหลายในบาร์นั้นไม่สามารถทนถูกกดขี่อีกต่อไปจึงฮึดสู้กับเหล่าตำรวจจนกลายเป็นจุดเริ่มของการเรียกร้องเสรีภาพทางเพศจนประสบความสำเร็จในหลายเดือนให้หลัง 

หลังจากนั้นพวกเขาได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายของรัฐที่มีความคิดก้าวหน้า เช่น แมสซาชูเซตส์ กฎหมายคุ้มครองขยายจากทีละรัฐจนกลายเป็นกฎหมายของประเทศ ทางรัฐบาลจกำหนดว่าการทำร้ายผู้ที่อยู่ในกลุ่มเพศหลากหลายเป็นอาชญากรรมที่เกิดการความเกลียด (hate crimes) ที่ควรจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก ถ้าอยากทราบรายละเอียดสามารถอ่านได้ที่: https://www.justice.gov/hatecrimes/learn-about-hate-crimes 

นอกจากนั้นปี 2015 (พ.ศ. 2558) ชาวอเมริกันในกลุ่มเพศหลากหลายได้รับสิทธิที่จะแต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามพวกเคร่งศาสนาพยายามที่จะลิดรอนสิทธิ์ของชาวเพศหลากหลายมาโดยตลอด 

และการเหยียดทางเพศทะลุสถิติอีกครั้งหลังจากที่ Donald Trump เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีในปี 2016 (พ.ศ. 2559) ข้อมูลจากข่าวของโทรทัศน์ช่อง NBC สถิติการทำร้ายชาวเพศหลากหลายเพิ่มขึ้น 50% ในหนึ่งปีหลังจากที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้ง  อ่านเพิ่มได้ที่: https://www.nbcnews.com/feature/nbc-out/anti-lgbtq-homicides-nearly-doubled-2017-report-finds-n840011 

ไม่แปลกเลยที่การเหยียดต่อชาวกลุ่มน้อยต่างพวกจะทะลุเป้าในช่วงที่ทรัมป์อยู่ในทำเนียบขาว เพราะตัวเขาเองซึ่งเป็นผู้นำก็โป้ปดมดเท็จให้ร้ายกับชาวผิวสีและคนจีน 

พลเมืองที่เลียนแบบทรัมป์ โดยเฉพาะสาวความคิดอนุรักษ์นิยมอายุสามสิบต้น ๆ ในนาม Libs of TikTok ใน Twitter ได้กุเรื่องว่าชาวเพศหลากหลายพยายามจะหลอกเด็ก ๆ มาเลี้ยงเพื่อต้องการล้างสมองให้เป็นคู่นอน 

นอกจากนั้นยังหาว่าสาว ๆ ที่ข้ามเพศมาจากชายจะแต่งตัวเป็นหญิงเพื่อแอบปล้ำผู้หญิงที่เข้าห้องน้ำ ที่ร้ายที่สุดก็คือปั้นน้ำเป็นตัวว่าโรงพยาบาลเด็กในบอสตันทำลายอวัยวะเพศของเด็กเพื่อผ่าตัดข้ามเพศ คนที่คิดตามโพสต์ของนางบางคนหลงเชื่อ จนเกิดโมหะและพากันตราหน้าหรือขู่ทำร้ายพวกเพศหลากหลาย แถมยังขู่วางระเบิดโรงพยาบาลเด็กสองครั้งติด ๆ กันเพื่อที่จะป้องกันเด็กไม่ให้ข้ามเพศ อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.boston.com/news/crime/2022/11/16/boston-childrens-hospital-bomb-threat-gems-program-gender-multiservices-anti-trans/ 

นักการเมืองที่ทะเยอทะยานอยากได้คะแนนเสียงจากพวกที่เหยียดชาวเพศหลากหลายพากันออกกฎหมายลิดรอนสิทธิ์เสรีภาพของพวกเขา เช่น Florida ลงโทษพ่อแม่ที่สนับสนุนให้ลูกข้ามเพศ โดยทางรัฐจะเอาเด็กไปให้ญาติหรือคนรู้จักที่ไม่เห็นด้วยต่อการข้ามเพศดูแลแทนพ่อแม่ อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.eqfl.org/Anti-Trans-Care-Bill-Filed-Senate 

ทาง Texas จะออกกฎหมายห้ามไม่ให้ทุกคน (ทั้งเด็กและผู้บรรลุนิติภาวะ) ผ่าตัดข้ามเพศ อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.cbsnews.com/news/texas-bill-ban-gender-affirming-care-transgender-adults/ 

ส่วนที่ Tennessee เพิ่งออกกฎหมายห้ามไม่ให้นักแสดงแต่งตัวข้ามเพศต่อหน้าสาธารณชนและเด็ก อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.npr.org/2023/03/06/1161452175/anti-drag-show-bill-tennessee-trans-rights-minor-care-anti-lgbtq-laws 

‘สี จิ้นผิง’ เตรียมบินลัดฟ้า เดินทางเยือน ‘รัสเซีย’ หลังได้รับคำเชิญจาก ‘วลาดิเมียร์ ปูติน’ 

สี จิ้นผิงเตรียมเดินทางเยือน ‘รัสเซีย’ อย่างเป็นทางการ

ปักกิ่ง, 17 มี.ค. (ซินหัว) — วันศุกร์ (17 มี.ค.) ฮว่าชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. ตามคำเชิญของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

ย้อมแมวข้าวไทย!! ‘พาณิชย์’ แจง ปมข้าวไทย โดนจีนก๊อบปี้-ใส่สารแต่งกลิ่น เผย ภาครัฐจีนสั่งปิดโรงงานแล้ว เร่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

(17 มี.ค. 66) นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวโรงงานข้าวในจีนปลอมข้าวหอมมะลิไทย โดยใช้ข้าวที่ปลูกในจีน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข้าวไทย มาใส่สารปรุงแต่งให้มีกลิ่นหอมเหมือนกับข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งโรงงานดังกล่าวถูกสั่งปิดไปแล้ว โดยการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสินค้าอาหารของจีน ซึ่งกำหนดว่าข้าวสารเป็นสินค้าที่ไม่อนุญาตใช้สารเติมแต่งอาหาร

กรมฯ ได้ประสานกับสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง และสำนักงานส่งเสริมการค้า ในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ให้ติดตามข้อมูลว่ามีการปลอมแปลงตราสินค้าและเครื่องหมายรับรอง ข้าวหอมมะลิไทย และมีผลกระทบต่อตลาดข้าวไทยในจีนหรือไม่ รวมทั้งการหยิบยกขึ้นหารือกับหน่วยงานภาครัฐของจีน ให้สอดส่องมิให้เกิดการปลอมข้าวหอมมะลิไทยอีกในอนาคต ในเบื้องต้นได้รับแจ้งว่า ภาครัฐของจีน จะดำเนินคดีกับบริษัทตามข่าวต่อไป แต่ยังไม่พบข้อมูลว่ามีการปลอมตราเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top