สื่อยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลียสร้างเรื่องซะแล้ว เมื่อหนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald และ The Age ได้ตีพิมพ์บทความวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของออสเตรเลียถึง 5 คน ที่ถกกันในหัวข้อ 'Red Alert' - ภัยคุกคามจากจีนแดง
ซึ่งทั้ง 5 มองเห็นตรงกันว่า แสนยานุภาพด้านการทหารของออสเตรเลียในวันนี้ ห่างไกลจากคำว่าพร้อมรบมาก ไม่สามารถรับมือกับสงครามที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แล้วระหว่าง จีน และ ไต้หวัน ได้เลย พร้อมทั้งจี้ให้รัฐบาลกลางออสเตรเลียต้องเร่งยกระดับศักยภาพกองทัพขั้นสุดเพื่อรบกับกองทัพจีนอย่างเต็มรูปแบบให้ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า
รายชื่อนักวิเคราะห์ที่สื่อออสเตรเลียภูมิใจนำเสนอ ได้แก่...
1. ปีเตอร์ เจนนิงส์ อดีตเจ้าหน้าระดับสูงของกระทรวงกลาโหม
2. ลาวินา ลี ศาตราจารย์ภาควิชายุทธศาสตร์ และ อาชญาวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยแมคควอรีย์
3. อลัน ฟินเคิล อดีตหัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์แห่งออสเตรเลีย
4. เลสลีย์ ซีเบค ประธานสถาบันยุทธศาสตร์แห่งชาติ
5. มิค ไรอัน อดีตผู้บัญชาการกองพันทหารแห่งกองทัพบกออสเตรเลีย
โดยสื่อออสเตรเลียเคลมว่า ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 คนนี้ ได้ร่วมประชุม ถกเถียงถึงสถานการณ์ และความเป็นไปได้ที่ออสเตรเลียต้องกระโจนเข้าสู่สงครามมานานถึง 2 ปีแล้ว โดยประเมินจากนโยบายของ สี จิ้นผิง ผู้นำจีนที่เพิ่งขึ้นรับตำแหน่งต่ออย่างเป็นทางการในเทอม 3 ที่ได้สั่งเพิ่มงบประมาณด้านการทหารขึ้นอีกถึง 7.2% และแสดงท่าที่แข็งกร้าวชัดเจนต่อข้อพิพาทในเขตปกครองไต้หวัน ทั้งหมดได้ฟันธงว่า ภายในระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ (2027) จีนจะสามารถยกระดับแสนยานุภาพด้านการทหารได้เทียบเท่ากับสหรัฐฯ
และนั่นก็เป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ยอมไม่ได้ สงครามที่ช่องแคบไต้หวันจะระเบิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนออสเตรเลียที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับสหรัฐฯ ก็จำเป็นต้องเข้าร่วมสงครามรบกับจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นักวิเคราะห์มองเห็นภาพออสเตรเลียที่จะถูกใช้เป็นฐานทัพให้กับกองทัพสหรัฐฯ กว่า 2 แสนนายเพื่อมาประจำพร้อมรบ และออสเตรเลียก็จะกลายเป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยขีปนาวุธของกองทัพจีน รวมถึงการโจมตีทางไซเบอร์อย่างรุนแรงในระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานจนปั่นป่วนไปทั้งประเทศ
นักวิเคราะห์ย้ำเตือนถึงชาวออสเตรเลียว่า ทุกคนควรต้องรีบเตรียมใจรับสงครามกันได้แล้ว ความสงบสุขที่มีมายาวนานหลายสิบปีในออสเตรเลียมันสิ้นสุดลงแล้ว และจี้ให้รัฐบาลออสเตรเลียเร่งยกระดับกองทัพ และอาวุธคงคลังอย่างเร่งด่วนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะนี่คือสถานการณ์ฉุกเฉิน
ความตึงเครียดในย่านทะเลจีนใต้ทวีความรุนแรงขึ้นแบบเร่งสปีดจากสงครามในยูเครน ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลียเองก็ถูกกดดันไม่น้อยให้รีบเตรียมพร้อมรับศึกสงครามในภูมิภาคอินโดจีน
และล่าสุด ออสเตรเลีย เพิ่งลงนามตกลงที่จะซื้อเรือดำน้ำนิวเคลียร์จากสหรัฐจำนวน 5 ลำ ที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง AUKUS ที่เคยเป็นเหตุให้ทางออสเตรเลียจำเป็นต้องเทดีลเรือดำน้ำของฝรั่งเศส เพื่อมาซื้อของสหรัฐในวันนี้ สร้างความขุ่นเคืองให้กับทางฝรั่งเศสมาแล้ว ก็พอจะเห็นได้ว่ารัฐบาลออสเตรเลียเองก็กำลังเร่งเตรียมกองทัพตามแผนการรบของสหรัฐฯ อยู่