Wednesday, 26 June 2024
WORLD

นักวิทย์จีน ผุดเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำ หนุน ‘รถยนต์ไร้คนขับ’ เรียนรู้เองขณะขับขี่

ปักกิ่ง, 17 มี.ค. (ซินหัว) — ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิงหัว พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ที่ทำให้ยานยนต์สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองขณะขับขี่เพื่อรับมือกับสถานการณ์ไม่คุ้นเคย ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขข้อกังวลด้านความปลอดภัยสำหรับการขับขี่อัตโนมัติ

ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ แมชชีน อินเทลลิเจนซ์ (Nature Machine Intelligence) ระบุว่าเทคโนโลยีข้างต้นช่วยให้ยานยนต์ปรับปรุงสมรรถนะได้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมระหว่างขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งแตกต่างจากวิธีการดั้งเดิมที่มุ่งฝึกให้รถยนต์เรียนรู้สถานการณ์การขับขี่หลายแบบล่วงหน้ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติแบบดั้งเดิมใช้อัลกอริทึมที่รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมผ่านการฝึกฝนที่ใช้ระยะเวลานาน และตัวรถยนต์จะถูกตั้งค่าแผนรับมือล่วงหน้าในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งทำให้ยานยนต์อาจไม่รู้วิธีการตอบสนองในสถานการณ์ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนมา และอาจก่อความเสี่ยงด้านความปลอดภัยขณะขับขี่

ปล่อยล้มไม่ได้!! 11 แบงก์ใหญ่สหรัฐฯ อัดฉีด 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ยื่นมือช่วยเสริมสภาพคล่อง ‘เฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์’

ธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีท 11 แห่ง ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ประกาศอัดฉีดเงินรวมกันมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ (First Republic Bank) หรือ FRB ซึ่งเป็นธนาคารในระดับภูมิภาคของสหรัฐ

กลุ่มธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีท 11 แห่งได้ตกลงที่จะฝากเงิน ใน FRB เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารแห่งนี้ โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน จะฝากเงินใน FRB รายละ 5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ จะฝากเงินใน FRB รายละ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนธนาคารทรูอิสต์ ไฟแนนเชียล, พีเอ็นซี, ยูเอส แบงคอร์ป, สเตทสตรีท และแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน จะฝากเงินใน FRB รายละ 1 พันล้านดอลลาร์

“การที่กลุ่มธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐพร้อมใจกันอัดฉีดเงินรวมกัน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มธนาคารรายใหญ่มีความเชื่อมั่นใน FRB และธนาคารทุกขนาด และยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ธนาคารต่าง ๆ สามารถให้บริการแก่ลูกค้าต่อไป”

กลุ่มธนาคารรายใหญ่ของวอลล์สตรีท ระบุในแถลงการณ์

นายจิม เฮอร์เบิร์ท ประธานบริหารของ FRB และนายไมค์ รอฟเฟอร์ ซีอีโอของ FRB แถลงว่า “ตามข้อตกลงที่ทำร่วมกันนั้น เงินฝากจำนวน 3 หมื่นล้านดอลลาร์นี้ จะอยู่ในบัญชีของ FRB เป็นเวลา 120 วัน เราขอขอบคุณธนาคารทั้ง 11 แห่งที่ช่วยกอบกู้วิกฤตให้กับเราในครั้งนี้”

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ พร้อมด้วยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายมาร์ติน กรุนเบิร์ก ประธานบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ได้ออกแถลงการณ์ขานรับธนาคารทั้ง 11 แห่งที่ตัดสินใจยื่นมือเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องวงเงินสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับ FRB

“ความเคลื่อนไหวของบรรดาธนาคารรายใหญ่เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจที่จะสนับสนุนระบบธนาคารของสหรัฐ และยังแสดงให้เห็นว่าระบบธนาคารยังคงแข็งแกร่ง”

นางเยลเลน, นายพาวเวล และนายกรุนเบิร์ก ระบุในแถลงการณ์ร่วม

‘ซาอุฯ’ ขู่ระงับขายน้ำมัน หากถูกกำหนดราคาเหมือนรัสเซีย ชี้ นโยบายชาติตะวันตกซ้ำเติมความผันผวนแก่ตลาดน้ำมันโลก

(17 มี.ค. 66) เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งซาอุดีอาระเบีย เตือนบรรดาชาติตะวันตก ต่อการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบของเมืองริยาด ระบุ ความพยายามใด ๆ ดังกล่าว จะต้องเจอกับการระงับขายและลดกำลังผลิต

พระองค์ทรงตรัสอีกว่า บรรดาชาติผู้ผลิตน้ำมันรายหลักอื่น ๆ มีความเป็นไปได้ว่าจะดำเนินการแบบเดียวกัน “ถ้ามีการกำหนดเพดานราคาน้ำมันส่งออกของซาอุดีอาระเบีย เราจะไม่ขายน้ำมันแก่ประเทศไหน ๆ ที่กำหนดเพดานราคาอุปทานของเรา และเราจะลดกำลังผลิตน้ำมัน และผมจะไม่ประหลาดใจเลยหากว่าชาติอื่น ๆ จะทำตามแบบเดียวกัน” เจ้าชายอับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน ตรัสเมื่อช่วงต้นสัปดาห์

รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย ตรัสต่อว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่นโยบายเพดานราคาน้ำมัน ได้ซ้ำเติมความไม่มั่นคงและความผันผวนแก่ตลาด และจะส่งผลกระทบทางลบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันทั้งมวลทั่วโลก

พระองค์เปรียบเทียบมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมัน กับร่างกฎหมายของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า ‘NOPEC’ โดยเน้นย้ำว่า มีความเป็นไปได้ ว่ามาตรการทั้งสองอาจส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันไม่ต่างกัน

ทั้งนี้ ‘NOPEC’ (กฎหมายไม่มีเครือข่ายผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน) จะถอดกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือ ‘โอเปก’ ออกจากการได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ เปิดทางให้โอเปก และบรรดาบริษัทน้ำมันแห่งชาติทั้งหลายสามารถถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ภายใต้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ สำหรับความพยายามขัดขวางการแข่งขันที่จำกัดอุปทานน้ำมันโลก และส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบตามมา

ในเดือนธันวาคม ‘อียู’ และบรรดาสมาชิกกลุ่มจี 7 รวมถึงพันธมิตรได้ร่วมกันกำหนดมาตรการแบนการส่งออกน้ำมันทางทะเลของรัสเซีย เช่นเดียวกับกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ยังมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันรัสเซียเกือบทั้งหมด เช่นเดียวกับบังคับใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดีเซลและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่น ๆ เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา

ธนาคารกลางยุโรป เมินวิกฤตแบงก์ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สู้เงินเฟ้อ

เพจ World Maker โพสต์ข้อความระบุว่า  ถือว่าผิดคาดนักลงทุนหลายคนไม่น้อย !!! เพราะแม้ว่าจะมีวิกฤต Bank Run ของ SVB เกิดขึ้นและยังเสริมกับความตึงเครียดของ Credit Suisse แต่ล่าสุดธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ยังตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยถึง +0.5% จากเดิม 2.5% กลายเป็น 3% ตามหลัง FED มาติด ๆ เลยทีเดียว !

นั่นทำให้นักลงทุนหลายคนต้องจับตามองว่าทาง FED ซึ่งขึ้นดอกเบี้ยมาถึง 4.75% ในตอนนี้จะยังขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกหรือไม่ ? เพราะถ้าขึ้นต่อไปอีก +0.25% ก็จะอยู่ที่ 5% แล้ว ! โดยนักลงทุนในตลาดต่างพากันคาดการณ์ว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยหรือแม้แต่ปรับลดดอกเบี้ยลงในปีนี้ ! เพราะว่าระดับปัจจุบันเริ่มทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้วไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของ ECB ล่าสุดนี้เน้นย้ำให้เห็นว่าธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะ Focus ไปยังเป้าหมายหลักคือการควบคุมเงินเฟ้อ มากกว่าที่จะอุ้มตลาดหุ้นหรือเศรษฐกิจ ทำให้เริ่มมีคนไม่แน่ใจแล้วเช่นกันว่า FED จะหยุดหรือลดดอกเบี้ยในปีนี้จริงหรือไม่ ?

หุ้นสหรัฐฯ และกลุ่มธนาคารในยุโรปเปิดตลาดมาอยู่ในโซนเขียวคืนนี้ หลังมีข่าวว่าหน่วยงานของรัฐบาลและธนาคารกลางกำลังเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และยังมีการประสานงานกันเพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตลุกลามเหมือนมะเร็งร้าย

โดยรัฐบาลและธนาคารกลางของสวิสเซอร์แลนด์ก็ประกาศว่ากำลังหารือกับ Credit Suisse, UBS Group ซึ่งเป็น 2 ธนาคารยักษ์ใหญ่ของยุโรป พร้อมกับกล่าวว่าสภาพคล่อง 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (2 ล้านล้านบาท) ที่มอบให้ Credit Suisse ไปนั้นยังไม่จำเป็นต้องใช้ด้วยซ้ำ เพราะธนาคารยังมีสภาพคล่องเพียงพอ เพียงแต่เป็นการมอบให้เพื่อรับประกันความเสี่ยงไม่ให้ตลาด Panic !

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเสี่ยงและแรง Panic ยังครอบคลุมตลาดอยู่ไม่น้อย และทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่แห่เทขายหุ้นกลุ่มธนาคารไปเป็นจำนวนมาก โดยทาง Financial Times รายงานว่านักลงทุนเทหุ้น Bank ทิ้งไปเป็นมูลค่าสูงถึง 1.65 แสนล้านดอลลาร์หรือ -5.7 ล้านล้านบาทเข้าไปแล้วนับตั้งแต่เกิดวิกฤต Bank Run ที่ทำให้มีการ Panic Selling ตามมา

ทางด้าน Janet Yellen ขุนคลังสหรัฐฯ พยายามออกมาสร้างความมั่นใจว่าระบบธนาคารของสหรัฐฯ โดยรวมยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีแบงก์ล้มไป 3 แห่งในเวลาไม่ถึง 1 เดือนก็ตาม ซึ่งเธอกล่าวว่าลูกค้าและชาวอเมริกันสามารถมั่นใจได้ว่าเงินฝากจะยังอยู่ดีและสามารถถอนได้เมื่อต้องการ

แต่ก็มีฝ่ายที่ไม่เชื่อคำกล่าวของเธอ ! โดยเฉพาะกลุ่มที่โปรจีน-รัสเซีย ซึ่งกำลังมองว่าระบบการธนาคารของสหรัฐฯ-ตะวันตกจะล่มสลายและเกิดเป็นวิกฤตใหญ่ โดยมีการโหมข่าวโจมตีอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในตอนนี้

‘นาซา’ เผยโฉมชุดนักบินอวกาศใหม่ ในภารกิจอาร์ทิมิส 3 เตรียมส่งนักบินอวกาศ เยือนดวงจันทร์อีกครั้งในรอบ 50 ปี

‘องค์การนาซา’ กับบริษัท ‘แอกเซียม สเปซ’ พัฒนาชุดนักบินอวกาศรุ่นใหม่ สำหรับโครงการอาร์ทิมิส 3 ที่จะส่งนักบินอวกาศไปลงดวงจันทร์ครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี

(16 มี.ค. 66) องค์การนาซา (NASA) และบริษัทแอกเซียม สเปซ (Axiom Space) เปิดตัวชุดอวกาศรุ่นใหม่ สำหรับการส่งนักบินอวกาศกลับไปยังดวงจันทร์อีกครั้งในภารกิจอาร์ทิมิส 3 ในปี 2568 ที่ ซึ่งชุดนี้สวมใส่โดย นายเจมส์ สไตน์ หัวหน้าวิศวกรของบริษัท แอกเซียม สเปซ

องค์การนาซา ทำสัญญากับบริษัท แอกเซียม สเปซมูลค่า 228 ล้านดอลลาร์หรือราว 7,870 ล้านบาท ในการออกแบบและผลิตชุดนักบินอวกาศโครงการอาร์ทิมิส 3 ที่จะไปสำรวจดวงจันทร์ครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี

จีนส่ง ‘ดาวเทียมทดลอง’ ดวงใหม่ สู่วงโคจรสำเร็จ เตรียม ‘สำรวจทรัพยากรดิน-วางผังเมือง-ป้องกันสาธารณภัย’

(16 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียมทดลองดวงใหม่จากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อวันพุธ (15 มี.ค.) ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่าดาวเทียมซื่อเยี่ยน-19 (Shiyan-19) ถูกปล่อยจากศูนย์ฯ ตอน 19:41 น. ตามเวลาปักกิ่ง โดยจรวดขนส่งลองมาร์ช-11 (Long March-11) และเข้าสู่วงโคจรที่กำหนดไว้สำเร็จ

‘ศาลปากีสถาน’ เบรกจับกุมตัว ‘อิมรอน ข่าน’ อดีตนายกฯ หวังลดแรงปะทะระหว่าง ‘ตำรวจ-ผู้สนับสนุน’

(16 มี.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปากีสถานล่าถอยออกจากบริเวณบ้านพักของอดีตนายกรัฐมนตรีอิมรอน ข่าน และมีคำสั่งศาลระงับปฏิบัติการจับกุมชั่วคราว เพื่อลดความตึงเครียดจากการปะทะรุนแรงระหว่างตำรวจและผู้สนับสนุน

ทางการแคว้นปัญจาบ กล่าวว่า จำเป็นต้องถอนกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อให้สามารถจัดการแข่งขันคริกเก็ต และแม้สถานการณ์สงบลง แต่มีผู้สนับสนุนรวมตัวด้านนอกบ้านพักของอิมรอน ข่าน เพื่อเฉลิมฉลองที่สามารถขัดขวางการจับกุมได้สำเร็จ

วิเคราะห์ Credit Suisse ยื่นคำขอให้แบงก์ชาติสวิสฯ ช่วยเหลือ หายนะครั้งใหญ่ หรือ ปัญหาที่หยุดได้ หากไหวตัวทัน

(16 มี.ค.66) World Maker เผยว่า Credit Suisse ยื่นคำขอ ให้ธนาคารกลางสวิสเข้าช่วยเหลือ !!!

โดยล่าสุดมีรายงานว่า Credit Suisse ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อธนาคารกลางให้เข้าช่วยเหลือแล้ว !!! หลังหุ้นร่วงกว่า -30% ในช่วง Premarket วันนี้และยังคงติดลบมากกว่า -20% ในช่วง Trading Session ค่ำคืนนี้ !

รายละเอียดของการยื่นอุธรณ์และการเข้าช่วยเหลือนั้นยังไม่เปิดเผยออกมา ! แต่อาจเป็นสิ่งที่เราต้องลุ้นกันต่อไปว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ามาเบรกวิกฤตในครั้งนี้ได้หรือไม่ ?? เพราะในขณะเดียวกันกองเชียร์ฝ่ายโปรจีน-รัสเซีย ต่างก็กำลังแช่งให้ สหรัฐฯ-ตะวันตก ย่อยยับพังพินาศไปในวิกฤตครั้งนี้ ! ซึ่งแน่นอนว่าถ้า สหรัฐฯ-ตะวันตก พังจริง ผู้คนคงเดือดร้อนกันทั้งโลก แม้ว่าจะสะใจกองเชียร์โปรจีน-รัสเซียก็ตาม !

ในขณะเดียวกันนี้ ทาง Goldman Sachs ได้ออกมาแสดงมุมมอง Bullish ว่าต่อจากนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการหาโอกาส Buy The Dip หุ้นบางตัว ? โดยมองว่าธนาคารขนาดยักษ์ใหญ่ไม่น่าจะเกิดวิกฤตรุนแรงเหมือนตอนวิกฤตการเงินโลกปี 2008

ส่วนทางด้าน Michael Burry นักลงทุนชื่อก้องโลกจาก The Big Short ก็ได้ออกมากล่าวในโพสต์ Twitter ล่าสุดว่าเขาไม่ได้เห็นหายนะจากวิกฤตในครั้งนี้แต่อย่างใด ! ซึ่งตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าการล้มของ SVB ทำให้เขาค่อนข้างนึกถึงฟองสบู่ดอทคอม

ซึ่งมุมมองของ Goldman Sachs และ Michael Burry นั้นตรงกันข้ามกับ Ray Dalio และ Nouriel Roubini ที่กล่าวว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหญ่ ! โดย Ray Dalio มองว่าจะเกิดวิกฤตใหญ่กว่านี้ตามมาแน่ ๆ ส่วน Nouriel Roubini มองว่าวิกฤตครั้งนี้เหมือนกับตอนที่ Lehman Brothers ล้ม !

พร้อมกันนี้ Bloomberg รายงานว่า FED และกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับเพื่อตรวจสอบความเสี่ยงเชิงระบบต่าง ๆ รวมถึงธนาคาร Credit Suisse ด้วย !

และแม้ว่า Credit Default Swap หรือ CDS ของ Credit Suisse ซึ่งเป็นอนุพันธ์ที่นักลงทุนใช้บ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้จะพุ่งขึ้นทำ All Time High ใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับที่มีสื่อหลายสื่อประโคมข่าวโจมตีว่าระบบการเงินของสหรัฐฯ-ตะวันตกกำลังจะล้ม แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ยังมีคนที่ออกมาให้ข้อมูลว่าเราไม่จำเป็นต้อง Panic ขนาดนั้นเลย !

เพราะว่าหากไปตรวจสอบดูระบบเศรษฐกิจจริง ๆ ที่ไม่ใช่ยึดตำราเก่า จะพบว่าธนาคารและบริษัทที่เป็นเสาหลักจริง ๆ ของระบบการเงินโลกยังมีความแข็งแกร่งกว่าในอดีตอย่างมาก และวิกฤตครั้งนี้ก็มีความแตกต่างกันหลายอย่างจนแทบจะเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยกับในอดีต

โดยเฉพาะการที่หน่วยงานกำกับดูแลของแต่ละประเทศกำลัง Take Action อย่างรวดเร็วนั้น ถือเป็นการกระทำตามหลักเศรษฐศาสตร์เคนส์ที่มีหลักการเบื้องต้นว่า “ถ้าคุณรอให้วิกฤตดำเนินต่อไป ผลกระทบจะยิ่งรุนแรง แต่ถ้าคุณรีบเข้าช่วยเหลือมันตั้งแต่ต้น ทุกอย่างก็จะเบาลงและหยุดไปในที่สุด”

จับตา 'แบงก์ชาติสวิส' พร้อมอุ้ม 'Credit Suisse' หลังหุ้นทรุดลงไปมากกว่า 30% ใน 1 วัน

(16 มี.ค.66) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพและประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้โพสต์ข้อความถึงกรณี หุ้น Credit Suisse ร่วงต่อเนื่อง โดยระบุว่า...

ให้ล้มไม่ได้ ... ยอมจำนนเป็นรายที่ 2 !!!!

หลังตลาดกดดันมาทั้งวัน จนหุ้น Credit Suisse ทรุดลงไปมากกว่า 30% ใน 1 วัน สุดท้าย ธนาคารกลางสวิส (SNB) และผู้กำกับสถาบันการเงินสวิส (FINMA) ประกาศพร้อมช่วยเหลือ Credit Suisse
.
FINMA is in very close contact with the bank and has access to all information relevant to supervisory law. Against this background, FINMA confirms that Credit Suisse meets the higher capital and liquidity requirements applicable to systemically important banks. In addition, the SNB will provide liquidity to the globally active bank if necessary.
.
FINMA ได้ติดตามหารือกับ Credit Suisse อย่างใกล้ชิด และได้ดูข้อมูลของธนาคารในมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กฎหมายกำกับสถาบันการเงินได้กำหนดไว้ FINMA ขอยืนยันว่าฐานะการเงินของ Credit Suisse ทั้งเงินทุนและสภาพคล่องยังเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด และหากจำเป็น ธนาคารกลางสวิสจะจัดสภาพคล่องที่ต้องการให้กับ Credit Suisse 
.
พูดง่ายๆ ได้ดูข้อมูลแล้ว และขอให้สบายใจ หาก Credit Suisse มีปัญหา ธนาคารกลางสวิสจะจัดให้ !!!

ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่า Credit Suisse เป็นธนาคารที่สำคัญกว่า Silicon Valley Bank มาก มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 6 แสนล้านดอลลาร์ เป็นธนาคารขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิส มีอายุ 167 ปี
.
ฝังรากลึก มีโครงข่าย เชื่อมโยงกับธนาคารต่างๆ ในยุโรป ในสหรัฐ อย่างลึกซึ้ง

ใหญ่เกินไปที่จะปล่อยให้ล้ม 

เพียงผลจากเมื่อคืนนี้ แค่ความกังวลใจ ก็ทำให้หุ้นธนาคารอื่นๆ ในยุโรปก็ร่วงตามเป็นแถวๆ

Societe Generale -12.2%
BNP Paribas -10.1%
ING -9.6%
BBVA -9.6%

กระจายไปทั้งภูมิภาค ตลาดหุ้นอังกฤษ สเปน อิตาลี ตกไปประมาณ 4% ใน 1 วัน กระทั่งธนาคารกลางอังกฤษ ก็ต้องจัดประชุมฉุกเฉินกับกลุ่มธนาคารกลางอื่นๆ เพื่อหารือแนวทางที่จะดูแล

ทั้งนี้ แม้ Credit Suisse มีปัญหาเฉพาะในหลายๆ เรื่อง ต่างจากธนาคารอื่นๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกรณีของสหรัฐและยุโรป ชี้ไปถึงความเปราะบางในระบบสถาบันการเงินโลกที่เพิ่มขึ้นมาก จากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว เกินคาด มา 1 ปีเต็มๆ ของธนาคารกลาง ทำให้สถาบันการเงินจำนวนมาก จัดการความเสี่ยงได้ไม่หมด มีความเสียหายซ่อนไว้ใน Port พันธบัตรที่ถือ จากการลงทุนที่ไปลงไว้ 

ยิ่งเมื่อเศรษฐกิจซบเซาลง จากหนี้เสียต่างๆ ก็จะอ่อนแอลงไปเพิ่ม ทำให้ทุกคนพร้อมวิ่ง เมื่อมีประเด็นเกิดขึ้น ดังเช่นกรณี Credit Suisse เมื่อคืนนี้ เริ่มจากการสัมภาษณ์ธรรมดาๆ ที่ Saudi National Bank ตอบว่า... 

ได้ลงทุนไปที่ 9.9% ของหุ้น Credit Suisse แล้ว หากเกิน 10% ก็จะเข้าสู่เกณฑ์ใหม่ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สามารถลงเงินเพิ่มได้

แต่ข่าวที่ออกมา พาดหัวว่า...

"ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Credit Suisse ปฏิเสธที่จะลงเงินต่อ ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพิ่ม"

เนื่องจาก Credit Suisse มีแผลอยู่แล้ว คนจับตามองอยู่แล้ว มีปัญหาเกิดขึ้นเนื่องๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

สิ่งที่ตามมาจากคำพูดสั้นๆ ดังกล่าว จึงกลายเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เกินคาด

สะเทือนไปทั่วโลก

แต่ท้ายสุด เนื่องจาก Credit Suisse ใหญ่เกินไป สำคัญเกินไป

ให้ล้มไม่ได้ !!!

ทางการจึงต้องเข้ามาดูแล

ไม่มีทางเลือก

เมื่อคืน ถือเป็นก้าวแรก ประกาศช่วยเรื่องสภาพคล่อง

ต่อไป หากจำเป็น คงต้องประกาศอุ้มผู้ฝากให้ชัดเจน

ฉลาดจนน่าขนลุก!! ChatGPT เปิดตัวเวอร์ชันที่ 4 อาจฉลาดกว่าเดิมถึง 1,000x เท่า Morgan Stanley ประเดิมเข้าถึงบริการใหม่ก่อนใคร

(15 มี.ค.66) World Maker เผยว่า ในขณะที่โลกการเงินในสหรัฐฯ กำลังกังวลกับวิกฤต Bank Run แต่ในอีกด้าน สหรัฐฯ กำลังพัฒนาไปสู่ยุคใหม่อย่างรวดเร็ว โดยล่าสุด OpenAI บริษัทที่ Microsoft ได้เพิ่มทุน 10x เท่าจาก 1 พันล้านดอลลาร์เป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์ พร้อมกับประกาศเปิดตัว ChatGPT เวอร์ชัน 4 ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึง 1,000x เท่า 

จุดเด่นของ ChatGPT-4 ที่หลายสื่อนำเสนอมีดังนี้...

1. จะมีความปลอดภัยต่างๆ มากขึ้น
2. มีประโยชน์ในแง่ของคำตอบมากกว่าเดิม
3. มีพฤติกรรมในการตอบสนองที่ดีขึ้น
4. จะมีการใช้ความเห็นจากมนุษย์และผู้ใช้งานเพื่อนำมาพัฒนา AI
5. มีความแม่นยำ ตรงประเด็น สร้างสรรค์ และประมวลได้ดีขึ้น
6. สามารถสร้างคำตอบจากคำใหม่ๆ หรือรูปภาพได้ด้วย
7. มีโอกาสน้อยลง -82% ที่จะตอบสนองต่อคำถามที่ไม่ได้รับอนุญาต
8. มีโอกาสมากขึ้น +40% ที่คำตอบจะตรงตามข้อเท็จริง
9. มีฐานข้อมูลด้านรายงานและรายได้ของบริษัทต่างๆ รวมถึงภาษี

โดยทาง Big Bank ใน Wall Street อย่าง Morgan Stanley กำลังเป็นลูกค้ารายแรกๆ ที่สมัครเข้าใช้บริการของ ChatGPT-4 นี้ และยังประกาศอีกว่าตัวเองเป็น 'ลูกค้าเชิงกลยุทธ์' เพียงรายเดียวในอุตสาหกรรมบริหารความมั่งคั่ง ที่ได้รับการเข้าถึง Product ใหม่ของ OpenAI ก่อนใคร

ซึ่งก็ไม่แน่ว่า Big Bank อื่นๆ กำลังตามมาหลังจากนี้ด้วย นั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอุตสาหกรรมการธนาคารกำลังให้ความสนใจกับ AI เป็นอย่างมาก และคงทำให้ท่านเห็นภาพแล้วว่า AI จะเข้ามามีบาทมากขึ้นอย่างแน่นอนในหลายอุตสาหกรรมโลก โดยเฉพาะภาคการเงิน การผลิต ภาษา การเรียนการสอน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ AI อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Morgan Stanley กล่าวว่า ChatGPT-4 ถูกออกแบบมาให้มีการควบคุมที่เหมาะสมสำหรับเนื้อหาละเอียดอ่อนที่ต้องการความปลอดภัยสูง และบริษัทจะเริ่ม Train AI โดยยิงคำถามและใส่เนื้อ-ข้อมูลจำนวนมากลงไป พร้อมเผยอีกว่าการสร้างความสัมพันธ์กับ AI บนพื้นฐานความไว้วางใจและการที่มนุษย์ให้คำแนะนำ AI จะมีคุณค่าเสมอ

นอกจากกลุ่มธนาคารแล้ว Nvidia ซึ่งเป็น Supplier รายใหญ่ที่ผลิต Graphic ประมวลผลตัวสำคัญซึ่งใช้ในระบบ Cloud และการฝึก AI ได้กล่าวเมื่อต้นเดือนว่าในที่สุด AI จะช่วยประหยัดเงินให้กับบริษัทต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งหากคิดดูดีๆ แล้ว มันสอดคล้องกันอย่างมากกับการที่บริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกเริ่มปลดคนงานออกเป็นจำนวนมาก เพราะหาก AI เข้ามาเราก็สามารถลดจำนวนแรงงานได้ และยังประหยัดต้นทุนไปได้อีกมากด้วย

Greg Brockman ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งของ OpenAI กล่าวว่า “เรากำลังเริ่มใช้ระบบที่มีความสามารถจริงๆ ซึ่งสามารถให้แนวคิดใหม่ๆ และช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่คุณไม่สามารถทำในอย่างอื่นได้”

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้พัฒนายอมรับว่า ChatGPT-4 ก็ยังมีข้อบกพร่องบางประการอยู่ เช่น อคติทางสังคม หรือการให้คำตอบที่ผิดเพี้ยนในบางอย่าง ซึ่งจะแก้ไขในเวอร์ชั่นต่อๆ ไป

นอกจากนี้ ในวันอังคาร Kenneth Leon นักวิเคราะห์ของ CFRA ได้อัปเกรดมุมองต่อทั้ง Morgan Stanley และ Goldman Sachs Group เพื่ออยู่ในหุ้นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก "ความเสี่ยงต่อผลขาดทุนค้างพอร์ตที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงนั้นไม่มีสาระสำคัญอะไรเลย" ต่อทั้ง 2 บริษัทนี้ แสดงให้เห็นว่าในขณะที่สื่อกลุ่มเผด็จการเฝ้าโจมตีระบบธนาคารของสหรัฐฯ อยู่นั้น แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นอีกเรื่อง

‘ปูติน’ เผย ตลาดแรงงานในรัสเซียยังคึกคัก หลัง ‘อัตราว่างงาน’ ลดต่ำเป็นประวัติการณ์

(15 มี.ค. 66) เมื่อวันอังคารที่ 14 มี.ค. 66 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานของประเทศ ลดแตะระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ร้อยละ 3.6 จากข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุด

ปูติน ซึ่งเดินทางไปปฏิบัติงานที่สาธารณรัฐบูร์ยาเตีย ระบุว่า อัตราการว่างงานของรัสเซียต่ำเป็นประวัติการณ์ แม้เทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.7

‘ฟีฟ่า’ ไฟเขียว ปรับรูปแบบการเตะ ‘เวิลด์ คัพ 2026’ ตารางแข่งแน่น 39 วัน - 48 ทีม - 104 แมตช์

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เตรียมปฏิรูปการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งใหญ่ โดยจะเป็นรูปเเบบที่ใหญ่ที่สุดเเละแข่งกันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ซึ่งจะเริ่มใช้ทันทีในเวิลด์ คัพ 2026 ที่ 3 ชาติ โซนอเมริกาเหนือ ทั้ง สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ

ตามการรายงานล่าสุดเปิดเผยว่า ‘ฟีฟ่า’ ไฟเขียวให้ศึกฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งจะจัดขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือ ด้วยความร่วมมือกันของ 3 ชาติ อย่าง สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก จะเพิ่มทีมเข้าเเข่งขันจากเดิม 32 ทีมเป็น 48 ทีม นั้นทำให้การเเข่งขันจะเพิ่มจากเดิม 64 เเมตช์ไปเป็น 104 เเมตช์ตลอดทัวร์นาเมนต์ โดยแข่งกันแบบมาราธอนถึง 39 วัน จากเดิมที่เเข่งแค่ 28 วัน (ครั้งล่าสุดที่กาตาร์ ปี 2022)

ขณะเดียวกันรูปแบบที่ จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่าเคาะออกมา จะมีการเปลี่ยนเเปลงเล็กน้อยคือจากเดิมที่วางวิธีเเบ่งกลุ่มจาก 16 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม เป็น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม เพราะมองว่าถ้าเป็นแบบแรก เกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มจะลดความตื่นเต้นไปเยอะเนื่องจากบางทีมเข้ารอบไปแล้วและอาจเล่นไม่เต็มที่

สำหรับการชิงชัยในรอบแบ่งกลุ่มจะเอาแชมป์ และรองแชมป์ของแต่ละกลุ่ม (24 ทีม) ผ่านเข้ารอบต่อไปบวกกับอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 8 ทีม รวมเป็น 32 ทีมในรอบน็อกเอาต์ แข่งขันแบบนัดเดียวหาผู้ชนะ มีทั้งการต่อเวลาพิเศษ และยิงจุดโทษ

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของฟุตบอลโลก 2026 จะมีทั้งข้อดี เเละข้อเสีย โดยข้อเสียคือนักเตะจะต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทีมที่เข้ารอบชิงชนะเลิศ จะต้องเล่นรวมจนถึงรอบนั้น 8 เกมจากที่เดิมเล่นแค่ 7 เกม ส่วนข้อดีคือ ‘ฟีฟ่า’ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากค่าลิขสิทธิ์คาดว่าจะสูงถึง 9,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 3.7 แสนล้านบาท

‘Meta’ ประกาศปลดพนักงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง สนองเจตนารมณ์ Mark “ปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ผลกำไร”

เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.66) World Maker รายงานว่า หลายสื่อรายงานว่า Meta หรือ Facebook เก่าจะปลดพนักงานเพิ่มอีกมากถึง -10,000 ตำแหน่งจากที่ปลดไปก่อนหน้านี้แล้ว -11,000 ตำแหน่ง !!! ทำให้ปลดพนักงานรวมกันภายในไม่กี่เดือนมานี้เป็น -21,000 ตำแหน่งข้าไปแล้ว ! หรือคิดเป็น -20% ของพนักงานทั้งหมดราว 80,000 คน

ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากไม่กี่สัปดาห์มานี้ มีรายงานเบื้องต้นแล้วว่า Meta จะปลดพนักงานรอบ 2 อีกหลายคน แต่ไม่มีใครคิดว่าจะมากถึงขนาดนี้ !

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น Facebook ดีดมากกว่า +5% คืนนี้ หลังจาก Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งกล่าวว่าปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ผลกำไร! ซึ่งการปลดพนักงานออกอาจเป็นส่วนสำคัญที่จะลดค่าใช้จ่ายและทำให้ผลกำไรของบริษัทพุ่งสูงขึ้น (แม้ว่าจะดูเหมือนข่าวร้ายแต่สำหรับผู้ถือหุ้นอาจเป็นข่าวดี ?)

การปลดพนักงานของ Meta เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งทั่วโลกที่ไล่ออกกันยับ ๆ ในปีนี้ ! ซึ่งก็น่าติดตามต่อไปว่าการปลดพนักงานครั้งมหากาพย์จะส่งผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจในอนาคตหรือไม่ ? 

📌 เพราะแม้ว่าจะมีการปลดไปในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ แต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังคงแข็งแกร่งผิดคาด โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ดูตึงตัวจน FED ต้องประกาศขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป (ก่อนจะเกิดวิกฤต SVB ทำให้ตลาดเริ่มเปลี่ยนคาดการณ์)

ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าหุ้นของบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่หลายแห่งจะเริ่มดีดตัวขึ้นเช่นกันหลังจากมีข่าว Lay off ออกมา เพราะนักลงทุนมองว่าจะส่งผลดีต่อกำไร แม้จะเป็นเรื่องแย่ต่อตัวเลขเศรษฐกิจก็ตาม

และการปลดพนักงานออกอาจช่วยเรื่องเงินเฟ้อได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้นให้รอดูตัวเลข CPI ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ? ขณะที่โดยรวมแล้วบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกน่าจะมีการปลดพนักงานรวมกันกว่า -100,000 คนเข้าไปแล้วในไตรมาสแรกปีนี้

St. Patrick's Day  เทศกาลแห่งความบันเทิงของอเมริกันชน บนวันที่แม่น้ำทั้งสายกลายเป็นสีเขียว

ถนนสายนั้นเป็นเพียงถนนสายธรรมดาอย่างที่เห็นกันดาษดื่นตามย่านเก่าแก่กลางเมืองเล็กๆ ในอเมริกา หากแต่วันที่ 17 มีนาคม เสียงปี่ไอริชจะกังวานแทรกสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ เพราะนี่คือวาระการฉลองที่เรียกว่า St. Patrick's Day   

St. Patrick's Day เป็นเทศกาลงานฉลองของชาวไอริช โดยฉลองกันในวันที่ 17 มีนาคมของทุกปี ทั้งชาวไอริชและไม่ใช่ไอริชจะแต่งกายด้วยชุดสีเขียว ซึ่งเป็นสีหนึ่งในสามสีหลักของธงชาติไอร์แลนด์ เทศกาลนี้ถือเป็นเทศกาลแห่งความสนุกสนานบันเทิงของอเมริกัน ทั้งๆ ที่เป็นเทศกาลแห่งการระลึกถึง St. Patrick นักบุญคนสำคัญแห่งไอร์แลนด์ 

St.Patrick เกิดในปี คศ 385 และเสียชีวิตวันที่ 17 มีนาคม ปี คศ 461 ดังนั้น ชาวไอริชจึงถือเอาวันนี้มาจัดเทศกาลเฉลิมฉลองเป็น St. Patrick's Day เพื่อแสดงความระลึกถึงนักบุญแพทริก 

ชาวไอริชมีความเชื่อเกี่ยวกับ St. Patrick ว่าสามารถชุบคนตายให้ฟื้นคืนชีวิตและขับไล่งูทุกประเภทให้ออกไปจากแผ่นดินไอร์แลนด์ ทั้งๆ ที่แผ่นดินนี้หางูทำยายากอยู่แล้ว ที่เหลืออยู่ล้วนเป็นเฒ่าหัวงูทั้งสิ้น แต่ความเชื่อคือความเชื่อ ทุกความเชื่อล้วนอาศัยศรัทธาเป็นที่ตั้ง และทุกคนมีสิทธิ์ที่เลือกจะเชื่อในวิถีที่ตนศรัทธา

เทศกาลนี้จัดขึ้นในช่วงที่เรียกว่า ช่วง Lent ของคริสต์เตียน คือเป็นช่วงระหว่าง Mardi Gras และ Easter เป็นช่วงที่ชาวคริสต์จะลด ละ เลิก นิสัยหรือความชอบบางอย่างของตนในช่วงนั้น เทียบให้เห็นง่ายๆ กับสังคมชาวพุทธอย่างเราๆ ก็คงเหมือน "เลิกเหล้าเข้าพรรษา" น่าจะประมาณนั้น

ชาวไอริชในอเมริกาจะไปโบสถ์ในช่วงเช้าและเฉลิมฉลองในตอนบ่าย ส่วนมากจับกลุ่มกันเมามากกว่าจะทำอย่างอื่น เพราะคนไอริชขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องความเป็นปีศาจสุรา และความเป็นคนเลือดร้อนชอบทะเลาะวิวาท จะว่าไปเรื่องนี้ก็เหมือนเป็น Stereotype ขึ้นชื่อว่าคนแล้วไม่ว่าชาติไหนก็มีดีมีชั่วเหมือนกันทั้งนั้น เพียงแต่คนสก๊อตและไอริชนี่ขึ้นชื่อกว่าเพื่อน โทษฐานผลิตของเมากินเองได้ดีเยี่ยม แถมยังมอมเหล้าชาติอื่นไปทั่วโลก ด้วย Guinness ซึ่งเบียร์ยี่ห้อดังของไอร์แลนด์  

ช่วงงานฉลองตอนบ่าย ชาวไอริชจะกินดื่มและเต้นระบำ 'Irish Dance' แล้วกินอาหารประจำเทศกาลคือ Corned beef and cabbage นอกจากอาหารจานหลักในวัน St. Patrick's Day แล้ว ยังมีเจ้าแชมร็อค (Shamrock) นี่แหละที่เป็นพระเอกของงาน 

แชมร็อคเป็นใบไม้เล็กๆ สามแฉก ที่ชาวไอริชเลือกแชมร็อคมาใช้เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของ St.Patrick's Day เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งการกลับมาของฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ในช่วงศตวรรษที่สิบเจ็ด แชมร็อคกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งชาติไอร์แลนด์ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวไอริชมาจนถึงปัจจุบัน

องค์ประกอบของงานฉลองอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ แลปปริคอน (The Leprechaun) คนไอริชเรียกเจ้าตัวซุกซนแต่ขี้เมานี้ว่า 'Lobaircin' หรือ เรารู้จักกันในนาม  'แลปปริคอน'

แลปปริคอนมีที่มาจากนิทานพื้นบ้าน เล่ากันว่า เจ้าแลปปริคอนเป็นคนตัวเล็กๆ สีเขียว มีเวทมนตร์ ใส่หมวกทรงสูง ทำหน้าที่เฝ้าหม้อบรรจุทองคำ และที่สำคัญเป็นสุดยอดของขี้เมาทั้งปวง เชื่อกันว่าหากเราจับแลปปริคอนได้ จะบังคับให้เจ้าตัวเขียวพาเราไปเอาหม้อบรรจุทองคำ 

เมื่อถึงวันที่ 17 มีนาคมทุกปี ทุกเมืองในอเมริกาที่มีชุมชนชาวไอริชมาก่อร่างสร้างตัวอยู่จะจัดงาน St.Patrick's Day ขบวนแห่ St. Patrick's Day เริ่มต้นขึ้นในอเมริกานี่เอง เป็นการแตกยอดมาจากประเพณีในไอร์แลนด์ โดยเริ่มมีขบวนพาเหรดครั้งแรกในบอสตัน ปี 1737 

‘กัมพูชา’ งัดหลักฐานโบราณ ขอเคลม ‘กางเกงช้าง’ หลัง นทท.ต่างชาติในไทยชื่นชอบ จนกลายเป็นไอเทมสุดฮิต

(15 มี.ค. 66) ยังไม่จบ เรื่องนี้ต้องเคลม กัมพูชาเปิดหลักฐานโบราณ ภาพข้างกำแพงวัด โชว์ภาพรูปปั้นแกะสลักสวมกางเกงช้าง กรรมการอึ้ง คนไทยก็อึ้ง!!

เรียกว่าเป็นกระแสฟีเวอร์สุด ๆ กับภาพความน่ารักจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่หลายคนเวลาแวะมาพักผ่อนประเทศไทยแล้ว นิยมซื้อ ‘กางเกงช้าง’ ใส่เดินเที่ยวเล่น รวมทั้งซื้อไปเป็นของฝาก จนกลายเป็นของฝากซิกเนเจอร์ไปแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top